ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SEKAI) 王子和雨 | WHEN THE RAIN FALLS,

    ลำดับตอนที่ #4 : 04 | พิเศษและเป็นปริศนา

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 61


    王子和雨

    WHEN THE RAIN FALLS,

    OHSEHUN l KIMJONGIN

    - OHARHA -

     

     

     

    ( 4 )

    พิเศษและเป็นปริศนา

     

     

     

    นี่มันบ้าไปแล้ว

     

     

    คิมจงอินเร่งฝีเท้าเดินตามป๋ายเซียนไปติดๆ ตอนนี้ฝนเริ่มหยุด ถึงอย่างนั้นในป่าก็เฉอะแฉะมากจนทำให้เขารู้สึกไม่สบายเนื้อตัว ครั้นหันไปข้างหลังก็พบสองชายหนุ่มที่เดินตามตื๊อมาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าคนเป็นนายซึ่งทำทีท่าแปลกประหลาดใส่เขาและป๋ายเซียนตั้งแต่ยังอยู่ในเมือง บอกไว้ได้ยินเสียงบ้างเล่า แปลกที่ได้ยินบ้างเล่า ทำเอาจงอินงงตึ้บ เดาไม่ออกว่าแท้จริงแล้วต้องการสิ่งใดกันแน่

     

     

    “นี่ พวกเจ้า! จะหนีองค์ — คุณชายไปถึงเมื่อไรกัน” บ่าวผู้ซื่อสัตย์ร้องเรียก คงสุดจะทนแล้วที่เห็นนายของตนต้องทนเดินตกระกำลำยากกลางป่า ถูกขี้ดินขี้โคลนกระเด็นใส่เสื้อผ้าราคาแพงจนเปรอะเปื้อน

     

     

    “แล้วพวกท่านจะตามเรามาทำไมเล่า” ป๋ายเซียนร้องตอบ นี่ก็ดูเหมือนเด็กกำลังวิ่งเล่นไล่จับอีกคน

     

     

    ท้ายแล้วจงอินทนไม่ไหว ยื่นมือไปจับตะกร้าบนหลังคนข้างหน้าเอาไว้จนป๋ายเซียนแทบล้มหงายหลัง จากนั้นจึงหันไปเผชิญหน้ากับสองหนุ่มแปลกประหลาดด้วยความระอาเต็มที

     

     

    “เอ้า พวกคุณมีเรื่องอะไรก็รีบพูดมาเถอะ เขาขี้รำคาญ ส่วนคุณก็จะเสียเวลาตามเราด้วย”

     

     

    นายแพทย์หนุ่มแห่งโรงพยาบาลในโซล บัดนี้อยู่ในร่างของเด็กหนุ่มชาวบ้านวัยไม่เกินสิบแปดหรือสิบเก้าปี ดูแล้วก็มีส่วนคล้ายตัวเขาในร่างเดิมอยู่บ้าง แต่เป็นคนละคนกันอย่างเห็นได้ชัด จงอินรู้ดีว่าเขาไม่อาจออกคำสั่งหรือวางอำนาจในฐานะผู้ใหญ่ใส่คนพวกนี้ได้ หากตัดสินใจพูดคุยกันให้รู้ความก็คงจะจบเรื่อง ดีกว่าเอาแต่เดินไล่ตามกันแบบนี้จนจับไข้

     

     

    คราวนี้ฝนหยุดตกสนิทแล้ว แต่ฟ้ายังขมุกขมัว ไม่รู้จะตกลงมาซ้ำอีกหรือไม่

     

     

    “คุณชาย ได้ยินข้าหรือไม่” ผู้เป็นข้ารับใช้ทำกระซิบกระซาบ แต่เขาได้ยินหมดนั่นแหละ

     

     

    ผู้ถูกเรียกว่าคุณชายพยักหน้า เงยมองฟ้า แล้วจึงกดสายตาลงหาเขาในที่สุด

     

     

    “ข้าต้องการตัวเจ้า”

     

     

