คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : 12 | NOT CAREFUL TURNS INTO REALITY
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 12 )
‘NOT CAREFUL TURNS INTO REALITY’
“ไม่อยากเชื่อว่านายจะรู้เรื่องมาเลดิกตัสด้วย”
ก่อนหน้าวันปิดเทอมคริสต์มาสเกือบสองสัปดาห์ คริสตัล จองยอมมาตามนัดหมายที่ทั้งคู่ให้สัญญากันไว้ภายในป่าต้องห้าม ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะเผาทำลายเสื้อคลุมทิ้งด้วยเวทมนตร์ แต่กระบอกเก็บเลือดยูนิคอร์นซึ่งถือติดตัวเอาไว้ก็ยังเป็นหลักฐานเอาผิดชั้นดี ชีวิตการเป็นเจ้าชายสลิธีรินอันทรงเกียรติคงจบสิ้นลงแล้ว ถ้าไม่เพียงแต่คริสตัลยื่นข้อเสนอว่าจะยอมปิดปากเงียบ แลกกับที่เขาไม่ปากสว่างบอกใครเรื่องที่เห็นเธอกลับคืนจากร่างงูสู่มนุษย์
“ฉันเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับสายเลือดต้องสาป” โอเซฮุนตอบเสียงเรียบ แม้แต่ตระกูลกรีนกราสซึ่งเป็นหนึ่งในยี่สิบแปดตระกูลศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีข่าวลือว่าสืบทอดคำสาปมาเลดิกตัส
มาเลดิกตัสก็คือสายเลือดต้องสาปซึ่งจะค่อยๆ เปลี่ยนให้แม่มดกลายเป็นสัตว์ร้ายและสืบทอดเฉพาะในเพศหญิง ช่วงแรกจะยังสามารถเปลี่ยนร่างกลับไปมาได้ตามใจต้องการ จึงทำให้ดูเหมือนแอนิเมจัส แต่นานวันเข้าก็จะถูกทำให้เป็นสัตว์ร้ายโดยสมบูรณ์และไม่สามารถกลับคืนสู่ร่างแม่มดได้อีก แม้แต่ความคิดและสัมปชัญญะก็กลายเป็นสัตว์เช่นเดียวกัน ไม่สามารถควบคุมตนเองและหลีกเลี่ยงชะตากรรมอันโหดร้ายนี้ได้ ไม่ว่าทางใดก็ตาม
“แม่ของฉันกลายร่างโดยสมบูรณ์และหนีหายไปเมื่อปิดเทอมที่ผ่านมา” คริสตัลเริ่มเล่าเรื่องราวของเธอ “หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รู้ว่าคำสาปกำลังตกทอดมาสู่ฉัน บางครั้งมันควบคุมตัวเองได้ยากมาก ฉันรู้ว่าจะต้องกลายเป็นงู แต่กลับหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไปอยู่ในป่าต้องห้ามหรอกหรือ”
“ฉันก็แค่อยากหาสถานที่ที่จะไม่มีใครเห็น แล้วที่เลือกป่านั่น มัน... มันเป็นสัญชาตญาณ” เธอตอบคำถามอย่างขมขื่น ซึ่งเข้าใจได้ว่าเหตุใดป่าต้องห้ามจึงกลายเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวชั่วคราว “ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ เธอก็รู้ว่าพวกเขาปฏิบัติต่อมนุษย์หมาป่ายังไง แล้วมันจะต่างอะไรกันล่ะ”
ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล ในโลกผู้วิเศษนั้น ผู้ที่ถูกล่วงรู้ว่าเป็นมนุษย์หมาป่าจะถูกปฏิบัติด้วยราวกับพลเมืองชั้นสอง พวกเขามักไม่ได้รับการว่าจ้างงาน โดนดูถูก อีกทั้งยังถูกระวังตัวแจเพราะถือว่าเป็นอันตราย เช่นนั้นแล้วมาเลดิกตัสก็คงไม่ต่าง ไม่มีชายใดยินดีแต่งงานทั้งที่รู้ว่าภรรยาจะต้องกลายเป็นสัตว์ร้ายถาวรในอนาคต อีกทั้งหากมีลูกสาวยังเป็นการสืบทอดสายเลือดต้องสาปโดยที่ควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะมองในมุมใดจึงไม่แปลกที่มาเลดิกตัสจะรู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่ต้องการ
“บางทีเธอควรจะบอกเรื่องนี้กับศาสตราจารย์” ตลกดีที่คนอย่างเขาพูดออกไปเช่นนั้น บอกกล่าวปัญหากับศาสตราจารย์เพื่อหวังว่าจะมีใครช่วยดึงขึ้นจากปัญหาอย่างนั้นหรือ
“ฉันไม่ต้องการ” คริสตัลส่ายศีรษะ “ไม่มีใครช่วยอะไรฉันได้ พอรู้ว่าวันหนึ่งจะต้องกลายเป็นงูตลอดไป ก็เกิดรู้สึกอยากทอดทิ้งโลกใบนี้ขึ้นมา”
ทอดทิ้งโลก?
“จะดี จะเลว ใครจะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ เรื่องพวกนี้ฉันไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว”
น่าแปลกที่เซฮุนคล้ายจะเข้าใจความรู้สึกอันแตกสลายนั้นไม่มากก็น้อย เขาเพิ่งจะคิดได้ว่าตนเองละทิ้งความฝันและกำลังเดินทางเข้าสู่ด้านมืดทีละน้อย ไม่ว่าสิ่งใดที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มล้วนรู้สึกไร้การควบคุม ถูกบีบบังคับจากสถานะเลือดบริสุทธิ์และพ่อบังเกิดเกล้า การที่ได้ล่วงรู้ว่าจอมมารเลือกสิงสู่ในแขนของวิลลิส โอส่งผลให้เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เลือดยูนิคอร์นที่ลอบส่งกลับไปคือยาชั้นดีซึ่งจะช่วยให้จอมมารฟื้นตัวเร็วขึ้น ไม่รู้ว่าแขนลีบแห้งที่ได้เห็นล่าสุดบัดนี้จะคืนสภาพเป็นอย่างไรแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยที่เขาถูกกล่าวโทษถึงความล่าช้าในการเสาะหาของสำคัญซึ่งถูกซ่อนไว้ในห้องต้องประสงค์โดยศาสตราจารย์ก๊อนท์ แรกเริ่มเซฮุนก็นึกว่ามันจะง่าย จวบจนเขาได้รู้จักกับห้องต้องประสงค์ของจริงว่ามันสามารถแปรเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบตามแต่ความต้องการของผู้ใช้งาน ครั้งนั้นหล่อนกำลังนึกคิดสิ่งใดกันแน่ ล็อกเก็ตซึ่งตกทอดจากซัลลาซาร์ สลิธีริน จะซุกซ่อนตัวอยู่ในห้องแบบไหน
