ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) RED SNITCH | sekai chankai (Hogwarts!AU)

    ลำดับตอนที่ #15 : 14 | WHO COMES RIGHT UP TO THE EDGE

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 61


     

     

    RED SNITCH

    (AU!HOGWARTS)

    OSH | KJI | PCY

     

     



    ( 14 )

    ‘WHO COMES RIGHT UP TO THE EDGE'

     



     

     

    พิธีตรวจไม้กายสิทธิ์เกิดขึ้นหลังจากวันประกาศผลหนึ่งสัปดาห์ ผู้ดำเนินการคือการ์ริก โอลลิแวนเดอร์ เจ้าของร้านไม้กายสิทธิ์ของโอลลิแวนเดอร์ที่ตรอกไดแอกอน จากนั้นจึงเป็นการถ่ายภาพตัวแทนจากสามโรงเรียน ก่อนให้สัมภาษณ์สั้นๆ กับนักข่าวจากเดลี่พรอเฟ็ตซึ่งจะเข้าร่วมรับชมการประลองเวทไตรภาคีด้วย คิมจงอินตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะไม่เคยออกสื่อมาก่อน ผิดกับนิโคลัส โรบินสันหรือดาโกต้า แฟนนิ่งซึ่งทำทีท่าสบายๆ ขณะอยู่หน้ากล้อง

     

     

    กว่าจะเสร็จงานทั้งหมดก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมง ในขณะที่ตั้งใจว่าจะไปรวมกลุ่มกับแทมและคีย์ที่บ้านกริฟฟินดอร์นั่นเอง ตัวแทนจากเดิร์มสแตรงก์ก็ตรงเข้ามาตีสนิทเขา ทั้งชวนไปหาอะไรอร่อยๆ กิน ทำอย่างกับนี่เป็นโรงเรียนของตนเองไม่มีผิด

     

     

    เรียกฉันว่านิกก็ได้ ไม่มีใครออกเสียงชื่อนิโคลัสมาตั้งนานแล้ว อีกฝ่ายว่า แต่ให้ทำตัวสนิทสนมกับคู่แข่งก็ไม่ใช่ทางของคิมจงอินนัก

     

     

    ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะ นิก เขายิ้มตอบตามมารยาท แต่ฉันนัดกับเพื่อนไว้แล้ว เอาไว้ครั้งหน้าจะแบ่งฟีซซิ่งวิซบี้ให้กิน

     

     

    คนถูกปฏิเสธแค่เลิกคิ้ว ก่อนจะโบกมือไหวๆ แล้วปล่อยให้เขาแยกตัวออกไปอย่างไม่ถือสา สารภาพตามตรง คิมจงอินไม่มั่นใจว่านิกจะน่าคบหาด้วยสักเท่าไรนัก แม้แต่ดาโกต้าเองเองก็แผ่รังสีอันตรายออกมาแปลกๆ ผู้ที่ได้รับเลือกจากถ้วยอัคนีได้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

     

     

    ภารกิจแรกจะถูกจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์นับจากนี้ ไม่มีข่าวคราวเล็ดลอดออกมาว่าคืออะไร เท่าที่ลองค้นหาข้อมูลจากบันทึกในอดีตแล้ว กลับพบว่ามีตั้งแต่การต่อสู้กับสัตว์อันตรายไปจนถึงไขปริศนาลึกลับ ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ว่าทำไมถ้วยถึงเลือกคนที่มีผลการเรียนระดับกลางๆ เช่นเขาแทนที่จะเป็นเจ้าชายสลิธีรินผู้โดดเด่นอย่างหมอนั่น

     

     

    ไม่ทันปัดเป่าใบหน้าของโอเซฮุนออกจากสมองได้เกลี้ยง ชายหนุ่มก็ต้องชะงักเพราะบังเอิญเจอคนในความคิดกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนซุ้มหน้าต่างโค้งของระเบียงชั้นหนึ่ง ติดกับสนามหญ้าซึ่งไม่มีนักเรียนปีหนึ่งบ้านใดเรียนวิชาการบินในวันนี้

     

     

    พอตั้งท่าจะเดินผ่านไป เสียงทุ้มก็เอ่ยทัก ต่งตัวเรียบร้อยแปลกตาดีจัง

     

     

    จงอินหยุดฝีเท้า ขยับเนกไทสีแดง-เหลืองที่คอให้หลวมขึ้นเพื่อจะได้ไม่ต้องถูกแซวทางสายตา ส่วนเซฮุนอยู่ในชุดนักเรียนสวมทับด้วยสเวตเตอร์ ส่วนเสื้อคลุมถูกพาดไว้ข้างๆ โดยมีหนังสือกองโตวางทับ ข้อดีของคนที่เป็นตัวแทนประลองเวทก็คือจะได้ละเว้นการสอบของปีนั้นๆ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อสอบวิชาปรุงยาของศาสตราจารย์ซลักฮอร์นกับภารกิจสุดอันตราย อย่างใดจะหนักหนาสาหัสยิ่งกว่า

     

     

    การเจอนายช่างเป็นความบังเอิญที่เลวร้าย

     

     

    ไม่ใช่ความบังเอิญหรอก เซฮุนเงยหน้าขึ้นมอง ฉันมารอเจอนาย

     

     

    ได้ยินดังนั้นจงอินก็ชะงัก เผลอลดท่าทีลงราวกับถูกตั้งโปรแกรมอัตโนมัติเอาไว้ จริงอยู่ว่าตลอดหลายวันมานี้เป็นตัวเขาที่ยุ่งๆ และมีแต่คนห้อมล้อม ทว่าคนที่ทำราวกับหายสาบสูญไปเสียดื้อๆ ก็น่าหงุดหงิดไม่ต่างกัน

     

     

    ท่าจะว่างมาก...

     

     

    ฉันว่างสำหรับนายเสมอ ที่รัก

     

     

    เลิกพูดจาชวนอ้วกสักที เขาบ่น แต่เซฮุนกลับหัวเราะ

     

     

    แล้วนายอยากนั่งคุยกันเงียบๆ ตรงนี้ หรือจะให้ฉันลุกขึ้นไปทำอะไรที่ชวนอ้วกยิ่งกว่าดี?

     

     

    คำพูดแกมบังคับทำให้คิมจงอินยอมนั่งลงอย่างว่าง่าย หากก็รักษาระยะห่างเอาไว้เป็นอย่างดี น่ากลัวว่าใครผ่านมาเห็นแล้วจะหาว่าเขาสนิทสนมกับโอเซฮุน แบบนั้นมันแย่ยิ่งกว่า อย่างไรเสียนี่ก็เป็นกลางวันแสกๆ ซ้ำยังไม่ใช่ที่รโหฐาน ฉะนั้นทำอะไรที่ว่าก็เป็นได้แค่คำขู่เท่านั้นแหละ

     

     

    มีธุระอะไรก็ว่ามา

     

     

    เซฮุนกระแอมไอ เนื่องจากไม่ได้กอดคิมจงอินมาถึงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้ข้าพเจ้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คิมจงอินจะไม่น้อยใจจนหาว่าข้าพเจ้าไร้ความรับผิดชอบ และยินยอมให้กอด จูบ --

     

     

    ฟังยังไม่ทันจบ คนที่ถูกอ้างถึงก็รีบถลาตัว ยื่นมือไปปิดปากอีกฝ่ายพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำซึ่งกำลังค้อนวงโต พอถูกทำเช่นนั้นแทนที่คนพูดจะสำนึก กลับฉวยโอกาสกอบกุมมือสีแทนเอาไว้แล้วกดจูบที่กลางฝ่ามือ ร้อนถึงจงอินต้องรีบชักมือกลับ ไม่อยากเชื่อว่าจะถูกทำรุ่มร่ามใส่ทั้งอย่างนี้ ขืนมีใครมาเห็นเหตุการณ์เข้าจริงๆ ชีวิตตัวแทนจากฮอกวอตส์คงเอาไปถูกโพนทะนาลงเดลี่พรอเฟ็ตจนรู้กันทั้งโลกผู้วิเศษแน่

     

     

    ทำบ้าอะไรของนาย!?

