ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) 두근두근 ♡ HEARTBEAT | chanbaek hanhun

    ลำดับตอนที่ #1 : ` ( 두근두근 ♡ 1 )

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 56










        


     

     

    พนันเลยว่าถ้าเลือกได้เขาก็คงไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้สักเท่าไหร่

    จะว่าไงดีล่ะ... ก็แบบว่าที่มันเป็นอยู่น่ะ

     



     

    “ขอบคุณนะ”

    นี่อาจจะเป็นเรื่องดีในรอบวันก็ได้ที่มีคนเอ่ยขอบคุณเขาหลังจากเอาสมุดการบ้านมาวางรวมอยู่กับของคนอื่น ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เธอก็ยังยืนอยู่ห่างออกจากเขาไปถึงเมตรครึ่งซ้ำยังมีโต๊ะอาจารย์นี่กั้นไว้อีกอยู่ดี ถ้าคิดในแง่ดีก็คงจะเป็น... ดีแค่ไหนแล้วที่มีเพื่อนคนหนึ่งยอมเอ่ยปากพูดกับเขา

    ยืนรอจนกระทั่งเพื่อนที่เพิ่งลอกการบ้านเสร็จเดินเอาการบ้านมาวางรวมในกอง รวม ๆ แล้วก็ราวสามสิบกว่าเล่ม... ครบหรือยังนะ แหงนหน้ามองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่เหนือหัวแล้วก็คิดว่าคงรอต่อไปไม่ได้ ยังไงซะก็คงมีคนส่งแค่นี้นั่นแหละ

    โน้มตัวลงช้อนกองหนังสือขึ้นประคองแนบตัวอย่างทุลักทุเล หนักใช่เล่น แต่มันก็เหมือนกลายเป็นหน้าที่ของเขาไปโดยปริยายแล้ว

    “นี่ ๆ เมื่อคืนน่ะเซฮุนเด็ดมากเลยล่ะ !

    เสียงจากกลุ่มเด็กผู้หญิงหน้าห้องที่จับกลุ่มพูดคุยกันอยู่สองสามคน เขามักจะได้ยินชื่อของคน ๆ นี้ทุกเช้า แต่ค่อนข้างจะเป็นในแง่เสือผู้หญิงน่ะนะ...

    “แหมจริงเหรอ... ฉันเองก็อยากจะถูกเขากอดบ้างจังเลย”

    “ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมล่ะ เซฮุนน่ะจูบเก่งเป็นบ้า”

    พวกเธอทุกคนทำหน้าเคลิบเคลิ้ม แล้วก็มีเด็กผู้หญิงอีกสองคนเข้ามาร่วมวงพูดคุยเรื่องของผู้ชายคนนี้อย่างสนุกสนาน แต่เขาอยู่ฟังต่อไปไม่ได้เพราะต้องรีบเอากองสมุดการบ้านนี่ไปไว้ที่ห้องอาจารย์ก่อนคาบโฮมรูมจะเริ่ม เลื่อนประตูห้องเรียนเปิดและปิดค่อนข้างจะลำบากสักหน่อย แต่อย่างน้อยวันนี้เขาก็ไม่ทำสมุดการบ้านร่วงระนาวบนพื้นอย่างทุกที

    แต่ก็... ถ้าเป็นสำนวนก็คงเรียกว่าพูดไม่ทันขาดคำ...

    บยอนแบคฮยอนน่ะไม่ชอบทำสีหน้ายุ่งยากสักเท่าไหร่ แต่เขาในตอนนี้คงจะใกล้เคียงกับท่าทางแบบนั้นเชียวล่ะ มือของใครบางคนยื่นลงมาช่วยเก็บเข้ารวมเป็นกองอย่างเรียบร้อย แต่พอเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมห้องของเขานั่นเอง

    โอเซฮุนคนนั้นนั่นแหละ

    เขารวบกองสมุดครึ่งหนึ่งเข้าไว้แนบตัวและหยัดลุกขึ้นยืน บนไหล่เขายังมีกระเป๋านักเรียนสะพายอยู่เลยด้วยซ้ำ คงจะเพิ่งมาถึงอย่างนั้นสินะ

    “เอ่อ... ขอบคุณ”

    ถึงเขาจะพูดขอบคุณไม่เก่งแต่ก็ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ถือสาอะไร รอจนแล้วจนรอดโอเซฮุนก็ไม่ส่งกองหนังสือนั้นมาให้เขาสักที หรือว่าเขาควรจะขอบคุณอีกรอบโดยเติมคำว่าครับลงไปกันนะ

    “......”