“แล้วเธอล่ะ ทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนั้น” เขาตื่นจากภวังค์ด้วยคำถามของคริสตัล เธอคนนี้เป็นผู้หญิงฉลาด เซฮุนจึงเชื่อว่าข้อแม้ในการเก็บซ่อนความผิดของเขาย่อมไม่ใช่แค่แลกเปลี่ยนกับความลับของเธอเท่านั้น “ฉันนึกไม่ออกเลยว่าเธอจะต้องการเลือดยูนิคอร์นไปทำไม”
การจะเก็บความลับได้ยาวนานจำเป็นต้องมีเหตุผลสนับสนุนของการกระทำ หากปล่อยให้คริสตัล จองเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย เธอคงไม่อาจไว้ใจในตัวโอเซฮุนได้จนยอมแพร่งพรายออกไปสักวัน
“เธอบอกว่าอยากทอดทิ้งโลกนี้ใช่ไหม”
เขาสบดวงตาหม่นแสงคู่นั้นด้วยความเจ็บปวดอันแรงกล้า
“ฉันเองก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีอะไรที่เป็นไปได้เลย”
ไม่น่าเชื่อว่าในท้ายที่สุดแล้วเขาจะยอมเปิดเผยตนเองกับคริสตัล จอง
นอกจากการมีอยู่ของเตนล์ เลวิธานแล้ว มีคนที่ล่วงรู้ความลับของโอเซฮุนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง มิหนำซ้ำคนคนนั้นยังเป็นสาวสวยจากบ้านกริฟฟินดอร์ ผู้ที่เคยใกล้ชิดคิมจงอินอย่างสุดซึ้งจนเขากลัวว่าเธอจะทำตรงกันข้ามกับที่ตกลงกันเอาไว้ ถึงเป็นมาเลดิกตัสแต่คริสตัลก็ไม่มีใจฝักใฝ่จอมมาร ผิดคาดว่าท้ายที่สุดแล้วเธอถึงกับรับฟังเหตุผลของเขาด้วยท่าทีสงบกว่าที่คิด
คริสตัลปรากฏตัวขึ้นในชุดเปิดไหล่สีแดงเลื่อม กระโปรงทรงหางปลาทอดยาวแบดูสง่างามขณะย่างก้าวลงจากบันไดหินอย่างเชื่องช้า เรือนผมสีดำขลับถูกดัดเป็นลอนธรรมชาติซึ่งเข้ากับหญิงสาวจนไม่อาจหาสิ่งใดติ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำเมื่อตอนปีสี่ที่เซฮุนไม่ได้จับคู่กับเซเลน่า โกเมซ เพื่อนหญิงคนสนิท
ทุกสายตามองมาที่การจับคู่อันน่าตกตะลึงนี้ไม่เว้นแม้แต่คิมจงอินซึ่งควงคู่มากับสาวผมแดงคนหนึ่ง เซฮุนพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะเมินเฉยต่อดวงตาของคนในใจเขาไปชั่วขณะ มันเป็นเรื่องยากถ้าจะต้องควบคุมตนเองเอาไว้ให้ได้ทั้งที่จงอินกำลังใช้สายตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกมองอยู่ตรงหน้า สำหรับเขาแล้วการจับคู่กับคริสตัลไม่ได้มีความหมายอะไร มันเป็นเพียงการช่วยเยียวยาหัวใจซึ่งรวดร้าวระหว่างกันและกันเท่านั้น เธอไม่ต้องการที่จะเอาตัวเขาไปเกี่ยวข้องกับใคร และเขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถยอมรับความด่างพร้อยนั้นได้ด้วยสถานะอันใกล้เคียงกัน
เต้นรำไปเพียงแค่ไม่กี่เพลง คิมจงอินก็หายไปจากงานเลี้ยงเสียแล้ว
โอเซฮุนใช้เวลาตามหาไม่นานก็พบว่าจงอินกำลังทอดสายตามองหิมะแรกของปีอยู่ตรงบานหน้าต่างซึ่งไม่ห่างจากจุดที่พวกเขาจูบกันเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ต่อให้อยากเข้าข้างตนเองว่าที่อีกฝ่ายปลีกตัวออกมาเป็นเพราะตัวเขากับคริสตัล จอง แต่ลึกๆ แล้วเซฮุนกลับรู้ดีว่ามันอาจไม่ใช่ด้วยเหตุผลนั้นไปเสียทั้งหมด บ่อยครั้งจงอินยังคงนึกถึงอดีตกัปตันคนนั้น ผู้ชายที่เอาชนะเขาด้วยการใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิด และไม่ได้ดีเด่ไปกว่าเจ้าชายผู้น่ารังเกียจจากสลิธีรินคนนี้สักเท่าไรนัก
เขาผลักปาร์คชานยอลออกจากเกมแย่งชิงไปได้ด้วยเล่ห์กลและการฉาบฉวย ยิ่งคิมจงอินเริ่มคุ้นชินกับตัวเขามากขึ้นเท่าไร เซฮุนก็ยิ่งได้ใจว่าไม้กวาดสิบฟุตที่ตั้งแง่ใส่เขาเอาไว้กำลังถูกบั่นทิ้งทีละน้อยๆ แม้แต่ตอนนี้ที่เจ้าตัวยังเอาแต่พูดจาปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ทั้งแววตาและสีหน้าของคิมจงอินนั้นทำให้คิดได้ว่าเขาสามารถเอาชนะหัวใจสิงโตแสนพยศได้แล้วอย่างแน่นอน
อีกไม่นาน... เขาจะทอดทิ้งโลกใบนี้ไป
และใช้ชีวิตเพื่อกอบกุมลูกสนิชสีแดงเอาไว้เท่านั้น
หากโชคชะตาโหดร้ายไม่มีที่สิ้นสุด
-- เมื่อไม่ทันระวังและหลงลืมความเป็นจริง
ดวงตาสีเข้มเบิกโพลงเมื่อกลับมาถึงบ้านและพบว่าพ่อบังเกิดเกล้ากำลังคุกเข่าอยู่แทบเท้าของทารกหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวคนหนึ่ง มันเป็นใบหน้าเดียวกับที่เคยปรากฏบนท้องแขนของพ่อ และบัดนี้แขนซ้ายของนายวิลลิส โอเหลือเพียงแค่แขนเสื้อเปล่าๆ แต่พ่อของเขากลับยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“เลือดยูนิคอร์นที่ลูกหามาได้ ในที่สุดเราก็สามารถสร้างร่างของจอมมารได้อีกครั้ง!”
