คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : 17 | ALL THE WRONG CHOICES
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 17 )
‘ALL THE WRONG CHOICES'
คิมจงอินถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรง หลังอาเจียนจนหมดสภาพภายในห้องปรุงยาของศาสตราจารย์ซลักฮอร์น
ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสโดนยาเสน่ห์ชนิดรุนแรง เชอร์รี ฟิลเตอร์ หล่อนเป็นใครเขายังไม่รู้จักหน้าค่าตาด้วยซ้ำ อีกทั้งพอได้รับยาแก้พิษ ไอ้ความลุ่มหลงจะเป็นจะตายที่เคยมีก็พลันหายไปเสียดื้อๆ ต่อหน้าศาสตราจารย์ประจำบ้านสลิธีรินซึ่งยิ้มเหยเก กับปาร์คชานยอลที่ยืนกอดอกอย่างสงบ เฝ้ามองเป็นรูปปั้นหน้าประตูโรงเรียนอย่างไรอย่างนั้น
“ยังดีที่คุณปาร์คควบคุมตัวเธอเอาไว้ ฉันเคยเห็นนักเรียนที่โดนยาเสน่ห์ลงทุนว่ายลงทะเลสาบเพราะถูกหลอกว่าอีกคนอยู่ใต้น้ำ”
ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นเล่า อันที่จริงแล้วน้ำยาแก้นั้นปรุงได้ง่ายมาก เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครใจกล้าใช้ยาเสน่ห์กับคนที่ตนเองชอบ เพราะความลุ่มหลงผิดธรรมชาติออกจะสร้างปัญหามากกว่าความสุข
“ผมรู้สึกแย่มากเลยตอนนี้” จงอินบ่น จากนั้นจึงโค้งตัวอาเจียนลงกระโถนเป็นรอบที่สอง
“อย่างนั้นเธอก็พักสักหน่อยเถอะ ฉันมีสอนนักเรียนปีหกในอีกห้านาที คงจะต้องขอตัวก่อน”
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วศาสตราจารย์ร่างท้วมก็เดินออกจากห้องไปพร้อมหนังสือเล่มโต เหลือเพียงนักกีฬาคนเก่งจากบ้านกริฟฟินดอร์และมือปราบมารซึ่งเป็นอดีตกัปตันทีมเท่านั้น
“ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะชวนฉันเข้าสโมสรซลัก” เขาบ่นขณะเอาตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน “ในสภาพแบบนี้? ทุเรศตัวเองชะมัด”
เป็นที่รู้กันว่าศาสตราจารย์ฮอเรซ ซลักฮอร์นมีรสนิยมชอบนักเรียนที่เก่งและโดดเด่นในด้านต่างๆ อันจะส่งผลประโยชน์ด้านเส้นสายในอนาคต ดังนั้นจึงมีการตั้งกลุ่มทางสังคมอย่างลับๆ ชื่อว่าสโมสรซลัก เอาไว้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ ระหว่างอาจารย์และกลุ่มเด็กเก่งด้วยกัน แต่ไหนแต่ไรคิมจงอินไม่สนเรื่องพวกนี้เลยสักนิด แต่ว่าโอเซฮุน... หมอนั่นเองก็เป็นทั้งศิษย์คนโปรดและดาวเด่นแห่งสโมสรซลักเช่นกัน
“ดูเหมือนนายจะโอเคขึ้นแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันไปล่ะ”
ชานยอลยอมขยับตัว หยิบเอาเสื้อโค้ตสีแดงของมือปราบมารขึ้นมาสวม ระหว่างนั้นบรรยากาศซึ่งโรยตัวลงมาท่ามกลางทั้งสองมีแต่ความเงียบ จงอินชั่งใจว่าเขาควรแกล้งทำเป็นอาเจียน หรือเลิกปิดหูปิดตาแล้วยอมรับสักทีว่าเมื่อคืนตนเองทำอะไรลงไป
เขาจูบกับชานยอล จูบอย่างที่คงไม่มีทางเกิดขึ้นหากคิมจงอินอยู่ในสถานะมีสติครบถ้วนสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นจะเอาแต่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นเชอร์รี แต่ตอนนี้กลับจำทุกอย่างได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะรสสัมผัสหรือแม้แต่แววตาเจ็บปวดยามพร่ำพูดถึงความรักที่ไม่สมหวัง หากทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นที่ใช้แก้ปัญหาตลอดมา มีหวังตัวเขาคงกลายเป็นคนน่าสมเพชและชวนอาเจียนอย่างที่ถูกครหาเข้าจริงๆ
“เมื่อคืนนี้ขอโทษนะ” จงอินโพล่งขึ้นก่อนชานยอลจะเดินออกไป มือปราบมารหนุ่มยังคงรักษาสีหน้าราบเรียบ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มเช่นที่ใช้เป็นปกติเมื่อคุยกับผู้อื่น
“ไม่เป็นไร ฉันปล่อยให้นายไปสร้างความเดือดร้อนไม่ได้หรอก”
“ฉันหมายถึงเรื่องที่ฉันจูบนาย” เขาพูดทะลวงกลางปล้อง ถึงตรงนี้ ทั้งใบหน้าและลมหายใจร้อนวาบขึ้น “ตอนนั้นฉันคิดว่าเป็นเชอร์รีจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจที่จะ --”
จงอินชะงัก เรียบเรียงคำพูดไม่ถูกว่าควรสื่อสารออกไปอย่างไร เมื่อนึกถึงปาร์คชานยอลซึ่งเป็นฝ่ายจู่โจมจูบเขาหลังจากนั้น ก่อนจะผละออกแล้วใช้เวทมนตร์ทำให้เข้าสู่นิทราแต่โดยดี เพียงเท่านั้นจงอินก็เข้าใจความหมายของคำพูดทุกอย่างที่ถูกพูดใส่ เขากับผู้ชายคนนี้อาจเรียกได้ว่าใกล้เคียงการเป็นอดีตคนรัก มันเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และจบลงด้วยความไม่เข้าใจ
“ช่างเถอะ ฉันทำให้นายรู้สึกแย่อีกแล้วสิท่า” การตัดบทคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ซีกเกอร์หนุ่มไม่ต้องการให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้ ยิ่งพูดก็มีแต่จะแย่ลง เขาต่างหากที่เป็นจอมโง่เง่าของแท้ ไม่ใช่ปาร์คชานยอลหรือว่าใครหน้าไหนเลย
“นายล่ะ รู้สึกแย่หรือเปล่ากับเรื่องเมื่อคืน”
ท้ายแล้วอีกฝ่ายกลับถอนหายใจ คนถูกถามได้แต่อึกอัก ไม่รู้ควรตอบอย่างไรจึงจะไม่ทำให้เกิดบรรยากาศแปลกๆ ขึ้นอีก
“ก็เปล่า... เพียงแต่มันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก” จงอินตอบตามตรง หากมีเพียงเขาที่ขาดสติ หากว่าชานยอลไม่ได้จูบตอบ อะไรๆ คงง่ายกว่านี้มาก “มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย”
ใช่ครั้งแรกเสียเมื่อไรที่เขาเป็นฝ่ายจูบชานยอลก่อน และเพราะร่างกายไม่ได้ต่อต้าน จงอินถึงรู้ว่ามันเป็นความอ่อนไหวที่น่ากลัวเพียงไร ตะกอนที่ตกค้างค่อยๆ ถูกกวนขึ้นจนความบริสุทธิ์ใจกลับขุ่นมัว สิ่งต่างๆ ซึ่งแสดงต่อกันมาก่อนหน้านี้ก็แค่ถูกสร้างขึ้นบังหน้า เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าทั้งคู่ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
ความอึดอัดภายในห้องปรุงยาทำให้หายใจได้ลำบาก คิมจงอินไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาผ่านการมีสัมพันธ์กับผู้ชาย เคยชินที่จะถูกกอด จูบ หรือแสดงความต้องการอย่างลึกซึ้ง ผิดจากตอนปีห้าที่คิดและทำสิ่งต่างๆ อย่างไม่เป็นเหตุเป็นผลและไม่ตระหนักถึงผลลัพธ์ของมัน เวลาไม่ได้ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ในเมื่อไม่มีสิ่งใดมาหักล้างทำลายความคลางแคลงจนมันจางหาย