    “เอ่อ...”

    “เดี๋ยวฉันช่วยถือไปที่ห้องอาจารย์”

    แบคฮยอนได้แต่ชื่นชมอีกฝ่ายอยู่ในใจลึก ๆ เซฮุนเป็นที่รักในหมู่เพื่อนผู้หญิงซ้ำยังมีน้ำใจต่อคนอย่างเขาอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้แต่ปล่อยให้ระยะห่างนั้นถูกกลบด้วยความเงียบอยู่ดี ไม่มีใครพูดอะไรออกไปจนกระทั่งไปถึงห้องอาจารย์ เซฮุนหยิบเอาสมุดการบ้านของตัวเองวางรวมส่งไปด้วยก่อนจะเดินนำเขากลับห้องอย่างไม่ยี่หระ

    เสียงอาจารย์ที่แว่วออกมาจากภายในห้องบอกได้กลาย ๆว่าคาบโฮมรูมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ร่างโปร่งตรงหน้าเขาเปิดประตูนำเข้าไปโดยมีเขาตามหลังมาติด ๆ

    “ขออนุญาตครับ”

    เซฮุนยังไม่เดินเข้าไปในทันที ครั้นชะโงกหน้าไปมองก็พบว่ามีผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งในชุดนักเรียนเช่นเดียวกับพวกเขากำลังยืนอยู่ข้างอาจารย์ที่หน้าห้อง ริมฝีปากอิ่มนั้นหยักยิ้มน้อย ๆ มาทางนี้ ...ทำไมรู้สึกแสบตาอย่างนี้นะ อย่างกับว่ามีแสงพุ่งออกมาอย่างนั้นแหละ

    แบคฮยอนและเซฮุนแยกย้ายกลับไปนั่งที่ พอดีกับที่เสียงทุ้มจากอาจารย์เอ่ยปากขึ้นพร้อมกับเสียงฮือจากทั้งห้อง “ถ้าอย่างนั้นคุณก็นั่งที่นั่งตรงนั้นไปแล้วกัน ข้าง ๆ ...เอ่อ บยอนแบคฮยอนใช่ไหม... นั่นแหละ ตรงริมหน้าต่างน่ะ”

    แบคฮยอนผงะไปเล็กน้อย... ที่นั่งข้าง ๆ เขา... ที่นั่งอาถรรพ์ที่ไม่เคยมีใครกล้ามานั่งด้วยแบบนี้น่ะ... กำลังจะมีคนมานั่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

    ...กำลังเดินตรงมาทางนี้แล้ว

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อปาร์คชานยอล” เสียงทุ้มนั่นพูดขึ้นอย่างเป็นมิตร เกี่ยวกระเป๋าเข้ากับเก้าอี้แล้วก็นั่งลงโดยไม่มีแม้แต่ทีท่าลังเล เพื่อนคนอื่น ๆ ดูท่าอยากจะทำความรู้จักคนข้าง ๆ แบคฮยอนน่าดู แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากตราบใดที่ปาร์คชานยอลยังนั่งอยู่ข้างเขาแบบนี้

    ...ซ้ำยังหันมายิ้มให้อีก...

    หน้ามืด... อยากจะเป็นลมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สดใสจนเหมือนว่าตาจะพร่าอย่างไม่มีสาเหตุ แบคฮยอนได้แต่ก้มหน้างุดแล้วหยิบเอาหนังสือเรียนของคาบแรกขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ เปิดไปหน้าที่เรียนค้างไว้และตั้งสมาธิกับการเรียน

    “เอ่อ...” เสียงนั่นอีกแล้ว เสียงข้าง ๆ เขากำลังพูดขึ้นอีกแล้ว “พอดีว่าฉันเพิ่งย้ายมา จะรังเกียจไหมถ้าเกิดว่าจะขอดูหนังสือด้วยไปก่อนน่ะ”

    ร่างบางไม่ตอบ ทว่าเลื่อนหนังสือมาจนอยู่ตรงกลางรอยต่อของสองโต๊ะ พอหันไปมองอีกคนก็พบว่าเขากำลังยิ้มให้ ...จนต้องรีบหลบตาลงมามองพื้นผิวบนโต๊ะแทน

    “ขอบคุณนะ แบคฮยอน”

    ระ... เรียกชื่อ....