จอมมารในตอนนี้ดูอ่อนแอเสียจนสามารถฆ่าให้ตายได้ด้วยมีดพกโง่ๆ เล่มเดียวด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นเซฮุนก็ยังรู้สึกถึงการกดขี่ทางอำนาจ เขาถูกสั่งให้คุกเข่าลงตรงหน้าผู้ที่ทำลายชีวิตอันสงบสุขของตนเองด้วยหัวใจที่รวดร้าว และหลังจากนั้นจอมมารก็เสนอรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับเลือดยูนิคอร์นด้วยการให้วิลลิสตรึงแขนเขาไว้กับโต๊ะ ใบหน้ากดแนบบนผิวไม้โอ๊คอังกฤษเย็นเยียบ บทลงโทษของภารกิจอันยาวนานและไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้นให้คุณชายจากตระกูลโอต้องหลั่งน้ำตาแห่งความขมขื่นในที่สุด
ไม้กายสิทธิ์แกนกลางเอ็นหัวใจมังกรซึ่งเป็นไม้คู่ใจของวิลลิสค่อยๆ สลักไฟที่ปลายไม้ลงบนผิวเนื้อท้องแขนซ้ายของเขาจนปรากฏสัญลักษณ์งูเลื้อยพันรอบหัวกะโหลก อันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งแสดงถึงความทรงอำนาจและภักดีต่อจอมมาร ปรากฏอยู่บนแขนซ้ายของผู้เสพความตายทุกคนเว้นแต่พ่อของเขาซึ่งได้สูญเสียแขนไปแล้ว
มันแสบร้อน เจ็บปวด และทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีแตกสลายลงอย่างที่ใครก็ไม่อาจคาดคิด
ตอนที่ออกมาเจอมารดาบังเกิดเกล้ายืนรออยู่บริเวณหน้าห้องทำงานของพ่อ ใบหน้าเซฮุนยังเปรอะไปด้วยคราบน้ำตาและไร้เรี่ยวแรงเสียจนถูกเธอดึงเข้าไปกอดจมวงแขนได้โดยง่าย
ทอดทิ้งโลก ทำตามสิ่งที่ตนเองต้องการ
ทั้งหมดที่เคยบอกคริสตัล จองไปนั้น ไม่มีสิ่งใดสามารถเป็นไปได้เลยสักอย่างเดียว เขาไม่อาจหันหลังกลับ และไม่เข้มแข็งพอจะลุกขึ้นสู้กับความเป็นจริงสุดเลวร้าย
ชีวิตปีสุดท้ายในฮอกวอตส์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเข้าสู่เดือนกันยายน โอเซฮุนซึ่งยังคงปวดร้อนเพราะตรามารบนท้องแขนข้างซ้ายจำต้องเก็บซ่อนอาการเอาไว้อย่างมิดชิด เขายิ้มรับคำทักทายจากเอดิสัน เพอร์ซิวัล และเซเลน่าที่ยังคงค่อนขอดเรื่องของคริสตัล จองอยู่เป็นพักๆ ความแค้นของผู้หญิงนั้นน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้กินพื้นที่ในใจเขาได้มากเท่าสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญเลยแม้แต่น้อย
รถจักรไอน้ำสายด่วนฮอกวอตส์ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ สถานีรถไฟคิงส์ครอส เป็นครั้งแรกที่เซฮุนปลีกตัวจากการนั่งในห้องประจำซึ่งครึกครื้นไปด้วยกลุ่มนักเรียนสลิธีรินและเรื่องชวนหัวในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา เขาไม่มีอารมณ์ปั้นเสียงหัวเราะ และเพียงแค่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ เพื่อครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น
แต่ไม่นานนักความสงบที่ต้องการก็ถูกทำลายลงเมื่อเตนล์ เลวิธานเดินเข้ามาทั้งรอยยิ้ม
ชายหนุ่มขยับตัวนั่งหลังตรง ชุดเสื้อคอเต่าสีดำยิ่งทำให้เจ้าชายสลิธีรินดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าเมื่อปีที่แล้วมากนัก เขากอดอก นั่งไขว้ขา ใช้ดวงตาราบเรียบมองไปยังเตนล์ที่ทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามอย่างเฉยชา
“ทำไมถึงมานั่งคนเดียวแบบนี้ล่ะครับ”
“ไม่จำเป็นต้องสนใจฉันนักหรอก” เซฮุนตอบ จงใจเบือนสายตามองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างเพื่อยุติบทสนทนาให้จบลงโดยไว
เตนล์ยิ้ม “พ่อของผมบอกว่าคุณได้รับตรามารมาแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือครับ”
เขาถอนหายใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไปเสีย
“ขอดูหน่อยได้ไหมครับ รุ่นพี่”
ดวงตาของจิ้งจอกน้อยเป็นประกายวิบวาว ยิ่งเห็นความสนอกสนใจจนเกินพอดีเช่นนั้นแล้วเซฮุนก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจมันขึ้นมา เตนล์ย้ายตัวมานั่งข้างๆ พลางถือวิสาสะจะเปิดแขนเสื้อ ทำเอาเขาต้องรีบดึงแขนเสื้อของตนเอาไว้ทันควัน ขืนใครมาเห็นว่าหนึ่งในนักเรียนฮอกวอตส์มีตรามาร คงถูกจับเข้าอัซคาบันโดยไม่ต้องรอการสืบสวนแน่
“หยุดนะ เลวิธาน” เขาสั่ง ยิ่งพูดไปแบบนั้น เลวิธานจูเนียร์ก็ยิ่งนึกสนุกจะดูให้ได้
“แค่ขอดูนิดเดียวเท่านั้นแหละครับ ผมนั่งบังเอาไว้แบบนี้ ไม่มีใครเห็นหรอก”
“ทำไมไม่ไปดูของพ่อนาย --”
พูดยังไม่ทันจบดี ทั้งร่างก็เซเสียหลักจนแผ่นหลังติดกระจกหน้าต่างเพราะแรงสั่นสะเทือนของขบวนรถ มิหนำซ้ำเจ้าเด็กน่ารำคาญยังล้มทับลงมาแนบอกแล้วโขกศีรษะเข้ากับปลายคางเขาอย่างจัง เซฮุนอ้าปากจะก่นด่า เพียงแต่สายตาบังเอิญสบกับคนที่ยืนอยู่นอกประตูห้องเข้าเสียก่อน
คิมจงอินกะพริบตาปริบขณะมองผ่านกระจกประตูเข้ามาภายในห้องบนรถไฟ ก่อนจะรีบเบือนสายตาหนีเพราะนึกขึ้นได้ว่านี่คงทำให้ตนเองดูเหมือนคนสอดรู้ขึ้นมา ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่โอเซฮุนจะคิดได้ หนุ่มคนดังแห่งบ้านสลิธีรินรีบผลักรุ่นน้องพรีเฟ็คปีหกออกจากตัว แล้วจึงลุกพรวดขึ้นเดินไปเปิดประตูเพื่อดูคิมจงอินจ่ายเงินค่ากบช็อกโกแลตให้กับแม่มดรถเข็นขายขนมซึ่งจอดอยู่หน้าห้องข้างๆ
จงอินไม่ได้พูดอะไร หากแต่แกะกล่องกบช็อกโกแลตแล้วเดินกินบนทางเดินแคบๆ เข้าทางเซฮุนที่อยากจะเลี่ยงให้พ้นสายตาของเลวิธานจูเนียร์อย่างพอดิบพอดี
“คิมจงอิน” เขาเรียก
เหลือบไปเห็นห้องว่างที่ไม่มีนักเรียนนั่งจับจองแล้วพลันเกิดความคิดดีๆ ขึ้นในหัว ถึงแม้จะมีข้าวของวางระเกะระกะบนที่นั่ง แต่ก็คาดว่าเจ้าของห้องคงจะไปเที่ยวเล่นห้องอื่นและยังไม่กลับมาในเร็วๆ นี้ ตัดสินใจได้เช่นนั้นจึงฉวยโอกาสจับแขนคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าแล้วลากเข้าห้องไปด้วยกันพร้อมปิดประตูเสร็จสรรพ ทำเอากัปตันคนเก่งแห่งบ้านกริฟฟินดอร์อ้าปากค้าง หงุดหงิดที่เผลอปล่อยกบช็อกโกแลตกระโดดหลุดจากมือไปต่อหน้าต่อตา
“เฮ้...”
“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่” เซฮุนตัดบท
พอถูกดักคออย่างนี้จอมโวยก็ได้แต่เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง ยกมือขึ้นกอดอกขณะยืนพิงผนังด้วยสีหน้ากวนประสาท “มีอะไรอีก”
“ทำไมปั้นปึ่งใส่กันอย่างนั้นเล่าที่รัก” เขาอยากแหย่คนตรงหน้าด้วยถ้อยคำที่น่าโมโหยิ่งกว่านี้ แต่สมองของโอเซฮุนกลับไม่สร้างสรรค์เท่าที่ควรเมื่อถูกบั่นทอนด้วยสภาพจิตใจ “เราไม่ได้เจอกันตั้งสองเดือนนี่นา อันที่จริงก็น่าจะส่งจดหมายแลกกันบ้าง...”
