ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) RED SNITCH | sekai chankai (Hogwarts!AU)

    ลำดับตอนที่ #1 : 01 | DISAFFECTION OF LION AND SNAKE

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 59


     

     

    RED SNITCH

    (AU!HOGWARTS)

    OSH | KJI | PCY

     

     

    ( 1 )

    ‘DISAFFECTION OF LION AND SNAKE’

     

     

     

     

    ในฐานะซีกเกอร์มือฉมังแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ -- หรืออาจจะฮอกวอตส์แล้ว คิมจงอินมีเป้าหมายคือต้องตามจับลูกสนิชสีทอง แทนที่จะใช้เวลาทั้งหมดบนสนามควิดดิชไปกับการปวดประสาทเพราะคู่แข่งจากบ้านสลิธีริน!

     

     

    นัยน์ตาสีเข้มจ้องเขม็งไปยังลูกบอลติดปีกขนาดเท่ากำปั้นที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า แต่ก็เป็นอันต้องคลาดสายตาไปอีกรอบเพราะแรงเบียดจากด้านข้าง เจ้าของชุดคลุมสีเขียวในตำแหน่งเดียวกันแค่นยิ้มขณะขี่ไม้กวาดตีคู่มาติดๆ ซึ่งหากซีกเกอร์อีกฝั่งคิดจะทำอะไรสกปรกๆอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ บางทีจงอินคงจะมีสมาธิดวลแพ้ชนะได้ง่ายกว่านี้ แต่เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ตามประกบเขามากกว่าจะเป็นลูกสนิช มือวางคนเก่งจากบ้านกริฟฟินดอร์จึงเดาลูกเล่นไม้นี้ไม่ถูก ว่านอกจากต้องการก่อกวนเพื่อยืดเยื้อเกมที่บ้านสีแดงเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว โอเซฮุนยังมีอะไรอยู่ในหัวสมองเน่าๆลูกนั้นอีก

     

     

    แหงล่ะ เขารู้จักกัปตันทีมบ้านสลิธีรินคนนี้ดี ด้วยเสียงยกย่องเชิดชูว่าโอเซฮุนนี่แหละคือฮีโร่ที่จะนำบ้านสีเขียวไปสู่จุดสูงสุดในรอบหลายปีกับทุกๆด้านแล้ว วิธีการที่เลือกใช้ปีนป่ายสู่ความสำเร็จนี่สิยิ่งกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆหากอีกสามบ้านกำลังไต่เชือกอย่างยากลำบากไปสู่หอคอย เชื่อเถอะว่าโอเซฮุนคงใช้วิธีเหยียบหัวทุกคนขึ้นไปสู่ชัยชนะ พร้อมกับคำกล่าวปราศรัยเท่ๆอย่างเช่นว่า ชนะแล้วจะทำอะไรก็ได้นี่นะ เอ้าพวกนายเหนื่อยไหม ให้ฉันถีบส่งลงไปหรือเปล่า?

     

     

    ซึ่งถ้าตำนานคนที่รู้ว่าใครจะมีบทใหม่ซ้ำรอยล่ะก็ -- เขาขอเสนอชื่อให้กำจัดหมอนี่ตั้งแต่ตอนนี้เลย

     

     

    หลังจากบ่นในใจจนเกินพอดี คิมจงอินก็ต้องเหลียวไปมองเพื่อนร่วมทีมอีกรอบเพราะเสียงตะโกนของปาร์คชานยอล เชสเซอร์มือแรกควบตำแหน่งกัปตันทีมกริฟฟินดอร์ที่กำลังหน้าเครียดจนเห็นหัวคิ้วขมวดมุ่นจากระยะไกล ครั้นมองตามลงไปยังสายตาอีกฝ่ายก็เห็นคิมจงแด เชสเซอร์มือสามกำลังนอนกุมท้องโอดโอยเพราะฤทธิ์ลูกบลัดเจอร์สีดำจากการตีของบีตเตอร์อีกฝั่ง

     

     

    “แย่หน่อยนะ”

     

     

    เซฮุนยิ้มเยาะ ก่อนจะขี่ไม้กวาดไฟร์โบลต์ นิมบัส รุ่นลิมิเต็ดออกใหม่ของปีสองพันสิบหกที่แรนดอล์ฟ สปัดมอร์จากบริษัทแอลเลอร์บี้แอนด์สปัดมอร์ตั้งราคาไว้สูงลิบลิ่ว ที่นอกจากฐานะของตระกูลโอจะมีปัญญาเอามาครอบครองได้ในซีเรียลนัมเบอร์สวยๆแล้ว ความเป็นเลือดบริสุทธิ์และทรงอำนาจในโลกเวทมนตร์ก็คงกรุยทางเซฮุนขึ้นขี่ไม้กวาดเปิดตัวได้อย่างง่ายๆเช่นกัน

     

     

    เจ้าของผิวขาวซีดทิ้งให้คนเสียสมาธิอย่างเขาเอี้ยวตัวหลบลูกบลัดเจอร์ที่แหวกผ่านลมหนาวมาอย่างเฉียดฉิว จงอินแน่ใจว่าเขาคงจะได้ตกลงไปเป็นคนที่สองถ้าหากยังคุมสติไม่ได้อยู่อย่างนี้ ประสบการณ์การเป็นซีกเกอร์มาถึงสี่ปี แข่งมามากกว่ายี่สิบนัด คงจะไม่ดีแน่ที่เขาจะมาเสียแชมป์เอาตอนปีห้าแค่เพราะสลิธีรินตกอยู่ในมือผู้ชายทุเรศพรรค์นั้น

     

     

    ซึ่งถ้าความกลัวข้อนี้เป็นจริงขึ้นมาล่ะก็ -- บอกลืมเรื่องที่คริสตัล จองจะยอมตกลงเป็นคู่ควงไปงานพร็อมวันคริสต์มาสต์ บวกเดทหวานซึ้งที่ฮอกส์มี้ดไปได้เลย

