คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : △ chanbaek | once in...?
Once in...?
CHANYEOL X BAEKHYUN
Idea : La Belle Noiseuse (Movie 1991)
กระดานวาดรูปขนาดฟุตเศษกวัดแกว่งรับแรงลม เมื่อร่างที่ถือมันอยู่คิดเพียงว่าควรรีบเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงจุดหมายโดยไว สวนทางจนชนไหล่คนนู้นคนนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ เอี้ยวหน้าขอโทษส่งๆพลางมองนาฬิกาข้อมือที่ย้ำเตือนว่าเขาสายแล้วถึงหนึ่งชั่วโมงเศษ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่สายเกินไปสำหรับชั่วโมงวาดภาพอันยาวนานที่จะกินเวลาไปถึงเย็น
ประตูไม้อัดสีเขียวอ่อนบานใหญ่ถูกเปิดออก พร้อมๆกับความเงียบและแรงกดดันจากเพื่อนร่วมสาขาจำนวนหนึ่งซึ่งนั่งใช้สมาธิอยู่ภายใน จิตรกรวัยกลางคนในชุดเสื้อสีหม่นและสายเอี๊ยมซอมซ่อหันมองเขาเพียงหางตาจนเด็กหนุ่มต้องยิ้มแหยๆแล้วเดินเลี่ยงกลุ่มเพื่อนเข้าไปหาอาจารย์ประจำกลุ่มวิชา
“บยอนแบคฮยอนครับ” บอกชื่อตัวเองไปเสียงอ่อนหวังจะได้รับการเช็คชื่อ อาจารย์ชายส่ายศีรษะน้อยๆ หยิบแฟ้มรายชื่อที่วางอยู่ข้างเก้าอี้ขึ้นมาก่อนจะถามหารหัสนิสิตจากคนสาย
“ตอนนี้บ่ายสองสิบห้า คุณเลทขนาดนี้ อันที่จริงผมควรจะเช็คคุณขาดนะ” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่ก็ติ๊กสัญลักษณ์มาสายลงในช่องรายชื่ออย่างอ่อนใจ เจ้าของชื่อบยอนแบคฮยอนโค้งหัวขอบคุณให้ทีหนึ่ง ก่อนจะจัดแจงหาที่นั่งภายในห้อง สายตาเหลือบมองหุ่นนิ่งมีชีวิตที่กำลังเป็นแบบในนักศึกษาอีกราวยี่สิบกว่าชีวิต หากแต่ดวงตาคมนั้นกลับยิ้มให้เขาราวกับว่าในใจนั้นกำลังกลั้นหัวเราะเสียเต็มประดา
ร่างเล็กหลุบสายตาลงต่ำอย่างขัดใจ เขาไม่ชอบนักกับการที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกหัวเราะ มือเรียวลูบไปบนปึกกระดาษหนา จัดแจงคลิปหนีบให้เข้าที่ ก่อนจะเปิดกล่องอุปกรณ์แล้วเลือกดินสออีอีแท่งริมขึ้นมาเล็งปลายแหลมตั้งฉากชี้กับเพดาน ครั้นหรี่ตาลงเสียข้างหนึ่งก็พบว่าสายตาของหุ่นนั้นกำลังมองมาทางเขาเป็นเชิงทักทาย
เป็นผู้ชายร่างโปร่งสูงผิวขาว รูปร่างมัดกล้ามใช่ว่าจะกำยำ กระนั้นมันก็รวมกันแล้วใช้คำว่าดูดีได้อย่างไม่ขัดปากสักเท่าไหร่ หนำซ้ำหน้าตานั้นยังค่อนข้างหล่อเหลา... นึกไปถึงรูปปั้นเดวิดที่อิตาลีแล้วก็นึกเปรียบเทียบขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ถ้าเดวิดเป็นเทพบุตรรูปปั้น อย่างหมอนี่ก็คงเทพบุตรที่ยังมีชีวิตกระมัง
เพราะชายหนุ่มมาช้ากว่าเพื่อน งานจึงเสร็จหลังพวกที่มาตรงเวลาถึงค่อนชั่วโมง อาจารย์กลับไปรอรับงานที่ห้องแล้ว ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงเขากับหุ่นนิ่งใจดีที่ทนเมื่อยนั่งเป็นแบบให้เขียนจนวินาทีสุดท้าย ถึงจะรู้สึกผิดแต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะถ้าหมอนี่ลุกไป เขาเองก็คงนั่งเทียนเขียนต่อไปไม่ได้เหมือนกัน
“ขอโทษนะครับ”
เอ่ยขึ้นลอยๆในขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่กับการแรเงาย้ำตรงช่วงเอว พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเดวิดมีชีวิตส่งยิ้มให้อย่างไม่ถือสา ตอนนี้มีเพียงแสงไฟจากเพดานซึ่งยังส่องสว่างเหมือนเดิม ในขณะที่ฟ้าข้างนอกมืดครึ้มเร็วกว่าปกติอันมีสาเหตุมาจากสายฝนที่เริ่มโปรยปราย
