ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าหนี้สุดป่วนกับลูกหนี้ตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #6 : เทพบุตรขี้อ้อน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 818
      3
      6 พ.ค. 48





    หลังจากเสร็จจากการซื้อข้าวของ คุโรโร่ขับรถพาคุราปิก้ามายังตึกสูงแห่งหนึ่ง ทั้งสองขึ้นลิฟต์แก้วไปยังชั้นบนสุดซึ่งเป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อว่าบรรยากาศดีที่สุดของเมืองนี้ ทันทีที่ทั้งสองเหยียบเข้าประตูร้านเสียงเพลงบรรเลงเบาๆก็ลอยมากระทบโสต ภายในร้านตกแต่งให้บรรยากาศเป็นส่วนตัว ชายหนุ่มเลือกโต๊ะริมหน้าต่างกระจกใส ที่สามารถมองออกไปเห็นวิวเบื้องนอกได้อย่างชัดเจน



    เพียงซักครู่หนึ่งที่สองหนุ่มสาวนั่งลง บริกรในชุดสุภาพก็เดินเข้ามาบริการทันที



    “อยากทานอะไร สั่งได้เลยนะ” คุโรโร่บอกคนที่เขาพามาด้วย น้ำเสียงที่ใช้ครั้งนี้ฟังรื่นหูนัก



    คุราปิก้าเปิดเมนูอาหารดูไปเรื่อย แต่ละจานแต่ละอย่างราคาก็ไม่ใช่น้อย ทำเอาเธอไม่กล้าแม้แต่จะสั่ง จึงเอ่ยปากบอกให้อีกฝ่ายสั่งให้ “สั่งให้หน่อย” แล้วตัวเองก็นั่งกอดอกเหม่อมองไปเบื้องนอก



    “อืม งั้นขอพาสต้าทะเลสองที่ครับ” ชายหนุ่มเลือกสั่งอาหารเหมือนกับตน



    หญิงสาวมุ่นคิ้ว หันกลับมามองหน้าชายหนุ่ม เอียงคอเล็กน้อยอย่างฉงน อาหารที่ถูกสั่งไปนั่นช่างตรงกับที่ใจเธอคิดอยากทานพอดี



    “เป็นอะไร” อีกฝ่ายเห็นถึงอาการจึงออกปากถาม



    “ปล่าว...” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ



    ระหว่างที่รอ คุโรโร่เริ่มชวนคุยไปเรื่อย ตั้งแต่เรื่องจิปาถะเล็กน้อยจนไปถึงเรื่องส่วนตัวบางอย่าง

    คุราปิก้าก็คุยคอบแต่ยังมิวายสงสัย ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก...พ่อคนร้อยเล่ห์



    ซักครู่หนึ่งอาหารรสเลิศก็วางเรียงอยู่บนโต๊ะ ทั้งสองเริ่มลงมือกินช้าๆ ไม่เร่งร้อน



    ………………………………………………..



    “จะเอาของหวานมั้ย” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นคุราปิก้ารวบช้อน



    “เอ่อ...” หญิงสาวคิดลังเล



    “ฉันรู้นาว่าเธอชอบทานขนมหลังทานอาหารคาว ” คุโรโร่พูดแบบรู้ทัน แล้วก็ยกน้ำขึ้นมาจิบ



    แปลกใจรอบสองรู้ได้ไงกัน...คุราปิก้าอมยิ้มเล็กๆให้ชายหนุ่มแก้เขิน



    “งั้นขอ สตอเบอร์รี่มูสเค้กละกัน” เสียงใสบอกไป



    ชายหนุ่มจัดการสั่งบริกรให้เสร็จสรรพ แล้วก็หันมายังคนตรงหน้า เห็นอีกฝ่ายเสตามองไปด้านนอกใบหน้ายามมีแสงสลัวๆสาดกระทบของคุราปิก้าสวยหวานจริงๆ ดวงตาสีชากลมโตเต็มไปด้วยความสดใส จมูกโด่งพองาม ปากสีชมพูอ่อนเชิดขึ้นเล็กน้อยแฝงแววความดื้อรั้น ลำคอระหงขาวนวล ทุกส่วนดูดีไปหมด จนคนที่แอบสำรวจอดยิ้มไม่ได้  พอดีกับอีกฝ่ายหันมาคุโรโร่จึงต้องหลบสายตาและแกล้งหันไปมองทางอื่น คราวนี้เป็นรอบที่หญิงสาวจะสำรวจบ้าง ผมสีดำของเขาดูนุ่มน่าสัมผัส ตัดกับผิวหน้าสีน้ำผึ้งอ่อน ดวงตาสีนิลกาฬเย็นชาแต่ยามนี้กลับมีสายใยแห่งความอบอุ่นเล็กๆถักทออยู่ จมูกโด่งนั้นรับกับเรียวปากอวบอิ่มสีสดใส ปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้ายิ่งทำให้เขาดูหล่อเหลาและเท่จนไม่อาจละสายตาไปได้