     

     

    เขาเร่งเครื่องนิมบัสรุ่นยอดฮิตของปีสองพันสิบสี่ไปข้างหน้า แซงโอเซฮุนก่อนจะคลาดคว้าลูกสนิชที่บินหนีไปทางซ้ายอย่างน่าเสียดาย หันไปเจอคนในชุดคลุมสีเขียวที่ยังยิ้มไม่หุบขณะตวัดปลายไม้กวาดเข้าใกล้แล้วแย่งกันจับลูกสนิชอีกครั้ง เอาเป็นว่าจงอินไม่ควรเสียสมาธิไปมากกว่านี้ ต่อให้ใครจะถูกลูกบลัดเจอร์ตีหล่นหรือฝ่ายตรงข้ามโยนลูกควัฟเฟิลผ่านคีปเปอร์ไปเข้าห่วงได้ หน้าที่ของคิมจงอินก็คือฉายเดี่ยวแย่งลูกสนิชมาเป็นของกริฟฟินดอร์ให้ได้อยู่ดี

     

     

    “สลิธีรินได้สิบแต้ม! กริฟฟินดอร์ยังนำเจ็ดสิบต่อหกสิบ”

     

     

    เสียงประกาศความสำเร็จที่ตามมาติดๆของสลิธีรินดังขึ้นอีกแล้ว รวมถึงเสียงตะโกนสั่งการณ์ของปาร์คชานยอลที่ดังก้องถึงทุกคนในทีมยกเว้นเขา อีกแค่ลูกเดียวทั้งสองทีมก็จะมีคะแนนเสมอ แต่ถึงอย่างไรเกมครั้งนี้ก็จบลงไม่ได้อยู่ดี ตราบใดที่เขากับโอเซฮุนยังไม่สามารถไล่ตามเจ้าลูกตัดสินทันได้ ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องคว้ามัน

     

     

    จงอินเพ่งสมาธิไปข้างหน้า มองปีกที่ขยับเร็วจนเป็นภาพกะพริบลอยขึ้นสูงตรงข้ามกับความวุ่นวายอีกฝั่งสนาม ไม่รู้ตอนนี้คนดูกำลังจดจ่อกับอะไร ระหว่างสลิธีรินพลิกวิกฤติเป็นโอกาส หรือราชาแห่งควิดดิชอย่างกริฟฟินดอร์เดือดดาลเพราะกระบวนแผนพังไม่เป็นท่า การเตรียมตัวมาอย่างดีของเราถูกป่วนประสาทจนรวนไปหมด ชานยอลยังเป็นกัปตันทีมที่รอบคอบ แต่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมากพอจะปะทะกับทีมในแบบโอเซฮุน

     

     

    “กริฟฟินดอร์ได้สิบแต้ม! นำอยู่แปดสิบต่อหกสิบ”

     

     

    กัปตันทีมในชุดคลุมสีแดงยกมือขึ้นประกาศชัยชนะของลูกที่แปด ชานยอลชี้มือไปทางซ้ายและขวาเพื่อบอกสัญลักษณ์สั่งการณ์ต่อลูกทีมโดยไม่มีเสียง ดูเหมือนกริฟฟินดอร์เริ่มคิดแล้วว่าจะแก้เกมอย่างไร พวกเขาเปลี่ยนแผน มองหาจังหวะป่วนประสาทกลับก่อนที่ฝั่งชุดคลุมเขียวจะตีเสมอคะแนนควัฟเฟิลได้

     

     

    ซีกเกอร์หนุ่มเชิดหัวไม้กวาดขึ้นสูง คิดหาจังหวะดีๆให้ตัวเองปราบพยศสนิชสีทองได้ไวๆบ้าง มันอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว มือเรียวค่อยๆยืนออกไปจนสุดความยาวแขน ใกล้จนได้ยินเสียงตีปีกเบาๆร้องเรียกให้เขาจับไว้ และแน่นอนว่าจงอินยินดีหลงกลเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่เพียงแต่ต้องเบรกจนพาหนะดิ่งชี้ฟ้าและปลายหางถูกปัดอย่างแรงจนเสียหลักร่วงลงไปทั้งตัว ขณะที่โอเซฮุนตัดหน้าเขาไปคว้าสนิชสีทองได้สำเร็จ

     

     

    มือสีแทนพยายามคว้านิมบัสคู่ใจเอาไว้ แต่มันก็ลื่นเสียจนปล่อยให้ทั้งร่างตกสู่ผืนหญ้าท่ามกลางเสียงสูดลมหายใจอย่างตื่นตระหนก ชัยชนะน่าลุ้นน้อยกว่าการตกจากความสูงเท่าหอคอยขอบสนามมากนัก จงอินหวังให้มีใครสักคนเสกคาถาลอยตัวใส่เขาได้ทัน แต่ก็นั่นแหละ แค่ท่องคาถาก็หมดเวลาแล้ว!

     

     

    หากมือข้างที่หลุดจากไม้กวาดกลับถูกจับไว้ เงยหน้าขึ้นไปเห็นโอเซฮุนที่ยอมปล่อยลูกสนิชเพื่อตามลงมาช่วยเขา คิ้วเรียวนั่นขมวดมุ่นเมื่อต้องออกแรงดึงจงอินสู้แรงโน้มถ่วงโลก พวกเขาดิ่งลงไปถึงครึ่งสนามกว่าจะประสานมือเข้าด้วยกันจนแน่น

     

     