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นกับนายด้วย”
ไม่รู้ว่าไปฝึกความใจแข็งมาหรืออย่างไร คราวนี้ถึงได้ปั้นหน้าเก่งทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่หนึ่งท่อนแขน แต่คิมจงอินที่ขึ้นไม่มีลงแบบนี้แหละที่เขาว่าน่ารัก หากไม่ถูกปั้นปึ่งหรือปฏิเสธใส่ มีหวังคงเข้าใจว่าเป็นคนอื่นใช้น้ำยาสรรพรสปลอมตัวมาแน่ๆ
“เราสนิทกันมากขึ้นตั้งเยอะนี่ หรือว่าฉันเข้าใจผิดไป?”
“สำคัญตัวผิดไปแล้วโอเซฮุน ฉันไม่ --”
พูดไม่ทันขาดคำก็โดนฉวยจูบไวๆ ไปหนึ่งที พอเจออย่างนี้คนวางท่าเก่งก็ถึงกับหน้าเห่อร้อน ครั้นอ้าปากเตรียมพ่นคำพูดเจ็บๆ คันๆ แก้เขินก็เป็นอันต้องชะงัก เมื่อเจ้าของห้องที่แท้จริงกลับมาพร้อมกับชุดนักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ เด็กปีสามทั้งสามคนเมื่อเห็นรุ่นพี่ในชุดไปรเวตมาอยู่ในห้องของตนจึงงงเป็นไก่ตาแตก ทั้งคู่เป็นคนดังที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก เช่นนั้นแล้วจงอินจึงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด สะบัดตัวเดินนำออกจากห้องไปแทบจะทันที
เห็นแค่แผ่นหลังไวๆ ที่เดินกลับไปห้องตนเองแล้วเจ้าชายสลิธีรินก็หลุดยิ้มได้ในรอบเดือน ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่เพียงไม่กี่นาทีบนสถานที่ที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด ทว่ากลับทำให้หัวใจของเขาสว่างไสวขึ้นมาได้ ต่อให้ไม่สามารถสลัดความขมขื่นลึกๆ ออกได้หมดก็ตามที
หากนี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายเท่าที่โชคชะตายังเป็นใจ โอเซฮุนก็ขอกอบโกยเอาไว้จนกว่าจะเดินไปถึงสุดทาง
ห้องโถงใหญ่ในวันแรกของการเปิดภาคเรียนครึกครื้นด้วยเสียงพูดคุยของบรรดานักเรียนซึ่งไม่ได้เจอหน้ากันมาสองเดือน นอกจากความตื่นเต้นของการเป็นนักเรียนปีสุดท้ายแล้ว คิมจงอินยังรู้สึกราวกับนรกกำลังหวนคืนมาอีกรอบเมื่อปีนี้เป็นปีที่ต้องสอบวัดระดับความรู้พ่อมดเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ (ส.พ.บ.ส.) ซึ่งเคยเห็นมาก่อนหน้านี้แล้วว่าทำให้นักเรียนปีเจ็ดตกอยู่ในความตึงเครียดเพียงไร
เขาอยากกินซี่โครงแกะชิ้นโตร่วมกับมันฝรั่งอบ และเฝ้ารอที่จะได้กินไอศกรีมซึ่งถูกเสิร์ฟในเซ็ตของหวาน ตาสีเข้มสบเข้ากับโอเซฮุนจากโต๊ะสลิธีรินซึ่งกำลังมองตรงมาทั้งรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย จึงอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นตอบกลับไปอย่างนึกรำคาญ การกระทำทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของแทมกับคีย์ เพียงแต่ทั้งสองไม่รู้ว่าเขากำลังแลบลิ้นปลิ้นตากับใคร
เป็นโชคดีว่าจงอินไม่ต้องตอบคำถาม เพราะศาสตราจารย์คลินตัน เดอนีโร อาจารย์ใหญ่ซึ่งหาโอกาสปรากฏตัวได้ยากยิ่งของฮอกวอตส์ขึ้นพูดบนแท่นประกาศเพื่อปาฐกถาต้อนรับการเปิดภาคเรียนใหม่ เดอนีโรเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาใจดี ทั้งผมและหนวดแซมสีดอกเลาบ่งบอกว่ามีอายุไม่น้อยแล้ว ถึงอย่างนั้นร่างกายสูงโปร่งกลับยังยืนหลังตรง กระฉับกระเฉงเสียจนข่าวลือที่ถูกโจมตีว่าป่วยหนักก่อนหน้านี้สลายหายไปกับตา
“สวัสดีนักเรียนทุกคน!”
เสียงปรบมือดังคาคั่ง นับถอยหลังถึงช่วงเวลาแห่งซี่โครงแกะเข้าทุกที
“เราได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง ยินดีต้อนรับนักเรียนปีหนึ่ง! และยินดีต้อนรับปีการศึกษาใหม่ที่ได้มาถึง” เดอนีโรผายมือออก เมื่อนั้นธงทั้งสี่บ้านก็คลี่ประดับอยู่บนเสาทุกเสา เป็นภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง “ขอรับรองว่าปีนี้จะเป็นปีที่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง”
พิธีเปิดการศึกษาเริ่มต้นด้วยปาฐกถาของอาจารย์ใหญ่ตามธรรมเนียม จากนั้นจึงเป็นพิธีมอบเข็มประธานนักเรียนให้กับนักเรียนชายหญิงสองคนซึ่งได้รับคัดเลือก คีย์บอกว่าแท้จริงแล้วตำแหน่งประธานนักเรียนชายจะถูกมอบให้โอเซฮุน แต่ด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้ เจ้าตัวถึงปฏิเสธตำแหน่งอันทรงเกียรติที่จะได้อยู่เหนือนักเรียนทุกคนไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งถ้าเทียบกับเจ้าชายสลิธีรินที่คิมจงอินคิดว่าตนเองรู้จักดีนั้น นี่นับว่าผิดปกติวิสัยของเซฮุนมาก แต่เขาก็ไม่เห็นอารมณ์ใดมากไปกว่าสีหน้าเรียบเฉยที่อีกฝ่ายแสดงออกมาขณะมองดูการมอบเข็มกลัด
หลังจากนั้นศาสตราจารย์เดอนีโรยังคงพูดต่อ ความพิเศษที่ว่ายังไม่ถูกเฉลยออกมา แต่หลายคนก็คาดเดากันไปต่างๆ นานา หนึ่งในนั้นรวมถึงการประลองเวทระหว่างโรงเรียนซึ่งเคยจัดขึ้นทุกๆ ห้าปี และถูกยกเลิกไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนเพราะการเถลิงอำนาจของจอมมาร
“ฉันมีความยินดีที่จะแจ้งว่า ในปีนี้ฮอกวอตส์ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการประลองเวทไตรภาคีซึ่งเวียนกลับมาอีกครั้ง นี่แน่ะนักเรียนที่รัก พวกเธอบางคนคงจะเคยได้ยินชื่อของมันมาบ้าง แต่ฉันเชื่อว่านักเรียนส่วนใหญ่ในที่นี้คงไม่รู้จักงานประลองสุดแสนจะน่าตื่นเต้นและอันตรายนี้ใช่หรือเปล่า”
