คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : 16 | DOWN TO YOUR CORE, DOWN ’TILL THE DARK
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 16 )
‘DOWN TO YOUR CORE, DOWN ’TILL THE DARK'
โอเซฮุนรู้ดีว่านี่มันเสี่ยงมาก แต่ก็แทบจะเป็นทางเดียวที่ใช้ติดต่อโลกภายนอกได้โดยไม่เหลือร่องรอยอันเป็นรูปธรรม หลังจากไปรษณีย์นกฮูกเริ่มถูกตรวจสอบ เขาไม่สามารถเขียนจดหมายเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ในฮอกวอตส์ได้โดยตรง ต้องรอจนกระทั่งถึงคืนวันคริสต์มาสที่ความปลอดภัยในฮอกวอตส์หละหลวมเพราะทุกคนไปรวมกันอยู่ในห้องโถง จึงสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายผงฟลูผ่านเตาผิงภายในห้องนั่งเล่นของบ้านสลิธีรินและเปิดโอกาสให้ทริสตัน เลวิธานติดต่อเข้ามา
ข้างกันคือเตนล์ พรีเฟ็คประจำบ้านซึ่งเป็นผู้นำสาสน์นี้มาแจ้งแก่เขา ผ่านโค้ดลับนัดวันและเวลาเหมือนจดหมายสัพเพเหระทั่วไป ทั้งคู่ยืนมองศีรษะของทริสตันซึ่งปรากฏอยู่บนกองไฟ ดูแล้วน่าขนลุกอย่างประหลาด
“จอมมารปรารถนาให้เธออยู่ฮอกวอตส์จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เชื่อว่าเธอและลูกชายฉันคงกำลังถูกจับตามองอยู่แน่” ทริสตันกล่าว หลังจากแจ้งข่าวร้ายว่ามีกลุ่มผู้เสพความตายถูกจับขณะเคลื่อนไหวภายในตรอกน็อกเทิร์น หนึ่งในนั้นรวมถึงวิลลิส โอ บิดาของเขาด้วย
“แล้วล็อกเก็ตละครับคุณพ่อ จอมมารไม่อยากรีบใช้มันหรอกหรือ” เตนล์ถาม
“เป็นคำถามที่ฉลาดมากลูกรัก แน่นอนว่าจอมมารต้องการมันอย่างยิ่ง แต่เสี่ยงเกินไปที่เด็กน้อยจะนำมันออกมาตอนนี้ แต่เราไม่ได้ซื้อเวลาอย่างเสียเปล่า! ยังมีบางสิ่งที่จอมมารต้องการเพื่อใช้ในการคืนชีพ และมีแต่พวกเธอที่จะสร้างโอกาสทองนั้นให้เกิดขึ้นได้”
“พ่อของผมอยู่ที่อัซคาบัน” เซฮุนพูดลอดไรฟัน “แต่ยังจะให้ผมใจเย็นและทำงานให้จอมมารอีกอย่างนั้นหรือ”
เขาเหลืออดเต็มที นอกจากจะต้องสูญเสียแขนเพื่อร่างที่อ่อนแอแบบนั้น มาตอนนี้วิลลิสยังถูกจับเข้าอัซคาบัน รายล้อมด้วยผู้คุมวิญญาณและคนของกระทรวงเวทมนตร์อีก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำอะไรสักอย่างไม่ใช่ติดแหงกอยู่ที่นี่ จอมมารเพียงต้องการผลประโยชน์จากคนที่ใช้การได้ ไม่ได้สนความเป็นความตายของผู้สวามิภักดิ์เลยแท้ๆ
“ระวังคำพูดหน่อย โอเซฮุน” ทริสตันปราม “ตอนนี้เราช่วยดูแลแม่ของเธอเป็นอย่างดี และรับปากได้ว่าพร้อมช่วยวิลลิส โอ แต่เงื่อนไขขึ้นอยู่กับความสำเร็จหลังจากนี้ เมื่อจอมมารได้เถลิงอำนาจอีกครั้ง ผู้เสพความตายทุกคนจะสามารถออกจากอัซคาบันได้ง่ายเลยเชียวล่ะ”
เจ้าจิ้งจอกเฒ่า เขาสบถในใจ คิดว่านั่นคือคำขู่ชัดๆ
ตระกูลโอตกต่ำลงถึงเพียงนี้ก็เพราะความโง่เขลาของวิลลิสแท้ๆ อีกทั้งแม่บังเกิดเกล้ายังตกอยู่ภายใต้เงื้อมือจอมมาร ต่อให้เจอล็อกเก็ตของสลิธีรินหลังจากใช้เวลาตามหามาเนิ่นนาน แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ จอมมารหวังกรีดเลือดกรีดเนื้อของเขาจนหมดตัว จนสิ้นประโยชน์ ในฐานะตัวหมากซึ่งสามารถเคลื่อนไหวได้ภายใต้รั้วอันแน่นหนาของฮอกวอตส์
“เตนล์ไม่สามารถทำภารกิจนี้เพียงคนเดียวได้ ฉันต้องให้เธอช่วย เซฮุน จงดูแลลูกชายฉันและทำตามประสงค์ของจอมมารเพื่อโลกใบใหม่อันรุ่งโรจน์ของเรา”
อิทธิพลของล็อกเก็ตตอบสนองต่อโทสะของเขาจนส่งผลให้ตรามารปวดแปลบ อีกครั้งที่ชายหนุ่มไร้ทางเลือก มีแต่ต้องเอาตนเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อรักษาชีวิตของมารดาเอาไว้ ส่วนบิดาจะได้ออกจากคุกอัซคาบันหรือไม่ก็ช่าง บางทีในนั้นอาจปลอดภัยยิ่งกว่าอยู่ข้างกายจอมมารเสียอีก
“แล้วจอมมารต้องการอะไร”
หากนั่นเป็นสิ่งที่เหนือบ่ากว่าแรงนักเรียนคนหนึ่งละก็ คงไม่ต่างอะไรจากการเอาชีวิตไปทิ้ง การเคลื่อนไหวในฮอกวอตส์ตอนนี้ช่างยากลำบาก ทั้งต้องเล็ดรอดจากหูตาของมือปราบมารแล้วยังถูกรายล้อมด้วยคนของกระทรวงซึ่งพากันเข้าๆ ออกๆ มิหนำซ้ำเตนล์ก็เพิ่งถูกจับได้ว่าเป็นผู้ใช้ห้องต้องประสงค์ ทำให้พวกเขาต้องจำใจทิ้งตู้อันตรธานไปทั้งอย่างนั้น ถึงคิดว่ามันคงมีประโยชน์มากในอนาคตก็ตาม
“ในพิธีคืนชีพนั้นจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบสามสิ่ง หนึ่งคือพลังอำนาจ ซึ่งล็อกเก็ตแห่งสลิธีรินเป็นสิ่งที่คู่ควรอย่างไม่อาจปฏิเสธ มันเก็บสะสมพลังด้านมืดไว้มากมายตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ส่วนอย่างที่สองคือเนื้อของบ่าวผู้ซื่อสัตย์ น่าเสียดายว่าพ่อของเธอยังอยู่ในอัซคาบัน ไม่อย่างนั้นเขาคงรีบเสนอมืออีกข้างแน่ๆ” ทริสตันเหน็บ ก่อนจะอธิบายต่อ “และอย่างสุดท้ายที่เราต้องการ มันช่าง... ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่”
ทั้งร่างกายและจิตใจของโอเซฮุนร้อนรุ่ม เขามีสังหรณ์อย่างประหลาดว่านี่คือจุดเปลี่ยนที่ไม่อาจหวนกลับ คือลมพายุซึ่งจะพัดพาให้ตกลงสู่อีกด้านของกำแพง ด้านที่แสนมืดมิดและน่าหวาดหวั่นซึ่งสร้างความขลาดกลัวให้เขามาตลอด
“กระดูกของบิดา -- บิดาแห่งจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ บิดาผู้ที่ถูกเกลียดชังยิ่งกว่าใครในโลก”
เซฮุนขมวดคิ้ว พ่อของจอมมารอย่างนั้นหรือ แล้วพ่อที่ว่านั่นอยู่ในหลุมศพหรือว่ายังมีชีวิตกันเล่า
“แล้วผมจะไปหากระดูกของคนคนนั้นได้จากที่ไหน มันถูกเก็บอยู่ในฮอกวอตส์หรือไง”
“โอ้ ใกล้ตัวพวกเธอมากกว่าที่คิดเชียวล่ะเด็กน้อย”
