คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 05 | โรงหมออวี้
王子和雨
WHEN THE RAIN FALLS,
OHSEHUN l KIMJONGIN
- OHARHA -
( 5 )
โรงหมออวี้
ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงก็มาถึงโรงหมอซึ่งเปี้ยนป๋ายเซียนว่าเอาไว้ในที่สุด ทันทีที่ได้เห็น ลู่หานถึงกับลมจับ ถ้าไม่ติดว่าต้องช่วยประคองนายของตนเอาไว้ในระหว่างบาดเจ็บ บ่าวผู้ซื่อสัตย์คงได้ออกอาการโวยวาย ทุบซ้ายทุบขวาจนกว่าจะได้โรงพยาบาลระดับห้าดาวพร้อมห้องสูทลักซ์เซอรี่แบบมีพยาบาลเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไปแล้ว
“กระท่อมนี้น่ะหรือที่เรียกว่าโรงหมอ!? นี่พวกเจ้าจะบ้าหรือไง ในที่แบบนี้คุณชายมีหวัง...”
“หัวสูงจริง” จงอินบ่นเสียงเบาหวิว
ซื่อชุนทำท่าเหมือนจะล้มคะมำได้ทุกเมื่อ ใบหน้าซีดเผือด หายใจเร็วขึ้น อีกทั้งเลือดตรงปากแผลก็ยังไม่หยุดไหล ท่อนแขนบวมแดงจนน่ากลัวว่าจะได้รับพิษมามาก ก่อนหน้านี้คิมจงอินทำการปฐมพยาบาลให้เท่าที่จำเป็นแล้ว จากนี้จะดีร้ายอย่างไรให้ขึ้นอยู่กับฝีมือแพทย์ยุคนี้ก็แล้วกัน
“ท่านหมออวี้”
ป๋ายเซียนตะโกนเรียก ไม่นานนักประตูกระท่อมก็ถูกเปิดออกโดยชายวัยกลางคนในชุดสีเขียวขี้ม้า ผิวขาว หน้าตาใจดี ไว้หนวดเหมือนกับกงซุนเช่อในเรื่องเปาบุ้นจิ้นที่เคยดูเมื่อนานมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“โอ้ รีบพาเขาเข้ามาเถอะ” ท่านหมออวี้เป็นเหมือนหมอท้องถิ่นที่คอยรักษาชาวบ้านในแถบนี้มาเนิ่นนาน คุ้นเคยกับการรักษาอาการอันมีเหตุมาจากป่า ไม่ว่าจะเป็นงูกัดหรือป่วยไข้ด้วยอาการแปลกๆ เมื่อถึงมือหมออวี้ก็ล้วนมีชีวิตรอดกลับไปหาครอบครัวทั้งสิ้น “คุณชายผู้นี้ไปโดนอะไรมาหรือ”
ลู่หานประคองซื่อชุนให้นั่งพักบนเตียงผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นอาการและรอยเขี้ยว หมออวี้ก็เปลี่ยนคำถามในทันทีทันใด
“อาการเป็นอย่างไรบ้าง”
“เขาโดนงูเขียวหางไหม้กัดเมื่อราวสามสิบนาทีก่อน แผลมีอาการปวดและบวมในทันที นอกจากนั้นยังอาจมีภาวะดีไอซี -- อืม คงไม่ถึงขั้นนั้น... เลือดแข็งตัวช้าเพราะพิษมีผลต่อระบบโลหิต เบื้องต้นได้ทำการล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ระหว่างเดินทางมาที่นี่ก็เริ่มมีอาการหน้ามืดซึ่งน่าจะมาจากความดันต่ำ หายใจเร็ว คาดว่าคงได้รับพิษในระดับปานกลางค่อนไปทางมากครับ”
จงอินอธิบายละเอียดยิบ ทำเอาคนฟังกะพริบตาปริบ ส่วนอีกสามชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อนหน้านี้กลับเริ่มจะชาชินเสียแล้ว
“ข้าเข้าใจแล้ว” หมออวี้แตะนิ้วลงบนข้อมือในตำแหน่งวัดชีพจร “ชีพจรเต้นเร็วมาก”
