คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : 15 | NO REASON, NO RHYME
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 15 )
‘NO REASON, NO RHYME'
“เธอเอาจริงหรือเซเลน่า มาคู่กับฉันแทนก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”
ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เซเลน่า โกเมซก็เสยเรือนผมสีดำยาวของเธอ จากนั้นจึงหันไปมองเอดิสัน หวง เพื่อนร่วมบ้านที่ใครๆ ต่างก็มองว่าสนิทสนมกัน แต่อันที่จริงแล้ว ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าที่มารวมตัวกันได้นั้นเป็นเพราะจุดศูนย์กลางอย่างเจ้าชายแห่งสลิธีริน โอเซฮุนต่างหาก เซเลน่าชอบที่จะใกล้ชิดเซฮุน ส่วนเอดิสันก็มีความสุขถ้าใครๆ มองว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของคุณชายจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์คนดัง
“นายบ้าหรือเปล่าเอดิสัน ที่มาเสนอตัวให้ฉันแบบนี้”
“เสนอตัว!? โอ๊ย เธอพูดอะไรน่ะ” เอดิสันตกใจจนอ้าปากพะงาบ คำพูดคำจาคล่องปากเมื่อสักครู่นี้พลันติดอยู่ในลำคอไปเสียหมด “ฉันไม่ได้ -- แบบว่า -- ไม่ได้คิดที่จะคาดหวังในตัวเธอ -- โธ่เอ๊ย! เราก็อยู่ตั้งปีเจ็ดแล้วนะ”
เซเลน่าเป็นสาวฮอต นั่นหมายถึงตั้งแต่ที่เริ่มแตกเนื้อสาวจนสวยสะพรั่ง เธอต้องรับมือกับผู้ชายมากหน้าหลายตาจนแทบจะเปลี่ยนคนควงได้ทุกเดือน ดังนั้นแค่สายตาของผู้ชายอ่อนหัดคนหนึ่ง ทำไมถึงจะดูไม่ออกกันเล่า
“ฉันจะไม่ให้เธอเป็นแม้แต่ตัวเลือกสุดท้ายหรอก เอดิสัน” หญิงสาวจิ้มอกคนนั่งข้างๆ “ยังไงฉันก็ต้องให้เซฮุนเป็นคู่เต้นรำปีนี้ เพราะนี่เป็นปีสุดท้าย แล้วเขาก็เป็นรักแรกของฉันด้วย”
“แต่เขาอาจจะตอบตกลงกับคริสตัล จองไปแล้วก็ได้ ปีที่แล้วเขาก็ไม่ได้เลือกเธอนี่”
“ถ้ายังพูดจางุบงิบอยู่อีก ฉันจะสาปเธอซะ”
เถียงกันไปมา คนที่ถูกกล่าวถึงก็กลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นหลังจากเรียนวิชาเล่นแร่แปรธาตุเสร็จ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงนี้ถูกรุมล้อมโดยผู้หญิงครึ่งค่อนโรงเรียนหรือเตรียมสอบส.พ.บ.ส.หนักเกินไปกันแน่ โอเซฮุนถึงได้ดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเหมือนคนไม่สบาย ไม่แม้แต่จะเล่นหูเล่นตาหรือทำตัวเฉิดฉายอย่างที่เป็นมาตลอด
“นี่ไง เข้าไปถามเขาซี”
“หุบปากของเธอไปเลย ฉันไม่ทำเหมือนยัยดาโกต้าหรอกย่ะ” เซเลน่าค้อนใส่ นึกแล้วก็ยังเคืองแม่สาวโบซ์บาตงนั่นไม่หาย เล่นออกปากชวนไปงานเต้นรำต่อหน้าคนทั้งห้องโถงแบบนั้น คิดจะประกาศศักดาหรือใช้สายตาคนอื่นมาเป็นแรงกดดันกันเล่า ตอนที่เซฮุนเอ่ยปฏิเสธหล่อน เธอถึงกับแทบห้ามยิ้มขันเอาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ “เอาไว้ค่อยหาโอกาสอยู่กันสองต่อสองก็ได้ ยังมีเวลาอีกตั้งเกือบเดือน”
การคาดหวังในตัวโอเซฮุนก็เหมือนกับไม่มีหวัง ถึงอย่างนั้นการได้เป็นเพื่อนสนิทหญิงเพียงคนเดียวกลับทำให้เซเลน่ารู้สึกพิเศษอยู่บ้าง ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องหวังสูงจนไปคาดคั้นให้ผู้ชายอึดอัด แบบนั้นมันน่าสมเพชสิ้นดี
“เซฮุนกำลังจะเข้าหอนอน เธอนั่นแหละที่ควรจะไปดูเขาสักหน่อย และพาไปห้องพยาบาลด้วยถ้าดูท่าไม่ดี”
เธอกำชับ เอดิสันจึงลุกขึ้นจากโซฟาพลางยกสองมือขึ้นในท่ายอมแพ้ อันที่จริงเซฮุนก็ดูแปลกไปจริงๆ ต่อให้ยังยิ้มแย้มและพูดคุยด้วยเป็นปกติ แต่บรรยากาศรอบตัวกลับต่างไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในใจ นั่นคือสิ่งที่คนใกล้ชิดรู้สึกได้
“เซฮุน”
ไม่มีการตอบรับ คนระแวดระวังอย่างหมอนี่น่ะหรือจะไม่ได้ยินเสียงเรียกระยะประชิดของเขา
“โอเซฮุน”
ครั้งนี้อีกฝ่ายชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันมามองเพื่อนสนิทเช่นเขาทั้งรอยยิ้ม “เอดิสัน”
ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ช่างดูซูบซีด ดวงตาลึกโหลราวกับคนอดหลับอดนอน ถึงอย่างนั้นเจ้าชายสลิธีรินก็ยังคงรักษากิริยาท่าทางสง่าผ่าเผย ไม่เปิดช่องให้ใครรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวได้ง่ายๆ แค่คิดจะเอ่ยปากถาม เอดิสันก็ต้องปะทะเข้ากับกำแพงบางๆ ซึ่งเจ้าตัวสร้างขึ้นป้องกันตนเองเสียแล้ว ถ้าเป็นเซเลน่าที่มาอยู่ตรงนี้อาจจะดีกว่าก็ได้ อย่างน้อยเธอคงพอคิดหาวิธีเข้าถึงเพื่อนคนนี้ได้บ้าง
“เอ่อ นายเลือกคู่เต้นรำหรือยัง” เอดิสันหาเรื่องชวนคุยขณะเร่งฝีเท้าขึ้นเดินตีคู่
“ยังเลย” เซฮุนตอบเสียงเรียบ “แล้วนายล่ะ อยากชวนใครเป็นพิเศษ”
“โดนปฏิเสธไปแล้ว แบบที่เจ้าหล่อนไม่เสียเวลาคิดเลย” เขาเกาคอแก้เก้อ รู้สึกอายเพราะเพิ่งจะสารภาพความจริงที่ทำให้ตนเองดูโง่เง่าออกไป อย่างคุณชายตระกูลโอคงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้หรอก “เธออยากจะคู่กับนายแน่ะ”
เมื่อหันไปมองเสี้ยวหน้าคนฟัง เอดิสันกลับต้องขนลุกซู่เพราะไม่เห็นอารมณ์ความรู้สึกใดปรากฏอยู่ในดวงตานั้นเลย เซฮุนแค่มองทาง เดินไปข้างหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องตอบรับเรื่องเล่าของเขาหลังจากมาถึงหอนอนแล้ว เสื้อคลุมถูกถอดออกแขวนกับเสาเตียงอย่างเป็นระเบียบ ชั่ววินาทีที่หันมาสบตาอีกครั้ง อีกฝ่ายก็กลับมาเป็นปกติได้เหมือนกดสวิตช์