    ได้ยินเช่นนั้นจงอินก็เลิกคิ้ว “ขอเหตุผล”

     

     

    พอถามออกไปอย่างนั้น ชายผู้เป็นบ่าวก็ทำท่าเลิ่กลั่ก ผิดกับคนเป็นนายที่สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นเครียดขึ้ง ท่าทางคงคิดอะไรในใจอยู่ไม่น้อย

     

     

    “ข้าป่วยเป็นโรคประหลาดในยามฝนตก” ในที่สุดอีกฝ่ายก็เริ่มเปิดปากพูด “เมื่อไรที่ฝนตกลงมา หูของข้าจะดับไปเสียดื้อๆ แต่เจ้าเป็นคนแรกและคนเดียวที่ข้าได้ยิน ดังนั้นข้าจึงคิดว่ามันคือความแปลกประหลาด”

     

     

    “ประหลาดจริง” จงอินแค่นยิ้มเฝื่อน ทำงานเป็นหมอมาก็หลายปี ไม่ยักกะเจอว่ามีโรคแบบนี้อยู่บนโลกด้วย ไม่มีแม้แต่งานวิจัยปรากฏออกมาให้เห็นด้วยซ้ำ “คุณกำลังจะบอกว่า... คุณสูญเสียการได้ยินเฉพาะเวลาฝนตก แต่วันนี้คุณได้ยินเสียงผม ถูกไหม”

     

     

    คุณชายขมวดคิ้ว เดาว่างงสำนวนภาษาที่เขาใช้อยู่บ้าง แต่ในที่สุดก็ยอมพยักหน้า

     

     

    “แล้วคุณจะต้องการตัวผมไปทำไม เอาไว้คุยแก้เหงาเวลาฝนตกหรือ”

     

     

    “สามหาว...!” บ่าวผู้ซื่อสัตย์ร้องโวย แต่ก็ถูกคุณชายยกมือปรามไว้อย่างสงบ

     

     

    “ข้ายอมเปิดอกบอกเรื่องนี้กับเจ้าอย่างตรงไปตรงมา ทีแรกข้าก็คิดว่าเป็นความพิการแต่กำเนิด ถึงจะฟังไม่น่าเป็นไปได้ก็ตามที แต่ในวันนี้เมื่อข้าได้ยินเสียงของเจ้า จึงคิดได้ว่ามันอาจมิใช่ความพิการก็เป็นได้”

     

     

    “...”

     

     

    “อาจเป็นบางสิ่งที่พิเศษและเป็นปริศนา”

     

     

    เขายืนกอดอกฟังและพยายามครุ่นคิดตามไปด้วย ตามวิสัยคนเป็นหมอ ไม่ว่าอาการนั้นจะฟังแล้วเหลือเชื่อเพียงใดก็ควรหยุดฟังให้จบ มีอยู่บ้างที่พบคนไข้ประเภทไฮโปรคอนดริเอซิส คือคิดระแวงไปว่าตนเองป่วยอย่างนั้นอย่างนี้จนเกิดอาการขึ้นมาจริงๆ หรือจะเป็นโรคทางจิตเวชอื่นๆ ซึ่งตรงนี้เขาเองไม่สันทัดนัก ส่วนจะวินิจฉัยลึกไปถึงอาการเฉพาะทางอย่างหูตาจมูก แพทย์ประจำบ้านที่ยังไม่จบการศึกษาสาขาอายุรกรรมดีอย่างเขาก็เหมือนจะเกินกำลังไปอีก

     

     

    คิมจงอินเผลอคิดสะระตะ จนกระทั่งได้ยินป๋ายเซียนร้องเสียงหลงขึ้นมา

     

     

    “ระวัง!”