ร่างเล็กใช้แปรงปัดขี้ยางลบที่ติดอยู่บนงานพลางเป่าลมไล่สิ่งที่ไม่ต้องการออกไปจากงานครั้งสุดท้ายเป็นการเสร็จสิ้นการวาดภาพในวิชานี้ “อา... ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียเวลา”
ชายร่างสูงลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย ก่อนจะคว้าเอาชุดคลุมมาสวมใส่หลวมๆ นัยน์ตาคมลังเลอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วก็ออกปากขอดูงานอีกคนอย่างสนอกสนใจ
“ฝีมือดี” วิจารณ์ด้วยรอยยิ้มนิ่งๆ แบคฮยอนพอชื้นใจขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่มากมายอะไรนัก แค่นายแบบนู้ดมันจะไปมีทักษะทางศิลปะอะไรกัน จากที่เจอคนนอกมาส่วนมากแค่เห็นคนวาดรูปเป็นก็ชมว่าสวยแล้ว แต่คนให้คะแนนที่แท้จริงก็คืออาจารย์ จะได้คะแนนดีมากน้อย เกรดสูงต่ำแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับฝีมือจริงๆเท่านั้น ไม่ใช่มองแบบไร้ความรู้อย่างที่คนอื่นมองกันเสียเมื่อไหร่
“ผมขอตัวนะครับ จะรีบเอางานไปส่ง”
ยื่นงานคืนให้อย่างสุภาพ ยืนเฉยจนนักศึกษาคนสุดท้ายเก็บของเสร็จกระทั่งเดินออกจากห้อง หนุ่มร่างสูงคว้าเอากระเป๋าสะพายใบย่อมที่อัดแน่นไปด้วยชุดซึ่งใส่ก่อนหน้า เดินหายเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดอยู่ไม่ถึงห้านาทีก็กลับออกมา ปิดไฟปิดห้องให้เสร็จสรรพ
พอเดินมาถึงใต้คณะก็เห็นคนน้อยผิดสังเกต แต่คงไม่แปลกนักเพราะพอมองออกไปข้างนอกสายฝนนั้นกำลังเทกระหน่ำจนลงมาจนมืดครึ้มไปทั่วทั้งฟ้า ไฟในตึกคณะส่องแสงสลัว ได้ยินแค่เสียงดนตรีจากเอกการแสดงที่ชั้นบนซึ่งยังคงซักซ้อมกันอยู่ มองไปทางขวาอีกหน่อยก็เห็นเด็กนักศึกษาคนเมื่อครู่ยืนกอดอกห่อเหี่ยวอยู่ตามลำพัง
เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ ทอดสายตามองสายฝน ฟังเสียงคำรามของท้องฟ้าซึ่งไร้ความเพลิดเพลิน ไม่นานนักคนยืนอยู่ก่อนหน้าก็รู้ตัวแล้วหันมามอง ก่อนจะหันกลับไปคล้ายไม่สนใจในขณะที่สายตานั้นกำลังครุ่นคิดลังเล
“คุณก็มีร่ม ทำไมไม่กลับล่ะครับ”
เป็นเด็กหนุ่มที่เปิดบทสนทนาขึ้นก่อน เค้นเสียงดังกว่าเดิมนิดหน่อยแต่ก็ยังมีเสียงฝนกลบ คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน แต่ไม่นานนักร่างสูงก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงติดสบาย
“ตกหนักขนาดนี้ ถึงมีร่มผมก็คงเปียกอยู่ดี” ว่าไปตามความจริงให้คนถามคิดตามจนต้องจุกกับความโง่ของตัวเอง แบคฮยอนรู้สึกเสียหน้านิดหน่อยที่ถามออกไปแบบนั้น จึงตัดสินใจเงียบอยู่พักใหญ่โดยที่ไม่พูดอะไรออกไปอีก
นานสองนานกว่าสายฝนจะซาลง ผลัดกันมองหน้าอยู่อย่างนั้นโดยที่ไร้เรื่องจะพูดคุย ในหัวสมองของแบคฮยอนนั้นมีแต่ความอยาก... อยากจะกลับไปนอนแผ่ที่ห้องแล้วตื่นขึ้นมาในตอนเช้า อยากที่จะให้ฝนหยุด... หยุดแล้วปล่อยเขาหลุดไปจากบรรยากาศน่าเบื่อนี่สักที
“คุณชอบงานเขียนภาพไหนของคาราวัจโจ” เจ้าของเสียงทุ้มนั่งยังคงทอดสายตาอยู่ที่ภาพฝนตกกระทบพื้นราวจังหวะดนตรี ครุ่นคิดอยู่อึดใจ เด็กหนุ่มก็ตอบกลับไปเป็นชื่อหนึ่งในภาพเขียนเพียงไม่กี่ภาพที่เขาจำได้
“นาร์ซิสซัสหลงเงา”
“the inventor of painting...was Narcissus...What is painting but the act of embracing by means of art the surface of the pool?”