เท่านั้นก็รู้ได้ว่าเป็นเรื่องยาก เขาอาจต้องฆ่าใครสักคน ใครซึ่งกำลังวนเวียนอยู่ภายในโรงเรียนแห่งนี้เพื่อเฝ้ารอจุดจบของตน หรืออาจจะเป็นตัวของเซฮุนเองก็ได้ที่ต้องลาจากโลกนี้ไป
“คลินตัน เดอนีโร อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์”
ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงกลางศีรษะ ความจริงที่เพิ่งได้รับรู่ช่างเหลือเชื่อ อีกทั้งการต้องต่อกรกับผู้อยู่บนจุดสูงสุดของโรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์เป็นอะไรที่โง่เง่าเกินกว่านักเรียนปีเจ็ดคนหนึ่งจะคิดว่าเป็นไปได้ จอมมารต้องการส่งเขากับเลวิธานจูเนียร์ไปตายหรืออย่างไร และทริสตันที่รู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้วจึงบีบบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลโอให้เป็นผู้ทำเรื่องอันตรายเช่นนี้แทนบุตรของตนอีก ต่อให้เขาถูกยกยอปอปั้นว่าเก่งกาจเพียงใด แต่การทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นนั้นยังถือว่าเกินความสามารถไปโข
“นั่นมัน... ไม่มีทางหรอก” เขาปฏิเสธจากใจจริง
“ฉันไม่ได้ให้เธอฆ่าเดอนีโรสักหน่อย บอกแล้วว่าเราต้องการแค่โอกาสทองเท่านั้น”
ขมับของชายหนุ่มเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ เขาแทบไม่ได้หันไปมองเตนล์ซึ่งคงระริกระรี้ดีใจจนตัวสั่น ความตึงเครียดอัดแน่นอยู่เต็มสมองและจิตใจ ยิ่งถลำลึกลงไปมากเท่าไร คำว่าที่ว่าตรามารแลกด้วยชีวิตก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นมากเท่านั้น เขาต้องทรยศต่อโรงเรียน ทรยศต่อพวกพ้องและความรู้สึกส่วนตนอีกมากเท่าไร เรื่องเหล่านี้จึงจะจบสิ้นลงเสียที
“แล้วเราต้องทำยังไงบ้างหรือครับ” เตนล์ถามขึ้นแทน คงดูออกว่ารุ่นพี่ร่วมบ้านยังคิดอะไรไม่ออกในเร็วๆ นี้
“เปิดช่องทางให้เราเข้าไปในฮอกวอตส์สิลูกรัก แค่ในจังหวะและเวลาที่เหมาะสม หลังจากนั้นทุกอย่างจะง่ายดาย”
ไม่มีอะไรง่ายหรอก เซฮุนเถียงในใจ แค่ต้องพาผู้เสพความตายผ่านระบบการป้องกันที่หนาแน่นขนาดนี้ก็ยากเต็มทีแล้ว งานประลองเวทไตรภาคีอาจดูเหมือนมีผู้คนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ทว่าเมื่อมองในมุมกลับกันแล้ว ทริสตันคงคิดว่าการเข้าออกของคนนอกและคนในอาจถูกทำให้เป็นโอกาสได้ไม่ยาก
เปลวไฟดับมอดลงเมื่อหมดเวลาเชื่อมต่อเครือข่ายผงฟลู เตนล์ เลวิธานแย้มรอยยิ้ม ปลื้มปริ่มที่ตนและรุ่นพี่คนโปรดได้รับเลือกให้ทำภารกิจสำคัญยิ่ง กิจอันขึ้นตรงตรอจอมมาร และหากทำสำเร็จคงได้เป็นหนึ่งในสมุนชั้นหนึ่งหลังการคืนอำนาจครั้งใหม่ จะมีสิ่งใดน่ายินดีมากไปกว่านี้ได้อีก
“โอกาสสร้างโอกาส! พวกเขาเล็งเห็นความสามารถของเรา”
“โอกาสหรือ?” เซฮุนแค่นหัวเราะขมขื่น “บางทีพ่อของนายกับฉันคงไม่ต่างกันนัก เลวิธาน”
“พูดอะไรแบบนั้น...” เตนล์อาจลืมตัว ถึงได้วางมือลงบนต้นแขนของเขา ยิ้มกว้างราวกับลืมสิ้นแล้วว่าตนเคยถูกกระทำย่ำยีเอาไว้อย่างไร “นี่คือหนทางที่เราเลือกไม่ใช่หรือครับ รุ่นพี่ เราเลือกที่จะสนับสนุนจอมมารในการชี้นำโลกใบนี้ไปสู่ทิศทางที่มันควรจะเป็น โลกที่เราเหล่าเลือดบริสุทธิ์จะได้เป็นฝั่งที่ยิ่งใหญ่”
คนฟังได้แต่ยืนนิ่งเงียบ นึกสมเพชโชคชะตาชีวิตของตนเต็มทน มันผิดไปหมดทุกอย่าง – ผิดตั้งแต่แรกเริ่ม
“หากเราร่วมมือกัน...”
ริมฝีปากของเขาถูกฉาบฉวย ถึงจะกลัวๆ กล้าๆ และละล้าละลัง แต่จิ้งจอกน้อยก็ยกมือขึ้นโอบรอบคอ พยายามทำสิ่งที่เรียกว่าจูบอย่างเต็มที่ก่อนผละออก นัยน์ตาฉายแววสั่นไหวเพราะเกรงกลัวว่าจะถูกเขาปฏิเสธอย่างรุนแรง
“ผม... เฝ้าคิดถึงคืนนั้น ถึงจะรู้สึกแย่กับสิ่งที่คุณทำ แต่ก็สลัดมันออกไปจากหัวไม่ได้สักที”
เตนล์สารภาพอย่างซื่อตรง ไร้ยางอาย ต่อหน้าดวงตาที่เฉยชาซึ่งพร้อมจะดูถูกดูแคลนอีกฝ่ายทุกเมื่อ เซฮุนรู้ว่าเตนล์คิดอะไร รู้แม้กระทั่งว่าเด็กนี่ยอมรับและยินยอมให้เขาทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลวิธานผู้น่าสงสาร ทั้งพ่อที่ไม่รู้อะไรและลูกที่กระสันในรสสัมผัสซึ่งเพิ่งได้ทำความรู้จัก เจ้าลูกจิ้งจอกมอบตัวตนของมันให้เขาทั้งกายและใจ ไม่ต่างอะไรจากการที่โอเซฮุนถูกบีบบังคับใช้งานเพื่อรักษาชีวิตของครอบครัวเอาไว้
“ฉันขยะแขยงนายสุดๆ เลยตอนนี้” เซฮุนหยามเหยียดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“อย่างนั้นหรือครับ” เตนล์ยิ้ม “รุ่นพี่เองก็มาไกลเกินไปแล้ว ในเส้นทางนี้ มีแต่ผมไม่ใช่หรือครับที่อยู่ข้างเดียวกับคุณ”
เขายิ้มตอบ จะคริสตัลหรือเลวิธานจูเนียร์ก็ดี ไม่มีใครที่อยู่ข้างโอเซฮุนจริงๆ หรอก ทั้งสองต่างต้องการบางสิ่งจากตัวเขา บางสิ่งที่เซฮุนไม่มีทางเปิดเผยและมอบให้ใครอย่างเด็ดขาด ต่อให้เป็นตอนที่รู้สึกอ่อนแอไร้ที่พึ่ง แต่เขาก็หวังเพียงแสงสว่างรำไรในชีวิตเท่านั้น
“ฉันจะให้รางวัลนาย หลังจากที่ทำตัวเป็นประโยชน์มากพอ”
นั่นเป็นครั้งแรกที่คิมจงอินมีความเห็นแตกต่างจากปาร์คชานยอลอย่างสิ้นเชิง
เขายืนอยู่หน้าร้านไม้กวาดสามอันเมื่อโรงเรียนเข้าสู่ปิดภาคเรียนมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ ปีใหม่ผ่านเลยไปแล้ว ฮอกส์มี้ดยามนี้ขาวโพลนไปด้วยหิมะ ไม่ครึกครื้นเหมือนกับตอนเปิดเทอม ในหัวคิดถึงเรื่องที่ได้คุยกับอดีตกัปตันทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์เมื่อคืนงานเลี้ยงเต้นรำ จงอินรู้ว่าชานยอลอาจพูดมันตามเนื้อผ้าในฐานะมือปราบมาร แต่เขาไม่เห็นด้วยที่จะเหมาโอเซฮุนเป็นหนึ่งในสมุนของคนที่รู้ว่าใครเพียงเพราะว่าบิดาเป็น