    และแวบหนึ่ง จงอินคิดว่าไม่ใช่เพราะความผิดพลาดใดเลยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ แต่เป็นเพราะเมื่อครู่เซฮุนเล่นสกปรกด้วยการปัดไม้กวาดเขาจนเสียหลัก ชิงสนิชไปหน้าด้านๆ ดังนั้น คงจะไม่ผิดถ้าคิมจงอินนึกอยากกระชากอีกฝ่ายลงจากหอคอยงาช้างที่เหยียบหัวคนอื่นขึ้นไปบ้าง ด้วยการออกแรงดึงให้ร่างในชุดคลุมสีเขียวนั้นตกลงมาด้วยกัน ในความสูงระดับนี้ อย่างมากก็แค่แขนขาหักจนต้องซ่อมกระดูกใหม่ล่ะวะ

     

     

    เขาเกือบทำสำเร็จอีกครั้ง -- ถ้าโอเซฮุนไม่ใจไม้สะระกำสะบัดมือจากการกอบกุมจนหลุด ทิ้งให้คนหวังร้ายตกลงกระแทกกับพื้นต่อหน้าตา

     

     

    ให้ตายเถอะเมอร์ลิน ได้โปรดอย่าเรียกว่ากรรมตามทันเลย ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน!

     

     

    “สลิธีรินชนะ! ด้วยคะแนนสองร้อยสิบต่อแปดสิบคะแนน”

     

     

    เสียงเป่านกหวีดดังประกาศผลรอบชิงชนะเลิศ เพราะชัดเจนต่อทุกสายตาแล้วว่ากัปตันทีมสลิธีรินยอมปล่อยลูกสนิทที่จับได้เต็มไม้เต็มมือเพื่อแสดงน้ำใจนักกีฬาไปช่วยฝั่งตรงข้ามในยามวิกฤติ เซฮุนลงจากไม้กวาดอย่างนุ่มนวลบนพื้น มองคนที่นอนโอดโอยขณะที่เพื่อนร่วมทีมกริฟฟินดอร์รีบบินลงมาดูอาการ

     

     

    ชานยอลเป็นคนแรกที่มาถึง ร่างสูงรีบลงจากไม้กวาดแล้วทรุดตัวมองขาขวาที่บวมเป็นสีแดงน่ากลัว จงอินไม่แม้แต่จะพยายามพยุงตัวขึ้นนั่ง ลำพังแค่ส่งเสียงพูดยังไม่ไหว กัปตันทีมช่วยปัดเศษหญ้าออกจนพ้นใบหน้าคนเจ็บ เสยหน้าม้าเบาๆเป็นการปลอบโยนเท่าที่จะทำได้

     

     

    “หน่วยพยาบาลกำลังมาแล้ว อดทนหน่อยนะจงอิน”

     

     

    เขาเห็นจงแดและอีกหลายคนในทีมพากันมุงเข้ามาอย่างเป็นห่วงเป็นใย บังเจ้าคนทุเรศที่กำลังถูกคลุมด้วยผืนผ้าขนาดใหญ่สีเขียวอยู่ตรงฝั่งแสตนด์ของสลิธีรินเสียสิ้น ชานยอลก้มลงมาใกล้ กระซิบพูดให้พอได้ยินกันสองคนถึงข้อคาใจ

     

     

    “ทำไมถึงทำแบบนั้น ตกลงมาเจ็บตัวมันคุ้มไหมเล่า”

     

     

    จงอินกัดฟันกรอด ฝืนตอบเพราะอยากบอกปาร์คชานยอลเต็มที “มันเล่นสกปรก ปัดปลายไม้กวาดจนฉันตกลงมานี่ไง”

     

     

    ซึ่งคงไม่มีใครสังเกตเห็นเรื่องนี้จริงๆนั่นแหละ ชานยอลถึงได้อึ้งจนนิ่งไปทั้งอย่างนั้น ก่อนจะยอมถอยออกเงียบๆเพื่อให้หน่วยพยาบาลและศาสตราจารย์โรแลนดา ฮูซเข้ามาดูอาการ แล้วก็ไม่ผิดคาดเท่าไรนักเมื่อหล่อนบอกว่าเขากระดูกหัก ต้องพาตัวไปให้มาดามพรอมฟรีย์ช่วยรักษาให้อีกที นอกจากความเจ็บปวดแล้วเรื่องแบบนี้ก็ไม่ค่อยน่ากลัวนักในโลกเวทมนตร์ ซึ่งถ้าเทียบกับวิถีมักเกิ้ล มันง่ายเหมือนต่อท่อประปาไม่มีผิด

     

     

    ทว่าเรื่องผิดคาดแท้จริงคือการที่คริสตัล จองตัดสินใจเดินตามเปลหิ้วคนป่วยไปตามขอบสนามต่างหาก เหนือเนคไทสีแดงขึ้นไปคือปากอิ่มสวยที่ขยับบอกเขาว่า

     

     

    “เรื่องที่ตกลงกันไว้ จะยกเว้นให้ครั้งหนึ่งก็แล้วกัน”

     

     

    ซึ่งถ้าแปลภาษาคริสตัลเป็นสากลอีกทีล่ะก็ หมายถึงเธอตกลงเรื่องไปงานพร็อมแล้ว (แต่คงต้องอ้อนถามเรื่องฮอกส์มี้ดอีกทีถ้ามีโอกาส)

     

     

     

     

     

     

     

    คิมจงอินจำต้องนอนเปื่อยอยู่ในห้องพยาบาลเกือบสี่ชั่วโมงเพราะรอกระดูกสมานตัว โดยที่ระหว่างนั้นมีเพื่อนสนิทสลับกับกัปตันทีมเข้ามานั่งเป็นเพื่อนอยู่ตลอด ซึ่งถ้าให้แบ่งอัตราส่วนจริงๆแล้ว จงอินเห็นหน้าอีแทมินและผองเพื่อนแค่ชั่วโมงเดียว ส่วนชานยอลมาหลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่าๆเพราะต้องพูดคุยภายในทีมควิดดิช รวมถึงยืนข่มอารมณ์มองโอเซฮุนขึ้นรับถ้วยรางวัลกับคะแนนพิเศษอีกสองร้อยคะแนนให้บ้านสลิธีรินทั้งรอยยิ้ม ซึ่งดีแล้วที่เขาไม่อยู่ตรงนั้น จงอินอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเขาใช้คาถาวิงการ์เดียม เลวิโอซ่ายกหมอนั่นกระแทกกับพื้นสักสิบรอบจะยังยิ้มออกอยู่ไหม หรือจะเลวิคอร์พัสดีล่ะ ให้เลือดตกหัวตายไปเลย

