คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 01 | ราตรีพิลึก
王子和雨
WHEN THE RAIN FALLS,
OHSEHUN l KIMJONGIN
- OHARHA -
( 1 )
ราตรีพิลึก
คิมจงอิน เกลียดสายฝน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาต้องอยู่เวรติดกันเกินสิบหกชั่วโมง และเสียงฟ้าคำรามก็ทำให้จิตใจหดหู่จนแทบบ้า
“พยาบาลอี คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ” เขาเร่งฝีเท้า มือที่ล้วงอยู่ใต้เสื้อกาวน์ชื้นไปด้วยเหงื่อ
“คนไข้เลือดออกในกระเพาะเยอะมาก ตอนนี้ความดันอยู่ที่ 70/50 ค่ะ”
“ได้เพิ่มไอวีกับจองเลือดเอาไว้ตามที่ผมบอกหรือเปล่าครับ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะหมอคิม”
พยาบาลอีตอบฉะฉาน หลังจากปั๊มหัวใจขึ้นมาได้แล้วคนไข้ยังคงไม่พ้นขีดอันตราย หากด้วยภาระหน้าที่ของแพทย์เวรแล้วเขาไม่สามารถทิ้งคนไข้ก่อนหน้ากลางคันได้ ทำได้แค่สั่งการผ่านนางพยาบาลเผื่อยื้อชีวิตผู้ป่วยเอาไว้จนกว่าจะไปดูอาการด้วยตนเองได้เท่านั้น ทันทีที่มาถึงวอร์ด เขาเห็นพยาบาลสองถึงสามคนกำลังยืนล้อมรอบเตียงคนไข้ซึ่งรูดม่านปิดเอาไว้ไม่สนิทนัก จงอินแทรกตัวเข้าไปอย่างเร่งรีบ ส่วนพยาบาลชินกล่าวรายงานอาการคนไข้โดยไม่พิรี้พิไร
“ตอนที่ฉันมาถึง คนไข้ก็หอบหายใจหนักมากแล้วค่ะ ตอนนี้เราเลยใส่ท่อช่วยหายใจให้ระหว่างรอคุณหมอมาถึง”
“แล้วเบิร์ดละครับ”
“ตอนนี้กำลังไปยืมจากแผนกอื่นค่ะ ของวอร์ดเราหมดไปแล้ว”
คิมจงอินถอนหายใจเบาๆ ขณะตรวจดูอาการของคนไข้ซึ่งไม่สู้ดีนัก หล่อนสอดท่อช่วยหายใจทางปาก มีสายน้ำเกลือแทงอยู่ทั้งสองแขน รอบตัวมีทั้งเครื่องวัดความดังและเครื่องวัดออกซิเจนรายรอบ ไม่นานนักเครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมด้วยความดันที่ถูกเรียกย่อๆ ว่าเบิร์ดก็มาถึง เขาจัดการหมุนปุ่มทั้งสี่ไปที่สิบสองนาฬิกา กดเปิดเครื่อง แล้วปรับตั้งค่าระยะเวลาของการหายใจให้เหมาะสมกับผู้ป่วยอยู่เกือบห้านาที
ไม่มีเวลาพอจะอยู่ดูอาการหรือพูดคุยกับญาติผู้ป่วยซึ่งร้องห่มร้องไห้อยู่ทางด้านนอก สัญญาณเรียกตัวฉุกเฉินดังขึ้นเพื่อเรียกให้จงอินรีบเร่งไปยังวอร์ดสิบสอง คราวนี้ผู้ป่วยเป็นชายวัยกลางคนซึ่งมีอาการอาเจียนเป็นเลือดเพราะหลอดเลือดดำโป่งพองที่หลอดอาหารซึ่งเป็นผลมาจากโรคตับเรื้อรัง สีหน้าของผู้ป่วยซูบซีด ความดันตก ชีพจรเต้นเร็ว อันเป็นลักษณะของการเสียเลือดมากจนใกล้ช็อกแล้ว พยาบาลคิมจัดการสอดท่อสายยางเข้าทางจมูกโดยไม่ต้องรอให้เขาบอก สิ่งที่ไหลออกมาตามสายยางมีแต่สีแดงสด
“ทำต่อไปนะครับ ไอวีอีกสายให้น้ำเกลือเร็วที่สุดไปเลย”
ชั่วโมงฉุกละหุกจบลงที่การใส่ท่อเข้าไปในกระเพาะอาหารเพื่อกดห้ามเลือด ก่อนจะโทรศัพท์ติดต่อแพทย์ในแผนกศัลยกรรมเอาไว้เผื่อฉุกเฉินในกรณีที่เลือดไม่ยอมหยุด
ในที่สุดก็มีเวลาให้เขาพักหายใจจนได้ คิมจงอินเดินออกจากวอร์ดอายุรกรรมด้วยสีหน้าอิดโรย จะให้งีบสักตื่นตอนนี้ก็คงยาก สถานการณ์ของผู้ป่วยทั้งสองฝั่งยังคงหน้าสิ่วหน้าขวาน ถึงข่มตาหลับก็มีหวังสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะหลอนเสียงเรียกของพยาบาลแน่