“ฟังดูแย่นะ” เซฮุนกล่าว “ครั้งต่อไปอาจสำเร็จ ฉันขอเอาใจช่วยนายเต็มที่”
“ขอบใจ”
หรือบางที เอดิสัน หวงอาจจะแค่คิดมากเกินไปเพราะนึกพาลเรื่องเซเลน่าก็ได้
เสียงเล็กแหลมดังลั่นห้องจนทุกคนภายในหอนอนพากันยกมือขึ้นอุดหู คีย์พยายามตะโกนว่า ม่าย หากคิมจงอินกลับไม่ได้ยินคำร้องขอนั้น จนกระทั่งแทมต้องฝ่านรกทางเสียงเข้าไปแล้วหุบเปลือกของไข่ทองคำให้ปิดลงตามเดิม จงอินแน่ใจว่าแทมคงเขวี้ยงทำลายมันเข้าแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องใช้ไขปริศนาคำใบ้ของภารกิจต่อไป
“ขอทีเถอะคิมจงอิน นายกำลังทำให้แก้วหูของพวกเราสั่นจนเหมือนจะทะลุออกมาอยู่แล้ว”
“ขอโทษที แต่ว่าฉันต้องหาทาง --” เขาพยายามอธิบาย
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเปิดมันในที่ที่มีแค่นายซะเพื่อน ก่อนที่ฉันหรือใครจะสติแตกเข้าจริงๆ” แทมพูดช้า ชัด เน้นคำเสียจนซีกเกอร์มือทองแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ไม่อาจปฏิเสธได้ ก็จริงที่เจ้าไข่ทองคำนี่รบกวนคนอื่น มันส่งเสียงแสบแก้วหูทุกทีที่เขาเปิด แต่จะว่าไปนี่ก็เพิ่งครั้งที่สองเท่านั้นเอง
หลังจากถูกเนรเทศออกมาแล้วก็ไม่รู้จะไปไหนต่อ เขายืนกอดไข่ทองคำเหมือนลูกจิงโจ้ ยืนบื้อใบ้ขณะคิดหาสถานที่ที่จะมีแค่ตนเองดังเช่นแทมว่า ถ้าเป็นในตอนนี้จงอินคิดออกอยู่ที่หนึ่ง มันอยู่ไม่ไกลจากหอกริฟฟินดอร์มากนัก ใช้เวลาเดินแค่นิดเดียวก็มาถึงกำแพงว่างเปล่าในที่สุด
ถ้าเป็นในห้องต้องประสงค์จะทำเสียงดังแค่ไหนก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นจงอินจึงนึกภาพห้องเปล่าๆ ขึ้นมาห้องหนึ่ง ก่อนจะเดินไปเดินมาจนครบสามรอบอย่างที่เคยทำก่อนหน้านี้ ทว่าประตูกลับไม่ปรากฏ เป็นไปได้ว่ามีคนกำลังใช้งานมันอยู่ด้านใน เช่นนั้นจะเป็นใครอื่นไปได้ เขาเริ่มเดินไปเดินมาอีกรอบ นึกภาพห้องประจำระหว่างตนกับใครอีกคน แต่น่าแปลกว่าประตูก็ไม่โผล่ขึ้นมาอยู่ดี
จงอินออกแรงผลักกำแพงและพบว่ามันยังเป็นแค่ทางตัน เกิดอะไรขึ้นกับห้องต้องประสงค์ เป็นโอเซฮุนหรือว่าใครคนอื่นเข้ามาใช้ห้องนี้กันแน่ แต่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยพบว่ามีคนรู้เรื่องที่นี่มาก่อน ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นเจ้าชายสลิธีรินจึงมีมากเหลือเกิน
“โอ้ นายคือคนที่เป็นตัวแทนนี่”
เขาสะดุ้งหันไปมอง ต้นเสียงคือชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกับเนกไทกึ่งเต็มยศ รูปร่างเล็กกว่าพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นกลับดูทะมัดทแมงและมากด้วยบรรยากาศน่าเกรงขามจนคนถูกทักไม่รู้จะตอบรับอย่างไรถึงดี ครั้นอ้าปากจะตอบรับ หากอีกฝ่ายกลับขัดขึ้นเสียก่อน
“หรือว่า...” บยอนแบคฮยอนมองกำแพงว่างเปล่า ริมฝีปากทรงเชิดผุดรอยยิ้มพึงใจขึ้นมา “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนรู้จักมันด้วย ห้องต้องประสงค์ใช่ไหมล่ะ”
“คุณรู้หรือครับ” จงอินตกใจ ข้อสันนิษฐานที่ว่าเรื่องห้องต้องประสงค์คือห้องลับระหว่างตนเองกับเซฮุนเป็นอันตกไป แน่ชัดแล้วว่ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้ อย่างน้อยก็คนที่เป็นรุ่นพี่ห้าปีซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า
“ไม่แค่รู้จัก แต่ก่อนจบฉันยังซ่อนไดอารี่ไว้ในนั้นด้วย” แบคฮยอนบอก “แน่นอนว่ามันคงหายไปแล้ว”
ความมั่นใจของคิมจงอินหายวับไปกับตา ให้รู้ไม่ได้ว่าเขาเคยใช้ห้องนี้หลายต่อหลายครั้งแล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นเรื่องลับสุดยอดอีกด้วย ห้องต้องประสงค์เหมาะสมกับการทำเรื่องที่ให้ใครรู้ไม่ได้จริงๆ ต่อให้นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องร้ายกาจ ก็ยากที่คนนอกจะล่วงรู้ได้
“ผมแค่อยากหาที่ไขปริศนาเจ้านี่น่ะครับ” ไม่พูดเปล่ายังชูไข่ทองคำให้ดูเพื่อยืนยัน “คือมันมีปัญหานิดหน่อย ผมเลยจำเป็นต้องหาที่ที่ไม่มีใครอยู่”
“เข้าใจแล้ว ห้องต้องประสงค์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีน่ะนะสำหรับการอยู่ตามลำพัง” มือปราบมารว่า “แต่เป็นในป่าต้องห้าม ริมทะเลสาบ หรือว่าห้องน้ำพรีเฟ็คก็ใช้ได้เหมือนกัน”
ห้องน้ำพรีเฟ็ค...! ทำไมถึงคิดไม่ถึงกัน
“โอ้ ขอบคุณครับ! ผมคิดว่าจะไปห้องน้ำพรีเฟ็คเดี๋ยวนี้เลย”
จงอินรีบตกปากรับคำ ไม่มีทางเลือกนอกจากรีบไปให้พ้นสายตาทะลุปรุโปร่งของอีกฝ่าย ในใจยังอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าใครที่กำลังใช้ห้องต้องประสงค์อยู่ตอนนี้ และมีคนรู้จักมันมากแค่ไหนกันแน่ นึกไปถึงห้องหนังสือซึ่งเป็นประสงค์ที่เขาเห็นโอเซฮุนเข้าไปในครั้งแรก ถ้าแบคฮยอนไม่มาเจอเสียก่อน คงได้ลองนึกภาพห้องนั้นเผื่อว่าจะสามารถเปิดประตูได้ไปแล้ว แล้วบยอนแบคฮยอนเก็บไดอารี่ของตนเองไว้ในห้องแบบไหน ถ้าเป็นไปได้คิมจงอินก็อยากเห็นห้องต้องประสงค์ในรูปแบบอื่นๆ เช่นกัน
เขาเดินลงมาถึงชั้นห้า เข้าสู่ห้องน้ำพรีเฟ็คซึ่งซ่อนอยู่หลังประตูบานที่สี่ด้วยรหัส ต้นสนใหม่สด นอกจากพรีเฟ็คจากแต่ละบ้านแล้ว ผู้ที่มีสิทธิ์ใช้งานห้องน้ำพิเศษอย่างถูกต้องยังรวมถึงกัปตันทีมควิดดิชด้วย เดิมทีจงอินไม่ได้เข้าใช้ที่นี่บ่อยนัก อาจเพราะมันเคยเป็นสถานที่แห่งความทรงจำเลวร้าย ที่ซึ่งใครบางคนล่วงเกินร่างกายของเขา ดูหมิ่นศักดิ์ศรีกันอย่างไม่อาจให้อภัย
