ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) GHOST△ | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #3 : - g h o s t △ | don't touch me anyway - t h r e e

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 57











    G H O S T

    chanyeol x baekhyun

    erotic drama - short fiction

    -------------------------------------------------------------------------------------

     

     


     

    - THREE -

     

     

     

    บยอนแบคฮยอนตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ เรตินาต้องใช้เวลาในการปรับการมองเห็นอยู่ครู่หนึ่ง ระหว่างนั้นเขาปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับที่นอนนุ่มและผ้านวมผืนหนา มันก็เหมือนกับที่ใช้นอนทุกวัน ยกเว้นแต่เมื่อคืน


     

    ค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้งเพื่อมองสิ่งรายรอบตัว มันเหมือนกับทุกเช้าไม่มีผิด ซึ่งนั่นทำให้ร่างเล็กเกือบจะลืมไปแล้วว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น จนรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองเปลือยเปล่า ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะร้อนขึ้นจนในหัวเป็นสีขาวโพลน


     

    มันเหมือนมีแสงวูบวาบจนทำให้แทบลืมตาไม่ขึ้น ยกมือขึ้นนวดขมับแล้วปิดเปลือกตาลงจนเกิดรอยย่นตรงหว่างคิ้ว ภาพความจำสุดท้ายคือเขาอยู่ในครัว หุงข้าว และนั่งมองดูแก้วน้ำอยู่อย่างนั้น แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การกระแทกกระทั้น สัมผัสอุ่นๆ และความว่างเปล่า


     

    เขาพยายามนึกว่าได้ใช้เวลาร้องไห้ไปเท่าไหร่ มันไม่นานเลย... จากนั้นปาร์คชานยอลก็สวมกอดหลังเขาอย่างแนบแน่น และประดังประเดความต้องการเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ทุกอย่างจบลงที่ห้องนอน แบคฮยอนต้องใช้ความเหนื่อยอ่อนเป็นยานอนหลับให้เขาสิ้นสติไปอย่างไม่รู้ตัว


     

    เลื่อนมือลงลูบริมฝีปากบวมช้ำ มันทั้งแสบและชา แต่แบคฮยอนคิดว่าเขาสามารถเจ็บได้มากกว่านี้อีก ถ้าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้างว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้เอาแต่ร่ำเรียกชื่อน้องชายครึ่งสายเลือดครั้งเล่าครั้งเล่า ซึ่งตรงกันข้าม เขาทำมันอย่างน่าไม่อาย


     

    อาการปวดสะโพกที่ร้าวขึ้นมาจนถึงบั้นเอวทำให้บยอนแบคฮยอนไม่อยากลุกไปไหน ไม่ใช่ว่ามันทรมาน แต่เขาอับอายเหลือเกินที่จะจ้องมองโลกภายนอกได้เฉกเช่นปกติ แบคฮยอนหวังว่าจะมีใครสักคนก่นด่าเขา และบอกว่าฉันรู้เรื่องนั้นแล้วแกไม่ต้องปิดมันไว้หรอก! แต่มันก็เป็นแค่ความคิดโง่ๆ ในเมื่อเรื่องนี้มันอยู่ระหว่างเขาและปาร์คชานยอลเท่านั้น


     

    ทันทีที่ยืนขึ้น เขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองโงนเงนจนพร้อมจะล้มทั้งยืนได้ทุกเมื่อ แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็เปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบกางเกงในออกมาใส่ ตามด้วยเสื้อ และกางเกงขายาวสีเทาทะมึนเป็นอย่างสุดท้าย


     

    บันไดส่งเสียงลั่นเอี๊ยดในตอนที่เขาย่างก้าวลงไป กลายเป็นว่าแบคฮยอนรู้สึกกลัวเสียงของมัน กลัวว่าจะมีใครอยู่บ้านและพ่อกับแม่หันมามองเขาเป็นตาเดียวจากโต๊ะอาหาร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีเพียงแค่ร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังง่วนอยู่กับกระทะเทปล่อนในการทำมื้อเช้าเท่านั้น


     