เสียงฮือฮาระลอกใหญ่ดังก้องทั้งห้องโถงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงเซ็งแซ่เมื่อนักเรียนทั้งสี่บ้านต่างหันหน้าเข้ามากันเพื่อคุยเรื่องงานประลองเวทมากปริศนาในครั้งนี้ จงอินและแทมพากันหันไปหาคีย์โดยอัตโนมัติ พวกเขาคาดหวังว่าคงได้คำตอบจากเพื่อนผู้ไวต่อข่าวสารคนนี้อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นสองเดือนก็ถึงกำหนดการที่งานประลองเวทไตรภาคีจะเริ่มขึ้น บรรดานักเรียนฮอกวอตส์ต่างนั่งรวมอยู่ในห้องโถงเช่นเดียวกับวันเปิดภาคเรียน คราวนี้โรงเรียนถูกประดับประดาสวยงามเป็นพิเศษ ก่อนหน้าฟ้ามืดในวันนั้นนั่นเอง รถม้าเทียมด้วยม้ามีปีกพันธุ์พาโลมิโนสีทองก็มาถึงพร้อมกับเรือลำใหญ่ซึ่งโผล่ขึ้นจากใต้น้ำ คณะเดินทางของอีกสองโรงเรียนในไตรภาคีได้มาถึงแล้ว
คิมจงอินแทบหยุดหายใจเมื่อได้เห็นการเยื้องยาตรราวกับเริงระบำและกลิ่นหอมฟุ้งของคณะนักเรียนจากวิทยาลัยเวทมนตร์โบซ์บาตง ซึ่งคาดว่าเป็นโรงเรียนเวทมนตร์ที่ตั้งอยู่บนส่วนใดส่วนหนึ่งในเทือกเขาพิเรนีส ในบรรดาตัวแทนทั้งสิบสองคนมีจำนวนหญิงมากกว่าชาย สวมชุดเครื่องแบบทำจากผ้าไหมสีฟ้าอ่อน ผิวกายขาวสะอาด ท่วงท่าสง่างามและปราดเปรียว
ตามด้วยการเปิดตัวอย่างฮึกเหิมและเต็มไปด้วยสะเก็ดไฟจากเวทมนตร์ของคณะนักเรียนจากสถาบันเดิร์มสแตรงก์ ท่าทีองอาจผ่าเผยถูกเสริมด้วยชุดสีแดงสดและเสื้อคลุมซึ่งทำมาจากขนสัตว์ ทั้งสีหน้าและสายตาจากนักเรียนโรงเรียนนี้เต็มไปด้วยความขึงขัง คีย์บอกว่าอันที่จริงเดิร์มสแตรงก์เองก็เป็นโรงเรียนสหศึกษา แต่ที่คิมจงอินเห็นตอนนี้มีเพียงผู้ชายเท่านั้น
มาดามมักซีมจากโบซ์บาตงและคาร์คารอฟจากเดิร์มสแตรงก์ อาจารย์ใหญ่ของทั้งสองโรงเรียนตรงเข้าจับมือทักทายกับศาสตราจารย์เดอนีโรและร่วมพิธีเปิดการประลองเวทไตรภาคีด้วยความยินดี สำหรับจงอินดล้วค่อนข้างน่าเสียดายที่ในปีสุดท้ายนี้เขาจะไม่ได้แข่งขันควิดดิช ถึงอย่างนั้นคีย์กับแทมก็เชียร์ให้ใส่ชื่อเข้าร่วมการคัดเลือกตัวแทนของโรงเรียนแทนอยู่ดี
การคัดเลือกตัวแทนประลองจะขึ้นอยู่กับถ้วยอัคนี ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลเรืองแสงสีเงินสวยงาม ตั้งอยู่กึ่งกลางคาถาเส้นอายุซึ่งจะอนุญาตให้ผ่านได้เฉพาะผู้ที่มีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้วเท่านั้น นั่นหมายความว่านักเรียนที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันจะจำกัดอยู่แค่ที่นักเรียนปีเจ็ด มีระยะเวลาในการหย่อนชื่อเข้าร่วมการคัดเลือกเพียงยี่สิบสี่ชั่วโมง และท้ายที่สุดแล้วถ้วยอัคนีจะเลือกตัวแทนแค่โรงเรียนละหนึ่งคนเท่านั้น ผู้เข้าร่วมการประลองเวทไตรภาคีจะได้รับทั้งชื่อเสียงและเกียรติยศ อีกทั้งหากสามารถคว้าชัยชนะได้ ยังได้รับเงินรางวัลจำนวนถึงหนึ่งพันเกลเลียนจากกระทรวงเวทมนตร์
หลังจากใช้เวลาคิดค่อนคืนว่าจะหย่อนชื่อลงไปในถ้วยอัคนีเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกด้วยหรือไม่ ในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่ในห้องโถงตอนกลางดึกโดยไม่รู้ตัว
เข้าร่วมไปก็มีแต่จะยุ่งยากเสียเปล่าๆ เสียงหนึ่งค้าน แต่หากทำได้ละก็ อนาคตคงโรยด้วยกลีบกุหลาบแน่ๆ อีกเสียงหนึ่งลุกขึ้นสู้
“นายเองก็สนใจการประลองแบบนี้ด้วยหรือ”
จงอินชะงัก ไม่ต้องหันกลับไปมองต้นเสียงก็พอจะจำได้ว่าใคร อุตส่าห์แอบหนีมายืนคิดคนเดียวตอนดึกๆ ดื่นๆ แล้ว ยังอุตส่าห์มีคนตามมากวนใจจนได้ “เรื่องของฉันน่า”
เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจโอเซฮุนซึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ หน้าเส้นกั้นอายุที่ศาสตราจารย์เดอนีโรขีดล้อมรอบถ้วยไตรภาคีเอาไว้ อีกฝ่ายอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีดำและกางเกงผ้าสำหรับใส่นอน พอลองได้มองใกล้ๆ อย่างนี้แล้ว จงอินก็เพิ่งสังเกตว่าเซฮุนซูบเซียวลงกว่าที่ได้เจอกันก่อนหน้านี้พอสมควร ไม่รู้ว่าคนอย่างหมอนี่ไปคิดหรือทำอะไรมา แต่ก็ใช่ว่าเขากำลังรู้สึกเป็นห่วงเสียเมื่อไร
“นายเองก็เถอะ คิดจะเข้าร่วมประลองด้วยหรือไง”
ขืนโอเซฮุนหย่อนชื่อลงไป ขี้คร้านคนอื่นจะหมดลุ้นกันพอดี
“ฉันไม่ชอบอะไรยุ่งยากอย่างนั้นหรอก” เซฮุนตอบ “แต่ถ้านายหย่อนชื่อลงไป ฉันก็จะเอาด้วย”
“หา? เพื่ออะไรกัน ฉันจะเข้าประลองหรือไม่ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับนายสักหน่อย” กัปตันแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ขมวดคิ้ว พอเป็นเรื่องของเขาแล้วผู้ชายคนนี้มักจะชอบทำตัวประหลาดจนเข้าใจได้ยาก ขนาดตำแหน่งประธานนักเรียนยังปฏิเสธไปหน้าตาเฉย แล้วจะเอาตนเองเข้าเสี่ยงอันตรายเพียงเพราะเขาหย่อนชื่อลงไปหรืออย่างไร “ไร้สาระชะมัด”
สิ้นคำนั้น มือของเขาถูกกุมเอาไว้ นัยน์ตาสีเข้มที่มักจะล่อหลอกและกวนประสาทฉายแววจริงจังในแบบที่คิมจงอินไม่สามารถรับมือได้ไม่ว่าครั้งใดก็ตาม ปลายนิ้วหัวแม่มือลูบไล้บนหลังมือเขาเบาๆ ก่อนริมฝีปากบางเฉียบจะเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มจับใจ
“การประลองเวทไตรภาคีอันตรายกว่าที่คิด อัตราการเสียชีวิตในอดีตก็ใช่จะเป็นศูนย์ เพราะอย่างนั้นฉันถึงไม่อยากให้นายเข้าร่วมนักหรอก”
“...” จงอินหลุบสายตาหนีไปอีกทาง ความเป็นห่วงแบบนี้เขาไม่ต้องการเลยสักนิด “ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
“แล้วนายแข็งแกร่งแค่ไหนกันล่ะ” กัปตันสลิธีรินเลิกคิ้ว ไม่พูดเปล่ายังโยนกระดาษเขียนชื่อของตนเองลงไปในถ้วยอัคนีต่อหน้าต่อตาคู่แข่งต่างบ้านอีกต่างหาก “ถ้าแกร่งกว่าฉัน ถ้วยก็คงจะเลือกนาย”