     

     

    “ดูทำหน้าเข้า ยังแค้นอยู่หรือ” ชานยอลเอ่ยถาม มือก็แกะห่อช็อกโกแลตกบไปด้วย

     

     

    “แค้นสิ ทั้งที่ฉันกำลังจะคว้าลูกสนิชได้อยู่แล้ว” จงอินถอนหายใจ นึกรำคาญอาการปวดหนึบๆตอนกระดูกสมานตัวใกล้เสร็จเต็มที “ถ้าไม่เพราะโอเซฮุนเล่นโกง ป่านนี้กริฟฟินดอร์ได้แชมป์สมัยที่หกติดกันไปแล้ว”

     

     

    ไม่เพียงเท่านั้น ตั้งแต่ขึ้นปีสี่มาเซฮุนก็กลายเป็นดาวเด่น (มหาอำนาจ) ของสลิธีรินไปเสียฉิบ ไม่ว่าหมอนั่นจะเรียน เล่น หรือแม้แต่แข่งควิดดิชก็มักจะโดดเด่นเกินทุกคนอยู่เสมอ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจงเกลียดจงชังคิมจงอินมากหรือไร ถึงได้เอาแต่หาเรื่องกวนประสาท ยักคิ้วหลิ่วตาจนน่าโมโหทุกครั้งที่เจอกันแบบนี้ พอมากเข้าก็หาโอกาสกลั่นแกล้งกันด้วยวิธีแย่ๆอย่างส่งจดหมายกัมปนาทมาทักทาย ติดสินบนเอลฟ์ห้องครัวสำหรับอาหารรสห่วย และล่าสุด ทำลายศักดิ์ศรีเขาด้วยความพ่ายแพ้อย่างไม่ชอบธรรม

     

     

    ชานยอลยัดช็อกโกแลตกบใส่ปากคนที่กำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ซ้ำยังให้เขากัดหักมันครึ่งหนึ่งก่อนจะเอาที่เหลือใส่ปากตัวเองหน้าตาเฉย “หมอนั่นเก่งจริงๆนั่นแหละ ทั้งฝีมือและเรื่องแกมโกงน่ะนะ”

     

     

    จริงๆนะ จงอินคิดว่าชานยอลน่าจะโมโหโทโสอีกสักหน่อย ทั้งที่ฝึกซ้อมกันแทบตาย แต่ดันมาแพ้ให้การโกงโง่ๆแบบนี้มันไม่คุ้มเอาเสียเลย ไม่รู้ทั้งมาดามฮูซ ทั้งพิธีกรมองข้ามไปได้อย่างไร คงเป็นเพราะตอนนั้นคนตรงหน้าเขากำลังถูกลูกบลัดเจอร์หวดใส่อย่างถึงพริกถึงขิงอยู่กระมัง ถ้าไม่ใช่ปาร์คชานยอลล่ะก็คงร่วงเป็นเพื่อนจงแดไปแล้ว

     

     

    “แล้วคนอื่นเป็นไงบ้าง”

     

     

    “นายหนักสุด” ชานยอลตอบสั้นๆ ซึ่งก็คงจะจริง ไม่อย่างนั้นเตียงข้างกันคงไม่ว่างจนถึงตอนนี้หรอก “แต่ก็มีเรื่องดีเกิดขึ้นไม่ใช่หรือ”

     

     

    พูดถึงเรื่องนั้นแล้วคิมจงอินก็แทบจะยิ้มแก้มปริ รู้กันทั้งบ้านว่าเขาจีบคริสตัลมาตั้งแต่ปีสี่ ทั้งหยอด ซื้อของขวัญมาให้ สารพัดสารเพจะเสี่ยงกับการโดนสาวเจ้าด่าตอก แต่น้ำเซาะหิน หินยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจผู้หญิง

     

     

    “สงสัยต้องหาซีกเกอร์ใหม่แล้วมั้ง” กัปตันทีมกระเซ้าเสียงเข้ม

     

     

    “ฉันไม่ติดผู้หญิงจนลืมควิดดิชหรอกน่า” จงอินหัวเราะลั่น ถึงจะชอบคริสตัลมากมายแค่ไหน แต่ใช่ว่าเขาจะยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปหาเธอเสียเมื่อไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความใฝ่ฝันตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบเข้าฮอกวอตส์ด้วยแล้ว “ขี้คร้านจะได้เป็นกัปตันทีมคนต่อไปด้วยใช่ไหมล่ะ”

     

     

    ชานยอลเลิกคิ้ว จริงอยู่ที่ถ้าเขาเรียนจบไปแล้ว ตำแหน่งคงถูกส่งต่อถึงจงอินซึ่งอายุน้อยกว่าสองปี ประสบการณ์หัวหน้าทีมควิดดิชแค่นั้นก็เกินคุ้ม ยิ่งถ้าสามารถสร้างชัยชนะเจ๋งๆได้จนมีโล่วางประดับตู้ในบ้านล่ะก็ “ฉันแต่งตั้งจงแดไม่ก็เอมิลไม่ดีกว่าหรือ -- นายเองก็เถอะ เตรียมตัวสอบว.พ.ร.ส.เสียบ้าง ฉันเห็นจงแดเจียดเวลาอ่านหนังสือจนตาแฉะแล้ว”

     

     

    “เปลี่ยนเรื่องกันอย่างนี้เลย”

     

     

    “หรือจะให้ฉันพูดเรื่องที่อยากขัดขวางไม่ให้นายไปพร็อมกับคริสตัลล่ะ”

