คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 09 | WHAT A BEAUTIFUL PLACE TO BE WITH YOU
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 9 )
‘WHAT A BEAUTIFUL PLACE TO BE WITH YOU’
เรื่องฮือฮาในบ่ายวันพุธก็คือ คิมจงอินเกือบจะเสียมือขวาเพราะครัปเสียแล้ว!
ครัปเป็นสัตว์วิเศษที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์แจ็กรัสเซลล์เทอร์เรียร์ ตัวของมันไม่ใหญ่มาก ซ้ำยังเป็นมิตรกับบรรดาพ่อมดอย่างถึงที่สุด ถึงอย่างนั้นครัปก็เป็นนักเขมือบตัวยงที่กินทุกอย่างตั้งแต่ตัวโนมไปจนถึงยางรถยนต์เก่าๆ และชั่วโมงดูแลสัตว์วิเศษของนักเรียนชั้นปีหกนี่เองที่ครัปเกือบจะโชว์ความสามารถอันดุร้ายด้วยการกินมือของซีกเกอร์คนเก่ง ถ้าไม่เพียงแต่ศาสตราจารย์วิลเฮลมินา กรับบลี-แพลงก์จะช่วยหยุดมันเอาไว้ได้ทันท่วงที
“มีสติหน่อยคุณคิม ถึงฉันจะบอกว่าครัปเชื่องกับผู้วิเศษ แต่มันก็ถูกจัดว่ามีความอันตรายระดับสามดาวเชียวนะ!”
“ขอโทษครับ” เจ้าของผิวสีแทนกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ เมื่อสักครู่นี้เขาแค่กำลังป้อนอาหารครัป และไม่ทันรู้สึกตัวว่าอาหารหมดไปแล้ว เหลือก็แต่มือที่มีกลิ่นของโปรดของมันเท่านั้น
ศาสตราจารย์กรับบลี-แพลงก์ถอนหายใจ แต่ไหนแต่ไรคิมจงอินไม่เคยทำคะแนนวิชาของเธอได้แย่ แต่การที่นักเรียนสักคนจะใจลอยไม่อยู่กับตัวในคาบดูแลสัตว์วิเศษนั้นนับว่าอันตรายอย่างยิ่ง ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นแค่โบวทรัคเกิลตัวน้อยๆ ก็ตามที
“ให้คุณอีมาทำหน้าที่นี้แทนก็แล้วกัน” ศาสตราจารย์ตัดบท จงอินจึงส่งถังอาหารต่อให้แทมอย่างว่าง่ายแล้วเดินคอตกไปยืนรออยู่ทางด้านหลัง มีแค่ไม่กี่วิชาที่มักจะทำให้กัปตันทีมกริฟฟินดอร์คนล่าสุดกระตือรือร้นได้ จึงเป็นที่น่าแปลกใจว่าเหตุใดวันนี้เจ้าของผิวสีแทนถึงได้ทำตัวไร้ซึ่งความบ้าบิ่นอยากปราบพยศพวกสัตว์วิเศษผิดจากทุกที
“เฮ้ นายรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า” คีย์ถามด้วยความเป็นห่วง หากจงอินก็ส่ายศีรษะแทนคำตอบ “คือฉันคิดว่านายดูไม่ดีเท่าไรนะตอนนี้”
“อย่างนั้นหรือ” เขาตอบเสียงยานคาง
จงอินรอจนกระทั่งจบชั่วโมงเรียน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดตารางเรียนของปีหกถึงได้ทำให้มันน่าเบื่อหน่ายนัก หลังจากหวุดหวิดจะเสียมือเพราะครัป พวกเขายังต้องถ่างตาเรียนวิชาแปลงร่างอีกถึงสองคาบ แทมสอบว.พ.ร.ส.วิชานี้ได้แค่พอรับได้ ดังนั้นจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนต่อ เหลือแค่เขากับคีย์เท่านั้นที่จะได้เจอศาสตราจารย์มิเนอร์วา มักกอนนากัลระดับเข้มข้น
อันที่จริงวิชาแปลงร่างนั้นไม่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพที่เขาได้กรอกไปในแบบสอบถามตอนปีห้าเลย ถึงอย่างนั้นมันก็จำเป็นสำหรับวิชาชีพสำรองในกรณีที่ไม่ประสบความสำเร็จกับความฝันสูงสุด
หากสองคิ้วกลับต้องขมวดมุ่นเมื่อพบกลุ่มนักเรียนบ้านสลิธีรินกำลังเดินลงมาจากชั้นสอง สวนกับเขาที่กำลังจะไปยังห้องเรียนวิชาแปลงร่างตามตารางเรียนที่ถูกจัดสรรเอาไว้ ทันทีที่เอดิสัน หวงหันมาเห็น เจ้าหมอนั่นก็ทำหน้าไม้เบื่อไม้เมา ทำตัวเป็นลูกน้องที่แสนดีของโอเซฮุนด้วยการคิดหาคำพูดเจ็บๆ แสบๆ มาหาเรื่องคู่อริตัวฉกาจก่อนจะได้แยกย้ายแต่โดยดี
“เมื่อครู่นี้บ้านฮัฟเฟิลพัฟคุยกันสนุกปากว่ามีคนเกือบจะโดนครัปกินแขน นายคิดว่าหมอนั่นต้องทะเลอทะล่าแค่ไหนกันนะ เพอร์ซิวัล”
ไอ้หมอนี่... วอนเสียแล้ว จงอินกลอกตา หยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินแล้วหมุนตัวกลับไปหาเจ้าคนปากดีอย่างเอาเรื่อง
“อะไรที่มันค่อนข้างไร้สาระเนี่ย... แพร่ไวเสียจริงนะ อย่างกับเชื้อโรค”
เขาตอกเอดิสัน แต่เมื่อใครบางคนในกลุ่มนั้นหมุนตัวหันกลับมา ลมหายใจก็พลันกระตุกวูบเมื่อนึกถึงความทรงจำแย่ๆ กลางสนามควิดดิชในคืนก่อน เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เอาเข้าจริงแล้วถ้าไม่ได้สาปโอเซฮุนให้หายแค้นด้วยคำสาปหนองทะลัก คิมจงอินคงจะไม่สามารถลืมเลือนรสชาติของการขืนจูบหรือแม้กระทั่งสัมผัสอุ่นๆ ยามร่วมจับลูกสนิชด้วยกันได้โดยง่าย