กาแฟสำเร็จรูปสักกระป๋องฝนตอนนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว คิดได้ดังนั้นจงอินจึงลากสังขารหวังจะให้ถึงตู้กดน้ำยื้อชีวิตในเร็วพลัน แต่แล้วพระเจ้าก็เล่นตลกกับเขาจนได้ เพราะท่ามกลางสายฝนที่พากันเทลงมาไม่หยุดตลอดทั้งคืนนั้น สายตากลับมองเห็นร่างของใครบางคนบริเวณดาดฟ้าตึกผู้ป่วยในทั้งที่เป็นเวลาไม่สมควรแก่การชมวิวหรือสูดอากาศจากมุมสูงแท้ๆ
อา... นี่มันค่ำคืนอะไรกันวะเนี่ย
หมดกันแล้วกับมื้อกาแฟกระป๋องแสนอภิรมย์ ทันทีที่สมองพอจะประเมินเหตุการณ์ได้ สองเท้าก็รีบก้าวจนกลายเป็นวิ่งราวกับลืมความเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้านี้ไปเสียสิ้น จากตรงนี้ไปถึงดาดฟ้าปีกตึกซ้ายจะใช้เวลาอย่างน้อยก็สามนาที เขาถูกความเป็นความตายทักทายมามากแล้วในคืนนี้ ถ้าเป็นไปได้คิมจงอินก็ไม่อยากให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นการตายอย่างเต็มใจก็ตามที
เขาผลักประตูดาดฟ้าเปิดออกเต็มแรง ก่อนจะพาตนเองก้าวเข้าสู่ใต้สายฝนโดยไม่ลังเล ใครคนนั้นยังยืนอยู่ที่ริมดาดฟ้า หันหน้ามองผู้มาใหม่ด้วยท่าทีสงบนิ่ง จงอินเห็นสีหน้าคนคิดสั้นไม่ชัดเจนนักเพราะดวงตาพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำ ไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปใกล้กว่านี้หรือจะตะโกนฝ่าเสียงฝนเสียเลย
“คุณชเว! คุณชเวใช่ไหมครับ!?”
ท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจได้ว่าควรก้าวเข้าไปใกล้ๆ ฝนเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับการเกลี้ยกล่อมไม่ให้คนไข้ฆ่าตัวตาย
“คุณชเว อย่าคิดสั้นเลยนะครับ”
“หมอไม่ต้องมาห้ามผมหรอก” นายชเวส่ายศีรษะ พอได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น จงอินจึงเห็นว่าสีหน้าผู้ป่วยรายนี้ช่างดูท้อแท้สิ้นหวังเสียเหลือเกิน “ยังไงผมก็ต้องตายอยู่แล้ว สู้ตายมันเสียตอนนี้จะเป็นไรไป”
“อย่าคิดแบบนั้นเลยครับ ภรรยาและลูกๆ ของคุณคงเสียใจมากถ้าคุณจะด่วนจากไปแบบนี้ สู้ให้ถึงที่สุดเถอะนะครับ”
“อยู่ไปก็เป็นภาระลูกเมีย ผมไม่อยากให้ลูกต้องขายทรัพย์สินเพื่อเอาเงินมาเป็นค่ารักษาอีกแล้ว” นายชเวเริ่มร้องไห้จนตัวสั่นเทา ถึงอย่างนั้นเขาก็มองไม่เห็นน้ำตาซึ่งไหลปนไปกับเม็ดฝนอยู่ดี “หมออย่าห้ามผมเลย ช่วยทำเป็นไม่เห็นแล้วปล่อยผมไปเถอะ”
จงอินไม่รู้จะทำอย่างไร เขาลำบากใจ แต่ก็ทนเห็นคนฆ่าตัวตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ลองคนไข้มุ่งมั่นแบบนี้แล้วคงเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จแน่ มีแต่จะต้องอาศัยทีเผลอแล้วพากลับเข้ามาด้านในให้ได้นั่นแหละ แล้วจากนี้ไปค่อยให้พยายามช่วยเฝ้าระวัง ถ้าได้เจอหน้าภรรยาและลูกอีกสักครั้งอาจจะยอมเปลี่ยนความคิดก็เป็นได้
“ผมเข้าใจคุณนะ คุณชเว ถึงอย่างนั้นก็อยากให้คุณค่อยๆ คิดให้ดีนะครับ”
อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น นายชเวกำลังร่ำไห้เสียใจ แบบนี้คงไม่ทันสังเกตเห็นแน่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็คงแพ้แรงคนยังหนุ่มยังแน่นเช่นเขาเสียแล้ว
แต่จงอินคาดการณ์ทุกอย่างผิดพลาดไปเสียหมด คืนนี้ไม่ใช่คืนของเขา โชคชะตาเองก็ไม่เข้าข้างเขาเช่นกัน เพราะทันทีที่แตะมือลงบนต้นแขนชายวัยกลางคนได้ นายชเวก็สะดุ้งเฮือกแล้วดิ้นพล่านไม่ยอมให้ถูกรวบรัดได้โดยง่าย หากเขายอมแพ้ตอนนี้ไม่ทันแล้ว ขืนยอมปล่อยออกจากอีกฝ่าย มีหวังคงได้กระโดดดิ่งตึกลงไปต่อหน้าต่อตาให้เป็นฝันร้ายตลอดชีวิตแน่
“คุณชเว! ใจเย็นๆ สิครั--”
ยังไม่ทันจะได้พูดให้จบเสียง คิมจงอินก็ต้องเบิกตาโพลง ขนลุกชูชันไปทั้งตัวด้วยเพราะรู้สึกว่าสมดุลร่างกายผิดแปลกไปอย่างกะทันหัน รองเท้าของเขาลื่นน้ำฝน มิหนำซ้ำตัวยังเอนออกสู่ขอบเหวของตึกผู้ป่วยใน ส่งผลให้ร่างทั้งร่างลอยละล่องอยู่กลางอากาศโดยมีนายชเวยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงขอบตึก
ดีจริง... คุณชเวปลอดภัย
เขาอยากคิดอะไรมากกว่านั้น ทว่าทุกอย่างก็เกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนหัวสมองทำงานไม่ทัน
สายฝนคืนนี้ช่างหนาวเหน็บจนร้าวไปถึงกระดูก ท้องฟ้ามืดมนอนธการชวนหม่นหมอง มีแต่เสียงร้องห่มร้องไห้และความตาย อย่างน้อยก็ขอให้คนไข้ปลอดภัย ขอให้แม่สบายดีและมีความสุขตลอดไปด้วย
และคงเป็นเพราะความเย็นของฝน คิมจงอินถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
เขาตายไปแล้ว
มีแต่ต้องตายไปแล้วเท่านั้น
เคยได้ยินว่าตอนเป็นวิญญาณแล้วร่างกายจะเบาหวิว แทบไร้ความรู้สึก และหลงลืมความทรงจำขณะยังมีชีวิตบ้างบางส่วน หากตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าทั้งร่างยังคงหนักอึ้ง จำเหตุการณ์กลางสายฝนขณะอยู่บนดาดฟ้าได้ทุกฉากทุกตอน จำได้แม้กระทั่งตนกับพยาบาลคิมช่วยกันสอดท่อเพื่อห้ามเลือดในกระเพาะอาหารให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดดำโป่งพอง
หรือว่าจะยังไม่ตาย -- เป็นไปไม่ได้หรอก
จงอินลองลืมตา แล้วก็พบว่าเขาทำมันได้ง่ายดายเหลือเกิน แม้ว่าภาพที่เห็นตรงหน้าจะยังไม่ชัดนัก หากเมื่อกะพริบตาสองสามครั้งให้เรตินาปรับตัว ภาพของท้องฟ้า ยอดไม้ และนกกระจอกที่บินผ่านกรอบสายตาก็เด่นชัด แทนที่จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนร่างแตกเป็นเสี่ยง ช่างประหลาดที่ตอนนี้เขากลับแค่รู้สึกงุนงง เปียกแฉะ แล้วก็ขบเมื่อยจนต้องบิดหน้าเหยเกเมื่อพยายามหยัดตัวขึ้นนั่งเท่านั้น
คิ้วขมวดมุ่นขณะเพ่งมองสายน้ำตรงหน้า พลันข้างแก้มก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในที่สุด จากนั้นจึงตามด้วยอาการเจ็บแสบเพราะแผลถลอกตามเนื้อตัว หากความสนใจก็ต้องถูกเบี่ยงเบนไปเมื่อเห็นชายเสื้อแขนยาวหน้าตาประหลาด นี่ไม่ใช่ชุดที่เขาใส่ก่อนหน้านี้ ยิ่งเมื่อก้มลงสำรวจตนเองให้แน่ชัดก็ยิ่งต้องแปลกใจว่ามันไม่ใช่ชุดปกติธรรมดาแบบคนทั่วไปด้วยซ้ำ