เมื่อได้ตรวจอาการอย่างถี่ถ้วนตามวิถีแพทย์โบราณ หมออวี้ก็ฝากฝังให้เขาคอยสังเกตอาการของซื่อชุนระหว่างรอตนไปเตรียมยา จงอินไม่แปลกใจเท่าไรนักที่การแพทย์สมัยนี้จะรักษาผู้ป่วยถูกงูพิษกัดด้วยการพอกยา เพราะการไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือหรือยาแผนปัจจุบันก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา กลัวก็แต่แผลจะติดเชื้อเพราะการใช้สมุนไพรเหล่านั้น ซึ่งจงอินคิดว่ามันคงเป็นปัญหาใหญ่ของตระกูลคุณชายนี่ในอนาคตแน่ๆ
“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง” เขาถามซื่อชุนซึ่งเริ่มไอค่อกแค่ก ด้วยสายตาที่ว่องไว มือสีแทนก็ยกขึ้นบีบปากอีกฝ่ายเบาๆ แล้วบิเปิดออก เป็นอย่างที่คิด เริ่มมีเลือดออกตามไรฟันแล้ว อีกสักพักก็จะไอเป็นเลือด เป็นการบอกว่าก่อนหน้านี้ งูเขียวตัวนั้นปล่อยพิษมาให้ผู้ชายคนนี้เยอะพอสมควรทีเดียว
“ข้ายังทนไหวอยู่” ซื่อชุนตอบไม่ตรงคำถามเอาเสียเลย
“ไหนเจ้าว่าคุณชายจะไม่เป็นอะไรมากอย่างไรเล่า” ลู่หานถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง พอเข้าใจถึงความร้อนใจของผู้ติดตามเป็นอย่างดี บ่อยครั้งญาติผู้ป่วยก็มักจะแสดงความวิตกกังวลเช่นนี้เมื่อเห็นอาการไม่สู้ดีนัก
“ไม่ต้องเป็นห่วง หากเขาไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร พิษของงูเขียวหางไหม้ก็มีเปอร์เซ็นต์ทำให้เสียชีวิตต่ำมาก”
ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็ขมวดคิ้ว “ข้าคิดว่าเจ้ามีวาจาแปลกพิกล”
“เขาไม่ใช่คนที่นี่น่ะ”
ป๋ายเซียนโพล่งตอบแทน หากจงอินคิดว่านี่ไม่ใช่การกลบเกลื่อนช่วยเหลือ แต่เป็นเพราะนึกสงสัยใคร่รู้เช่นเดียวกันต่างหาก อย่างนั้นแล้วเขาควรตอบอะไรเล่า บอกว่าทะลุมิติมาอยู่ในร่างจินจงเหรินหรืออย่างไรกัน
“อย่างนั้นหรือ” เป็นคุณชายซื่อชุนที่ส่งสายตาซึ่งเต็มไปด้วยคำถาม คงหวังจะได้ยินอะไรจากปากคนตกเป็นประเด็นขึ้นมาบ้างกระมัง “หากเจ้ามิใช่คนลั่วหยาง เช่นนั้นแล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใคร มาจากที่ใดกัน”
“พูดมากแบบนี้ไม่ทรมานหรือไง” จงอินตัดบท ขืนบอกไปว่าความจำเสื่อมกับคนที่ไม่รู้จัก มีแต่จะส่อพิรุธและเปิดช่องทางเอาเปรียบเสียเปล่าๆ “อยู่นิ่งๆ แล้วก็อย่าถามเยอะด้วย”
ซื่อชุนยกมือปรามลู่หานไม่ให้อารมณ์ขึ้นเพราะคำสั่งของคนแปลกหน้า หากเทียบนายบ่าวแล้ว ตัวคุณชายดูจะสุขุมนุ่มลึกกว่ามาก อีกทั้งยังเก่งเรื่องการรักษาสีหน้าท่าทางไม่ให้แสดงออกเยอะจนเกินไปอีกด้วย บางทีอาจมาจากตระกูลสูงศักดิ์ของยุคนี้จริงๆ