เห็นอย่างนั้นจงอินจึงรีบโยนชื่อของตนเองลงไปในถ้วยบ้างเพราะไม่ต้องการถูกหักหน้า อย่างไรเสียเขาก็คิดจะเข้าร่วมการประลองเวทไตรภาคีอยู่แล้ว ถ้าในที่สุดถ้วยอัคนีเลือกคิมจงอินไม่ใช่โอเซฮุน ซีกเกอร์คนเก่งแห่งบ้านกริฟฟินดอร์คงจะพอเชิดหน้าชูคอเย้ยเจ้าชายสลิธีรินจอมอวดเก่งได้บ้าง
“เราสองคนนี่แข่งกันไม่รู้จบเลยนะ” อีกคนหัวเราะเบาๆ “ปีสุดท้ายแล้วแท้ๆ”
“นายท้าทายฉันเองไม่ใช่หรือไง” เขาแยกเขี้ยว
น่าแปลกที่มือของจงอินยังถูกกุมเอาไว้ไม่ปล่อย หลายต่อหลายครั้งเขาก็ไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละว่าโอเซฮุนคิดอะไรอยู่ ขึ้นๆ ลงๆ เดาใจได้ยาก เดี๋ยวก็วู่วามเหมือนกับพายุ แต่เดี๋ยวก็สงบนิ่งจนเหมือนมีคลื่นใต้น้ำคอยดูดลงไป เมื่อไรที่เป็นอย่างหลัง ผู้แพ้มักจะเป็นเขาซึ่งไร้ทางสู้ด้วยทุกทีไป
จงอินอยากถามว่าทำไมเซฮุนถึงไม่รับตำแหน่งประธานนักเรียน อีกทั้งยังปล่อยให้ผ่ายผอมลงจนแม้แต่เขาที่ไม่อยากจะสนใจยังดูออกได้ ผมสีดำสนิทถูกปล่อยปรกหน้าเป็นทรงธรรมชาติ ยิ่งทำให้เจ้าชายบ้านงูดูอ่อนระโหยโรยแรงยิ่งกว่าทุกที หากเทียบกับเมื่อตอนก่อนปิดเทอมครั้งล่าสุดแล้ว เขาคิดว่าเซฮุนดูมีชีวิตชีวากว่าตอนนี้มากทีเดียว
มันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า... อะไรในชีวิตของคุณชายแห่งตระกูลเลือดบริสุทธิ์ซึ่งคงแตกต่างออกไปจากโลกที่คิมจงอินรู้จัก
“นาย --”
“ฉันยังไม่อยากกลับหอนอนเลย”
พอรวบรวมความกล้าจะถามออกไป อีกฝ่ายกลับตัดบทเสียดื้อๆ
“ไปดูดาวกันดีไหม?”
ถึงจะปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่อยากใช้เวลาครึ่งค่อนคืนไปกับศัตรูตัวฉกาจ แต่สุดท้ายแล้วกัปตันหัวแข็งแห่งกริฟฟินดอร์ก็ถูกถูลู่ถูกับมาจนถึงชั้นดูดาวบนหอคอยจนได้ ปกติแล้วที่นี่จะถูกกันเป็นบริเวณต้องห้าม นักเรียนที่ไม่ได้อยู่ในคาบดาราศาสตร์ไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาใช้ตามใจชอบ แต่คนอย่างคิมจงอินหรือว่าโอเซฮุนก็ใช่ว่าจะสนใจกฏเกณฑ์มากมายในโรงเรียนนี้อยู่แล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจำใจใช้เวลาอยู่กับเซฮุนในยามวิกาล แต่เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ได้อยู่สองต่อสองหลังจากรู้ความในใจอีกฝ่าย
ถ้าเทียบกับตอนที่ยังเถียงกันจะเป็นตาย จงอินรู้สึกว่าตนเองเจอโอเซฮุนน้อยลงอย่างรู้สึกได้ จะด้วยวาระโอกาส ความสนใจ หรือภาพในหัวที่มีคนคนนี้มาวิ่งเล่นบ่อยขึ้นก็ดี แต่เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มผู้ไม่ประสาเช่นในอดีตอีกแล้ว สิ่งใดที่เด่นชัดขึ้น ย่อมต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกับความหงุดหงิดที่ค่อยๆ เจือจางลง จะให้ดันทุรังหลอกตัวเองว่าเกลียดกันต่อไปก็ทรมานใจเปล่าๆ
เพียงแต่ยังทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้ยากก็เท่านั้น
“คิมจงอิน”
ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อมือขาวซีดทาบลงบนข้างแก้ม จับใบหน้าเขาให้หันไปหาในระดับสายตา
“ชวนขึ้นมาดูดาวแท้ๆ อย่าเอาแต่มองพื้นแบบนั้นสิ”
จงอินเบือนหน้าหนี อย่างไรก็ไม่ได้มีอารมณ์อยากดูดาวแต่แรกอยู่แล้ว “อย่ามายุ่งน่า”
“น่าเสียดายนะที่ปีนี้เราไม่ได้เล่นควิดดิชด้วยกัน”
เซฮุนชวนคุยเรื่อยเปื่อย ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับที่เขานึกเสียดายมาตั้งแต่วันที่อาจารย์ใหญ่ประกาศว่าจะมีการประลองเวทไตรภาคี อาจเพราะไม่เคยมีโอกาสได้เห็นว่ามันเป็นงานเช่นไร ยิ่งใหญ่แค่ไหน และควรค่าพอจะมาแทนที่การแข่งขันควิดดิชที่เขาแสนรักจริงหรือไม่ เช่นนี้แล้วก็เหมือนคิมจงอินได้ทำหน้าที่กัปตันทีมแค่ปีเดียวเท่านั้น
“แค้นหรือไงที่ปีที่แล้วถูกฉันเอาชนะได้” พอสบโอกาสได้เย้ยก็ต้องคว้าเอาไว้ ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าอีกคนคงไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดพรรค์นี้ก็ตามที
“คงจะอย่างนั้น” ซีกเกอร์บ้านสลิธีรินเหยียดยิ้ม “ถึงยังไงฉันก็ชนะมากกว่านายหนึ่งครั้ง แบบนี้คงคุ้มแล้วกระมัง”
ได้ยินเช่นนั้นเจ้าของผิวสีแทนก็เบ้ปาก กลายเป็นโดนข่มกลับเสียได้
“ถ้าปีนี้ควิดดิชไม่ถูกยกเลิกละก็” จงอินเง้างอดไปตามประสา เพราะไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรเมื่อต้องยอมรับว่าตนเองแพ้ให้กับเซฮุนจริงอย่างที่เจ้าตัวว่า เขาคว้าลูกสนิชได้ก่อนสลิธีรินในปีที่สามและหก ส่วนนอกเหนือจากนั้น โอเซฮุนล้วนเป็นฝ่ายกำชัยทั้งสิ้น
“หลังเรียนจบแล้ว นายยังจะเล่นควิดดิชหรือเปล่า”
“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเข้าทีมแมกไพส์” เขาตอบ ในหัวก็นึกไปถึงมอนโทรส แมกไพส์ ทีมควิดดิชซึ่งประสบความสำเร็จมากที่สุดของเกาะบริเตนและไอร์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นแชมป์ยุโรปสองสมัย เขาอยากตามรอยยูนิส มารี่ ซีกเกอร์ในดวงใจ ผู้ยื่นคำร้องให้กองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์เพิ่มความเร็วของลูกสนิชเพราะมันช้าเกินไป “แล้วนายล่ะ ยังคิดเล่นควิดดิชอยู่ไหม”
ในแง่นักกีฬาแล้ว จะด้วยฝีมือการขี่ไม้กวาดที่ไม่น้อยหน้าหรือกลยุทธ์อันยอดเยี่ยมในการแข่งก็ดี แต่โอเซฮุนก็คือซีกเกอร์ตัวฉกาจที่สามารถเอาชนะเขาได้ถึงสามในห้าครั้ง
“คงไม่...”
