คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : - ( p a r a s i t e ) - c h a p t e r t h r e e
P A R A S I T E
T H R E E
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้...
ราวกับความโดดเดี่ยว หนาวเหน็บ และหวาดกลัวนั้นถูกโยนทิ้งไปชั่วครู่ บยอนแบคฮยอนปล่อยตัวเองเข้าสู่ภวังค์สีดำมืด ก่อนทุกอย่างจะจางหายไป เหลื่อเพียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
โสตประสาทไม่รับรู้อะไรอีก แม้ว่าใครบางคนจะกำลังยืนจ้องมองและเปิดบานประตูเลื่อนออกไปทิ้งให้เขานอนอยู่ภายในห้องตามลำพังแล้วก็ตาม
เขากำลังจะหลับสนิท...
...และพอตื่นขึ้นมาอะไร ๆ ก็จะดีขึ้น
ใช่... บยอนแบคฮยอนหวังเช่นนั้น และหากเขาได้ยินเสียงประตูนั่นสักนิดล่ะก็...
อากาศเย็นเยือกขึ้นเสียจนร่างบางต้องขดกายเข้าหากันเพื่อคลายความหนาว สองมือนั้นบีบกระชับหัวไหล่โดยที่ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมองโดยรอบ ความง่วงทำให้เขาเลือกที่จะไม่สนใจสิ่งอื่นใด ยังคงข่มตาต่อไปเพราะหวังจะเข้าสู่ช่วงนิทราอย่างเต็มอิ่มบ้าง
ไม่เป็นไร... ยังไงหมอปาร์คก็ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น...
หากแต่เสียงสวบสาบที่ดังเข้ามาเต็มสองหูและความรู้สึกรุงรังราวกับมีอะไรมารบกวนใบหน้านั้นทำให้ชายหนุ่มยากที่จะข่มตาหลับต่อไปได้ น้ำตาแทบจะไหลออกมาเมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองถูกดึงขึ้นจากนิทราอีกครั้ง
ยิ่งรู้ว่าสิ่งที่กำลังสร้างความรำคาญนี่อยู่คืออะไรทั้งร่างก็ยิ่งเกร็งแข็ง ทำไมเสียงขีดเขียนของหมอถึงได้เงียบไป... ทำไมมีแค่เสียงลมหายใจของเขาที่กำลังเด่นชัดอยู่ตามลำพัง
ทำไม...
“หมอ...”
ส่งเสียงเรียกออกไปเบาหวิวหวังจะให้ใครอีกคนเดินมาเพื่อหยุดอยู่ข้าง ๆ อย่างน้อยการได้เห็นสายตาใต้กรอบแว่นนั่นก็ยังดีกว่าจะต้องเห็นอะไรที่สู้ทนหนีมาตลอดหลายวัน
“หมอ...”
กลัว...
บยอนแบคฮยอนกลัวจับใจ หากแต่เขาก็ยังเลือกที่จะแนบสองมือไว้ข้างลำตัวมากกว่าจะยกขึ้นปัดสิ่งชวนรำคาญบนใบหน้า
“หมอปาร์ค... แค่ก ๆ”
ต้องสำลักออกมาด้วยความรู้สึกที่ชวนอาเจียนเมื่อสิ่งน่ารำคาญนั้นระลงมาจนอัดแน่นอยู่ภายในปาก กลิ่นสาปโคลนเหม็นคละคลุ้งเสียจนแบคฮยอนต้องยกมือขึ้นปัดสิ่งนั้นออกด้วยอาการคลื่นเหียนและหวาดกลัว
เส้นผม...
“แค่ก... แค่ก...”
ต้องลืมตาตื่นพลางล้วงเอาสิ่งที่อยู่ในปากออกมาจนเต็มกำมือ เป็นเส้นผมเปียกชุ่มที่ชวนให้อาเจียนเมื่อคิดว่าเมื่อครู่นี้มันอยู่ในปากเขา หัวใจกระตุกวูบขึ้นอีกคราเมื่อเห็นรอยที่เปียกเป็นวงอยู่ตรงชายเสื้อ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคงมีน้ำหยดลงมา
กลิ่นสาปโคลนที่ลอยอบอวลกำลังเตือนให้เขารีบหลับตาลงเพื่อหยุดการรับรู้ทางสายตาเสีย ทว่าร่างกายไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งนั้นเลย บยอนแบคฮยอนช้อนสายตาขึ้น... เขาเห็นชายกระโปรงสีขาวเปรอะโคลนและปลายผมสีดำสนิทซึ่งระลงมา
หยุด... ควรหยุดสายตาไว้แค่นี้แล้วหนีไปซะ
หากแต่ก็ยังคงมองขึ้นไป... มองจนสบเข้ากับดวงตาโหลลึกที่แทบจะกลืนไปกับดวงหน้าขาวซีดของหญิงสาว หล่อนกำลังมองเขา... มองด้วยสายตาเฉยชาและปล่อยให้น้ำสาปโคลนไหลลู่ลงมาตามเรือนผม
“อะ...”