“...........”
“ผมคิดว่ามันเป็นคำกล่าวที่ดีนะ” ถ้อยคำของอัลเบอร์ติ นักปรัชญาชาวเรเนอซองค์ถูกเอ่ยขึ้นมาอย่างแม่นยำจนแบคฮยอนต้องหันมอง ลึกๆในใจเขานึกอยากถอนคำพูด เมื่อท่าทางของอีกฝ่ายนั้นดูไม่ใช่นายแบบนู้ดไร้ความรู้อย่างที่เขาปรามาสไว้ในทีแรก
ร่างสูงกางร่มออกก่อนจะยื่นมาตรงหน้า คลี่ยิ้มส่งให้อ่อนๆจนคิ้วเรียวเลิกขึ้น “ครับ?”
“ฝนซาแล้ว ถ้าคุณไม่รังเกียจ เราคงเดินไปป้ายรถประจำทางด้วยกันได้”
เป็นเรื่องน่าบังเอิญอีกหนึ่งอย่างที่หอของเขาและที่พักของชายแปลกหน้าคนนี้ไปทางเดียวกัน สนทนาได้สี่ห้าประโยคแบคฮยอนก็พอกะเกณฑ์ได้ว่ามันอยู่เลยจากหอของเขาไปอีกราวๆห้าถึงหกป้าย
“เห็นหน้าคุณทีแรก ดูไม่น่าจะเป็นคนที่มาทำงานอะไรแบบนี้เลย” รถค่อนข้างติด เหมือนจราจรเป็นอัมพาตจากฝนที่ตกหนักลงมาเมื่อครู่ หากแต่บนรถประจำทางนั้นมีคนไม่มาก บนกระจกมีฝ้าเกาะหนาเตอะจนแบคฮยอนรู้สึกสนุกเวลาที่ได้วาดรูปลงไปโดยใช้นิ้ว
“ทำไมล่ะ การที่ผมทำอาชีพนี้มันน่าแปลกตรงไหนกัน?” ชายหนุ่มตอบเสียงทุ้มนุ่ม นึกขันอยู่ในทีเมื่อเห็นทีท่าเก้ๆกังๆของคนที่ตั้งคำถาม ดูเหมือนเด็กคนนี้กำลังสรรหาคำพูดมาทำให้มันดูดีขึ้น ทั้งที่ใจความก็ชัดเจนแต่แรก
“มัน... แบบว่า... คือ... ผมคิดว่ามันไม่ใช่อาชีพที่คนนิยมกันน่ะ”
“ถึงคุณจะดูถูกอาชีพนี้แค่ไหน คุณก็ยังต้องวาดรูปและพึ่งพวกเขา” ร่างสูงระบายยิ้มอย่างไม่ถือสา บยอนแบคฮยอนเป็นเด็กที่แสดงออกตรงไปตรงมา แม้ว่าความคิดความอ่านนั้นจะยังแฝงความเป็นเด็กอยู่มากก็ตาม
“อา... ให้ตายเถอะ... คือว่าผมรู้สึกผิดทุกทีเวลาที่ถูกคุณตอกกลับมา” คิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันนั้นยิ่งดูอ่อนเดียงสาในสายตาของคนมอง แต่อย่างน้อยก็คงอายุสักยี่สิบ และอย่างมากก็คงไม่เกินยี่สิบสอง
“ผมไม่ได้พูดให้คุณรู้สึกผิด คุณไม่เชื่อน้ำเสียงผมหรือไง” ถามย้ำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แบคฮยอนจ้องกลับอยู่เกือบห้าวินาทีก็ยกมือยอมแพ้ ทิ้งตัวพิงกับพนักพลางหัวเราะในลำคอแผ่วเบา
“อากาศเย็นชะมัด ผมเพิ่งจะเอามือถูฝ้ากระจกไปเมื่อกี้นี้เอง” เหล่มองไปยังกระจกรถข้างตัวที่ขึ้นฝ้าหนาเตอะดังเช่นในทีแรก ร่างเล็กชันตัวจนหลังเหยียดตรง กอดประคองตัวเองด้วยท่าทางกึ่งเกินจริง “อากาศเย็นๆแบบนี้มันน่าขนลุกสิ้นดี คุณว่าไหม?”