ถึงอย่างนั้นคิมจงอินกลับไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วเมื่อมองไปยังอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่และกระจกบานเกล็ดรูปเงือกสาว โอเซฮุนเอ่ยคำขอโทษเมื่อหนึ่งปีก่อน อีกทั้งตอนนี้เขาเองก็ยินยอมให้ทำอะไรๆ มากเสียยิ่งกว่าตอนนั้น คิดถึงตนเองในสภาพไม่น่าดูทีไร ใบหน้าก็ร้อนฉ่าจนอยู่เหนือการควบคุม
ซีกเกอร์หนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความคิด หย่อนตัวนั่งลงตรงขอบอ่างแล้วสูดลมหายใจลึกเพื่อเตรียมรับฟังเสียงแสบแก้วหูนั่นอีกครั้ง แต่แค่ไม่กี่วินาทีจงอินก็จำต้องปิดเปลือกไข่ แน่ใจว่าคงไม่ได้ประโยชน์อะไรกับการพยายามฟังเสียงมันตรงๆ ต้องมีวิธีอื่นอีก วิธีที่ถูกต้องเพื่อให้ไข่ทองคำยอมเผยคำใบ้สำหรับภารกิจต่อไป
จงอินพยายามเรียบเรียงความคิดอย่างเป็นระบบระเบียบ เขานิ่งมองมันอยู่นานสองนาน ก่อนจะเริ่มทดสอบโดยการเปิดไข่ออกในสภาวะต่างๆ ทั้งลองก่อไฟขึ้นเพิ่มอุณหภูมิ เสกน้ำแข็งเพื่อลดอุณหภูมิ หรือลองทำท่าแปลกพิสดารขณะลองเปิด แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ผล ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง หรืออาจนานกว่านั้น ในที่สุดจงอินก็วกกลับมาที่ทฤษฎีสภาวะต่างๆ อีกครั้ง ใกล้ตัวที่สุดคือน้ำ เขาลองเปิดน้ำในอ่างจนเต็มแล้วจุ่มไข่ทองคำลงไป เมื่อเปิดมันออกกลับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เว้นแต่ไร้ซึ่งเสียงแสบแก้วหูดังทะลุน้ำออกมาให้ได้ยิน จงอินครุ่นคิดต่ออีกหน่อย ในที่สุดเขาก็ยอมทำอะไรที่ประหลาดยิ่งกว่าเก่า อย่างการตั้งท่านั่งคุกเข่าอยู่ตรงขอบอ่างแล้วจุ่มศีรษะลงไปในน้ำ ทันใดนั้นจึงได้ยินเสียงเพลงกลอนฟังไพเราะ
‘สิ่งที่เจ้าถวิลหายามลับหาย จะพลัดพรายถูกลักพามาที่นี่
หากปล่อยกาลผ่านพ้นแม้นาที ชั่วชีวีจะจากลับไม่กลับมา
เพียงชั่วโมงคือกฎกำหนดให้ คำกล่าวใบ้ถึงถิ่นควรเสาะหา
คือต้นแหล่งแห่งเพลงนี้ชี้ชะตา ไม่อาจร้องจากทั้งฟ้าและแผ่นดิน’
เขาดึงศีรษะขึ้นจากน้ำเพราะหมดลม ในที่สุดปริศนาของไข่ทองคำก็ถูกไขออกแล้ว คำใบ้เมื่อสักครู่นี้กล่าวว่าของสำคัญจะถูกขโมยไปหนึ่งอย่าง และถ้านำกลับมาไม่ได้ก็จะหายไปตลอดกาลอย่างนั้นหรือ จงอินทำซ้ำเช่นเดิมอีกครั้งเพื่อตั้งใจฟังเพลงกลอนรอบที่สอง เขาจำเป็นต้องถอดความหมายออกมาและทำความเข้าใจทั้งหมด
เบ็ดเสร็จก็ใช้เวลาในห้องน้ำพรีเฟ็คไปถึงสามชั่วโมง ตอนนี้ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว เขาตื่นเต้นกับคำใบ้ที่ได้มาจนไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งพรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียน ไม่มีการซ้อมควิดดิช คิมจงอินจึงว่างแสนว่าง สามารถทุ่มเทให้กับการประลองเวทและ เอ่อ อาจจะต้องพยายามหาคู่เต้นรำให้ได้ด้วย ถ้าเป็นไปได้ ให้ลองเลือกจากใครสักคนในหมู่จดหมายเชิญชวนก็อาจไม่เลว
ชายหนุ่มผู้น่าสงสารยืนอยู่ตรงหน้าจอมมารและบิดาที่กล่าวหาว่าตนไร้ค่า ตรามารบนท้องแขนซ้ายปวดร้อนเสียจนแทบทนไม่ไหว ครั้นมองหาทางหนีทีไล่ก็พบว่ารอบด้านเต็มไปด้วยภูเขาขยะมากมายในห้องต้องประสงค์ เงาดำคลืบคลานเข้ามาใกล้ เขาพยายามวิ่งหนีอย่างสุดกำลัง ล้มลุกคลุกคลานก่อนจะถูกกลืนหายเข้าไปในความมืดมนอนธการ ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีใคร ไม่มีแม้กระทั่งความหวังว่าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ ต่อให้ร่ำร้องหาใครสักคนมาช่วยดึงมือขึ้นไปอีกครั้งก็ตาม
เขาร้องไห้ ก่อนจะได้ยินเสียงพูดคุยดังแว่วมาให้ได้ยิน ขายาวก้าวไปตามทิศทางนั้น หวังจะได้เจออย่างอื่นนอกจากความว่างเปล่าที่กำลังเผชิญ จากนั้นจึงแย้มยิ้มออกมาได้เมื่อพบคิมจงอินซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ เขาพยายามเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้ แต่อีกฝ่ายก็มีแต่จะยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ จนต้องร้องขอให้หยุด
“คิมจงอิน หยุดนะ”
เมื่อถูกเรียก เจ้าของชื่อก็หันกลับมามองด้วยสายตาเย็นชา กลีบปากอิ่มขยับเป็นคำพูดเสียงดังฟังชัด “ฉันเกลียดนาย”
“นายไม่ได้เกลียดฉันจริงๆ หรอก เลิกทำปากแข็งสักทีเถอะ”
พอได้ยินอย่างนั้น คิมจงอินก็คว้าใครอีกคนออกมาจากความมืด เป็นปาร์คชานยอลในรูปลักษณ์มือปราบมารหนุ่ม ทั้งหล่อเหลา ภูมิฐาน และมีอนาคตอันรุ่งโรจน์รออยู่ ทั้งคู่จูบกันต่อหน้าต่อตา จูบเหมือนกับคืนที่เขาจงใจทำมันให้ปาร์คชานยอลเห็น บริเวณหน้าห้องต้องประสงค์ซึ่งกุมความลับดำมืดของคนคนหนึ่งเอาไว้
“ฉันจะไม่เกลียดนายได้ยังไง นายทำให้เราสองคนผิดใจกันนี่นา”
เขาพูดไม่ออก ความเป็นจริงจุกอยู่ตรงลำคอจนแน่นเหมือนจะอาเจียน
“นายคิดว่าจะได้ครอบครองฉัน แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว เราได้รู้ว่านายน่ะมันเลวร้าย”
“ไม่... ไม่ใช่นะจงอิน ฟังฉัน”
“เจ้าคนหลอกลวง น่ารังเกียจ จะให้ฉันเชื่อคนที่มีตรามารอยู่บนแขนอย่างนั้นหรือ”