    ชานยอลหันมองร่างเล็กซึ่งกำลังเดินสะโหลสะเหลเข้ามาในครัว เขาแย้มรอยยิ้มกว้าง รีบตักเอาไข่ดาวใส่จานซึ่งมีไส้กรอกวางอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็เดินไปหยิบขนมปังเกรียมๆจากเครื่องปิ้งซึ่งเด้งขึ้นมาได้อย่างพอดิบพอดี


     

    “ผมทำมื้อเช้าไว้ให้พี่” ชานยอลว่า เขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของแบคฮยอนยังคงจับจ้องกระทะเทปล่อนบนเตาราวกับมันจะระเบิดขึ้นมาในไม่ช้า เขารออยู่อีกห้าวินาที พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ก็เดินอ้อมโต๊ะไปจับเข้าที่ต้นแขนเบามือ


     

    ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ดวงตานั้นละออกจากกระทะเหมือนคนที่เพิ่งหลุดจากภวังค์ แบคฮยอนขืนตัวออกจากคนตรงหน้า จนชานยอลต้องยอมถอยไปหนึ่งก้าวแล้วพูดอีกรอบ


     

    “เมื่อเช้าผมขับออกไปซื้อไส้กรอกกับขนมปังมาทำมื้อเช้า มันน่าจะกินง่ายแล้วก็ไม่หนักท้อง เผื่อว่าพี่อยากดื่มกาแฟ” ถอยออกมาอีกเพื่อจัดแจงจานอาหารให้วางอยู่ตรงข้ามกัน อีกครั้งที่เขาต้องชะงักเมื่อแบคฮยอนเลือกนั่งบนเก้าอี้ซึ่งเยื้องออกไปอย่างเดิม นั่นทำให้คิ้วของชานยอลขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว


     

    แบคฮยอนยังไม่ได้ลงมือกิน เขายังคงนั่งนิ่งราวกับมีอะไรให้คิดอยู่ในหัว จนแล้วจนเล่าก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น เช่นเดียวกับร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่เดิม


     

    ชานยอลจำได้ดีว่าเมื่อคืนแบคฮยอนร้องไห้ออกมาหลังจากพวกเขาทำกันเสร็จในครั้งแรก เป็นครู่ใหญ่ๆที่เสียงฝนดูจะมีอิทธิพลต่อร่างเล็กจนทุกอย่างอึมครึมอย่างน่าประหลาด เขากอดแบคฮยอนไว้กลม พรมจูบไปตามร่างกายจนเสียงร้องไห้นั้นเงียบลง แล้วแบคฮยอนก็ยอมให้เขาจูงมือเดินขึ้นบันไดไปทั้งร่างเปลือยเปล่า


     

    ตอนนี้ชานยอลไม่รู้จะทำแบบนั้นดีอีกหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขาควรเข้าหาเพื่อแสดงความรักใคร่ใดๆอีกไหม เขาไม่อยากให้แบคฮยอนร้องไห้ แต่นั่งอยู่เฉยๆอย่างคนสติหลุดหายไปแบบนี้ก็ไม่เอาเหมือนกัน


     

    เสียงเอี๊ยดแสบแก้วหูดังเมื่อมือใหญ่จับเก้าอี้ไม้ให้หันมา บยอนแบคฮยอนเห็นร่างสูงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขาเขา แล้วมือของชานยอลก็กอบกุมมือของเขาไว้ทั้งสองข้าง มือซ้ายจับที่มือซ้าย มือขวาจับที่มือขวา ในขณะที่ดวงตากลมโตนั้นจับจดอย่างที่เดาอารมณ์ไม่ถูก


     

    ริมฝีปากหยักก้มลงจูบที่มือข้างละหนึ่งที จากนั้นก็จับให้มันมาชิดกันไว้ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปอีกครั้งเพื่อให้แนบกับมือนั้น


     

    “....”