หล่อนยังคงมองเขา บนใบหน้านั้นปรากฏเส้นเลือดปูดโปนสีเขียวชวนให้รู้สึกขนลุกจนร้องไม่ออก เรียวปากเขียวคล้ำนั้นอ้าขึ้นราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง
เพียงแต่สิ่งที่ออกมานั้นไม่ใช่คำพูด... แต่กลับเป็นน้ำโคลนมากมายที่ไหลทะลักออกมาเสียจนเส้นสติของคนได้มองขาดผึง
“อะ... อ๊ากกกกกก!!!!!!!!!”
เสียงโคลนดังก้องเต็มสองหูเสียจนร่างบางต้องหลับตาปี๋แล้วยกมือขึ้นปิดใบหู จนกระทั่งเสียงนั้นเงียบหายไปพร้อมกับสัมผัสชื้นที่ค่อย ๆ แห้งเหือด เขาได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งเข้ามา...
หมอปาร์ค...
ใช่ไหม...?
ค่อย ๆ ขดตัวเข้าหากันเพื่อรอให้ใครอีกคนมาถึง ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาคลอเต็มสองเบ้า ขาซ้ายยังคงอยู่ในท่าเดิม... เหยียดอยู่ดังเดิม...
เพราะสัมผัสเย็น ๆ ที่จับรั้งมันไว้ราวกับจะเชิญชวนให้เขาเบิกสายตาขึ้นมอง
“ฮึก...”
ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าสะอื้นไห้ และดูเหมือนว่าเธอจะอยากให้เขาลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง... ชายหนุ่มค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น...
ก่อนจะแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นเจ้าของมือนั้นกำลังแสยะยิ้มให้เขาและหวีดร้องเสียงก้องจนแสบแก้วหู
“อ๊า!!!!!!!!!!”
ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ขาซ้ายทำให้เขาต้องร้องออกมาอย่างสุดกลั้น บานประตูเลื่อนเปิดออกพร้อมกับใบหน้าตื่นตระหนกของปาร์คชานยอลที่รีบเข้ามาดูอาการ แบคฮยอนรีบคว้าเสื้อกราวน์นั้นไว้พลางปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้าย
“หมอครับ...”
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“มัน...”
“.......”
“มันเกิดขึ้นอีกแล้ว...”
พูดจบก็ปล่อยโฮออกมาเสียจนชานยอลต้องบีบไหล่เขาไว้เพื่อเรียกสติ สายตาใต้กรอบแว่นนั่นกำลังลดลงเพื่อให้อยู่ระดับเดียวกับเขา “แบคฮยอน”
“หมอ... ผมไม่ไหวแล้ว...”
บีบเสื้อกราวสีขาวในมือจนยับยู่แล้วฟูมฟายอย่างไม่อายใคร ไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน... ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเห็นในสิ่งที่กลัวที่สุด... สิ่งที่คงไม่มีใครยอมเชื่อและหาว่ามันไร้สาระอย่างถึงที่สุด
“ขาคุณเป็นอะไร?” จิตแพทย์หนุ่มดูเหมือนจะสังเกตเห็นเรียวขาที่เหยียดยาวในท่าเดิมนับตั้งแต่เขาเข้ามา แบคฮยอนได้แต่ส่ายหน้า เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น... ทุกอย่างหายไปหมดยกเว้นเพียงอาการเจ็บแปลบที่เรียวขาซึ่งยังคงเด่นชัด
ไวเท่าความคิด ปาร์คชานยอลค่อย ๆ เลื่อนตัวไปประคองขาข้างนั้นไว้แล้วถกชายกางเกงขึ้นจนเห็นรอยข่วนเด่นชัดที่หน้าแข้ง เลือดสีแดงสดไหลซิบจนดูรู้ว่าเพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ถึงอยากจะวินิจฉัยว่าคนตรงหน้านี้ทำร้ายตัวเองเราะอาการประสาทหลอน แต่รอยแผลที่ทอดยาวไปทางปลายเท้านี่ดูยังไงก็ไม่มีทางทำตัวเองได้
ใช่... แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ครั้นจะคิดว่าบังเอิญไปข่วนอะไรเข้า แต่ที่กางเกงดันไม่มีรอยขาด อีกทั้งเมื่อไม่ถึงห้านาทีก่อนเขายังมั่นใจว่าแบคฮยอนหลับสนิทดีอยู่ ถึงอย่างนั้นจิตแพทย์หนุ่มก็ยังรักษาอาการสงบนิ่งไว้ได้และหันไปพูดกับอีกฝ่ายเสียงเรียบ
“เดี๋ยวคุณไปทำบัตรผู้ป่วยให้เรียบร้อย แล้วติดต่อพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์”
“หะ... หมอจะจ่ายยาให้ผมแล้วใช่ไหม...?”