    นอกจากอาจารย์แล้วยังมีคน ๆ นี้ที่กล้าเรียกชื่อแบคฮยอน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรจะดีใจไปหรอก ก็คงเรียกแค่ครั้งนี้ พอวันรุ่งขึ้นปาร์คชานยอลก็จะต้องย้ายไปนั่งที่อื่นอย่างไม่ต้องสงสัย เพื่อนหลายคนยอมเอาโต๊ะมาต่อนั่งคนเดียวด้านหลังยังดีเสียกว่าจะต้องนั่งบนที่นั่งอาถรรพ์แบบนี้

    ภวังค์ของบยอนแบคฮยอนเป็นอันสิ้นสุด อาจจะเพราะบทเรียนที่เริ่มต้นขึ้นหรือเพราะคนข้าง ๆ นี่เอนกายมาทางเขาก็ไม่รู้ ถึงจะมองไม่เห็นตัวหนังสือสักเท่าไหร่ แต่บยอนแบคฮยอนก็ไม่คิดที่จะเอนกายไปชนไหล่กับปาร์คชานยอลแน่ ๆ

     



     

     

     

    ในที่สุดเขาก็ผ่านช่วงเช้าของวันไปได้โดยที่ไม่โดนความเจิดจ้านั้นแผดเผาตายไปเสียก่อน ข้าวกล่องที่แม่เตรียมไว้ให้อยู่ในกระเป๋า มันดีพอที่จะทำให้เขาไม่ต้องไปเบียดเสียดแย่งกันกับคนอื่นในโรงอาหาร ซ้ำยังไม่ต้องพยายามเดินหาโต๊ะกินข้าวที่ยังว่างอยู่ด้วย

    “ชานยอล ไปกินข้าวกันเถอะ”

    ทันทีที่อาจารย์เดินออกไปหลังเสียงออดเลิกเรียน ปาร์คชานยอลก็ถูกรุมล้อมด้วยเพื่อนผู้ชายกลุ่มหนึ่งทันที รอยยิ้มนั้นมีไว้สำหรับทุกคนจริง ๆ แหละนะ

    “อ้อ ได้สิ” ร่างสูงเก็บเอาสัมภาระใส่กระเป๋าที่ถูกแขวนไว้ข้างเก้าอี้ โดยไม่ลืมที่จะหันมาถามคนข้าง ๆ อย่างเป็นมิตร “แล้วแบคฮยอนล่ะ จะไปด้วยกันไหม?”

    อีกครั้งที่บยอนแบคฮยอนผงะไป ครั้นเงยหน้ามองก็เห็นว่าไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น เพื่อนผู้ชายกลุ่มที่มาชวนชานยอลคงพร้อมใจกันไม่กินข้าวกลางวันแน่ ๆ ถ้ามีเขาร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ชานยอลกำลังรอคำตอบ เขาจะต้องไม่ทำให้เพื่อนคนอื่นต้องกินข้าวไม่ลง

    “ไม่... ไม่เป็นไร”

    พูดจบก็หยิบเอาข้าวกล่องในกระเป๋าขึ้นมาวางเพื่อยืนยันว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องไปโรงอาหารร่วมกับคนอื่น ๆ ชานยอลได้แต่ยิ้มรับและลุกเดินออกไป โดยที่ร่างบางไม่ทันจะได้สังเกตเห็นถึงสีหน้าครุ่นคิดแปลก ๆ และการเหลียวกลับมามองเป็นครั้งสุดท้าย

     

     

     






     

     

     

     