ถึงอย่างนั้นอีกใจก็ทักท้วง ตั้งแต่เมื่อไรที่เซฮุนมีท่าทีแปลกๆ และปกปิดเหตุผลแท้จริงเอาไว้ เขาเคยถาม เคยกลั้นใจแสดงความเป็นห่วงด้วยไมตรีทั้งหมดที่มี แต่หมอนั่นกลับกลบเกลื่อนด้วยจูบแสนหวานซึ่งไม่อาจปิดบังความอ่อนไหวในแววตาเอาไว้ได้ ดังนั้นเป็นไปได้หรือเปล่าว่าเซฮุนจะรู้เรื่องพ่อของตนดีอยู่แล้ว รู้แม้กระทั่งจอมมารกำลังเคลื่อนไหวและก่อกวนโลกผู้วิเศษอีกครั้ง
แต่มันจะเกี่ยวข้องกันจริงๆ หรือ ทั้งคดีศาสตราจารย์ก๊อนท์ เรื่องยูนิคอร์น หรือแม้แต่การหายสาบสูญของเซเลน่า โกเมซ ไม่มีใครรู้ว่าพวกหล่อนยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แม้แต่เซฮุนก็ยังเฉยเมยในตอนที่ถูกเอ่ยถาม ถ้าคิมจงอินไม่เข้าข้างหัวใจตนเองในตอนนี้จนเกินไป เขาควรต้องยอมรับความผิดปกติและเอนเอียงไปกับคำของชานยอลอย่างนั้นหรือ
ใครบางคนเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ก่อนเวลานัดหมายถึงสิบห้านาที ซึ่งน่าอายที่คิมจงอินมาถึงเร็วกว่านั้น
“ตื่นเต้นกับเดตขนาดนั้นเชียวหรือ” โอเซฮุนกระเซ้า แค่นรอยยิ้มตัดกับดวงตาอิดโรยของเจ้าตัว
“แค่รู้สึกเบื่อเพราะว่างเกินไปต่างหาก” จงอินปดกลบเกลื่อน จมูกเปื้อนสีแดงเพราะยืนกลางอากาศเย็นเป็นเวลานาน ไม่อยากถูกเข้าใจว่ามายืนรอหรือตื่นเต้นไปกับนัดหมายฉุกละหุก ตัวแทนประลองเวทไม่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านในช่วงปิดเทอมคริสต์มาส อีกทั้งยังได้รับยกเว้นการสอบต่างๆ ปริศนาของไข่ทองคำก็ไขได้แล้ว ตอนนี้จึงเหลือแค่คิดหาวิธีรับมือภารกิจที่สองเท่านั้น
เซฮุนอยู่ในชุดโค้ตยาวสีดำทะมึน ชวนให้นึกถึงนิมิตที่เขาเพิ่งจะระลึกถึงมันขึ้นได้เมื่อไม่นานมานี้ จงอินลอบเปรียบเทียบรูปลักษณ์อีกฝ่ายในใจ ใกล้เคียงแต่ก็ยังไม่เหมือนเสียทีเดียว น่าดีใจว่านิมิตนั่นคงไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ คิดแล้วก็สะบัดศีรษะเบาๆ เพื่อไล่ความฟุ้งซ่าน ชักจะเป็นเอามาก คิมจงอินหัดงมงายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร
ทั้งคู่เข้าไปในร้านและสั่งบัตเตอร์เบียร์คนละแก้ว อย่างน้อยที่นี่ก็ต้อนรับผู้ชายสองคนมากกว่าร้านมาดามพุดดิฟุตมากนัก เขาจิบรสวานิลลาคาราเมลอุ่นๆ เข้าปาก ก่อนเงยหน้าขึ้นพบว่าถูกคนตรงข้ามจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว
“อะไร”
อีกฝ่ายตอบคำถามด้วยการเอื้อมมือหา แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือปัดคราบฟองออกจากริมฝีปากให้อย่างถือวิสาสะ จงอินตกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน น่าขัดใจว่าเขาเริ่มจะชินกับสัมผัสของหมอนี่เสียแล้ว
“ดื่มบัตเตอร์เบียร์ ปากก็ต้องเปื้อนเป็นธรรมดา” ซีกเกอร์หนุ่มแห่งบ้านกริฟฟินดอร์มองค้อนแล้วรีบแก้ตัว ขืนมีใครเห็นช็อตเด็ดเมื่อครู่แล้วเอาไปโพนทะนาจะว่าอย่างไร จริงอยู่ว่าวันนี้ร้านไม้กวาดสามอันมีคนน้อย แต่เขาก็เป็นจุดสนใจชั้นดีมาตั้งแต่ลงแข่งประลองเวทไตรภาคี บางครั้งยังถูกถ่ายภาพทีเผลอเลย
“ดีใจจังที่ได้ใช้เวลาช่วงหยุดยาวกับนาย” เซฮุนยกเครื่องดื่มของตนขึ้นจิบบ้าง “หรือเราน่าจะทำอะไรที่มันตื่นเต้นเร้าใจกว่านี้?”
แค่คำหยอกเย้าเพื่อยั่วโมโหอย่างทุกที ไม่น่าเชื่อที่ครั้งนี้จงอินเพียงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง เลือกเดินสวนไปในทางที่เจ้าชายสลิธีรินหวังให้เป็น
“ก็เอาสิ” เขาตอบ
หลังจากนั้น ร่างของเขาถูกพามาสู่เพิงโหยหวน บนชั้นสองที่มีหน้าต่างซึ่งสามารถมองเห็นวิวได้ครึ่งฮอกส์มี้ด มือสีแทนช่วยถอดเสื้อโค้ตของคนตรงหน้าออกในขณะที่ทั้งสองยังแลกจูบ ไม่นานนักจงอินก็ถูกพาให้นั่งบนเตียงเก่าซ่อมซ่อ ใช้โค้ตยาวตัวรองต่างผ้าปู โดยมีคู่ปรับจากบ้านสลิธีรินโน้มตัวลงเท้าสองมือคร่อมเอาไว้ขณะพรมจูบไปทั่วสันกรามและพวงแก้ม
คิมจงอินรู้สึกเหมือนเป็นหนุ่มใจแตกที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเวลาและสถานที่ ร่างกายของเขาวาบหวาม แปร่งปร่ายามถูกอีกฝ่ายจูบและรุกล้ำเข้าหา มือขาวซีดของเซฮุนลากผ่านหน้าอกลงถึงช่วงท้องผ่านเนื้อผ้า ก่อนแทรกตัวเข้าไปในสาบเสื้อ สัมผัสเข้ากับผิวกายอุ่นร้อนและผลักลงนอนราบ
มันเกิดขึ้นง่ายมาก -- ง่ายพอๆ กับที่เขามักจะคล้อยตามและโอนอ่อนเมื่อเซฮุนต้องการสิ่งใด
“คุยภาษากายนี่ดี” เจ้าชายสลิธีรินว่า “ไม่ต้องมัวแต่เถียงกัน”
“หุบปากไปซะ”
มือสีแทนลอบหยิบไม้กายสิทธิ์ขณะอ้อมวงแขนกอดรับอีกฝ่าย นี่ช่างเป็นการกระทำที่โง่เง่าและน่าโมโห คิดๆ ดูแล้วเขาไม่เคยเห็นเซฮุนถอดเสื้อ ไม่พูดเรื่องตนเอง ต่อให้อยากเชื่อว่ามันไร้สาระแค่ไหน ถึงอย่างนั้นก็ทนการหว่านล้อมของชานยอลไม่ได้ บทสนทนาท่ามกลางหิมะในคืนฤดูหนาวทำให้ใจของจงอินอยู่ไม่สุข
มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้จัก ทรมานเมื่อตนเองไม่รู้อะไรเลย
“เพ็ตตริฟิคัส โททาลัส”
‘แล้วโอเซฮุนล่ะ นายคิดว่ามีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่จะเป็นเหมือนพ่อของเขา’
‘อะไรนะ’ จงอินขมวดคิ้ว ‘นายสงสัยโอเซฮุนเพราะว่าพ่อของเขาเป็นผู้เสพความตายอย่างนั้นหรือ’
สายตาของปาร์คชานยอลช่างเย็นเยียบ แน่ใจได้ว่ามันเป็นสายตาที่ตัวเขาไม่เคยรู้จัก หรือชานยอลอาจไม่เคยแสดงมันออกมาก่อนหน้านี้ ‘วิลลิส โอถูกสงสัยมานานแล้วว่าทำงานรับใช้จอมมาร กระทรวงเคยพยายามจับเขาครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นวิลลิสอ้างว่าถูกคำสาปสะกดใจ และอาจจะด้วยยอดเงินบริจาคหรืออิทธิพลใดๆ ที่พวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์มี เขารอดไปได้’
‘ถึงอย่างนั้น...’