ถามออกไปอย่างมีความหวัง แล้วก็ยิ้มออกมาได้ทั้งน้ำตาเมื่อจิตแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวประจำ อันที่จริงแบคฮยอนเองก็ค่อนข้างผิดหวังอยู่นิดหน่อย แต่ก็เอาเถอะ... เขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครช่วยอะไรได้เรื่องนี้อยู่แล้ว
แต่อย่างน้อย ๆ ก็ได้ยาระงับประสาทกลับไป... เขาต้องการจากหมอปาร์คแค่นี้เอง
ดึงขากางเกงตัวเองลงทั้งน้ำตา ยิ่งเห็นรอยข่วนนั่นร่างบางก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังโดนคุกคามด้วยสิ่งไม่มีชีวิตอยู่จริง
ใช่... ถึงกลัวแทบตาย แต่จะทำอะไรได้?
“......”
มองคนที่ลุกจากโซฟาบุหนังอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา นายแพทย์หนุ่มได้แต่ถอดแว่นออกแล้วนวดหัวตาตัวเองก่อนจะเลยไปถึงขมับด้วยความรู้สึกไม่สู้ดีนัก
เขาคงนอนน้อยเกินไป...
...ถึงได้เห็นรอยยวบข้างกายบยอนแบคฮยอนค่อย ๆ หายไปราวกับมีคนลุกตามติด
ค่อย ๆ พาตัวเองออกไปจากห้องตรวจของนายแพทย์ทั้งขากะเผลกอย่างนั้น เพราะว่าเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเขาถึงไม่ต้องเสียเวลาตามขั้นตอนมากมายนัก หลังจากได้บัตรผู้ป่วยก็นำไปยื่นให้พยาบาลประจำเคาน์เตอร์อย่างที่ถูกสั่งมา
“นี่เป็นใบนัดการตรวจครั้งต่อไปนะคะ กรุณามาตามนัดด้วย และนี่เป็นใบเสร็จ เชิญชำระเงินและรับยาที่เคาน์เตอร์จ่ายยาค่ะ”
เธอยื่นกระดาษสองใบมาให้เขาพลางพูดชัดถ้อยชัดคำไม่ต่างจากที่พูดกับผู้ป่วยคนอื่น ๆ บยอนแบคฮยอนโค้งศีรษะน้อย ๆ ก่อนจะทอดสายตาอ่านตัวหนังสือบนกระดาษสีขาวแผ่นล่างอย่างแปลกใจ
นัดตรวจอาการสัปดาห์หน้า?
“เหอะ...”
แค่นยิ้มสมเพชกับตัวเองเป็นครั้งที่สอง ให้ตายเถอะ... นี่ใจคอจะหาว่าเขาบ้าให้ได้เลยใช่ไหม ป่านนี้คงนั่งคิดอยู่กระมังว่าคนบ้าอะไรจะข่วนขาตัวเองจนเป็นแผลเดินกะเผลกแบบนี้
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณแปดโมงครึ่ง เผลอ ๆ เวลาหนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปไวเสียจนน่าใจหาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้รู้สึกหิวแทบแย่ แต่พอนึกถึงภาพในห้องหมอแล้วร่างทั้งร่างก็แทบจะทรุดลงอาเจียนออกมา ทั้งความรู้สึกที่มีเส้นผมอยู่ในปาก กลิ่นสาปโคลนเหม็นคละคลุ้ง ทุกอย่างมันดูจะติดอยู่ตรงลิ้นตรงจมูกจนกินอะไรไม่ลงอีก
ทั้งสะอิดสะเอียน... แล้วก็...
ขนลุก
เดินกลับมาที่ห้องจ่ายยาก็ยังเห็นคิมมินซอกกำลังนั่งเช็ครายการยาอยู่ในท่าเดิม แบคยอนกระชับสายสะพายเป้แน่นขึ้นก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์แล้วยื่นใบเสร็จให้หนุ่มรุ่นพี่
ครั้นเงยหน้าขึ้นเห็นว่าคนไข้ใหม่เป็นใครมินซอกก็ต้องเบิกตาโพลง เขาพักจากงานเอกสารก่อนจะเรียกให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาคุยกันข้างใน
“หายไปเป็นชั่วโมงหนึ่งนี่เป็นไรมา?” ว่าพลางรับเอาใบเสร็จมาคีย์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์จอแอลซีดีรุ่นเก่ากึก แล้วก็ตะโกนเรียกหญิงสาวซึ่งกำลังจัดยาอยู่ด้านในให้หยิบยาตามสั่งแพทย์ติดมือมาให้ด้วย “ซอฮยอนครับ เดี๋ยวขอคลอกซาซิลลิน 500 มิลลิกรัมสิบห้าเม็ด แล้วก็ไอบูโพรเฟน 200 มิลลิกรัมสิบเม็ดด้วยครับ”
หญิงสาวตอบรับมาอย่างว่าง่ายในขณะที่ใครอีกคนอ้าปากค้าง บยอนแบคฮยอนวางมือลงกับโต๊ะแล้วตัดสินใจพูดสิ่งที่ข้องใจออกมาเสียงแข็ง
“เมื่อกี้... ยาของผมเหรอครับพี่มินซอก?”