“อันที่จริง” จงอินลูบมือตนเองเบาๆ มันยากกับการรวบรวมความกล้าและเรียบเรียงความรู้สึกก่อนจะพูดอะไรสักอย่าง “เกิดอะไรขึ้นกับนายเมื่อสองปีก่อนกันแน่”
“...” ชานยอลมองเขา
“มาคิดๆ ดูแล้วมันไม่ยุติธรรมเลย ฉันเป็นฝ่ายที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็กลัวเกินกว่าจะถามออกไป”
มองมาด้วยสายตาลุ่มลึกที่แทบอ่านไม่ออก และภายใต้ความสงบเงียบนั้น จงอินรู้สึกได้ถึงคลื่นใต้น้ำซึ่งกำลังก่อตัวขึ้น ชานยอลคิดอะไรมากมายอยู่ภายในหัว คิดโดยที่ไม่พูดบอกออกมาอย่างหมดเปลือก เป็นเรื่องร้ายแรงแค่ไหนถึงทำให้คนคนนี้ยอมตัดขาดจากกันได้ คิมจงอินทำอะไรลงไป วันนี้เขาจะได้กระจ่างใจสักที
“ตกลง” มือปราบมารหนุ่มตอบรับ “ฉันจะไม่เล่นลิ้นและเอาอารมณ์ไปผูกอยู่กับเรื่องนั้นอีกแล้ว”
ร่างสูงใหญ่เดินกลับสู่กลางห้อง ลากเก้าอี้ไม้ใกล้ๆ มาแล้วทิ้งตัวลงนั่งลงเยื้องกับตรงที่เขานั่งอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตกัปตันเชิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากได้รูปจะเริ่มเปิดปากพูดถึงสิ่งที่ติดค้างระหว่างคนทั้งสองมาตลอดสองปี
“ฉันเชื่อว่านายมีความสัมพันธ์กับโอเซฮุน”
ลมหายใจจงอินขาดห้วง หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“เชื่ออย่างหมดใจหลังได้เห็นพวกนายจูบกันและเข้าไปในห้องต้องประสงค์”
ภาพคืนนั้นหวนย้อนกลับมาในความทรงจำ นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาเข้าห้องประสงค์พร้อมโอเซฮุนเมื่อตอนปีห้า คิมจงอินในตอนนั้นแน่ใจว่าตนเองไม่มีความรู้สึกใดๆ เขาเกลียดเซฮุน ชิงชังและหวังจะรู้ให้ได้ว่าหมอนั่นทำอะไรไม่ดีอยู่ ส่วนการจูบเป็นเรื่องฉาบฉวย -- เป็นแค่การกลั่นแกล้งในสายตาของจงอินก่อนจะรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอะไรกับตนก็เท่านั้น
ถึงอย่างนั้นจะสำคัญอะไร ในเมื่อตอนนี้เหตุผลเหล่านั้นมันใช้ไม่ได้อีกแล้ว
เขาก้มหน้า กัดริมฝีปากจนเจ็บช้ำ “ฉันขอโทษ”
ต่างฝ่ายต่างเงียบอย่างคนที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ บางทีปาร์คชานยอลอาจอยากรีบไปจากที่นี่เต็มที หรืออาจเป็นจงอินเองก็ได้ที่อยากจะหายตัวไปเสีย เขาเข้าใจเหตุผลของความหมางเมิน เข้าใจแม้กระทั่งพูดดูถูกดูแคลนแปลกๆ ในหอนอนกริฟฟินดอร์ตอนนั้น นึกแล้วก็รังเกียจตนเองเหลือทน ที่ชานยอลกล่าวว่าคิมจงอินชอบแสร้งทำเหมือนคนไม่รู้อะไรนั้นไม่เกินจริงเลยสักนิดเดียว
‘นายเคยรักใครจนรู้จักความทรมานที่ไม่ได้เจอด้วยหรือ เคยอดทนที่จะไม่พูด ไม่คุย หรือทำตัวเป็นคนไม่รู้จักกันบ้างหรือเปล่า เคยเป็นบ้าเพราะใครสักคนไหม ทั้งเจ็บปวด ทั้งแค้นเคือง แต่ก็ไม่รู้จะกล่าวโทษใครได้’
เขามันเด็กเอาแต่ใจที่ไม่รู้สึกรู้สากับความใจร้ายของตนเอง แล้วเมื่อคืนนี้ยังจะทำตัวแบบนั้น...
“ฉันขอโทษนะ ชานยอล”
ทำตัวเป็นผู้ถูกกระทำทั้งที่เป็นฝ่ายล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่น ใครเล่าจะแย่ได้เพียงนี้ ใครที่กล้าทำตาซื่อตาใส ไม่สำนึกว่าสิ่งที่ตนเป็นมันผิดแปลกจากความปกติแค่ไหน ถึงรู้สึกผิดขนาดนั้น แต่จงอินก็คิดไม่ออกว่าจะสามารถแก้ไขอดีตได้อย่างไร ในเมื่ออดีตที่ผ่านมาล้วนส่งผลสู่ตัวเขาในตอนนี้ เขาที่รู้ดีว่าตนเองกำลังทำอะไร กำลังพิเศษต่อใคร และกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไรกับหัวใจดวงนี้
ปาร์คชานยอลคงชินชากับการกล้ำกลืนความรู้สึกที่มีเสียแล้ว มือปราบหนุ่มถึงได้หยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาในตอนนี้เลย
“อย่าทำเหมือนว่านายเสียใจ เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกแย่จริงๆ”
ในที่สุดความรู้สึกบางอย่างก็ถูกปลดล็อก เขาเงียบฟังจนกระทั่งชานยอลเดินออกไป ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าช้าๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาโดยไม่คิดกลั้นเอาไว้
คริสตัล จองมองระวังซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในกรอบสายตาจึงค่อยๆ พาตนเองออกจากหมวดหนังสือต้องห้าม การแอบเข้ามาบริเวณนี้โดยไม่มีลายเซ็นรับรองของศาสตราจารย์สักคนถือเป็นความผิด และคริสตัลก็ไม่คิดว่าจะมีใครสนับสนุนให้เธอตามหาตำราคาถาลบความทรงจำโดยไม่ไถ่ถามเหตุผลด้วย เพราะว่าบิดาทำงานในกระทรวง เธอจึงพอจะเคยได้ยินมาบ้างว่านี่เป็นเวทมนตร์ขั้นสูง ลำพังนักเรียนชั้นปีเจ็ดสองคนจะทำสำเร็จแค่ไหนก็สุดจะรู้
หากสองขากลับห้องชะงัก หัวใจตกลงถึงปลายเท้าเมื่อเห็นใครบางคนค่อยๆ เดินออกมาจากที่ซ่อนหลังชั้นหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในยุคกลาง คริสตัลไม่รู้ว่านักเรียนสลิธีรินตรงหน้าชื่ออะไร แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นอีกฝ่ายในฐานะพรีเฟ็คบ่อยครั้ง
“คริสตัล จอง” คนตรงหน้าพูดทั้งรอยยิ้ม “มาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ที่โซนหนังสือต้องห้ามอย่างนี้ครับ”
“มีธุระอะไรกับฉัน” เธอถาม จงใจเรียกชื่อกันเช่นนี้ น่ากลัวว่าคนคนนี้จะล่วงรู้ความลับบางอย่างเข้า
“คุณมีส่วนกับการหายตัวไปของเซเลน่า โกเมซสินะครับ?”
คริสตัลเผลอบีบหนังสือในมือแน่น เสียงกลองเตือนภัยดังรัวในใจอย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง
“คิดจะศึกษาคาถาลบความจำหรือ ที่จริงแล้วผมก็อยากลองคาถาใหม่ที่เพิ่งฝึกมาเหมือนกัน” เขายิ้มไม่หุบ มิหนำซ้ำยังสาวเท้าเข้ามาใกล้จนคริสตัลเผลอถอยหนีโดยไม่รู้ตัว “รุ่นพี่สกัดใจเก่งกว่ามาก เพราะอย่างนั้นผมถึงอ่านใจเขาไม่ออกสักที แต่กับคุณแล้วมันผิดกันเลย”
“เธอจะทำอะไร...” เธอกล่าวเสียงสั่น พยายามมองหาทางหนีทีไล่ไปจากตรงนี้ ด้านนอกมีนักเรียนคนอื่นที่กำลังใช้งานห้องสมุดและบรรณารักษ์อย่างมาดามพินซ์อยู่ ถ้าออกไปจากตรงนี้ได้...