    สตอร์เบอร์รี่มูสเค้ก ถูกยกมาขัดจังหวะการสำรวจ ทั้งคุโรโร่และคุราปิก้าหันมาเจอกันพอดี หญิงสาวเลยรีบหลบโดยการก้มลงจัดการขนมของตัวเอง



    “เลอะแล้วนะ” คุโรโร่หยิบทิชชู แก้มให้อีกฝ่าย



    “ขอบคุณ” หญิงสาวยิ้มอายๆ



    ยิ้มสวยจัง... อยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้ตลอดไปจัง



    คุโรโร่ยิ้มตอบกลับมาให้ แววตาทรงเสน่ห์คู่นั่นเล่นเอาคุราปิก้าเกิดอาการหน้าแดง...จะเขินทำไม

    เนี่ยะ...ไม่เข้าใจตัวเอง



    เมื่อคุราปิก้าทานเสร็จ คุโรโร่ก็ชวนกลับ ทั้งสองเดินออกจากร้านไป และลงไปชั้นล่างด้วยลิฟต์แก้วเหมือนตอนขามา ระหว่างที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองในลิฟต์แก้วต่างฝ่ายต่างเงียบ ทำให้เกิดบรรยากาศอึดอัดแปลกๆ แต่แสงไฟระยิบระยับชวนมองเบื้องนอกก็ช่วยบรรเทาอาการเหล่านั้นได้พอควร



    กว่าที่รถคันงามจะเลี้ยวเข้าบ้านก็กินเวลา 5 ทุ่มเข้าไปแล้ว



    ชายหนุ่มหิ้วถุงทั้งหมดขึ้นไปบนห้อง คุราปิก้าได้แต่เดินตามเขาไปเงียบๆ บ้านหลังใหญ่หลังนี้พอถึงเวลากลางคืนช่างเงียบนัก สงสัยเหลือเกินว่าคนที่อาศัยอยู่มิเหงาบ้างหรือ



    คุโรโร่เปิดประตูเดินนำเข้าไปในห้อง วางของทั้งหมดลงที่โซฟาสีครีมสะอาด  เขาเดินไปนอนลงบนเตียง หญิงสาวเลือกนั่งตรงโซฟา ความเงียบเข้ามาปกคลุมคนทั้งสองอีกครั้ง คุราปิก้าไม่ชอบความเงียบแบบนี้เลย มันอึดอัดบอกไม่ถูก



    คุโรโร่ก็ลุกขึ้นไปหยิบรีโมทแล้วเปิดช่องข่าว แก้เงียบ แต่มันก็ไม่ได้ผลอะไร เมื่อคนสองคนอยู่ด้วยกัน มันย่อมต้องเกิดบทสนทนาขึ้นบ้าง



    “อาบน้ำด้วยกันมั้ย ” จู่จู่คุโรโร่เริ่มบทสนทนาน่าถีบ



    “ทะลึ่ง!!” คนถูกชวนสวนกลับด้วยอาการหน้าแดง



    “พูดจริงๆ” นักธุรกิจหนุ่มทำหน้าน่าเชื่อถือ



    “บ้าซิ” คุราปิก้ารีบเปิดตู้คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วพรวดเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เธอล็อกประตูห้องน้ำอย่างแน่หนา ...ลายออกอีกแล้ว



    เมื่อหญิงสาวอาบเสร็จ ชายหนุ่มก็อาบต่อ ซักพักเขาก็ออกมา สวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวไว้หลวมๆ หยดน้ำยังเกาะพราวทั่วร่าง เรือนผมก็เช่นกัน ชายหนุ่มเนมานั่งใกล้หญิงสาวที่โซฟาตัวเดิม



    “เช็ดผมให้หน่อย” เขาเริ่มแกล้งอีกแล้ว



    คุราปิก้าทำตามคำสั่งโดยดี เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำมาก



    เธอเช็ดผมให้เขาอย่างเบามือ ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไร

    “ขอโทษนะ”  คุโรโร่เป็นฝ่ายเริ่มพูด คำพูดนั้นช่างกำกวมไม่รู้จะหมายถึงอะไรกันแน่



    “อืม..” คนฟังได้แต่รับคำเงียบๆ



    “ไม่โกรธฉันนะ”



    “อืม...”