“เออสิ ว่าแต่แกเป็นไรมายังไม่ตอบพี่เลย”
ร่างบางขมวดคิ้วมุ่นจนผูกเป็นโบว์เมื่อแน่ใจว่าเขาเองจำชื่อยาไม่ผิด หญิงสาวผู้ทำงานเป็นผู้ช่วยเภสัชกรเดินเอายาในถาดมาวางไว้ให้ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ มินซอกจัดการเอาแผงยาใส่ถุงซิปล็อคที่เพิ่งแปะกระดาษใบเล็ก ๆ เสร็จเมื่อครู่
ให้ตายเถอะ...
นายแพทย์ปาร์คชานยอลสั่งจ่ายยาฆ่าเชื้อกับยาแก้อักเสบให้เขา...
นักศึกษาเภสัชศาสตร์อย่างแบคฮยอนเข้าใจได้ทันทีว่ามันมีไว้รักษาแผลที่ขา ไม่ได้มีไว้ช่วยด้านจิตใจอย่างที่ต้องการเลยสักนิด!
“หมอบ้าเอ๊ย...”
“หมอลู่หานคะ ผลตรวจความดันคนไข้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ร่างผอมโปร่งในชุดกราวน์สีขาวแย้มยิ้มก่อนจะรับเอาแฟ้มคนไข้มาถือไว้แนบลำตัว เขายืนคุยกับพยาบาลหญิงวัยกลางคนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะขอตัวเลี่ยงออกมาเพราะกลัวว่ากาแฟดำในมือจะเย็นไปเสียก่อน
พยาบาลสาวตามทางเอ่ยทักเรื่องเนคไทเส้นใหม่กันไม่หยุด ซึ่งนายแพทย์หนุ่มก็ทำเพียงยิ้มรับแล้วเดินร่อนไปตามอัธยาศัย ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง แต่เขาเองก็ไม่ชอบกินข้าวกลางวันเท่าไหร่ ถ้าหมอนั่นมาเห็นล่ะก็คงจะบ่นแล้วขู่เรื่องเอากาแฟนี่ไปเททิ้งแน่
“จะกินข้าวกลางวันหรือกาแฟดี?”
“ฉันหิวข้าวแฮะ”
“ฮ่า ๆ วันนี้เหนื่อยเอาการแฮะ”
คิดยังไม่ทันขาดช่วงก็เห็นกลุ่มนักศึกษาแพทย์ในชุดกราวน์เดินสวนมากลุ่มหนึ่ง เจ้าของชื่อลู่หานได้แต่ลอบอมยิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นใครบางคนเดินรั้งท้ายมาแต่ไกล เอาแต่ทำหน้าตาง่วงนอนแบบนั้นไม่ถูกพยาบาลคิมบ่นเอาหรือไงนะ
ดูเหมือนเด็กหนุ่มตัวขาวร่างสูงที่ได้แต่เดินหนีบแฟ้มตรวจตามเพื่อนต้อย ๆ จะสังเกตเห็นเขาเสียแล้ว เรียวปากรูปกระจับนั้นถึงได้หยักยิ้มออกมาราวกับเป็นการทักทายครั้งแรกของวัน
“.......”
ชั่วนาทีที่เดินสวนกันคนแก่กว่าก็จงใจสัมผัสปลายนิ้วเข้ากับหลังมือนั้นแล้วกระซิบเสียงพร่าให้พอได้ยินกันสองคน เลยจากกันไม่นานนัก เขาก็ได้ยินเสียงโอเซฮุนพูดกับเพื่อน ๆ ภายในกลุ่มดังแว่วมา
“พอดีนึกขึ้นได้ว่าลืมของ พวกนายกินกันก่อนเลยแล้วกัน”
สิ้นเสียงทุ้มร่างสูงระหงของนักศึกษาแพทย์ปีสี่ก็ย้อนเดินกลับมาทางเดิม หรือจะพูดให้ถูกก็คือตามหลังเขามาติด ๆ
“พี่ไปคิดถึงผมมาจากไหนเนี่ย?”