“คิมจงอิน นี่มัน --”
โอเซฮุนลืมตาตื่นขึ้น เขาหอบหายใจ เต็มไปด้วยเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า
มือขาวซีดยกขึ้นนวดขมับขณะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าขึ้น ผ้าห่มถูกปัดออกจากตัวเพราะรู้สึกร้อนรุ่ม ต่อให้นี่จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วก็ตาม ไฟในห้องยังคงปิดสนิท ไม่มีใครตื่นขึ้นมากลางดึกเหมือนอย่างเขา หัวใจเต้นเร็วแรงเพราะความกดดันในฝันเมื่อสักครู่ ไร้ซึ่งความง่วงหวาวหาวนอนจนไม่อาจนอนต่อ ลงท้ายจึงต้องลุกขึ้น ตั้งใจว่าจะไปล้างหน้าล้างตาแล้วแวะไปที่ห้องประสงค์สักหน่อย เลวิธานจูเนียร์บอกว่าช่วงนี้ได้พยายามใช้คาถาฮาร์โมเนีย เนคเตอร์ พาสซัสตามที่เขาบอก เนื่องจากตู้อันตรธานเป็นวัตถุเวทมนตร์ที่มีความซับซ้อนสูงมาก ในการซ่อมแซมจึงต้องร่ายคาถาเดิมซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้ง กินเวลาและพลังงานไปเป็นจำนวนมากก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะใช้ได้สักที
เจ้าชายสลิธีรินล้วงมือเข้าไปใต้หมอน หยิบล็อกเก็ตสลิธีรินที่พกไว้ติดตัวเพื่อเลี่ยงต่อการถูกพบเจอ เก็บมันลงกระเป๋ากางเกง จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังจุดหมายและคงใช้เวลากับมันจวบจนเช้าตรู่
ทว่าเมื่อมาถึงทางเดินบริเวณชั้นเจ็ด เซฮุนจำต้องชะงักฝีเท้าและหลบเข้าหลังเสาทันทีที่ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากทางข้างหน้า หวังให้เป็นแค่เด็กซนสักคนที่ถูกอาร์กัส ฟิลช์จับได้ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อผู้ที่ปรากฏในสายตาเขามีดีกรีเป็นถึงสามมือปราบมารในงานประลองเวท นั่นรวมถึงปาร์คชานยอลซึ่งกำลังยืนกอดอก ฟังคำสั่งพิเศษจากบยอนแบคฮยอนซึ่งมีหูตาว่องไวจนน่าหงุดหงิด
“ฉันอยากให้พวกนายเฝ้าระวังห้องต้องประสงค์ไว้”
“ห้องต้องประสงค์? กำแพงตรงนี้น่ะหรือครับ” ลูคัส ทิลถามขึ้น ได้ยินดังนั้นแบคฮยอนจึงเดินวนถึงสามรอบ จนกระทั่งประตูใหญ่บานหนึ่งค่อยๆ ปรากฏออกมาให้เห็น เซฮุนเห็นไม่ชัดว่าห้องที่มือปราบมารเรียกขึ้นมาเป็นห้องแบบใดกันแน่ แต่มันกลับให้ใจของเขาเต้นระรัวจนหยุดไม่อยู่
“มีใครบางคนทำให้ฉันนึกขึ้นได้น่ะ ถ้าในฮอกวอตส์มีคนของจอมมารอยู่จริง พนันร้อยเปอร์เซนต์เลยว่าห้องนี้จะต้องถูกใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน”
“เคราเมอร์ลิน สาบานได้ว่าผมไม่เคยรู้มาก่อนเรื่องที่มันอยู่ตรงนี้”
“มีเด็กสลิธีรินคนหนึ่งมาใช้ห้องนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วอย่างน้อยก็มีเด็กตัวแทนในการประลองเวทคนนั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของมัน” แบคฮยอนบอก ส่วนลูคัสถึงกับทำตาโต
“จงอินก็รู้จักมันอย่างนั้นหรือ เฮ้ แล้วเขาบอกเรื่องนี้กับนายหรือเปล่าชานยอล”
“จงอินไม่เคยบอกฉัน”
มีเพียงปาร์คชานยอลซึ่งยังรักษาทีท่าสงบเอาไว้ได้ถึงแม้ว่านี่มันจะน่าตกใจมากก็ตาม นัยน์ตาคมยังมองตรงเข้าไปด้านในห้องด้วยสายตาราบเรียบ แน่นอนว่าคนคนนี้รู้จักห้องต้องประสงค์มาตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน เพราะตอนนั้นเป็นโอเซฮุนเองที่หย่อนเบ็ดทิ้งเอาไว้ ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้สิ่งนั้นจะกลับกลายเป็นปัญหาขึ้นมาเสียได้
“แล้วเด็กสลิธีรินที่ว่า...” ชานยอลไม่อธิบายต่อ แต่กลับหันไปถามแบคฮยอนถึงผู้ที่ใช้ห้องเป็นคนล่าสุด เซฮุนขมวดคิ้ว สีหน้าตึงเครียดเพราะรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคงเจาะจงมายังเขา
“เป็นเด็กปีหกน่ะ” มือปราบมารอาวุโสที่สุดในที่นั้นตอบ “เขาออกมาจากห้องรูปแบบนี้ แต่อ้างว่าแค่นำของเข้าไปซ่อนเท่านั้น”
โอเซฮุนตัดสินใจพาตัวออกจากการแอบฟังด้วยจิตใจว้าวุ่นอยู่ไม่สุข เท่านี้ก็พอจะปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้แล้วว่าเลวิธานจูเนียร์คงถูกบยอนแบคฮยอนจับได้หลังจากใช้ห้องต้องประสงค์แน่ แล้วทำไมถึงไม่รีบบอกเรื่องนี้กับเขา ถึงเอาตัวรอดไปได้ครั้งหนึ่งแต่ก็ใช่ว่าจากนี้จะไม่มีปัญหาเลย ตอนนี้ห้องถูกเฝ้าระวังแล้ว หมายความว่าเขาได้เสียฐานลับไปแล้วหนึ่ง มิหนำซ้ำยังเสียตู้อันตรธานซึ่งคาดหวังให้ใช้ประโยชน์ได้ในภายภาคหน้าด้วย
ชายหนุ่มชกเข้ากับกำแพงคุกใต้ดินจนมืออาบไปด้วยเลือด น่าแปลกว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย ไม้แม้กระทั่งจะเคยระเบิดอารมณ์รุนแรงอย่างนี้มาก่อน ขมับเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นซึมชื้น ต่อให้รู้อยู่แล้วว่าพวกมือปราบมารกำลังเคลื่อนไหวตามจุดต่างๆ ที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น แต่แบบนี้ก็เหมือนกับถูกบีบวงเข้ามาเรื่อยๆ อย่างไรอย่างนั้น
ใจเย็นก่อนโอเซฮุน พวกนั้นก็แค่เจอห้องประสงค์ ยังสาวมาไม่ถึงนายสักหน่อย
เขาพยายามบอกตนเองเช่นนั้น เซฮุนรู้ว่าตนเองกำลังแปลกไป เจ้าชายสลิธีรินเคยควบคุมอารมณ์และการแสดงออกได้ดี แต่ราวกับมีอะไรบางอย่างกระตุ้นส่วนลึกของจิตใจให้ปะทุขึ้น อะไรที่บอกกับเขาว่าไม่ต้องอดทน อะไรที่ทำให้โอเซฮุนไม่ใช่โอเซฮุนอย่างที่เคยเป็น
“หยุดนะ...”