ชายหนุ่มยังคงอมยิ้มเล็กๆอยู่บนใบหน้า ตอนนี้เองที่แบคฮยอนสังเกตเห็นลักยิ้มเล็กๆบนข้างแก้มนั้น “ผมกะว่าคืนนี้จะดื่มเบียร์ มันคงช่วยแก้หนาวได้ดี”
เชิญชวนอยู่ในที หากแต่สองสายตาเพียงมองกันหยั่งเชิง ก่อนนัยน์ตาดำขลับจะกลอกหนีไปทางอื่นอย่างหมดท่า “รถติดแทบไม่ขยับ บางทีถ้าผมลงรถตรงนี้แล้วเดินไปคงเร็วกว่า”
ป้ายรถหน้าก็จะถึงซอยหอเขาอย่างที่ได้บอกไว้จริงๆ เด็กหนุ่มจัดการรวมกระเป๋าเป้และกระดานขึ้นถือให้กระชับ ฝั่งมือที่ว่างจับมั่นที่ราวเบาะนั่งด้านหน้าก่อนจะยันตัวลุกขึ้น ส่งยิ้มอำลาให้คู่สนทนาชั่วยามอยู่ในที ชายหนุ่มยิ้มตอบ มองร่างเล็กที่เดินลงจากรถไปอย่างคล่องแคล่ว การจราจรยังคงอยู่กับที่ สายฝนที่เกาะตามกระจกจนขึ้นฝ้านั่นพร่ามัวจนเห็นแสงจากรถภายนอกเป็นเพียงโบเก้ดวงเล็กๆ
เกือบสิบนาทีกว่าที่รถจะเคลื่อนตัวออกอีกครั้ง ค่อยๆช้าลงเมื่อแล่นเข้าจอดยังป้ายต่อไป และป้ายนี้เองที่เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มให้ดังขึ้นในลำคออย่างคาดไม่ถึง
ร่างเล็กทะมัดทะแมงของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินลงรถไปเมื่อพักใหญ่ๆค่อยๆเดินกลับขึ้นมาบนรถอีกครั้ง ทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมจนรู้สึกได้ถึงไอร้อนบริเวณสะโพก กระเป๋าเป้และกระดานวาดรูปถูกวางลงบนหน้าตัก ยิ้มเล็กๆหยักบนเรียวปากอิ่มจนดวงหน้านั้นดูขาวผ่องตัดกับความมืดของสีท้องฟ้า
“ผมเพิ่งคิดได้ว่าเกิดอยากกินเบียร์แก้หนาวขึ้นมา แต่มันคงไม่อร่อยถ้าจะต้องกินอยู่หอคนเดียว”
ไฟในห้องถูกเปิดหลังสิ้นเสียงไขกุญแจประตู ห้องคอนโดมิเนียมขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ห่างใจกลางเมืองออกมาทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์จากระเบียงได้ชัดเจน แสงโบเก้ตัดกับสีดำของท้องฟ้านั้นมองได้ว่าสวย หากแต่แบคฮยอนสนใจมันไม่นานนักเมื่อภายในห้องนั้นมีภาพวาดมากมายถูกแขวนตกแต่งอยู่บนผนัง เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นลายเซ็นเดียวกัน กำกับไว้ว่า
Chanyeol P.
“ชานยอล พี? คุณชอบผลงานของเขาเหรอครับ?”
