ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) DOG | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #2 : DOG | ONE

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 60


    DOG

    (One)

     

     

     

     

     

    บอร์ดติดประกาศขนาดใหญ่หน้าหอพักชายปีสองถูกล้อมรอบไปด้วยบรรดานิสิตมากหน้าหลายตา ดวงตาเรียวรีของใครบางคนยิ่งหรี่เล็กลงเมื่อพยายามเพ่งมองหารายชื่อของตัวเอง มือก็กระชับเอากระเป๋าสัมภาระชนิดลากไว้แน่นแม้ว่าจะโดนนิสิตคนอื่นทั้งจงใจและไม่จงใจชนมันไปทางนู้นทีทางนี้ทีจนแทบจะเซตามไปด้วย ทั้งยังได้ยินเสียงบ่นพึมพำมาจากทางด้านหลังเรื่องที่กระเป๋าแบบนี้มันกินที่คนอื่น ทว่าบยอนแบคฮยอนไม่สนใจ

     

     

    เขายังคงเพ่งไล่รายชื่อลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งหารหัสนิสิตของตัวเองเจอ ในกรอบสี่เหลี่ยมหนึ่งในตารางนั้นเป็นชื่อของเขาและใครอีกคนที่ไม่รู้จัก แบคฮยอนไม่ค่อยชอบกฏที่ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมห้องพักคนใหม่ทุกปี แต่ก็ขัดไม่ได้ในเมื่อมันเป็นธรรมเนียมของมหาวิทยาลัยที่ว่าหนึ่งตึกจะมีนิสิตพักอาศัยต่อหนึ่งชั้นปี เพราะอย่างนั้นเมื่อจบการศึกษาแต่ละปีก็ต้องย้ายตึกหอพักตามไปด้วย และตึกเดิมของเมื่อปีที่แล้วก็จะมีนิสิตปีหนึ่งย้ายเข้ามาแทนที่

     

     

    ชายหนุ่มเดินลากกระเป๋าเข้ามาจนถึงโถงด้านใน ระหว่างติดต่อขอรับกุญแจจากเคาน์เตอร์ระเบียน ทั้งสองตาและสองหูก็พลันรับรู้ไปถึงบุคคลภายนอกที่อยู่ด้านในห้องเฉพาะเจ้าหน้าที่ ถึงจะจับใจความบทสนทนาแบบครึ่งๆ กลางๆ ได้ไม่ดีนัก แต่แบคฮยอนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน

     

     

    ผมยินดีจ่ายค่าหอเป็นสองเท่า เพราะอย่างนั้นช่วยจัดห้องให้ผมอยู่คนเดียวเถอะครับ

     

     

    คนพูดเป็นผู้ชายรูปร่างผอมสูงที่คลับคล้ายคลับคลาว่าอยู่คณะเดียวกันแต่คนละสาขาวิชา เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัว ดูแล้วท่าทางจะเรื่องมากไม่ใช่เล่น จะมีนิสิตสักกี่คนกันที่กล้าคุยเรื่องยัดเงินกับทางมหาวิทยาลัยเพื่อจะขออภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นอย่างโต้งๆ แค่นี้หอพักก็แน่นจะตายอยู่แล้ว ขืนมีคนแบบหมอนี่มากๆ มีหวังนิสิตที่ล้นคงต้องระเห็จไปหาหอพักเอกชนในตัวเมืองแล้วยอมเดินทางไปกลับวันละหลายสิบกิโลเมตรกระมัง

     

     

    ลิฟท์มาพอดีในตอนที่เจ้าหน้าที่ดูแลหอพักกำลังอธิบายถึงเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้วในหมู่นิสิต หอพักปีหนึ่งจะเป็นตึกที่ใหญ่ที่สุด พอขึ้นปีสอง สาม และสี่ก็จะมีห้องพักน้อยลงตามลำดับ เพราะในแต่ละชั้นปีนิสิตมักจะน้อยลงเรื่อยๆ จนเหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว บ้างก็เรียนไม่ไหว บ้างก็ทนความบ้านนอกไม่ได้ กระหายแสงสี ห้างสรรพสินค้า บ้างก็แค่สอบติดแบบไม่ได้ตั้งใจเลยตัดสินใจลาออกไปเมื่อจบปีแรก