พูดกลั้วหัวเราะในขณะที่ปล่อยให้อีกคนดันร่างของตัวเองลงกับเตียงตรวจภายในห้องประจำ อดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองให้แน่ใจว่าเจ้าของห้องได้ล็อกประตูไว้ดีแล้ว อย่าให้มีพยาบาลเข้ามาตอนนี้แล้วกัน ไม่งั้นล่ะเป็นเรื่อง...
“คิดถึงสิ” คนถูกถามตอบหน้าตายก่อนจะแขวนเสื้อกราวน์ไว้กับผนังแล้วตรงเข้ามานั่งตรงข้างเตียง แก้วกาแฟดำที่ซื้อมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะทั้งที่ค่อนไปไม่ถึงครึ่งแก้ว สองมือบรรจงช่วยเด็กตรงหน้าถอดเสื้อกราวน์ออกแล้วลุกเอามันไปแขวนไว้อีกรอบ “ระวังยับ”
หากแต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเอาตัวเองขึ้นไปอยู่บนเตียงเดียวกันกับเด็กหนุ่มแล้วคร่อมตัวจูบจนโอเซฮุนต้องดันร่างคุณหมอขวัญใจสาว ๆ ออกด้วยแรงเพียงแผ่วเบา ก็รู้อยู่ว่าช่วงก่อนที่เขาติดสอบทำให้แทบไม่ได้เจอกันเลย แต่ลู่หานก็มีเวลาพักเที่ยงอีกแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มันเสี่ยงเกินไป
“ไว้วันนี้ผมไปค้างกับพี่ โอเคไหมครับ?”
“ดีเลย”
“...แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
พูดจบก็ดันร่างคนแก่กว่าออกทั้งรอยยิ้มรู้ทัน คนข้างบนได้แต่ยอมแพ้ ก่อนจะผละตัวเองออกมานั่งเฉย ๆ แล้วกลั้วหัวเราะในลำคอ
“มาอยู่ด้วยกันดีกว่า”
“ผมรู้ว่าช่วงนี้เราไม่ค่อยจะได้เจอกัน แต่พี่อย่าพูดเล่นอย่าง...”
“พี่พูดจริง”
“.......”
“เราไม่ได้คุยเรื่องนี้กันครั้งแรกนะเซฮุน”
สวนขึ้นเสียงเรียบก่อนจะหันไประบายรอยยิ้มอ่อนให้อีกคน รู้ว่ามันคงเป็นเรื่องไม่ดีนักถ้าเพื่อนของเซฮุนจะรู้ว่าเจ้าตัวคบกับหมอรุ่นพี่ แต่ถึงอย่างนั้นทุกวันนี้ก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ว อย่างไหนก็คงค่าเท่ากันนั่นแหละ
“พี่เป็นพี่ชายให้นายได้ ใครถามก็บอกไปอย่างนั้น”
“พี่ลู่หาน...”
เอื้อมตัวไปกดจูบหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นไปหยิบเสื้อกราวน์มาคืนให้อย่างว่าง่าย ถึงจะดูเอาแต่ใจก็เถอะ แต่ลู่หานมั่นใจว่าเขามั่นคงพอที่จะดูแลคนรักได้... ด้วยหน้าที่ การงาน วุฒิภาวะ และความรู้สึกที่บ่มเพาะมาหลายปีนี้
“ทำเรื่องย้ายออกจากหอให้เรียบร้อย เงินประกันน่ะช่างมัน เดี๋ยววันศุกร์พี่ไปช่วยย้าย”
“พี่ครับ วันศุกร์มันเร็วไป”
“แล้ว?”
“ผมมีสอบด้วย”
พูดจบคนโตกว่าก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะรูดม่านเปิดไปอีกทางแล้วเดินไปนั่งพิงโต๊ะทำงานตัวเก่ง มือก็หยิบเอาปฏิทินมาดูผ่านตาอย่างลวก ๆ “งั้นวันเสาร์เป็นไง หลังจากนี้พี่เข้าเวรยาวอีกแทบทั้งอาทิตย์ คงย้ายลำบากแน่”
“งั้นพี่เอาคีย์การ์ดไว้ให้ผม เดี๋ยวผมขนของไปเอง” เซฮุนยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุด เขารู้ว่าลู่หานงานเยอะยังกับอะไรดี การเป็นอายุรแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐไม่ใช่งานสบาย ๆ เลย ต่อให้เขาไม่มีสอบหรือติวหนังสือลู่หานก็ต้องอยู่เวรจนดึกดื่น และเรื่องเวลานับเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง
“ไม่ได้ จะขนของด้วยรถแท็กซี่หรือไง?”