หนุ่มร่างสูงหัวเราะเบาๆอย่างมีความหมาย ปรายสายตามองงานเขียนไร้หลักเกณฑ์ที่ทอดยาวไปเหนือระดับสายตา “ปาร์คชานยอล มันเป็นชื่อผม”
“นี่ก็เป็นผลงานของคุณ?” รู้สึกตกใจระคนไปกับความผิดพลาดที่เด่นชัดอยู่ในหัว งานทุกภาพนั้นจริงอยู่ที่มันดูแปลกตา ไม่มีกฎเกณฑ์ หากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงความงามละมุนที่แฝงนัยอยู่ภายใน ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล ยิ่งรู้สึกว่าเข้าที “คุณไม่เห็นบอกเลยว่าคุณเป็นจิตรกร”
“แค่งานอดิเรก อย่าเรียกว่าจิตรกรเลย” ปาร์คชานยอลเปิดตู้เย็นภายในครัวแล้วใช้ง่ามนิ้วล็อกเบียร์ขนาดเล็กออกมาสองขวด ขวดหนึ่งของเขา ส่วนอีกหนึ่งของแขกอ่อนวัยกว่าที่ยังเดินชมภาพวาดหนึ่งในงานอดิเรก
แบคฮยอนเดินกลับมาพร้อมๆกับรับขวดเบียร์เย็นฉ่ำเทกรอกปาก รู้สึกสดชื่นขัดกับอารมณ์ขุ่นมัวยามที่อยู่บนท้องถนนแออัด ดื่มเงียบๆอยู่พักใหญ่ ตากลมฉ่ำก็มองไปยังคิมบับหน้าตาน่ากินที่เจ้าของห้องจงใจอุ่นมาให้เขาทานรองท้องโดยเฉพาะ “ทานสักหน่อย จะได้ไม่ปวดท้องถ้าคุณคิดอยากดื่มเบียร์ทั้งคืน”
ร่างเล็กนั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างว่าง่าย คีบคิมบับเข้าปากเสียสองชิ้นแล้วก็ปล่อยให้พื้นที่ในกระเพาะเป็นของเบียร์รสชาตินุ่มลิ้น แบคฮยอนไม่ใช่คนคออ่อน หากแต่ใบหน้าที่ขาวติดซีดนั้นกลับขึ้นสีอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่เรื่องแปลก เขาเองมีสติดีทุกอย่าง มากพอๆกับความรู้สึกผ่อนคลายที่อยากจะทิ้งตัวลงนอนหรือออกไปวิ่งกลางสายฝน
“ชานยอล ผมเรียกคุณแบบนี้ได้ใช่ไหม?”
“ผมยินดี” คนถูกเรียกใช้พลาสติกถนอมอาหารห่อจานคิมบับที่เหลือจนเรียบร้อยแล้วหยิบวางไว้บนครัวอย่างเป็นระเบียบ เสื้อยืดแขนสามส่วนสีดำนั้นขับทรงกล้ามเนื้อบนเรือนร่างให้ดูเด่นชัดจนเด็กหนุ่มนึกอิจฉา
“ชานยอล” ยังคงเรียกซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาสังเกตได้หลายครั้งทีเดียวว่าอีกฝ่ายชอบยิ้ม... ยิ้มที่ก้ำกึ่งระหว่างคำว่าจริงใจกับมารยาท แม้มันจะดูสุภาพ “ถามจริงเถอะ ทำไมคุณถึงมาทำอาชีพนี้ล่ะครับ?” ละเว้นคำว่านายแบบนู้ดเอาไว้ด้วยความขลาดอาย
หย่อนตัวลงนั่งจนสองสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน ใบหน้าของแบคฮยอนอยู่ห่างจากเขาราวๆหนึ่งเมตร ใกล้พอที่จะเห็นอะไรได้ชัดเจน เห็นแม้กระทั่งนัยน์ตาใคร่รู้เป็นประกายคู่นั้นว่ามันกำลังมองเขาไม่ละสายตา “ขอโทษที่ไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดแต่แรก อาจารย์คิมเพียงแค่ติดต่อผมไปเป็นแบบให้พวกคุณในครั้งนี้เท่านั้น”
“เป็นครั้งแรก?”