‘พี่ชายของฉันก็ถูกพวกมันฆ่า คิมจงอิน’
ชานยอลพูดเสียงเรียบ บุหรี่ถูกทิ้งลงในแก้วแชมเปญจน์ก่อนจะวางไว้บนขอบหน้าต่างราวขยะไร้ค่าชิ้นหนึ่ง
‘ตระกูลที่ภูมิใจในความเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ สนับสนุนความคิดเผด็จการของจอมมาร นายคิดว่าโอเซฮุนจะไม่ได้รับสืบทอดสิ่งเหล่านั้นเลยหรือไง ถ้าจะมีใครสักคนในฮอกวอตส์ที่พยายามทำเรื่องชั่วช้าพวกนี้ ฉันก็ได้กลิ่นหมอนั่นมาแต่ไกลเชียวล่ะ’
ถึงสิ่งที่ชานยอลพูดจะเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน แต่องค์ประกอบต่างๆ ก็หลวมรวมเข้าด้วยกันจนชวนให้คิดเช่นนั้นได้ไม่ยาก เดิมทีจงอินก็รู้จักห้องต้องประสงค์ได้เพราะโอเซฮุน เขาจับมือดมไม่ได้ว่าหมอนั่นใช้ห้องลับเพื่อทำอะไร แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ผู้ชายที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ และพยายามปิดบังตัวตน ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็น่าสงสัยกว่าใครอยู่แล้ว
‘แปลกนะ ถ้าเป็นปกตินายคงรีบเห็นด้วยแล้วแท้ๆ’
มือปราบมารหนุ่มหัวเราะเบาๆ
‘หรือมีอะไรเกิดขึ้นตอนที่ฉันไม่อยู่?’
เขาเม้มริมฝีปาก ลุกขึ้นยืนประจันหน้าอดีตกัปตันด้วยความรู้สึกไม่สู้ดีนัก ‘เราควรกลับเข้าไปในงานได้แล้ว นายใจร้ายมากที่เอาเรื่องเครียดๆ แบบนี้มาใส่หัวขี้เลื่อยของฉัน’
ชานยอลยิ้ม เป็นยิ้มที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ขณะมองมายังเขา จงอินเคยคิดตั้งแต่แรกว่าบรรยากาศรอบตัวของรุ่นพี่คนสนิทเปลี่ยนไป แต่ไม่มีครั้งไหนชัดเจนเท่านี้
‘นายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสมอ ทำเหมือนกับว่าไม่รู้อะไร’
เขาชะงักเท้าซึ่งกำลังจะกลับเข้าห้องโถง หันมองคนที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่
‘รู้ไหมจงอิน คำโกหกของนายมันทำให้ฉันอยากอาเจียนทุกที โดยเฉพาะตอนที่นายโกหกแม้กระทั่งตัวเอง’
บางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกหลังจากพบกันอีกครั้งก็ได้ที่ปาร์คชานยอลพูดความในใจออกมา นัยน์ตาสีดำสนิทยังคงฉายแววเคลือบแคลงเช่นเดียวกับครั้งสุดท้ายก่อนลาจาก มันแฝงความเจ็บปวด เย้ยหยัน ทว่าอาลัยอาวรณ์อย่างลึกซึ้ง แต่ไหนแต่ไรคิมจงอินคิดว่าตนเข้าใจชานยอลดีกว่าใคร แล้วเขาก็ได้รู้ว่าคิดผิดหลังจากจูบแรกที่ฮอกส์มี้ดของทั้งคู่ อีกฝ่ายเริ่มเป็นใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก ทั้งดีใจหายและเย็นชาอย่างน่ากลัว
‘นายพูดอะไรออกมา...’ จงอินถามย้ำ หวังให้เป็นแค่ประโยคล้อเล่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง
แต่คราวนี้ชานยอลเป็นฝ่ายเดินหนี ส่วนเขายืนอยู่กับที่ ในหัวคิดอะไรไม่ออกนอกจากสีหิมะขาวโพลน
“เอ็กซ์เปลลิอามัส”
สิ่งที่ควรเกิดขึ้นคือโอเซฮุนตัวแข็งทื่อ และเขาสามารถตรวจสอบสิ่งที่กังขาได้อย่างง่ายดาย
ทว่าไม้กายสิทธิ์ของจงอินกลับกระเด็นไปไกล พร้อมกันนั้นปลายไม้ฮอว์ทอร์นเย็นเยียบจิ้มเบาๆ ลงบนแก้มเขา พร้อมริมฝีปากได้รูปของคนด้านบนที่เหยียดรอยยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า
“น่าสนใจที่นายรู้จักวิธีเอาตัวเข้าแลกแล้ว แต่ไม่ควรเล่นลูกไม้เดิม”
หลังจากนั้น ไม้กายสิทธิ์แกนกลางขนยูนิคอร์นเกี่ยวชายเสื้อของเขาขึ้น เผยให้เห็นแผ่นอกที่ไร้ซึ่งร่องรอยจากการสานสัมพันธ์ครั้งก่อน จากนั้นเซฮุนจึงชี้สั่งให้เสื้อไหมพรมบนร่างสีแทนจัดการถอดตัวเองออก โดยที่คิมจงอินทำได้เพียงยกแขนอำนวยความสะดวกจนกระทั่งท่อนบนเปลือยเปล่าสู้ความหนาวเหน็บเท่านั้น
“อยากเล่นอะไร ที่รัก” อีกฝ่ายแสร้งถาม แต่จงอินรู้ดีว่าเซฮุนฉลาดพอ หมอนี่ไม่มีทางหลงเชื่อว่าเป็นแค่การกระทำพิเรนทร์ๆ ตามประสาคนดื้อด้านแน่
“ฉันรู้เรื่องที่พ่อของนายถูกจับ”
เขาตัดสินใจพูดออกไปตามตรง แวบหนึ่งที่แววตาของโอเซฮุนแปรเปลี่ยน แม้แต่มือที่สาละวนอยู่บนร่างกายก็พลันชะงัก จากที่แปลกอยู่แล้วก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ ดวงตาลึกโหลได้แต่มองเขานิ่ง ไร้ซึ่งความขี้เล่น หยอกเอิน อย่างที่แทบไม่ได้พบเจออีกเลยในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ เซฮุนอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็หุบลง ริมฝีปากปิดสนิทเป็นเส้นตรงก่อนจะเริ่มลงมือปลดกางเกงเขาเพื่อสานต่อ
“ปาร์คชานยอลก็เลยสั่งให้นายพิสูจน์ดูว่าฉันมีตรามารบนแขนหรือเปล่า -- อย่างนั้นซี”
“หา?” จงอินอุทาน จริงอยู่ว่าชานยอลมาพูดเรื่องนี้กับเขา แต่เหตุผลที่ทำอย่างนี้ก็ไม่ใช่เพราะถูกสั่งสักหน่อย “ทำไมฉันจะต้องทำตามคำสั่งชานยอลด้วย ตรงกันข้ามเลยต่างหาก”
มือขาวซีดดึงกางเกงออกจนพ้นร่างข้างใต้ ทำราวกับสิ่งที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยเป็นเพียงเรื่องลมฟ้าอากาศแล้วสัมผัสตัวเขาเหมือนอย่างทุกครั้ง บีบให้ต้องหลุดเสียงครางต่ำหรือร้องแปลกๆ ทำในสิ่งที่จงอินไม่เคยรู้สึกชิน จากนั้นค่อยแทรกตัวเข้าหาและเคลื่อนไหวไปพร้อมกันจนเป็นหนึ่งเดียว
“ถ้าฉันเป็นผู้เสพความตายขึ้นมาจริงๆ นายจะทำยังไงล่ะ คิมจงอิน” จู่ๆ เซฮุนก็ถามหลังจากยกตัวเขาขึ้นนั่งคร่อมบนตัก มอบจูบดูดดื่มและผละออกอย่างอ้อยอิ่ง “จะจับฉันส่งมือปราบมาร หรือว่าหนีไปด้วยกัน”
เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร เผลอเหลือบมองแขนเสื้อซึ่งยาวปกปิดท่อนแขนซ้ายเอาไว้มิดชิด สุดท้ายแล้วจงอินก็ไม่รู้คำตอบ ไม่ได้พิสูจน์อะไรสักอย่าง จึงทำได้แค่เก็บงำเอาไว้ในใจและรอจนกว่าคนตรงหน้าจะยอมเปิดปากพูดความจริงเท่านั้น ตอนนี้โอเซฮุนเป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าชายสลิธีรินอย่างหมอนี่ไม่มีวันเลือกหนทางที่ทำให้ตนเองตกต่ำเช่นนั้นหรอก ซีกเกอร์หนุ่มยืนยันความคิดของตนเองด้วยการปล่อยให้อารมณ์นำพา เคลื่อนใบหน้าเข้าหาและเป็นฝ่ายจูบกลับอย่างเนิบนาบ
หากว่าโลกนี้แบ่งแยกด้วยความถูกต้องและผิดพลาด คำถามเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“แน่นอนว่าฉันเลือกอย่างแรก”
ต่อให้ต้องเลือกด้วยหัวใจแหลกสลาย แต่คิมจงอินก็คิดว่าคำตอบของเขาคงไม่เปลี่ยน
“ยิ่งโตก็ยิ่งทำตัวเข้าใจยากนะเพื่อนฉัน”