ยังยื่นคำขาดไปเสียงแข็งประสาคนโตกว่า เด็กหนุ่มรู้ดีว่าไม่ควรให้เขาต้องพูดหลายรอบ แค่นั้นเซฮุนจึงพยักหน้าตกลงแล้วกลอกตาขึ้นมองเพดานราวกับจะคิดว่าควรหาข้ออ้างอะไรไปเบี้ยวนัดเพื่อนดี
“โอเคครับ งั้นอีกสี่วันเจอกัน” แต่สุดท้ายแล้วร่างโปร่งก็หัวเราะ ให้ตายเถอะ... เขามันแพ้ทางพี่ลู่หานตลอดเลย
จะได้อยู่ด้วยกัน... ราบรื่น สวยงาม...
ลึก ๆ แล้วเซฮุนก็ดีใจอยู่เหมือนกันนั่นแหละ
ล่วงเข้าวันที่สี่แล้วที่ปาร์คชานยอลใช้เวลาหลังออกเวรนั่งง่วนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และตั้งหนังสือมหึมาที่เขาเป็นคนไปทำเรื่องขอยืมจากคณะแพทยศาสตร์ซึ่งอยู่ตึกข้างหลัง ถึงจะเป็นห้องสมุดไม่ใหญ่มากแต่หลายครั้งที่ชายหนุ่มก็ยอมรับว่ามันมีสิ่งที่ต้องการมากพอดู
เพราะไอ้สิ่งที่เขาฉงนมาตลอดสามสี่วันนี่มันยังหาคำตอบไม่ได้เลยสักนิด
ถึงจะแสดงท่าทีไม่สนใจออกไปแต่หลังจากนั้นจิตแพทย์หนุ่มก็เลือกที่จะไปขอตารางการเข้างานของนักศึกษาฝึกงานบยอนแบคฮยอนเป็นการส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคลากร หากมีเวลาว่างเขาเองก็อาจจะถือแก้วกาแฟเดินผ่านหรือเลียบเคียงถามเจ้าหน้าที่ในห้องยาคนอื่นบ้าง ซึ่งคำตอบที่ได้เป็นเสียงเดียวทั้งหมด
บยอนแบคฮยอนเป็นเด็กน่ารักสดใสอย่างที่เห็นก่อนหน้า เพียงแต่ช่วงอาทิตย์หลังมานี้คิมมินซอกแอบให้ข้อมูลว่าเด็กหนุ่มมักจะใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลเสียเป็นส่วนใหญ่ ยอมอยู่ช่วยจัดสต๊อกยาโดยไม่ลงเวลางานบ้างล่ะ หรือแม้แต่ชวนไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนบ้างเวลาที่เข้าเวรด้วยกัน
เด็กนั่นไม่ยอมอยู่คนเดียว... ถ้าเลือกได้
ก็ตรงกับอาการที่เจ้าตัวแสดงกับเขาในวันนั้นนั่นแหละ แต่ไม่ว่าจะหาข้อมูลมาประกอบอาการยังไงปาร์คชานยอลก็ลงความเห็นเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากประสาทหลอนหรืออาจจะเข้าขั้นจิตเภทเบื้องต้น
ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากด่วนสรุป เพราะไม่มีใครเป็นโรคจิตได้อย่างเฉียบพลันขนาดนี้หรอก
ปมครอบครัวก็ไม่มีอะไร ที่บ้านฐานะดี ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งให้ผู้อื่นเห็น พอขึ้นมหาวิทยาลัยไกลบ้านก็เลยย้ายออกมาอยู่แมนชั่นและคงกลับไปอยู่บ้านหลังจากเรียนจบ มีรถขับ เงินไม่ขาดมือ ผลการเรียนใช้ได้ จะให้คิดว่าเป็นเพราะต้องอยู่คนเดียวมาห้าหกปีก็ดูจะไม่เข้าเค้าเท่าไหร่นัก เพราะแบคฮยอนกลับบ้านแทบทุกสัปดาห์ถ้ามีโอกาส
ในเมื่ออาทิตย์ก่อนยังดูปกติดีทุกอย่าง แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้มีท่าทีหวาดกลัวขนาดนั้นกันนะ
เว้นแต่ว่า... จะได้เจอกับเหตุการณ์บางอย่าง
ร่างสูงเอนกายลงกับพนักก้าวอี้ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างตึงเครียด นึกไปถึงรอยข่วนตรงขาที่เขาเห็นในวันนั้นแล้วมันก็พาให้ทุกอย่างดูตื้อไปหมด รอยแผลแบบนั้นยังไงก็คงทำตัวเองไม่ได้ ที่เล็บนิ้วมือไม่มีรอยเลือด แล้วเหตุการณ์ก็เกิดคล้อยหลังเขาไปแค่ไม่กี่นาที
ยกสองมือขึ้นนวดขมับตัวเองแล้วหยิบเอาสมุดบันทึกเล่มเล็กในลิ้นชักออกมาเปิดดู หน้าหนึ่งในเล่มเป็นลายมือหวัด ๆ ที่เขาเฝ้าสังเกตอาการอีกฝ่ายอย่างห่าง ๆ มาตลอดสามสี่วัน หากแต่มันไล่ลงมาได้จนเกือบครึ่งหน้ากระดาษ