“ไม่... ไม่ใช่ครั้งแรก ถ้าผมว่างและมีคนติดต่อมา”
“คุณ... ไม่อายบ้างเหรอครับ?” ลองได้ถามออกไปแบบนั้นเด็กหนุ่มย่อมคาดหวังคำตอบที่ตรงตัว ชานยอลไม่มีทีท่าอึดอัด นอกเสียจากยกยิ้มขึ้นเช่นทุกครั้ง ริมฝีปากได้รูปเอื้อนเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มออกมาเป็นคำตอบ
“คุณจะรู้สึกอาย... ในตอนที่คุณคิด แต่ไม่ได้ทำมัน”
ต่างคนต่างหัวเราะอีกครั้ง... หัวเราะโดยไร้เหตุผล หัวเราะด้วยความรู้สึกลึกๆข้างใน สนุกที่ได้ถามและตอบคำถาม สนุกที่ได้ต่อปากต่อคำ สนุกเพราะรสแอลกอฮอล์ที่เข้าปาก... ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งสิ้นเมื่อต่อหน้าผู้ชายคนนี้
“ใช่ ใช่... แค่คิดมันก็ทำให้ผมรู้สึกอายแล้ว หลังจากนั้นล่ะที่มันบอกผมว่า ไม่ นายอย่าทำนะ!” พูดกลั้วหัวเราะอยู่ในทีจนคนฟังไม่อาจละสายตา “คุณดู... ยังไงล่ะ? ดูเพอร์เฟค หล่อ ดูดี ภูมิฐาน แล้วก็ไม่ได้ดูอดอยากปากแห้งถึงขนาดจะต้องเปลื้องผ้าให้คนอื่นดู”
“ผมมีแค่ร่างกายนี่เท่านั้น... มีแค่ร่างกายที่คุณตัดสินว่าผมสมบูรณ์แบบ ทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันสักนิด”
“ไม่... นี่ผมไม่ได้กำลังดูถูกคุณนะ”
เด็กหนุ่มแก้ตัว แน่นอนว่าชานยอลรู้ เขาไม่ได้คิดถือสาหาความในคำพูดนั้นแต่แรก คนทุกคนย่อมมีความคิดและมุมมองที่หลากหลาย ปาร์คชานยอลเองไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดี เพียงแต่เขาเลือกที่จะไม่มองทุกสิ่งในแง่ร้าย “ผมรู้”
“อ่า...”
“คุณอยากลองไหมล่ะ?”
“ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยรู้สึกอายขนาดนี้มาก่อน”
ชุดคลุมอาบน้ำสีเข้มลายคลาสสิคเป็นสิ่งเดียวที่อยู่บนร่างกาย เป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่าตัวเองบ้า... บ้าเอามากๆอย่างที่ไม่คิดว่าในชีวิตหนึ่งจะทำได้ อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรก็ตามแต่ แต่การที่เห็นร่างสูงกำลังรองน้ำใส่อ่างอาบน้ำแบบนั้นก็ชวนให้อดรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้
“คุณจะวาดที่นี่ ในนี้จริงๆน่ะเหรอชานยอล”
ปาร์คชานยอลเอี้ยวตัวกลับมามองการโวยวายของเด็กหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เขาเองก็แค่พูดไปอย่างนั้นแต่ไม่คิดว่าแบคฮยอนจะบ้าจี้ตามด้วย แต่ลองได้อีกฝ่ายตบปากรับคำมาอย่างนี้ก็เกิดจริงจังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ครับ ทำไมล่ะ”
เช็ดมือที่เปียกกับกางเกงยีนส์สีเข้ม ลากเก้าอี้ยกมาจากห้องนั่งเล่นแล้ววางไว้ข้างอ่าง ก่อนจะจัดแจงท่านั่งที่ถนัดถนี่ เปิดสมุดสเก็ตซ์ไปหน้าหลังสุด แบคฮยอนเดินตามมาที่อ่างอย่างละล้าละลัง ครุ่นคิดอยู่อึดใจใหญ่ๆ หากแต่ความอายก็ยังมีมากกว่าความกล้า
“ถ้าคุณมองมันเป็นศิลปะ คุณก็จะรู้สึกดีขึ้น” ชานยอลพูดโดยไม่ได้มองหน้าเขา
ปลายเท้าหย่อนลงในน้ำที่ถูกรองเกินครึ่งอ่างขึ้นมานิดหน่อย เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึกเข้าปอดก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อคลุมออกจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า ชานยอลรับมันไปแขวนไว้ให้ ในขณะที่ร่างเล็กค่อยๆหย่อนตัวลงนอนภายในอ่าง น้ำอุ่นๆนั้นช่วยให้ผ่อนคลาย หากแต่แบคฮยอนกลับรู้สึกโล่งโหวงไปทั้งตัวเมื่อคิดขึ้นว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
“ยกมือข้างนั้นขึ้นอีกหน่อย วางพาดไว้ตรงขอบอ่างแบบนั้น อ่า... ใช่ครับ โอเคแล้ว”
ในยามนี้บยอนแบคฮยอนรู้สึกกระดากอาย หากแต่มันค่อยๆดีขึ้นเมื่อความเงียบโรยตัวลงมาหลังจากนั้น ปาร์คชานยอลไม่ได้สนใจจับจ้องเขานานนัก นัยน์ตาสลับไปมาระหว่างแผ่นกระดาษกับเรือนร่างที่อยู่ในน้ำเสียครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ในความรู้สึกของเขามีเพียงความประหม่า... ยามได้จ้องใบหน้าคมสันที่ฉายแววจริงจังกับงานศิลปะชนิดหาตัวจับได้ยาก “ชานยอล”
“ครับ?”
