ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SEKAI) 王子和雨 | WHEN THE RAIN FALLS,

    ลำดับตอนที่ #2 : 02 | จินจงเหริน

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 61


    王子和雨

    WHEN THE RAIN FALLS,

    OHSEHUN l KIMJONGIN

    - OHARHA -

     

     

     

    ( 2 )

    จินจงเหริน

     

     

     

    “จงเหริน! จงเหรินใช่ไหมนั่น!

     

     

    เขาไม่รู้ว่าจงเหรินคือใคร แต่ก็เลือกจะหันไปมองต้นเสียงด้วยเพราะสัญชาตญาณแห่งความตื่นตัวเกิดทำงานของมันโดยอัตโนมัติ และให้ตาย... ชายที่กำลังวิ่งมาทางนี้ก็ดูโบราณเหมือนกับตัวเขาเองไม่มีผิด การแต่งตัวกับทรงผมก็คล้ายๆ กัน ต่างกันที่อีกฝ่ายมีผ้าสีมอซอผูกคาดหน้าผากแล้วยังแบกตะกร้าขนฟืนเหมือนตัวละครชาวบ้านในซีรีส์พีเรียดสักเรื่องอย่างไรอย่างนั้น

     

     

    เขารอจนชายแปลกหน้าเข้ามาใกล้ ถอดตะกร้าขนฟืนลงวางที่พื้นแห้งๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ สรุปว่าคนคนนี้ไม่ได้ทักผิด และเขาก็คือจงเหรินอย่างนั้นหรือ?

     

     

    “เจ้าหายไปไหนมาตั้งแต่เมื่อวาน แล้วเหตุใดสภาพถึงได้เป็นอย่างนี้เล่า” หนุ่มขนฟืนถามเสียงเจื้อยแจ้ว พอพูดถึงเรื่องเวลาแล้ว จงอินก็เพิ่งจะสังเกตว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาเย็นย่ำ ท้องฟ้าระเรื่อไปด้วยสีส้มแซมคราม “นี่ จงเหริน ตอบข้าสิ”

     

     

    เขาไม่ได้ตอบอะไรเพราะยังมึนงงอยู่มาก แต่อีกฝ่ายก็เร่งเร้าจะเอาคำตอบเสียให้ได้

     

     

    “เจ้าเป็นอะไรไป ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียความจำหรือเปล่า”

     

     

    จงอินส่ายหน้าพลางโบกมือปัดๆ ถึงจะอยากคิดอะไรตอนนี้ก็คงไม่สะดวกนัก “ที่นี่ที่ไหน”

     

     

    “ที่นี่? ที่นี่ก็ริมแม่น้ำอย่างไรเล่า” คนแปลกหน้าขมวดคิ้ว ทำเหมือนเห็นเขาเป็นตัวประหลาดขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น “หรือเจ้าอยากให้ข้าตอบว่าเมืองลั่วหยาง เราอยู่ที่ลั่วหยาง!

     

     

    “ลั่วหยาง?” ที่ไหนกันล่ะนั่น ชื่อเมืองอย่างกับประเทศจีน

     

     

    แต่เดี๋ยวก่อน... เสื้อผ้าหน้าผมพวกนี้ก็เหมือนหลุดออกมาจากจีนย้อนยุคเหมือนกัน!

     

     

    “ซ่อนกล้องเอาไว้หรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากลองหันซ้ายหันขวาแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีที่ให้ซุกซ่อนในระยะใกล้ หรือต่อให้ไกลจนถึงพุ่มไม้ลิบสายตา แต่ไม่เห็นว่ามีความเคลื่อนไหวใดๆ ปรากฏเลย

     

     

    “พูดจาพิลึก! เจ้าไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือไง”

     

     

    จะว่าไป เขาพูดภาษาจีนคล่องขนาดนี้ได้อย่างไรกัน อย่างกับพูดจนชินปากมานานแล้วอย่างนั้นแหละ จริงอยู่ที่คิมจงอินเคยเรียนภาษาจีนเป็นภาษาที่สามแบบพอสนทนาได้ แต่ก็ไม่มีโอกาสใช้งานจนแทบจะลืมคำศัพท์และสำเนียงไปเกือบหมดแล้ว

     

