ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [End] Trick.o.treaT จะรักจะหลอกช่วยบอกหน่อย (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #9 : 9. what's going on?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.2K
      3
      18 ธ.ค. 51

    9.
    พระเอก ฮามาโนะทาดาโยชิ
        นายเอก นากามารุ ไทกิ
        เเฝดพระ อากิโมโตะ คาโงะ vs ไคโตะ
        แฝดนาย  ฟุคุดะ นาโอซึมิ vs มาซาฮิโระ

        ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้เห็นหน้าพี่โยชิอีกเลย (ไม่อยากจะเรียกชื่อนี้จริงๆ) ผมยังไปโรงเรียนเหมือนปกติ เฮฮาเล่นบ้ากับพวกเพื่อนๆ ในห้องอย่างสนุกสนาน ตกเย็นก็เดินกลับบ้านพร้อมเจ้าแฝดและพี่ล่ำทั้งสองคน เเปลกแหะ เดี๋ยวนี้เจ้าพวกนั้นไม่ยักกะทิ้งผมไว้คนเดียว มักจะเดินตามไปส่งถึงบ้านแล้วค่อยแยกกันไปหวานตามปกติ

        แน่นอนว่าการเรียนผมยังห่วยแตกเหมือนเดิม แต่ก็ไม่รู้มีไอบ้าที่ไหนเอาโน๊ตย่อวิชาที่จะสอบมาหย่อนไว้ในตู้ไปรษณย์หน้าบ้านทุกครั้งที่ผมต้องตาลีตาเหลือกอ่านหนังสือ
       
        ไฟนอลของเทอมต้นสำหรับชั้นมํธยมปลายปีที่สองกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า  บรรยากาศสนุกสนานในห้องดูลดน้อยลง เเม้แต่เจ้าเเฝดเองยังรีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือเลย

        แล้วผมหละ ... ผมจะรอดพ้นมันไปด้วยคะเเนนเท่าไหร่ ที่โหล่ของห้องคงรอผมอยู่อีกตามเคย
       
        “ไทกิ มีคนเอาสมุดกับหนังสือตั้งหลายเล่มมาวางทิ้งไว้หน้าบ้านนะจ๊ะ มีโน๊ตบอกว่าเป็นของลูก”

        “อะ อะไรนะครับ” ผมเดินเข้าบ้านมาโดยไม่รู้ตัวฮะ เงยหน้าอีกทีก็เจอคุณนายนากามารุยืนยิ้มหวานพร้อมทัพพีตักข้าวในมือ

        “แม่ยกไปไว้ในห้องให้เเล้ว ลองขึ้นไปดูซิ”

        “แต่ผมหิวข้าว อยากกินข้าวฝีมือคุณแม่สุดสวยก่อนนี่นา”

        แน่นอนว่าคำอ้อนบวกคำยอของผมทำให้เย็นนี้ผมได้กับข้าวพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง รักแม่ตัวเองจังเลย
       
        ผมวิ่งตื๋อไปนั่งรอที่โต๊ะ คุณพ่อ คุณแม่ นั่งกันครบองค์ก็ลงมือบรรเลงทันที

        กำลังคีบหมูทอดเข้าปากอย่างมูมมามแต่ก็เกือบจะต้องติดคอตายเพราะคุณหญิงแม่ท่านขัดลาภด้วยคำถาม

        “ไม่เห็นหน้าพี่ทาดาโยชินานแล้วนะ พี่เค้าไม่มาติวให้เราเเล้วหรอ”

        “เอ่อ ... พี่เค้าก็คงเตรียมตัวสอบมั้งฮะ”

        “แม่ก็นึกว่าเราไปเกเรอะไรใส่เค้าไว้ จนเค้าขยาดไม่กล้ามาหาซะอีก”

        ผมก้มลงพุ้ยข้าวใส่ปากต่อ ไม่อยากจะบอกเลยว่า พี่ทาดาโยชิของเเม่นั้นเเหละเกเรใส่ผม

    .
    .
    .
       