    วันนี้กิจกรรมของชมรมฟุตบอลจบเร็วกว่าปกติเพราะนัดกินเลี้ยงเนื้อย่างอันเป็นธรรมเนียมการสังสรรค์ประจำสุดสัปดาห์ มีกลุ่มเด็กผู้ชายนอกชมรมรีบไปจองสนามเตะบอลไว้เพราะหาได้ยากที่สนามกีฬาประจำโรงเรียนจะว่างจากชมรมฟุตบอลซึ่งซ้อมหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์

    อาใช่... เขาสอบเข้าม.ปลายที่นี่ก็เพราะว่าชมรมฟุตบอลที่ขึ้นชื่อนี่แหละ

    เสื้อบอลชุ่มเหงื่อถูกถอดและซุกเข้าไว้ในกระเป๋าโดยลวก ๆ ก่อนจะหยิบเอาเสื้อเชิ้ตนักเรียนมาเปลี่ยนสวมบนร่างกาย ลู่หานไม่รีบนัก เขาชอบที่จะไม่ต้องเดินออกไปพร้อมคนอื่น ๆ เพราะไม่ต้องคอยต่อบทสนทนาบางประเภทอย่างเช่นว่า วันนี้ฉันเห็นกางเกงในจียอนด้วย หรือ ถ้าฉันจะจีบโซราฉันควรชวนเธอไปเดทที่ไหนดี

    เพียงแต่วันนี้การพูดคุยมันเริ่มตั้งแต่ในห้องล็อกเกอร์ เขาจึงต้องทนฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ เสียงสะอึกสะอื้นคับแค้นใจของเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งที่กำลังระบายปัญหาหัวใจให้คนอื่นฟัง

    “โซริขอบอกเลิกกับฉันเมื่อกลางวันนี้เอง เธอกำลังหลงไอ้เซฮุนน่ะสิ... ไอ้บ้านั่น”

    ได้ยินแค่นั้นเพื่อนผู้ชายคนอื่นก็พากันพูดแทรกขึ้นมาเหมือนเด็กผู้หญิงจับกลุ่มคุยกันไม่มีผิด ก็จะมีแต่เขาล่ะมั้งที่ไม่คิดจะเข้าไปร่วมวงด้วยน่ะ

    “ฉันเข้าใจนายดี ฉันน่ะก็ต้องเลิกกับอึนจีเพราะว่าโอเซฮุนเหมือนกัน”

    “ฉันก็เพิ่งได้ยินเพื่อนผู้หญิงห้องห้าคุยกันว่าโดนไอ้เซฮุนแอ้มไปว่ะ”

    “แฟนฉันก็โดนหมอนั่นจูบทั้งที่ยังคบอยู่กับฉัน”

    “ไอ้หมอนี่มันเสือผู้หญิงชัด ๆ ...ร้ายชะมัด”

    โอ้โห... ขนาดนั้นเชียว....

    “เฮ้ ลู่หาน” คนถูกเรียกหันกลับไปยิ้มเห็นอกเห็นใจเพื่อนคนอื่น ๆ อย่างไม่ประสีประสา เขาจำต้องเดินเข้าไปรวมกลุ่มอย่างช่วยไม่ได้ ...เพื่อมิตรภาพในกลุ่มนักฟุตบอลน่ะนะ “ถ้านายมีแฟนก็ระวังอย่าให้แฟนนายไปอยู่ใกล้โอเซฮุนล่ะ ไม่งั้นจะโดนฉกไม่รู้ตัว”

    “อื้ม... เข้าใจแล้วล่ะ”

    อีกราว ๆ สิบนาทีได้ที่เขาต้องรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนร่วมชมรมเพื่อพูดคุยเรื่องความแค้นที่มีต่อเสือผู้หญิงตัวฉกาจ หรือไอ้ที่พวกผู้หญิงพากันเรียกว่าเจ้าชายนั่นแหละ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นเขาถึงได้หลุดจากสภาพแวดล้อมแบบนี้ไปได้สักที

    “เดี๋ยวขอตัวกลับก่อนนะทุกคน พอดีว่าแม่ฉันฝากซื้อผักน่ะ”

    “อ้าว แล้วไม่ไปกินเนื้อย่างด้วยกันหรือไง”