“สายไปแล้วครับ”
ทว่าไม้กายสิทธิ์ของอีกฝ่ายกลับชี้ตรงมา ก่อนริมฝีปากจะพึมพำคาถาบางอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
“อิมเปริโอ”
เมื่อนั้น คริสตัลปล่อยตำราคาถาลบความจำทิ้งลงพื้น ราวกับมันไม่มีความสำคัญใดๆ อีก
เมื่อสติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วน คิมจงอินจึงระลึกได้ถึงความผิดปกติที่บังเอิญเห็นระหว่างไปตามหาเชอร์รี ฟิลเตอร์
เขาหวนนึกถึงการพบกันของโอเซฮุนและคริสตัลที่คุกใต้ดิน นอกจากเรื่องชู้สาวแล้วคงคิดเป็นอื่นไม่ได้ แต่ทว่าองค์ประกอบหลายๆ อย่างก็น่าสงสัยจนเกินไป ไม่ว่าจะการทำตัวแปลกๆ ของคริสตัล จองในช่วงหนึ่งปีหลัง หรือแม้แต่การที่สองคนนั้นรู้จักมักจี่จนถึงขั้นควงคู่กันไปงานเต้นรำ ถ้าคิดตื้นๆ ก็พอมองผ่านไปได้ แต่ทำไมถึงต้องลับๆ ล่อๆ พบเจอกัน มิหนำซ้ำยังเป็นในถิ่นของเซฮุนอีก
จงอินไม่สบายใจ จะด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือความสงสัยซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้ก็ตาม เป็นไปได้หรือไม่ที่คุกใต้ดินจะมีอะไรบางอย่าง แล้วทำไมถึงเป็นคริสตัล ทำไมโอเซฮุนถึงอยู่กับหล่อน
คิดแล้วก็พับหนังสือปิดอย่างหงุดหงิด คีย์กับแทมคงจะชินเสียแล้วกับพฤติกรรมเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเสียแล้วถึงได้เลิกสนใจ ไม่นานมานี้ก็คาดคั้นเรื่องเชอร์รีจนได้รู้ว่าเขาโดนยาเสน่ห์ ถึงกับหัวเราะท้องคัดท้องแข็งไป ส่วนคราวนี้จะมีอะไรอีก แทมนึกอยากให้จงอินเขียนไดอารี่ส่วนตัวเพื่อออกหนังสือชีวประวัติขายในอนาคตจริงๆ
พอทำท่าจะลุกจากเตียง เพื่อนรักก็ท้วงเสียงยานคาง
“ต้องแข่งพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่หรือ นายหาวิธีดำน้ำหนึ่งชั่วโมงได้แล้วหรือไง”
ซีกเกอร์หนุ่มชะงัก เกาศีรษะแล้วอ้อมแอ้มตอบเสียงอ่อน “ยัง เลยว่าจะไปเดินเล่นสักหน่อย”
“จะไปหาใครอีกล่ะคราวนี้”
“ฉันไม่ได้โดนยาเสน่ห์หรอกน่า สาบานกับเมอร์ลินได้” เขารีบยืนยันกับเพื่อนทั้งสอง ต่อให้ยังคิดวิธีเข้าร่วมภารกิจในวันพรุ่งนี้ไม่ออก แต่ใจกลับพานนึกถึงแต่คุกใต้ดินจนต้องไปดูให้รู้
“ทั้งที่เราช่วยนายหาทางออกแทบตาย” แทมชูหนังสือพืชน้ำวิเศษเมดิเตอร์เรเนียนและสรรพคุณขึ้น
“ใช่ ทั้งที่เราช่วยหาแทบตาย” ส่วนคีย์ชูหนังสือเวทมนตร์คาถากับการเอาตัวรอด
ชายหนุ่มผิวแทนกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอเพราะเกิดรู้สึกผิด ถึงอย่างนั้นก็ยังกระโจนลงจากเตียงและพุ่งไปยังประตู สวมรองเท้าจนเรียบร้อยก่อนจะหันมาโบกไม้โบกมือปัดๆ
“เดี๋ยวฉันกลับมาเพื่อน! แค่ไปยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”
ไม่ทันไรเขาก็มาโผล่ที่คุกใต้ดินอีกครั้ง มิหนำซ้ำยังเกือบโดนฟิลช์จับได้เพราะเจ้าพีฟส์ปากเปราะอีกต่างหาก จงอินพยายามมองซ้ายมองขวา ทบทวนว่าเมื่อคืนก่อนเห็นคริสตัลเดินไปทางใด อีกใจก็ก่นด่าตนเองว่าสู่รู้เกินเหตุ หรือต้องเจออะไรในห้องนั้นจริงๆ เล่าถึงจะสบายใจได้ว่าสองคนนั้นไม่ได้...
โอ๊ย คิมจงอิน เจ้าคนงี่เง่าเต่าตุ่น! คิดอะไรเป็นเด็กผู้หญิงไปได้
ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะเป็นหัวมุมนั้น แล้วก็เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย จนกระทั่ง --
“มาทำอะไรที่นี่”
เขาสะดุ้งก่อนจะหมุนตัวไปมองด้านหลัง พบเข้ากับโอเซฮุนในชุดลำลองยืนจังก้า คิ้วเลิกขึ้นแทนประโยคคำถาม จงอินแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เอาล่ะ คราวนี้เขาเตรียมข้ออ้างดีๆ มาพร้อมแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าชายสลิธีรินหรือใครหน้าไหนก็ไม่พลาดท่าหรอกน่า
“ฉันไล่จับพีฟส์จนหลงมา”
“นายน่ะหรือทะเลาะกับพีฟส์?”
เซฮุนหรี่ตามองอย่างจับผิด ร่างสูงโปร่งก้าวเท้าพาตัวเข้ามาใกล้ จนกระทั่งประชิดติดตัวกัปตันทีมจากบ้านกริฟฟินดอร์ แววตาเจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นกายวาววับ
“โกหก อันที่จริงแล้วคิดถึงโอเซฮุนจนทนไม่ไหวใช่หรือเปล่า สารภาพมาเสียดีๆ”
“หลงตัวเองเกินไปแล้วมั้ง” เขาเบือนหน้าหนี ที่ว้าวุ่นใจเพราะมีหมอนี่เป็นต้นเหตุก็ไม่ผิดจากความเป็นจริงสักเท่าไรหรอก เพียงแต่มันไม่ใข่แค่ความคิดถึงบ้าบอสักหน่อย ต้องเรียกว่าร้อนใจถึงจะถูก “บอกแล้วไงว่าแค่หลงมา เดี๋ยวจะกลับหอนอนแล้ว”
ดูท่าคืนนี้คงหมดสิทธิ์สำรวจห้องที่ว่านั่น โชคชะตาเล่นตลกให้เจอกันแบบนี้ ขี้คร้านต้องถูกตามติดเหมือนทุกทีแน่ แต่คืนนี้เป็นคืนสำคัญ เขาสัญญากับเพื่อนทั้งสองไว้แล้วว่าจะกลับไปคิดหาวิธีดำน้ำหนึ่งชั่วโมง ฉะนั้นแล้วกับหมอนี่คงไม่ --
“อย่างนั้นก็ดี เพราะฉันมีธุระต้องไปทำเหมือนกัน” ทว่าอีกฝ่ายกลับถอยออกไปโดยง่าย ได้ยินเช่นนั้นจงอินก็เบิกตาโพลง แปลกใจจนหลุดโพล่งถามออกไป
“จะไปไหน?”