     

    “เอาเถอะ เจ้ากลับไปกับข้าก่อนดีกว่า เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งอย่างนี้ ไม่รู้ข้างในจะบาดเจ็บแค่ไหน”

     

     

    จงอินไม่มีทางเลือกนอกจากยอมทำตามที่อีกฝ่ายว่า เขาได้แต่เดินตามต้อยๆ เดินจนเหนื่อย ในที่สุดก็เริ่มเข้าเขตอยู่อาศัยที่มีบ้านเรือนปรากฏให้เห็นเป็นระยะ แต่ละหลังนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก ส่วนใหญ่ทำด้วยไม้หรือไม้ไผ่ ปูหลังคาใบจาก ถึงตรงนี้คงไม่มีอะไรให้แปลกใจมากขึ้นแล้ว ก็คิดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ว่าโลกที่เขาอยู่ในตอนนี้คงจะไม่ใช่โลกปกติธรรมดาจริงๆ

     

     

    บ้านของชายผู้นี้ก็ไม่ต่างจากหลังอื่นๆ เท่าไรนัก ข้างในมีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ และที่นอนเท่านั้น บนผนังแขวนของเอาไว้ระเกะระกะ สังเกตด้วยตาแล้วคิดว่าเป็นเครื่องมือหาของป่าหรือว่าล่าสัตว์ โชคดีว่าอากาศไม่ร้อนอบอ้าว เขาจึงพอหายใจหายคอคล่องบ้างเมื่อต้องทนแออัดอยู่ในบ้านหลังเล็กขนาดนี้

     

     

    “ถอดผ้าสิ” เจ้าบ้านสั่ง ได้ยินเช่นนั้นจงอินก็เลิกคิ้วสูงแทนประโยคคำถาม “ข้าเห็นว่าเจ้ามีแผล เอ้า ถอดผ้าออกสิ จะได้ดูว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง”

     

     

    เขารู้สึกกระดากแปลกๆ อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่ร่างกายของคิมจงอินถึงจะกล้าถอดผ้าผ่อนให้ใครต่อใครดูได้ แต่ในเมื่อคนคนนี้รู้จักมักจี่กับเจ้าของร่างเป็นอย่างดี อย่างนั้นเขาจึงไม่ควรขัดด้วยการอิดออดเล่นตัวใช่หรือเปล่า

     

     

    จงอินถอดเสื้อผ้าที่สวมออกอย่างทุลักทุเล ก่อนจะกลายเป็นล่อนจ้อน อีกฝ่ายก็รีบร้องห้ามให้สวมท่อนล่างเอาไว้และไม่ต้องถอดจนหมดก็ได้ เขาถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เท่าที่วัดจากความรู้สึกแล้วร่างนี้คงไม่มีกางเกงในสวมอยู่เป็นแน่

     

     

    “โห เจ้าไปตกเขามาหรืออย่างไรกัน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ”

     

     

    พอก้มลงมองท่อนบนเปลือยเปล่าของตนเองก็เห็นเป็นดังเช่นอีกคนว่า “โชคดีที่ไม่ได้กระดูกหักหรือว่าม้ามแตกล่ะนะ”

     

     

    “หา?”

     

     

    อะไรอีกเล่า... แค่บอกว่าไม่ได้กระดูกหักหรือม้ามแตก มีอะไรที่ฟังดูพิลึกอีกหรือไง

     

     

    “เจ้าพูดจาประหลาดจริงๆ นะจงเหริน”

     

     

    “แปลกยังไง”

     

     

    “ถ้อยคำแปลกๆ อย่างไรเล่า เมื่อครู่เจ้าก็เพิ่งพูดว่า... แม้ม?