“นายถูกครัปทำร้ายหรือ?” เซฮุนถาม คิ้วซึ่งเลิกขึ้นเล็กน้อยแสดงความแปลกใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ
จงอินไม่ตอบ แค่จะมองหน้าคนน่ารังเกียจให้เต็มตายังยากเสียเต็มประดา ดังนั้นอารมณ์คุกรุ่นจึงถูกสาดใส่เอดิสันซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ขึ้น จะท่าทางถือดีหรือปากคอเราะร้ายของชาวสลิธีรินก็ล้วนน่าหงุดหงิดทั้งสิ้น
“หมอนี่ก็คงซุ่มซ่ามเสมอต้นเสมอปลายนั่นแหละ ปีที่แล้วก็เด่นดังขึ้นมาจากเรื่องตกไม้กวาดนี่นา” เพอร์ซิวัลและนักเรียนชุดคลุมสีดำ-เขียวอีกสองสามคนหัวเราะครืน
“จงอิน ไปเถอะ มีเรื่องกับพวกนี้ไปก็เท่านั้น” คีย์กระตุกชายเสื้อคลุมเพื่อเรียกสติ หากเขาก็สะบัดแขนออก ยอมปล่อยให้สภาพจิตใจเหวี่ยงขึ้นลงอย่างไม่คิดหยุดตนเอง
“อย่าห้ามฉัน”
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ คิมจงอินแน่ใจว่าเขาเคยควบคุมสภาพอารมณ์ได้ดีกว่านี้มากเมื่อไม่มีสิ่งใดกวนใจ ทั้งที่เป็นบริเวณระเบียงชั้นหนึ่งซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน มิหนำซ้ำยังเสี่ยงว่าจะมีศาสตราจารย์สักคนมาเจอเหตุการณ์นี้ได้โดยง่าย แต่จงอินก็ยังบ้าบิ่นพอจะชักไม้กายสิทธิ์ออกจากเสื้อคลุมอย่างรวดเร็วและชี้ตรงไปข้างหน้า เล็งเป้าหมายเป็นเอดิสัน หวงที่ทำตัวอยู่ไม่สุข ถ้าได้สาปให้หมอนี่งอกฟันหน้าใหญ่ๆ จนพูดไม่ได้ไปสักครึ่งวันละก็คงสะใจพิลึก
“เด็นเซากีโอ”
“ระวัง!” เอดิสันกระเด็นไปข้างๆ ด้วยแรงผลักของโอเซฮุน หากก็ทำให้คาถาเบี่ยงสะท้อนไปหาเบ็นเน็กซี ฮาร์ปซึ่งยืนข้างหลังอยู่ดี ฟันกระต่ายของเบ็นเน็กซีงอกยาวขึ้นอย่างรวดเร็วจนเลยปลายคางลงไปอีก เห็นเช่นนั้นจงอินก็หงุดหงิด หวังจะให้เอดิสันรับโทษของการปากมากให้จงได้
“เอกซ์เปลล์ลิอาร์มัส” จงอินเบี่ยงหลบคาถาปลดอาวุธของเซฮุนได้อย่างหวุดหวิด เสียงฮือฮาโดยรอบเริ่มดังหนาหูว่าเกิดอะไรขึ้น “พอเท่านี้ดีกว่า คิมจงอิน”
“นี่นายกำลังห้ามฉันอยู่หรือไง” เขาทำหน้ายียวนใส่เจ้าชายสลิธีริน อย่างหมอนี่น่ะหรือคิดจะห้ามทัพระหว่างสองบ้าน ในเมื่อต้นเหตุที่ทำให้อารมณ์ของเขาบ้าดีเดือดล้วนมาจากคนตรงหน้าทั้งนั้น “นายกระโจนลงมาก็ดีแล้ว เฟอร์นันคูลัส!”
“อินคาเซอรัส”
เซฮุนจำต้องโต้กลับเพื่อลบคาถาของคิมจงอินก่อนจะถึงตัว แต่หลังจากนั้นจงอินก็ยังไม่หยุดความคิดที่จะเล่นงานอีกฝ่ายด้วยคำสาปทุเรศทุรังเท่าที่จะนึกขึ้นได้ ส่งผลให้บรรดานักเรียนคนอื่นๆ รวมถึงเอดิสันจำต้องวิ่งหนีกันชุลมุนเพราะกลัวโดนลูกหลงเหมือนอย่างเบ็นเน็กซีไปอีกคน ไม่เว้นแม้แต่คีย์ที่ทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ถ้าแทมอยู่ตรงนี้ด้วยคงพอช่วยหยุดเพื่อนที่กำลังลุกเป็นไฟให้สงบลงได้สักนิดก็ยังดี
“นายกำลังจะหาเรื่องให้เราถูกลงโทษ” คุณชายตระกูลโอคนดังพยายามกระโดดหลบ เป็นเรื่องยากที่จะเลี่ยงการโจมตีของจงอินได้โดยที่ไม่ต้องโต้กลับ เจ้าของผิวสีแทนเองก็ชักจะทำให้เขาเริ่มมีน้ำโหเสียแล้ว “เพ็ตตริฟิคัส โททาลัส”
“ไฟไนท์ อินคานทาเท็ม!”
หากทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงเปล่งคาถาลบล้างดังขึ้นจากริมฝีปากของศาสตราจารย์มิเนอร์วา มักกอนนากัลซึ่งยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่กลางกลุ่มนักเรียนที่ถอยหนีคำสาปกันจ้าละหวั่น จงอินจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดที่การทะเลาะวิวาทนี้ถูกบังคับหยุดลงอย่างช่วยไม่ได้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน คุณคิม คุณโอ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก้าวเท้าขึ้นมาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างคนก่อปัญหาทั้งสอง “พวกเธออยู่ปีหกแล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
ไม่มีใครให้คำตอบศาสตราจารย์ได้ ถึงจะบอกว่าเพราะถูกเอดิสัน หวงหาเรื่องก็คงฟังไม่ขึ้นอีกอยู่ดี ถึงอย่างนั้นเจ้าคนในความคิดกลับร้องแหวขึ้นอย่างน่าหมั่นไส้
“คิมจงอินเริ่มเสกคำสาปใส่เราก่อนครับ!”
