ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Return
เจ้าหนี้สุดป่วนกับลูกหนี้ตัวเเสบ 17
    แสงแดดละมุนยามเช้าทอทอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านเข้ามาทางหน้าต่างกระทบเรือนผมสีทองงดงามและใบหน้าน่ารักราวเทพธิดาแต่บัดนี้กลับซีดเซียวไร้สีเลือด ดวงแก้วสีชาเหม่อลอยมองไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย ทุกอย่างดูขาวโพลนไปหมดในครรลองสายตาคู่นั้น
   
หลังเครื่องบินของ JAL บินลัดฟ้าจากสนามบินนาริตะสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนว่าความรู้สึกทุกอย่างของหญิงสาวได้ถูกปล่อยให้ปลิวไปกับมวลเมฆและสายลมจนหมด ความหิวเป็นช่วงเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์ที่มันมิย่างกรายเข้ามาในหัวของเธอเลย ความง่วง ความอ่อนเพลียแม้จะมีเข้ามาบ้างแต่คราใดที่เปลือกตาหนากำลังจะปิดลง น้ำเสียงและเเววตาตัดขั้วหัวใจของบุคคลผู้นั้นก็ตามมาหลอนหลอกดุจภูติพรายวิญญาณร้าย
กายเนื้อที่หัวใจแตกสลายไปแล้วจะประคองตัวให้มีชีวิตต่อไปได้อย่างไรเล่า ในเมื่ออยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา สู้ตายๆไปเสียไม่ดีกว่า
ความคิดนี้แทรกซึมเข้ามาในสมองของคุราปิก้าตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ เธอจึงบรรจงจรดโลหะสีเงินแวววาวลงบนข้อมือขาว ออกแรงกดมันจนเห็นโลหิตสีแดงฉานไหลรินออกมา
ชั่วระยะเวลาที่หญิงสาวนอนหายใจรวยรินรอคอยการมารับตัวไปของพญามัจจุราช เพื่อนข้างห้องของเธอก็ผลักประตูเข้ามา และพาเธอส่งโรงพยาบาลทันที นับว่ารอดมาได้อย่างหวุดหวิด มันเป็นความหวังดีของเพื่อนที่เธอจะไม่มีวันให้อภัย!!
ก๊อกๆ!! เสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้น คนป่วยที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยางเอี้ยวตัวไปมองเห็นนางพยาบาลวัยกลางคนเดินยกถาดอาหารและยาเข้ามา
“ต้องทานอาหารเยอะๆนะจ๊ะ จะได้หายไวไว” เธอสั่ง
คุราปิก้ายิ้มรับและทิ้งตัวลงนอนตามเดิมปล่อยให้หล่อนออกไปเงียบๆ
“ทำไมไม่ทานอาหารละครับ” เสียงทุ้มของบุรุษเพศดังขึ้น ทำเอาสาวน้อยต้องมุ่นคิ้วเพราะปกติหมอไม่พูดภาษาญี่ปุ่นนี่นา
แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้คนป่วยยิ้มกว้าง คล้ายมีแสงสว่างอันอบอุ่นมาส่องอยู่ตรงหน้าก็มิปาน เพราะสิ่งที่เธอเห็นคือร่างสูงของชายหนุ่มนาม คุโรโร่ ลูซิเฟอร์!
จู่ๆหญิงสาวก็ต้องหลับตาลง หุบยิ้ม หันหลังให้กับภาพนั้น  เขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร อย่าเพ้ออะไรลมๆแล้งๆเลยนะ ไม่สบายจนถึงขึ้นเพ้อแบบนี้คงใกล้บ้าเต็มทนแล้ว
แต่ภาพที่หญิงสาวคิดว่าเป็นแค่มายาลวงตากลับลากเก้าอี้เข้าไปนั่งเผชิญหน้ากับคนป่วย
ราวจะอ่านใจอีกฝ่ายออก ชายหนุ่มคว้ามือบางที่อ่อนแรงมาเกาะกุมไว้ด้วยสองมือของเขาก่อนจะจูบมันอย่างอ่อนโยนที่สุด “ฉัน เองนะ ”
คุราปิก้าลืมตาโพลงอย่างไม่เชื่อในรสสัมผัสและเสียงนุ่มๆนั้น เธอมองใบหน้าที่แสนจะรักใคร่และคิดถึงแถบขาดใจนิ่ง เทพเจ้าจะหลอกให้เธอดีใจจนที่สุดแล้วผลักเธอตกลงมากระแทกก้นเหวอย่างเจ็บปวดที่สุดหรือเปล่านะ!!