     

    แบคฮยอนไม่รู้ว่าชานยอลทำแบบนั้นทำไม เขารวยรินลมหายใจอุ่นและขยับปากจูบปลายนิ้วเรียวอยู่หลายที จนเมื่อผละออก แบคฮยอนถึงได้เห็นว่าชานยอลยิ้มเศร้า


     

    ชานยอลไม่ได้หวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นรักแสนหวาน มันเลวร้ายมาตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีที่แล้วและยังคงดำเนินต่อไป


     

    มันเลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อร่างเล็กถลาวิ่งออกไปจากโต๊ะกินข้าวหลังจากที่ตัดไส้กรอกคำแรกใส่ปาก พอเดินไปดูก็ได้เห็นว่าแบคฮยอนกำลังอาเจียน ซึ่งนั่นทำให้ชานยอลรู้สึกอิ่มมื้อเช้าขึ้นมาทั้งที่ท้องว่างตั้งแต่เมื่อคืน


     

    พอออกจากห้องน้ำแบคฮยอนก็หายขึ้นไปในห้องและปิดประตูเอาไว้ ในตอนที่เทอาหารเช้าจากจานลงถังขยะชานยอลจำไม่ได้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่ในการทำให้ตัวเองสงบลง




     

    มันไม่ใช่ความผิดพลาด


     

    เขาไม่เคยคิดอย่างนั้นสักครั้งเดียว

     

     




     




     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มใช้เวลาครึ่งวันไปกับการนั่งอยู่ตรงหน้าตู้ปลาในห้องนั่งเล่น ทุกๆครึ่งชั่วโมงเขาจะเดินไปหาอะไรทำแล้วก็กลับมานั่งจมปลักอยู่ที่เดิมทุกครั้ง มองปลาอโรวาน่าสีดำว่ายหลบไปตามไรสาหร่ายเพราะความขี้ตกใจของมัน แต่แล้วมันก็ว่ายออกมาอีกครั้ง ชานยอลคิดว่าไม่ใช่เพราะมันไม่หลาบจำหรอก เขามองไปถึงรอยเหลี่ยมที่สันตู้ มองเงาสะท้อนของตัวเองและออกซิเจนที่แตกฟองทุกครั้งเมื่อประทบกับกระจกผนังตู้


     

    นั่นทำให้เขามองไปยังตู้อื่นๆที่อยู่ภายในบ้าน มันกระจายอยู่ตรงนู้นตรงนี้ทีเหมือนกับกรอบกระจกของปลาสวยงามทั้งหลายแหล่ที่เขาเลี้ยงเอาไว้


     

    ชานยอลมองผ้าพันแผลที่แขนและขาราวกับจะระบายความรู้สึกแย่ๆนี้ใส่มันให้ได้ เขาผลุนผลันเดินขึ้นบันไดไปในตอนบ่ายโมง มองประตูห้องสีขาวของแบคฮยอนราวกับว่ามันเป็นทางตันหรือห้องปิดตายสักห้องในโรงเรียนประถม จากนั้นก็เดินเลยไปในห้องตัวเอง ยัดสิ่งที่ต้องการใส่กระเป๋าเป้ก่อนจะรีบเดินกึ่งวิ่งลงบันไดไป


     

    ร่างสูงปิดประตูรั้วแล้วก้าวไวๆไปตามทางเดินในหมู่บ้าน หลบรถยนต์ที่ขับผ่าน แอ่งน้ำที่เริ่มเหือดหลังจากพายุฝนเมื่อคืน หมู่บ้านเงียบเชียบท่ามกลางอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ไม่มีเสียงเด็กหัวเราะหรือออกมาวิ่งเล่นกันเพราะไปโรงเรียน ใช้เวลาเดินไม่ถึงสิบนาที ชานยอลก็เห็นอาคารทรงโปร่งที่คนดูแลกำลังเดินสวนเขาออกมา


     

    หล่อนคงกำลังไปไหนสักแห่ง แต่ชานยอลไม่สนใจเหมือนที่หล่อนทำกับเขา ร่างสูงหายเข้าไปในห้องน้ำซึ่งแยกเป็นห้องอาบน้ำขนาดเล็กซอยถี่ๆไปอีกประมาณห้าห้อง ไม่นานนักปาร์คชานยอลก็อยู่ในชุดกางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียวกับกระเป๋าเป้ที่เก็บสัมภาระเพียงน้อยนิด


     