ได้ยินดังนั้นจงอินก็หันไปถลึงตาใส่เจ้าโง่ปากมาก นึกแค้นใจว่าน่าจะร่ายคาถาโดนหมอนั่นบ้างสักอย่างก็ยังดี
“จริงหรือคุณคิม”
เขาหลุบตาลงมองพื้น มือที่ทิ้งอยู่ข้างตัวกำหมัดแน่นเพราะไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้
“นั่นเพราะพวกผมยั่วโมโหเขาก่อนครับ”
หากโอเซฮุนก็พูดแทรกขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนอย่างทุกที นั่นทำให้เอดิสันอ้าปากค้าง แม้แต่เพอร์ซิวัลหรือคนอื่นๆ ในกลุ่มนักเรียนบ้านสลิธีรินก็ยังแปลกใจจนทำตัวไม่ถูก ไม่มีเหตุผลอะไรที่เจ้าชายคนดังของบ้านงูจะต้องออกตัวรับผิดครึ่งหนึ่งเช่นนี้เลย เพราะนอกจากมันจะผิดวิสัยของเซฮุนแล้ว ยังส่งผลให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลขมวดคิ้ว สูดลมหายใจลึกแล้วประกาศเสียงดังกังวาน
“อย่างนั้นก็หักคะแนนกริฟฟินดอร์และสลิธีรินบ้านละยี่สิบแต้ม” บรรดาเด็กสลิธีรินโอดครวญ ส่วนคีย์และนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ที่ได้แต่ดูเหตุการณ์ก็พากันตบหน้าผากเสียดาย “ส่วนเธอสองคนที่ทะเลาะวิวาทกันในอาคารเรียน ขอสั่งกักบริเวณเป็นจำนวนสามสิบชั่วโมง! หลังเลิกเรียนวันนี้ให้มาพบฉันที่ห้องด้วย”
พูดจบ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็สะบัดชายเสื้อคลุมแล้วเดินขึ้นบันไดชั้นสองเพื่อเริ่มสอนคาบต่อไป คีย์รีบถลาเข้ามาหาเพื่อนตัวปัญหาก่อนจะชกต้นแขนเสียเต็มแรง
“เป็นไงเล่า! สาแก่ใจนายดีไหมแบบนี้”
จงอินถอนหายใจ เขามันบ้าที่รู้ทั้งรู้ว่าทำแบบนี้แล้วจะต้องทำให้บ้านโดนตัดคะแนนไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปล่อยให้อารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านเข้าครอบงำจนเริ่มลงไม้ลงมือใส่ศัตรูอย่างขาดสติ ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำให้กัปตันบ้านสิงโตรู้สึกใจเย็นลงแต่อย่างใด กลับกันแล้วเขายิ่งไม่สบอารมณ์ที่เอดิสันรอดไปได้ มิหนำซ้ำยังสู้กับโอเซฮุนโดยไม่รู้ผลแพ้ชนะ แล้วแบบนี้จะให้หายเคืองใจได้อย่างไร
“ขอโทษที เอาไว้จะหาคะแนนคืนมาให้” ชายหนุ่มบอกปัด มองเจ้าคนน่ารังเกียจที่แยกย้ายไปกับกลุ่มบ้านสลิธีรินด้วยหางตาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงเดินนำเพื่อนสนิทก้าวขึ้นบันไดไปเงียบๆ
และเหตุการณ์ในวันนี้เองก็นำมาซึ่งสมญานามใหม่ของคิมจงอินในเวลาต่อมา ดุกว่าครัป
คิมจงอินถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องถ้วยรางวัลบนชั้นสามเพื่อพบว่ามีใครอีกคนมาถึงก่อนหน้าเขาได้สักพักแล้ว ทันทีที่หันมาเห็น โอเซฮุนก็ฉีกรอยยิ้มบางก่อนจะวางกรอบรูปทีมควิดดิชบ้านสลิธีรินในการครองแชมป์ประจำปีหนึ่งเก้าแปดหกลงบนชั้นตามเดิม เนกไทสีเขียวสลับเงินไม่ได้รั้งติดคอเหมือนอย่างทุกครั้ง รวมถึงแขนเสื้อเชิ้ตก็ถูกถกขึ้นจนถึงศอกเพื่อให้สะดวกต่อการทำความสะอาดซึ่งเป็นบทลงโทษระหว่างกักบริเวณในครั้งนี้
เขาปลดเนกไทสีแดงสลับเหลืองของตนให้หลวมขึ้นบ้าง ผ้าเปียกหมาดๆ และถังน้ำในมือถูกหิ้วเข้าไปวางไว้ยังอีกมุมหนึ่งของห้อง การบำเพ็ญประโยชน์จนครบสามสิบชั่วโมงไม่ใช่บทลงโทษที่น่าอภิรมย์สักเท่าไร จงอินเริ่มลงมือเช็ดถ้วยรางวัลและกรอบรูปบนชั้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาอยากให้เวลาผ่านไปไวๆ จะได้แยกย้ายกันสักที ไม่คิดดีใจเลยสักนิดที่หมอนี่ยอมออกตัวรับผิดครึ่งหนึ่ง เพราะนั่นหมายถึงการที่เขาต้องใช้เวลาร่วมกับเจ้างี่เง่าตระกูลโออย่างน้อยก็หนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดสติชั่วครู่ชั่วยามแท้ๆ
“ฉันพอจะเข้าใจแผนของนายแล้ว”
“หุบปาก” เขาขัดเซฮุนขึ้นทันทีโดยไม่สนว่าเรื่องอะไร
“ที่แท้ก็วางแผนหาเวลาส่วนตัวให้เราหรอกหรือ” แค่ได้ยินเสียงก็อารมณ์เสียแล้ว ช่วยทำหน้าที่ของตนเองไปเงียบๆ มันจะตายหรือไงกัน “ถึงไม่ต้องทำอย่างนี้ ฉันก็เต็มใจอยู่กับนายทุกเมื่อแหละน่า”
“ไปตายซะ”