“เวลาที่คุณวาดหรือเป็นแบบ คุณไม่รู้สึกว่า... เอ่อ... ความรู้สึกแบบ --”
“คุณกำลังพูดถึงเซ็กส์เหรอ?” เหมือนภาพจะใกล้เสร็จสมบูรณ์ดีแล้วชานยอลถึงได้ยอมละสายตาขึ้นมองเขาตรงๆ ตาสีดำนั้นคมปลาบและมีเสน่ห์อย่างที่แบคฮยอนไม่เคยรู้สึก ทั้งยังคำพูดที่สวนกลับมาซึ่งตรงประเด็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เป็นคนที่เข้าใจยาก
กลับกันปาร์คชานยอลก็อาจไม่มีอะไรที่ต้องพยายามทำความเข้าใจเลย
“ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้น แค่หุ่นนิ่งที่มีชีวิต...”
หัวเราะในลำคอเบาๆคลอกันอยู่อึดใจหนึ่ง สองสายตาก็กลับประสานกันอีกอย่างช่วยไม่ได้ แบคฮยอนไม่เข้าใจตัวเองนัก... กับแค่คนแปลกหน้าที่เพิ่งจะได้เจอกันวันนี้ครั้งแรก ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ตรงนี้
อาจเป็นเพราะน้ำในอ่างนั้นร้อนขึ้นหรือด้วยอุณหภูมิในร่างกายแบคฮยอนเองก็บอกไม่ถูก รู้สึกร้อนวูบวาบทุกครั้งเมื่อสายตานั้นจับจ้อง มันไม่ใช่โลมเลีย ไม่มีแววแห่งปรารถนาดังที่เด็กหนุ่มเคยสงสัย หากแต่รู้สึกราวกับโดนมองทะลุลึกเข้าไปข้างใน
บยอนแบคฮยอนแทบไม่รู้เลยว่าใบหน้าของเขาแดงก่ำ... ซับเป็นสีเลือดจนหยุดสายตาอีกคนให้จ้องมองกลางกรอบของคำว่าศิลปะ ต่างฝ่ายต่างจ้องกันอยู่อย่างนั้นแม้ว่ามือแกร่งจะขีดเขียนย้ำบนแผ่นกระดาษซ้ำๆที่จุดเดิม ไม่มีใครเผยรอยยิ้มดังเช่นสถานการณ์ก่อนหน้า ในดวงตาสีดำสนิทสะท้อนเพียงภาพเรือนร่างที่นอนอ้อยอิ่งอยู่ในผืนน้ำซึ่งเขาเป็นคนรังสรรค์ขึ้นกับมือ กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่กลิ่นโปรดยังคงลอยมาเตะจมูก ปลุกเร้าเลือดในกายให้พลุ่งพล่านทำลายสมาธิอย่างที่ไม่เคยเกิด
“....”
“เสร็จแล้วใช่ไหม?”
เสียงนุ่มเอ่ยถาม เพียงแค่บางเบาแต่กลับดังก้องในความคิด ร่างสูงขีดเขียนตกแต่งลงไปนิดหน่อยก็ชูผลงานขึ้นอวดสายตาอีกคน ภาพลายเส้นหยาบๆประสาคนที่ไม่ได้จบมาทางด้านศิลปะ แต่มันช่างเหมือนแบคฮยอนเหลือเกิน เหมือนราวกับว่าเขาได้เห็นตัวเองนอนแช่น้ำอยู่ในแผ่นกระดาษจริงๆก็ไม่ปาน
“ขอผมดูใกล้ๆ...... อะ!”