ปาร์คชานยอลชะงักมือที่กำลังจะส่งบุหรี่คาบที่ปาก ก่อนหันมองเพื่อนสนิทซึ่งเดินเข้ามายืนขนาบข้าง ทั้งคู่สวมชุดสูทผ้าเนื้อดี สวมทับด้วยโค้ตสีแดงเลือดหมูกลัดตรากระทรวงสีทองบนอกขวา ในมือถือกระเป๋าเอกสารซึ่งภายในถูกร่ายคาถาขยายพื้นที่ ลูคัส ทิลไม่สูบบุหรี่ แต่ก็ชาชินในกลิ่นเมนทอลแบบมักเกิ้ลจนไม่ได้ออกปากบ่นอีกแล้ว
“พูดถึงอะไร” เขาถาม
ชายหนุ่มสองคนยืนอยู่บริเวณมุมเสาทางด้านในสุด มองออกไปคือโถงกลางของกระทรวงเวทมนตร์ซึ่งมีน้ำพุภราดรภาพของผู้วิเศษ ทางเดินซึ่งเรียงรายด้วยเตาผิงสีทองสำหรับการเดินทางผ่านเครือข่ายผงฟลู และบรรดาพ่อมดมากหน้าหลายตาซึ่งเดินกันขวักไขว่ บ้างก็ต่อคิวขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นต่างๆ ตามสังกัดของตน
“โลกมักเกิ้ลไม่สนุกแล้วหรือ ปกตินายกลับมาจากบ้านแม่ทีไรจะอารมณ์ดีตลอด”
ชานยอลพ่นควันออกจากปาก นึกถึงสองวันในช่วงสิ้นปีที่ได้พักจากงานแล้วอยู่ฉลองแบบมักเกิ้ลที่บ้านของมารดา ที่นั่นเขาได้กลายเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ และต้องโกหกใครต่อใครว่าทำงานเป็นตำรวจท้องถิ่นอยู่ในเมืองแสนไกล เขาเริ่มทำตัวเหมือนพี่ชายแท้ๆ เข้าไปทุกที คำโกหกสารพันที่ใช้กับญาติฝั่งแม่ก็จำมาจากพี่ แม้แต่ตอนที่ไปหามารดาทั้งชุดเครื่องแบบมือปราบมาร หล่อนก็ยังมองเขาด้วยสายตาแบบเดียวกับที่ใช้มองพี่อีก
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” มือปราบมารตัวสูงถอนหายใจ นานมาแล้วที่เขาไม่ได้พูดความในใจหรือปรับทุกข์ต่างๆ นานากับเพื่อนสนิท ชานยอลเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างสันโดษ คิดตามลำพัง และเลือกทำสิ่งต่างๆ หลังจากตัดสินใจด้วยตนเอง “แค่รู้สึกเหมือนกับ... จำตัวเองเมื่อก่อนนี้ไม่ได้แล้วก็เท่านั้น”
“เกี่ยวกับเรื่องพี่ของนายใช่ไหมเนี่ย?” อย่างกับถูกอ่านใจได้ ลูคัสเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มักจะรู้ทันปาร์คชานยอลเสมอ ต่อให้ไม่เปิดปากพูดทั้งหมด อีกฝ่ายก็คิดวิเคราะห์สถานการณ์จากตัวบุคคลได้อย่างดีเยี่ยมอยู่ดี “ตั้งแต่ที่เราเข้ามาเป็นมือปราบมาร นายก็ชอบทำสีหน้าหนักใจอยู่บ่อยๆ การเป็นผู้ใหญ่อาจหมายถึงต้องเก็บสิ่งต่างๆ ไว้กับตัวมากขึ้น แต่แบบนั้นฉันก็กลัวสมองนายจะระเบิดแน่ะเพื่อน”
เขาลดสีหน้าลงเล็กน้อย บุหรี่มวนสุดท้ายไหม้ถึงไส้กรองแล้ว “แม่กลัวว่าฉันจะมีจุดจบเหมือนพี่ เธอไม่อยากให้ฉันเป็นพ่อมดด้วยซ้ำ”
“ความคิดแบบมักเกิ้ลแหละนะ”
ลูคัสหัวเราะเบาๆ นั่นทำให้ชานยอลพอจะยิ้มออกมาได้บ้าง ตั้งแต่พี่ชายเสียไป บรรยากาศภายในครอบครัวก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก พ่อตัดสินใจขอย้ายไปทำงานที่บัลแกเรียเพื่อหลักหนีสภาพแวดล้อมเดิมๆ ส่วนแม่หวาดระแวงผู้เสพความตายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เอาแต่พูดชวนให้เขาซ่อนตัวในฐานะมักเกิ้ลและไม่สนับสนุนการเป็นมือปราบมาร แม่บอกว่านี่มันก็แค่อาชีพเร่งเวลาตายทางอ้อม ถูกบงการแล้วอย่างสิ้นเชิงโดยคนตาย
เขาทิ้งก้นบุหรี่ลงกับพื้น ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วใช้คาถาเผาไหม้
“เฮ้ ชานยอล สำหรับฉันแล้วนายอาจจะต่างจากเดิมนิดหน่อย” เพื่อนผมบลอนด์ตบบ่าเขาเบาๆ “แต่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายหรอก เพียงแต่เรื่องสนุกในชีวิตเรามันน้อยลงก็เท่านั้น”
ลูคัสกวักนิ้วเรียกให้เขาเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกัน ในหัวของอดีตกัปตันทีมควิดดิชแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ยังฟุ้งซ่านด้วยเรื่องสะระตะมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพูดคุยกับคิมจงอินครั้งล่าสุดเมื่อคืนวันคริสต์มาส เขารู้ว่าตนเองพูดจาได้แย่เหลือทน แต่ก็ฝืนคิดอะไรต่อมิอะไรไปในแง่ดีกว่านั้นไม่ได้แล้ว
ความรักมักทำให้บุคคลสูญเสียการควบคุม
ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า หรืออาจจะตลอดไป
“วิธีอยู่ในน้ำได้นานหนึ่งชั่วโมง? นี่มันโจทย์โหดหินอะไรเนี่ย”
แทมกุมขมับ ส่วนคีย์ได้แต่กอดเจ้าไข่ทองคำเอาไว้แทนเพื่อนผิวแทนซึ่งกำลังนั่งทำสีหน้างุ่นง่าน อีกแค้ไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดการประลองเวทไตรภาคีในรอบที่สองแล้ว แต่คิมจงอินยังหาวิธีให้ตนเองกลายร่างเป็นมนุษย์น้ำไม่ได้ ทีแรกเขาคิดว่ามันอาจหมายถึงการต้องดำลงไปในทะเลเพื่อชิงสิ่งสำคัญคืน แต่พอคิดทบทวนอีกทีแล้ว การประลองไม่น่าออกไปจากนอกบริเวณฮอกวอตส์ ดังนั้นจึงเหลือแค่ทะเลสาบที่พอจะเป็นไปได้ มันกว้างใหญ่พอให้ทำอะไรสุดโต่งได้เสมอนั่นแหละ
“แล้วอะไร -- อะไรล่ะที่พวกเขาจะขโมยของนายไป” คีย์ถาม ส่วนจงอินไหวไหล่เป็นคำตอบ
“ฉันไม่รู้ ช่วงปิดเทอมก็ตรวจเช็กของสำคัญอยู่ทุกวัน แต่ว่ายังอยู่ครบ”
“ฉันพนันว่าคงเป็นไดอารี่ลับของนายแหงเลย”
ได้ยินคำพูดคีย์แล้วแทมก็หัวเราะลั่น “โอ๊ย อย่างหมอนี่น่ะหรือจะเขียนไดอารี่ แค่จดเลกเชอร์ในคาบยังขี้เกียจปานนั้น”
คนโดนเพื่อนจิกกัดได้แต่ทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อน จะเหน็บว่าเขาไม่ตั้งใจเรียนหรือขี้เกียจตัวเป็นขนก็เท่านั้น จงอินไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เป็นความจริงหรอก มิหนำซ้ำยังทำเป็นแกะช็อกโกแลตโยนใส่ปาก ตั้งแต่ที่เริ่มเนื้อหอมเพราะกลายเป็นรุ่นพี่คนเด่นดังของโรงเรียนก็ได้รับของขวัญและจดหมายรักมากมาย ที่ยอมรับมาบ้างก็มีแต่ขนมเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
“หรือว่าจะเป็นคริสตัล” คีย์ส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ย “แหม ก็นายชอบเธอมาตั้งนมนานนี่ งานแก้ตัวเมื่อคริสต์มาสเป็นไงบ้างล่ะเพื่อน หวังว่าคงไม่ไปเหยียบเท้าเธอเข้าอีกนะ”
“นี่ คีย์ ฉันว่าไม่ใช่แล้วมั้ง” แทมค้าน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แต่ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทกัน ดูก็รู้ว่าคิมจงอินไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มคริสตัล จองขนาดนั้นอีกแล้ว
“ใช่ พูดอะไรออกมา”
จงอินโบกมือปัดๆ ตาลอยเหมือนนึกคิดถึงใครบางคนที่อยู่แสนไกล
“ฉันชอบเชอร์รี ฟิลเตอร์ต่างหาก”
“หา?” เพื่อนทั้งสองอุทานพร้อมกัน “ใครคือเชอร์รี ฟิลเตอร์!?”