     

     

    เขามองรอยยิ้มของกัปตันทีม เดาว่าเรากำลังจะพ้นเรื่องควิดดิชไปไกลโขแล้ว

     

     

    “ถ้านายอยากฟังเกี่ยวกับเรื่องนั้น เชื่อเถอะว่าฉันพูดได้ไม่รู้เบื่อ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันแรกหลังจากชัยชนะของสลิธีริน โอเซฮุนเดินเข้ามาในห้องอาหารท่ามกลางสายตาที่มองเขาประหนึ่งฮีโร่ อ้อใช่ แต่ไหนแต่ไรเซฮุนค่อนข้างดังอยู่แล้ว ดังและดีขนาดที่ว่าสาวๆกริฟฟินดอร์หลายคนมองข้ามสงครามระหว่างบ้าน ส่งทั้งดอกไม้ ช็อกโกแลต หรือแม้แต่จดหมายเดทแนบรูปส่งจูบของตัวเองมาจนเซฮุนแทบจะจ้างคนคอยรับนกฮูกพวกนั้นด้วยซ้ำไป

     

     

    ร่างสูงโปร่งทิ้งตัวลงนั่งที่ประจำบนโต๊ะตัวยาว ทอดสายตามองไปรอบๆหวังจะเห็นใครบางคนออกมากินมื้อเช้าได้แล้ว วันนี้จงอินคงไม่เดินขากะเผลก เพราะที่เขาแก้เผ็ดโดยการปล่อยให้ตกลงกระแทกกับพื้นนั่นก็ไม่ได้เกินความสามารถมาดามห้องพยาบาลนัก ไม่อย่างนั้นคนอวดเก่งคงไม่กล้าทำลายน้ำใจเขาด้วยการจงใจดึงให้ตกลงไปด้วยกันหรอก

     

     

    พูดแล้วก็ยังหัวเสียไม่หายจนถึงตอนนี้ ทั้งที่เขาน่าจะได้จูบลูกสนิชแล้วเหาะรับชัยชนะไปรอบๆสนามให้สมกับโอกาสหายากของสลิธีรินเสียหน่อย แต่กลายเป็นว่าส่วนโง่ๆในจิตใจดันไวกว่าด้วยการสั่งให้ทำตรงกันข้าม เพราะคิมจงอินคงเจ็บหนักแน่ๆถ้าตกลงไปสูงขนาดนั้น ขี้คร้านจะไม่รอดมาให้เขาแกล้งอีก ซึ่งไม่ต้องถึงกับสมมติเลยว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ -- เพราะจะไม่มีวัน ตราบใดที่เขายังอยู่ตรงนั้น

     

     

     ยอมรับก็ได้ว่าเล่นแรงไปหน่อยที่ลงทุนปัดไม้กวาดให้เสียหลัก แต่เรื่องเหนือความคาดหมายก็ผ่านไปได้ด้วยดี อย่างน้อยจงอินก็กำลังเดินหน้าระรื่นเข้ามาพร้อมกลุ่มเพื่อนโดยไม่หลงเหลืออาการเจ็บปวดแล้ว

     

     

    เมื่อเห็นเขา นัยน์สีเข้มคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นมองขวางจนบึ้งตึง กระฟัดกระเฟียดเก็บเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาฝังใจแค้นเป็นตุเป็นตะ เซฮุนได้แต่ก้มหน้าลงใต้โต๊ะเพราะจะแอบหัวเราะขำ ร้อนจนเอดิสันที่นั่งอยู่ข้างๆต้องรีบสะกิดด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาทั้งที่ริมฝีปากยังลอบอมยิ้ม มองตรงไปยังคิมจงอินพร้อมทั้งสบถในใจว่าน่ารักเป็นบ้า

     

     

    “อารมณ์ดีมากหรือ” เอดิสันเดา แล้วยังคิดต่อด้วยว่าที่เซฮุนอารมณ์ดีหนักหนาคงเพราะชนะนัดแข่งควิดดิชเมื่อวาน แถมยังได้คะแนนพิศวาสจากน้ำใจนักกีฬา (ที่หาได้ยากยิ่งจากสลิธีริน) อีก

     

     

    “ฉันดูเป็นอย่างนั้นใช่ไหม” เซฮุนจิ้มเบคอนเข้าปาก แถมยังตามด้วยไข่ดาวกับขนมปังทาเนยเค็มที่แสนจะธรรมดา

     

     

    “โอ มันก็ดีอยู่หรอกที่นายจะมีความสุขขนาดนี้ แต่ฉันนึกไม่ออกจริงๆว่าต้องมากขนาดไหน ถึงมีอารมณ์มองคนอื่นแล้วยิ้มไปทั่ว” คราวนี้เซฮุนเลิกคิ้วชี้หน้าตัวเอง เขาเนี่ยนะทำแบบนั้น เอดิสันจึงรีบสำทับว่าใช่พร้อมแจงเหตุผล “ก็ฉันเห็นนายมองโต๊ะพวกกริฟฟินดอร์ คงสะใจน่าดูล่ะซีที่ชิงถ้วยรางวัลมาได้”

     

     

    อันที่จริงเซฮุนปล่อยให้ทุกคนเข้าใจแบบนั้นมาตลอด อาจเป็นเพราะเขาไม่ใส่ใจหรือจงใจให้มันดูเป็นเช่นนั้น คงตลกน่าดูถ้าหากมีใครดูออกว่าโอเซฮุนชอบมองคิมจงอินในแบบที่เป็นความรู้สึกด้านบวกบวกบวก อูย แค่คิดแทนคนพวกนั้นก็ขนลุกขึ้นมาตงิด แต่เผอิญมันเป็นความจริงเสียด้วยสิ

     

     

    ความจริงที่ว่าโอเซฮุนอยากได้สนิชสีแดงลูกนั้นใจแทบขาด

     

     

     