     

     

    เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นงูขนาดเล็กตกลงมาจากกิ่งไม้และพุ่งเข้าใส่ ด้วยความตกใจทำให้ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อ เป็นโชคดีว่าคมเขี้ยวของมันไม่ได้ฝังลงบนส่วนใดของร่างกายเขา หากแต่เป็นท่อนแขนท่อนแขนของคุณชายที่ยกขึ้นป้องกันใบหน้าได้อย่างพอดิบพอดี

     

     

    เมื่อถูกสะบัดแขน เจ้างูตัวแสบจึงกระเด็นลงพื้นและเลื้อยหนีหายไปทันที เท่านั้นบ่าวชายก็ร้องลั่น รีบรุดเข้ามาดูอาการนายของตนอย่างเป็นห่วงและแสดงอาการร้อนรนออกมาเมื่อเห็นว่ามีรอยกัดทะลุแขนเสื้ออยู่บนแขน

     

     

    คนถูกกัดนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดสุดประมาณ ก่อนจะถูกประคองไปนั่งพักบนโขดหินซึ่งเป็นลานโล่ง จงอินมองโดยรอบจนแน่ใจว่าไม่มีต้นไม้หรือพุ่มไม้ในระยะที่งูจะสามารถพุ่งโจมตีได้อีก

     

     

    บ่าวหนุ่มเปิดแขนเสื้อนายของตนแล้วลมแทบจับ มีรอยเขี้ยวอยู่คู่หนึ่งปรากฏบนแขนจริง มันเป็นแผลลักษณะบวมแดง มีเลือดออกและอาการปวดร่วม จึงฟันธงว่าเป็นงูพิษอย่างไม่ต้องสงสัย

     

     

    “คุณชาย ข้าจะดูดพิษให้ท่านเดี๋ยวนี้!”

     

     

    อ้าปากยังไม่ทันจะประกบลงบนท่อนแขน ศีรษะก็ถูกมือปริศนาจับรั้งเอาไว้ก่อนจะได้ทำตามหลักการดูดพิษที่บอกเล่ากันมา เจ้าบ่าวใจกล้าเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่หยุดการช่วยชีวิตนี้เอาไว้อย่างโมโหโกรธา เป็นชายเจ้าของผิวสีแทนซึ่งคุณชายอยากพากลับไปด้วยนั่นเอง

     

     

    “เจ้า! กล้าดียังไงถึง...”

     

     

    “อยากตายไปด้วยอีกคนหรือไง” คิมจงอินพูดเสียงเรียบ ขอทีเถอะไอ้ฉากใช้ปากดูดพิษแบบในละคร เห็นมาจนจะเอียนแล้ว “ปากเป็นเยื่อบุอ่อน เชื้อโรคก็เยอะ ยิ่งถ้ามีแผลในปากอยู่แล้ว แทนที่จะดูดพิษออก คงกลายเป็นรับพิษเข้าไปด้วยอีกคนละไม่ว่า”

     

     

    “ถ้าได้ดูดพิษคุณชายออก ให้ข้าตายแทนก็ยินดี”

     

     

    “มันใช้ปากดูดพิษได้ที่ไหนเล่า” เขาบ่น “นอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้วยังสร้างปัญหาเพิ่ม เข้าใจหรือเปล่า”

     

     

    “ข้า...”

     

     

    “ยิ่งทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมแบบนี้ จะทำให้ผู้ป่วยตื่นเต้นแล้วมีการสูบฉีดเลือดเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นพิษร้ายแรง เขาก็จะตายไวขึ้นมากเลยล่ะ”

     

     

    ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่จงอินกลับเครียดไม่น้อย ในโลกยุคนี้คงไม่มีเซรุ่มพิษงูแน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้หาทางผลิตใหม่ก็ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ อยู่ดี ขืนเป็นงูพิษร้ายแรงหรือชนิดส่งผลต่อระบบประสาท อย่างร้ายคงต้องขอให้ทำใจเอาไว้ล่วงหน้า

     

     

    “คุณ...” เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ถอดตะกร้าของป่าออกแล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆ พลางดูรอยแผลบนแขนของคนเจ็บ “ท่านชื่ออะไร”

     

     

    “...” คนถูกงูกัดไม่ตอบในทันที แค่ชื่อจะต้องคิดอะไรนานนัก “...ซื่อชุน”

     

     