     

     

    ทว่าในปีนี้ เพื่อนร่วมรุ่นของเขากลับรอดมาถึงปีสองกันมากกว่าที่คิด ดังนั้นหอพักที่ควรจะรองรับคนได้แบบหลวมๆ สบายๆ เลยเป็นอันแน่นขนัด บางห้องต้องถูกจัดให้อยู่ถึงสามคน แล้วยังจะมีพวกร่ำๆ จะขออยู่ลำพังเหมือนที่นี่เป็นคอนโดมิเนียมหรูอีก

     

     

    บยอนแบคฮยอนเป็นฝ่ายมาถึงห้องพักก่อนเจ้าของร่วมอีกคน หอในมีขนาดห้องไม่กว้างขวางนัก  เตียงสองชั้นตั้งอยู่ฝั่งหนึ่งของห้อง ถัดไปคือโต๊ะเขียนหนังสือตัวที่หนึ่ง ส่วนอีกตัวตั้งอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าตรงข้ามกับเตียง แต่ที่พอจะทำให้รู้สึกดีกับการย้ายหอใหม่ก็คือตู้เย็นขนาดเล็กที่ทางมหาวิทยาลัยเพิ่งใช้งบซื้อมาเพิ่มให้ปีนี้เป็นปีแรก อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องพึ่งกระติกน้ำแข็งเฮงซวยพวกนั้นอีกแล้ว

     

     

    ยังไม่ทันจะได้เริ่มจัดข้าวของ เสียงไขกุญแจประตูก็ดังกุกกักเป็นสัญญาณว่าเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ของเขามาถึงแล้ว แวบแรกที่อีกฝ่ายโผล่เข้ามาทั้งใบหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ แบคฮยอนก็นึกอยากจะหัวเราะออกมาเสียเดี๋ยวนั้น ทั้งที่เขาเพิ่งด่าหมอนี่ในใจไปว่าเรื่องมากเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าแท้ๆ

     

     

    ดวงตาคมมองผ่านเขาไปเหมือนธาตุอากาศ เขวี้ยงกระเป๋าเป้ใบใหญ่และกระเป๋าเสื้อผ้าทรงสปอร์ตลงกับเตียงชั้นล่างก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง พรูลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดเต็มแก่ เป็นอันรู้กันว่านายเรื่องมากจองเตียงชั้นล่างไปโดยปริยาย และที่นอนของแบคฮยอนในปีนี้ก็คือเตียงชั้นสองที่ต้องคอยระวังศีรษะไม่ให้โขกเพดาน ถ้ารู้แบบนี้รีบจองเตียงชั้นล่างก่อนจะโดนแย่งไปก็ดีหรอก

     

     

    ยินดีที่ได้รู้จัก เขาพูดเปิดบทไปตามมารยาท พยายามนึกในใจว่าชื่อบนบอร์ดที่อยู่ในตารางเดียวกับตัวเองคืออะไร ปาร์ค -- เขาจำได้แค่นามสกุล และมันคงจะไม่ดีแน่ถ้าจะต้องขานชื่อคนตรงหน้าว่านายปาร์คไปเรื่อยๆ

     

     

    อืม ผิดคาดที่หมอนั่นตอบกลับมาทั้งที่ยังอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย เหมือนกัน

     

     

    ยิ้มรับเก้อๆ แล้วก็ถือวิสาสะจับจองตู้เสื้อผ้าฝั่งข้างเตียงโดยการรื้อเอาเสื้อกางเกงนานาในกระเป๋ามาใส่ไม้แขวน ส่วนอีกคนไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นแม้แต่การบอกชื่อ นอกเสียจากว่าล้วงมือหยิบบางอย่างในกระเป๋ากางเกงแล้วแหวกม่าน เปิดประตูระเบียงหายออกไป แบคฮยอนเห็นแค่ควันคลุ้งผ่านแผ่นกระจก ดูท่าคงจะสูบบุหรี่จัดพอตัว

     

     

    อืม... เขาจะลองสูบบุหรี่บ้างดีไหมนะ

     

     

    เฮ้

     

     