     

    “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

     

     

    ซีกเกอร์บ้านสิงโตลุกขึ้นตบโต๊ะพลางตะโกนเสียงดัง เด่นจนนักเรียนไม่เลือกชั้นปีในห้องอาหารต่างพากันหันไปมองร่างโปร่งในชุดสเวตเตอร์กับเนคไทสีแดงสลับเหลืองก้าวฉับๆข้ามห้องมาอีกฝั่ง แล้วภาพที่ไม่มีใครในที่นี้อยากเห็น (หรืออาจจะอยาก) ก็เกิดขึ้น เมื่อสองมวยคู่เอกในนัดที่เป็นทอล์กออฟเดอะฮอกวอตส์ของเมื่อวานกำลังยืนประจันหน้าโดยมีโต๊ะอาหารคั่นกลาง ส่วนโอเซฮุนก็ไหวไหล่สบายๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเหมือนรอเพื่อนทักทายกันด้วยท่าฮิปฮอปอะไรเถือกนั้น

     

     

    จงอินสะบัดทั้งแทมและคีย์ที่ตามมาห้าม ก่อนจะชี้หน้าด่าทอกัปตันบ้านสลิธีรินด้วยความเหลืออด “ว่าไงล่ะ ภูมิใจมากเลยล่ะสิกับเรื่องเมื่อวานน่ะ”

     

     

    “ใครๆก็ว่าฉันมีน้ำใจนักกีฬานะ แต่น่าเสียใจที่นายไม่ยอมรับมัน”

     

     

    คนถูกกระแนะกระแหนเหน็บกลับ เป็นเชื้อเพลิงให้คนที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งโกรธจนตัวสั่นมากขึ้นไปอีก จงอินทำท่าเหมือนจะปีนข้ามโต๊ะมาต่อยเขา หรือไม่ก็คงอยากหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาเสกคำสาปกรีดแทงให้ตายกันไปข้าง โชคดีจริงๆที่เซฮุนอยู่ในฮอกวอตส์ ไม่อย่างนั้นเขาคงตายไปแล้วมั้งนี่! (ประชด)

     

     

    “น้ำใจหลังจากเล่นสกปรกน่ะหรือ” คนฟังแค่นเสียงเหอะ แทบลืมความเจ็บปวดของการขาหักไปแล้ว “คงอยากชนะมากสิท่า เพราะลำพังแข่งตามกฎกติกาคงไม่ชนะ”

     

     

    ได้ยินอย่างนั้นเซฮุนก็ผิวปาก เอาสองมือที่ล้วงเก็บในกระเป๋ากางเกงออกมาเท้ากับขอบโต๊ะ โน้มตัวเข้าไปใกล้คนตรงหน้าคล้ายจะยั่วโมโหด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนน่ากลัว

     

     

    “อยากสิ เพราะฉันไม่ใฝ่ต่ำอยู่กับความขี้แพ้แบบเดิมๆไง” ดวงตาสีรัตติกาลพราวระยับ “แล้วก็ไม่ใช่ว่านายก็อยากชนะหรอกหรือ ถึงได้ลงทุนดึงฉันให้ตกตามกันไปแบบนั้น”

     

     

    จงอินโกรธจนพูดไม่ออก ปล่อยให้มือแกร่งของคนตรงหน้ายกขึ้นจับไหล่เขากดเข้ามาใกล้ ใช้เสียงที่พูดประโยคเดียวกับเมื่อครู่กระซิบข้างหู มันทั้งแหบพร่า น่ารังเกียจ แล้วก็ดูแคลนคิมจงอินได้เจ็บแสบยิ่งกว่าการกลั่นแกล้งครั้งไหนๆ

     

     

    “ถ้าอยากเอาตัวเข้าแลกมากขนาดนั้น...”

     

     

    กัปตันบ้านสลิธีรินบีบไหล่เขา ขณะใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆผ่านเนื้อผ้าเป็นการหยอกเย้า

     

     

    “แนะนำว่าถ้าเป็นแบบอื่นน่าจะชื่นใจกว่าเยอะ”

     

     

    โอเซฮุนเดินจากไปแล้ว ทิ้งคิมจงอินเอาไว้ด้วยสายตาเดียวกับตอนปล่อยเขาตกสู่พื้นสนาม ไม่นานนักปาร์คชานยอลก็วิ่งโร่เข้ามาหลังจากถูกตามมาช่วยห้ามทัพ ไม่มีใครรู้ว่าคำพูดลับนั้นเป็นอย่างไร รู้แค่ว่ามันมากพอให้ซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์ตัวสั่นยิ่งกว่าเก่า มือสองข้างบีบเข้าหากันเป็นกำปั้นแทนอารมณ์ซึ่งปะทุอยู่ในอก มีคำหยาบคายมากมายที่คงจะถูกสบถออกมาแล้ว ถ้าไม่เพียงแต่ร่างสีแทนโดนรุ่นพี่ปีเจ็ดคนดังลากหนีออกไปเสียก่อน

     

     

    โชคดีว่าควิดดิชนัดหน้ากริฟฟินดอร์ต้องแข่งกับฮัฟเฟิลพัฟ ไม่อย่างนั้นคงจะมันส์สะเด็ดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จงอินปล่อยให้ปลายผ้าคลุมสีดำแดงปลิวไสวขณะพยายามเดินหนีรุ่นพี่ปีเจ็ดที่ลงทุนช่วยเดินมาคุมเขาถึงหอคอยทางทิศเหนือ แน่ล่ะ ถ้าเข้าไปนั่งเรียนด้วยได้ล่ะก็ปาร์คชานยอลคงทำมันไปแล้ว! ไม่ใช่มัวแต่สำทับเพื่อนร่วมบ้านอย่างแทมกับคีย์ที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของเพื่อนอารมณ์ร้อน ซึ่งถ้าจะมีอะไรทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นได้บ้าง ขอให้มั่นใจไว้เถอะว่าคงไม่ใช่กลิ่นชะมดฉุนๆแบบนี้แน่นอน