หญิงสาวพยายามเอื้อมมือที่เหลืออยู่อีกข้างไปสัมผัสใบหน้านั้น แต่ภาพตรงหน้ากลับเลือนไป เลือนไป..เรื่อยๆจนแทบจะมองไม่เห็นเพราะมีน้ำมาคลอหน่วงอยู่เต็มตาไปหมดแล้ว
มือของหญิงสาวเอื้อมคว้าบุคคลตรงหน้าอย่างยากลำบากจนอีกฝ่ายต้องยื่นมือมาจับไว้เองและฉุดร่างนั้นขึ้นมาแนบไว้กับอกตัว เหมือนจะถ่ายทอดความอบอุ่นที่คนป่วยคนนี้ขาดมานานแสนนานให้อย่างไม่คิดจะหวง เจ้าของเรือนผมสีทองสะอื้นตัวโยนไม่ผิดกับเด็กๆ จนเจ้าของอ้อมกอดต้องลูบผมปลอบอย่างห่วงใย “..อย่าร้อง..เลยนะ ”
ภาพคนสองคนกอดกันภายใต้แสงละมุนยามเช้าดำเนินไปอย่างเนิ่นนานราวเทพแห่งกาลเวลาจะเป็นใจ ความอบอุ่นและละอองเเห่งความรักกระจายอยู่ทั่วไปหมดมันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน นกน้อยที่บินมาจากที่ใดไม่ทราบดั่งจะรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจึงชักชวนคู่ของมันมาเกาะขอบหน้าต่างและร้องเพลงขับขานให้กับทั้งคู่ .
“คุณ .ความทรงจำกลับมาแล้วหรอ..คุณจำฉันได้แล้วใช่มั้ย” คุราปิก้าเงยหน้าถามทั้งที่คราบน้ำตายังเปื้อนหน้า
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “เรียกว่าไงนะ!? ฉันเคยบอกให้คุราปิก้าเรียกฉันว่าไง ลืมไปแล้วหรอ”
“คิก..คิก..” หญิงสาวหัวเราะสดใส “คุโรโร่บอกให้ฉันเรียกว่าคุโรโร่..คุโรโร่..คุโรโร่..ไงละ ไม่มีวันลืมหรอก”
“เก่งมาก แบบนี้ต้องให้รางวัล” คุโรโร่ดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดอีกครั้งก่อนจุ๊บปากบางของเธอเบาๆ”
“ขี้โกงอีกแล้ว” คนถูกขโมยจูบแหวใส่แบบไม่จริงจัง
“ฮะ..ฮะ”
“นี่ คุโรโร่”
“หืม มีอะไรจ๊ะ”
“คุโรโร่ ความทรงจำกลับคืนมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อืม ไม่รู้สิ อยู่ๆมันก็จำได้เอง ”
“หรอ ..”
“อื้อ ก่อนหน้านี้ฉันทำให้เธอเสียใจ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ” แววตาคู่นั้นเศร้าไป “ฉันทำร้ายคุราปิก้าจนต้องเจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าเป็นอะไรไป ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ฉันมันเลวจริ.ง ฉันมัน..” ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบมือของหญิงสาวก็ยกมาห้ามไว้เสียก่อน
“อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะ..” คุราปิก้ายิ้มให้ “ยังไงๆตอนนี้ฉันก็มีคุโรโร่อยู่ข้างๆแล้ว..ตอนนี้ฉันมีความสุขที่สุดในโลกเลยละ..รู้รึเปล่า” หญิงสาวนิ่งไปด้วยความเขินที่ตัวเองพูดความในใจออกมา “ฉันเนี่ยะทำตัวเหมือนเด็กๆเลยนะ ทั้งๆที่คุโรโร่ออกจะเป็นผู้ใหญ่”
“หาว่าฉันแก่หรอ!”
“เปล่า .” หญิงสาวยกเสียงสูง “หมายความว่าดูเป็นผู้ใหญ่ต่างหาก..แต่หน้ายังอ่อนอยู่”
“ยังไงๆฉันก็ยังไม่ถึงสามสิบซักหน่อย หน้าย่อมอ่อนเป็นธรรมดา..ฮะฮ้า”
“แหวะ หลงตัวเอง ”
“ว่าไงนะ เดี๋ยวก็ทำโทษเสียนี่”
“อย่าน๊าาาาาาา .คิกคิก” คนป่วยหัวเราะร่า
“เลิกเล่นได้แล้ว เธอยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยใช่มั้ยเนี่ยะ”
“อื้อ..คุโรโร่ป้อนให้หน่อยซิ”
คำอ้อนของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มต้องมุ่นคิ้ว
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละ..จะไม่ป้อนคนป่วยหรอ”
“ป้อนซิจ้า ใครจะใจดำขนาดให้ภรรยาที่นอนป่วยของตัวเองต้องทานอาหารเองละ”
“ใครเป็นภรรยานายไม่ทราบ?”