    หมอบอกว่าแผลของเขาห้ามโดนน้ำไปสักระยะ แต่ก็ช่างปะไร กระโดดลงจากขอบสระในด้านที่ลึกที่สุดแล้วดำดิ่งลงไปจนเห็นพื้นกระเบื้องสีฟ้าชัดเจน ชานยอลรู้สึกขอบคุณที่ทั้งอาคารและสระน้ำหมู่บ้านไม่มีใครอยู่เลย มันเหมือนที่รกร้างแต่ยังสะอาด ไม่ค่อยมีคนใช้งานสระนี้มากนักนอกจากพวกเด็กๆ


     

    แดดจ้าขึ้นอีกไม่ถึงห้านาทีแล้วก็กลับไปเป็นบรรยากาศที่ทั้งหม่นและเย็นชื้นอย่างเดิม ทุกครั้งแดดนั้นจะสะท้อนเป็นประกายบนผืนน้ำ แต่ตอนนี้ชานยอลสามารถว่ายไปว่ายมาได้อย่างไม่ต้องกลัวว่าจะแสบตา


     

    เขาว่ายน้ำข้ามฝั่งไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนเหนื่อย ทั้งท่าฟรีสไตล์ ท่าผีเสื้อ ทั้งทางขวาง ทางทแยง หรือแม้แต่การดำน้ำนิ่งๆอยู่ใต้น้ำและปล่อยให้ในหูมีแต่เสียงอื้ออึงจากแรงดันภายนอก


     

    ทุกครั้งที่ว่ายน้ำชานยอลจะปล่อยให้ตัวเองเป็นปลาตัวหนึ่ง เขากำลังไล่จับอโรวาน่าและมันก็หายเข้าไปในแนวปะการังเทียมทุกที แล้วยิ่งรู้สึกว่าใกล้เข้าไป ท้ายแล้วปลายทางนั้นก็คือผนังสระดีๆนี่เอง




     

    ความรู้สึกของปาร์คชานยอลในตอนนี้เหมือนคลื่นน้ำ

     

     




     




     

     

     

     

     

    ท่อนฮุคเพลงของไลฟ์เฮาส์ดังมานับสิบนาทีแล้ว แบคฮยอนรู้ว่าใครคือเจ้าของชื่อที่อยู่บนหน้าจอนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้หยิบมารับ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายโมง นิโคตินแบบแท่งถูกอัดเข้าปอดมวนแล้วมวนเล่า ควันลอยอบอวลอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าจนไม่ต่างอะไรจากทะเลหมอก ทั้งเย็นเยียบและว่างเปล่า


     

    บยอนแบคฮยอนมองปลายนิ้วที่ยังคงตรึงสัมผัสอุ่นร้อนอยู่ด้วยความรู้สึกแปร่งปร่า เขานอนแผ่ราบอยู่บนพื้น ข้างตัวคือที่เขี่ยบุหรี่แก้วแบบแบนที่มีซากบุหรี่พูนขึ้นมาจนเศษฝุ่นปลิวเลอะอยู่รอบๆ เพดานสีขาวเช่นเดียวกับในตอนเช้าเหมือนจอโปรเจคเตอร์ใหญ่ๆสมัยเรียนที่มักจะฉายภาพเบลอและมืดทึบกว่าความจริง


     

    “...แค่กๆ”


     

    นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้สำลักควันในคออย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้


     

    ร่างเล็กหยัดตัวลุกขึ้นยืนอย่างคนไร้เรี่ยวแรง เขาหยิบเอาที่เขี่ยบุหรี่แล้วเปิดบานประตูสีขาวออกไปข้างนอก ทุกอย่างเงียบเชียบ ประตูห้องที่อยู่เยื้องไปอีกฝั่งนั้นปิดสนิท แล้วก็ไม่มีเสียงอะไรดังมาจากชั้นล่างนอกจากเสียงไม้ลั่นที่ตรงบันได


     

    แบคฮยอนมองตู้ปลาแสนรักของปาร์คชานยอลที่อยู่ไม่ห่างไปจากบันไดขั้นสุดท้ายนัก เขามองปลาสีดำขี้ตกใจตัวหนึ่งซึ่งได้อยู่ภายใต้อุ้งมือของชานยอลเสมอ และทันทีที่ภาพมือนั้นเด่นชัด ภายในร่างกายของเขาร้อนเร่าเหมือนมีน้ำร้อนราดลงไป