    “จริงนะ”



    “จริง…”



    คุโรโร่พูดเหมือนเด็กๆที่กำลังทำความผิด



    แล้วบทสนทนานั้นก็จบไปอีกครั้ง หญิงสาวเช็ดผมให้เขาจนกระทั่งแห้งแล้วก็สั่งให้อีกฝ่ายไปใส่ชุดนอน



    “ไปใส่ชุดนอนได้แล้ว เดี๋ยวเป็นหวัด”



    “ใส่ให้หน่อย” เขาอ้อนหน้านิ่ง ดูไปก็น่ารักดี



    “ไปใส่เองซิ” คุราปิก้าออกแรงดันตัวเขาเบาๆให้ลุกขึ้น ตอนนี้เธอเปิดใจให้เขามากกว่าเดิมแล้ว

      

    เมื่อวานกับวันนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยจริงๆ



    เมื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จ คุโรโร่ก็ต้องหันมาเห็นท่านอนคลุมโปงของคุราปิก้าที่อยู่บนเตียง  มันดูวิตกจริตจนน่าขำจริงๆ .... ก็ดันไปทำเค้าไว้ซะขนาดนั้น ใครจะไม่กลัวละ...



    ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงบนเตียงดึงผ้าห่มออกจากตัวอีกฝ่ายแต่หญิงสาวก็ดึงกลับ



    “ไหนว่าไม่โกรธแล้วไง แล้วทำไมทำท่าแบบนี้ละ…”



    “ก็....ไม่รู้ว่านายจะมาไม้ไหนกันแน่นี่นา”



    “พูดไม่เข้าหูเลย” ชายหนุ่มหน้ายุ่ง  “เดี๋ยวก็จับหอมแก้มซะหรอก เรียกฉันดีหน่อยๆซิ”



    “จะให้เรียกว่าอะไรเล่า” ฝ่ายที่ถูกว่าทำหน้างอนนิดๆ น่ารักซะ...



    “แล้วแต่ แต่อย่าเรียกว่านายมันห่างเหิน”



    คุราปิก้าทำหน้าครุ่นคิด ‘อีตานี่กินยาผิดมารึเปล่าน่ะ เมื่อวานใจร้ายยังกับซาตานแต่วันนี้กลับใสซื่อ ขี้อ้อนเหมือนเด็กๆ’



    เธอเงียบไปครู่หนึ่ง  “งั้นเรียกคุโรโร่เฉยๆนะ” หญิงสาวยิ้ม



    “ตามใจซิ” คุโรโร่อมยิ้มกับตัวเอง



    “ฉันง่วงแล้ว” คุราปิก้าบอก



    “ก็มาใกล้ๆซิ อยากกอดคุราจังจะตายอยู่แล้ว” ไม่พูดปล่าวดึงมืออีกฝ่ายจนเซถลามาหล่นปุ๊อยู่ในอ้อมอกตัวเอง หอมแก้มเสียฟอดใหญ่แล้วก็กอดอีกฝ่ายแน่นจนแทบหายใจไม่ออก



    “ปล่อยนะ หายใจไม่ออก” หญิงสาวดิ้นยุกยิก กลิ่นหอมจากร่างบางเล่นเอาชายหนุ่มเคลิบเคลิ้ม



    “ไม่ชอบให้กอดหรอ”



    “เปล่า แต่คุโรโร่กอดแน่นแบบนี้จะหายใจออกได้ไงเล่า”



    “อืมงั้น ถ้าทำแบบนี้ละ” ว่าแล้วก็ประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนกลีบกุหลาบสีสวยเย้ายวนของอีกฝ่ายทันที กวาดเอาความหอมหวานภายใน



    “ปล่อยน๊า...” คุราปิก้าพยายามผลักอีกฝ่ายออก ... ฉันกลัวจริงๆนะ



    “ใครจะปล่อยละ ไม่ต้องกลัว” เขาทำหน้าทะเล้นน่าหมั่นไส้จริงๆ

    แล้วราตรีแห่งความหอมหวานก็อุบัติขึ้น



    ....หัวใจที่แตกสลายไป คงใกล้ประสานแล้วกระมัง...



    ………………………………………………………………………….