“ไม่รู้ซี แต่เธอแบบว่า สุดยอดไปเลยว่าไหม” อยู่ดีๆ กัปตันทีมแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ก็ลุกขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อแจ็กเก็ตกันหนาวมาสวมทับ ทำท่าจะออกไปไหนมาไหนทั้งที่เป็นเวลาดึกดื่นค่ำคืน อีหรอบนี้เดี๋ยวคงเจอฟิลช์หิ้วคอกลับมาแหงๆ “อยากเจอเชอร์รีใจจะขาด เฮ้ จอห์น นายรู้ไหมว่าเชอร์รีเป็นใคร”
รูมเมตผิวสีขี้รำคาญเงยหน้าขึ้นจากหนังสืออ่านนอกเวลา ทำหน้านึกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบเขาราวกันนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก “นายหมายถึงเชอร์รีที่อยู่บ้านสลิธีรินหรือเปล่า เธอน่ารักดีนะ แต่ดูไม่เห็นเป็นสเป็กนายเลยนี่”
“จะสำคัญอะไร ฉันชอบเชอร์รี ฟิลเตอร์ ถึงเธอเป็นก็อบลินก็แจ่มอยู่ดี”
จอห์นทำหน้ายี้อย่างไม่ปิดบัง ส่วนแทมกับคีย์ได้แต่อ้าปากค้าง จะอ้าปากห้ามปรามเพื่อนแต่ก็มัวขนลุกซู่ จนกระทั่งจงอินเดินออกจากหอนอนไปแล้ว สองหนุ่มถึงได้กระโดดขึ้นเตียงของจอห์นแล้วถามข้อมูลเกี่ยวกับสาวปริศนาที่ชื่อเชอร์รีดังการรีดเลือดกับปู คิมจงอินดูเหมือนคนที่ไม่รู้จักกับหล่อนเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้จะเรียกความรักได้อย่างไร
แต่ช่างปะไร จงอินคิดเช่นนั้น
เขาหลงรักเธอเกินกว่าจะสนใจว่าเป็นใครมาจากไหน โอ้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น หัวใจถึงได้หลงใหลใครสักคนได้อย่างปุบปับถึงเพียงนี้
ระยะทางจากหอนอนบ้านกริฟฟินดอร์ถึงคุกใต้ดินช่างไกลนัก ซีกเกอร์หนุ่มรู้สึกเหมือนกับมันยาวนานเป็นเดือนเป็นปี บันไดแต่ละขั้นเหมือนต้องข้ามทะเลทรายอันหนาวเหน็บ เชอร์รี ฟิลเตอร์อยู่ไหน เขาอยากพบเธอใจจะขาด
ทางเดินภายในคุกใต้ดินช่างเหม็นอับและคดเคี้ยว หอนอนบ้านสลิธีรินซุกซ่อนอยู่ตรงไหนกันล่ะนี่ รู้อย่างนี้น่าจะลองถามโอเซฮุนไว้บ้างก็ดี หมอนั่นเล่นไม่เปิดปากพูดอะไรที่เป็นข้อมูลของตนเอง ทำให้เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกมองจนทะลุปรุโปร่งอยู่ร่ำไป แล้วทำไมถึงไปนึกหาเจ้าหนวดปลาหมึกนั่นเสียได้ ที่สำคัญตอนนี้คือเชอร์รีกับวิธีเข้าสู่หอนอนสลิธีรินต่างหาก
ขอบคุณความเป็นซีกเกอร์ที่ทำให้หูตาว่องไว เขาเห็นใครบางคนเดินหายไปบริเวณบริเวณหัวโค้งไม่ไกลจากห้องปรุงยา อาจเป็นนักเรียนกำลังเข้าหอก็ได้ คิดได้ดังนั้นจึงก้าฝีเท้าตามไปอย่างเงียบเชียบ หนทางสู่ความรักอยู่อีกไม่ไกลแล้ว
ทว่าสองขากลับต้องชะงักเมื่อเห็นว่าบุคคลปริศนานั้นก็คือหญิงสาวที่แสนคุ้นเคย ในเวลาแบบนี้ คริสตัล จองมาทำอะไรที่นี่ มิหนำซ้ำยังหยุดยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง รอจนกระทั่งมีใครอีกคนเปิดประตูรับเธอให้เข้าไป
และใครคนนั้นคือคนที่ทำให้ใจของเขาปวดหนึบ เจ้าของความสัมพันธ์ลับๆ ที่จงอินไม่เข้าใจตนเองแม้แต่น้อยว่าเหตุใด เขาถึงได้ยอมให้หมอนั่นกอด จูบ และทำอะไรๆ อย่างที่เขานึกอยากจะทำกับเชอร์รี ฟิลเตอร์ในตอนนี้
สองคนนั้นจะลับๆ ล่อๆ ทำอะไรด้วยกันก็ช่าง แต่เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่ทางเข้าหอนอนบ้านสลิธีริน
แล้วก็เป็นดังคำทำนายของแทม หลังจากเดินวนไปวนมาอยู่ที่คุกใต้ดินอยู่ร่วมชั่วโมง ในที่สุดเขาก็ถูกหิ้วคอออกมาโดยอาร์กัส ฟิลช์และคุณนายนอร์ริสซึ่งเดินตรวจตราโรงเรียนยามค่ำคืน ฟิลช์ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเชอร๊รีเป็นใคร และยังแสดงความหมั่นไส้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของนักเรียนงี่เง่าอย่างไม่ปิดบังอาการ จงอินคิดว่าคงถูกหิ้วกลับไปยังหอนอนกริฟฟินดอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะกลับลงมาใหม่เมื่อฟิลช์ไปแล้ว
ขึ้นมาถึงชั้นห้าก็บังเอิญเจอเข้ากับคนที่ยังไม่พร้อมเจอมากที่สุด จงอินชะงัก เผลอขืนตัวสู้ฟิลช์โดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือปาร์คชานยอลในชุดลำลอง ซึ่งออกมาทำอะไรในตอนดึกดื่นก็ไม่ทราบได้ ฟิลช์ทักทายมือปราบมารด้วยการพยักหน้าให้นิดหน่อย อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นอดีตนักเรียนที่เพิ่งจบไปไม่นาน ดังนั้นฟิลช์จึงกระอักกระอ่วนเกินกว่าจะแสดงความนอบน้อม
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ” ชานยอลถาม
“ผมเจอเด็กนี่ทำลับๆ ล่อๆ อยู่แถวคุกใต้ดิน ควรถูกศาสตราจารย์ตัดคะแนนเสียให้เข็ด” อาร์กัส ฟิลช์พูดฟ้อง ได้ยินอย่างนั้นชานยอลก็เลิกคิ้ว แต่กระอักกระอ่วนเกินกว่าจะเอ่ยถามกับคิมจงอินตรงๆ
“ผมขอตัวเขาได้ไหมครับฟิลช์ พอดีว่ามีเรื่องที่ต้องสอบถามเด็กคนนี้สักหน่อย”
ฟิลช์ฮึดฮัด แต่ก็ยอมปล่อยมือจากคอเสื้อเขาแต่โดยดี จงอินลอบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ภารโรงวัยกลางคนซึ่งเดินจากไปพร้อมกับแมวคู่ใจ จากนั้นบรรยากาศจึงตกลงสู่ความอึดอัดอีกครั้ง คำว่าอยากอาเจียนฝังลงในหัว ทำให้การมองปาร์คชานยอลเต็มสายตากลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาโดยพลัน
“ขอบคุณ” จงอินตั้งท่าจะเดินจาก หากอีกคนก็รั้งเรียกเขาไว้เสียงเรียบ
“จะไปไหน”
“คุกใต้ดิน” เขาอ้อมแอ้มตอบ “ไปหาเชอร์รี”
ชานยอลขมวดคิ้ว “เชอร์รี? สำคัญอะไรนายถึงต้องเจอเธอให้ได้กลางดึกอย่างนี้”
“สำคัญสิ! ใจฉันจะขาดอยู่แล้วที่ไม่ได้เจอเธอ นายอย่ามายุ่งนักเลย!”