ในที่สุดหมออวี้ก็กลับออกมาพร้อมด้วยยาบดในชาม ก่อนจะพอกมันบนแผลแล้วกล่าวว่านี่เป็นว่านที่ใช้แก้ทางพิษงูได้ดีชนิดหนึ่ง หัวใจแพทย์แผนปัจจุบันของจงอินเต้นระรัว เขากลัวว่าการรักษาเช่นนี้จะนำมาสู่อาการแผลติดเชื้อ ทว่ากลับไม่สามารถโต้แย้งอะไรออกไปได้ด้วยเพราะไม่อาจสรรหาหนทางที่ดีกว่าขึ้นมาได้ เขาไม่มีความรู้เรื่องยาสมุนไพร และถึงมีม้าสำหรับใช้เป็นแหล่งผลิตเซรุ่มที่ถูกต้อง แต่คิมจงอินก็ยังไม่ใช่เภสัชกรและไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับแยกแอนติบอดี้ออกจากเลือดม้าอยู่ดี
“คงปวดหนักอย่างนี้อยู่สักสามสี่วัน จากนั้นจึงจะค่อยๆ ทุเลาลง” หมออวี้อธิบาย ได้ยินเช่นนั้นสองนายบ่าวก็ทำหน้าหนักใจ
“สามสี่วันเชียวหรือท่านหมอหลวง” ลู่หานถามเสียงอ่อน
“ข้ายังเดินทางได้หรือไม่” ซื่อชุนยิงคำถามออกไปกลางปล้อง
“ได้ แต่หากร่างกายทรุดลงก็คงจะลำบากนะท่าน” หมอชาวบ้านเอ็ดด้วยท่าทางใจดี จงอินพอเข้าใจเหตุผลว่าควรจะรอดูอาการในช่วงระยะเวลาสามสี่วันนี้จริงๆ ถึงงูเขียวหางไหม้จะเป็นงูพิษอ่อน แต่ตามสถิติแล้วก็ใช่จะไม่มีผู้เสียชีวิตเลย บางคนอาการวันที่สองนั้นหนักกว่าในวันแรกมากนัก “พักฟื้นเสียหน่อยเถิด เกิดอะไรขึ้นมาจะได้ไม่คุ้มเสีย”
เมื่อรู้สถานะของตนแล้วคุณชายจึงทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปว่ากับลู่หานเสียงเรียบ “เช่นนั้นเจ้าจงไปแจ้งข่าวแก่ท่านแม่ของข้า ว่าข้าจะขอตามกลับไปทีหลัง ขออย่าได้เป็นห่วงจนต้องเสียเวลาอยู่ที่ลั่วหยางนี้เลย จะไม่ปลอดภัยเสียเปล่าๆ”
ลู่หานโค้งศีรษะรับคำคุณชายของตน “คุณชายจะพักฟื้นอยู่ที่นี่ตามที่ท่านหมอบอกหรือขอรับ เช่นนั้นแล้วให้ข้าพาหมอหลวงกับทหารมาอารักขา...”
พูดได้แค่นั้นก็จำต้องหยุดเพราะเห็นคนเป็นนายทำคิ้วขมวด ส่ายศีรษะไปมาเบาๆ เป็นเชิงว่าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่นัก จงอินกับป๋ายเซียนได้ยินเช่นนั้นก็อนุมานไปว่าคนคนนี้คงบุญหนักศักดิ์ใหญ่พอสมควร มีทหารใต้บัญชาคอยอารักขาอย่างกับพวกขุนหลักขุนนางไม่มีผิด
“ข้าน้อยจะจัดการเรื่องให้เสร็จแล้วรีบกลับมารับใช้คุณชายขอรับ”
ทิ้งท้ายไว้เช่นนั้นแล้วลู่หานก็รีบเร่งออกไป น่ากลัวว่าจะกลับถึงตัวเมืองไม่ทันฟ้ามืด เช่นนั้นคงอันตรายแน่ รู้อย่างนี้แล้วป๋ายเซียนจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ กอดอกคุยกับคนเจ็บอย่างจริงจังว่าจะอำนวยความสะดวกให้บ่าวของตนบ้างหรือไม่
“ข้าเกรงว่าเขาจะหลงทางเอาได้ นี่ก็เย็นย่ำแล้ว หากพวกเจ้าเร่งรีบมากนัก จะจ้างข้าให้คอยนำทางเขาไปกลับดีไหมเล่า”
ซื่อชุนยิ้มรับอย่างว่าง่าย ล้วงหยิบถุงผ้าแพรเล็กๆ ในเสื้อออกมาถุงหนึ่งแล้วยื่นให้ราวกับเป็นสิ่งเล็กน้อย
“ตอนนี้ข้ามีเงินติดตัวอยู่เพียงเท่านี้ หวังว่าจะพอสำหรับค่าจ้างของเจ้า หรือจะซื้อม้าสักสองตัว...”
“เยอะอะไรอย่างนี้!” ป๋ายเซียนเปิดถุงดูแล้วทำตาโต “ซื้อม้าทั้งหมู่บ้านก็ยังได้!”