บางอย่างที่ว่ากำลังมีอำนาจเหนือจิตใจของเขา จิตใจที่แสนอ่อนแอ เปราะบาง และหวาดระแวงว่าจะถูกทิ้งให้ตกลงสู่ความมืดมิด
ได้โปรด... ช่วยฉัน
ใครก็ได้ ดึงฉันขึ้นไปที
เมื่อเงามืดคลืบคลาน
ไร้ซึ่งเหตุผล ไร้ซึ่งจังหวะ ไร้ซึ่งเสียงเตือน
“เซฮุน -- โอเซฮุน!”
เขาละสายตาจากหนังสือ มองตอบเซเลน่า โกเมซซึ่งกำลังโบกมือปัดไปมาอยู่ตรงหน้า หล่อนขมวดคิ้ว แปลกใจที่เจ้าชายสลิธีรินผู้กระฉับกระเฉงกลายเป็นคนเหม่อลอยไปเสียได้ หญิงสาวหันมองเอดิสันซึ่งพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเรื่องที่เคยเล่าให้ฟังนั้นไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย พักนี้โอเซฮุนเหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในหัวคงกำลังฟุ้งซ่านอะไรอยู่เป็นแน่
“มีอะไรหรือ เซเลน่า” เซฮุนเอ่ยถาม นึกขึ้นได้ว่าควรจิ้มของว่างบนโต๊ะอาหารเข้าปากสักหน่อยเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตกว่าเดิม
“ไม่มีอะไร แค่แบบว่า... เราเรียกเธอหลายครั้ง และฉันไม่เคยเห็นเธอเหม่ออย่างนี้เลย”
เขาขยับตัวนั่งหลังตรง หวังใจให้ตนเองดูดีขึ้นมาบ้างในสายตารอบข้าง ชายหนุ่มรู้ว่าตนเองแปลกไปเพียงใด เขานอนไม่ค่อยหลับ หรือถึงหลับก็เจอฝันร้ายซึ่งส่งตรงมาจากก้นบึ้งของจิตใจ มากเข้ายังลามมาถึงสติสัมปชัญญะและความตื่นตัว โอเซฮุนในตอนนี้คงเหมือนศพมีชีวิต น่าสมเพชและชวนเวทนา
“ขอโทษที ฉันแค่รู้สึกง่วงน่ะ”
“ง่วง? แต่นี่มันเพิ่งจะหัวค่ำเองนะ มื้อเย็นยังไม่มาเสิร์ฟเลยด้วยซ้ำ”
“ขอลาแล้วกันวันนี้ ฉันคิดว่าตัวเองควรได้นอนพักสักหน่อย”
พูดจบก็รวบหนังสือเข้าในมือก่อนลุกขึ้นเต็มความสูง ท่ามกลางสายตาของสาวๆ ในห้องโถงใหญ่ที่อยากได้เจ้าชายสลิธีรินเป็นคู่เต้นรำใจแทบขาด เขาแย้มยิ้ม ขยิบตา มองไปทางโต๊ะกริฟฟินดอร์แล้วไม่เห็นคิมจงอิน ตั้งแต่มีการประลองเวทไตรภาคีเข้ามา การแอบนัดพบกันก็ทำได้ยากขึ้นมาก เนื่องจากในโรงเรียนมักจะมีคนเดินไปเดินมาจนถึงดึกดื่นมืดค่ำ มิหนำซ้ำอะไรที่เป็นจบอินยังถูกจับตามองจากทีมหนังสือพิมพ์โรงเรียนซึ่งทำหูตาว่องไว ต่อให้เป็นตอนที่อีกฝ่ายไม่ได้อยู่กับกลุ่มเพื่อน จงอินก็จัดว่าอยู่ในช่วงเข้าถึงตัวได้ยากอยู่ดี
“เขาไปอดหลับอดนอนจากไหนมา”
ได้ยินเสียงเซเลน่าคุยกับเอดิสันแว่วๆ เซฮุนเดินออกจากห้องโถงใหญ่พร้อมอาการร้อนแปลบปลาบบนท้องแขนซ้าย มันเกิดขึ้นบ่อยมากตั้งแต่ที่เริ่มเก็บล็อกเก็ตสลิธีรินไว้กับตัว เขารู้ว่ามันมีพลังอำนาจบางอย่าง และพลังนั้นก็ยากจะต่อกรในสภาพจิตใจเปราะบางเช่นนี้
เซฮุนเลี้ยวเข้าห้องน้ำเพื่อใช้เวลากับการจัดการตนเองชั่วครู่ เขาทิ้งสัมภาระทุกอย่างลงบนพื้น เท้าสองมือกับขอบอ่างพลางมองศพมีชีวิตซึ่งปรากฏอยู่ในกระจก เจ้าชายสลิธีรินที่แสนสง่างามหายไปไหนแล้ว โอเซฮุนในตอนนี้ช่างดูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
มือขาวซีดวักน้ำลูบใบหน้าเพื่อสงบจิตใจ ก่อนจะถกแขนเสื้อขึ้นจนเห็นตราบนท้องแขน ตราประทับที่ไม่ว่าจะพยายามล้างออกอย่างไรก็ไม่จางหายไป เขาถูมันจนเจ็บ จนใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกเพราะรังเกียจตนเองในตอนนี้เหลือทน แค่ต้องปั้นหน้าเหมือนเป็นปกติสุขก็ยากเต็มทีแล้ว แต่ทำไม -- ทำไมเรื่องเลวร้ายพรรค์นี้ถึงไม่จบลงสักที ทั้งยังมีแต่จะฝังรากลึกเรื่อยๆ จารึกลงสู่จิตใจที่ไม่ว่าจะยามหลับ ยามตื่น ก็ต้องคอยพะวงถึงมันอยู่ร่ำไป กลัวว่าจงอินจะรู้ กลัวว่าใครๆ จะรู้ กลัวว่าจะต้องถูกส่งเข้าสู่อัซคาบันและไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกเลย
“โอเซฮุน”
ตาสีเข้มเบิกกว้างขณะได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง เขาหันขวับ ก่อนจะพบว่าเป็นเซเลน่าซึ่งถือวิสาสะเข้ามาในห้องน้ำชายแทนที่จะอยู่ในห้องโถงร่วมกับคนอื่นๆ
“สถานที่แย่เนอะ แต่ฉันแค่อยากถามนายเรื่องคู่เต้น -- รำ” เซเลน่า โกเมซชะงักจนทั้งร่างนิ่งงัน เธอมองตรงมายังเขา มองด้วยสายตาตกตะลึงและเลวร้ายเกินกว่าที่เซฮุนเคยจินตนาการเอาไว้มากนัก “ฉัน... รู้จักตรานั่น”
เขาโกรธตนเองที่ไม่ทันระวังจนเกิดเรื่อง ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วเช่นที่เคยเป็น ชายหนุ่มดึงแขนเสื้อลงจนปิดตรามารบนแขน ทั้งเสื้อและใบหน้าเปียกชุ่ม ไม่คงไว้ซึ่งรูปลักษณ์สะอาดสะอ้านเรียบร้อยแต่อย่างใด นัยน์ตาคมฉายแววตึงเครียด ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย ใช้ความเงียบเข้าสู้เซเลน่าที่กำลังเสยผมอย่างสับสน ขาก้าวถอยไปด้านหลังโดยอัตโนมัติ
“ปีศาจเป็นพยาน นี่มัน...” เธอชี้ตรงมายังเขาเพื่อกดดันให้หยุดยืนเฉยๆ “ไม่อยากจะเชื่อ เธอเป็นผู้เสพความตาย!”