     

    ในตอนที่แบคฮยอนจะเทซากก้นบุหรี่ทิ้งลงถังขยะ เขามองตู้ปลาอีกครั้งและเห็นตัวเองกำลังเอาทั้งหมดในที่เขี่ยบุหรี่นี่เทลงตู้ปลา น้ำนั้นเปลี่ยนเป็นสีเทาโปร่ง แต่ไม่นานนักมันก็ดำสนิท แต่เขายังเห็นเกล็ดปลาสีเงินของอโรวาน่าส่องแสงสะท้อนอยู่ในน้ำดำหมึกนั้น


     

    มันทั้งน่าโมโห ทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก




     

    ทำไมไม่ตายไปซะ

     

    แบคฮยอนพูด




     

    แล้วก็เหมือนตื่นจากภวังค์ เมื่อเขาปล่อยให้ที่เขี่ยบุหรี่ตกลงในถังขยะไปทั้งอัน

     

     





     





     

     

     

     

     

    ชานยอลกำลังชั่งใจ เขาไม่รู้ว่าเวลาหกชั่วโมงมันนานพอหรือยังสำหรับการออกมาข้างนอก ชุดว่ายน้ำเปียกๆยังคงอับชื้นอยู่ในถุงพลาสติกที่ยัดอยู่ในกระเป๋าเป้าข้างตัว หลังจากว่ายน้ำเสร็จเขาก็แวะร้านขายยา ซื้อผ้าพันแผลและยาฆ่าเชื้อมาจัดการให้เสร็จหลังจากนั้น ฝนตกไปแค่ครู่เดียวในช่วงเย็น แต่มันส่งผลให้วันนี้ฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ นั่นทำให้ไม่มีเด็กที่ไหนออกวิ่งเล่นหรือคนแก่เปิดเพลงออกกำลังกายอย่างทุกวัน


     

    ปาร์คชานยอลนั่งนิ่งๆอยู่บนม้านั่งและเฝ้ามองมนุษย์วัยทำงานทั้งเดินเท้าและขับรถกลับเข้าบ้านกันหนาตา มันนานมากกว่าที่เขาจะพาตัวเองลุกขึ้นและเป็นหนึ่งในคนที่เดินกลับบ้านเหมือนกับคนพวกนั้น


     

    รถยนต์สีเทาดำยังจอดอยู่ที่เดิมเป็นสิ่งบ่งบอกว่าแบคฮยอนไม่ได้ออกไปไหน เขาไม่รู้ว่าแบคฮยอนได้ออกมาหาอะไรรองท้องบ้างหรือเปล่า ไม่รู้แม้กระทั่งว่าร่างเล็กอัดบุหรี่เข้าไปกี่มวนแล้วในวันนี้


     

    ชานยอลแวะดูปลาคาร์ฟบ่อโปรดของพ่อที่มุมสวนเล็กๆหน้าบ้าน แวะดูตู้ปลาปักเป้าจุดดำที่เพิ่งเอามาตั้งเมื่อเดือนก่อน ตู้ปลาหมอสีและปลาทองในห้องครัว และก่อนจะขึ้นบันได เขาก็หยุดดูเจ้าอโรวาน่าตัวโปรดในตู้รวมปลาสวยงามพันธุ์เล็กอื่นๆ


     

    ร่างสูงวางของลงที่โซฟาก่อนจะเดินไปหยิบยาและสลิงขนาดเล็ก เหมือนเดิมที่ต้องผสมยาใส่แก้วใบเล็กๆแล้วจึงใช้สลิงดูดขึ้น แรกๆชานยอลต้องช้อนมันขึ้นมาวางบนผ้า แต่เดี๋ยวนี้เขาคล่องมือขึ้นแล้ว


     

    ค่อยๆควานมือลงไปแล้วจับเข้าของเกล็ดสีเงินประกายนั้นไว้ ขยับอุ้งมือบีบตัวปลาเล็กน้อยเพื่อปิดเหงือกของมันไว้ก่อนจะยัดสลิงใส่ปากแล้วค่อยๆฉีดในหนึ่งลมหายใจ พอปล่อยออกมันก็รีบว่ายไปหลบเสียไกล นั่นทำให้ชานยอลอมยิ้มออกมา