    “นายนี่มันลูกแหง่ชะมัดเลยว่ะ โตเป็นหนุ่มแล้วนะเพื่อน”

    “แต่ต้องไปคาราโอเกะด้วยกันอาทิตย์หน้านะ ฉันจะสอนนายเรื่องผู้หญิงเอง ฮ่า ๆ”

    พอได้ยินอย่างนั้นเสียงทักท้วงก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงแซวเป็นทอด ๆ จนคนฟังได้แต่ยิ้มแห้งแล้วขอโทษขอโพยเสียเป็นการใหญ่ “ขอโทษนะทุกคน”

    ก็อย่างนี้แหละนะ... ลู่หานคนซื่อที่มักจะถูกหยอกล้อเรื่องความใสเป็นประจำ

     

     

     






     

     

     

     

    ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เขาถูกมัดมือชกให้มากับผู้หญิงแบบนี้ เหตุผลของผู้หญิงน่ะน่ากลัวเชียวล่ะ พวกหล่อนมีข้ออ้างสารพัดที่จะให้เขาเดินมาส่งเธอที่บ้าน ทั้งบ้านกลับทางเดียวกัน อยากเป็นเพื่อน หรือแม้แต่บาดเจ็บขาแพลง ส่วนวันนี้น่ะเหรอ... เธอเจอกับเขากลางทางและอ้างว่ามีคนโรคจิตกำลังตามมาไงล่ะ

    เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาให้เขาตลอดทางจนโอเซฮุนชักนึกสงสัยแล้วว่าไอ้ท่าทางวิตกกังวลเมื่อครู่มันหายไปไหนหมด พอเขาทำท่าจะขอตัวแยกไปอีกทางหล่อนก็ร้องกรี๊ดขึ้นมาว่าเห็นเงาคนตามมาแวบ ๆ จนสุดท้ายก็เดินมาด้วยกันจนถึงหน้าบ้านเจ้าหล่อนนี่แหละ

    “ขอบคุณมากนะจ๊ะเซฮุน ถ้าไม่ได้เธอฉันต้องแย่แน่ ๆ”

    “ถ้าไม่เป็นไรแล้ว... งั้นฉันขอตัว....”

    “อ๊ะ! กรี๊ด!! มันอยู่ตรงนั้นจ้ะมันอยู่ตรงนั้น”

    หล่อนถลาเข้ามากอดเขาไว้เสียแนบแน่นและชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปอีกทาง พอมองตามไปมันก็แค่ถนนทางตรงโล่ง ๆ ไม่ใช่หรือไง... ครั้นไม่เห็นว่ามีอะไรร่างโปร่งก็ทำท่าจะผละออกอย่างสุภาพ แต่กลับโดนเจ้าหล่อนช้อนตาขึ้นมองหยาดเยิ้มจนทำตัวไม่ถูก

    “เซฮุนจ๊ะ... ฉันน่ะ... ชอบเธอมานานมาก ๆ แล้วนะ”

    “เอ่อ...”

    “ช่วยรับไว้ด้วยนะจ๊ะ หัวใจของฉันน่ะ”

    พูดจบชายหนุ่มก็ถูกประกบริมฝีปากไว้อย่างในการ์ตูนญี่ปุ่นไม่มีผิด หล่อนค้างอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง และเขาก็ทำอะไรไม่ถูกจนต้องรอให้คนตรงหน้าเป็นฝ่ายผละออกไปเสียเอง การประมวลผลในสมองช้าไปชั่วขณะ พอเรียกสติกลับคืนมาได้ โอเซฮุนก็กระชับกระเป๋าไว้แน่นและโพล่งออกไปทื่อ ๆ จนอีกฝ่ายผงะไปนิดหนึ่ง

    “เข้าไปในบ้านของฉันกันเถอะจ้ะ ฉันน่ะ... อยากเป็นของเธอ --

    “ขะ... ขอโทษนะ แต่ฉัน... ฉันนัดผู้หญิงอีกคนไว้น่ะ”

    เขาไม่รู้ว่าเร่งฝีเท้าเร็วเกินไปจนน่าเกลียดหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าไม่รีบออกไปเธอจะต้องทำให้เขาเข้าไปอยู่ภายในบ้านได้แน่ ๆ  ถึงจะลืมเลี้ยวตรงทางแยกไปบ้านตัวเองแต่โอเซฮุนก็ไม่คิดจะหันหลังกลับไปดูว่าเธอเป็นยังไงหรอก เขาย้อมเดินอ้อมไปอีกทางก็ยังได้!