        สมุดโน๊ตกับหนังสือกองเท่าบ้านอาจทับผมตายได้ ให้ตายเถอะ ฝีมือไอบ้านั้นอีกแล้วใช่มั้ย ผมเปิดดูสมุดที่มีลายมือเรียบร้อยเขียนอยู่ มันเป็นย่อในสิ่งที่ผมต้องอ่านสอบ มีทริคมากมายเเทรกไว้ให้ ส่วนบรรดาหนังสือที่น่าเอาไปทำเชื้อเพลิงนั้นก็คือแบบฝึกหัด เก่งขนาดวงหน้ามาให้ด้วยว่าต้องทำตรงไหนกี่ข้อๆ แล้วจะเก่งตอบข้อสอบได้

        เหอะๆ รู้ดียิ่งกว่าครูประจำชั้นผมซะอีก
    .
    .
    .
        ผมอ่านหนังสือมากอย่างไม่น่าเชื่อว่าตัวผมเองจะทำได้ บางทีอาจเป็นเพราะผมไม่อยากให้ตัวเองว่างหรือบางที...การมีคนมาติวให้มันก็สนุกกว่า
        อ่านหนังสือคนเดียวมัน...น่าเบื่อ
        ไม่มีคนคอยเถียง
        ไม่มีคนเอาของกินมาล่อ
        ไม่มีคนซื้อเกมให้เล่น
        ไม่มีคน...ตามใจ
    .
    .
    .
       
        และแล้ววันสอบวันแรกก็มาถึง ผมเตรียมตัวออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่
       
    “แม่มีอะไรกินบ้างอ่ะ”

        คุณนายนากามารุหันมามอง เเม่รอให้ผมนั่งลงที่โต๊ะให้เรียบร้อยแล้วค่อยยกจานอาหารเช้าแบบอเมริกันมาวางตรงหน้าแถมรอยยิ้มหวานตบท้าย (นี่ลูกนะครับ ไม่ใช่พ่อ) “แม่เพิ่มไข่ดาวให้สองฟองเลย ไทกิจะได้มีแรงทำข้อสอบไง”

        “รักแม่จัง” แน่นอนครับว่าผมยอ

        “ปากหวานเฉพาะเวลาหวังผลจริงๆ” และเเน่นอนว่าคุณนายแกรู้ทัน ก็เป็นแม่ลูกกันนี่เนาะ 

        แม่เดินหายเข้าไปในห้องนั่งเล่นก่อนจะกลับออกมาพร้อมอะไรบางอย่างในมือ
    “มีซองจดหมายจ่าหน้าถึงลูกอยู่ในตู้จดหมายหนะ ไม่ได้ประทับตราไปรษณีย์ซะด้วย ใครส่งมาจีบลูกชายของแม่เนี่ยะ” แม่เย้าเหมือนเป็นเรื่องตลกแต่...ผมไม่ขำ

        ผมวางมีดกับซ้อมก่อนจะยื่นมือไปรับมันมาจากแม่

        หลังจากเปิดซองสีครีมกลิ่นหอมอ่อนๆ ออก การ์ดสีพื้นลายเรียบๆ เขียนข้อความไว้นิดเดียวเท่านั้น
        ‘...เชื่อนะว่าไทจังต้องทำข้อสอบได้ ...’

        ไม่ลงชื่อมาซะด้วย แต่เรียกว่าไทจังแบบนี้มันมีคนเดียวนี่

        ไอบ้า!

        “ยิ้มใหญ่เชียว สาวที่ไหนหรือจ๊ะ” แม่ขยับหน้ามาใกล้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ เเล้วเมื่อกี๊ผมยิ้มหรอ ไม่จริงอย่างที่สุด ผมส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กเหมือนคนสติไม่เต็มจนแม่ต้องเอามือสองข้างมาบีบเเก้มผมไว้

        “ทานได้แล้วพ่อหนุ่มน้อย เดี๋ยวก็สายกันพอดี”

        “อ่ะ ฮะ”

        เพิ่งมีสติครับ ผมสอดการ์ดเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะลงมือทานอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย
    .
    .
    .
        “ไทกิจัง ทำข้อสอบได้มั้ย” นาโอซึมิถามขึ้นเมื่อเราสามคนกำลังเดินไปโรงอาหาร

        “อือ พอไหวนะ พวกนายคงได้เต็มอีกใช่มั้ย”

        “บ้า ฉันก็มีข้อที่ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ” มาซาฮิโระเเย้ง

        “ไอที่ไม่แน่ใจมันกี่ข้อ ห๊ะ!!”

        “แหะๆ ของฉันหนึ่ง” แฝดน้องชูหนึ่งนิ้ว

        “แหะๆ ของฉันก็ครึ่งข้อเอง”

        ผมถอนหายใจอย่างจงใจ สมองเจ้าสองตัวนี้มันทำจากอะไรกันแน่เนี่ยะ!?
       