     

     

    ทำไมชานยอลถึงต้องทำขนาดนั้น? สาเหตุก็เพราะทั้งหมดรู้ดีว่าเมื่อเข้าเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์จะต้องเจอกับเจ้าของผ้าคลุมหลากสี ไม่เว้นแม้แต่สีเขียวที่มีโอเซฮุนจอมวายร้ายรวมอยู่ด้วย กลุ่มของเขาเลือกลงวิชานี้ครั้งแรกตอนปีสามเพราะพวกรุ่นพี่บอกว่ามันง่าย (โม้นิด มโนหน่อย คะแนนก็ลอยมา!) ก่อนคิมจงอินจะบอกว่าไม่เอาล่ะ ปีสี่ขอย้ายไปเลือกเรียนวิชามักเกิ้ลศึกษาแทนยังดีเสียกว่า แต่พอเทียบผลคะแนนที่ออกมา นักเรียนปีห้าย่างพวกเขาก็เลือกโม้นิดมโนหน่อยเหมือนเดิมอย่างจำใจ

     

     

    “ถ้านายถูกกักบริเวณจนเราไมมีซีกเกอร์ไปแข่งกับฮัฟเฟิลพัฟล่ะก็น่าดู”

     

     

    ชานยอลขยี้เรือนผมเขาจนยุ่งเหยิง ก่อนจะเร่งฝีเท้าวิ่งออกไปเพื่อไม่ให้ตัวเองเข้าเรียนวิชาเวทมนตร์คาถาของศาสตราจารย์ฟลิตวิกสายไปกว่านี้ เป็นอันรู้กันว่าช่วงนี้คนตัวสูงค่อนข้างเครียดและหันกลับมาตั้งใจเรียนเป็นพิเศษเพราะต้องเตรียมตัวสอบวัดระดับความรู้พ่อมดเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ (ส.พ.บ.ส.) อีกทั้งการสอบเข้าเป็นมือปราบมารที่ชานยอลเคยเล่าให้ฟังนั้น จะรับเฉพาะแค่ผู้ที่มีผลการเรียนระดับเกินความคาดหมาย (ก) ซึ่งนั่นมันหินยิ่งกว่าอะไรดีสำหรับนักกีฬาอย่างพวกเขา

     

     

    เส้นทางชีวิตของปาร์คชานยอลเริ่มชัดเจนแล้ว นั่นยิ่งทำให้คิมจงอินต้องคิดมากกว่าเก่าว่าในการเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาประจำบ้านครั้งหน้า เขาควรมีคำตอบเรื่องความคาดหวังในการประกอบอาชีพเวทมนตร์ให้หล่อนได้หรือยัง

     

     

    เอาเป็นว่าเปลี่ยนกลับมาที่เรื่องจงอินไม่ชอบกลิ่นชะมดในห้องเรียนที่แสนคับแคบของวิชาพยากรณ์ศาสตร์เอาเสียเลย ศาสตราจารย์ทรีลอนีย์ทำตาโตเมื่อเห็นนักเรียนกริฟฟินดอร์สามคนเดินแทรกบทเรียนของเธอเข้ามา แต่ก็ยินดียิ่งกว่าที่ไม่มีคนโดดเรียนไปมากกว่านี้

     

     

    “อู้ว หาที่นั่งของพวกเธอเลยจ้ะสุดหล่อ ได้เวลาที่เราต้องเริ่มเพ่งมองอนาคตกันแล้ว” หล่อนขยับลูกแก้วทำนายไปข้างโต๊ะ ก่อนจะทอดสายตาผ่านแว่นกรอบกลมหนาๆไปรอบห้อง

     

     

    และการที่เห็นใครบางคนนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนชุดเขียวบนที่นั่งทางฝั่งด้านใน ทำให้จงอินแทบไม่ต้องคิดเลยว่าเขาควรเลี้ยวเดินขึ้นไปนั่งบนแถวใกล้ประตูนี่แหละ ให้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโอเซฮุนและบ้านสลิธีรินคือเรื่องถนัดของเขาอยู่แล้ว

     

     

    ตลอดการสอนของศาสตราจารย์สาวแว่นตัวผอม คิมจงอินและผองเพื่อนกลับใช้เวลาไปกับการทำการบ้านวิชาอักษรรูนโบราณโดยไม่ลืมที่จะเงยหน้าขึ้นไปพยักหงึกหงักและส่งยิ้มให้อาจารย์ผู้สอนเป็นครั้งคราว กระทั่งเธอพูดจนพอแล้วนั่นแหละ เขาถึงรู้ตัวว่าสงสัยจะต้องกินข้าวกลางวันพร้อมปั่นการบ้านให้เสร็จทันคาบบ่ายเสียแล้ว

     

     

    “ฉันอยากให้ทุกคนหลับตาลง จากนั้นก็ทำสมาธิเพ่งมองไปในความมืดจนกว่าจะเห็นตัวเองนะจ๊ะ” ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์สาธิต เธอปิดเปลือกตาหลังกรอบแว่นจนพริ้ม ปากก็ขยับนำร่องนักเรียนในชั้นที่พากันทำตามจนทั้งห้องเงียบกริบ “ในนิมิตนั้น เธออาจจะเห็นตัวเองในรูปลักษณ์ที่แตกต่าง โตขึ้น หล่อเหลา สวยงาม ใส่ชุดสูทเข็มกลัดกระทรวงเวทมนตร์หรือกลายเป็นแฟชั่นนิสต้าสุดเซ็กซี่”

     

     