ซีกเกอร์หนุ่มขึ้นเสียง ใจคอคนพวกนี้จะขัดขวางไม่ให้ไปเจอสาวในฝันถึงเมื่อไร ป่านนี้เชอร์รีจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว คิดถึงกันเหมือนที่เขาพร่ำเพ้อหาเธอหรือไม่ พอกันที ไม่ว่าใครก็ห้ามเขาไม่อยู่อีกแล้ว ต่อให้ต้องพังคุกใต้ดินจนถล่มราบเป็นหน้ากอง อย่างไรก็จะเข้าไปในหอนอนสลิธีรินให้จงได้ ทันทีที่หมุนตัวจะตรงไปทำอย่างที่คิด ต้นแขนก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยแรงที่มากกว่า
“ปล่อยนะชานยอล! ฉันโกรธนายอยู่ ไม่เข้าใจหรือไง”
“ฉันรู้ว่านายคงโกรธ แต่นี่มันไม่ปกติ” ชานยอลดึงตัวเขาให้เขาไปใกล้ เอ่ยถามเสียงเข้ม “เชอร์รีเป็นใคร จงอิน”
คนถูกถามอึกอัก แค่สีผมของเธอ เขายังนึกภาพไม่ออกด้วยซ้ำ “ไม่รู้... แต่ฉันหลงรักเธอ ถ้าไม่ได้เจอเชอร์รีฉันต้องเป็นบ้าแน่ ปล่อยฉันไปเถอะชานยอล”
ฟังคำตอบแล้วชานยอลกลับถอนหายใจ “กลับหอนอนไปซะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
“ไม่มีทาง! จนกว่าฉันจะได้เจอเชอร์ --”
อยู่ดีๆ ลิ้นของเขาก็ตรึงอยู่กับเพดานปาก เมื่อกดสายตาลงต่ำจึงเห็นว่าอีกฝ่ายลอบถือไม้กายสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ นอกจากนั้นเขายังขยับตัวไม่ได้ ร่างถูกยกให้ลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนที่ตามคนตรงหน้าโดยขัดขืนไม่ได้ ชานยอลเดินนำไปยังทางบนระเบียงชั้นห้า จนกระทั่งถึงรูปปั้นผู้วิเศษอ่านหนังสือ พึมพำบางอย่างเบาๆ กำแพงด้านหลังก็ค่อยๆ เคลื่อนเปิด กลายเป็นทางเดินเข้าสู่ประตูห้องพักรับรองที่ศาสตราจารย์เดอนีโรยกให้บรรดาผู้ปราบมารตลอดการเฝ้าระวังที่นี่
จงอินไม่เคยรู้ว่ามีอะไรแบบนี้อยู่หลังกำแพงของทางเดินชั้นห้ามาก่อน เขาถูกพาเข้ามาด้านใน ก่อนชานยอลจะเปิดประตูบานที่สามและสะบัดไม้กายสิทธิ์เบาๆ จนร่างของจงอินลอยไปนอนอยู่บนเตียง แต่พอเริ่มขยับตัวได้ เชือกมากมายก็พุ่งออกจากปลายไม้กายสิทธิ์จนรัดข้อมือข้อเท้าเขาเอาไว้
มือปราบมารหนุ่มเดินตามมานั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานซึ่งมีเอกสารกองระเกะระกะ ห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ถูกตกแต่งด้วยสีน้ำตาลของไม้เชสนัทอังกฤษสลับกับสีทอง ค่อนข้างจะโล่งโจ้งสมเป็นห้องพักรับรอง มีแค่เตียงกับเฟอร์นิเจอร์จำเป็นเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น
“เป็นถึงตัวแทนโรงเรียน ไม่อยากเชื่อว่านายจะมาพลาดท่าให้กับอะไรแบบนี้” ชานยอลชี้ไม้กายสิทธิ์ใส่เขาอีกทีหนึ่ง เมื่อนั้นปากของคิมจงอินจึงขยับพูดได้อย่างเป็นอิสระ
“ปล่อยฉันออกไปนะชานยอล นายไม่มีสิทธิ์มาจับฉันไว้อย่างนี้นะ!”
“ไว้ตอนเช้าฉันจะพาไปหาศาสตราจารย์ซลักฮอร์น” มือปราบมารตอบคนละเรื่อง ทั้งยังหันหน้าเข้าหาโต๊ะ เริ่มลงมือทำอะไรต่อมิอะไรกับกองเอกสารเหล่านั้น ยิ่งทำให้จงอินหงุดหงิดจนแทบบ้า “หรืออยากให้ฟิลช์จับมัดเอาไว้เล่า?”
“ตัวประหลาดตะลุย! นายมันงี่เง่าเป็นบ้า พูดจาแบบนั้นใส่แล้วจะมายุ่งอะไรกับฉันนัก!” เขาโวย ต่อให้ต้องถูกปิดปากอีกรอบก็ช่างปะไร ปาร์คชานยอลมันน่าโมโหสิ้นดี “พูดให้มันรู้เรื่องนะ! ฉันฆ่านายแน่ ชานยอล! ปล่อยให้ฉันไปหาเชอร์รีเดี๋ยวนี้”
ถึงจะพยายามดิ้นแต่ร่างกายกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย คิมจงอินอยากจะบ้า ไม่ซี เขากำลังบ้าไปจริงๆ แล้วต่างหาก ทำไมการไม่ได้พบเจอเชอร์รี ฟิลเตอร์ถึงได้ทรมานขนาดนี้ ทุกอย่างที่เคยมองเห็นก็เริ่มพร่าเลือน ร่างกายร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ไหว
“ความรักนี่เจ็บปวดจัง” เขาพร่ำเพ้อ “หัวใจของฉันทรมานมากเลย”
“...”
“เชอร์รีอยู่ใกล้แค่นี้เอง แต่ฉันไปหาเธอไม่ได้”
“...”
“กางเกงในเมอร์ลิน โชคชะตาใจร้ายสุดๆ”
ท้ายแล้วปาร์คชานยอลก็สุดจะทน
มือปราบมารหนุ่มวางปากกาขนนกในมือลงบนโต๊ะ ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สีหน้าหงุดหงิดเต็มที มือหนึ่งเท้าลงกับเตียง ส่วนอีกมือกระชากคอเสื้อกัปตันทีมควิดดิชคนปัจจุบันขึ้นมาจนใกล้
“เลิกพูดถึงเชอร์รีสักที นายไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ”
“รู้ซี!” จงอินเถียง แต่แล้วก็เสียงอ่อนลง “เดี๋ยวก็ได้รู้จัก ฉันถึงต้องไปเจอเธอนี่ไง”
“นายไม่ได้ชอบเธอ แต่นายถูกยาเสน่ห์ชนิดรุนแรง เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่าจงอิน” ชานยอลกล่าวเสียงเรียบ ได้ผลว่ามันทำให้คนคุ้มคลั่งนิ่งไปถนัดตา “ตอนนี้ดึกเกินกว่าที่จะรบกวนศาสตราจารย์แล้ว แต่พรุ่งนี้เราจะถอนฤทธิ์ยาเสน่ห์ให้ แล้วนายจะได้รู้ว่าตัวเองในตอนนี้น่าหัวเราะแค่ไหน”
“ฉัน... ฉันไม่สนใจหรอก จะยาเสน่ห์หรืออะไรก็ช่าง แต่มันคือความรักที่ฉันมีให้เธอ!”
“แล้วนายรู้จักความรักหรือไง”
อดีตกัปตันรู้ว่าตนคงเสียสติไปแล้วที่ยอมเถียงกับคนโดนฤทธิ์ยาอย่างคิมจงอิน แต่เขาแค่ทนไม่ได้เมื่อต้องฟังคนคนนี้พร่ำเพ้อถึงความรักจอมปลอม ทำตัวเป็นบ้าเป็นบอเพียงเพราะคนที่ไม่แม้แต่จะจดจำใบหน้าได้ คงจริงที่เขามันเป็นจอมงี่เง่า ไม่ว่าจะพยายามอดทนหรือระงับอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้อย่างไร จงอินก็มักกระตุ้นให้มันปะทุขึ้นได้แทบทุกครั้ง
อีกฝ่ายไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหน ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องอดทนมากเท่าไร
“นายเคยรักใครจนรู้จักความทรมานที่ไม่ได้เจอด้วยหรือ เคยอดทนที่จะไม่พูด ไม่คุย หรือทำตัวเป็นคนไม่รู้จักกันบ้างหรือเปล่า”
เจ้าของผิวสีแทนเบิกตามองเขา แวบหนึ่งที่ประกายในดวงตากลับมาแจ่มชัดเช่นจงอินในยามปกติ แต่แล้วก็กลับเป็นพร่าเบลอดังเดิม
“เคยเป็นบ้าเพราะใครสักคนไหม ทั้งเจ็บปวด ทั้งแค้นเคือง แต่ก็ไม่รู้จะกล่าวโทษใครได้
“ฉัน... เชอร์รี...”