    “เอาล่ะซื่อชุน พอจะมองทันหรือเปล่าว่างูตัวเมื่อกี้ลักษณะเป็นยังไง” จงอินอยากแน่ใจว่าเขามองมันไม่ผิด ปกติแล้วการเป็นหมอในเมืองย่อมหมายถึงไม่ได้รับมือกับผู้ป่วยถูกงูกัดบ่อยนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงต้องศึกษามาบ้างอยู่เหมือนกัน

     

     

    “ตัวสีเขียว” คุณชายซื่อชุน ตอบเสียงเรียบ แต่จากสีหน้าก็พอจะดูออกว่าคงเจ็บปวดไม่น้อย

     

     

    “ทั้งสองคนล่ะ” เขาหันไปถามอีกสองชีวิต การมองจากระยะไกลออกไปอาจทำให้สังเกตสถานการณ์ได้ดีกว่า

     

     

    “ข้าก็เห็นเป็นงูสีเขียวขนาดเล็ก” ผู้ติดตามของซื่อชุนตอบ “เราต้องกรีดแผลเอาเลือดพิษออกมาหรือเปล่า”

     

     

    “หางมันเป็นสีน้ำตาล” ป๋ายเซียนพูด การต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่ามามากทำให้พอจะมีทักษะอยู่บ้าง “แล้วตกลงมาจากต้นไม้แบบนั้น ข้าคิดว่าเป็นงูเขียวหางไหม้ไม่ผิดแน่”

     

     

    “เราต้องมัดแขนคุณชายเอาไว้ไม่ให้พิษแล่นเข้าสู่หัวใจ”

     

     

    หนุ่มผู้ติดตามทำท่าจะฉีกชายเสื้อเป็นเชือก ดูแล้วคงอยากลองทุกวิธีปฐมพยาบาลที่ปรากฏในละครหลังข่าวเลยมั้งนั่น

     

     

    “ถ้าขันชะเนาะไม่ถูกวิธี คราวนี้ได้ตัดแขนทิ้งแน่ๆ นะ” ได้ผลว่าพอพูดไปอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ชะงักกึก

     

     

    “นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ เจ้าเป็นหมอหรือไงกัน!?”

     

     

    “ก็เออน่ะสิ” เขาเผลอตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรบอกไปอย่างนั้นเพราะในโลกยุคโบราณคร่ำครึอย่างนี้คงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพของว่าที่อายุรแพทย์มากนัก แค่อยากได้พาราเซตามอลคงหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ “ข้าหมายถึง... ข้าพอจะมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง หากเราปฐมพยาบาลเขาไม่ถูกวิธีมันจะส่งผลเสียมากกว่าได้ ทางที่ดีควรรีบนำส่งแพทย์โดยเร็วที่สุดจะดีกว่า”

     

     

    “แพทย์?” ป๋ายเซียนทักด้วยความสงสัย

     

     

    อา คำว่าแพทย์ก็ยังไม่มีอย่างนั้นหรือ “หมอน่ะ”

     

     

    “โรงหมอที่ใกล้ที่สุดน่าจะอีกเกือบๆ สามลี้”

     

     

    “...” หนึ่งลี้นี่มันกี่เมตรกัน จงอินอยากถามออกไปแบบนั้น แต่ก็คงจะฟังพิลึกอีก “สามลี้นี่มันใกล้หรือไกล”

     

     

    “ก็ไม่ไกลหรอกกระมัง” คนหาของป่าตอบ

     

     

    “พวกเจ้า...! ขืนคุณชายเป็นอะไรไปขึ้นมาจะว่าอย่างไร”

     

     

    “แค่นี้ไม่ถึงตายหรอก” เขาพูดสวน ก่อนจะหันไปหาซื่อชุนซึ่งบิดหน้าเหยเก “พอทนไหวหรือเปล่า”

     

     