    ครั้นมองตาละห้อยตามเจ้าชายในฝันไปจนลับสายตา เด็กสาวก็รีบกดโทรศัพท์หาเพื่อนและกรี๊ดกร๊าดดีอกดีใจเสียเป็นการใหญ่ “โบรัมเหรอ! ฉันน่ะ... เมื่อกี้ฉันจูบกับเซฮุนมาล่ะ! เขาจูบเก่งจนทำเอาฉันเคลิ้มไปเลย ~

     

     



     

     

    ถ้าถามความรู้สึกในตอนนี้ล่ะก็... อยากจะขำให้ท้องแข็งตายไปเลยด้วยซ้ำ ดวงตากลมโตจ้องมองเด็กผู้หญิงผู้กำลังสร้างเรื่องเสียเกินจริงไปมากโขและมั่นใจว่าข่าวลือจะต้องแพร่สะพัดไปทั่วในวันพรุ่งนี้แน่ โอเซฮุน เจ้าชายที่ผู้หญิงยอมศิโรราบ เสือผู้หญิงที่แอ้มมานับไม่ถ้วน

    ...ไอ้ฉายาพวกนั้นน่ะเจ้าตัวรู้บ้างหรือเปล่านะ

    เขาพ่นควันบุหรี่เป็นวงรูปโดนัทพลางท้าวแขนลงกับระเบียงอย่างอารมณ์ดี นึกเป็นห่วงคนที่เดินจ้ำอ้าวกลับไปเมื่อครู่ว่าจะกลับบ้านถูกทางหรือเปล่า โชคดีจริง ๆ ที่สาวเจ้านี่อยู่ข้างบ้านเขาไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เห็นอะไรตลกแบบนี้

    “ลู่หาน ~ เสร็จหรือยังจ๊ะ ฉันรอต่ออีกรอบจนจะแห้งตายอยู่แล้วนะ”

    หญิงสาวหน้าอกโตในชุดสาวออฟฟิศหลุดลุ่ยเดินออกมายืนพิงประตูระเบียงพลางส่งสายตาเชิญชวนแกมเง้างอนเต็มที่ เขาหยุดคิดเรื่องขำขันไว้แค่นั้นแล้วจี้บุหรี่ลงกับราวระเบียงก่อนจะปล่อยให้มันร่วงหล่นไปด้านล่างอย่างไม่ใส่ใจนัก หันหลังกลับก้าวอาด ๆ ไปโอบเอวอีกฝ่ายกลับเข้าห้องแล้วรูดม่านระเบียงปิดจนห้องทั้งห้องมีเพียงแค่แสงสลัว

    “เอาให้ตายไปเลยดีไหมครับแม่ทูนหัว

     

     

     






     

     

     

     

    บยอนแบคฮยอนเพิ่งทำเวรประจำวันเสร็จ ได้เวลากลับบ้านกินข้าวอร่อย ๆ ฝีมือคุณแม่แล้ว นี่ดูจะเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด รองลงมาก็คือวันนี้เขาถูกขอบคุณถึงสองครั้ง และถูกเรียกชื่ออีกสองครั้ง... ปาร์คชานยอล คนที่ย้ายเข้ามาใหม่แล้วก็สดใสเสียจนตอนนี้มีแต่เพื่อนรุมล้อมเต็มไปหมด ถ้าเกิดว่าเขาได้สักครึ่งของผู้ชายคนนี้ก็คงดีสินะ เขาก็คงจะมีเพื่อน... มีคนชวนไปเตะบอลอย่างนี้บ้าง

    ละสายตาจากกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่สนุกสนานอยู่กลางสนามฟุตบอล แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีชานยอลอยู่ด้วย ได้แต่ถอนหายใจให้กับความคิดเรื่อยเปื่อยของตัวเองแล้วตั้งท่าจะเดินกลับบ้านอย่างทุกที ถ้าไม่เพียงแต่มีเพื่อนคนหนึ่งเกิดสังเกตเห็นเขาขึ้นมา