เซฮุนกะพริบตาปริบ ทำเอาคิมจงอินอยากตบศีรษะตนเองนักที่เผลอทำอะไรโง่ๆ อีกแล้ว ก็ถ้าแยกกันตอนนี้ โอเซฮุนคงแอบไปทำอะไรๆ ที่เขากำลังติดใจสงสัยอยู่เป็นแน่
“ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นเรียกพบน่ะ คงอยากให้ช่วยเรื่องงานชุมนุมสโมสรซลักที่กำลังจะจัดขึ้น” ไม่รู้ว่าตนกำลังทำสีหน้าอย่างไร พอหมอนี่เห็นถึงได้หลุดยิ้มขำอย่างนั้น “อะไรกัน หรือว่าคืนนี้นายอยาก...”
“โธ่เว้ย หุบปากซะ” เขาอดทนไม่พูดต่อ
ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของเซฮุนนานมากแล้ว อย่างน้อยก็นานในความรู้สึก ดังนั้นถึงมันจะน่าหมั่นไส้จนอยากสาปให้ส่งเสียงไม่ได้ตลอดไปก็ตาม แต่ความหนักอึ้งในใจจงอินกลับเบาบางลงจนเขายังแปลกใจ ครั้นอยากลองเอ่ยถามเรื่องคริสตัลก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรอีก มีช่องว่างของความไม่รู้มากมายเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ ถึงกระนั้นคืนนี้ก็วุ่นวายเกินกว่าจะมีเวลาให้พูดคุยกัน
“คิมจงอิน” ก่อนเดินจากไป เซฮุนเอ่ยเรียกเขาเอาไว้ “การประลองเวทในวันพรุ่งนี้... มีอะไรที่น่ากังวลหรือเปล่า”
คนถูกถามเม้มปาก ชั่งใจว่าถ้าลองถามหมอนี่ออกไปอาจจะได้วิธีการดีๆ กลับมาก็ได้ แต่ตอนชิงไข่มังกรเขาก็พึ่งวิธีของเซฮุนไปครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้ถ้ายังไม่คิดหาทางออกด้วยตนเองอีกคงละอายใจน่าดูที่ชิงตำแหน่งตัวแทนมาได้
“อย่างฉันคงผ่านฉลุยอยู่แล้ว นายไม่ต้องมายุ่งหรอก” พูดแล้วก็คว่ำนิ้วหัวแม่มือลงเป็นท่าห่วยแตกทิ้งท้าย เหลือเวลาอีกนิดหน่อย อย่างไรคืนนี้ก็ต้องได้คำตอบอย่างแน่นอน
ผ่านพ้นภารกิจที่สองไปแล้วเขาจะกลับมาสำรวจคุกใต้ดินอีกครั้ง ตามหาห้องนั้นให้เจอ เพื่อจะได้รู้แน่ชัดว่าโอเซฮุนกับคริสตัล จองปิดบังสิ่งใดอยู่กันแน่
“สวัสดีทุกคน! เมื่อคืนนี้สิ่งสำคัญบางอย่างได้ถูกขโมยไปจากตัวแทนของพวกเรา ของสามสิ่ง หนึ่งคนต่อหนึ่งอย่าง สิ่งนั้นกำลังรออยู่ที่ก้นทะเลสาบ”
เสียงของลูโด แบ็กแมน หัวหน้ากองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ประกาศด้วยเสียงดังลั่น ริมทะเลสาบขนาดใหญ่ของฮอกวอตส์ซึ่งมีการต่อเติมหอคอยลอยน้ำขึ้นแทนอัฒจรรย์ นักเรียนส่วนหนึ่งส่งเสียงร้องเชียร์ลงมาจากที่นี่ ส่วนอีกส่วนชูป้ายเชียร์คิมจงอินอยู่ริมชายฝั่ง มาถึงตอนนี้สังเกตได้ว่านักเรียนชายบางคนกลับเลือกที่จะเชียร์โบซ์บาตงแทนเสียแล้ว
“บัดนี้ตัวแทนของเราพร้อมสำหรับภารกิจที่สองแล้ว ซึ่งจะเริ่มทันทีที่มีเสียงนกหวีด ทุกคนมีเวลาหนึ่งชั่วโมงที่จะไปนำของที่ถูกลักพาไปกลับคืนมา”
ดาโกต้า แฟนนิ่งอยู่ในชุดว่ายน้ำรัดรูปจนเห็นทรวดทรงสรีระของเธอ ส่วนนิก โรบินสันและจงอินสวมเสื้อกล้ามสกรีนตราโรงเรียนกับกางเกงขาสั้น เขาเห็นนิกกินอะไรบางอย่างและกลืนมันลงท้องด้วยสีหน้าพะอืดพะอม ถึงไม่อยากรู้ว่าคืออะไรแต่เดาได้ว่าคงเป็นพืชสักอย่างในหนังสือเล่มที่แทมอ่าน และคิมจงอินก็ตัดสินใจปฏิเสธวิธีในนั้นทันทีที่รู้ว่ายังไม่ได้รับการรับรองจากนักสมุนไพรวิทยา
รสชาติของมันคงจะแย่ เขาคิด เชื่อว่าวิธีที่ตนเองได้มาจากหนังสือของคีย์ฟังดูดียิ่งกว่า
“และต้องขอโทษด้วยที่เราแอบใช้คาถาพินิจใจกับพวกเธอ”
คำของลูโด แบ็กแมนทำเอาเขาตาเหลือก ตั้งแต่เมื่อไรกันที่โดนอ่านใจ ตั้งแต่เมื่อไรที่เปิดโอกาสให้รู้ความคิดไปถึงไหนต่อไหน ขอทีว่าอย่าให้ถูกมองทะลุใจในตอนที่เขาคิดอะไรประหลาดๆ เกี่ยวกับโอเซฮุน อย่างเช่นสัมพันธ์ในคืนล่าสุดหรือการโต้เถียงกับตนเอง เขาอยากฟ้องกระทรวงข้อหาละเมิดสิทธิพ่อมดเสียจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเสียงนกหวีดจะดังขึ้นเสียก่อน
ทั้งสี่กระโดดลงน้ำเย็นๆ ในปลายฤดูหนาวก่อนต่างคนจะเริ่มเปลี่ยนแปลง ดาโกต้ากลายส่วนบนเป็นปลาและแหวกว่ายลงสู่ก้นทะเลก่อนใคร ขืนคีย์ได้มาเห็นภาพนี้คงช็อกจนตาตั้งแน่ๆ ส่วนนิกก็เริ่มดิ้นพล่านไปมาทั้งสีหน้าบิดเบี้ยว ก่อนจะเกิดร่องเหงือกบริเวณสันกรามเหมือนกับปลา ส่วนเท้าและมือปลายเป็นพังผืด ส่งผลให้ว่ายน้ำได้ไวจนพุ่งทะยานไปเป็นคนที่สอง
วิธีของสองคนนั้นมันสุดโต่ง จงอินบ่นในใจขณะที่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นเสกคาถาฟองอากาศครอบศีรษะเอาไว้ โกยลมหายใจเข้าจนเต็มปอด จากนั้นจึงดำดิ่งตามตัวแทนทั้งสองไปติดๆ ด้วยสองมือและสองเท้าอย่างมนุษย์ เขาเกิดมาเพื่อเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว ถ้าภารกิจนี้ง่ายแค่ต้องหาของสำคัญเหล่านั้นให้เจอก็คงผิดจากรูปแบบของการประลองเวทไตรภาคีไปหน่อย
ไม่ทันขาดคำก็เจอเข้ากับโพรงขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยสาหร่ายและพืชน้ำขึ้นสูงจนมองไม่เห็นทัศนียภาพเบื้องหน้า ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร หูก็แว่วเสียงเงือกดังมาจากอีกฝั่ง เป็นเสียงซึ่งแหวกทะลุผืนน้ำและร้องเรียงเป็นเพลงเช่นเดียวกับไข่ทองคำไม่ผิดเพี้ยน จึงสรุปได้ว่ามีแต่ต้องฝ่าโพรงใต้น้ำนี่ไปเท่านั้น ไม่แน่ว่าป่านนี้ดาโกต้ากับนิกอาจจะใกล้ถึงจุดหมายแล้วก็เป็นได้
เป็นอย่างที่คิดว่าพอว่ายเข้ามาในโพรงแล้วกลับมองอะไรแทบไม่เห็น หากวอกแวกแค่นิดเดียวคงหลงทิศในทันที สายตาซีกเกอร์มองเห็นความเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่างตามหางตา ดังนั้นขายหนุ่มจึงรีบว่ายตรงไป หวังออกจากจุดยุทธศาสตร์ที่ทำให้ตนเสียเปรียบมากที่สุด
“...!”