มือที่เกาะขอบอ่างเลื่อนหลุดอย่างไม่ตั้งใจ ร่างทั้งร่างไถลจมลงไปในน้ำจนสำลักเสียยกใหญ่ ชานยอลรีบวางของทั้งหมดไว้กับเก้าอี้แล้วปราดเข้ามาดูอาการอย่างเป็นห่วง ผมซอยสั้นสีน้ำตาลเปียกลู่ สายน้ำไหลผะแผ่วเกาะพรายอยู่บนเรือนร่าง หากแต่ยิ่งทำให้ความร้อนในกายพุ่งสูงอย่างประหลาด
“คุณโอเคนะ?”
พยักหน้ารับหงึกหงักในที มือเรียวเกาะท่อนแขนอีกคนไว้แน่น รู้สึกปวดหนึบไปทั้งตัวจากแรงกระแทกเมื่อครู่ ร่างสูงเสยเรือนผมปรกหน้าไปตามโครงศีรษะมน ดวงหน้าขาวเงยขึ้น อีกครั้งที่สองตาสบกันจนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ข้างนัยน์ตาของอีกฝ่ายต่างสะท้อนภาพของตัวเองจนทำให้รู้สึกเก้อเขิน
และความประหม่านั้นเอง... ที่ปล่อยแรงบนมือให้อ่อนระโหยจนไล้อยู่บนท้ายทอยของใครอีกคน
‘เวลาที่คุณวาดหรือเป็นแบบ คุณไม่รู้สึกว่า... เอ่อ... ความรู้สึกแบบ....’
‘คุณกำลังพูดถึงเซ็กส์เหรอ?’
เปลือกตาหนาลืมขึ้นเมื่อแสงแดดสาดทักทายในยามเช้าตรู่ ข้างกายของเขาว่างเปล่า ไม่มีซึ่งเงาของเพื่อนร่วมดื่มเมื่อคืน บยอนแบคฮยอนคงกลับไปแล้ว... กลับไปพร้อมๆกับความลำพองใจที่ล้นปรี่... รสแอลกอฮอล์นุ่มลิ้น ผลงานศิลปะรอบห้อง และเซ็กส์สนทนาชั้นเลิศ
ถึงตอนนี้ก็อดจะหัวเราะไม่ได้ นานแค่ไหนแล้วที่ปาร์คชานยอลไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้
เป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์ชั่วครู่ชั่วยามที่ต่างฝ่ายต่างเต็มใจให้มันเกิดขึ้นโดยที่ไม่เรียกร้องอะไรอีก ช่างเกิดขึ้นอย่างง่าย และเพียงลืมตาตื่นในตอนเช้า มันก็หายไปอย่างง่ายดายเช่นกัน
หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยกลับดังขึ้นจากใต้เตียงจนเรียกความแปลกใจได้ชะงัดนัก ร่างเปลือยเปล่าดึงผืนผ้าห่มออกพ้นตัวก่อนจะโน้มตัวลงมองข้างใต้ พบเพียงโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำสนิทที่ดังเป็นทำนองดนตรีคนละแนวจากที่เขาชอบฟัง
ร่างสูงคว้าเอาผ้าขนหนูที่พาดไว้อย่างลวกๆบนราวแขวนมาพันกายท่อนล่างไว้ เสียงเคาะประตูจากหน้าห้องมันทำให้เขาลังเลอยู่นิดหน่อยที่จะเปิดมันออกในสภาพเปลือยครึ่งตัวเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นปาร์คชานยอลก็ตัดสินใจเปิดมันออกไป ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มกว้างด้วยอารมณ์ที่ยินดีกว่าเช้าทุกวัน
“ผมลืมมือถือไว้ ขอเข้าไปเอาหน่อยนะครับ”
เป็นเหตุการณ์สักครั้งหนึ่ง... ที่เกิดขึ้นในชีวิตของหุ่นนิ่งอย่างปาร์คชานยอล
_________________________
เคยมีความคิดที่จะเอามาเรื่องนี้มารีไรท์นานมากแล้ว
ถ้าตัดเรื่องขาโก่งออกไปก็... เราว่าพี่ชานก็ได้อยู่นะ 55555555555555555
อย่าลืมคอมเมนท์เป็นกำลังใจหรือติดแท็ก #oharhafic ให้ไปส่องหน่อยน๊า <3
ความคิดเห็น