    แบคฮยอนเดินไปเปิดประตูระเบียง กลั้นใจไม่ให้ไอค่อกแค่กเพราะควันที่คลุ้งอยู่ในอากาศจนแทบหายใจไม่ออก นายปาร์คจัดการบี้บุหรี่กับราวระเบียงแล้วโยนออกไปอย่างมักง่ายก่อนจะหันมาหาเขา เสยเรือนผมสีดำขณะทำสิ่งที่แบคฮยอนเดาว่าคงกำลังจะหยิบมวนใหม่ขึ้นมาจุดสูบ

     

     

    นายจะเอาโต๊ะเขียนหนังสือตัวไหน คนตัวเล็กกว่าพยักพเยิดเข้าไปในห้อง เพื่อนร่วมห้องคนใหม่มองตาม เห็นกระเป๋าเดินทางเปิดอ้าอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าข้างเตียงแล้วก็ตัดสินใจได้

     

     

    นายเอาฝั่งเตียงไป

     

     

    นายปาร์คตอบกลับมาแค่นั้นจริงๆ บทสนทนาถูกยุติ ริมฝีปากหนาหันกลับไปคาบบุหรี่จากซองสีแดงแล้วทอดสายตามองวิวทิวทัศน์ของภูเขาจากมุมสูง ลมเย็นๆ พัดเอื่อยไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศระหว่างทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น แบคฮยอนรู้สึกอึดอัด เขาไม่คิดว่าตัวเองโชคดีเลยที่ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับนายเรื่องมากถึงหนึ่งปีเต็ม

     

     

    เขากลับเข้ามาในห้อง ปิดประตูระเบียง ถอนหายใจแล้วจึงเดินไปวุ่นวายอยู่กับตู้เสื้อผ้าต่อ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    บยอนแบคฮยอนพลิกดูเมนูท่ามกลางบรรยากาศจอแจในร้านอาหารตามสั่ง สายตาก็มองไปยังคนตรงข้ามซึ่งเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มเพียงคนเดียวที่ยังตื่นกลางวันมากินข้าวกับเขาได้ นอกนั้นก็พากันหลับเป็นตายเพราะฟาดแอลกอฮอล์กันทุกวันตั้งแต่กลับมาอยู่หอ อีกสองวันจะเปิดเทอมแล้ว ชีวิตที่แสนวุ่นวายและคึกครื้นกว่าบ้านที่โซลคงกลับมาอีกครั้ง

     

     

    ผมเอาข้าวราดพุลโกกิแล้วก็ซุปไข่ปลาครับ

     

     

    ส่วนผมเอาต๊อกโปกิใส่ชีสหนึ่งจาน โดคยองซูสั่งอาหารจานโปรดอย่างไม่รู้จักเบื่อ มือก็ยกขึ้นนวดหัวตาเพราะยังคงแฮงค์จากการดื่มกับเพื่อนเมื่อคืนนี้ แบคฮยอนไม่รู้ว่าคยองซูกินชีสเข้าไปได้อย่างไรไหว ที่ควรสั่งน่าจะเป็นซุปปลาแห้งร้อนๆ สักชามมากกว่า

     

     

    ดื่มกันหนักตั้งแต่บังไม่เปิดเทอมเลยนะ

     

     

    คยองซูหัวเราะเบาๆ เดี๋ยวเปิดเทอมก็เพลาๆ ลงมั้ง

     

     

    เพลากับผีน่ะซี เจ้าพวกนั้นน่ะเหรอเขาโบกมือปัดๆ เชื่อยากว่ากลุ่มเพื่อนของตัวเองจะจริงจังกับการเป็นนิสิตปีสองมากขึ้นและเข้าร้านเหล้าหลังมหาวิทยาลัยให้น้อยลง เพราะว่าเป็นสถานศึกษานอกเมือง ตัวเลือกให้เที่ยวโดยที่ไม่ต้องเข้าเมืองจึงไม่เยอะนัก พอรู้ว่าถ้าไปดึกแล้วร้านจะเต็ม พวกเพื่อนของเขาก็พอกันไปจับจองโต๊ะดื่มตั้งแต่หัวค่ำ ไม่เห็นแววจะน้อยลงอย่างที่คยองซูว่า

     

     