เซฮุนกัดฟัน ช่างน่าขันที่คนอย่างเขามาตกม้าตายเพราะเรื่องโง่ๆ พรรค์นี้ มือค่อยๆ เลื่อนไปทางด้านหลัง กำไม้กายสิทธิ์ซึ่งอยู่ตรงขอบกางเกงแล้วชักมันขึ้นมา นาทีนี้มีแต่ต้องหยุดเซเลน่าไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้เท่านั้น เธอเป็นคนหัวแข็ง ถึงแม้จะอยู่บ้านสลิธีรินแต่ก็เชื่อมั่นในกระทรวงเวทมนตร์อย่างสุดหัวใจ และถึงจะตั้งใจไว้เช่นนั้น แต่เซเลน่าที่แสนกระฉับกระเฉงก็ว่องไวกว่าตัวเขาในตอนนี้มาก เธอชักไม่กายสิทธิ์ได้ไกลกว่า อีกทั้งยังยิงคาถาปลดอาวุธจนไม้กายสิทธิ์ฮอว์ทอร์นยาวสิบเอ็ดนิ้วครึ่งของเขากระเด็นหนีไปอีกทาง
“เซเลน่า...”
เธอทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ “ฉันเสียใจ เซฮุน แต่นี่มัน... มันผิดมหันต์เลย”
นี่อย่างไรผลตอบรับของการถูกรู้ว่าเป็นผู้เสพความตาย ไม่ใช่แค่เซเลน่าเท่านั้น แต่เป็นทุกๆ คน – ทุกคนที่เขาคาดว่าคงกระทำไม่ต่างจากเธอ โอเซฮุนกำลังคาดหวังอะไรอยู่ ความเห็นใจ? การไถ่ถาม? เหตุผลของการเป็นผู้เสพความตาย? ทั้งหมดนั่นไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ความมืดมิดไม่รวมกับแสงสว่างฉันท์ใด ตัวเขาก็ถูกแบ่งแยกจากชีวิตที่เคยมีมาแล้วฉันท์นั้น
“ขอโทษนะ ฉันชอบเธอ และฉันจำเป็นต้อง --”
“สตูเปฟาย”
ร่างของเซเลน่า โกเมซพลันหยุดนิ่ง ก่อนจะล้มคว่ำลงกับพื้นในสภาพแข็งทื่อและหมดสติ ใครอีกคนย่างเท้าเข้ามาภายในห้องน้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เซฮุนหายใจคล่องขึ้น เขาไม่แม้แต่จะโล่งใจเมื่อพบว่าเพื่อนสาวคนสนิทได้ถูกหยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้สำเร็จ อีกทั้งคนที่มาใหม่ยังแสดงตนชัดเจนว่าเป็นพวกเดียวกัน
คริสตัล จองเดินข้ามร่างของเซเลน่าและปรี่เข้ามาหยุดตรงหน้าเขา เซฮุนค่อยๆ ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ข้างขมับเต็มไปด้วยเหงื่อ ผมที่เคยเซ็ตเป็นทรงก็กลับเปียกชื้นและยุ่งเหยิง สมองไม่อาจประมวลผลเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ได้ในทันที คล้ายว่าทั้งความคิดและความสามารถถูกหยุดทำงานชั่วขณะอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรแล้ว ตัวตนของเธอยังไม่ถูกเปิดเผยหรอก” หล่อนปลอบ ก่อนจะย่อตัวลงคุกเข่าแล้วสวมกอดเพื่อนคนสำคัญเอาไว้
ไม่... ไม่ใช่แบบนี้ ไม่เอาอย่างนี้
เขากู่ร้องในใจขณะมองไปยังเซเลน่าซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
“ฉัน... ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่”
“เพราะฉันเห็นเธอดูแย่ แล้วหล่อนก็ตามมาติดๆ เลยสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาก็เท่านั้น” คริสตัลอธิบาย จะเซเลน่าหรือผู้หญิงคนนี้ก็ตาม เขาไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่มย่ามกับตนเองในตอนนี้ทั้งนั้น “ไม่เชื่อหรือไง สังหรณ์ของมาเลดิกตัสเชื่อถือได้นะ”
“ช่างเถอะ” เขาเสยผม พยายามควบคุมสติที่กระจัดกระเจิงให้กลับมาเข้าที่โดยไว ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกดดัน นึกไม่ถึงว่าในวันหนึ่งจะต้องมาหาวิธีจัดการกับเพื่อนคนใกล้ชิดเช่นนี้ ความลับสำคัญยิ่งกว่าหล่อนเสียอีกหรือ -- ไม่เลย เพียงแต่หล่อนเทียบไม่ได้กับการที่ครอบครัวของเขาจะต้องถูกเข่นฆ่าด้วยจอมมาร เซฮุนทนให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้
แม้แต่เวลาที่เหลืออยู่ในฮอกวอตส์ เขาก็จะไม่สูญเสียไปเด็ดขาด
ชายหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นยืนตรง จัดการติดกระดุมแขนเสื้อจนเรียบร้อย จากนั้นจึงเอ่ยสั่งคริสตัลเสียงเรียบ “ออกไปซะ”
“ฉันเพิ่งจะช่วยเธอนะ” คนถูกสั่งขมวดคิ้ว “นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่เธอจะทำอะไรตามลำพัง”
“แล้วเธอเกี่ยวอะไร คริสตัล จอง?”