ชานยอลมองคนตรงหน้าด้วยสายตากล้ำกลืน “นายมันน่ารำคาญจริงๆ คิมจงอิน”
คำพูดของเขาไม่เข้าหูคนน่ารำคาญที่ว่าด้วยซ้ำ คิมจงอินซึ่งตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาเสน่ห์ชนิดรุนแรงถึงกับขาดสติ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้พลางเรียกเขาว่าเชอร์รี ทำทั้งๆ ที่ร่างกายถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้อย่างนั้น แน่นอนว่าชานยอลอยากผลักออก เขาอยากปฏิเสธทุกอย่างซึ่งเป็นคิมจงอินใจจะขาด แต่ก็แพ้แรงโหยหาและรสจูบที่แสนคิดถึง ช่วงเวลาแสนหวานในความทรงจำหวนคืนมาชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นจึงหลุดลอยไปเมื่อทั้งคู่ถอนริมฝีปากออก
เขาไม่ต้องการเป็นคนขี้แพ้ อ่อนแอ และถูกหลอกลวงอีกแล้ว
ทว่ามือกลับเลื่อนขึ้นประคองใบหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนเป็นฝ่ายกดจูบดูดดื่ม วาบหวาม สอดลิ้นชื้นเข้าไปในปาก กวาดเอาทุกลมหายใจของจงอินเอาไว้จนอีกฝ่ายหอบพร่า นี่คือการฉวยโอกาสหรือเปล่า ชานยอลไม่อยากตอบตัวเอง รู้แค่เขาคิดถึงคนคนนี้ใจจะขาด ถวิลหาหลังจากไม่ได้เจอ ไม่พูด ไม่คุย ทำตัวเป็นคนไม่รู้จัก เจ็บปวด แค้นเคือง และเสแสร้งเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อทอดทิ้งความทรมานเอาไว้เบื้องหลัง
ความรักของปาร์คชานยอลเปรียบดังเกลียวคลื่นที่รุนแรง
น่ากลัวว่าวันหนึ่งมันจะสาดซัด -- และกลืนใครบางคนให้จมหายไปใต้ท้องทะเลซึ่งไร้จุดสิ้นสุด
“เซฮุน เป็นอะไรไป!?”
คริสตัลถลาเข้าดูอาการเจ้าชายสลิธีรินซึ่งทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะไม้เก่าๆ มือขาวซีดยกขึ้นกุมขมับ ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาช้าๆ เพื่อกันอีกฝ่ายออกห่างจากตัว
“ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย”
“แน่ล่ะ เดี๋ยวนี้เธอดูแย่มาก คงไม่ใช่แค่เพราะนอนน้อยแล้วมั้ง” คริสตัลว่า แรกเริ่มก็พอทำใจเชื่ออยู่บ้างว่าโอเซฮุนเครียดจนไม่ดูแลตัวเอง แต่ยิ่งได้เห็นอาการอย่างใกล้ชิด หากไม่ใช่คนโง่ก็คงดูออกว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรแปลกๆ และสิ่งนั้นก็เป็นผลเสียมากเสียด้วย นั่นคือสิ่งที่เธอแน่ใจ
“ถ้าฉันบอกเธอแค่นั้น ก็ให้มันจบแค่นั้น คริสตัล” เซฮุนกล่าวเสียงเรียบ
ร่างสูงโปร่งหยัดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตรงไปยังหีบเก็บของซึ่งเปิดฝาอ้าอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องเก็บของภายในคุกใต้ดิน ที่นี่ถูกใช้เป็นที่เก็บหนังสือเก่าและของที่ไม่ใช้แล้ว เขาได้รู้ก็ตอนช่วยทำงานวิจัยของศาสตราจารย์ซลักฮอร์น นอกจากโอเซฮุนจึงไม่มีใครเข้ามาในนี้นานแรมปี
เขาชะโงกหน้ามองเข้าไปในหีบซึ่งควรจะลึกแค่สองฟุต และกว้างพอให้เก็บหนังสือได้แค่ไม่กี่สิบเล่ม เพียงแต่หีบนี้พิเศษตรงที่ถูกใช้คาถาขยายพื้นที่ เวลามันจึงไม่ต่างอะไรกับห้องคุมขังแคบๆ ลึกเกินสิบฟุต ด้านล่างสุดคือเซเลน่า โกเมซซึ่งกำลังนอนหายใจรวยรินอย่างเหนื่อยอ่อน อาหารและน้ำจากมื้อล่าสุดยังไม่พร่องไปแม้แต่นิดเดียว
เซเลน่ากลอกตาขึ้นมองเขาด้วยแววแห่งความเจ็บแค้น เธอถูกขังอยู่ที่นี่มาเนิ่นนานในฐานะบุคคลหายสาบสูญ เป็นไปได้เซฮุนก็อยากใช้คาถาลบความทรงจำเหมือนที่คนของกระทรวงใช้กับพวกมักเกิ้ล ถ้าไม่เพียงแต่มันจะเป็นคาถาต้องห้าม ไม่ได้รับการเปิดเผยเว้นเสียแต่เจ้าหน้าที่ในสำนักงานใหญ่ผู้ลบความจำเท่านั้น หากใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นี่ก็แทบไม่ต่างอะไรจากคาถาสะกดใจด้วยซ้ำ
“อดทนอีกหน่อยนะ เซเลน่า”
“เธอจะพูดแบบนั้นไปเพื่ออะไร ทำแบบนี้ก็เหมือนฆ่าฉันทั้งเป็น” หล่อนตอบเสียงสั่น ทุกครั้งที่คุยกัน คล้ายว่าเซเลน่ากำลังอดทนเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้
“ฉันปล่อยให้เธอพูดเรื่องตรามารไม่ได้”
เขายิ้มขมขื่น
“และฉันจะไม่ทำร้ายเธอไปมากกว่านี้ ฉันสัญญา”
โอเซฮุนปิดหีบแล้วล็อกด้วยเวทมนตร์ ก่อนจะเสกคาถาปิดกั้นเสียงเอาไว้รอบหีบเช่นเดียวกับที่ทำมาตลอด สายตาของเขาอ่อนล้า เหน็ดเหนื่อยและสับสนเหลือเกินว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ เขาอยากสิ้นสุดเรื่องนี้สักที อยากจบทั้งความทรมานของตนเองและเพื่อนสาวคนสนิท ปรารถนาให้สิ่งใดๆ กลับเข้าที่เข้าทางอย่างที่มันควรจะเป็น แต่ก็ไม่เห็นทางเป็นไปได้เลย
“ฝากเอาอาหารเข้ามาให้เซเลน่าอีกสามวันจากนี้ด้วย” เขากำชับกับคริสตัลซึ่งยืนรออยู่เงียบๆ หล่อนพยักหน้ารับ ยินยอมทำกิจนี้ประหนึ่งหน้าที่ของตนแต่โดยดี
“ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร ไม่ต้องห่วงหรอก เธอเองก็ระวังตัวเข้าเถอะ อย่ามาที่นี่อีกเลย”
หลังจากรู้ว่าตนเองถูกมือปราบมารคอยจับตามอง คริสตัลจึงเป็นประโยชน์ขึ้นมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้หล่อนก็คอยดูแลเซเลน่าแทนเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง รวมถึงวิธีเก็บความลับโดยที่ไม่ต้องฆ่า คริสตัลก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ย่อมสร้างภาระอันน่ารำคาญ แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ตัวตนของโอเซฮุนแตกสลายไปมากกว่านี้
เขาเหนื่อย -- เหนื่อยเกินกว่าจะแบกรับอะไรไหวอีกแล้ว
แสงสว่างที่มีช่างริบหรี่จนเหมือนจะดับมอดลงได้ทุกเมื่อ
-------------------------------------------
โธ่ เชอร์รี่........
-
จริงๆ แล้วตอนนี้เป็นตอนที่เขียนๆ ลบๆ อยู่ตั้งสามรอบ มู้ดเรื่องเป็นไปได้สามแบบ
ทางเลือกของตัวละครก็แตกออกไปได้หลายรูท เหมือนเล่นเกมเลยค่ะ TvT
ถึงเนื้อเรื่องจะเครียด แต่พูดตรงๆ ว่าส่วนตัวเรามีความสุขและสนุกมากค่ะ
เวลาได้อ่านฟีดแบ็กว่าคนอ่านรู้สึกอินไปกับตัวละคร หรือคาดเดาเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ
บางจุดอาจจะชวนให้รู้สึกสงสัย หรือทิ้งไว้เป็นปริศนา แต่ในอนาคตจะค่อยๆ เฉลยออกมาค่ะ
ทั้งนี้จึงขอแจงไว้ก่อนว่า ถึงเรื่องนี้จะเป็น AU ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และอิงเรื่องหลักๆ ในหลายสิ่ง
แต่ก็มีบางจุดที่ต้องขออนุญาตปรับเปลี่ยน หวังว่าแฟนแฮร์รี่ที่อ่านอยู่จะไม่ขัดอกขัดใจนักนะคะ TT
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช ค่ะ
ความคิดเห็น