    เออ ช่างพวกมันเถอะ อย่าไปซีเรียสนักเลย โตๆ กันแล้วคยองซูเทน้ำชาใส่แก้วเป็นรอบที่สองหลังดูดแก้วแรกจนหมด อีกอย่างคืนนี้นายห้ามชิ่งแล้วนะ ไอ้พวกนั้นให้มาตามแล้ว

     

     

    แบคฮยอนถอนหายใจ ดื่มแล้วต้องนอนโรงพยาบาล ทรมานจะตาย

     

     

    เอาน่า ก็โผล่ๆ ไปให้เพื่อนเห็นหน้าหน่อย แล้วก็นั่งดูดโค้กไป

     

     

    เป็นที่รู้กันดีว่าหนึ่งในกลุ่มขาดื่มอย่างเขาแพ้เหล้าง่ายอย่างกับอะไรดี หรือจะพูดให้ถูกก็คือแบคฮยอนเลือกดื่มได้แค่บางยี่ห้อ ซึ่งบางยี่ห้อที่ว่าก็ไม่มีเหล้าแบบถูกๆ ที่พอจะใช้ดื่มแทนน้ำได้อย่างที่คนอื่นชอบเลย แทนที่จะต้องสั่งแพงมาให้ตัวเองดื่มได้ ถ้าต้องไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อน เขาจึงเลือกดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำอัดลมแทนเพื่อตัดปัญหา

     

     

    เออใช่ เหมือนคยองซูจะนึกอะไรขึ้นได้  แต่ก็หันไปหยิบตะเกียบในกล่องออกมาเตรียมพร้อมเพราะหันไปเห็นว่าต๊อกโปกีถูกตักใส่จานเรียบร้อยแล้ว เมื่อวานฉันแวะเข้าไปเอาของที่ล็อกเกอร์ในตึกคณะ แล้วบังเอิญเจออาจารย์อี้ฟานพอดี

     

     

    ถึงตรงนี้ใบหูของแบคฮยอนแดงเรื่อ แต่คยองซูให้ความสนใจกับมื้อกลางวันจนไม่ทันสังเกตเห็น

     

     

    เขาถามหานายแน่ะ เห็นว่าจะคุยเรื่องไปจีนหรือไงนี่แหละ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    บยอนแบคฮยอนยกสองมือขึ้นอุดหูเพราะเสียงเพลงที่ดังเสียจนบทสนทนากลายเป็นตะโกนแข่งกัน ให้พูดแล้วพูดอีกก็ได้ว่าเขาไม่ชอบบรรยากาศอย่างนี้เลย เสียงกระหึ่มจนแสบแก้วหูมันทำให้เขารู้สึกระแวงไปเสียทุกทีว่าอาจจะหัวใจวายตายเมื่อไรก็ได้ ที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันตรงกลางร้านเป็นกลุ่มเพื่อนราวสี่ถึงห้าคน ดูเหมือนจะยังมีสติสตังครบถ้วนเพราะยังมีแรงลุกขึ้นโบกมือเรียกให้เขาเดินเข้าไปหา น้ำอำพันในขวดทรงสูงลดไปเกือบครึ่งแต่ดูท่ายังไม่ระคายกระเพาะของใคร แบคฮยอนคว้าเอาขวดน้ำอัดลมมิกเซอร์มาเทใส่แก้วเสียจนเต็มแล้วยกขึ้นจิบหน้าตาเฉย ร้อนจนเสียงหนึ่งต้องถามขึ้นมาทั้งที่รู้ทั้งรู้

     

     

    ไม่เอาสักหน่อยเหรอวะแบคฮยอน

     

     

    ไม่ล่ะ

     

     

    คนถูกถามตอบไม่หยี่ระ เขาเอียนกับเรื่องนี้เสียจนรู้จักเข็ดที่จะรักตัวเองแล้ว แรกเริ่มเดิมทีตอนขึ้นมหาวิทยาลัยใหม่ๆ เหล้าทั่วไปก็ยังพอได้เข้าปากบ้าง แต่พอต้องพบประสบการณ์ถูกหามขึ้นรถเข้าตัวเมืองแล้วนอนโรงพยาบาลสองคืนติด แบคฮยอนก็สัญญากับตัวเองว่าเขาต้องหาทางเอาตัวรอดในสังคมวัยรุ่นให้จงได้โดยที่ไม่ต้องทรมานอีก

     

     

     

     

     

     