คิมจงอินสะดุ้งเฮือกเมื่อข้อเท้าถูกดึงกระชากลงสู่เบื้องล่าง ครั้นมองลงไปก็เห็นกรินดี้โลว์นับสิบนับร้อยตนกำลังว่ายวนอยู่ในดงพืชน้ำ มิหนำซ้ำยังหวังจะสังหารเขาด้วยวิธีการง่ายๆ อย่างนี้ด้วย นิ้วของมันยาวจนรัดขาได้รอบ ส่วนขาที่มีลักษณะคล้ายหนวดปลาหมึกก็ยุบยับน่ารำคาญ ขืนถูกล้อมมากกว่านี้ได้มีอันเพลี่ยงพล้ำจริงๆ แน่
“รีแลชชีโอ!”
ทันที่ที่เอ่ยคาถา กระแสน้ำร้อนจำนวนมากก็พุ่งออกจากปลายไม้กายสิทธิ์จนบรรดากรอนดี้โลว์ต่างพากันว่ายหนีออกไปด้วยความตื่นตระหนก ร่างกายเขาเป็นอิสระ ซีกเกอร์หนุ่มรีบว่ายน้ำต่อไปเพื่อให้พ้นจากบริเวณอันตรายนี้โดยไว หากยังอยู่ใต้น้ำ อย่างไรก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบเจ้าถิ่นอย่างพวกมัน
ของสำคัญที่ถูกลักพาไปอย่างนั้นหรือ... จะเป็นอะไรไปได้ ขนาดเมื่อคืนลองตรวจสอบข้าวของพร้อมแทมกับคีย์อีกครั้งหนึ่งแล้ว ยังไม่พบเลยว่ามีอะไรหายไป
ในที่สุดก็ฝ่าอุปสรรคใหญ่ออกมาได้ เบื้องหน้าคือสิ่งปลูกสร้างใต้น้ำซึ่งมีลักษณะคล้ายกับซากปรักหักพังของปราสาท ถูกว่ายวนด้วยชาวเงือกจำนวนมาก จงอินคาดว่าอย่างนั้นถึงแม้พวกมันจะมีลักษณะต่างจากภาพวาดบนกระจกในห้องน้ำพรีเฟ็คมากมายก็ตาม เงือกไม่ได้มีส่วนใดสวยงาม ทั้งหน้าตาหน้าเกลียดน่ากลัวและหางต่างขาซึ่งทำให้ว่ายน้ำได้ไวนั่นก็อีก ทั้งยังติดอาวุธเอาไว้ครบมือ ราวกับคอยเฝ้าระวังผู้ใดก็ตามที่กล้าบุ่มบ่ามบุกรุกเข้าไป
ตอนนี้เวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว จงอินไม่แน่ใจนัก รู้แต่ว่าคงต้องรีบบรรลุภารกิจนี้เข้า เขาสังเกตทิศทางการว่ายของชาวเงือกว่ามีรูปแบบอย่างไร แล้วจึงพบว่าซุ้มประตูโค้งทางด้านหนึ่งถูกเปิดโล่งเอาไว้ เป็นไปได้ว่านั่นคือทางเข้าของภารกิจนี้นั่นเอง
คิดได้ดังนั้นเขาก็ไม่รอช้า รีบว่ายตรงไปยังทางที่คิดไว้ นิกซึ่งไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนพุ่งเข้ามาว่ายตีคู่ นิกช่วยส่งภาษามือบอกว่าเหลือเวลาไม่มาก จากนั้นจึงว่ายนำเข้าไปทางด้านในโดยมีคิมจงอินตามไปติดๆ ท้ายแล้วสิ่งสำคัญที่ไข่ทองคำว่าเอาไว้ก็ปรากฏชัดต่อสายตา มนุษย์เป็นๆ ทั้งสามคนถูกพันธนาการมือและเท้าเอาไว้กลางน้ำ เบื้องล่างคือฝูงกรินดี้โลว์ซึ่งเฝ้าจับตาเหยื่อของพวกมันหลังผ่านพ้นหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว
ทางซ้ายสุดคือเวนดี้ ซนจากบ้านเรเวนคลอ ตรงกลางเป็นนักเรียนชายคนหนึ่งในคณะโบซ์บาตง และขวาสุดคือบุคคลที่คิมจงอินไม่อนากจะยอมรับมากที่สุด หากตัวประกันในครั้งนี้ถูกคัดเลือกจากการพินิจใจชั่วขณะแล้วละก็ น่าอายสิ้นดีที่หัวใจของเขาในตอนนั้นทำเรื่องไม่เข้าท่าอย่างการคิดถึงศัตรูตัวฉกาจแห่งบ้านสลิธีริน แต่ก็ดีกว่าให้คีย์หรือแทมมาเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ จงอินพยายามแก้ตัว
นิกพุ่งตัวไปทางซ้ายสุดแล้วหาทางแก้มัดให้เวนดี้ ไม่ยักรู้ว่าหมอนี่กำลังคบหาสาวฮอกวอตส์กับเขาด้วย คิมจงอินมองโอเซฮุนซึ่งอยู่ในสภาพหลับใหลไม่ได้สติอยู่ตรงหน้า ยังอยู้ในขุดเดียวกับที่ได้เจอเมื่อคืนด้วยซ้ำ คาถาฟองอากาศครอบศีรษะแบบเดียวกันถูกใช้กับตัวประกันทุกคน น่ากังวลว่าพอพ้นหนึ่งชั่วโมงไปแล้วคาถาเหล่านี้จะหายไป และตัวประกันที่ไม่ถูกช่วยเหลืออาจสิ้นชีพอยู่ใต้น้ำนี้ ไม่หวนคืนตลอดกาลดังในบทเพลงเงือก
โอเซฮุนนี่น่ะหรือคือสิ่งสำคัญของคิมจงอิน... พวกคณะกรรมการประลองเวทช่างทำอะไรไม่เข้าเรื่องเสียจริง
“รีแลชชีโอ” เขาพยายามแก้มัดเชือกที่เท้าก่อนเป็นอย่างแรก คาถาปลดพันธนาการแบบเดียวกับที่ใช้ใส่พวกกรินดี้โลว์เปลี่ยนจากกระแสน้ำร้อนกลายเป็นประกายไฟใต้น้ำขนาดเล็ก จากนั้นเชือกที่มัดแน่นก็ค่อยๆ คลายตัวออกจนขาของเจ้าชายสลิธีรินเป็นอิสระ
ส่วนนิกใช้มีดพกที่ติดมาด้วยช่วยเหลือเวนดี้และพาตัวขึ้นไปได้สำเร็จเป็นคนแรก ไม่รู้ทำไมป่านนี้ดาโกต้ายังไม่มาอีก เธอควรจะรีบทำเวลาเหมือนกันไม่ใช่หรือ พอคิดอย่างนั้นก็เห็นคนครึ่งปลากำลังว่ายตามมาทางนี้ นั่นคือดาโกต้าในรูปลักษณ์แบบเดียวกับที่เขาเห็นก่อนหน้า ขาของเธอถูกเกาะด้วยพวกกรินดี้โลว์สะบัดไม่หลุดสองสามตัว ร้อนถึงจงอินที่อดไม่ได้ต้องยิงคาถาปลดพันธนาการช่วยเพื่อให้ดาโกต้ามาถึงตัวประกันโดยไว
เขาควรหันกลับมาให้ความสนใจกับโอเซฮุนต่อ คาถาฟองอากาศเริ่มแฟบตัวลงแล้ว แสดงว่ากำลังจะครบหนึ่งชั่วโมงในอีกไม่ช้า “รีแลช --”
จงอินเสียหลักไปเล็กน้อยเพราะถูกกรินดี้โลว์ว่ายชน เจ้าพวกนี้คงตั้งใจจะก่อกวนให้ถึงที่สุด ส่วนบรรดาชาวเงือกก็พากันเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมสัตว์วิเศษใต้อาณัติเลยสักนิด ดาโกต้าพาคนของเธอว่ายหนีสำเร็จแล้ว เขาเองคงจะได้ขึ้นไปพร้อมๆ กับเธอ ถ้าไม่เพียงแต่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเมื่อสักครู่จะส่งผลยิ่งใหญ่กว่าที่คิด
แขนเสื้อของโอเซฮุนถูกประกายไฟจากคาถาครั้งล่าสุดจนเกิดรอยขาดเป็นทาง เผยให้เห็นตราประทับน่าขนลุกรูปงูและหัวกะโหลกบนท้องแขน คิมจงอินเบิกตาโพลง ร่างกายนิ่งงันเหมือนโดนสะกดนิ่ง เพราะว่าครอบครัวทำงานอยู่ในกระทรวงเวทมนตร์ เขาจึงมีโอกาสได้พบเห็นตรานี้โดยบังเอิญเมื่อนานมาแล้ว
ซึ่งถ้าเข้าใจไม่ผิด นี่คือสิ่งที่ถูกเรียกว่า --
“แค่ก...”