     

    ร่างสูงก้าวอาดๆขึ้นบันไดจนเกิดเสียงอย่างทุกที เขาไม่ได้ใส่ใจนัก สายตารังแต่จะจดจ้องบานประตูสีขาวที่เดาว่าใครอีกคนคงหมกตัวอยู่ในนั้น ค่อยๆพาตัวเองเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ จัดแจงเก็บของ ผึ่งกางเกงว่ายน้ำ แล้วก็เดินออกมาที่หน้าห้องอีกครั้ง


     

    ในทีแรกชานยอลลองเอาหูแนบประตู มันเงียบเสียจนเขากลัวว่าจะเดาผิด แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ไม่เคยออกไปไหนโดยไม่มีรถ นั่นเป็นเหตุผลให้ชายหนุ่มลองบิดประตูดูอย่างช้าๆ


     

    มันไม่ได้ล็อก ชานยอลลอบถอนหายใจก่อนจะดันมันเข้าไปให้เบาที่สุด ไม่มีการปาของใส่ ไม่มีเสียงอะไรเคลื่อนไหวเพื่อบ่งบอกว่าแบคฮยอนกำลังตระหนกตกใจ และคำตอบก็คือร่างเล็กที่นอนฝังตัวอยู่บนที่นอนสีขาวลายของเจ้าตัว


     

    ห้องทั้งห้องอวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่ มันขมเฝื่อนและชวนให้หายใจไม่ออก มองเปลือกตาบางหลับพริ้มไม่รู้ถึงการมาของผู้บุกรุก ลมหายใจนั้นดูจะติดขัด ชานยอลเหมือนเห็นเจ้าอโรวาน่าในตอนที่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกป้อนยาไม่มีผิด


     

    เขาพาตัวเองขึ้นไปบนเตียงสามฟุตครึ่งที่เป็นโลกทางอารมณ์เมื่อคืนนี้ ทั้งที่เพิ่งลุกจากมันไปเมื่อเช้า แต่สำหรับปาร์คชานยอลเหมือนนานเป็นปี


     

    เขาสงสัยว่าตัวเองไปอยู่ที่ไหนว่า สงสัยว่าสามารถนั่งอยู่กับการรอคอยนานขนาดนั้นได้อย่างไร ตัวของแบคฮยอนให้กลิ่นแปลกๆเหมือนกับคนที่ฉีดน้ำหอมแล้วยืนกลางสายฝน ผ้านวมหนากองอยู่ที่ครึ่งตัวล่างราวกับจะหลบไอเย็นจากแอร์เท่านั้น


     

    เพียงแค่เห็นร่างของพี่ชายครึ่งสายเลือดนอนอยู่ตรงหน้า ชานยอลก็รู้ตัวเองดีว่าเขาควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมทำเพื่อจะได้มองหน้าแบคฮยอนไปนานๆ




     

    Rrrr


     

    ท่อนฮุคเพลงวงโปรดแบคฮยอนดังขึ้นอีกแล้ว และนั่นส่งผลให้คนตัวเล็กลืมตาตื่นขึ้นคล้ายกับถูกกระชากจากความฝัน ชานยอลเอื้อมมือไปกดปิดเสียงมันไม่ทัน ตอนนี้เขากลายเป็นเป้าสายตาของแบคฮยอนแล้ว


     

    บังมินอาคือชื่อที่ชานยอลเห็นหลังจากแบคฮยอนกดปิดเสียงมันโดยไม่ลังเล แค่นั้นเขาก็เหมือนได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นถามอีกครั้งว่าได้ยินไหมคะ?