    จงอินกลอกตา มองไปข้างๆก็เห็นแทมกับคีย์กำลังหลับตาทั้งคิ้วขมวดมุ่น นึกปรามาสในใจว่าเขาไม่เห็นอะไรในวิชานี้มาตั้งแต่ปีสามแล้ว นั่นหมายความว่ามันเชื่อไม่ได้อย่างที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบ่นให้ฟังนั่นแหละ แต่ในเมื่อไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่านี้ เขาก็จำต้องนั่งทางในเพื่อให้จบๆไปเสียที

     

     

    ในความมืดนั้นคิมจงอินไม่เห็นอะไร มัวแต่กังวลว่าจะทำการบ้านวิชาอักษรรูนเสร็จไหม แข่งควิดดิชนัดหน้าจะผ่านไปได้ด้วยดีหรือเปล่า แล้วข้อสอบว.พ.ร.ส.เป็นอย่างไร แต่เมื่อเวลาเริ่มนำพาให้ความนึกคิดดำดิ่ง ความมืดที่แสนวุ่นวายก็ค่อยๆสงบนิ่ง ก่อนจะมีภาพเลือนรางปรากฏขึ้นมาแทนที่อย่างน่าเหลือเชื่อ

     

     

    จงอินรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว เขาเห็นหมู่บ้านรกร้างท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน เห็นลำแสงแปลบปลาบสะท้อนผ่านไปมาอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มมีแต่ความวิตกกังวล โกรธแค้นโดยไม่รู้ที่มาที่ไป พลันอกซ้ายก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเพียงแค่เห็นเค้าร่างของเงาดำบางอย่างที่ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น หัวใจบีบรัดจนปวดหนึบ ความคุ้นเคยที่เป็นปริศนาระเหยหายไป

     

     

    ตรงหน้าเขาคือโอเซฮุนในรูปลักษณ์แปลกตา ผู้ชายคนนั้นชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางเขา

     

     

    เขา ซึ่งก็คือคิมจงอินที่พร่ามัว ก่อนจะชัดเจนขึ้นเป็นใบหน้าของแทมที่ร้องเรียกอย่างเป็นห่วง

     

     

     

     

    “จงอิน! จงอิน!

     

     

    เจ้าของชื่อสะดุ้งจนตัวโยน ดวงตาสีเข้มทอดมองไปรอบๆ สบกับสายตาของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่พากันมองมาเป็นตาเดียว รวมถึงศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ที่ยืนขึ้นตรงโต๊ะวางลูกแก้วพยากรณ์ของเธอ ขมับชื้นไปด้วยเหงื่อ ร่างกายร้อนวูบวาบเหมือนคนจะเป็นลม จากนั้นจึงค่อยๆดีขึ้นและกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

     

     

    “ฉันไม่เป็นไร...” จงอินตอบเสียงพร่า โบกมือปัดๆให้แทมที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยเกินควร

     

     

    “เธอเห็นอะไรอย่างนั้นหรือคุณคิม” อาจารย์ผู้สอนหรี่ตามอง ริมฝีปากเคลือบรอยยิ้มแปร่งปร่า

     

     

    แต่ยังไม่ทันจะเรียบเรียงอะไรมาตอบได้ ความสนใจของศาสตราจารย์สาวแว่นก็ถูกหักเหไปหาโอเซฮุน ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวยกมือขึ้นจนสุดแขน กลีบปากบางขยับว่านิมิตที่อ้างว่าเห็นออกมาทั้งรอยยิ้มหล่อเหลา

     

     

    “ผมเห็นตัวเองกับครอบครัวกำลังไปเที่ยวแคริบเบียนแบบมีความสุขมากๆครับ”

     

     

    ดูก็รู้ว่าโกหกหน้าตายไม่ใช่หรือวะนั่น จงอินคิด

     

     

    “แหมคุณโอ ชีวิตครอบครัวของเธอคงจะมีความสุขสงบมากจริงๆนะจ๊ะ อย่างนั้นฉันก็ขอเอาใจช่วยด้วยสิบคะแนนสำหรับสลิธีรินแล้วกัน”

     

     

    ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์หันกลับมาหาเขาแล้ว ดูท่าจะสนใจนักหนาว่านิมิตแบบไหนที่ทำให้นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์เหงื่อแตกพลั่กได้ ซึ่งก็ตลกสิ้นดีว่าเขาบังคับสายตาตัวเองที่กำลังเหลือบมองโอเซฮุนไม่ได้ ถ้าจะต้องเห็นอนาคตอะไรสักอย่างของตัวเองแล้ว ในนั้นไม่ควรมีหมอนี่อยู่ด้วยซ้ำ หรืออันที่จริงมันคงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไรที่เราต่างอยู่ในสถานะหันไม้กายสิทธิ์ใส่กัน

     

     

    เมื่อเห็นสายตาของเขา เซฮุนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองตอบมา ริมฝีปากเคลือบรอยยิ้มค่อยๆหุบลงจนราบเรียบ

     

     

    “ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวไปห้องพยาบาลนะครับ”

     

     

    คิมจงอินผุดลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปพร้อมสัมภาระ ฝีเท้าเร่งรีบเดินไปตามทางเดินลงจากหอคอยทิศเหนือ ก่อนจะสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อหันไปเห็นเจ้าของเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินตามมา ซึ่งไม่ใช่แทม คีย์ หรือว่าเพื่อนร่วมบ้านคนไหน หากแต่เป็นผู้ชายในนิมิตของเขา

     

     

    คนที่ทำให้คิมจงอินในความฝันรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งใจ

     

     

     

     

     

     

    -------------------------------------------

     

    กี๊ด ตอนแรก เอะอะมะเทิ่งอะไรถึงมาเขียนเป็นเรื่องยาวกันได้ล่ะหื๊อ

    ในฟิคเรื่องนี้ เราปรับเปลี่ยนประเพณีของฮอกวอตส์นิดหน่อย

    โดยเพิ่มงานเต้นรำประจำปีช่วงคริสมาสต์เข้าไปค่ะ หวังว่าจะไม่งงกันนะคะ

     

    ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช นะคะ

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×