     

     

    สัญญาสำหรับคืนนี้ไง เซฮุนตอบหน้าตาเฉย พอเห็นว่ากัปตันบ้านสิงโตหน้าหน้างง ริมฝีปากก็แย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ที่เก่า เวลาตามนายสะดวก

     

     

    หา? จงอินหน้าร้อนยิ่งกว่าเก่า ไม่มีทาง ใครจะไปให้โง่

     

     

    คนถูกปฏิเสธเอนหลังพิงเสาด้วยท่าทางสบายๆ หนังสือในมือถูกยกขึ้นอ่าน คล้ายว่าตัวอักษรในนั้นคงน่าสนใจยิ่งกว่าจอมโวยวายแถวนี้เสียแล้ว

     

     

    อ้อ นั่นไม่ใช่คำชวนหรอก แต่เป็นคำขู่ต่างหาก

     

     

    อะไรนะ...

     

     

    ล้อเล่นน่ะ เซฮุนส่งสายตาวิบวับแฝงความนัยมาให้ทำเอาเขาต้องรีบดีดตัวลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะเดินหนีเพราะคุยต่อไปก็ป่วยการเปล่า เขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่จะมาถูกล้อเล่นให้แสดงอารมณ์หลากหลายสักหน่อย

     

     

    คิมจงอิน

     

     

    ไม่ทันขาดคำ ซีกเกอร์คนเก่งก็เผลอชะงักหยุดเป็นครั้งที่สอง ได้ยินเสียงคนทำท่าอ่านหนังสือดังลอยเข้ามาให้ได้ยินอย่างชัดเจน

     

     

    จะรอนะ

     

     

    เจ้าชายสลิธีรินพับปิดหนังสือในมือ มองแผ่นหลังของคนที่ปั้นหน้านิ่งเดินจากไปทั้งใบหน้าแดงก่ำ ราวกับความเครียดที่สะสมมาตลอดหลายวันได้รับการเยียวยาจนดีขึ้นเพียงได้เห็นหน้าใครบางคน ช่วงนี้คิมจงอินกลายเป็นบุคคลเข้าถึงยากไปเสียแล้ว หากไม่นัดหมายกันตรงๆ อย่างนี้ มีหวังคงถูกบ่ายเบี่ยงหน้าตาเฉยแน่ เขายังคิดถึงสัมผัสและภาพจำในคืนนั้นจริงอย่างที่แกล้งพ่นพูดลามกใส่อีกฝ่าย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะดึงเข้ามากอดเสียเดี๋ยวนี้

     

     

    น่าหงุดหงิดที่แค่จะใช้เวลากับคนที่ชอบยังต้องคิดหน้าคิดหลัง ลำพังแค่มีปาร์คชานยอลอยู่ในรั้วโรงเรียนนี้ก็แย่พอแล้ว แต่ยังมีคำพูดของเลวิธานจูเนียร์เมื่อคืนก่อน เด็กนั่นทำราวกับล่วงรู้ความคิดของเขาก็ไม่ปาน

     

     

    ปล่อยให้เรื่องราวทวีความยุ่งยากมากไปกว่านี้ไม่ได้

     

     

    ต่อให้มีโอกาสแค่เล็กน้อย แต่เขาก็ต้องควบคุมสถานการณ์เอาไว้ในกำมือ ต่อให้ต้องใช้วิธีใดก็ตาม

     

     

     

     

     

    เพราะรุ่นพี่เองก็ชอบทำเรื่องตลกๆ แบบนี้กับกัปตันบ้านกริฟฟินดอร์คนนั้นไม่ใช่หรือ

     

     

    เตนล์ เลวิธานจัดการรูดซิปกางเกงของร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตารุ่นพี่ร่วมบ้านแล้วเหยียดรอยยิ้มเป็นต่อ จากนั้นจึงก้มลงต่ำ กลืนน้ำลายเฝื่อนคอ พูดจาด้วยน้ำเสียงในแบบที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าฟังดูเป็นอย่างไร

     

     

    ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมก็แค่คิดว่ามันน่าสนใจดีเท่านั้นเอง

     

     

    โอเซฮุนทอดสายตามองร่างที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงระหว่างขาด้วยสายตาแข็งกร้าว การพูดเรื่องคิมจงอินขึ้นมาก็เหมือนต้องการยั่วโมโหให้เขาแทบบ้า เซฮุนแน่ใจว่าตนเองคงบีบคอเลวิธานไปแล้ว ถ้าไม่เพียงแต่จะสังเกตเห็นสองมือสั่นเทาขณะค่อยๆ เกี่ยวขอบชั้นในเขาลงเพื่อทำในสิ่งที่ตั้งใจ พอเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากหากเจ้าชายสลิธีรินจะพลิกตนเองขึ้นมาอยู่เหนือคนตรงหน้าอีกครั้ง

     

     

    ชายหนุ่มซ่อนรอยยิ้ม แสร้งขยับตัวนิดหน่อย เท่านั้นเตนล์ก็สะดุ้งเบาๆ มือที่กำลังจะควักเอาของลับภายใต้ชั้นในพลันชะงักกึก

     

     

    อยากเอาชนะฉันขนาดนั้นเลยหรือ

     

     

    เขาเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ได้ยินดังนั้นเตนล์ก็ทำเป็นแค่นหัวเราะ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเช่นก่อนหน้า

     

     

    พูดอะไรน่ะครับ อย่างไรก็เป็นแค่จิ้งจอกน้อยอยู่วันยังค่ำ ผมบอกแล้วไงว่า --

     

     

    อย่างนั้นก็ทำสิ

     

     

    เซฮุนเอนตัวพิงพนักโซฟา ยกมือขึ้นเท้าคางขณะรอดูว่าเลวิธานจูเนียร์จะทำอย่างไรต่อไป

     

     

    ทำอย่างที่นายอยากทำ เลวิธาน

     

     

    ประโยคนั้นราวกับยั่วยุให้จิ้งจอกจากเลวิธานกลั้นใจควักเอาแก่นกายของเขาออกมาแล้วกลั้นใจอมเข้าไปในคราวเดียวจนน้ำตาเล็ด ทั้งวิธีการและท่าทางดูงกๆ เงิ่นๆ แย่เสียจนอยากให้ทริสตัน เลวิธานได้มาเห็นลูกชายด้วยตาตนเองจริงๆ คุณชายตระกูลโอปล่อยให้รุ่นน้องพรีเฟ็คทำตามใจอย่างที่บอก ทั้งเคลื่อนหน้าเข้าออก ใช้ฟันครูด หรือแม้แต่พยายามกลืนลงไปจนสุดคอหอย

     

     

    ถึงจะไม่เข้าใจนักว่าเลวิธานจูเนียร์จะใช้วิธีนี้เพื่อควบคุมเขาอย่างไร แต่หากทำลายเด็กคนนี้ลงได้ การฝืนใจทำเรื่องเช่นนี้คงให้ผลประโยชน์ที่ไม่เลว

     

     

    ห่วยแตก

     

     