“ไม่ใช่ภรรยา ก็ไม่ป้อน” ชายหนุ่มยกชามข้าวต้มไปวางที่เดิม
“อ้า ได้ไงอ๊ะ” คนถูกแกล้งร้องหน้างอ
“อ่าว..ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ใช่หรอ” คุโรโร่ตีหน้าตาย “จะป้อนข้าวให้ทำไม”
“เป็น ก็ได้” คุราปิก้าเขินจนต้องมุดหน้าลงไปในผ้าห่ม
“เป็นอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม
“เป็น ภรรยา” คนที่มุดหน้าในผ้าห่มตอบเสียงค่อย
“ไม่ได้ยิน พูดดังๆหน่อย”
เงียบ ไม่มีเสียงลอดออกมาจากผ้าห่ม จนทำให้อีกฝ่ายต้องถามใหม่อีกครั้ง “เป็นอะไรนะ!!”
“เป็น ภรรยา!!” คุราปิก้าตะโกนซะดังจนตัวเองใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด
“ต้องอย่างนี้ซิ ถึงจะน่ารัก” คุโรโร่เข้าไปดึงผ้าห่มออกแล้วนั่งลงข้างคนป่วยจอมดื้อ
“หิวแล้วนะ ป้อนเร็วๆซิ”
“คร้าบ บบบบ ..องค์หญิง”
“ไม่ใช่องค์หญิง!!”
“อ่าว..ทำไมละ” คุโรโร่ทำหน้างง “อ๋อ .ต้องให้เรียกว่าภรรยารึไงจ๊ะ”
“ไม่รุ ไม่ชี้ กินดีกว่า ฮิฮิ”
“ว้า ”
แล้วภาพแห่งความสุขและเสียงหัวเราะอันสดใสก็ดังเล็ดลอดมาจากห้องตลอดเกือบจะทั้งวัน
To Be Connn .
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ เม้นๆกันหน่อยน๊า
    แสงแดดละมุนยามเช้าทอทอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านเข้ามาทางหน้าต่างกระทบเรือนผมสีทองงดงามและใบหน้าน่ารักราวเทพธิดาแต่บัดนี้กลับซีดเซียวไร้สีเลือด ดวงแก้วสีชาเหม่อลอยมองไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย ทุกอย่างดูขาวโพลนไปหมดในครรลองสายตาคู่นั้น
   
หลังเครื่องบินของ JAL บินลัดฟ้าจากสนามบินนาริตะสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนว่าความรู้สึกทุกอย่างของหญิงสาวได้ถูกปล่อยให้ปลิวไปกับมวลเมฆและสายลมจนหมด ความหิวเป็นช่วงเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์ที่มันมิย่างกรายเข้ามาในหัวของเธอเลย ความง่วง ความอ่อนเพลียแม้จะมีเข้ามาบ้างแต่คราใดที่เปลือกตาหนากำลังจะปิดลง น้ำเสียงและเเววตาตัดขั้วหัวใจของบุคคลผู้นั้นก็ตามมาหลอนหลอกดุจภูติพรายวิญญาณร้าย
กายเนื้อที่หัวใจแตกสลายไปแล้วจะประคองตัวให้มีชีวิตต่อไปได้อย่างไรเล่า ในเมื่ออยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา สู้ตายๆไปเสียไม่ดีกว่า
ความคิดนี้แทรกซึมเข้ามาในสมองของคุราปิก้าตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ เธอจึงบรรจงจรดโลหะสีเงินแวววาวลงบนข้อมือขาว ออกแรงกดมันจนเห็นโลหิตสีแดงฉานไหลรินออกมา
ชั่วระยะเวลาที่หญิงสาวนอนหายใจรวยรินรอคอยการมารับตัวไปของพญามัจจุราช เพื่อนข้างห้องของเธอก็ผลักประตูเข้ามา และพาเธอส่งโรงพยาบาลทันที นับว่ารอดมาได้อย่างหวุดหวิด มันเป็นความหวังดีของเพื่อนที่เธอจะไม่มีวันให้อภัย!!