จงอินอาจจะคิดไปเองก็ได้ว่าเสี้ยวหน้าของเจ้าชายสลิธีรินเศร้าสร้อยลงถนัดตา
“ฉันคิดว่าคงไม่ได้เล่นควิดดิชอีกแล้ว”
ทั้งที่คำตอบนั้นสุดแสนจะธรรมดา มีนักกีฬาควิดดิชส่วนน้อยที่คิดจะเอาดีทางด้านนี้ต่อแม้ว่าจะเรียนจบไปแล้ว ถึงกระนั้นคิมจงอินก็เป็นแค่ผู้ชายจุดเดือดต่ำที่อ่อนหัดเกินกว่าจะทนเก็บความสงสัยไว้ในใจได้ เขาคิดว่าเซฮุนแปลกไป – แปลกเกินกว่าจะสามารถมองผ่านและเมินเฉยต่อบรรยากาศรอบตัวอีกฝ่ายได้
“โอเซฮุน เกิดอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่า”
ดวงหน้าขาวซีดผินกลับมามองเขา จากนั้นจึงแย้มรอยยิ้ม “เป็นห่วงฉันหรือ”
“ไม่มีทาง” เขาชิงปฏิเสธคำโต ให้ถูกหาว่าสอดรู้ยังจะดีเสียกว่า
คนถูกสงสัยขยับเอียงตัวมาทางเขา ยกมือขึ้นเท้าคางในท่านั่งไข้ว้ขาแล้วเอ่ยกระเซ้าด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เพทุบาย “ถ้าคิมจงอินยอมรับว่าชอบโอเซฮุน ข้าพเจ้าจะยอมตอบทุกคำถามโดยไม่มีข้อแม้”
โอ๊ย เคราเมอร์ลิน! ไอ้คำพูดแบบนี้มัน --
“โอเซฮุนจะรอดพ้นจากสิ่งที่เขาทุกข์ใจหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายแล้วนะ”
คนถูกอ้างอิงอ้าปากพะงาบ ให้ยอมรับกับอะไรแบบนั้นก็เหมือนถูกกรีดเลือดจนหมดตัวชัดๆ เขามันบ้าเองที่นึกห่วงหมอนี่ บ้าที่เผลอใจอ่อน แสดงเยื่อใยออกไปทั้งที่เคยปรามาสว่าขออยู่คนละซีกโลกด้วยซ้ำ เจ้ากัปตันสลิธีรินนิสัยได้คืบจะเอาศอก ในเมื่อทำตัวมีลับลมคมในนักก็ให้ทุกข์ใจตายไปเพียงลำพังแล้วกัน ส่วนเขาจะขอเฝ้าจับผิดหากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
“เจ้าหนวดปลาหมึกเอ๊ย...” จงอินบ่นพึมพำ กระนั้นกลับทำให้เจ้าหนวดปลาหมึกที่ว่ารู้สึกดีขึ้นโข
ไม่ทันไรใบหน้าของเขาก็ถูกจับให้หันไปหาอีกครั้ง ก่อนรสจูบหนักๆ จะทาบทับลงมาจนทั้งร่างเสียหลักเอนลงกับพื้นยกระดับบนหอดูดาวที่อาศัยนั่งอยู่ ปลายลิ้นชื้นแทรกซึมเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ทั้งไล้ ทั้งเลีย กวาดต้อนเอาความแข็งกระด้างที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้ให้หายไปจนสิ้น รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีศอกยันข้างหลังเอาไว้ ส่วนคนตรงหน้าทาบตัวเข้ามาใกล้ ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวที่ไม่อาจคุ้นชินได้สักที
“อย่างนั้นก็ปลอบใจกันหน่อยสิ” เสียงพร่ากระซิบบอกข้างหู ส่วนปลายจมูกไล้ลงจากข้างแก้มลงไปถึงสันกราม “พอถูกทำใจแข็งใส่เรื่อยๆ ฉันก็อ่อนไหวเหมือนกันนะ”
“พูดจาไร้สาระสิ้น --”
พูดไม่ทันจบก็ถูกฉวยจูบรอบที่สองไปจนได้ เป็นอย่างนี้ทุกที ต่อให้จะพยายามตอบโต้หรือตอกคำว่าไม่ใส่หน้าไปกี่ครั้ง แต่ผู้ชายคนนี้ก็ถนัดการทำลายจังหวะ พังความตั้งใจของเขาและรุกล้ำเข้ามาโดยไม่สนว่าคิมจงอินจะยินยอมหรือไม่ สุดท้ายแล้วความชาชินก็สั่งให้ร่างกายผู้ถูกกระทำเป็นฝ่ายโอนอ่อน จนกระทั่งมืออุ่นๆ สัมผัสเข้ากับผิวเอวใต้ผิวเสื้อ จงอินถึงได้สะดุ้งและเรียกสติกลับมาอีกครั้ง
“มันจะมากเกินไปแล้ว --” เขาผลักแผ่นอกคนตรงหน้า ถึงอย่างนั้นลมหายใจก็ยังโดนฉกฉวยด้วยการจูบสลับกับผละออกเพื่อหอบหายใจ บรรยากาศบนนหอดูดาวตอนกลางดึกนั้นเงียบสงัด บนฟ้ามีเพียงดวงดาวนับไม่ถ้วนทอประกาย หาได้มีสายตาคู่ใดกำลังจับจ้องมองมาให้ต้องรักษาสถานภาพคู่อริในสายตาของชาวฮอกวอตส์เอาไว้ “เซฮุน...!