    เขาพูดเสียงเรียบ ส่งสายตาดูแคลนอย่างที่ถนัดขณะมองเตนล์ค่อยๆ ถอนปากออกกลางครัน ก่อนใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำลายซึ่งเปรอะอยู่ตามกรอบปาก ใบหน้าของจิ้งจอกน้อยในยามนี้ทั้งขลาดอายและสูญเสียภาพพจน์ที่เพียรสร้างขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา หากจะกล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายชนะ เตนล์ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากเต็มคำนัก

     

     

    ... ปากเก่งๆ นั่นถึงกับพูดไม่ออก หากทิ้งโอกาสนี้ไปแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายเยียวยาตนเองละก็ อีกไม่นานจะต้องแว้งกลับมากัดเขาอีกแน่นอน

     

     

    อา ขอโทษนะ คิมจงอิน

     

     

    ก่อนที่เหยื่อจะหนีไปไกล มีแต่ต้องรัดเอาไว้จนเคลื่อนไหวไม่ได้อีก เขาเคยบอกเตนล์ไว้แล้วว่าจะหักแข้งหักขาทิ้งถ้าต้องการ ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะเพิ่งเข้าใจคำของรุ่นพี่จากตระกูลโอก็ตอนที่ถูกดึงลงมานั่งระหว่างขาบนโซฟาตัวเดียวกันนั่นเอง

     

     

    รุ่นพี่...?

     

     

    จะหนีไปไหนล่ะ เซฮุนโอบมือรอบตัวร่างในวงแขน เป็นฝ่ายล้วงมือเข้าไปในกางเกงแล้วกอบกุมส่วนกลางลำตัวอีกคนไว้เสียเอง จกล้าอีกสักหน่อยสิ นายคือความภูมิใจของเลวิธานไม่ใช่หรือไง

     

     

    เตนล์สะดุ้งเฮือกยามที่มือใหญ่เริ่มขยับ ร่างซึ่งสั่นเทาจากการทำเรื่องบ้าบิ่นก่อนหน้าถึงกับไร้เรี่ยวแรง จมอยู่ในอ้อมกอดของคนที่ถูกบิดาสั่งสอนให้ดูหมิ่นมาตลอด มือรีบยกขึ้นปิดปาก ขืนส่งเสียงประหลาดในห้องนั่งเล่นสลิธีรินตอนกลางดึกเช่นนี้แล้วมีใครมาเจอเข้า มีหวังได้กลายเป็นขี้ปากจนอับอายแทบอยู่ไม่ได้แน่

     

     

    เซฮุนเหลือบมองเสี้ยวหน้าแดงก่ำ มองน้ำใสๆ ซึ่งเล็ดผ่านดวงตาที่มักจะแสดงความมั่นอกมั่นใจแล้วจึงแค่นยิ้มฝืน นึกสมเพชตนเองว่าทำไมถึงได้ถนัดทำแต่เรื่องน่ารังเกียจนัก ต่อให้นี่เป็นการตลบหลังการกระทำของเลวิธาน แต่พอได้เห็นตัวตนของอีกว่าถูกทำลายด้วยมือนี้แล้วก็อดจะรู้สึกผิดไม่ได้

     

     

    ทั้งที่เคยขอโทษคิมจงอินไปเพราะเรื่องสิ้นคิดพรรค์นี้แท้ๆ

     

     

    ถ้าอยากเป็นมือเป็นเท้านัก เสียงทุ้มกระซิบข้างหู

     

     

    แต่นี่คือเตนล์ เลวิธาน จิ้งจอกน้อยที่อย่าได้เผลอเห็นอกเห็นใจ ไม่อย่างนั้นคนที่ตายคงเป็นเขาเสียเอง

     

     

    ฉันก็จะใช้ประโยชน์จากนายให้เต็มที่ จำเอาไว้ให้ดี

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ภารกิจแรกของการประลองเวทไตรภาคีถูกจัดขึ้นในบ่ายวันจันทร์ สนามควิดดิชถูกเปลี่ยนเป็นลานแข่งขันขนาดใหญ่ คาคั่งด้วยเหล่านักเรียน คณาจารย์ รวมถึงคนจากกระทรวงเวทมนตร์และนักข่าวเดลี่พรอเฟ็ต กรรมการในการประลองได้แก่อาจารย์ใหญ่ทั้งสาม ลูโด แบ็กแมน และบาร์ทีเมียส เคร้าช์ซึ่งเป็นตัวแทนจากกระทรวงเวทมนตร์ ส่วนมือปราบมารทั้งสามนั่งประจำที่อยู่บนอัฒจันทร์ ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้รอบสนามและไม่ไกลจากคณะกรรมการมากนัก

     

     

    คิมจงอินสูดลมหายใจลึกขณะนั่งรออยู่ภายในห้องพักรับรอง ใกล้กันคือดาโกต้า แฟนนิ่ง ตัวอทนจากโบซ์บาตงซึ่งกำลังทำสมาธิอย่างหนัก เสียงกรีดร้องทางด้านนอกทำให้ใจของทั้งคู่ไม่สงบนัก ไม่รู้ว่านิก โรบินสันที่ต้องออกไปสู้กับมังกรเฮบริเดี้ยนในฐานะตัวแทนคนแรกจะเป็นอย่างไรบ้าง

     

     

    เขาแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้รู้ว่าภารกิจแรกในวันนี้ก็คือต้องขโมยไข่ทองคำจากมังกร มิหนำซ้ำยังไม่ใช่มังกรธรรมดา แต่เป็นพันธุ์ดุร้ายและพ่นไฟได้ ลำพังแค่ได้เห็นในหนังสือสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ก็กลัวจนแข้งขาสั่น ยิ่งจะให้ไปเอาชนะแล้วแย่งไข่ที่มันกกมาแบบนี้ สู้เสกคาถากรีดแทงใส่กันไปเลยไม่ง่ายดายกว่าหรือไง

     

     

    ตัวแทนคนที่สอง ดาโกต้า แฟนนิ่ง จากโบซ์บาตง! และนี่คือมังกรโรมาเนียเขายาว ถนัดเรื่องเสียบเหยื่อย่างไฟ!

     

     

    จงอินหัวเราะแห้งให้กับคำโฆษณาของโฆษกแบ็กแมนจากกระทรวงเวทมนตร์ ไม่รู้ว่าหมอนี่ถนัดเรื่องข่มขวัญให้เด็กกลัวหรืออย่างไร ดาโกต้าถึงกับเดินตัวแข็งออกไปจนน่ากลัวว่าจะหนีไฟมังกรไม่พ้น ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยประกาศให้ได้ยินทีเถอะว่านิก โรบินสันยังมีชีวิตอยู่

     

     

    ด้วยเพราะจับสลากได้มังกรจีนลูกไฟซึ่งเป็นลำดับสุดท้าย จงอินจึงมีเวลาคิดมากกว่าคนอื่นว่าจะเอาชนะภารกิจนี้อย่างไร ผลของการฝึกซ้อมร่วมกับแทมและคีย์มาตลอดหนึ่งเดือนนี้กำลังจะประจักษ์ให้คนหลายร้อยได้เห็น หากทำพลาดก็เสียหน้าทั้งตนเองและฮอกวอตส์ ดังนั้นจึงมีแต่ต้องชนะให้ได้เท่านั้น

     

     

    แต่แล้วแสงหนึ่งก็ดึงความสนใจจากซีกเกอร์หนุ่มได้ชะงัดนัก มันมีรูปร่างเป็นม้าโปร่งแสงสีเงินเรือง เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาเห็น เจ้าม้าก็เดินทะลุม่านประตูออกจากเตนท์เพื่อเรียกกลายๆ ให้ตามไป ครั้นออกมาถึงด้านนอก กลับพบเพียงมือปราบมารหนุ่มแสนคุ้นเคยยืนรออยู่ก่อนแล้ว จงอินแปลกใจไม่น้อยที่ปาร์คชานยอลหาได้นั่งประจำที่อยู่บนอัฒจันทร์ ทว่ากลับมาหาเขาเป็นการส่วนตัวเสียได้

     

     

    เมื้อกี้นี้...