ก๊อกๆ!! เสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้น คนป่วยที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยางเอี้ยวตัวไปมองเห็นนางพยาบาลวัยกลางคนเดินยกถาดอาหารและยาเข้ามา
“ต้องทานอาหารเยอะๆนะจ๊ะ จะได้หายไวไว” เธอสั่ง
คุราปิก้ายิ้มรับและทิ้งตัวลงนอนตามเดิมปล่อยให้หล่อนออกไปเงียบๆ
“ทำไมไม่ทานอาหารละครับ” เสียงทุ้มของบุรุษเพศดังขึ้น ทำเอาสาวน้อยต้องมุ่นคิ้วเพราะปกติหมอไม่พูดภาษาญี่ปุ่นนี่นา
แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้คนป่วยยิ้มกว้าง คล้ายมีแสงสว่างอันอบอุ่นมาส่องอยู่ตรงหน้าก็มิปาน เพราะสิ่งที่เธอเห็นคือร่างสูงของชายหนุ่มนาม คุโรโร่ ลูซิเฟอร์!
จู่ๆหญิงสาวก็ต้องหลับตาลง หุบยิ้ม หันหลังให้กับภาพนั้น  เขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร อย่าเพ้ออะไรลมๆแล้งๆเลยนะ ไม่สบายจนถึงขึ้นเพ้อแบบนี้คงใกล้บ้าเต็มทนแล้ว
แต่ภาพที่หญิงสาวคิดว่าเป็นแค่มายาลวงตากลับลากเก้าอี้เข้าไปนั่งเผชิญหน้ากับคนป่วย
ราวจะอ่านใจอีกฝ่ายออก ชายหนุ่มคว้ามือบางที่อ่อนแรงมาเกาะกุมไว้ด้วยสองมือของเขาก่อนจะจูบมันอย่างอ่อนโยนที่สุด “ฉัน เองนะ ”
คุราปิก้าลืมตาโพลงอย่างไม่เชื่อในรสสัมผัสและเสียงนุ่มๆนั้น เธอมองใบหน้าที่แสนจะรักใคร่และคิดถึงแถบขาดใจนิ่ง เทพเจ้าจะหลอกให้เธอดีใจจนที่สุดแล้วผลักเธอตกลงมากระแทกก้นเหวอย่างเจ็บปวดที่สุดหรือเปล่านะ!!
หญิงสาวพยายามเอื้อมมือที่เหลืออยู่อีกข้างไปสัมผัสใบหน้านั้น แต่ภาพตรงหน้ากลับเลือนไป เลือนไป..เรื่อยๆจนแทบจะมองไม่เห็นเพราะมีน้ำมาคลอหน่วงอยู่เต็มตาไปหมดแล้ว
มือของหญิงสาวเอื้อมคว้าบุคคลตรงหน้าอย่างยากลำบากจนอีกฝ่ายต้องยื่นมือมาจับไว้เองและฉุดร่างนั้นขึ้นมาแนบไว้กับอกตัว เหมือนจะถ่ายทอดความอบอุ่นที่คนป่วยคนนี้ขาดมานานแสนนานให้อย่างไม่คิดจะหวง เจ้าของเรือนผมสีทองสะอื้นตัวโยนไม่ผิดกับเด็กๆ จนเจ้าของอ้อมกอดต้องลูบผมปลอบอย่างห่วงใย “..อย่าร้อง..เลยนะ ”
ภาพคนสองคนกอดกันภายใต้แสงละมุนยามเช้าดำเนินไปอย่างเนิ่นนานราวเทพแห่งกาลเวลาจะเป็นใจ ความอบอุ่นและละอองเเห่งความรักกระจายอยู่ทั่วไปหมดมันช่างหอมหวานเสียเหลือเกิน นกน้อยที่บินมาจากที่ใดไม่ทราบดั่งจะรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจึงชักชวนคู่ของมันมาเกาะขอบหน้าต่างและร้องเพลงขับขานให้กับทั้งคู่ .
“คุณ .ความทรงจำกลับมาแล้วหรอ..คุณจำฉันได้แล้วใช่มั้ย” คุราปิก้าเงยหน้าถามทั้งที่คราบน้ำตายังเปื้อนหน้า
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “เรียกว่าไงนะ!? ฉันเคยบอกให้คุราปิก้าเรียกฉันว่าไง ลืมไปแล้วหรอ”
“คิก..คิก..” หญิงสาวหัวเราะสดใส “คุโรโร่บอกให้ฉันเรียกว่าคุโรโร่..คุโรโร่..คุโรโร่..ไงละ ไม่มีวันลืมหรอก”
“เก่งมาก แบบนี้ต้องให้รางวัล” คุโรโร่ดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดอีกครั้งก่อนจุ๊บปากบางของเธอเบาๆ”
“ขี้โกงอีกแล้ว” คนถูกขโมยจูบแหวใส่แบบไม่จริงจัง
“ฮะ..ฮะ”
“นี่ คุโรโร่”
“หืม มีอะไรจ๊ะ”
“คุโรโร่ ความทรงจำกลับคืนมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อืม ไม่รู้สิ อยู่ๆมันก็จำได้เอง ”
“หรอ ..”