จงอินหันไปแยกเขี้ยว เห็นโอเซฮุนกำลังเช็ดถ้วยรางวัลพลางหัวเราะเบาๆ ราวกับมีความสุขนักหนา “อย่าเพิ่งรีบอกแตกตายไปเสียก่อนล่ะที่รัก นี่ยังไม่ครบชั่วโมงแรกของการกักบริเวณด้วยซ้ำ”
คนฟังขมวดคิ้ว แล้วจึงแน่ใจว่าการไม่ต่อปากต่อคำกับคำยียวนของอีกฝ่ายคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการต้องทนอยู่ร่วมกันถึงสามสิบชั่วโมง หลังจากเจอคีย์และแทมเทศนาตลอดช่วงมื้อเย็นที่ผ่านมา จงอินก็ตัดสินใจว่าจากนี้ไปเขาจะพยายามต่อสู้ด้วยความเงียบและไม่เอาตัวเข้าไปใกล้คนอันตรายอย่างหมอนี่เป็นอันขาด และถ้ามีโอกาสแม้แต่เพียงน้อยนิดก็จะขอแอบร่ายคำสาปใส่ให้หนำใจ
การไม่เกี่ยวข้องกับโอเซฮุนเป็นเรื่องฉลาดที่สุด คีย์ว่าเอาไว้เช่นนั้น พูดโดยที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าคิมจงอินถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีไปแล้วอย่างไรบ้าง จึงเกลี้ยกล่อมเขาไม่ให้คิดแค้นใจแล้วหาเรื่องใส่ตัวเหมือนอย่างนัดแข่งควิดดิชเมื่อปีที่แล้วอีก
เช็ดนู่นถูนี่ไปเรื่อยก็ปาเข้าไปได้สองชั่วโมงแล้ว เป็นสองชั่วโมงที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากความเงียบและการเคลื่อนไหวจากคนละฝั่งห้อง จนกระทั่งเสียงท้องร้องโครกครากของใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา โอเซฮุนถึงได้หันมาทางนี้แล้วกะพริบตาปริบ ก่อนจะหลุดหัวเราะจนไหล่สั่นเหมือนไม่เคยเห็นคนหิวอย่างไรอย่างนั้น เพราะว่าถูกเพื่อนทั้งสองเอาแต่บ่นไม่หยุดปากนั่นแหละถึงทำเอาเขาไม่รู้สึกอยากอาหารเท่าที่ควร
“น่าเสียดายนะที่นายพลาดซีซาร์สลัดของวันนี้ ฉันว่ามันอร่อยเป็นพิเศษ”
“ฉันไม่กินสลัด” จงอินตัดบท เห็นทีหลังจากทำความสะอาดถ้วยรางวัลเสร็จคงจะต้องแอบดอดไปติดสินบนพวกเอลฟ์ในครัวเพื่อแลกกับมื้อดึกสักหน่อยแล้ว
“หืม นายไม่ชอบกินผักหรือ?” เซฮุนเลิกคิ้ว เขาจึงกลอกตาหนีแล้วเดินหลบอยู่หลังถ้วยรางวัลเสีย “ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ย”
เขาไม่ใช่เด็กแล้ว กับแค่จะต้องถูกล้อเลียนเรื่องไม่กินผักคงไม่สะทกสะท้านเท่าไรนัก ผักมีกลิ่นเหม็นเขียว พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับว่าเขาต้องกินมันถึงแม้ว่าอาหารส่วนใหญ่จะชอบมีเครื่องเคียงเป็นผักก็ตามที อะไรที่เลี่ยงได้จงอินก็มักจะหลีกหนีมาตลอด คงมีแต่หมอนี่กระมังที่ทำให้ความง่ายดายในการใช้ชีวิตของเขาเกิดข้อยกเว้น เจ้าชายสลิธีรินคือความพ่ายแพ้และความยุ่งยากชนิดที่ไม่เคยเจอมาก่อน ต่อให้ปรามาสด้วยถ้อยคำหยาบคายและพยายามผลักไสออกไปอย่างไร ก็มีแต่จะใจกล้าหน้าด้านเสนอหน้าเข้ามาในกรอบสายตาทุกทีไป
“แล้วอย่างอื่นล่ะ”
“อะไร”
“ของที่นายชอบหรือว่าไม่ชอบ”
เขาขมวดคิ้ว เมื่อโผล่หน้าออกจากถ้วยรางวัลที่ตั้งบังอยู่ก็พบว่าโอเซฮุนยืนอยู่อีกฝั่งของชั้นวางเดียวกันเสียแล้ว ดวงตาสีเข้มมองตรงมาผ่านช่องว่างระหว่างชั้น ทั้งยังหยิบถ้วยรางวัลที่ขวางกั้นระหว่างทั้งคู่ออกไปอุ้มไว้ในอ้อมกอดพลางทำเป็นใช้ผ้าเช็ดถูมันหน้าตาเฉย
“ฉันเกลียดนายไง” จงอินตอบห้วนๆ ก่อนจะหันหลังหนีแล้วจัดการเช็ดกรอบรูปที่ตั้งอยู่อีกตู้ สุดท้ายแล้วเจ้าคนน่ารังเกียจก็ไม่ปล่อยให้เขาถูกลงโทษอย่างสงบแล้วพาตัวเข้ามาวอแวอีกจนได้
“น่าดีใจจริงๆ ที่นายนึกถึงฉันก่อนอะไรอื่น”
เขาหันขวับไปแยกเขี้ยวรอบสอง ฉายาดุกว่าครัปยังน้อยไป คิมจงอินสามารถเป็นได้แม้กระทั่งมังกรพันธุ์ฮังการีหางหนามนั่นแหละถ้าเลือดขึ้นหน้า “อยู่ในที่ของนายไปซะ ฉันไม่อยากถูกเพิ่มเวลากักบริเวณอีก”
เท่านั้นโอเซฮุนก็พาตนเองเดินอ้อมชั้นมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ แสร้งหยิบจับกรอบรูปอันข้างกันขึ้นมาทำความสะอาดทั้งรอยยิ้มยั่วโมโห
“สักหนึ่งเทอมก็ไม่เลวนะ”
“นาย...!”
เจ้าชายสลิธีรินยิ้มสู้ แกล้งทำเป็นกวาดสายตามองไปรอบห้องแล้วว่า “หรืออาจจะทั้งปี ถ้าเราทำห้องถ้วยรางวัลเละเทะขึ้นมา”
“...”