    “ทางนั้น ๆ ! เฮ้ย ส่งลูกมาทางนี้สิวะ”

    “นั่นแบคฮยอนนี่หว่า”

    อาจจะด้วยความคึกคะนองหรือนึกสนุกก็ตาม แทนที่เพื่อนคนหนึ่งจะส่งบอลไปทางเพื่อนอีกคนตามเกม แต่เขากลับเตะอัดบอลลูกนั้นไปทางคนที่ไม่แม้แต่จะมองมาทางนี้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าบยอนแบคฮยอนหันมาเห็น แต่ก็ไม่ทันที่จะทำให้เขาตัดสินใจหลบได้ทันท่วงที

    “........!!

    ร่างบางรู้สึกมึนตึ้บจนเป็นภาพตรงหน้าเป็นสีขาวพร่าก่อนจะวูบลงในที่สุด ลูกบอลกระดอนไปอยู่ใกล้ ๆ ท่ามกลางสายตาตกใจของคนอื่น ๆ รวมถึงคนที่จงใจเตะแกล้งนั่นด้วย

    “ฉัน... ฉันไม่คิดว่าหมอนั่นจะหลบไม่ได้นี่... บอลง่าย ๆ แค่นี้...”

    ปาร์คชานยอลดูจะเป็นคนที่ส่งสายตาตำหนิได้รุนแรงที่สุด เขาไม่พูดอะไรนอกจากเป็นคนเดียวที่วิ่งเข้าไปดูอาการแบคฮยอนอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าอีกคนลมพับไปแล้วก็ตัดสินใจช้อนร่างขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนทันที

    “ห้องพยาบาลไปทางไหน”

    ชานยอลตะโกนถามเพื่อนที่อยู่ในสนามจนกระทั่งมีคนชี้ไปทางอาคารเรียนทางด้านขวาอย่างอึ้ง ๆ เขาก็รีบเร่งฝีเท้าพาร่างของใครอีกคนไปโดยที่ไม่สนใจเกมบนสนามอีกต่อไป

     

     

     

     

     

     

    เปลือกตาบางเบิกขึ้นก่อนจะหลุบปิดอยู่สองสามทีจึงปรับเรตินาให้ชินกับแสงไฟได้ ยังรู้สึกมึนไม่หาย เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นนะ เขาเห็นแค่ลูกบอลที่พุ่งมา... พอนึกได้อย่างนั้นหน้าก็ชาขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ยกมือขึ้นกุมจมูกชื้นก่อนจะหยัดกายขึ้นนั่งช้า ๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงมือที่จับเข้าตรงต้นแขนและช่วยประคองให้เขาลุกนั่งได้อย่างง่ายดาย

    “เป็นอะไรหรือเปล่า”

    รู้สึกแสบตาขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าของใครอีกคนลอยเข้ามาในเฟรมสายตา ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่กันล่ะ หันไปเห็นผ้าห่อน้ำแข็งวางอยู่ในกะละมังบนโต๊ะข้างเตียงแล้วก็อดรู้สึกอายขึ้นมาไม่ได้ ระหว่างที่เขาไม่ได้สติ ปาร์คชานยอลเป็นคนคอยประคบน้ำแข็งให้อย่างนั้นเหรอ...

    “มะ... ไม่เป็นไร” เขาตอบโดยที่ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนซ้ำสอง ได้ยินเสียงถอนหายใจโล่งอกของอีกคนแล้วก็เดาว่าคงต้องกำลังยิ้มเจิดจ้าอยู่แน่ ๆ

    “เห็นนายหมดสติไปก็เลยเป็นห่วงแทบแย่... ดีจังที่ไม่เป็นอะไร”

    “ขะ... ขอโทษนะ” แบคฮยอนงุดศีรษะลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ เขาเดินไปขวางทางบอลหรือไงนะ... ทั้งที่เพื่อนกำลังสนุกกันอยู่แท้ ๆ

    “ขอโทษทำไมกันล่ะ พวกฉันต่างหากที่ควรจะขอโทษนาย”

    ทำไมถึงเป็นคนดีอย่างนี้นะ ชานยอลไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย ไม่ได้เป็นคนที่เตะบอลลูกนั้น ซ้ำยังพาเขามาถึงห้องพยาบาลนี่และคอยดูแลอีก ...คงจะลำบากน่าดู

    “แบคฮยอน...”