“อื้อ ก่อนหน้านี้ฉันทำให้เธอเสียใจ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ” แววตาคู่นั้นเศร้าไป “ฉันทำร้ายคุราปิก้าจนต้องเจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าเป็นอะไรไป ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ฉันมันเลวจริ.ง ฉันมัน..” ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบมือของหญิงสาวก็ยกมาห้ามไว้เสียก่อน
“อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะ..” คุราปิก้ายิ้มให้ “ยังไงๆตอนนี้ฉันก็มีคุโรโร่อยู่ข้างๆแล้ว..ตอนนี้ฉันมีความสุขที่สุดในโลกเลยละ..รู้รึเปล่า” หญิงสาวนิ่งไปด้วยความเขินที่ตัวเองพูดความในใจออกมา “ฉันเนี่ยะทำตัวเหมือนเด็กๆเลยนะ ทั้งๆที่คุโรโร่ออกจะเป็นผู้ใหญ่”
“หาว่าฉันแก่หรอ!”
“เปล่า .” หญิงสาวยกเสียงสูง “หมายความว่าดูเป็นผู้ใหญ่ต่างหาก..แต่หน้ายังอ่อนอยู่”
“ยังไงๆฉันก็ยังไม่ถึงสามสิบซักหน่อย หน้าย่อมอ่อนเป็นธรรมดา..ฮะฮ้า”
“แหวะ หลงตัวเอง ”
“ว่าไงนะ เดี๋ยวก็ทำโทษเสียนี่”
“อย่าน๊าาาาาาา .คิกคิก” คนป่วยหัวเราะร่า
“เลิกเล่นได้แล้ว เธอยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยใช่มั้ยเนี่ยะ”
“อื้อ..คุโรโร่ป้อนให้หน่อยซิ”
คำอ้อนของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มต้องมุ่นคิ้ว
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละ..จะไม่ป้อนคนป่วยหรอ”
“ป้อนซิจ้า ใครจะใจดำขนาดให้ภรรยาที่นอนป่วยของตัวเองต้องทานอาหารเองละ”
“ใครเป็นภรรยานายไม่ทราบ?”
“ไม่ใช่ภรรยา ก็ไม่ป้อน” ชายหนุ่มยกชามข้าวต้มไปวางที่เดิม
“อ้า ได้ไงอ๊ะ” คนถูกแกล้งร้องหน้างอ
“อ่าว..ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ใช่หรอ” คุโรโร่ตีหน้าตาย “จะป้อนข้าวให้ทำไม”
“เป็น ก็ได้” คุราปิก้าเขินจนต้องมุดหน้าลงไปในผ้าห่ม
“เป็นอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม
“เป็น ภรรยา” คนที่มุดหน้าในผ้าห่มตอบเสียงค่อย
“ไม่ได้ยิน พูดดังๆหน่อย”
เงียบ ไม่มีเสียงลอดออกมาจากผ้าห่ม จนทำให้อีกฝ่ายต้องถามใหม่อีกครั้ง “เป็นอะไรนะ!!”
“เป็น ภรรยา!!” คุราปิก้าตะโกนซะดังจนตัวเองใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด
“ต้องอย่างนี้ซิ ถึงจะน่ารัก” คุโรโร่เข้าไปดึงผ้าห่มออกแล้วนั่งลงข้างคนป่วยจอมดื้อ
“หิวแล้วนะ ป้อนเร็วๆซิ”
“คร้าบ บบบบ ..องค์หญิง”
“ไม่ใช่องค์หญิง!!”
“อ่าว..ทำไมละ” คุโรโร่ทำหน้างง “อ๋อ .ต้องให้เรียกว่าภรรยารึไงจ๊ะ”
“ไม่รุ ไม่ชี้ กินดีกว่า ฮิฮิ”
“ว้า ”
แล้วภาพแห่งความสุขและเสียงหัวเราะอันสดใสก็ดังเล็ดลอดมาจากห้องตลอดเกือบจะทั้งวัน
To Be Connn .
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ เม้นๆกันหน่อยน๊า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น