“ฉันยอม... ถ้านั่นเป็นความต้องการของนายแน่ะ ที่รัก”
ไม่น่าเชื่อว่าจนถึงตอนนี้จะผ่านไปแค่สิบเอ็ดชั่วโมงเท่านั้น
คิมจงอินถูกสั่งให้สวมเสื้อแขนยาวแม้ว่าอากาศจะยังไม่หนาวมากนัก อาจเป็นเพราะภารกิจในชั่วโมงกักบริเวณของคืนนี้จึงต้องแต่งกายรัดกุมกว่าเคย ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วมันก็มีประโยชน์แค่ช่วยไม่ให้ถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนสร้างบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ
ซีกเกอร์หนุ่มแห่งบ้านกริฟฟินดอร์มาถึงจุดนัดหมายในตอนสามทุ่มตรง หลังจากกินมื้อเย็น นั่งๆ นอนๆ รอจนกระทั่งผู้รับโทษอีกคนเรียนวิชาดาราศาสตร์เสร็จสิ้น เขาเห็นศาสตราจารย์กรับบลี-แพลงก์กับโอเซฮุนยืนรออยู่ก่อนแล้ว ใกล้ๆ กับระยะการสะบัดกิ่งก้านของต้นวิลโลว์จอมหวด ซึ่งทำเอาคนมองรู้สึกเสียวไส้ไม่น้อย
“งานนี้ค่อนข้างอันตราย ถึงอย่างนั้นฉันก็หวังให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง” ศาสตราจารย์กรับบลี-แพลงก์ว่า “แต่เจนนี่ออกจะพยศนิดหน่อย ฉันจึงเป็นอดเป็นห่วงพวกเธอสองคนไม่ได้จริงๆ”
ภารกิจในคืนนี้คือการเข้าป่าต้องห้ามเพื่อตามหาเจนนี่ ฮิปโปกริฟฟ์ที่บาดเจ็บและป้ายยาให้มัน ถึงจะถูกขู่ว่าเป็นงานอันตราย แต่จงอินกลับไม่คิดว่ามันยากเท่าไรนัก อีกทั้งผลตอบแทนยังล่อตาล่อใจมากทีเดียว งานนี้จะถูกคิดเป็นห้าชั่วโมง ซึ่งเท่ากับหนึ่งในหกของชั่วโมงกักบริเวณทั้งหมดอย่างไม่มีข้อแม้ ต่อให้เขาทำสำเร็จตั้งแต่ชั่วโมงแรกก็ตามที
บางทีควิดดิชยังอันตรายเสียกว่า จงอินคิด
“แค่ป้ายยาก็พอใช่ไหมครับ” โอเซฮุนทวนคำสั่งอีกครั้ง ก่อนจะรับเอาขวดน้ำยาสีเขียวสดมาเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างระมัดระวัง
“ฉันคงเชื่อใจนักเรียนปีหกได้ใช่ไหมจ๊ะ” ศาสตราจารย์ยื่นตะเกียงไฟให้จงอินเป็นคนถือ เป็นโชคดีที่ผู้ถูกกักบริเวณคือนักเรียนปีหกซึ่งขึ้นชื่อว่าเก่งกาจพอตัว อย่างน้อยทั้งสองก็คงพอดูแลตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยได้
“เราจะรีบออกมาครับ”
กัปตันทีมกริฟฟินดอร์เดินนำเข้าไปทันทีที่ได้ตะเกียงไฟมาถือเอาไว้ รีบทำภารกิจให้จบๆ จะได้กลับไปที่หอนอนและแยกจากเจ้าคนน่ารังเกียจนี่สักที เขาได้ยินเสียงศาสตราจารย์พูดทิ้งท้ายให้ระวังดังมาแว่วๆ หลังจากนั้นก็เหลือเพียงเสียงเหยียบหญ้าและกิ่งไม้ดังสวบสาบ เป็นเซฮุนนั่นเองที่เดินตามหลังมาติดๆ
“คิมจงอิน ระวังหน่อย ที่นี่คือป่าต้องห้ามนะ”
จงอินแค่นหัวเราะโดยไม่สนใจคำเตือนแม้แต่น้อย ตลกร้ายล่ะที่โอเซฮุนเป็นห่วงเขา คงน่าดีใจถ้าหมอนี่จะกลัวป่านี้จนหัวหด ตั้งแต่มาถึงฮอกวอตส์ครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน พวกเขาก็เอาแต่ถูกขู่ว่าในป่าต้องห้ามนั้นอันตรายนักหนา แต่เอาเข้าจริงแล้วมันแทบไม่มีความน่ากลัวเหล่านั้นอยู่เลยด้วยซ้ำ พวกสัตว์เพาะเลี้ยงของโรงเรียนเองก็เข้ามาพำนักในนี้หลายต่อหลายครั้ง ที่ต้องระวังจริงๆ อาจจะมีแค่พวกเซนทอร์ซึ่งปฏิเสธเหล่าพ่อมดแม่มดกระมัง
“ฉันคิดว่าเราควรแยกกันตามหาเจ้าเจนนี่ จะได้รับเสร็จภารกิจไวๆ เสียที” เขาเสนอ ยิ่งเดินเข้ามาลึกก็ยิ่งรู้สึกหนาวขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ อีกทั้งทัศนียภาพในการมองเห็นยังแย่ลงเรื่อยๆ เพราะความมืดและสิ่งกีดขวาง
“น้ำยารักษามีแค่ขวดเดียว ชัดว่าฉันกับนายต้องไปด้วยกัน”
จงอินกลอกตา สาบานกับเมอร์ลินเลยว่าการอยู่กับโอเซฮุนเหมือนตกนรกทั้งเป็น ไม่ว่าหมอนี่จะพูดจะเอ่ยอะไรออกมาก็ล้วนขัดใจเขาไปเสียหมด ควรจะเรียนรู้เสียทีว่าต่อปากต่อคำอีกฝ่ายไปก็เท่านั้น
เสียงสวบสาบทำเอาหนุ่มบ้านสิงโตสะดุ้งโหยง เขาสูดลมหายใจลึก พยายามเพ่งมองจนปวดตาแต่กลับไม่พบสิ่งใดผิดปกติ พอทำท่าจะเดินไปดูให้แน่ชัด ท่อนแขนก็ถูกคว้าเอาไว้จนถอยเซ แผ่นหลังปะทะแผ่นอก ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ตรงข้างหู
“เงียบก่อน” เซฮุนกระซิบ
นัยน์ตาคมมองตรงไปยังกอไม้สูงที่พากันแหวกออกเป็นทาง ราวกับมีสิ่งใดกำลังจะออกมาจากความมืดมนอนธการของป่าใหญ่ จงอินกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก นอกจากความเคลื่อนไหวผิดแปลกเหล่านั้นแล้วก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นใดปรากฏตัวขึ้น ถึงอย่างนั้นก็ได้ยินเสียงคนข้างหลังถอนหายใจอย่างโล่งอก เซฮุนยื่นมือไปข้างหน้า สัมผัสเข้ากับบางสิ่งที่เขามองไม่เห็น
“เธสตรอลน่ะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก
“นายมองเห็นเธสตรอลด้วยหรือ?”
“...”