     

     

    ผู้พิทักษ์ของฉันเอง ชานยอลตอบ การส่งสารที่ว่องไวที่สุด

     

     

    ถึงจะเคยได้ยินเรื่องการเสกผู้พิทักษ์มาบ้าง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่จงอินมีโอกาสได้เห็นมันกับตา หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ชานยอลคงเก่งกาจขึ้นมาก ถึงขนาดเสกผู้พิทักษ์ที่พ่อมดแม่มดน้อยกว่าครึ่งจะสามารถเสกได้ อีกทั้งมีรูปร่างเป็นม้าป่าสง่างามเหมือนกับเจ้าตัวอีก

     

     

    เดี๋ยวฉันต้องลงสนามแข่งแล้ว มีอะไรหรือเปล่า เขาถามพาซื่อ ก้มลงจัดชุดประลองสีดำ-แดงของตนให้เข้าที่เข้าทาง พร้อมสำหรับการไปเจอมังกรตัวเป็นๆ

     

     

    เห็นการทำภารกิจของเดิร์มสแตรงก์แล้วเลยนึกเป็นห่วงนายนิดหน่อย มือปราบมารตอบตามตรง แต่แทนที่เขาจะรู้สึกปลื้มใจว่าถูกเป็นห่วง กลายเป็นใจเสียเพราะภาพในหัวยิ่งเลวร้ายลงไปใหญ่

     

     

    โอ้ ใช่ ฉันกำลังจะถูกย่างตายเร็วๆ นี้แหละ หวังว่าจีนลูกไปจะไม่ชอบใช้เขาเสียบนะ

     

     

    ฟังคำโอดครวญของเขาแล้วปาร์คชานยอลกลับอมยิ้ม

     

     

    แล้วนายมาเจอฉันแบบนี้จะดีหรือ ขืนถูกหาว่าโกงการแข่งจะว่ายังไง

     

     

    ฉันเป็นมือปราบมาร ไม่ใช่กรรมการสักหน่อย อีกฝ่ายโคลงศีรษะ แค่จะมาให้กำลังใจเท่านั้น กลับเข้าเตนท์เถอะ ป่านนี้คงใกล้ได้เวลาแล้ว

     

     

    เขาถอนหายใจขณะกลับเข้าเตนท์เช่นที่อดีตรุ่นพี่บอก ชานยอลกลับไปยังสนามแข่งแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่คิมจงอินที่ต้องคิดหาวิธีเอาชนะตามลำพัง การต่อสู้ของดาโกต้าจะเป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าผู้หญิงสวยๆ แบบนั้นจะไม่ถูกเสียบอย่างไฟอย่างที่แบ็กแมนขู่หรอกนะ

     

     

    หากเจ้าของผิวสีแทนกลับต้องชะงักอีกรอบเพราะมีกระดาษโน้ตถูกทิ้งเอาไว้บนที่นั่งของเขา จงอินแน่ใจว่าไม่ใช่ของตนเองทำตกไว้แน่ เพราะชื่อจ่าหน้าบนสาสน์นั้นหมายถึงเขาตรงตัว

     

     

     

     

    ถึง สิงโตพยศของฉัน

    คงดีถ้านายทำให้มังกรหลับ แทนที่จะวิ่งเข้าใส่อย่างสิ้นคิด

     

     

     

     

    ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งจดหมายบ้าๆ นี่มา อีกทั้งยังกำกับคาถาเผาทำลายตนเองหลังเขาอ่านจนจบแค่ไม่กี่วินาที ทำให้มังกรหลับไปเลยอย่างนั้นหรือ? นี่มันวิธีแกมโกงชัดๆ เลยให้ตาย

     

     

    ตัวแทนคนสุดท้าย คิมจงอิน จากฮอกวอตส์! เขาต้องพบกับมังกรจีนลูกไฟโตเต็มไว ขอให้ระวังหน่อย เพราะมันอาจว่องไวกว่านักควิดดิชเสียอีก!

     

     

    ทว่าไม่เหลือเวลาให้คิดอีกแล้ว จงอินจำต้องเก็บวิธีตามจดหมายไว้ในใจ ก่อนจะแหวกม่านแล้วเดินออกไปยังสนามประลองเวทท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกองเชียร์จากฮอกวอตส์ นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์บางคนเขียนหน้าเขียนตาให้กำลังใจเขา ส่วนที่อยู่ตรงหน้าคือมังกรจีนลูกไฟขนาดใหญ่ เกล็ดของมันเป็นสีม่วง เรียบและมันวาว ดวงตาโปนโต จมูกพ่นควันไอร้อนๆ ออกมาจนอยากวิ่งหนีไปให้ไกล

     

     

    ขอทีเถอะเมอร์ลิน แจกจ่ายโชคดีให้อนาคตของโลกผู้วิเศษอีกสักคนจะเป็นไรไป

     

     

    จงอินตั้งท่า มือจับไม้กายสิทธิ์ยาวสิบสองเศษสามส่วนสี่นิ้วของตนไว้มั่นเหมาะ เจ้ามังกรจีนลูกไฟอาจช้ากว่าลูกสนิช แต่สนิชพ่นไฟไม่ได้ และเขาก็ไม่มีไม้กวาดคู่ใจเป็นตัวช่วย

     

     

    สองชีวิตมองหยั่งเชิงกันไปมา จงอินก้าวเท้าเดินเลียบตามขอบสนาม หูฟังเสียงโซ่ล่ามขามังกรกระทบกันเป็นเสียงแสบแก้วหู ก่อนจะใช้คาถาทำให้มังกรหลับลงได้ จำเป็นต้องให้มันเปิดตัวพ้นไข่ทองคำซึ่งถูกกกเอาไว้เสียก่อน

     

     

    เขาเสกสุนัขพันธุ์ แจ็ก รัสเซล เทอร์เรียขึ้นมาหนึ่งตัว ได้ผลว่าทำให้มังกรสนใจจนมองตามได้ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะยอมลุกออกมาจากไข่ทองคำเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วคิมจงอินจึงไม่มีทางเลือก หากสัตว์อื่นล่อมันออกมาไม่ได้ผล ก็มีแต่ตัวเขาซึ่งถูกมองเป็นภัยคุกคามเท่านั้น

     

     

    คิมจงอินเริ่มขยับตัวและวิ่งรอบสนาม ส่งผลให้มังกรจีนลูกไฟตื่นตัวจนเริ่มพ่นควันปุดๆ ออกทางจมูก เห็นทีคงต้องกระตุ้นอีกสักหน่อย คิดได้เช่นนั้นเขาจึงเสกลูกไฟเล็กๆ เข้าไปสะกิดผิวเพื่อยั่วโมโหมันก่อน ด้วยวิธีการวิ่งตรงเข้ากองไฟเช่นนี้ เจ้ามังกรจึงเริ่มแผลงฤทธิ์ให้สมกับชื่อของมันโดยทันที

     

     