    แสงแดดทอดลำผ่านรอยแยกของม่านเข้ามาในห้อง กระทบกับเปลือกตาหนาของหญิงสาว จนต้องลุกขึ้น  เช้าวันใหม่มาเยือนแล้ว วันนี้คุราปิก้าตื่นมาพร้อมรอยยิ้มอันสดใส เมื่อคืนคือความฝันหรือความจริงนะ ซาตานสุดโหดกลายเป็นเทพบุตรขี้อ้อนไปแล้ว



    ว่าแต่ว่าเทพบุตรของเรายังไม่ยอมตื่นเลย เธอลอบมองใบหน้ายามหลับใหลของเขา น่ามองยิ่งกว่ายามตื่นเสียอีก มันช่างแลดูอบอุ่น อ่อนโยนจริงๆ



    คุราปิก้ายกมือเขาออกจากตัวเองอย่างแผ่วเบา แล้วย่องไปห้องน้ำเงียบๆ



    หญิงสาวอาบน้ำเสร็จแล้วออกมา ยังเห็นร่างสูงนอนแผ่อยู่บนเตียง หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

    ชายหนุ่มยังไม่ตื่นเลย...เดี๋ยวก็ไปทำงานสายกันพอดี



    “คุโรโร่ ตื่นได้แล้ว” คุราปิก้าเข้าไปปลุก



    “นี่ อย่าขี้เซาซิ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ”



    ชายหนุ่มงัวเงียลืมตาขึ้น พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของอีกฝ่ายก็อดจะหยอกเล่นไม่ได้ “หอมแก้มเค้าทีนึงก่อน”



    “....” คุราปิก้าอยากจะทุบเขาให้ตายจริงๆ จำยอมโน้มตัวลงไปจูบแก้มเขาเบาๆหนึ่งที แต่อีกฝ่ายกลับดึงตัวเธอลงไปทั้งตัว แล้วพลิกตัวเองขึ้นคร่อม

    “ปล่อยนะ....คนบ้า” ร่างบางร้องเสียงหลง ….ไว้ใจไม่ได้จริงๆเลยอีตาคนนี้



    “บ้าจริงๆด้วย” เสียงทีเล่นทีจริงของร่างสูงทำเอาคุราปิก้าใจหาย แต่เขาแค่หอมแก้มเธอเบาๆทีนึงแล้วก็ลุกออกไป เดินไปเข้าห้องน้ำแบบคนเมา

    เสียงน้ำซ่า ดังกระทบพื้น แล้วก็เงียบลง คนที่เข้าห้องน้ำไปเดินออกมา แต่ไม่มองหน้าคนที่นั่งรออยู่แม้แต่น้อย



    “เป็นอะไร...” คุราปิก้าถาม



    “....” ทำไม่รู้ไม่ชี้แต่งตัว



    “นี่...นายเป็นอะไร”



    “.....” ก้มหน้าก้มตาใส่เสื้อโดยไม่สนใจ



    คุราปิก้างงหนักกับท่าทีของอีกฝ่าย แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอเรียกเขาว่า ”คนบ้า” กับ “นาย” สงสัยจะงอน …ทำไมขี้งอนแบบนี้ละ เฮ้ออออ…..หญิงสาวทอดหายใจยาว



    “คุโรโร่...ดีกันนะ” แล้วมันเรื่องอะไรเนี่ยะที่ต้องไปง้อ



    “ไม่” ปฏิเสธเสียงแข็งทำเอาอีกฝ่ายใจเสีย



    “โกรธหรอ...” คุราปิก้าถามเสียงอ่อน “ฉันขอโทษ...ดีกันนะ”



    “กอดก่อน” คำพูดกับอาการกางแขนกว้างแบบเด็กหนุ่มวัยรุ่นแบบนี้มันสมควรมาอยู่ในร่างชายหนุ่มวัยทำงานมั้ยเนี่ยะ



    หญิงสาวส่งค้อนให้วงหนึ่งก่อนเข้าไปกอดเอวเขา วงแขนแกร่งก็ลดลงโอบไหล่เะอไว้เช่นกัน

    เขาก้มหน้าลงประกบปากบางของอีกฝ่าย จูบรสวานิลา สำหรับเช้าอันสดใส



    “ขี้โกง!!” คุราปิก้าแหว



    “หิวจะตายแล้ว ไปดีกว่า” คนขี้โกง ลอยหน้าลอยตาเดินเลี่ยงไป ...ทำไมหัวใจมันมีความสุขแบบนี้ก็ไม่รู้ซิ ...



    ………To BE Con………





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×