เขาไม่เห็นใบหน้าของคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง หากก็แน่ใจว่ากัปตันทีมสลิธีรินจงใจไม่ตอบคำถามนี้อย่างชัดเจน ชวนให้นึกไปถึงครั้งหนึ่งที่เห็นปาร์คชานยอลเหม่อมองเหล่าเธสตรอลบนท้องฟ้าและคิดถึงเรื่องพี่ชายซึ่งเสียชีวิตไป แล้วโอเซฮุนเล่า หมอนี่ไปพบเจอความตายมาตั้งแต่เมื่อไรกัน
“เฮ้ ถอยออกไป” จงอินขยับตัวยุกยิก จะเดินหนีขึ้นหน้าไปเสียเองก็คงชนเข้ากับเธสตรอล แต่จะถอยก็ไม่ได้เพราะถูกยืนขวางเอาไว้ สถานการณ์ไม่สู้ดีเอาเสียเลย
“ทำไม เพิ่งรู้สึกกลัวฉันขึ้นมาอย่างนั้นหรือ”
ไม่ทันรู้ตัว ช่วงเอวของเขาก็ถูกวงแขนอีกฝ่ายโอบรัดเอาไว้เสียแล้ว ซีกเกอร์กริฟฟินดอร์เบิกตาโพลง คิดได้ว่าเปิดช่องให้ถูกฉวยโอกาสเข้าจนได้ เซฮุนทำตัวไร้ยางอายต่อหน้าเธสตรอล มิหนำซ้ำยังฉุดให้เขาต้องขายขี้หน้าตามไปด้วย ถึงจะรู้ดีว่าเจ้าสัตว์วิเศษคงไม่เข้าใจกิริยาท่าทางของทั้งคู่ก็ตาม
“ฉันรังเกียจนายต่างหาก” พูดจบก็สะบัดตัวออก ร่างของเขาถูกดันด้วยศีรษะของสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นตัวจนเซไปเล็กน้อย จงอินพยายามไม่คิดว่าท่าทางของตนน่าขบขัน ก่อนจะเดินฮึดฮัดจากไปพร้อมตะเกียงไฟ หวังจะย่นเวลาทำภารกิจให้มันเสร็จสิ้นไวๆ
ป่าต้องห้ามมักจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงออกมาเสมอ เขานึกถึงคำที่แทมเคยบอกเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ทั้งสามนั่งสนทนาสัพเพเหระระหว่างกันในห้องนั่งเล่นของบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่คิมจงอินมีโอกาสได้สัมผัสคำบอกเล่าเก้าสิบเหล่านั้นด้วยตนเอง ในนี้ทั้งมืด หนาว เงียบเชียบ แล้วก็ราวกับมีอะไรต่อมิอะไรเคลื่อนไหวอยู่โดยรอบตลอดเวลา ทั้งหมดที่ว่ามานี้ไม่ใช่ความน่ากลัวสำหรับจงอิน แต่การไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้างต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกได้ว่าความหวาดกลัวกำลังกัดกร่อนหัวใจมากแค่ไหน
ชายหนุ่มหันขวับไปมองทางขวา ก่อนจะเอี้ยวตัวมองรอบๆ เพราะได้ยินเสียงขยับของพุ่มไม้ แต่พอก้าวเท้าจะเดินต่อ เท้าก็สะดุดเข้ากับรากไม้จนเกือบหกล้มคะมำ
“ให้ตายเถอะเมอร์ลิน...” เขาโอด ข้อเท้าปวดแปลบขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลจนถึงกับเดินต่อไม่ไหว “เจนนี่! แกอยู่แถวนี้หรือเปล่า”
ฮิปโปกริฟฟ์ชอบเล่นซ่อนแอบหรืออย่างไร ทำไมถึงได้หาตัวยากนัก ปกติพวกสัตว์วิเศษมักจะเข้ามาอยู่ในป่าลึกขนาดนี้เชียวหรือ
“โอเซฮุน” จงอินเรียก มั่นใจว่าเสียงขยับของแมกไม้ในความมืดต้องเป็นเจ้าคนชักช้าน่ารำคาญนั่นแน่ๆ
แต่เมื่อมันปรากฏตัว ลมหายใจของเขากระตุกวูบ มือที่ถือตะเกียงอ่อนเปลี้ยลงกะทันหันจนเผลอทำตกลงบนพื้น ลำคอแห้งผาก มิหนำซ้ำน้ำลายยังเหนียวหนืดและกลายเป็นรสขมปร่า กัปตันทีมกริฟฟินดอร์แสนภาคภูมิเผลอก้าวถอยโดยอัตโนมัติ ร่างกายเริ่มแข็งทื่อ สมองไม่ยอมสั่งการว่าควรทำอย่างไรต่อในสถานการณ์ที่มีแมงมุมยักษ์ตัวใหญ่รอโจมตีอยู่ตรงหน้าเช่นนี้
แมงมุมเป็นดั่งความหวาดกลัวสามัญของคนทุกเพศ บ้างกลัวเพราะมันมีขาหยุบหยับ บ้างกลัวเพราะรูปลักษณ์อันไม่น่าพิสมัย บ้างกลัวพิษร้ายซึ่งสังหารคนให้ตายได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ไม่ว่าจะกลัวด้วยเหตุผลอะไรนั้น ทั้งหมดล้วนก่อตัวเป็นรูปร่างขนาดใหญ่ ขยับฟันคมคล้ายมีดเคียวดังฉับๆ ขู่ให้เขาแข้งขาอ่อนจนหมดสิ้นเรี่ยวแรงหนีไปไหน
จงอินไม่เคยบอกใครเรื่องนี้ ไม่แม้แต่จะออกความเห็นตอนที่แทมหรือคีย์พูดถึงความน่าขยะแขยงในขนขาของมัน ใช่ เขาเองก็กลัวแมงมุมเหมือนอย่างที่คนครึ่งค่อนโลกนี้กลัว กลัวถึงขนาดไม่รู้จะรับมืออย่างไรให้ตนเองรอดตายจากป่าต้องห้ามนี้ด้วย
“คิมจงอิน!”
เขาได้ยินเสียงคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งเข้ามาใกล้จนกระทั่งทรุดตัวคุกเข่าข้างๆ แล้ววาดวงแขนเป็นอ้อมกอดหลวมๆ เพื่อช่วยเรียกสติให้กลับคืนมา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าแมงมุมยักษ์อีกครั้ง ก็พอดีกับที่โอเซฮุนยื่นไม้กายสิทธิ์ไปข้างหน้าแล้วเอ่ยคาถาที่ช่วยคลายปริศนาอันน่าหวาดหวั่นครั้งนี้จนกระจ่างแจ้ง
“ริดดิคูลัส”
ที่แท้เจ้าแมงมุมยักษ์ตัวนี้ก็คือบ็อกการ์ต สัตว์วิเศษซึ่งชอบแปลงกายเป็นอะไรก็ตามที่ผู้พบเจอรู้สึกกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ บ็อกการ์ตมีนิสัยดื้อรั้นและปราบยาก ต้องใช้ความเข้มแข็งที่มากกว่าในการเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสิ่งน่าขัน ทันทีที่โดนคาถาของเซฮุนเข้าไป เจ้าสิ่งมีชีวิตขี้แกล้งก็กลับกลายเป็นควันสีดำคลุ้งแล้วเริ่มก่อรูปร่างเป็นอะไรก็ตามที่ผู้ชายคนนี้กลัวสุดขั้วหัวใจ
แวบหนึ่งที่คิมจงอินเกิดอยากรู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนของเจ้าชายสลิธีริน
บ็อกการ์ตพยายามจะเปลี่ยนเป็นอะไรสักอย่าง จงอินเห็นมือที่ถือไม้กายสิทธิ์นั้นสั่นเทาเมื่อร่างของใครคนหนึ่งกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เขาเห็นแขนขาวซีดเป็นอย่างแรก และใบหน้า... หรืออะไรสักอย่างที่พิลึกพิลั่นก็ปรากฏอยู่บนท้องแขนนั้น
“หยุดนะ...” เขาได้ยินเสียงสบถลอดไรฟัน “ริดดิคูลัส!”
บทเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดถูกนำมาใช้ด้วยความเกรี้ยวกราดที่มากขึ้น ทันใดนั้น เจ้าบ็อกการ์ตที่กำลังล้วงความลับในใจเจ้าชายก็กลายเป็นต้นแมนเดรกยักษ์หน้าตาประหลาด ก่อนจะสลายกลายเป็นควันดำแล้วลอยหนีไปในความมืด จริงอยู่ว่าโอเซฮุนเหนือกว่าคิมจงอินที่ปราบบทเรียนง่ายๆ เมื่อตอนปีสามนี้ได้สำเร็จ แต่เจ้าของผิวขาวซีดก็หายใจแรงขึ้น สีหน้าไร้ซึ่งความตลกขบขันอย่างสิ้นเชิง
ทำไมบ็อกการ์ตถึงไม่สามารถแปลงเป็นสิ่งที่หมอนี่กลัวได้ในทันที ข้อนี้จงอินติดใจสงสัย และข้องใจมากยิ่งกว่าว่าสิ่งที่เซฮุนกลัวคืออะไรกันแน่ ท่อนแขนนั้นแท้จริงเป็นอย่างไร เป็นของใคร โชคร้ายที่บ็อกการ์ตเปิดเผยจุดอ่อนศัตรูของเขาไม่สำเร็จ
“ไปกันเถอะ”
เซฮุนไม่แม้แต่จะหยอกล้อเรื่องที่เขากลัวแมงมุม ไม่พูดเรื่องสัตว์วิเศษตนเมื่อสักครู่ ไม่แม้แต่จะหันหน้ามาให้จงอินเห็นแววตานั้นชัดๆ อีกฝ่ายออกแรงช่วยดึงแขนให้เขาลุกขึ้นยืนได้อย่างมั่นคง เก็บตะเกียงไปถือไว้เอง แล้วเป็นฝ่ายเดินนำหน้าเพื่อตามหาฮิปโปกริฟฟ์ก่อนต้องเจออะไรในป่าต้องห้ามมากไปกว่านี้
จงอินเคยบอกว่าความเงียบคือวิธีต่อกรโอเซฮุนที่ดีที่สุด หากยามนี้เขากลับอึดอัดจนทนไม่ไหวเสียเอง
“นายเองก็มีสิ่งที่กลัวเหมือนกันสินะ”
พอเซฮุนเป็นฝ่ายไม่ตอบ บรรยากาศที่ยิ่งวังเวงอยู่แล้วก็พลันเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจ
“ไม่ยักรู้ว่าคนไร้ยางอายอย่างนายจะกลัวเป็นกับเขาด้วย นั่นมันอะไรน่ะ โรคที่มีหน้าผุดอยู่ตรงแขนหรือไง --”
พูดถากถางยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็หยุดกะทันหันจนเขาเกือบชนเข้าให้ ร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนบ้านสลิธีรินหันกลับมาทั้งสีหน้าราบเรียบ จงอินไม่กลัวถ้าเซฮุนจะโกรธ กลับกันแล้วเขาคงรู้สึกพอใจด้วยซ้ำที่ได้ปั่นประสาทหมอนี่ให้คุกรุ่นบ้าง
“ไม่อยากรีบทำงานให้จบแล้วหรือ” คนตรงหน้าเอ่ยถาม
“แน่นอน ถ้าเจอฮิปโปกริฟฟ์ตัวนั้นเมื่อไรก็หมายความว่าฉันจะได้แยกจากนายเสียที”
“ทั้งที่เรายังต้องโดนกักบริเวณอีกตั้งสิบสี่ชั่วโมงน่ะหรือ” คราวนี้เซฮุนหัวเราะเบาๆ ดูจะปรับอารมณ์ขึ้นมาได้บ้างแล้ว “ถ้าอย่างนั้นมาพนันกันดีไหม? ใครเจอเจนนี่ก่อนเป็นผู้ชนะ”
พนันกับคนคนนี้ก็โง่แล้ว! ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่จงอินกลับรู้สึกว่านี่ไม่ได้ต่างอะไรจากการแข่งขันหาคนแพ้ชนะตามปกติสักเท่าไรนัก พูดอย่างนี้หมายความว่าเซฮุนยินยอมให้ทั้งสองแยกกันตามหาฮิปโปกริฟฟ์ อย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าเจนนี่ไปนอนเล่นอยู่ตรงส่วนไหนของป่า ดังนั้นก็ยุติธรรมดีถ้าจะมีโอกาสครึ่งหนึ่งในการทำให้อีกฝ่ายได้ขลาดอายต่อหน้าธารกำลังเสียบ้าง
“ไม่เกี่ยวว่าใครเป็นคนเก็บยาเอาไว้ใช่ไหม” เขาต้องปิดช่องโหว่ให้น้อยที่สุด
“ใช่ แค่แตะตัวมันได้ก่อน”
สุดท้ายเขาก็โง่ที่รับคำท้านี้มาจนได้ ของรางวัลของเกมครั้งนี้ก็คือผู้แพ้จะต้องทำตามคำขอของผู้ชนะไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ยกเว้นการทำร้ายหรือบีบบังคับให้ต้องเสียหายไม่ว่าในทางใดก็ตาม พอมีกฎอย่างนี้จงอินก็พอจะหายห่วง เพราะถ้าเขาพลาดท่าเสียทีขึ้นมา อย่างน้อยๆ หมอนั่นก็ใช้ข้ออ้างในครั้งนี้ข่มเหงรังแกกันไม่ได้
ไม่ทันขาดคำก็เห็นฝูงนกบินตัดความมืดผ่านแมกไม้ขึ้นไปบนท้องฟ้า เท่านี้ก็สรุปได้แล้วว่า คิมจงอินเพลี่ยงพล้ำให้กับคู่ปรับตัวฉกาจอีกตามเคย
เขาเดินไปยังทิศที่เห็นนกบินออกมาพร้อมกับตะเกียงให้แสงสว่างในมือ ไม่นานนักก็พบโอเซฮุนและฮิปโปกริฟฟ์ตัวหนึ่งกำลังนั่งหมอบพลางถูกจับขาหน้าเอาไว้จนกระทั่งเขาเดินไปถึง เซฮุนพยักพเยิดไปทางขวดยาสีเขียวขนาดเล็กบนพื้น คอยจับขาของเจ้าเจนนี่เอาไว้เพื่อให้คิมจงอินใส่ยาได้ถนัดถนี่
กว่าภารกิจจะเสร็จสิ้นก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ซึ่งเกินกว่าที่คาดเอาไว้โข ศาสตราจารย์กรับบลี-แพลงก์รับปากว่าจะรายงานความสำเร็จนี้ต่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลและบอกให้ทั้งคู่กลับไปพักผ่อนได้ ตอนนี้ดึกพอสมควรแล้ว จึงแทบไม่มีนักเรียนเดินไปเดินมาให้ฟิลช์หาเรื่องหาเรื่องจับส่งศาสตราจารย์อีก
ก่อนจะแยกกัน เซฮุนบอกลาเขาด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี
“สำหรับคำขอของฉัน...”