    ลูกไฟถูกพ่นเข้าใส่เขาจนแทบไม่เหลือที่ว่างในสนาม ใช้เวลาไม่นานนักพื้นที่หลายส่วนก็ติดไฟจนกลายเป็นป้อมปราการขังเหยื่อขนาดใหญ่ อีกทั้งพอโดนวิ่งไล่อย่างนี้แล้ว อย่าว่าแต่จะหันไปเสกคาถาใส่เลย แค่ต้องหลบลูกไฟทั้งหมดให้พ้นก็นับว่าเต็มกลืน แขนเสื้อของเขาไหม้จนแหว่งไปนิดหน่อยด้วย แล้วก็แสบแขนเป็นบ้า ขืนเปิดดูต้องเจอแผลไฟลวกที่ทำให้ลมจับได้แน่ๆ แต่ผลของการเสี่ยงตายก็พอจะคุ้มอยู่บ้าง เพราะเมื่อมังกรจีนลูกไฟได้อาละวาดจนสาแก่ใจแล้วมันก็สงบลง ซึ่งการหวังผลของการกระทำนี้ก็คือไข่ทองคำซึ่งปรากฏแก่สายตาเมื่อเจ้ามังกรเคลื่อนกายออกนั่นเอง

     

     

    เขาไม่รู้ว่าสองคนก่อนหน้านี้ทำภารกิจสำเร็จได้ด้วยวิธีใด แต่จงอินก็เลือกที่จะเชื่อในวิธีการของคนเจ้าเล่ห์อย่างโอเซฮุนเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันดีกว่าการทำให้มังกรต้องบาดเจ็บมากนัก แต่ด้วยขนาดตัวแล้ว มังกรจีนลูกไฟที่เริ่มสะลึมสะลือกลับไม่เข้าสู่นิทราในทันที มันเดินสะโหลสะเหล กระพือปีก พ่นไฟมั่วซั่วจนเขาต้องกระโดดหลบอีกระลอก ลงท้ายแล้วก็แน่นิ่งไปในที่สุด

     

     

    ตัวแทนจากฮอกวอตส์เดินเข้าไปหยิบไข่ทองคำได้อย่างสบายๆ ก่อนจะชูมันขึ้นสูงเพื่อรับกับเสียงเชียร์จำนวนมากของผู้ชม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    งานเลี้ยงฉลองภายในห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์ดำเนินจนถึงดึกดื่น ไม่น่าเชื่อว่าฉากจบที่สวยงามของคิมจงอินในภารกิจแรกจะนำมาซึ่งคะแนนสูงเป็นอันดับหนึ่ง เท่าที่ฟังแทมกับคีย์เล่า ทั้งนิกและดาโกต้าเลือกที่จะสู้กับมังกรตรงๆ ด้วยคาถาหลากหลายรูปแบบ ผลคือทำให้เจ้าสัตว์ร้ายฉุนเฉียวจนวิ่งไล่ยกใหญ่ กว่าจะคว้าเอาไข่มาได้ คนดูก็ลุ้นจนเหนื่อยหอบ

     

     

    จงอินไม่ได้บอกใครว่าสาเหตุที่การปฏิบัติภารกิจของเขากลายเป็นแผนการมากลูกล่อลูกชน ผิดกับนิสัยที่แสนจะมุทะลุนั้นมีที่มาจากสิ่งใด หากไม่ได้จดหมายบ้านั่นก่อนเริ่มแข่ง แน่ใจได้ว่าเขาคงกลายเป็นศพย่างลูกไฟให้เจ้ามังกรเคี้ยวเล่นเป็นมื้อเย็นไปแล้ว แต่จะให้เก็บความรู้สึกนี้ไปพูดขอบคุณคนต้นคิดตรงๆ ก็กระดากปาก ไหนๆ หมอนั่นก็โผล่มาแค่ลายมือในจดหมายแล้ว สู้ทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่อย่างเดิมอาจจะดีกว่าก็ได้

     

     

    ถึงจะพยายามคิดอย่างนั้น แต่จงอินก็รู้สึกติดค้างจนนอนไม่หลับอยู่ดี สุดท้ายแล้วเขาเลยลุกขึ้นมาตอนตีสอง ย่องลงหอนอนก่อนจะมุดออกมาทางรูปปั้นสุภาพสตรีอ้วน เดินเกาจมูกเพื่อคลายความประหม่าไปตลอดทางที่เดินจนถึงกำแพงตำแหน่งคุ้นเคย เมื่อสอดส่องสายตามองจนรอบแล้วว่าไม่มีใคร เจ้าของผิวสีแทนก็เริ่มเดินวนไปวนมาถึงสามครั้ง ก่อนจะหยุดมองบานประตูที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นแล้วผลักเปิดเข้าไปละล้าละลัง

     

     

    งูเจ้าเล่ห์นอนขดตัวอยู่บนเตียงโล่งๆ ภายในห้องสีเทาที่แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นใด ข้างตัวคือหนังสือซึ่งถูกเปิดอ่านค้างไว้ พลิกดูปกก็พบว่าเป็นนวนิยายปรัชญาของนักเขียนชื่อดัง ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างหมอนี่จะอ่านหนังสือประเภทนี้ด้วย

     

     

    เขาถอนหายใจ ทั้งที่คิดไว้ว่าถ้าเข้ามาไม่เจอใครก็จะกลับไปนอนต่อแท้ๆ แต่ถึงเจอ อีกฝ่ายกลับนอนหลับสนิท ผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เปลี่ยนจากงูพิษเป็นงูไร้พิษภัยเชื่องๆ ตัวหนึ่งขึ้นมาทันที พอลงเอยอย่างนี้แล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ให้หนีกลับไปแล้วไม่บอกว่ามาที่นี่คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

     

     

    จงอินตวัดผ้าห่มคลุมตัวให้แบบส่งๆ แล้วตัดสินใจหันหลังกลับ หากร่างสีแทนกลับต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมือข้างหนึ่งถูกจับเอาไว้แน่น หันไปมองก็พบดวงตาสีเข้มซึ่งลืมขึ้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง มิหนำซ้ำยังมีคราบน้ำตาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนหมาดๆ อีก

     

     

    มาแล้วหรือ

     

     

    โอเซฮุนขยี้ตาขณะค่อยๆ หยัดตัวขึ้นนั่ง มือที่จับรั้งเขาเอาไว้กุมแน่นไม่ยอมปล่อย ราวกับว่ากลัวคิมจงอินจะหายตัวหนีไปได้ในชั่วพริบตาอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งเขาทำแน่ ถ้าไม่ติดว่าในอาณาเขตของฮอกวอตส์ พ่อมดแม่มดจะไม่สามารถหายตัวหรือใช้เครือข่ายผงฟลูได้เลย

     

     

    ฉันไม่ได้มาหานายสักหน่อย เขารีบปฏิเสธ แต่กลับถูกดึงให้นั่งลงบนเตียงอย่างเอาแต่ใจ

     

     

    ไม่เอาน่าที่รัก ฉันรอนายจนหลับไปเลยเห็นไหม เซฮุนยิ้ม ก่อนถือวิสาสะถกแขนเสื้อของเขาเพื่อดูแขนซึ่งถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล แม้รอดจากมังกรจีนลูกไฟมาได้แต่ก็ใช่ว่าไร้รอยขีดข่วน คนมองลดสีหน้าลงเล็กน้อย ฉายแววจริงจังจนเขาต้องรีบดึงมือกลับ ไม่มีใครหาเรื่องเจ็บตัวเก่งเท่านายแล้วกระมัง

     

     

    ไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย

     

     

    แล้วไม่ใช่เรื่องของฉันตรงไหนล่ะ ในเมื่อนายอุตส่าห์มาหาถึงนี่ เจ้าชายสลิธีรินนั่งเท้าคางมองเขา ใช้ดวงตาเป็นประกายมองจนแทบทะลุปรุโปร่ง หรือว่าที่จริงแล้ว คิมจงอินจะคิดถึงฉันจนทนไม่ไหวกันนะ

     

     

    เหลวไหลน่า! ฉันแค่ --

     

     

    แค่?