    คนเจ็บพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ได้ยินอย่างนั้นจงอินจึงแค่นยิ้ม เพราะถึงตอบว่าไม่ไหวก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องอดทนอยู่ดี หมอสมัยนี้จะรักษาคนป่วยอย่างไรกัน เรื่องหยูกยาแผนโบราณนั้นเขาไร้ซึ่งความรู้ แต่จะให้รักษาด้วยการแพทย์ปัจจุบันก็คงเป็นไปได้ยากอีก มีแต่ต้องตามมีตามเกิดเท่านั้นนั่นแหละ

     

     

    “ข้าต้องการน้ำสะอาด กิ่งไม้ลักษณะเป็นท่อนตรง แล้วก็เชือกหรือผ้าสำหรับใช้ดาม เราต้องล้างแผลและทำให้เขาขยับแขนน้อยที่สุดจนกว่าจะถึงมือหมอ”

     

     

    “อ๊า ยุ่งยากจริง!” ป๋ายเซียนสบถ ก่อนจะรีบถอดตะกร้าบนหลังวางกับพื้นแล้วตรงไปยังต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด อยู่ดีๆ ก็เจอเรื่องยุ่งยากแถมยังต้องช่วยชีวิตคนแปลกหน้าที่เอาแต่รบกวนเวลา วันนี้ช่างเป็นวันซวยเสียจริง

     

     

    “ลู่หาน” คราวนี้เป็นเสียงทุ้มของซื่อชุนเอ่ยกับผู้ติดตามส่วนตัว “เจ้าก็ต้องไปช่วยด้วย พวกเขาสู้อุตส่าห์ช่วยข้า”

     

     

    บ่าวรับใช้นาม ลู่หาน รับคำสั่ง จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าตามเปี้ยนป๋ายเซียนไปโดยไม่พูดโวยวายอะไรอีก พอสถานการณ์สงบแล้วจงอินก็ได้แต่ถอนหายใจ ถือวิสาสะจับแขนคนเจ็บขึ้นมาดูอาการก่อนจะพบว่ามันบวมแดงขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก มิหนำซ้ำเลือดก็ยังไหลไม่หยุด รอยเขี้ยวข้างหนึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางแค่ศูนย์จุดสองเซนติเมตร แต่ดูท่าคงสร้างความเจ็บปวดให้ซื่อชุนน่าดู

     

     

    “ทำใจให้สบายเถอะ งูเขี้ยวหางไหม้มีพิษอ่อน หากไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรก็คงไม่ถึงตาย หลังจากไปถึงโรงหมอแล้วเขาคงพอมียาบรรเทาปวดให้ท่านบ้าง”

     

     

    “เจ้ากำลังปลอบข้าหรือ” คุณชายเอ่ย ปวดแขนขนาดนี้ยังจะฝืนยิ้มได้อีก ดูท่าคงหายได้ในไม่กี่วันกระมัง “ข้าคิดว่าเมื่อครู่นี้เจ้าดูเหมือนกับเป็นหมอจริงๆ”

     

     

    จงอินยิ้มรับ ถอดผ้าคาดหน้าผากของตนแล้วพับเป็นทบๆ ก่อนจะวางลงไปบนแผลเพื่อห้ามเลือดเบื้องต้น น่าเป็นห่วงตรงที่แถวนี้หาผ้าสะอาดไม่ได้ หวังใจให้แผลไม่ติดเชื้อขึ้นมาก็คงดี

     

     

    “อยู่ที่นี่ข้าไม่ใช่หมอหรอก” เขาตอบ

     

     

    ซื่อชุนเลิกคิ้วให้คำพูดแฝงความนัย อาจตีความได้ว่าคนผู้นี้เป็นหมอจากที่อื่นมาก่อน แต่อายุน้อยแค่นี้จะมีประสบการณ์ขนาดนั้นได้อย่างไร

     

     

    “ชื่อของเจ้า...”

     

     

    จงอินเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเข้ม มันทั้งลุ่มลึก คมปลาบ และมีอำนาจอย่างประหลาด

     

     

    “ข้าอยากรู้ชื่อของเจ้า”

     

     

     

     

     

     

     

    #องค์ชายกับสายฝน

     

     

     

     

     LI5HT
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×