    “..........”

    “..........”

    ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่น ๆ ที่นาบลงบนแก้มทั้งสองข้าง เขาถูกมือนั้นบังคับให้เงยขึ้นช้า ๆ และเห็นดวงหน้าของใครอีกคนที่กำลังระบายยิ้มอ่อนโยนให้จนนึกอยากจะลุกหนีไปเสียตรงนั้น

    “เวลาคุยกัน ก็ต้องมองหน้าคนพูดด้วยสิ”

    ชานยอลกำลังสบตาเขานิ่ง ไม่ใช่การตำหนิ แต่เหมือนอยากจะมองให้ชัด ๆ เสียมากกว่า จมูกของเขาคงบวมมากและหน้าตาต้องตลกมากแน่ ๆ ชานยอลถึงได้มองอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยมือออกไปสักที

    ตึก... ตึก... ตึก... ตึก...

    เป็นครั้งแรกที่หัวใจเขาเต้นแรงจนผิดปกติขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ แล้วยังความรู้สึกร้อนที่ใบหน้าจนเหมือนจะตายนี่อีก เขา... เขาอาจจะแค่กำลังไม่สบายเท่านั้นเอง

    “คือ... คือว่า...”

    “.............”

    “ฉัน... ฉันต้องไปแล้วล่ะ”

    พูดจบก็ลุกพรวดจนมือของอีกฝ่ายหลุดจากใบหน้า ยังไม่ทันจะได้ขอโทษ แบคฮยอนก็ตัดสินใจจ้ำอ้าวออกไปทันที เขาอาจจะลนลานเกินไปหรือเปล่า เลื่อนยังไงประตูก็ไม่เปิดสักทีแบบนี้

    “เอ่อ...” เสียงชานยอลพูดไล่หลังมา ทำเอาร่างทั้งร่างร้อนเป็นไฟไปหมด “ประตู... มันต้องเลื่อนอีกด้านน่ะ”

    อีกครั้งที่เขาอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี นี่เขามัวแต่เลื่อนประตูเข้าหาผนังมันเลยเปิดไม่ออก ควรจะต้องหันกลับไปหาขอบคุณหรือเปล่า

    ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ร่างกายดันไม่เป็นไปตามใจคิดเอาเสียเลย รู้สึกตัวอีกทีเขาก็เดินออกมาจนพ้นตัวอาคารแล้ว ทำไมถึงเสียมารยาทกับเพื่อนไปได้นะบยอนแบคฮยอน! แล้วทำไมถึงร้อนวูบวาบไปทั้งตัวอย่างนี้ เห็นทีจะต้องแวะร้านขายยาก่อนเข้าบ้านแล้ว

     



     

     

     

    ปาร์คชานยอลไม่เข้าใจตัวเองเลย นี่เขากำลังหัวเราะกับตัวเองเหมือนคนบ้าชัด ๆ แบคฮยอนจะอายที่เลื่อนประตูผิดด้านหรือเปล่านะถึงได้รีบออกไปแบบนั้น หรืออาจจะมีธุระด่วนอะไรก็ได้

    ตึก... ตึก... ตึก... ตึก...

    แล้วไอ้เสียงที่ดังก้องอยู่ข้างในตอนนี้มันยังไงกันนะ อกซ้ายของเขามันกำลังสร้างเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงได้ประท้วงกันรุนแรงขนาดนี้

    แต่ที่แน่ ๆ ...ทำไมเขาต้องมานั่งหน้าแดงอย่างนี้ด้วยเล่า





















    ______________________________________

    อารมณ์ตอนนี้อยากโดนอะไรใส ๆ สักที 5555555555.
    ฝากด้วยนะคะ จะรีบอัพเรื่องเก่าให้เร็วที่สุดค่าเมื่ออารมณ์มา ;}








     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×