     

     

    จงอินอึกอัก อยากตบหน้าผากไล่ความโง่ของตนเองที่ถูกต้อนจนมุมอีกเสียได้ ฉันแค่จะมาขอบคุณเรื่องจดหมายนั่น

     

     

    น่าเจ็บใจว่าเขาถูกอ่านออกง่ายถึงเพียงนี้ โอเซฮุนมารอที่ห้องต้องประสงค์ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในนัดหมาย เพียงเพราะรู้ว่าคิมจงอินคงทนความรู้สึกติดค้างไม่ได้จนต้องอยากเจออีกฝ่าย ใช่ว่าเขาจะอยากพึ่งสมองของหมอนี่ในการประลองเวทเสียเมื่อไร ติดว่ามันเข้าท่ากว่าวิธีลุยเข้าไปตรงๆ ก็เท่านั้น เพราะแบบนี้กัปตันบ้านกริฟฟินดอร์ถึงได้คาใจ เหตุใดถ้วยอัคนีถึงได้เลือกเขาแทนที่จะเป็นคนสมบูรณ์พร้อมตรงหน้ากันเล่า

     

     

    คิดฟุ้งซ่านมากมายจนไม่ทันสังเกตว่าใครอีกคนขยับตัวเข้ามาใกล้ชิด จงอินปล่อยให้ตนเองถูกเชยคางขึ้น รู้ดีว่าอย่างไรคืนนี้ก็คงจบลงเหมือนคืนก่อนๆ ความรู้สึกของเขาข้ามเส้นไปไกลจนไม่อาจห้ามมันได้แล้ว สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าต่อให้มีไม้กวาดสิบฟุตอยู่ในมือก็ไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด

     

     

    แผ่นหลังถูกดันราบลงกับเตียง ตาสีเข้มมองคนที่คร่อมอยู่ด้านบนซึ่งกำลังเลื่อนใบหน้าลงมาใกล้ ก่อนริมฝีปากจะแนบชิดและจุดติดอารมณ์ส่วนลึกให้ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ไม่นานนักร่างกายของคิมจงอินก็เปลือยเปล่า บิดเร่าอยู่ใต้แสงสลัวของห้องต้องประสงค์ที่ถูกหรี่เปลวเทียนจนมืด ความลับระหว่างสองกัปตันแห่งบ้านปฏิปักษ์ช่างน่าขัน ถึงอย่างนั้นจงอินก็ลืมคิด ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยไร้ซึ่งสำนึกใดๆ

     

     

    ใบหน้าของเซฮุนอยู่ใกล้จนได้ยินเสียงหอบหายใจ ไม่ว่าจะเหงื่อที่ผุดพรายอยู่บนใบหน้า นัยน์ตาที่มองเขาอย่างหวานซึ้ง หรือแม้แต่เสียงครางต่ำในคอสลับกับคำหยอกเย้าที่ข้างหู

     

     

    จงอินไม่รู้ว่าอะไร

     

     

    -- อะไรที่ทำให้เขาใช้มือจับใบหน้านั้นเข้ามา ก่อนจะประทับริมฝีปากเข้าหาในตอนที่สติถูกลืมเลือนมากที่สุด

     

     

    เขาเกลียดตนเอง

     

     

    เกลียดที่แทบจำไม่ได้แล้วว่าเคยเกลียดโอเซฮุนมากแค่ไหน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เจ้างูน่ารังเกียจนั่น!

     

     

    คิมจงอินอ้าปากค้างใส่กระจกห้องน้ำ ก่อนจะรีบติดกระดุมเสื้อจนปิดร่องรอยบนร่างอย่างมิดชิด เว้นเสียแต่อีกสองรอยที่กินพื้นที่ขึ้นมาจนถึงต้นคอ ในตำแหน่งเช่นนี้ ขืนไม่ทันระวังคงถูกเห็นเข้าได้ง่ายๆ กลายเป็นปัญหางี่เง่าครั้งใหญ่ให้เขาเครียดยิ่งกว่าการหาทางไขปริศนาไข่ทองคำเสียอีก

     

     

    ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากในการออกจากห้องน้ำโดยไม่ให้เพื่อนร่วมหอนอนสังเกตเห็น ก่อนหน้าที่แทมจะหันมา จงอินก็หยิบผ้าพันคอสีแดง-เหลืองขึ้นพันรอบลำคอได้ทันท่วงที โชคดีที่สองก็คือตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว จึงไม่แปลกหากคนอย่างเขาจะเปลี่ยนมาแต่งตัวมิดชิด ปิดตั้งแต่ใต้คางจรดปลายเท้าอย่างกับดักแด้ไม่มีผิด

     

     

    เฮ้ คิมจงอิน แทมทัก เห็นว่างานเลี้ยงเต้นรำปีนี้ พวกตัวแทนต้องเต้นเปิดฟลอร์นี่ใช่ไหม

     

     

    อย่างนั้นหรือ จงอินขานตอบแบบขอไปที ก่อนจะทำตาโตเมื่อเรียบเรียงความหมายของประโยคเมื่อสักครู่เข้าหัวได้สำเร็จ อะไรนะ?

     

     

    อ่อ คือฉันได้ยินศาสตราจารย์มักกอนนากัลคุยกับศาสตราจารย์เวกเตอร์เมื่อวานเย็น คิดว่านายคงรู้แล้วเสียอีก

     

     

    พอดีว่าเมื่อวานฉันกำลังสนุกกับมังกร พอกลับมาก็เลี้ยงฉลองจนหัวราน้ำ ไม่เห็นจะได้ยินอะไรแบบนี้เลยสักนิด เขาแค่นหัวเราะ นึกไปถึงงานเต้นรำตอนปีห้าที่ทำตัวห่วยเสียจนเผลอไปเหยียบเท้าคริสตัล จองเข้า แล้วอยู่ดีๆ ต้องมาเต้นเปิดฟลอร์ร่วมกับคนหน้าตาฮอตๆ อย่างนิกและดาโกต้า แค่คิดภาพก็เห็นแววโชคร้ายของตนเองรำไรแล้ว ต้องหาคู่เต้นรำอีกแล้วสินะ

     

     

    พวกนาย! อยู่ดีๆ คีย์ก็โพล่งขึ้น จากนั้นจึงเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ ด้วยสายตาหลุกหลิกไปมา ะเป็นไรไหม ถ้าฉันจะ เอ่อ ลองไปขอดาโกต้า แฟนนิ่งเป็นคู่เต้นรำปีนี้

     

     

    สองหนุ่มผู้ฟังกะพริบตาปริบ แล้วแทมก็ระเบิดหัวเราะเป็นคนแรก ส่วนจงอินได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะไม่อยากหักหาญน้ำใจเพื่อนรัก เรื่องตามตื๊อสาวฮอตให้มาเป็นคู่เต้นรำนั้นเขามีประสบการณ์โชกโชนทีเดียว แต่นี่เป้าหมายของคีย์เป็นถึงสาวผมบลอนด์จากโบซ์บาตง อย่างน้อยก็ขอให้ดาโกต้านิสัยดีพอจะใช้คำปฏิเสธอย่างละมุนละม่อมแล้วกัน

     

     

    ทว่า การถูกรับเลือกให้เป็นตัวแทนโรงเรียนในการประลองเวทไตรภาคีส่งผลเกินความคาดหมาย

     

     