จงอินแยกเขี้ยว ก็บ้าจริงๆ นั่นแหละที่ยอมไปตกปากรับคำท้าของคนเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างหมอนี่ ถึงจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าโอเซฮุนใช้กลโกงอะไรในการตามหาฮิปโปกริฟฟ์ก็ตามทีเถอะ
“ขออุบไว้ก่อนแล้วกัน” เจ้าชายสลิธีรินขยิบตา ทำท่าน่าหมั่นไส้เสียเต็มประดา “ในนามของเมอร์ลิน มันไม่ใช่อะไรน่าเสียหายหรอก”
“จะอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ” เขาตอก นอกจากจะไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บแสบกับคำพูดตัดรอนเช่นนี้แล้ว คนตรงหน้ายังเอาแต่ยิ้มจนตาปิด ผิดกับตอนเจอบ็อกการ์ตในป่าต้องห้ามอย่างสิ้นเชิง
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ ที่รัก ฉันอยากโดนลงโทษจนแทบทนไม่ไหวแล้ว”
โอเซฮุนโบกมือไหวๆ จนกระทั่งจงอินเดินลงส้นเท้าขึ้นบันไดจากไปทั้งสีหน้าหงุดหงิด จะเป็นตอนโดนแหย่หรือโดนแกล้งจนทำอะไรไม่ถูกนั้นเซฮุนก็ว่าน่ารัก ถึงตอนอยู่ในป่าจะทำตัวน่าหงุดหงิดไปสักหน่อย แต่สุดท้ายคิมจงอินก็ยังเป็นคิมจงอินที่เปิดช่องโหว่ให้เขาเอาแต่ใจอยู่วันยังค่ำ การกักบริเวณนั้นไม่เลวเลย ถึงจะต้องทำความสะอาด จัดของ หรือแม้แต่ช่วยดูแลพืชและสัตว์ซึ่งน่าเบื่ออย่างมากก็ตาม หากมันก็แลกมาด้วยเวลาอันแสนสุขที่เขาจะได้อยู่ใกล้ชิดใครบางคนโดยไม่ต้องคิดแผนสกปรกต่างๆ นานามารั้งไม่ให้อีกฝ่ายหนีไปไหน
อย่างน้อยวันนี้ก็ทำสำเร็จขึ้นไปอีกขั้น ตอนที่ได้ยินคำขอนั้น จงอินจะสบถคำใดออกมาบ้างนะ?
หอพักของบ้านสลิธีรินตั้งอยู่ในคุกใต้ดินที่ทั้งเย็นและชื้น ถึงอย่างนั้นก็เป็นบรรยากาศแบบที่เซฮุนชอบและไม่คิดจะหนีไปไหน เพียงแต่ถ้าในวันนี้มันไม่ได้สร้างความอึดอัดให้เขาเหมือนอย่างเคย
ตาสีเข้มกดมองเตนล์ เลวิธาน รุ่นน้องปีห้าควบตำแหน่งพรีเฟ็คของบ้านซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ตามลำพังภายในห้องนั่งเล่น พนักเก้าอี้สูงใหญ่แทบจะทำให้เด็กหนุ่มซึ่งมีผิวขาวและตัวเล็กกว่าเขานับสิบเซนติเมตรจมหายลงไป ถึงอย่างนั้นเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ที่แสนจะใกล้ชิดกลับมาถึง เลวิธานจูเนียร์ก็ขยับตัวนั่งหลังตรง คว่ำหนังสือไว้บนตักแล้วเอ่ยทักทายทั้งรอยยิ้ม
“กลับดึกจังนะครับรุ่นพี่”
“...” เซฮุนไม่รู้จะตอบอะไร ราวกับความยินดีปรีดาเมื่อสักครู่นี้เหือดหายไปอย่างไรอย่างนั้น
“อย่างนั้นที่ผมได้ยินมาว่าคุณมีเรื่องกับกริฟฟินดอร์จนถูกสั่งกักบริเวณก็เป็นเรื่องจริงน่ะซี” จิ้งจอกน้อยเท้าคางมอง ดวงตาวาววับด้วยประกายน่ากลัวอย่างที่พบเห็นได้ในเลวิธานคนพ่อไม่มีผิด “แต่แบบนี้จะดีหรือครับ ให้เขาคนนั้นรอนานๆ จะแย่เอานะ”
“นายก็เห็นว่าฉันกำลังโดนลงโทษ” เขาเสแสร้งรอยยิ้มตอบกลับไป อย่างไรสิ่งนั้นก็ใช่ว่าจะหาเจอได้ง่ายๆ ในเวลาไม่กี่เดือน อีกทั้งอาจจะถูกจับได้ถ้าแวะเวียนไปที่ห้องต้องประสงค์บ่อยๆ ข้อนี้ทั้งจอมมารหรือผู้นำตระกูลโอย่อมรู้ดี
“แค่เห็นว่าช่วงนี้คุณอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เลยอยากแหย่เล่นนิดหน่อยน่ะ” เตนล์เอนตัวพิงพนักในท่าเอกเขนก เด็กนี่พยายามทำตัวถือไพ่เหนือกว่าเขาถ้าเป็นไปได้ นั่นคือสิ่งที่เลวิธานสั่งสอนมาอย่างไม่ต้องสงสัย “บอกแล้วไงครับว่าให้ใช้ผมได้เต็มที่ ผมยินดีเป็นมือเป็นเท้าให้รุ่นพี่อยู่แล้ว”
“ขอบคุณ เลวิธาน” เซฮุนสาวเท้าย่างสามขุมเข้าไปใกล้ วางมือบนที่วางแขนเก้าอี้ ยืนคร่อมเจ้าจิ้งจอกในร่างเด็กหนุ่มเอาไว้แล้วพูดทั้งที่ยังไม่หุบยิ้ม “แต่ถ้าเมื่อไรที่รู้สึกว่ามือเท้าของนายยาวเกินไป ฉันก็จะตัดมันทิ้งเสีย”
พูดจบก็ผละตัวออกยืนเต็มความสูง ก่อนเดินล้วงกระเป๋าขึ้นหอนอนเช่นปกติ ก็ไม่ลืมที่จะหันมากล่าวลาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ราตรีสวัสดิ์”
-------------------------------------------
สลิธีรินนี่หยอกกันเก่งจังน้า
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช ค่ะ
ความคิดเห็น