     

    ได้ยินสิ ชานยอลตอบในใจขณะที่มองหน้าแบคฮยอนไปด้วย สีหน้านั้นติดจะตระหนกเล็กๆแต่แล้วก็สงบลง จากนั้นคิ้วนั่นก็ผูกเป็นปม




     

    ชายหนุ่มรู้สึกว่าหกชั่วโมงที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยอะไร เขาอยากออกไปว่ายน้ำอีกแล้ว




     

    บยอนแบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองมีสลิงอยู่ในปาก มันชอนไชและชื้นแฉะเสียจนเขาอยากอ้วก แต่ถึงอย่างนั้นรสยาที่ถูกฉีดเข้ามามันก็หวาน มือของปาร์คชานยอลไล้เข้ามาใต้เสื้อเขา สัมผัสที่ช่วงเอว ยอดอก แล้วก็กลับไปย้ำช่วงบั้นเอวที่ยังปวดไม่หายอีกครั้ง


     

    พวกเขากำลังพ่ายแพ้ต่อความปรารถนานั่นอีกแล้ว ในตอนที่ถูกจูบแบคฮยอนรู้สึกว่างเปล่า ชานยอลเหมือนดึงเอาความคิดทุกอย่างออกไปจากหัวและใช้ภาษามือชี้หน้าให้เขาเลิกคิดซะ


     

    ชานยอลเขยื้อนตัวเองไปขดอยู่ที่ปลายเตียง ถอดกางเกงสีเทาทะมึนของเขาออกแล้วก็ก้มลงใช้ปากพลางเลิกเสื้อยืดขึ้นจนถึงแผ่นอก


     

    เสียงชื้นแฉะในปากอีกฝ่ายทำให้ร่างเล็กจำต้องใช้หลังมือหนึ่งยกขึ้นปิดหน้าไว้ เขาส่งเสียงครางเครือในขณะที่เรียวขารังแต่จะขดเข้าหาตัวจนชานยอลต้องจับมันไว้ ร่างสูงไล้ลิ้นสูงขึ้นจนถึงหน้าท้อง แล้วก็พามันต่ำลงราวกับจะท้าให้อโรวาน่าตัวโปรดว่ายหนีอีก


     

    “อา...”


     

    มือของชานยอลเหมือนมือที่กระชากเอาสาหร่ายและปะการังเทียมออกจนหมดตู้ เหลือแค่ความเปลือยเปล่าเหมือนสุญญากาศคั่นกลางระหว่างเราไว้


     

    ร่างสูงแกะมือนั้นออกเพื่อให้แบคฮยอนมองที่เขา กดจูบลงไปซ้ำๆเหมือนคนที่หิวกระหาย มันมีรสขมจากเจ้าของร่าง จากนั้นชานยอลก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก แล้วกดฝังอีกฝ่ายลงกับที่นอนด้วยสรรพางค์ของเขาเอง


     

    ปาร์คชานยอลไม่รู้วิธีระบายความรักที่มีต่อพี่ชาย ตอนนี้เขาหลงใหลในเรื่องทางเพศ หลงใหลในตอนที่ได้เอาร่างกายแนบชิดและแสดงความเป็นเจ้าของ เพราะในเวลานี้แบคฮยอนจะมองเห็นแต่เขา ร้องเรียกแค่ชื่อของชานยอล แล้วสวมกอดเมื่อทนไม่ไหว


     

    ชานยอลรู้สึกดีทีเดียว เขาเอาแต่หยอกล้อกับปลาตัวโปรดอยู่อย่างนั้น มองมันได้ทั้งวันทั้งคืน

     

     





     






     

     

     

     

     

    เสียงฝักบัวเหมือนเป็นแค่สิ่งทำลายความเงียบ บยอนแบคฮยอนปล่อยให้แผ่นหลังสัมผัสกับความเย็นชื้นของแผ่นกระเบื้องปะผนังในห้องน้ำ ครึ่งชั่วโมงแล้วที่เขาเอาแต่มองสายน้ำไหลออกจากร่างกายเมื่อถูกแทนที่ด้วยน้ำสายใหม่เรื่อยๆ มันพากันหมุนวนเป็นเกลียวแล้วไหลลงท่อ เป็นอย่างนั้นไม่หยุด


     

    ร่างเล็กขดตัวเองเข้าจนเป็นอ้อมกอด มือเรียวบีบส่วนใดๆที่มือวางลงจนรู้สึกเจ็บ แต่ก็ไม่พอจะทำให้สงบจิตสงบใจ ชานยอลยังคงนอนอยู่บนเตียงในห้อง แบคฮยอนเชื่อว่าหมอนั่นไม่ได้หลับสนิท อาจจะแค่แกล้งหลับเพียงเพื่อปล่อยให้หนีมาใช้เวลากับตัวเองบ้าง