โอเซฮุนฟื้นคืนสติเมื่อฟองอากาศหายไปจนหมด ก่อนจะสำลักน้ำอย่างทรมานจนจงอินต้องรีบปลดพันธนาการเชือกที่ข้อมือแล้วพาว่ายขึ้นสู่ด้านบนโดยไว สิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่ยังคงกวนใจเขาไม่หยุด ราวกับความรู้สึกบางอย่างในหัวใจกำลังดำดิ่งสู่ความมืด ผิดกับเซฮุนที่เห็นแสงประกายจากบนผิวน้ำโดดเด่นเหนือสิ่งอื่นใด
ทั้งสองโผล่พ้นจากน้ำและอ้าปากกอบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่ ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกระหึ่มและสายตางุนงงจากบรรดาคนใกล้ชิดเมื่อได้รู้ว่าคนสำคัญที่ใต้น้ำของกัปตันทีมควิดดิชแห่งบ้านกริฟฟินดอร์หาใช่ใครอื่น แต่เป็นคู่อริตัวฉกาจจากบ้านสลิธีริน ผู้ซึ่งเคยถูกประกาศกร้าวว่าจะไม่มีวันญาติดีกันเป็นอันขาดคนนั้น เกิดอะไรขึ้นกับสองกัปตันต่างขั้วคู่นี้เสียแล้ว
ทว่าคิมจงอินหาได้สนความแปลกอกแปลกใจเหล่านั้นอีก เขาเพียงนิ่งมองโอเซฮุนซึ่งอยู่ใกล้แค่ระยะครึ่งแขน ใบหน้าบิดเบี้ยวขณะสำลักน้ำเพราะฟื้นใต้ทะเลสาบไม่หยุด จนเมื่ออาการดีขึ้นแล้วถึงได้มองตอบมายังตัวแทนฮอกวอตส์ด้วยแววตาซึ่งอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง
“คิมจงอิน...”
ความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้แบบนี้คืออะไรกัน จงอินตอบตนเองไม่ได้ และเขาก็หวังให้เวลาหยุดอยู่ที่กลางน้ำเช่นนี้ตลอดไปแทนที่จะเคลื่อนไหวไปข้างหน้า ในใจเต็มไปด้วยความสับสน ฟุ้งซ่าน และวุ่นวายอย่างแสนสาหัส คำพูดของชานยอลในคืนวันคริสต์มาสเวียนกลับมาให้นึกถึงอีกครั้ง ซีกเกอร์หนุ่มคิดว่าได้เคยเตรียมใจเอาไว้ครั้งหนึ่งตอนที่จะพิสูจน์มันในเพิงโหยหวน แต่ยามนี้เขากลับทำอะไรไม่ถูก ไม่แม้แต่จะเอ่ยตอบเสียงเรียกเมื่อสักครู่นี้แม้แต่เสี้ยวเสียง
เสียงเรียกของคณาจารย์และคณะกรรมการจากบนอัฒจันทร์กลางน้ำดึงสติจงอินให้กลับสู่ความจริง ราวกับมีเข็มนาฬิกานับสิบดังตีกันในใจ มันสร้างความสับสน กดดัน เร่งรัดให้ตัดสินใจอะไรบางอย่างในจังหวะที่สุดแสนจะเหมาะเจาะ ถ้าเป็นตอนนี้โอเซฮุนไม่มีทางหนีไปไหนรอด
“...” เขากัดฟันกรอด
เมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง อีกบานได้เปิดขึ้น
ปาร์คชานยอลเลิกเปรียบเทียบแล้วว่าเหตุการณ์ใดในชีวิตที่สามารถทรมานเขาจนถึงที่สุด แต่ในยามที่คิมจงอินและโอเซฮุนโผล่พ้นขึ้นสู่ผิวน้ำพร้อมกัน ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สา ภายใต้ภาระหน้าที่ซึ่งต้องเฝ้ามองเหตุการณ์โดยไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้าร่วม หัวใจกลับเจ็บปวดอย่างสุดประมาณ มันร้อนเหมือนจะระเบิดออกมาได้ บิดวนเกลียวคลื่นในใจให้ยิ่งโหมกระพือจนไม่รู้ว่าจะจัดการกับตนเองในตอนนี้อย่างไร
ใครๆ ก็ว่าเป็นเรื่องดีที่สองกัปตันญาติดีและกลายเป็นสนิทกันได้ คงมีแต่ตัวเขาที่รู้ดีว่ามันมากกว่านั้น จุดยืนของเขาถูกปั่นป่วนด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบาย หัวใจถูกทำลายด้วยความจริงที่จงอินยอมรับว่าเคยทรยศต่อความรู้สึก เขาช่างอ่อนแอเหลือเกิน ถึงได้ยังปล่อยให้สองคนนั้นส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างนี้ได้ ต่อให้พยายามบอกตนเองว่าควรหยุดคิดหยุดรู้สึกก็ตาม แต่มันช่างทำได้ยาก – ยากยิ่งกว่าการแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรไปวันๆ
“เฮ้ ซีวาย สีหน้านายดูแย่มากเลยนะ”
“อย่างนั้นหรือครับ” เขาตอบบยอนแบคฮยอนเสียงเรียบ
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย” ลูคัสเอ็ดมือปราบมารรุ่นพี่ทั้งน้ำเสียงดุๆ รู้ดีว่าไม่ควรแหย่ให้เพื่อนสนิทแสดงอาการอะไรออกมาจะดีกว่า คิมจงอินเป็นรักแรกและรักเดียวของชานยอลมาตลอดหกปี นานพอๆ กับเวลาที่ได้เป็นนักกีฬาควิดดิช ดังนั้นความรู้สึกจึงหยั่งรากลึกเกินกว่าจะถอนรากถอนโคนในระยะเวลาสั้นๆ “ภารกิจจบแล้ว นายไปพักสักหน่อยดีไหมเพื่อน”
“...” คนถูกถามไม่ตอบ แต่กลับหมุนตัวเดินออกไปเพื่อเตรียมลงเรือบดกลับเข้าสู่ฝั่ง
ทันทีที่เหล่ามือปราบมารเหยียบขึ้นบนแผ่นดินของฮอกวอตส์ ความวุ่นวายอันไม่รู้ที่มาที่ไปก็บังเกิดขึ้นจนบรรดานักเรียนอยู่ไม่สุข แบคฮยอนรีบคว้าคอเสื้อคลุมของนักเรียนฮัฟเฟิลพัฟซึ่งอยู่ใกล้มือที่สุดอย่างไม่รอช้า แต่พอถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น อีกฝ่ายกลับตอบด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์
“มะ -- มีคนเจอเธอแล้ว!”
“ใคร?”
“เซเลน่า โกเมซ!”