    จริงอยู่ที่คิมจงอินคือคนดัง เขาเป็นทั้งซีกเกอร์มือทองและกัปตันทีมคนปัจจุบันของบ้านกริฟฟินดอร์ แต่ก็ไม่เคยมีบันทึกว่าจะเนื้อหอมถึงขนาดถูกบรรดาหญิงสาวพยายามจอเป็นคู่เต้นรำตั้งแต่ที่เดินออกจากหอนอนจนกระทั่งถึงห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดมาก่อน สารภาพตามตรงว่าในหัวของเขาช่างว่างเปล่าพอนึกถึงภาพผู้หญิงที่อยากให้เป็นคู่ด้วย อาจเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการประลองเวทมามากกระมัง ความฟุ้งซ่านต่างๆ นานาที่เคยมีเมื่อถึงช่วงงานเต้นรำถึงได้ไม่ทำงานของมันเอาเสียเลย

     

     

    ระหว่างกลับไปห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์เพื่อไขปริศนาไข่ทองคำซึ่งได้รับมาจากภารกิจมังกร เขาก็ถูกแทมขอให้ช่วยเป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าถึงตัวของเวนดี้ ซน สาวสวยจากบ้านเรเวนคลอ จงอินจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอเคยขอชานยอลเป็นคู่เต้นรำเมื่อสองปีก่อนแต่กลับถูกปฏิเสธ ซ้ำยังเป็นเหตุผลให้อดีตกัปตันระเบิดอารมณ์ใส่เขาจนทำลายความเป็นเพื่อนลงในวันนั้น

     

     

    ทีแรกเวนดี้แปลกใจเพราะคิดว่าเขาอยากสานสัมพันธ์กับหล่อน หากสุดท้ายคิมจงอินก็ดับความตื่นเต้นของทุกคนในที่นั้นด้วยการเปิดตัวเพื่อนสนิทอย่างแทม ซึ่งแน่นอนว่าแทม อีไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่เลย ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาหรือผลการเรียนค่อนไปทางดีเยี่ยม จึงไม่มีเหตุผลที่จะถูกปฏิเสธ น่าลุ้นก็แต่คีย์ที่อ้อนวอนขอให้เขาช่วยพาเข้าหาดาโกต้า ซึ่งต่อให้เป็นหนึ่งในตัวแทนเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะฝ่าวงล้อมเด็กโบซ์บาตงได้ง่ายขนาดนั้น

     

     

    แต่แล้วก็มีผู้ที่ทำให้ดาโกต้า แฟนนิ่ง เจ้าของตำแหน่งหญิงสาวที่ผู้ชายทั้งโรงเรียนอยากได้เป็นคู่เต้นรำคนปัจจุบันต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจนได้ จงอินและแทมถึงกับต้องช่วยกันปลอบใจคีย์เมื่อถึงเวลามื้อเย็น กลุ่มเด็กสาวโบซ์บาตงราวสามถึงสี่คนเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่อย่างผ่าเผย ก่อนจะหยุดอยู่ที่โต๊ะบ้านสลิธีริน หน้าโอเซฮุนซึ่งกำลังติวหนังสือเตรียมสอบส.พ.บ.ส.กับกลุ่มเพื่อน

     

     

    แล้วสาวผมบลอนด์ผู้มีใบหน้าสวยสะพรั้งก็ก้าวออกมายืนข้างหน้า เมินเฉยต่อเซเลน่า โกเมซซึ่งมองเขม่นเธออย่างกับอะไรดี

     

     

    ฉันว่าแล้ว! ฉันว่าแล้วว่าคนอย่างเธอต้องมาตรฐานสูง คีย์โอดครวญ

     

     

    แต่แล้วจงอินก็สบสายตาเข้ากับเซฮุนซึ่งมองมาทางเขาแวบหนึ่ง จากนั้นเจ้าชายสลิธีรินจึงแย้มรอยยิ้ม พูดอะไรบางอย่างกับดาโกต้าจนกระทั่งกลุ่มเด็กสาวโบซ์บาตงทั้งหมดเดินออกไป

     

     

    มอนั่นคงไม่ได้... ตกลงหรอกใช่ไหม คีย์ถามความเห็นอีก เอาเข้าจริงแล้วไม่มีใครในโต๊ะของเขาสามารถคาดเดาคำตอบได้ คนส่วนใหญ่คงคิดว่าโอเซฮุนไม่มีทางปฏิเสธดาโกต้าแน่ ในเมื่อเธอเข้าเค้าสาวฮอตทุกคนที่หมอนี่เคยได้เป็นคู่เต้นรำอย่างกับจับวาง

     

     

    หลังจากนั้นเสียงของเอดิสันจึงโพล่งขึ้น ไม่รู้ว่าควรตกใจหรือไม่ที่คุณชายตระกูลโอปฏิเสธคำชวนของดาโกต้า แฟนนิ่ง ถึงแม้ว่าเธอจะลงทุนมาชวนเขาต่อหน้าทุกคนในห้องโถงก็ตาม

     

     

    หรือว่าปีนี้เขาจะควงคริสตัลอีก

     

     

    ไม่หรอก อาจจะเซเลน่าก็ได้

     

     

    แทมและคีย์เถียงกันจริงจัง ฟังดูแล้วช่างเนื้อหอมจนน่าหงุดหงิดจริงๆ อันที่จริงจงอินก็ไม่เคยเห็นหมอนั่นคลุกคลีกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ จนถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ความเกลียดชังของเขาแค่บดบังเสน่ห์และความหล่อเหลาจนมองไม่เห็นสิ่งที่ควรเป็นเท่านั้นเอง อย่างโอเซฮุนน่ะหรือจะไม่มีใครรุมล้อม บอกว่าศาสตราจารย์ฟลิตวิกตัวสูงหกฟุตยังจะน่าเชื่อเสียกว่า

     

     

    เพียงถูกมองด้วยสายตานั้น ร่างกายของเขาก็ร้อนผ่าว มือสีแทนยกขึ้นปิดปาก นั่งเท้าคางกับโต๊ะแล้วแสร้งทำเป็นสนใจเรื่องที่เพื่อนสนิทกำลังคุยกันอย่างออกรส อาการแปลกประหลาดรุมเข้าเล่นงานจนจงอินไม่รู้จะจัดการความรู้สึกของตนเองอย่างไร

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ล็อกเก็ตฝังมรกตรูปงู หุ้มด้วยอำพันเจียทรงแปดเหลี่ยมฉายประกายแวววาวยามต้องแสงจากเชิงเทียน สะท้อนภาพแห่งหายนะอยู่ในดวงตาสีเข้มของผู้ถือ

     

     

    โอเซฮุนโยนหีบเก่าซ่อมซ่อใบเล็กกลับเข้าไปในกองภูเขาขยะของห้องต้องประสงค์ หลังจากใช้เวลาหาถึงหนึ่งปีกว่า ในที่สุดปริศนาจากเพเนโลปี ก๊อนท์ก็ถูกค้นพบในที่สุด ล็อกเก็ตของซัลลาซาร์ สลิธีริน สมบัติตกทอดประจำตระกูลก๊อนท์ถูกซ่อนอยู่ภายในกองขยะจำนวนหลายร้อยหลายพันชิ้น ไม่น่าเชื่อว่าแท้จริงแล้วทุกอย่างจะตื้นเขินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก เพราะตอนที่หล่อนตัดสินใจหาที่ซ่อนมันเอาไว้ คงร้องขอห้องต้องประสงค์ไปแค่ ที่เก็บของ เท่านั้นเอง

     

     

    เลวิธาน

     

     

    เตนล์ เลวิธานดึงศีรษะออกมาจากตู้ใบโต จากนั้นจึงเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือเขา ก่อนจะก้าวไวๆ เข้ามาแล้วมองสำรวจล็อกเก็ตสลิธีรินด้วยความสนอกสนใจ

     

     

    นี่คือของสิ่งนั้นหรือครับ

     

     

    คิดว่าน่าจะใช่ เซฮุนตอบ

     

     

    ถ้าอย่างนั้นเรารีบส่งมันให้จอมมาร...