“เช่นนั้นเจ้าก็จงรีบตามเขาไปเถิด ป่านนี้คงรีบเร่งฝีเท้าจนไปได้ไกลแล้ว”
นักหาของป่ายิ้มทะเล้น โยนถุงเงินแล้วกำใส่มือเอาไว้เป็นมั่นเหมาะ ก่อนจะยัดมันลงในเสื้อลึกจนมั่นใจว่าจะไม่กระเด็นออกมาแม้แต่แดงเดียว “วางใจข้าได้เลย เราคงกลับมาถึงอย่างเร็วก็พรุ่งนี้”
เผลอไม่ทันไร จงอินก็รู้ตัวว่าถูกทิ้งให้อยู่กับซื่อชุนและหมออวี้เพียงสามคนเสียแล้ว ป๋ายเซียนออกไปอย่างนี้ก็แปลว่าเขาต้องอยู่เฝ้าไข้คุณชายอยู่ในโรงหมอแทนที่จะกลับไปนอนบ้านใช่หรือไม่ คิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มจึงถอนหายใจ ทรุดตัวนั่งลงข้างเตียงพลางมองบาดแผลที่ถูกพอกด้วยสมุนไพรเอาไว้ ตอนนี้หมออวี้เองก็หายไปทำนู่นทำนี่อีกแล้ว เห็นว่าต้องคอยเปลี่ยนยาให้ทุกๆ สองชั่วยามและแวะเวียนไปดูคนไข้ที่บ้านใกล้เรือนเคียงนี้สักครู่หนึ่งด้วย
“ถ้าคุณรู้สึกไม่ค่อยดีก็บอกผมแล้วกัน” เขาเผลอหลุดสรรพนามแบบยุคปัจจุบันออกไปอีกแล้ว ทั้งที่คิดว่าเริ่มพูดโบราณคล่องขึ้นแล้วเชียว
ไม่ทันขาดคำซื่อชุนก็ไอค่อกแค่ก ร้อนถึงคนดูแลจำเป็นต้องลุกไปรินน้ำชามาเสิร์ฟให้ถึงเตียง หากพรุ่งนี้อาการดีขึ้นก็คงหายห่วงได้ ถึงจริงๆ แล้วควรจะวัดค่าวีซีที (Venous Clotting Time) ก็ตามที
“บางคราข้าก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด”
“ข้าพยายามอยู่” จงอินตอบ รู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาบ้างเหมือนกันที่ชีวิตต้องพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ การย้อนอดีตจะจบลงเมื่อไร ตนเองในโลกปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
“พยายาม?” ยิ่งฟังดูแปลกพิกลเข้าไปใหญ่ “หากเจ้าไม่มีพันธะใดก็อยากให้ตริตรองรับข้อเสนอของข้า ที่ข้าว่าเจ้าพิเศษนั้นเป็นเรื่องจริง มันสำคัญกับข้ายิ่ง”
“ใครมันจะไปกับคนไม่รู้จักได้ลงคอ ท่านเองก็เถอะ ขืนข้าเป็นมิจฉาชีพหรือคนไม่ดีจะว่ายังไง จะเอาเสือเข้าบ้านแค่เพราะมันคุยด้วยได้ตอนฝนตกน่ะหรือ”
ฟังเช่นนั้นแล้วซื่อชุนก็ขมวดคิ้วก่อนจะเปลี่ยนเป็นหัวเราะเบาๆ ไม่รู้ว่าที่พูดไปมีอะไรน่าขัน ตัวอย่างออกข่าวมีให้เห็นเยอะแยะไปเกี่ยวกับพวกมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาทำใกล้ชิด สุดท้ายตลบหลังเจ้าของบ้านแล้วเชิดเงินหนี หนักหน่อยก็ทำร้ายจนบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตาย ต่อให้บอกว่าสมัยนี้ไม่มีแบบนั้น จงอินคิดว่ามันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดีที่จะชักชวนคนแปลกหน้าไปอยู่ด้วย
“หมายความว่าเจ้าเชื่อคำพูดข้าแล้วหรือ”
“ยังไม่เต็มร้อย” เขาบอก ส่วนอีกฝ่ายย่นคิ้วฉงนกับคำว่าไม่เต็มร้อย “แต่ด้วยจรรยาบรรณ จะให้ปฏิเสธอาการป่วยที่ยังไม่ถูกค้นพบก็คงไม่ได้”
“ข้าไม่ได้เห็นความสำคัญของเจ้าแค่เพื่อนคุย”
ซื่อชุนว่า
“แต่ข้าต้องการหู... หูที่ใช้การได้เมื่อวสันตฤดูมาถึง”
#องค์ชายกับสายฝน
LI5HT
ความคิดเห็น