    เฮ้ย มึงดูโต๊ะนั้นสิชานยอล

     

     

    เจ้าของชื่อละสายตาจากเหล้า บุหรี่ และผู้หญิงที่ขนาบข้างเพื่อหันไปมองคนโชคร้ายซึ่งกำลังจะเป็นเป้าหมายในบทสนทนาใหม่ของเพื่อนร่วมกลุ่ม หากใครว่าผู้ชายไม่มีนิสัยชอบพูดชอบสอดอย่างเพศตรงข้ามแล้วล่ะก็เขาคงอยากเถียงขาดใจ ดวงตาคมมองปราดผ่านโต๊ะแล้วโต๊ะเล่าแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครโดดเด่นขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาไม่รู้ว่าคิมจงอินกำลังพูดถึงใครอยู่

     

     

    คนต้นเรื่องเหมือนจะเข้าใจความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นกับคนตัวสูงได้ง่ายแสนง่าย จึงหัวเราะร่าแล้วขยับนิ้วที่ชี้ออกไปนิดหน่อยราวกับมันจะช่วยเจาะจงเป้าหมายได้มากขึ้น คนที่ตัวเล็กๆ ตาตี่ๆ นั่นน่ะ... นั่นไง ที่กำลังเทโค้กเพียวๆ

     

     

    อ้อ...

     

     

    ปาร์คชานยอลหรี่ตาลงนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคนๆ นั้นก็คือเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ของเขานั่นเอง สีหน้าของหมอนั่นไม่สู้ดีนัก ดูเบื่อเต็มแก่แต่ก็ไม่ยอมลุกออกไปโต๊ะเสียที ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษ บางทีจงอินอาจหมายถึงคนอื่นก็เป็นได้

     

     

    แต่แล้วเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายเทน้ำอัดลมเพียวๆ ใส่แก้วที่เพิ่งดื่มจนหมด พอทำอย่างนั้นพวกจงอินก็หัวเราะร่า

     

     

    คนนั้นกูรู้จัก แบคฮยอนเอกโฆษณาไงมึง ที่ใครๆ ก็ว่าเก่งน่ะชานยอลเงียบฟังคิมจุนมยอนพูด แล้วก็เป็นจงอินที่สวนขึ้นมาเหมือนเป็นตัวสร้างความสนุกของกลุ่ม

     

     

    ไอ้คนที่มึงเคยเล่าว่าดูติ๋มๆ แต่แม่งเอแทบทุกตัวใช่ไหมวะ

     

     

    ถ้าแม่งจะเฟี้ยวขนาดไม่กินเหล้าในร้านเหล้าแบบนี้ ทีหลังกูแนะนำแดกเกลือแร่อยู่บ้านดีกว่า

     

     

    ไอ้สัตว์ มึงอย่าว่าไป เหล้ามันทำให้สมองฝ่อโว้ย!

     

     

    คนทั้งโต๊ะพากันหัวเราะรวมทั้งพวกผู้หญิงที่ถูกชวนมาด้วย ทว่าชานยอลกลับเป็นคนเดียวที่ดื่มแอลกอฮอล์จากแก้วเงียบๆ ภาพลักษณ์ของผู้ชายคนนั้นค่อนข้างแย่ทีเดียวในสายตาพวกไม่สนใจเรียนอย่างเพื่อนๆ เขา แต่กลับกันแล้วก็ไม่ใช่พวกไร้เพื่อนฝูง ขนาดว่าไม่ดื่มเหล้า แต่คนทั้งโต๊ะที่หมอนั่นนั่งอยู่ก็ยังพากันให้ความสนใจ ทั้งกอดคอคะยั้นคะยอด้วยบาคาดี้รสชาติอ่อนๆ อีก

     

     

    เป็นคนที่น่าเบื่อจริงๆ

     

     

    ปาร์คชานยอลวางแก้วที่ดื่มจนหมดลงกับโต๊ะ คนอื่นๆ ดูเหมือนจะสนใจอยากให้เขาพูดอะไรออกมาสักอย่าง ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ที่เขาบ่นถึงเป็นใคร ไม่มีใครรู้ว่าไอ้อ่อนที่นั่งทำหน้าเหยเกเป็นตัวตลกให้ทุกคนหัวเราะแบบนี้จะอยู่ใกล้ตัวเขาถึงเพียงไหน