อาการที่เด่นชัดที่สุดก็ดูจะเป็นการที่บยอนแบคฮยอนเอาแต่เดิน ๆ หยุด ๆ บางทีก็หันกลับไปมองข้างหลังแล้วเร่งฝีเท้าเดินต่อ ทว่าไม่ทันไรก็หยุดตัวเองไว้อีก
‘ในตอนแรกผมก็คิดว่าผมคงแค่เบลอ ๆ เพราะนอนน้อย หรือว่าทำงานหนักอะไรเทือกนั้น แต่ผมก็เริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากสังเกตได้ว่ามันมีเสียงฝีเท้าเกินมาก้าวหนึ่งทุกครั้งที่ผมหยุดเดิน’
แล้วยังอาการย้ำคิดย้ำทำประเภทที่ว่า กดเปิดสวิทซ์ไฟซ้ำ ๆ หรือการเตือนคนอื่นให้ช่วยจำในสิ่งที่ทำไปแล้วนั่นอีก
‘แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะหมอ... บางทีผมก็รู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว มันเริ่มมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกก็แค่ก๊อกน้ำในห้องน้ำมันเปิดเอง ผมพยายามบอกตัวเองว่าก็แค่ลืมปิด แต่บางทีผมก็ตื่นมาเพราะเสียงฝักบัวในห้องน้ำบ้างล่ะ ทีวีเปิดเองบ้างล่ะ แล้วผมก็มั่นใจนะว่าผมคงไม่ลืมปิดมันแทบทุกวันอย่างนั้นหรอก เพราะผมจะต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ’
ถึงคำพูดคำจาในตอนนั้นจะดูสับสนอยู่บ้าง แต่พอมานั่งทบทวนดูแล้วชานยอลก็ไม่เห็นนัยผิดปกติในคำพูดพวกนั้นสักเท่าไหร่ เขายังได้ข้อมูลไม่พอ บางทีนัดครั้งหน้าอาจจะต้องสังเกตอาการของแบคฮยอนให้มากขึ้นอีก
เหลือบไปเห็นตารางเวรของคนในความคิดแล้วก็นึกขึ้นได้ ตอนนี้หมอนั่นคงเข้าเวรอยู่ที่ห้องจ่ายยาคนเดียว ตอนนี้สามทุ่ม เขาเองก็อยากได้กาแฟสักแก้วเหมือนกัน
หยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะหยิบเอากระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มือถือติดมือไป พอไม่ใช่เวลาราชการปาร์คชานยอลก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา เขาไม่ได้สวมชุดกราวน์สีขาว แว่นสายตาถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีสุภาพเพราะไม่ต้องใช้สายตาเพ่งอะไรมากนัก
ดันเก้าอี้ล้อเลื่อนเข้าไปในโต๊ะอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปพร้อมเสียงพวงกุญแจคุ้นหู หากแต่เรียวขายาวต้องหยุดชะงักไว้แค่นั้น
“.......”
หันกลับมาตามเสียงก็เห็นเก้าอี้ที่เขาเพิ่งดันเก็บกำลังเลื่อนถอยหลังไปจนชนกับตู้ส่งเสียงดังเล็กน้อย ร้อยวันพันปีมันไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็เพราะเป็นเก้าอี้ล้อเลื่อนชานยอลถึงได้คิดว่าวันนี้เขาอาจจะผลักเก็บมันแรงเกินไป
เดินออกไปจากห้องอย่างไม่ใส่ใจนักโดยไม่ลืมที่จะล็อกประตูห้องไว้ด้วย เพราะว่าใช้ชีวิตอยู่คอนโดมิเนียมเพียงคนเดียวหมอหนุ่มจึงไม่มีพันธะอะไรให้ต้องรีบกลับนัก ร้านกาแฟในโรงพยาบาลเปิดแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง และนั่นถือเป็นเรื่องดี
“อ้าว คุณหมอยังไม่กลับอีกเหรอคะ”
ยิ้มรับให้พยาบาลที่อยู่เวรตอนกลางคืนอย่างเป็นมิตร ร้านกาแฟอยู่ใกล้ ๆ กับโรงอาหารที่ชั้นสอง ดูจากเวลาแล้วป่านนี้คงเงียบพอสมควร