เขาเดินไปเก็บไม้กายสิทธิ์มาถือเอาไว้ ในหัวครุ่นคิดสารพัดถึงวิธีเก็บความลับต่างๆ มีตั้งแต่ขอร้องเซเลน่าด้วยการใช้ความชอบพอของเธอไปจนถึงการสังหารทิ้ง แต่ไม่ว่าจะเลือกวิธีใดก็ล้วนเสี่ยงต่อการถูกจับได้ทั้งสิ้น เขาไม่ต้องการทำร้ายเซเลน่า การสังหารจึงถูกจัดให้เป็นตัวเลือกสุดท้าย ส่วนการหลอกใช้ความรู้สึกของคนฉลาดอย่างเธอก็อันตรายเกินไป จะเอาแน่เอานอนอย่างไรกับจิตใจพ่อมดแม่มด
“กริฟฟินดอร์อย่างเธอสมควรอยู่บนเส้นทางอันรุ่งโรจน์และรักความถูกต้อง มันน่าแปลกที่เธออยากเอาตัวเข้ามาร่วมแบกรับความผิดกับฉัน”
“จะกริฟฟินดอร์หรือสลิธีรินแล้วมันสำคัญอะไรล่ะ” คริสตัลท้วง “ในเมื่อสุดท้ายแล้วฉันก็ต้องกลายเป็นสัตว์ร้ายอยู่ดี ชีวิตฉันจบลงที่ความชั่วร้าย โลกนี้จะเป็นยังไงแล้วมันสำคัญตรงไหน”
คนคนหนึ่งจะสามารถทอดทิ้งโลกได้จริงหรือ เขาพิสูจน์กับตัวแล้วว่ามันเป็นได้แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น
“อย่างนั้นเธอก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องสนใจฉัน”
เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่มีใครสามารถเข้าใจตัวเขาได้จริง ผู้เสพความตายเป็นเพียงสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ไร้ซึ่งเหตุผล ไร้ซึ่งจุดจบ มีแต่ต้องถูกต่อต้านจนถึงที่สุดเท่านั้น
“เธอกับฉัน! เราเหมือนกันนี่นา”
เธอตรงเข้ามากระชากเนกไทเขา ดูโมโหโทโสขึ้นมาจริงๆ เมื่อถูกออกปากไล่
“ฉันไม่อยากตกลงสู่ความมืดมิดคนเดียว เธอเองไม่คิดอย่างนั้นหรือ”
“...” เขาขยับปากจะพูด แต่แล้วก็หุบลงจนปิดสนิท
ตกลงสู่ความมืดมิดไปด้วยกันอย่างนั้นหรือ? แน่นอนว่าถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะฉุดกระชากลากถูใครสักคนลงไปด้วย เพียงแต่คนคนนั้นช่างมีอนาคตรุ่งโรจน์และโลกอันเจิดจ้าเปิดประตูรอรับอยู่ โอเซฮุนอาจใจกล้าพอจะทำลายคนทั้งโลก แต่เขากลับไม่กล้า... เมื่ออีกฝ่ายเป็นคนที่ตนเคยลงมือทำร้ายมากที่สุด
“ฉันน่ะ ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ฝั่งเดียวกับเธอ”
คริสตัลพูดเสียงเบาหวิว
“ให้ฉันช่วยเธอนะ ฉันถนัดเรื่องเก็บความลับ เธอก็รู้นี่นา”
การหายตัวไปของเซเลน่า โกเมซกลายเป็นข่าวแพร่สะพัดในเวลาสองวัน ทั้งโรงเรียนตกอยู่ในความตึงเครียด มีการค้นหาและเฝ้าจับตามองห้องต้องประสงค์โดยคณะมือปราบมารซึ่งทำงานหนักขึ้นเท่าตัว การประลองเวทถูกคุมเข้มโดยเจ้าหน้าที่กระทรวงซึ่งถูกส่งมาเพิ่มขึ้น ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าการที่นักเรียนหายสาบสูญนั้นจะเกี่ยวข้องกับอัตราความอันตรายของงานไตรภาคีหรือเปล่า ดังนั้นบรรยากาศของงานเต้นรำที่แสนคึกคักจึงเปลี่ยนเป็นตึงเครียดในชั่วข้ามคืน
คิมจงอินได้รับการตอบตกลงเต้นรำจากคริสตัล จองเป็นครั้งที่สอง โดยที่เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นเพียงตัวเลือกสำรองและไม่มีความหมายเทียบเท่าคนในใจเลยแม้แต่น้อย ซึ่งไม่แน่ว่าชายคนนั้นอาจเป็นโอเซฮุนซึ่งเปิดประตูเข้ามาภายในห้องเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์บนหอคอยทิศเหนือ จริงอยู่ว่าจงอินเกลียดกลิ่นชะมดของที่นี่เป็นอันดับต้นๆ แต่มันก็เงียบสงบและร้างคนมากพอจะใช้เป็นจุดนัดพบแทนห้องต้องประสงค์ซึ่งถูกยึดไป
เซฮุนอยู่ในชุดสเวตเตอร์แบบมีปก ใบหน้าซูบซีดผ่ายผอมยิ่งกว่าตอนที่เจอกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมากนัก เมื่อมาถึงอีกฝ่ายก็ตรงเข้าแนบชิด เท้ามือคร่อมระหว่างตัวเขากับโต๊ะเรียนทรงกลม ส่วนมืออีกข้างจับเชยคางขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบหอมหวานตัดกับกลิ่นชะมดเลี่ยนๆ และเหม็นอับไปเสียสิ้น
“ได้ยินว่าเพื่อนของนายหายตัวไป”
เขาพูดขณะปล่อยให้คนตรงหน้าปลดกระดุมเสื้อของตนอย่างเชื่องช้า เซฮุนพยักหน้ารับ ตอบสั้นๆ เพียงแค่ “อืม”
“แย่นะ พวกเขาน่าจะยกเลิกงานเต้นรำไปเสีย”
เจ้าชายสลิธีรินไม่ได้พูดอะไรต่อ และดูเหมือนจะสนใจแค่เพียงตัวเขาซึ่งกลายเป็นสิงโตเชื่องๆ ปล่อยให้ลำคอจนถึงลาดไหล่โดนพรมจูบย้ำๆ ขณะที่กางเกงก็ค่อยๆ ถูกดึงจนพ้นสะโพก เขาไม่รู้ว่ามันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ไม่รู้เหตุใดหัวใจจึงเลิกพยศและไม่คิดต่อต้าน แต่เมื่อเห็นความอิดโรยบนสีหน้าและแววตาที่เคยวิบวับเจ้าเล่ห์ อีกใจก็สั่งให้ปากเปิดพูด ถามไถ่อย่างผิดวิสัยคนปากไม่ดีจนอีกฝ่ายชะงักไป
“โอเซฮุน นายไม่มีอะไรจะพูดบ้างหรือไง”
“อะไรล่ะ” เซฮุนจับเขายืนพลิกหันหลังแล้วโค้งตัวคว่ำลงกับโต๊ะ จากนั้นจึงก้มจูบตามแนวสะบัก “นายอยากให้ฉันพูดอะไร”
ยังไม่ทันจะได้ต่อปากต่อคำ จงอินก็ต้องกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเมื่อบางอย่างแทรกตัวเข้าสู่ร่างกายของเขา ความสัมพันธ์ทางกายดำเนินมาได้เกือบสองเดือนแล้ว ความรู้สึกหนึ่งเพิ่มพูนมากขึ้นในขณะที่ได้รับน้อยลง โอเซฮุนไม่พูด ไม่ยิ้ม ถึงแม้จะส่งผ่านความหวานซึ้งด้วยการกระทำออกมามากเพียงไรก็ตาม ราวกับบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ได้เปลี่ยนไปในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ด้วยเหตุผลที่ตัวเขาไม่อาจเข้าใจได้
สายตาเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งสบเข้ากับลูกแก้วพยากรณ์บนโต๊ะของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ เมื่อนั้นชั่วโมงเรียนหนึ่งเมื่อสองปีก่อนก็หวนกลับมาในความคิดอีกครั้ง
ในนิมิตเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวนั้น คิมจงอินกำลังถูกโอเซฮุนชี้ไม้กายสิทธิ์ใส่ท่ามกลางบ้านเรือนรกร้างและลำแสงแปลบปลาบราวกับมีการต่อสู้อื่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อีกทั้งคนตรงหน้ายังมีรูปลักษณ์แปลกตากว่าเจ้าชายสลิธีรินในตอนนี้มากนัก เซฮุนสวมชุดคลุมสีดำทะมึน ไว้ผมสีดำตัดสั้นและมีนัยน์ตาสีเข้มลุ่มลึกราวกับท้องฟ้ายามอนธการ