    .
    .
    .
        หลังจากหมดอาทิตย์ที่แสนจะมึนงง การสอบปลายภาคต้นก็เสร็จเสียที ผมรู้สึกโล่ง ชวนเจ้าสองคนนั้นไปฉลองดีกว่า ผมเดินดุ่มเข้าไปหาสองแฝดที่ยืนทำหน้าตาดีอยู่หน้าห้อง กำลังจะตะปบไหล่เพื่อออกปากชวน เสียงโทรศัพท์สองเครื่องก็ดังขึ้นพร้อมกันเสียอย่างนั้น

        “คาจัง คิดถึงที่สุดในโลกเลย”

        “อืม สอบเสร็จแล้ว ใช่ๆ มาพาไปเลี้ยงเลย”

        “จริงหรอ งั้นนาโอะลงไปหาเลยนะ รักคาจัง จุ๊บ”

        สามบรรทัดข้างต้นเป็นคำพูดของเจ้าแฝดพี่ครับ ตีความได้ว่าแฟนมันมารับแล้ว ผมเลยทำหน้าเซ็งหันไปเงี่ยหูฟังบทสนทนาของแฝดน้องต่อ

        “ข้อสอบยากมากเลย~”

        “ใช่ๆ ไคจังต้องพาไปดูหนังนะ แก้เครียดไง”

        “ไคจังใจดีที่สุด รอเเป๊บนึงนะ กำลังจะลงไปแล้ว บายฮะ”

        ไม่ต้องรอให้สองคนนั้นบอกลาหรอก ผมหันหลังกลับทันที โดนทิ้งซะแล้วเรา

        ผมนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง ยกมือขึ้นมาเท้าคางเเล้วมองออกไปข้างนอก ทั้งที่สอบเสร็จแล้วแต่ทำไมมันยังรู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงก็ม่รู้

        ผมเดินกลับบ้านคนเดียว

        “กลับมาแล้วครับแม่”

        “สอบเสร็จแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมดูไม่ร่าเริงเลยจ๊ะ” แม่ดึงตัวผมเข้าไปกอด ผมกอดแม่ตอบไปแรงๆ เหมือนกัน รู้สึกดีจังเลย    
    “ไม่สบายใจอะไรอยู่รึเปล่า บอกแม่ได้นะ”

        “เปล่าหรอกฮะ”

        “งั้นขึ้นไปอาบน้ำ แล้วเดี๋ยวลงมาฉลองกันดีมั้ย แม่เตรียมหม้อไฟไว้แล้ว”

        “แม่น่ารักที่สุด” ผมกระโดดหอมแก้มแม่ดังจ๊วบ! คุณนายหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจกอดผมแรงๆ อีกครั้งก่อนจะปล่อยให้ขึ้นไปบนบ้าน

        “อ้อ! ไทกิ มีคนเอาตุ๊กตามาวางไว้ให้หน้าบ้าน แม่เอาไปไว้ในห้องนอนให้แล้วนะ”

        “ขอบคุณฮะ”

        บ้าจริง!  อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ แถมเป็นผู้ชายอีกต่างหาก เอาตุ๊กตามาให้ทำไม

        ผมกระโดดขึ้นบันไดทีละสองขั้นก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเข้าไป

        ไม่อยากจะเชื่อ หมีสีขาวตัวใหญ่มากถึงมากที่สุด สูงเท่าผมเวลานั่งขัดสมาธิเลยทีเดียว เจ้าหมีมันนั่งอมยิ้มให้ผมอยู่บนเตียงและแน่นอนว่าผมก็กระโจนเข้ากอดหมับเต็มแรง นุ่มมากมาย

        “ใครเป็นเจ้าของแกอ่ะ” ผมถามทั้งที่ยังกอดมันแน่น “เจ้าของแกเค้ารู้ใช่มั้ยว่าฉันยังโกรธอยู่ เค้าเลยไม่โผล่หน้ามาให้เห็น...”

        เจ้าหมีเงียบ ...
        ผมเงียบ ...
        ทั้งห้องเงียบ ...
        มีเสียงสะอื้น ...
        ผมฝังหน้าเข้ากับอกเจ้าหมี ...
        ผมร้องไห้ ...
        เพราะเหงา..
        เพราะคิดถึง..
        เพราะอะไร...




    be con



    อิอิ ดูเงียบๆ วังเวงยังไงไม่รู้ ขอบคุณทุกคนที่แวะมาค่ะ
    ใกล้จบแล้วหละ ปั่นคอมเม้นกันหน่อยน๊ะ!! จุ๊บๆ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×