     

     

    “ม้าม” จงอินแก้ อย่างไรก็ยังคิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน “มันคืออวัยวะภายใน ทำให้ตายได้เลยรู้หรือเปล่า”

     

     

    คนตรงหน้ามองเขาชี้บริเวณชายโครงซ้ายพลางกะพริบตาปริบ

     

     

    “โอเค เอาเป็นว่าผมจะพยายามเข้าใจสถานการณ์ก็แล้วกัน” เขายอมแพ้ในที่สุด ความคิดที่อยากบอกให้อีกฝ่ายรู้จักม้ามก็เป็นอันล้มเหลวตามไปด้วย “คือ... ผมจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง อาจเป็นภาวะแอมนีเซีย ฉะนั้นคุณต้องช่วยผมแล้ว”

     

     

    “ประเดี๋ยวก่อน” เจ้าบ้านยกมือห้าม “ข้าฟังไม่ทัน คำพูดของเจ้ามันแปลกนัก พูดแล้วเหมือนลิ้นจะพันกันอย่างนั้นแหละ”

     

     

    ได้ยินอย่างนั้นเขาก็พรูลมหายใจแล้วเริ่มเรียบเรียงคำพูดใหม่ให้ช้าและชัดขึ้น

     

     

    “ผมอยู่ในภาวะเสียความจำชั่วคราว คุณ... เอ่อ เจ้าคงต้องเล่าอะไรๆ ให้ข้าฟังเยอะเลย”

     

     

    ฝั่งตรงข้ามพยักหน้าเป็นการตอบรับว่าเข้าใจคำพูดเขาในที่สุด หากบอกไปว่าสูญเสียความทรงจำก็คงจะไม่โดนซักไซ้อะไรให้มากความ จงอินเลิกคิดว่าที่นี่คือโลกแห่งความฝันมาตั้งแต่แรก อย่างแรกเลยคือเขาเปียกชุ่ม ส่วนอย่างที่สองคือเขารู้สึกเจ็บ ดังนั้นนี่คงเป็นเรื่องเหลือเชื่ออะไรสักอย่าง หรืออาจจะโลกหลังความตายก็เป็นได้กระมัง

     

     

    “เจ้าจำชื่อแซ่ตนเองได้หรือเปล่า”

     

     

    “คุณเรียกข้าว่าจงเหริน” จงอินตอบพาซื่อ สรรพนามก็ยังใช้ผิดๆ ถูกๆ ด้วยไม่เคยชิน

     

     

    “แซ่เล่า” พอเขาไม่ตอบ อีกฝ่ายก็ถอนหายใจ “ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดหรอกว่านี่เป็นชื่อแซ่จริงๆ ของเจ้าหรือไม่ เจ้าบอกข้าว่าแซ่จิน เดินทางรอนแรมมาถึงลั่วหยางเมื่อเดือนก่อนแล้วก็อดข้าวจนเป็นลมล้มพับอยู่ใกล้บ้านของข้า ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเจ้าใช้ชีวิตมาอย่างไร แต่ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้เจ้าพักอาศัยอยู่กับข้า ช่วยหาของป่าและล่าสัตว์แลกที่ซุกหัวนอน นอกเหนือจากนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว เจ้ามันปากหนักเรื่องตนเองนัก”

     

     

    จินจงเหริน คือชื่อเจ้าของร่างนี้ จงอินเตือนตนเองในใจว่าอย่าได้เผลอแนะนำตัวกับใครต่อใครด้วยชื่อจริงของตนเองเป็นอันขาด สิ่งที่คนตรงหน้าเล่ามาก็ทำให้พอรู้เกี่ยวกับจงเหรินอยู่บ้าง แต่นับว่ายังน้อยนิดเท่านั้น

     

     

    “ส่วนตัวข้า เปี้ยนป๋ายเซียน ยอมให้เจ้าอาศัยอยู่ด้วยก็เพราะถูกชะตา” เจ้าบ้านนาม เปี้ยนป๋ายเซียน หัวเราะลั่น “แต่ข้าเป็นพี่ เจ้าเป็นน้อง เราตกลงกันไว้เช่นนั้น”

     

     

    จงอินฟังแล้วยิ้มแหย มั่นใจว่าอย่างไรอายุจริงของเขาก็มากกว่าป๋ายเซียนแน่ๆ

     

     

    “ตกลง ป๋ายเซียน ที่ผมอยากรู้ก็คือวันเดือนปีกับบ้านเมืองปัจจุบันว่าเป็นยังไง”

     

     

    หลังจากเขายิงคำถาม ป๋ายเซียนดูจะยิ่งงุนงงหนักกว่าเก่าเสียอีก

     

     

     

     

     

     

     

    #องค์ชายกับสายฝน

     

     

     

     

     LI5HT
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×