นิมิตนั้นหมายถึงสิ่งใด จงอินไม่เข้าใจแม้แต่น้อย มันจะเกิดขึ้นจริงอย่างนั้นหรือ
“คิมจงอิน”
เสียงแหบพร่ากระซิบเรียกข้างหู
“ฉันรักนาย”
ทั้งที่น่าจะโวยวายแล้วตอบกลับไปเหมือนกับทุกครั้ง หากครานั้น เขากลับรู้สึกเศร้าจับขั้วหัวใจ
งานเลี้ยงเต้นรำถูกจัดขึ้นตามธรรมเนียม ถึงแม้ว่าทั้งโรงเรียนจะตกอยู่ในความหวาดระแวงและแสนหดหู่เนื่องจากการหายตัวไปของเจ้าหญิงจากบ้านสลิธีรินก็ตาม มีนักเรียนจำนวนหนึ่งแสดงความประสงค์ไม่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือเอดิสัน หวง เพื่อนชายคนสนิทของเซเลน่า และอาจรวมถึงโอเซฮุนซึ่งไม่มีใครได้พบเห็นเจ้าตัวในคืนนี้ด้วย
คิมจงอินเปิดฟลอร์เต้นรำอย่างสง่างาม ร่วมกับตัวแทนในการประลองเวทไตรภาคีจากโรงเรียนอีกสองรวมเป็นหก จากนั้นงานเลี้ยงที่แสนรื่นเริงจึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ราวกับทุกคนในที่นี้จะใช้มันกลบบรรยากาศความตึงเครียดต่างๆ เพื่อเข้าสู่ปิดเทอมคริสมาสต์และจะได้เลี้ยงฉลองอีกครั้ง
เขาถือแก้วน้ำพันซ์และพาตนเองมาหลบเงียบเชียบที่หน้าต่างริมทางเดินบานเดิม มองหิมะซึ่งโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายเช่นเดียวกับปีก่อนๆ และอาจเพราะจุดเริ่มต้นของหน้าต่างบานนี้เกิดจากใครบางคนก็ได้ ในปีนี้คนคนนั้นถึงได้เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า สวมชุดสูทสีดำเรียบ และในมือก็แก้วแชมเปญจน์รสดีสำหรับผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว
“เป็นยังไง ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”
ปาร์คชานยอลทิ้งตัวลงนั่งบนขอบหน้าต่าง ข้างๆ เขาซึ่งนั่งอยู่ก่อนหน้า
“เป็นนายเองนี่ที่งานยุ่ง” จงอินตอบ ปกติมือปราบมารก็ชอบทำตัวแวบไปมาจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทันอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้มีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นจึงทำให้เจอตัวได้ยากกว่าเคย “พอจะได้เบาะแสเรื่องคนหายบ้างหรือยัง”
“เบาะแสน่ะมีอยู่แล้ว” ชานยอลยกแก้วแชมเปญจน์ขึ้นจิบ ดวงตาคมเหม่อมองผนังทางเดินซึ่งมีแต่อิฐสีเทาเรียงตัวกัน “แต่ว่าจำเป็นต้องหาเพิ่ม”
ได้ยินอย่างนั้นคนถามก็ฉีกยิ้ม ให้กำลังใจด้วยประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง “อย่างนั้นก็พยายามเข้าแล้วกัน ทั้งนายและลูคัส คุณแบคฮยอนก็ด้วย”
ถ้ามันง่ายแค่ต้องใช้ความพยายามก็คงดี มือปราบมารหนุ่มอยากตอบเช่นนั้น เพราะต่อให้สืบสวนไปได้มากเท่าไร ความจริงก็มีแต่จะยิ่งไกลออกไปทุกที พวกเขาไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าการหายตัวไปของเซเลน่า โกเมซเกี่ยวข้องกับคดีศาสตราจารย์เพเนโลปี ก๊อนท์หรือไม่ แล้วตอนนี้คนหายทั้งสองจะอยู่ในสถานะเป็นหรือตาย ฝั่งมือปราบมารยังไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
แบคฮยอนเสนอให้คอยจับตามองห้องต้องประสงค์เผื่อว่าจะเจอบุคคลน่าสงสัย ถึงกระนั้นกลับไม่มีวี่แววของคนเข้าออกเลยแม้สักครั้ง ทำให้ตอนนี้มีผู้ต้องสงสัยอยู่ในรายชื่อของแบคฮยอนเพียงแค่สองคนคือคิมจงอินกับเตนล์ เลวิธาน ซึ่งรายแรกนั้นชานยอลคิดว่าเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด อันที่จริงแล้วผู้รู้จักห้องต้องประสงค์ยังมีอีกคนหนึ่งที่เขาไม่ได้เปิดปากพูดออกไป
“นายรู้จักห้องต้องประสงค์ตั้งแต่เมื่อไร”
“...” จงอินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ แสร้งปั้นรอยยิ้มกวนประสาทออกไปเป็นดาบหน้า “เมื่อไม่นานมานี้ วันนั้นฉันเดินไปเดินมาเพราะเข้าห้องน้ำ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีประตูโผล่ขึ้นมา”
ซีกเกอร์หนุ่มแทบไม่เคยโกหกชานยอลมาก่อน แต่ตอนนี้คิมจงอินกำลังปดคำโตเพียงเพราะอยากปกปิดเหตุผลที่แท้จริงเอาไว้ จะให้พูดได้อย่างไรว่าที่รู้จักห้องต้องประสงค์ของจริงก็เพราะโอเซฮุนพาเข้าไปตั้งแต่ปีห้า ขืนให้ชานยอลรู้เรื่องนี้ละก็ ต่างฝ่ายคงต่างรู้สึกอึดอัดต่อกันเสียมากกว่า
“อย่างนั้นหรือ” ชานยอลยิ้มรับ “นายคิดว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหน ที่คนร้ายจะเป็นนักเรียนในฮอกวอตส์”
เขาขมวดคิ้ว แปลกใจที่อยู่ดีๆ ชานยอลก็ถามความเห็นเรื่องนี้ขึ้นมา จริงอยู่ว่าทั้งคู่เป็นคนสนิท มิหนำซ้ำยังเคยรู้ใจกันมากกว่าใคร แต่มันก็เป็นคนละเรื่องกับการสืบสวนของเหล่ามือปราบมาร ถึงอย่างนั้นจงอินก็พยายามคิดตาม ถ้าเป็นแค่การขอความเห็นจากคนนอกเฉยๆ แล้วละก็ ไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็คงไม่ส่งผลต่อรูปคดีสักเท่าไร
“เป็นไปได้ แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเป้าหมายของคนร้ายอยู่ดี”
เจ้าของผิวสีแทนอังมือไว้ที่ปลายคาง ส่วนปาร์คชานยอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง วางแก้วแชมเปญจน์แล้วขยับเนกไทออกงานให้เข้าที่ จากนั้นจึงล้วงบุหรี่ขึ้นจุดสูบ
“อันที่จริงแล้ว ฉันมีผู้ต้องสงสัยในใจอยู่คนหนึ่ง”
จงอินเงยหน้ามอง หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไรสาเหตุ
“วิลลิส โอและผู้เสพความตายอีกจำนวนหนึ่งถูกจับได้ที่ตรอกน็อกเทิร์นเมื่อวานนี้ แต่ทางกระทรวงยังปิดข่าวเอาไว้”
เท่านั้น คนฟังก็เข้าใจสิ่งที่ชานยอลจะพูดต่อไปได้ในทันที
“แล้วโอเซฮุนล่ะ นายคิดว่ามีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่จะเป็นเหมือนพ่อของเขา”
-------------------------------------------
ตอนนี้อาจจะเครียดๆ นิดหน่อยนะคะ :3
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช ค่ะ
ตัวอย่างโปสการ์ดแบบไฟนอลมาแล้วค่ะ >_<
ความคิดเห็น