     

     

    กูว่ากระแดะ

     

     

    อยู่กับหมอนั่น... ยังไงก็คนละโลกชัด ๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อาจารย์ครับ

     

     

    นี่คงเป็นเสียงที่อู๋อี้ฟานนึกอยากจะได้ยินมากที่สุดหลังจากเสียงเคาะประตู คนที่เพิ่งเดินเข้ามานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นบยอนแบคฮยอน ลูกศิษย์เอกออกแบบกราฟิกและโฆษณาที่เจอหน้ากันมาถึงหนึ่งปีเต็มแล้วนั่นเอง การที่แบคฮยอนมาที่นี่ย่อมเป็นเพราะคำฝากบอกที่เขาเอ่ยกับเพื่อนของเจ้าตัว และเพราะอย่างนั้นถึงอดเสียใจไม่ได้ อย่างน้อยถ้าได้เจอกันตั้งแต่ตอนที่กลับมามหาวิทยาลัยในสองสามวันแรกก็คงจะน่าดีใจกว่านี้

     

     

    ถ้าไม่ให้เพื่อนเธอเป็นคนไปบอก ก็คงไม่คิดจะมาหาฉันที่นี่ใช่ไหม

     

     

    นิสิตหนุ่มแค่ระบายยิ้มเป็นคำตอบให้กับคำถามนั้น ร่างเล็กกว่าในชุดไปรเวทค่อยๆ เดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนบนเก้าอี้แล้วจึงย่อตัวลงคุกเข่ากับพื้น ผมไม่ลืมสัญญาของเราหรอกครับ

     

     

    สิ้นคำอู๋อี้ฟานก็หัวเราะเบาๆ แล้วว่า ที่เรียกมาเพราะอยากจะคุยเรื่องไปดูงานที่จีนต่างหาก

     

     

    ผมรู้ว่านั่นน่ะเรื่องรอง

     

     

    ทว่าแบคฮยอนก็ตัดบทด้วยรอยยิ้มที่มีลับลมคมในกว่าเดิม

     

     

    มือขาวค่อยๆ ปลดเข็มขัดของอาจารย์หนุ่มแล้วรูดซิปกางเกงลงอย่างรู้งาน จะว่าไม่รู้สึกกระดากอายเลยก็คงโกหก แต่ในเมื่อสิ่งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกและมันก็เป็นรสนิยมของคนทั้งคู่ ทั้งยังกล่าวได้ว่าเป็นการตอบแทนบางสิ่งบางอย่างที่ช่วยเชิดหน้าชูตาความเป็นนิสิตว่าที่เกียรตินิยมของเขาได้เป็นอย่างดี เป้าหมายของแบคฮยอนยังอีกไกลนัก ซึ่งเขาไม่รังเกียจเลยถ้าคนที่คอยพยุงตัวเองจนถึงฝั่งฝันจะเป็นอี้ฟาน

     

     

    ขอบคุณนะครับสำหรับเกรดสวยๆ ในเทอมที่ผ่านมา

     

     

    ความลับของการแลกเปลี่ยนที่ถูกรักษายิ่งชีพ กลโกงที่ใช้เอาเปรียบเพื่อนร่วมรุ่นโดยไม่มีใครได้รู้ บยอนแบคฮยอนคิดว่าเขาคงสามารถผ่านมันไปได้โดยง่าย และถึงคราวตาย ความลับพวกนี้ก็ไม่มีวันโผล่ออกมาจากหลุม

     

     

    หากเขาคิดผิด ตึกคณะที่ร้างผู้คนอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาเมื่อไรก็เป็นได้ เช่นเดียวกับการบังเอิญมีใครสักคนอยู่หน้าประตูห้องพักอาจารย์ประจำภาควิชา

     

     

    ที่แท้ก็โสโครก

     

     

    เสียงนี้อาจพูดกับเขา แต่ในตอนนั้นแบคฮยอนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย

     

     

     

     

     

     

    -----------------------------------------

     


    ชอบไม่ชอบอย่างไร อย่าลืมคอมเมนท์เป็นกำลังใจ

    หรือติดแฮชแท็ก #ficdog มาทักทายกันหน่อยนะคะ <3

      M
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×