โอเซฮุนคิดว่าตัวเขาได้ก้าวขาเข้าสู่ความตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ก่อนขึ้นจากน้ำ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าแขนเสื้อบุสำลีของตนเกิดรอยฉีกขาดเป็นทางยาว มันใหญ่พอจะเปิดให้เห็นตรามารบนท้องแขนได้โดยง่าย โชคดีว่านักเรียนหนึ่งในหน่วยพยาบาลรีบนำผ้าห่มมาคลุมกันหนาวให้ เซฮุนจึงพอจะซ่อนมันไว้ได้ด้วยความยากลำบาก เขาปฏิเสธการเปลี่ยนเสื้อท่ามกลางฝูงชน ถึงแม้ว่าเสื้อบุสำลีที่สวมอยู่จะบวมน้ำจนหนักอึ้งก็ตามที
ดวงตาเรียวรีทอดมองคิมจงอินซึ่งยืนห่มผ้าคลายหนาวอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงจากบ้านกริฟฟินดอร์ ทั้งเรือนผมและเนื้อตัวยังเปียกชุ่มไม่ต่างกัน น่าแปลกที่พอจบภารกิจแล้วกลับดูสงบจนผิดวิสัย แม้แต่การจะหันมาต่อปากต่อคำหรือโบ้ยว่าคณะกรรมการไตรภาคีเลือกตัวประกันผิดก็ไม่มี
ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อคืนคนอย่างเขาจะพลาดท่า ถูกศาสตราจารย์ซลักฮอร์นหลอกเข้าเต็มๆ หรืออันที่จริงอาจแค่เพราะโอเซฮุนไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เป็นสิ่งสำคัญของใคร แล้วยิ่งคนคนนั้นคือคิมจงอินด้วยแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อยากลากตัวอีกฝ่ายให้หนีไปด้วยกันเสียตอนนี้ ถ้าไม่เพียงแต่เรื่องแขนเสื้อที่ขาดจะคอยกวนใจเขาไม่หยุด เป็นไปได้หรือไม่ว่าจงอินเห็นมันแล้ว...
เป็นไปไม่ได้หรอก
หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาคงไม่มีทางยืนเฉยอยู่ตรงนี้ได้โดยที่ไม่ถูกจับกุมแน่
‘ถ้าฉันเป็นผู้เสพความตายขึ้นมาจริงๆ นายจะทำยังไงล่ะ คิมจงอิน จะจับฉันส่งมือปราบมาร หรือว่าหนีไปด้วยกัน’
‘แน่นอนว่าฉันเลือกอย่างแรก’
ไม่ใช่ครั้งแรกที่โอเซฮุนคิดอยากทรยศต่อสิ่งที่ตนแบกรับ แต่เป็นครั้งแรกที่เขาตัดสินใจครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้สิ่งที่ต้องการ เจ้าชายสลิธีรินไม่อาจลืมเลือนแสงสว่างก่อนหน้านี้ได้ แสงซึ่งเปล่งประกายออกมาจากตัวของคนที่พาเขาขึ้นสู่ผิวน้ำหลังจากต้องทนหมดสติอยู่ในความมืดมิดและเหน็บหนาวมาตลอดคืน ดังนั้นวินาทีแรกที่ได้เห็นท้องฟ้า เซฮุนกลับรู้สึกว่ามันสวยงามอย่างที่ไม่เคยเป็น
ถ้าหากเลือกทอดทิ้งทุกอย่างแล้วรักษาเอาไว้แค่เพียงสิ่งนี้
“คิม...”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!”
เสียงทุ้มจำต้องหยุดเมื่อเห็นประธานนักเรียนกระโดดขึ้นจากเรือบดแล้วเร่งฝีเท้าตรงเข้าหากลุ่มคณาจารย์และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงเวทมนตร์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด การตัดสินผู้ชนะในภารกิจที่สองชะงักลงท่ามกลางแรงลุ้นจากบรรดานักเรียนบนอัฒจรรย์ ซึ่งอาจมีแค่เขากับคิมจงอินกระมังที่ไม่สนใจหันไปมองเหตุการณ์เหมือนดังนักเรียนคนอื่นๆ
จงอินจงใจหันหลังให้ คล้ายกับรู้อยู่เต็มอกว่ากัปตันทีมควิดดิชแห่งบ้านสลิธีรินอยากเห็นหน้าแค่ไหน อยากตรงเข้าไปฉุดกระชากเสียให้รู้แล้วรู้รอด ความอดทนที่มีแทบไม่มากพอจะควบคุมหัวใจซึ่งเต้นแรงขึ้นทุกที
“มีเรื่องอะไร คุณลอว์สัน” ศาสตราจารย์เดอนีโรถาม
ประธานนักเรียนลอว์สันมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ทั้งริมฝีปากและร่างกายสั่นเทาขณะพยายามเรียบเรียงข่าวล่ามาเร็วออกเป็นข้อความที่เข้าใจได้ง่าย “เรา -- มีคนพบเซเลน่า โกเมซที่บริเวณคุกใต้ดินครับ”
“อย่างนั้นหรือ!?” บาร์ทีเมียส เคร้าช์อุทานด้วยความยินดี ผิดกับนัยน์ตาเศร้าสร้อยของลอว์สันอย่างสิ้นเชิง “เคราเมอร์ลินเป็นพยาน แล้วเธอเป็นอย่างไรบ้าง”
“เธอ... เธอ...” คนแจ้งข่าวได้แต่อึกอัก “ดูเหมือนเธอจะตายแล้ว ตอนนี้มือปราบมารกำลังไปดูที่คุกใต้ดินครับ”
ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงกลางศีรษะของโอเซฮุนเมื่อได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น ท่ามกลางเสียงฮือฮาของเหล่าอาจารย์และนักเรียนซึ่งอยู่ใกล้จนสามารถได้ยินแล้ว เขากลับทำได้แค่นิ่งเงียบ ลมกายใจติดขัด มือกำผ้าห่มในมือแน่นจนชื้นเหงื่อ และหัวใจก็เหมือนจะหยุดเต้นลงเสียดื้อๆ
อะไรกัน... มันเกิดขึ้นได้อย่างไร... ในหัวมีแต่คำถามมากมายสารพันวิ่งรวนด้วยความฟุ้งซ่าน เซเลน่าน่ะหรือถูกพบ มิหนำซ้ำยังเป็นในสภาพเสียชีวิตอีก นี่แทบเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อเขาขังหล่อนไว้ในหีบกลกับมือ เซเลน่าไม่เก่งพอจะหาทางออกมา อีกทั้งไม่น่ามีทางที่ใครจะเข้าถึงตัวเธอได้เว้นเสียแต่เซฮุนซึ่งถูกจับมาที่ทะเลสาบและ...
คริสตัล จองอย่างนั้นหรือ?
ไม่มีทาง เธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร คริสตัลไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดกับตัวตนของเซเลน่าด้วยซ้ำ
“...โอ”
“...”
“คุณโอ”
โอเซฮุนสะดุ้งเฮือก เหงื่อเย็นซึมชื้นข้างขมับด้วยความตื่นตระหนกระคนกดดัน “ครับ...?”