ร่างสีแทนถูกดันจนแผ่นหลังราบกับพื้นเย็นเยียบ ริมฝีปากบวมเจ่อพ่นลมหายใจหอบถี่
“หนวดปลาหมึกฟังภาษาพ่อมดไม่ออกหรอก” เจ้าสัตว์ประหลาดงี่เง่าพูดกวนประสาท “มิหนำซ้ำพอเห็นคิมจงอินทำตัวน่ารักแล้วยังความอดทนต่ำเสียด้วย”
“อะไรนะ...”
ได้ยินอย่างนั้นจงอินก็หน้าแดงก่ำ ออกแรงผลักอีกฝ่ายมากขึ้นเพื่อจะได้ยันตัวเองให้ลุกหนีได้ ทว่าต้นขากลับสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างระหว่างขาร่างข้างบน อะไรที่ทำให้โอเซฮุนพรูลมหายใจแรงขึ้นทั้งยังไม่อาจหลบซ่อนใบหูแดงระเรื่อ พอเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรแล้วกัปตันบ้านสิงโตจึงร้อนวาบไปทั้งตัว มือที่ดันทุรังได้จนถึงเมื่อครู่ถึงกับอ่อนปวกเปียกเพราะทำอะไรไม่ถูก ภาพที่ตนเองถูกล่วงเกินในห้องน้ำพรีเฟ็คเมื่อตอนปีห้าแล่นวาบเข้ามาในห้วงคิด
อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าโอเซฮุนชอบเขามาแต่แรกจริงๆ เป็นไปได้ว่าหลังจากเหตุการณ์นั้น... หมอนี่ก็รู้สึกอะไรกับเขาเหมือนอย่างตอนนี้หรือเปล่า
ความคิดของเด็กหนุ่มวัยสิบห้าและสิบเจ็ดปีช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คิมจงอินอยากกัดลิ้นตนเองเพื่อหยุดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นและถีบอีกฝ่ายให้กระเด็นออกไปไกลๆ อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหยิบเอาไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาร่ายคำสาปแล้ว ใช่ จะสลัดคนคนนี้ให้หลุดก็มีแต่ต้องทำเช่นนี้เท่านั้น
“แย่แล้วสิ...” เซฮุนแค่นยิ้มเฝื่อน
ให้ตายเถอะเมอร์ลิน
“ฉันเกลียดนาย...”
เกลียดสุดขั้วหัวใจ
สะพานข้ามหุบเหวสู่ประตูทางเข้าของโรงเรียนพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ บัดนี้ปรากฏร่างพ่อมดสามคนซึ่งหายตัวมาจากที่ใดก็เดาได้ไม่ยาก เมื่อตราสัญลักษณ์บนอกซ้ายของเสื้อโค้ตสีแดงปักสัญลักษณ์หน่วยงานเอาไว้เด่นชัด
กระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลถูกวางไว้บนพื้นหิน จากนั้นชายผู้มีส่วนสูงมากที่สุดในสามคนจึงล้วงบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อโค้ตออกมาจุดสูบ ดวงตาสีดำสนิททอดมองสถานที่ตรงหน้า ผ่านมาหนึ่งปีกว่า ฮอกวอตส์คงยังเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว
“น่าตื่นเต้นชะมัด เราไม่เคยได้เข้าโรงเรียนทางนี้เลย” เจ้าของผมสีบลอนด์ว่า หันไปถามความเห็นคนที่เอาแต่ยืนสูบบุหรี่ก็เงียบ มีแต่ชายร่างเล็กทางด้านหลังเท่านั้นที่สนใจจะเอ่ยตอบ
“ลูคัส อย่าทำให้ฉันดูเหมือนพี่เลี้ยงเด็กไปมากกว่านี้ได้ไหม”
ได้ยินเช่นนั้น ลูคัส ทิลก็ทำเป็นยิ้มล้อเลียน “แล้วคุณไม่ตื่นเต้นหรือไงครับ ในเมื่อคุณก็จบจากฮอกวอตส์เหมือนเราสองคน”
“แค่ทางเข้าโรงเรียน ฉันไม่ตื่นเต้นเหมือนตอนเป็นนักเรียนปีหนึ่งหรอกน่า” คนถูกถามกลับกระแอมไอวางท่า เพราะเป็นมือปราบมารอีกทั้งยังเป็นรุ่นพี่เจ้าเด็กโข่งสองคนนี้ตั้งสามปี ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ บยอนแบคฮยอน อดีตพรีเฟ็คและนักเรียนดีเด่นจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟจะหลุดทำตัวให้เล่นหัวได้เด็ดขาด “เฮ้ ซีวาย ไปกันได้แล้ว”
ปาร์คชานยอลมองเพื่อนรักของตนและรุ่นพี่ในหน่วยงานซึ่งรับหน้าที่ผู้ดูแลมือปราบมารฝึกหัดในภารกิจนี้ก่อนจะพ่นควันออกปาก จากนั้นจึงทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นและจัดการเก็บกวาดมันด้วยไม้กายสิทธิ์ฮอลลี่คู่ใจ ซึ่งเป็นการใช้เวทมนตร์คาถาที่แบคฮยอนมักจะบ่นว่าไร้ค่าเป็นที่สุด
“นี่เป็นแค่งานเฝ้าระวังง่ายๆ ก็จริง แต่มันส่งผลถึงการประเมินของพวกนายด้วย”
“ต้องเฝ้าระวังในเรื่องที่เกี่ยวกับจอมมารเนี่ย ฟังดูไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คุณว่าเลยนะครับ” ชานยอลว่า
“ก็ยังดีกว่าให้พวกนายไปตามจับผู้เสพความตายแล้วกัน”
มือปราบมารรุ่นพี่หัวเราะเบาๆ อันที่จริงสำนักงานใหญ่มือปราบมารจะไม่ค่อยส่งเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติภารกิจเป็นจำนวนคี่ แต่เพราะสองคนนี้เพิ่งจะสอบบรรจุเข้ามาได้แค่หนึ่งปี ตามหลักแล้วยังไม่ถือว่าได้รับการรับรองให้เป็นมือปราบมารเต็มตัวด้วยซ้ำ ดังนั้นหัวกะทิอย่างเขาจึงถูกส่งมาคอยสอดส่องดูแลและให้ความช่วยเหลือตามแต่สมควร ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครชอบงานพี่เลี้ยงเด็กอย่างนี้หรอก
“เราเลิกเถียงกันเถอะครับ เดี๋ยวก็ถูกหาว่าทำตัวไม่โตหรอก” ลูคัสหัวเราะ พลางพยักพเยิดไปทางประตูเหล็กขนาดใหญ่ตรงหน้า “และเราก็มาถึงประตูแล้วด้วย ช่วยยืนยันให้ผมชื่นใจหน่อยสิครับว่าจดหมายถูกส่งมาให้ทางโรงเรียนก่อนหน้านี้แล้ว”
“ไม่มีใครเขาพลาดเรื่องสำคัญแบบนั้นหรอก” แบคฮยอนเอ็ด
ไม่ทันไร ประตูทางเข้าสถานที่อันแสนคุ้นเคยก็เปิดรับมือปราบมารทั้งสามเข้าสู่โรงเรียนเจ้าภาพในการประลองเวทไตรภาคีในที่สุด
-------------------------------------------
ถ้าจะโทษ ก็โทษคนที่ซบไหล่กันเถอะแฮร์รี่
ทีแรกก็ยังลังเล... เจอยังงี้เล่นอยากเขียนฉากดึงลิ้นเลย เห้อ
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช ค่ะ
ความคิดเห็น