เสื้อผ้าชุดนี้เป็นสีน้ำเงินทะมึน ลักษณะโบราณนัก มีร่องรอยขาดวิ่นเหมือนถูกเกี่ยวจนขาดบ้างบางจุด ชายแขนเสื้อและขากางเกงถูกมัดเก็บไม่ให้รุ่มร่าม อีกทั้งรองเท้าก็ยังเป็นแบบพื้นบางไม่อมน้ำ
เมื่อสำรวจความแปลกประหลาดของร่างกายแล้ว จงอินก็เริ่มก็เริ่มนึกสนใจว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ใด เขาสรุปได้ว่าเป็นริมแม่น้ำที่เต็มไปด้วยโขดหินและดินเปียกแฉะ ไม่ไกลจากตรงนี้คือน้ำตกสูงระดับที่สามารถทำให้คนบ้าบิ่นกระโดดลงมาบาดเจ็บหรือกระดูกหักได้ง่ายๆ ถึงอย่างนั้นก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่แทนที่จะเป็นโรงพยาบาลเสียได้
ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นยืนเต็มความสูง อีกอย่างที่แปลกประหลาดคือศีรษะมีน้ำหนักมากกว่าปกติ เขาลองยกมือขึ้นสางผมแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอีกรอบ แม้แต่ทรงผมก็ยังแปลกประหลาด!
มือสีแทนจับเข้าที่มวยผมยุ่งๆ แล้วตัดสินใจเดินไปส่องภาพสะท้อนของตนเองผ่านทางผิวน้ำ แม้จะเห็นได้ไม่ชัดมากนัก แต่ก็มากพอจะทำให้นายแพทย์หนุ่มหัวใจเต้นตูมตามด้วยความตื่นตระหนกกับรูปลักษณ์อันผิดแผกของตนในยามนี้ สภาพเขามอมแมมดูไม่จืด มิหนำซ้ำยังไม่ใกล้เคียงกับผู้ชายเกาหลีโดยปกติอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จงอินย่อตัวลงนั่งยองๆ โดยต้องฝืนกัดฟันสู้อาการปวดร้าวปริศนาตามเนื้อตัว เขาแค่อยากเห็นใบหน้าตนเองบนผิวน้ำให้ชัดขึ้นสักนิด
“...!” แล้วก็ต้องผงะอีกรอบ เมื่อบุคคลที่ปรากฏอยู่หาใช่คิมจงอินแต่อย่างใด
เหมือนขมับกำลังเต้นตุบ เรี่ยวแรงที่คล้ายจะฟื้นตัวพลันหมดลงอีกรอบจนต้องทิ้งก้นลงนั่งบนก้อนกรวดชื้นๆ ทั้งอย่างนั้น ตอนนี้หัวสมองมืดตึ้บ จะคิดประมวลผลสิ่งใดก็ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ จงอินพยายามเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ แต่มันก็อยู่เหนือความเป็นไปได้ของคนที่อยู่กับวิทยาศาสตร์มาทั้งชีวิตเสียเหลือเกิน
ถึงจะเห็นสภาพปัจจุบันของตนเองได้ไม่ชัดเหมือนส่องกระจกเงา แต่จงอินก็คิดว่ามันเป็นคนละคนกับตัวเขาอย่างแน่นอน ผู้ชายคนนี้ทั้งอ่อนเยาว์เหมือนเด็กวัยรุ่น เสื้อผ้าหน้าผมโบร่ำโบราณ ทั้งยังมอมแมมจนเหมือนไปขวิดกับวัวกระทิงทั้งฝูงมาอย่างนั้นแหละ
แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“จงเหริน! จงเหรินใช่ไหมนั่น!”
#องค์ชายกับสายฝน
(เปลี่ยนชื่อแท็กนะคะ)
หากคาดหวังนิยายพีเรียดภาษาสวยสดงดงาม ก็เป็นอันต้องเหลวไป...
เขียนพีเรียดไม่เป็นค่ะ 555555555 หัดเขียนเป็นเรื่องแรกเลย
ภาษาคงตามปกติธรรมดานะคะ ไม่ได้ประดิษฐ์ให้ย้อนยุคแต่อย่างใด ไม่ไหว u_u
เรื่องนี้จะอัพวันละ 1 ตอนตลอดเดือนกันยายนค่ะ (เป็น ficsember นี่แน่ะ)
หวังให้จบ 30 ตอนสวยๆ ตามจำนวนวันของเดือน
แต่จะทำได้ไหม จะล่มหรือไม่ ให้คุ้กกี้ทำนายกันนนนน >_<
LI5HT
ความคิดเห็น