     

     

    ไม่ได้ เสียงทุ้มเอ่ยค้าน ตอนนี้ทุกอย่างที่ส่งฮอกจากฮอกวอตส์จะถูกตรวจเช็ก ฉันส่งมันด้วยนกฮูกแบบคราวที่แล้วไม่ได้หรอก

     

     

    พอได้ยินเช่นนั้นเตนล์ก็สงบปากสงบคำ พยายามครุ่นคิดหาวิธีส่งล็อกเก็ตกลับไปยังพ่อของตนโดยที่จะไม่ถูกสงสัย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้ว่าควรอำพรางของสำคัญเช่นนี้อย่างไรจึงรอดพ้นสายตามือปราบมารได้

     

     

    อันที่จริง เมื่อครู่นี้ผมกำลังสำรวจตู้ใบนั้นอยู่ จิ้งจอกน้อยชี้ไปทางตู้ไม้แกะสลักซึ่งตั้งอยู่ด้านในของห้อง รวมกับโต๊ะหักๆ อีกหลายต่อหลายตัวซึ่งถูกละเลยความสำคัญ ผมคิดว่ามันคือตู้อันตรธาน

     

     

    ตู้อันตรธาน?

     

     

    คยเห็นที่ร้านบอร์เจ็นและเบิร์กส์น่ะครับ พ่อบอกว่ามันคือตู้ที่ใช้สำหรับส่งของและเดินทางได้โดยไม่ถูกตรวจจับ

     

     

    หมายความว่ามีตู้แบบนี้อีกใบที่บอร์เจ็นและเบิร์กส์ เซฮุนเปิดประตูตู้ มองสำรวจข้างในและพบว่ามีเพียงถ้วยสีเงินเก่าๆ ใบหนึ่งตั้งอยู่ เตนล์จึงรีบอธิบายเพิ่มเติม

     

     

    ถ้วยใบนั้นผมเอาเข้าไปวางไว้เอง แค่อยากทดสอบว่ามันใช้ได้จริงหรือเปล่า แต่ดูเหมือนตู้จะเสียหายจนใช้การไม่ได้ พรีเฟ็คปีหกแห่งบ้านสลิธีรินลูบรอยแตกหักบริเวณประตูและข้างตัวตู้อย่างนึกเสียดาย ลองใช้คาถาเรปาโรดูแล้ว แต่ไม่ได้ผล

     

     

    อาจเพราะมันเป็นคาถาที่เรียบง่ายเกินไป คนแก่กว่าสันนิษฐาน วัตถุทางเวทมนตร์ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อมดแม่มดซึ่งวิชาแก่กล้า อีกทั้งเวทมนตร์ที่ลงกำกับเอาไว้ก็มักจะเป็นเวทมนตร์ชั้นสูง ดังนั้นจึงถูกดัดแปลงแก้ไขไม่ได้ง่ายๆ ด้วยฝีมือมือสมัครเล่น แต่หากตู้ใบนี้ใช้การได้ ต้องก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคตแน่ เอาเป็นว่าฉันจะลองหาวิธีดู

     

     

    เตนล์พยักหน้ารับ มองล็อกเก็ตสลิธีรินในมืออีกฝ่ายอย่างใคร่รู้ แล้วสิ่งนั้น...

     

     

    ฉันจะเก็บไว้กับตัว เขาล้วงเก็บของสำคัญไว้ในกระเป๋ากางเกง วามเป็นได้มากที่สุดในตอนนี้คือรอจนกว่าจะถึงปิดเทอมคริสต์มาส

     

     

    อย่างไรก็อีกไม่นาน เขาวางแผนเอาไว้เช่นนั้นด้วยหัวใจเจ็บปวด ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ก้าวเท้าออกไปจากโรงเรียนนี้จะหมายถึงการลาจากตลอดไปหรือไม่ หรืออันที่จริงโอเซฮุนก็แค่อยากยื้อเวลาอีกนิด การเดินทางของเจ้าชายสลิธีรินดำเนินมาถึงขอบเหวแล้ว แค่แรงลมเพียงน้อยนิดก็สามารถพัดพาตัวเขาให้ตกไปอีกฟากฝั่งของความมืดมิดได้แล้ว เช่นนั้นถ้าได้หยุดมองแสงสว่างในตอนนี้อีกหน่อยคงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

     

     

    จะรายงานเรื่องนี้ให้พ่อนายรู้ก็ได้นะ

     

     

    พอบอกไปอย่างนั้น คนฟังจึงลดสีหน้าลง ไม่เป็นไรครับ ผมเห็นด้วยกับแผนของคุณ

     

     

    เซฮุนเหยียดยิ้มพึงใจ มองเตนล์ซึ่งก้าวถอยอัตโนมัติเมื่อเขาขยับเข้าไปใกล้ สูญเสียความมั่นใจและศักดิ์ศรีไปโดยสิ้นเชิง เตนล์อาจว่าง่ายขึ้น ยอมเข้าหาแค่ตอนที่ถูกเรียกใช้ แต่ไม่ใช่ว่านั่นจะทำให้ลูกจิ้งจอกลืมวิธีกินเนื้อไปได้ จากนี้มีแต่ต้องตะล่อมเลี้ยงให้อยู่ในกำมือ และกล้าพอที่จะทำลายทิ้งเมื่อหมดประโยชน์

     

     

    พออ้าปากจะหยอกเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกสักหน่อย ท้องแขนซ้ายก็ปวดร้อนขึ้นมาอย่างรุนแรง

     

     

    “...!

     

     

    รุ่นพี่!?

     

     

    อย่าเข้ามา เขาร้องห้ามเสียงแข็ง กุมแขนซ้ายที่ค่อยๆ อาการทุเลาลงบ้างแล้ว

     

     

    เมื่อสักครู่นี้มันอะไรกัน ทำไมอยู่ดีๆ ตรามารถึงมีปฏิกิริยาขึ้นมาได้ ไม่มีทางที่จอมมารจะอยู่ในรั้วแห่งนี้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้เสพความตายคนใดเคลื่อนไหว หากให้คาดเดาที่มาของมันแล้วละก็ อาจเกี่ยวข้องกับล็อกเก็ตของซัลลาซาร์ สลิธีรินซึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงก็เป็นได้ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลใดมารองรับอยู่ดี

     

     

    นายกลับไปก่อน เซฮุนสั่ง

     

     

    นัยน์ตาแข็งกร้าวไม่เปิดโอกาสให้เตนล์ปฏิเสธ เมื่อเลวิธานจูเนียร์ลับสายตาไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเอนตัวพิงเสา ควักเอาล็อกเก็ตขึ้นมาสำรวจดูหลังจากอาการปวดร้อนหายไปจนสิ้น เป็นอย่างที่คิด พลังงานสีดำบางอย่างปรากฏในรูปแบบควันจางๆ แต่แค่พริบตาเดียวก็จางหายไป

     

     

    เห็นดังนั้นโอเซฮุนก็แค่นหัวเราะ

     

     

    นี่มันบ้าอะไรกัน...

     

     

     

     

    -------------------------------------------



    ไม่รู้ว่าเขียนในส่วนที่เป็นพาร์ทเนื้อเรื่องคือให้น้ำหนักเบาไปหรือเปล่า

    แยังไงก็อยากจะให้เรดสนิชเป็นฟิคที่เน้นเลิฟไลน์แหละค่ะ U_ U

    ต่อจากนี้เนื้อหาคงหนักขึ้น เข้มข้นขึ้น (คิดว่า ฮ่าๆ)

    เอาใจช่วยเจ้าสนิชสีแดงและคนเขียนด้วยนะคะ!


    ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช ค่ะ






     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×