“เธอทำใจดีๆ เข้าไว้ ฉันพอจะรู้ว่าเธอสนิทสนมกับคุณโกเมซ ตอนนี้เรากำลังจะไปที่เกิดเหตุ แต่ฉันอยากให้เธอรออยู่ที่นี่”
“ไม่ครับ” เขาปฏิเสธ “ผม... ขอไปด้วย”
เซฮุนคิดอะไรไม่ออก ในหัวของเขาตึงเครียดและวุ่นวายไปด้วยสิ่งที่จับต้นชนปลายไม่ถูก ได้ยินเช่นนั้นเหล่าคณาจารย์ก็ไม่อยากขัด ได้แต่เขยิบหลักเพื่อให้เหลือพื้นที่บนเรือมากขึ้น เจ้าชายสลิธีรินคิดว่าตนเองช่างโง่เง่าที่เอาตัวเข้าไปอยู่ท่ามกลางอันตรายตัวฉกาจอย่างบรรดาอาจารย์และเจ้าหน้าที่กระทรวง แต่เขาคงทนไม่ได้หากไม่ได้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซเลน่าในระหว่างที่ตนไม่อยู่
“ศาสตราจารย์”
เสียงทุ้มของใครบางคนเอ่ยขึ้นก่อนจะออกจากท่า จากนั้นตัวแทนการประลองเวทไตรภาคีของฮอกวอตส์จึงก้าวตามลงมาในเรือบดเป็นคนสุดท้าย คิมจงอินอยู่ในชุดเสื้อแจ็กเก็ตกันหนาวสวมทับชุดแข่งขันซึ่งเปียกหมาดๆ นัยน์ตาสีเข้มมองตรงไปข้างหน้า ผ่านเลยตัวเขาถึงศาสตราจารย์เดอนีโรและศาสตราจารย์มักกอนนากัล
“ผมขอไปด้วยครับ”
เมื่อไม่มีใครขัดขึ้นอีก ลอว์สันจึงเริ่มออกเรือเพื่อกลับเข้าฝั่ง หวังให้อาจารย์ใหญ่รีบตามไปสมทบกับมือปราบมารเพื่อควบคุมสถานการณ์โดยไว ตอนนี้นักเรียนกำลังแตกตื่นกันมาก ไม่มีใครคาดคิดว่านักเรียนปีเจ็ดบ้านสลิธีรินที่หายตัวไปเนิ่นนานจะถูกพบในสภาพผู้เสียชีวิตเช่นนี้ อีกทั้งยังไม่มีคำตอบว่าเหตุใดเธอจึงถูกลักพาตัวและสังหารทิ้งในท้ายที่สุด
ทันทีที่มาถึงคุกใต้ดินภายในปราสาท เอดิสันก็ตรงก็เข้ามากอดเขาทั้งที่ร้องไห้โฮ ไม่หลงเหลือคราบเด็กบ้านสลิธีรินจอมถือดีที่ชอบเย้ยหยันต่อทุกสิ่ง ริมฝีปากพร่ำพูดอาลัยอาวรณ์เซเลน่า เซฮุนเป็นหนึ่งในคนที่รู้ดีกว่าใครว่าเพื่อนคนนี้รู้สึกอย่างไรกับเธอ
ภายใต้วงล้อมของมือปราบมารและเจ้าหน้าที่กระทรวงเวทมนตร์บางส่วน เซเลน่า โกเมซนอนแน่นิ่งไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบตัว ผิวกายของเธอขาวซีด มีเลือดออกทางจมูกและปาก แต่ที่ทำให้โอเซฮุนสะเทือนใจยิ่งกว่าก็คือรอยเขี้ยวขนาดห้ามิลลิเมตรสองรูบนลำคอ เป็นลักษณะบาดแผลที่ทำให้เขาเข้าใจเหตุการณ์ได้ดีกว่าสิ่งใด
เขาซึ่งเลือกทอดทิ้งทุกอย่างได้ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น ไม่มีถ้อยคำใดพูดตอบเอดิสัน ไม่มีความรู้สึกใดชัดเจนจนสามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูด ไม่มีซึ่งแสงสว่าง แม้แต่ความสวยงามเป็นประกายของผิวน้ำก็ถูกกลืนหายไปในความมืดที่เข้าเกาะกุมจิตใจ เขากรุ่นโกรธ สับสน เสียใจ ไปจนถึงผิดหวังที่ทุกอย่างออกมาเป็นเช่นนี้
เซฮุนผละออกจากเอดิสัน หันหลังเดินฝ่าฝูงชนออกมาตามลำพัง ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ชีวิตที่ต้องทรยศเพื่อน ทรยศต่อความเชื่อใจ แม้กระทั่งต้องทนตีหน้าซื่อทั้งที่แท้จริงแล้วรู้อยู่เต็มอก
ชีวิตไร้ค่าแบบนี้ เขา...
“โอเซฮุน”
สองขาชะงักหลังได้ยินเสียงเรียกดังมาจากเบื้องหลัง ใครบางคนตามเขามาจนถึงบริเวณนอกปราสาท ท่ามกลางสายลมของปลายฤดูหนาวที่เคยร่วมอยู่ในความทรงจำหลายต่อหลายครั้งระหว่างคนทั้งคู่ ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มนี้คือใคร
เขาลดสีหน้าลง ริมฝีปากเม้มจนเป็นเส้นตรง ตรามารตรงท้องแขนร้อนผ่าวขึ้นจนทรมานไปทั้งใจ เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เขาไม่นึกอยากหันไปหาคิมจงอินซึ่งตามมาถึงที่
หากเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายกลับเข้ามาใกล้ ใกล้จนหยุดอยู่ด้านหลัง ได้ยินเสียงลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมออยู่หลายครั้ง ต่อให้จงอินจะพูดอะไรออกมาตอนนี้คงไม่รู้สึกดีขึ้น ไม่มีอะไรเยียวยาโอเซฮุนได้อีกแล้ว เขามาไกลเกินไป -- ไกลจนทำลายชีวิตของเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่งและทำให้ใครอีกหลายคนแตกสลายไปตามๆ กัน
“นายยังจำสิ่งที่พูดบนหอดูดาวได้ไหม”
หอดูดาวอย่างนั้นหรือ?
‘เป็นห่วงฉันหรือ’
‘ไม่มีทาง’
‘ถ้าคิมจงอินยอมรับว่าชอบโอเซฮุน ข้าพเจ้าจะยอมตอบทุกคำถามโดยไม่มีข้อแม้’
อ้อ ตอนนั้น... เขาพูดออกไปอย่างนั้นนี่นะ
มือสีแทนจับต้นแขนเจ้าชายแห่งบ้านสลิธีรินแล้วบังคับให้หันมาประจันหน้า นัยน์ตาสีเข้มที่มักจะแข็งกร้าวและซุกซนฉายแววเจ็บปวด แม้แต่มือที่ยังไม่ปล่อยจากตัวเขาก็ยังสั่นเทาขณะพูด
“ฉันชอบนาย”
เซฮุนเบิกตาโพลง สรรพเสียงพลันเงียบสงัด เหลือเพียงคิมจงอินซึ่งยืนอยู่ในโลกอันมืดมิดตรงหน้าเท่านั้น
“อย่างนี้แล้ว... นายจะยอมบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นใช่หรือเปล่า?”
หัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวด อยู่ดีๆ ความทรงจำในตอนที่ถูกหยิบยืมปากกาขนนกก็หวนกลับมาแจ่มชัด ตั้งแต่รอยยิ้มในตอนนั้น -- ดำเนินมาจนกระทั่งกลายเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวซึ่งส่งผ่านทางสายตามาสู่เขาในตอนนี้
คิมจงอินที่สว่างไสว เจิดจ้า และเป็นความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวบนยอดกำแพงอันเหน็บหนาวกำลังพังทลายลงอย่างช้าๆ
“...” เขาอ้าปากจะพูด ทว่าลำคอกลับแห้งผากเหลือเกิน
มันเริ่มจากตรงไหนกัน?
การเกิดมาในตระกูลเลือดบริสุทธิ์เจ้ายศเจ้าอย่าง พ่อบังเกิดเกล้าที่บังคับให้สวามิภักดิ์ต่อจอมมาร เอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยวกับเลวิธาน แลกเปลี่ยนเรื่องราวของชีวิตที่แสนผุพังกับคริสตัล ตัดสินใจหน่วงเหนี่ยวกักขังเซเลน่าเพือรักษาความลับ หรือแม้กระทั่งสร้างสัมพันธ์กับจงอินทั้งที่รู้จุดจบดีอยู่แล้ว
โอเซฮุนแค่นหัวเราะสมเพชในโชคชะตา ดึงผ้าห่มที่ปกคลุมร่างกายเย็นชื้นทิ้งลงกับพื้น ก่อนจะยกแขนซ้ายซึ่งถูกประทับรอยตรามารขึ้นประจักษ์แก่สองตาของคนตรงหน้า จงอินไม่มีแม้แต่ทีท่าตื่นตระหนก แววตารวดร้าวเคลือบแคลงไปด้วยบางสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่า
“นายเห็นมันแล้วสินะ” เซฮุนถามเสียงเรียบ
ใช่ ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนมาตั้งแต่แรก
-------------------------------------------
ได้เขียนฉากที่อยากเขียนไปอีกหนึ่ง แต่ยังไม่หมดแค่นี้ค่ะ เอะๆ
เอาใจช่วยจงอิน เซฮุน ชานยอล และคนเขียนด้วยนะคะ!
ปล. เดี๋ยวจะมีเกมมาให้ร่วมสนุกกันด้วย ภายในอาทิตย์นี้ค่ะ รอติดตามกันนะคะ <3
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช ค่ะ
สปอยล์เล็กๆ น้อยๆ
ความคิดเห็น