แล้วก็เป็นดังที่คิด ร้านอาหารปิดไปจนเกือบหมดแล้ว มีบ้างที่ยังอยู่ขายให้ญาติที่มาอยู่เฝ้าผู้ป่วยอย่างประปราย ร่างสูงเลี่ยงเดินเข้าไปในร้านกาแฟก่อนจะออกปากสั่งเมนูเดิมด้วยรอยยิ้มบางอย่างที่รู้กันกับบาริสต้า
“คาปูชิโนร้อนครับ”
“ทำไมวันนี้กลับดึกจังล่ะคะคุณหมอ”
บาริสต้าหญิงชวนคุยในขณะที่อัดกาแฟไปด้วย คนถูกถามได้แต่ยิ้มรับก่อนจะหยิบเอานิตยสารบนโต๊ะมาเปิดดูผ่าน ๆ ฆ่าเวลา “อยู่เคลียร์งานน่ะครับ”
รอราว ๆ สามนาทีก็ได้กลิ่นกาแฟร้อนหอมฉุยอย่างที่ชอบ หยิบเอาธนบัตรในกระเป๋าเสื้อจ่ายออกไปโดยเอาเงินทอนหยอดกล่องทิปพนักงานอย่างทุกที
เดินทอดน่องผ่านโถงกลางหน้าห้องฉุกเฉินแล้วก็เห็นว่ายังมีพอมีผู้ป่วยอยู่บ้าง แผนกจิตเวชนั้นทำงานเป็นเวลาต่างจากแพทย์ฉุกเฉินและอายุรแพทย์ส่วนใหญ่ มีบ้างที่อาจจะถูกเรียกตัวมากลางดึกช่วยแทนแพทย์ระบบประสาทเพราะอยู่ในสายที่คาบเกี่ยวกัน หรืออาจจะด้วยเหตุฉุกเฉินบางประการเช่นคนไข้ที่ประสบเหตุกระทบทางจิตใจ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นถี่นัก
ไม่ลืมที่จะเหลือบมองไปทางห้องจ่ายยาซึ่งเห็นใครบางคนกำลังจัดยาเข้าชั้นอย่างขะมักเขม้น แต่แล้วปาร์คชานยอลก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อบยอนแบคฮยอนเหมือนจะพยายามหยิบล้วงเอาอะไรออกจากปากด้วยสีหน้าคลื่นเหียนแล้วตัดใจทำงานต่อ
บางทีเขาควรจะต้องบันทึกนี่ลงไปเป็นอีกหนึ่งในการผิดปกติของผู้ป่วยคนนี้
เพราะสายตาที่สั้นเล็กน้อยหรืออะไรก็ตามแต่ ร่างของแบคฮยอนเดินไปยังตู้ยาแถวต่อไปแล้ว หากแต่กลับเผยให้เห็นใครบางคนซึ่งอาจจะถูกยืนบังไว้เมื่อครู่ ชานยอลพยายามเพ่งสายตามองหญิงสาวผมยาวซึ่งกำลังยืนมองเขาแทนที่จะเดินตามบยอนแบคฮยอนไป ใช่... ความรู้สึกมันบอกว่าหล่อนมองมาทางนี้ หากแต่เพียงละสายตาไปเพื่อหยิบแว่นในกระเป๋าขึ้นมาสวมผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมเสียแล้ว
ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็... วันนี้ เวลานี้ มีแบคฮยอนประจำห้องยาแค่คนเดียวไม่ใช่หรือไง แล้วห้องยาก็ไม่ใช่ที่ที่จะให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามได้ง่าย ๆ
ชานยอลมั่นใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาด และมันไม่ใช่เงาสะท้อนในกระจกแน่ ๆ
หากแต่พอจะยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ กลิ่นดินโคลนก็ลอยมาแตะจมูกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ปาร์คชานยอลก้มลงมองแก้วคาปูชิโนร้อนมือแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเป็นปมอีกรอบเมื่อเห็นเศษดินที่ลอยขึ้นมาจนชวนให้ดื่มต่อไปไม่ลง
ดินอาจจะติดมากับกากกาแฟอย่างไม่น่าเป็นไปได้... แต่ที่น่าคิดยิ่งกว่าคือเขาดื่มมันเข้าไปค่อนแก้วแล้วนี่สิ
คิดติดตลกเอาว่าดินคงไม่ร่วงมาจากเพดานเมื่อกี้นี้หรอกมั้ง
________________________________
ใครที่เดาเอาว่าแบคฮยอนหลอนไปเองไหมก็ชัดแล้วนะคะ 55555555
เรื่องจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ตัวละครก็เปิดตัวกันครบองค์ประชุมแล้ว
จากนี้เราจะมามันส์กัน 555555555555555555
อย่าลืมติดแท็ก #ฟปรส เวลาเม้ามอยถึงกันในทวิตนะคะ
ปล. อ่านแล้วมีฟีดแบ็กยังไงคอมเมนท์ไว้ให้กำลังใจกันหน่อยนะเลิ้บ :D
ความคิดเห็น