     

    ยิ่งบีบแขนตัวเองแบคฮยอนก็ยิ่งรู้สึกคันคะเยอแทนที่จะเจ็บปวด ค่อยๆเหลือบสายตาขึ้นมอง แล้วมันก็เบิกโพลงเมื่อเห็นรอยเกล็ดจางๆปรากฏขึ้นบนท่อนแขน มีสีเงินขลับ และสะท้อนกับแสงจากไฟนีออนบนหัวเป็นประกาย


     

    ในตอนนี้แบคฮยอนอยากจะร้องไห้ เขาถลาตัวขึ้นหยิบฟองน้ำถูตัวมาขัดมันซ้ำๆเหมือนปลาที่ต้องถูกขอดเกล็ด แต่ยิ่งขัดแรงเท่าไหร่ เกล็ดนั้นก็เหมือนจะเผยอขึ้นและแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ


     

    อีกเป็นชั่วโมงที่บยอนแบคฮยอนนั่งขอดเกล็ดอยู่ท่ามกลางสายน้ำที่นองเจ่อ เขารู้สึกว่าตัวเองมีกลิ่นชื้น และหาทางออกไม่เจอ




     

    เหมือนปลาตัวนั้นไม่มีผิด

     

     

     





     






     

     

     

     

    “แบคฮยอน”

    มันนานมากเสียจนเขาเกือบจะพาตัวเองลุกไปเคาะเรียกคนในห้องน้ำ แต่ในตอนที่เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงบยอนแบคฮยอนก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดิบพอดี สีหน้านั้นเฉยชา แต่ก็ยอมเดินเข้ามาใกล้


     

    “ผมคิดว่าพี่จะ--ทำอะไรบ้าๆ แต่ชานยอลไม่ได้พูดต่อ


     

    เขาจับมือของแบคฮยอนไว้ทั้งสองข้าง มองเสื้อยืดสีขาวที่อีกคนสวมใส่แล้วก็เบนกลับมามองที่หน้า ชานยอลไม่รู้จะทำอะไรต่อ เขาคิดไม่ออกนอกจากการอยู่กับแบคฮยอน


     

    “หิวไหม?” ชานยอลถาม แล้วแบคฮยอนก็ส่ายหน้าก่อนจะดึงมือกลับอย่างละม่อม และนั่นทำให้ร่างสูงลดสายตามองต่ำ เขารีบคว้าแขนคนตรงหน้าขึ้นมาเพ่งดู “....”


     

    “มันคันน่ะ ไม่รู้ว่าแพ้อะไร” แบคฮยอนโกหกเสียงเรียบ


     

    รอยแดงๆน่ากลัวเหมือนถูกน้ำร้อนลวกและเป็นปื้นยาวราวหนึ่งคืบบนท้องแขนตัดกับผิวเนื้อสีขาว เห็นอย่างนั้นปาร์คชานยอลก็ได้แต่มองหน้า นัยน์ตาเขาแฝงไปด้วยแววประหวั่นพรั่นพรึงเพราะกลัวเรื่องบ้าๆที่เพิ่งสลัดหลุดจากหัวเมื่อครู่


     

    แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากเอามืออีกคนขึ้นมาแนบบนใบหน้า แล้วกดจูบเบาๆที่รอยแดงนั้นราวกับจะปลอบโยนและหวังไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก


     

    แต่แบคฮยอนก็รั้งแขนนั้นกลับเข้าหาตัวอยู่ดี คิ้วนั้นขมวดน้อยๆ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงคล้ายคนที่กำลังนึกโกรธเคืองอะไรบางอย่าง แต่แล้วมันก็สงบลง


     

    “หิวแล้ว” แบคฮยอนว่า เป็นเชิงบังคับให้ชานยอลต้องเป็นฝ่ายเลี่ยงตัวออกไปทั้งที่ในใจยังมีแต่ข้อสงสัย







     

    การกระทำตัดสินทุกอย่าง


     

    -- Actions judge everything.

     




     





     





















     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×