ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4.
4
ถ้าถามว่าตอนนี้ความสุขที่สุดของยูซูรุคืออะไร คงมีแค่คำตอบเดียวเท่านั้นคือ ได้อยู่ใกล้ๆ กับผู้ชายตัวขาวจัด ปากสีแดงสดและสวมแว่นกรอบดำที่ชื่อ อิชิมารุ โช
หลังจากการไปกินไอติมเมื่อวานที่คนตัวเล็กก็เหมาเอาเองว่าเป็นการเดทครั้งแรกจบลง หมอก็ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยการลากกลับไปนอนด้วยกันแล้วมอบจูบราตรีสวัสดิ์อันอ่อนโยนให้ที่หน้าผาก ไม่ว่าคิดถึงมันกี่ครั้งก็เรียกเลือดแดงๆ ให้มาคั่งอยู่ที่พวงเเก้มอิ่มได้เสมอ
“ยู..”
“ยูซูรุ!!”
“คระ ครับ” ใบหน้าหวานลนลานมองหาต้นเสียงืหันซ้ายหันขวาอยู่สองทีก็เจอเจ้านายคนสวยยืนเท้าเอวฉับอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่สวรรค์ปั้นแต่งมาให้งามนักงามหน้าบูดสนิทชนิดที่ถ้าคุณไฮต์มาเห็นคงรีบบอกเลิกโดยด่วน
“บ้ารึเปล่า นั่งยิ้มอยู่คนเดียว” ปล่อยให้ยูซูรุคิดนินทาในใจได้ไม่นานเสียงที่ไม่ใคร่จะหวานนักก็ตามมาสำทับให้ใจหวิวเล่น
“ร้านเปิดแล้ว ออกไปทำงานสักทีซิ” มากิสั่งให้อีกรอบ ก่อนจะส่ายหน้าในความไม่เต็มเต็งของเจ้าพนักงานตัวดี แต่ก็เข้าใจหรอกว่าไออาการเพ้อเหมือนคนสติไม่ครบแบบนี้มันมาจากอะไร
สงสัยเจ้าตัวเล็กจะมีความรักซะแล้วมั้ง…
ยูซูรุทำหน้าจ๋อยได้สองวิ พอลับร่างคนเป็นนายก็กระโดดขึ้นยืนกระฉับกระเฉงเดินไปเช็คเสื้อผ้าหน้าผม พอให้ดูดีเป็นผู้เป็นคนแล้วก็วิ่งตึงๆ ออกไปหน้าร้าน
วันนี้หมอบอกว่าจะมารับตอนเลิกงานด้วย มีความสุขจังเลย
ท่าทางร่าเริงจนดูล้นของยูซูรุคนในร้านก็เข้าใจดี แถมยังทำให้ใบหน้าหวานๆ นั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นไปอีก พอถูกแขกเเเซวเข้าหน่อยก็อายม้วนต้วนให้ได้ฮากันทั้งโต๊ะ
.
.
.
หลังจากช่วยเพื่อนในร้านจัดการเก็บกวาดร้านเรียบร้อย ร่างบางก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินตัวปลิวออกมาตรงลานจอดรถที่นัดกับหมอไว้
ยามดึกสงัดเช่นนี้พื่นที่โล่งๆ ก็ดูน่ากลัวไม่ใช่น้อย รถคันงามหลากสีสันที่เคยจอดกันเต็มพรืดก็กลับว่าเปล่า แถมซ้ำมากิ เจ้าของบาร์ก็ออกไปตั้งแต่ร้านยังไม่ปิดด้วยซ้ำ
ยูซูรุหันซ้ายหันขวา เเหงนหน้ามองพระจันทร์ก็แล้วแต่ทำไมคืนนี้มันแสงน้อยนักก็ไม่รู้ แถมคนที่บอกจะมารอก็หายจ้อย
กลัวผี…
ไม่ทันได้ว่าหมอในใจให้มากไปเกินสองประโยค แสงไฟสว่างจ้าก็สาดกระทบหน้า พร้อมๆ กับ เมอร์ซิเดสเบ็นซ์คลาสซีสีดำสองคันแล่นเข้ามาจอด
ทั้งที่หรี่ตาจนแทบมิดก็ยังพอให้เห็นเค้าร่างอ้วนน่าเกลียดของใครบางคนเดินลงมาจากประตูหลัง
ยูซูรุถึงกับชาวาบไปทั้งตัว ทานาบาตะซัง!!
ชายวัยกลางคนที่มีสภาพไม่ต่างไปจากคางคงน่าเกลียดเดินเข้ามาใกล้ร่างที่ยืนนิ่งเหมือนถูกน้ำแข็งจับ รอยยิ้มร้ายๆ พาดผ่านบนใบหน้าอวบอูม ก่อนที่มือสากๆ จะยกขึ้นลูบเสี้ยวหน้าขาวซีด
“ว่าไงเด็กน้อย ทำไมเมื่อวานไม่อยู่รอฉัน หึ”
“ผะ ผมไม่สบาย คุณมากิบอกไปแล้วไม่ใช่หรือครับ”
รอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุดเเสยะออก พร้อมเสียงไม่พอใจที่เค้นออกมาจากลำคอ
“ไม่สบาย แต่กลับไปดูหนังหนังหน้าระรื่นกับเจ้าหนุ่มนี่”
ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตระหนก มองหน้าชายแก่สลับกับร่างงองุ้มที่ถูกกระชากลงมาจากรถอีกคัน
ลูกน้องร่างสูงใหญ่สองคนล็อกแขนโชไว้คนละข้าง แถมใบหน้าที่เคยดูสดใสกลับปรากฏรอยเขียวช้ำเป็นปื้น
“หมอ..” ยูซูรุวิ่งเข้าไปหวังจะดูให้ชัดแต่กลับถูกทานาบาตะกระชากไว้
“เห็นมันชัดรึยัง”
“ทำไมคุณทำแบบนี้” เสียงหวานละห้อยโหยอย่างน่าสงสาร
“ทำไม ก็เพราะฉันไม่ชอบเด็กไม่ดี ชอบโกหกนะซิ” ดวงตาหยาบโลนมองไล้ไปทั่วร่างบางที่กำลังสั่นระริกด้วยความโกรธ “ทำไม ลีลาฉันไม่ถึงใจรึไง เลยไปให้เจ้าหนุ่มนั้นนอนกก”
“สกปรก!!”
“หึ ไม่ต้องทำมาปากดี เรื่องสกปรกหนะ เธอหนะน่าจะรู้ดีกว่าฉันไม่ใช่หรอ” ไม่พูดเปล่า มือหยาบขยำสะโพกเล็กอย่างจาบจ้วง โชเห็นแล้วก็กัดฟันกรอดพยายามโถมร่างเข้ามาหวังจะช่วยแต่กลับโดนหมัดหนักๆ เข้าที่ช่องท้องแทน
“รู้แล้วใช่มั้ยว่าคืนนี้ต้องไปกับใคร!!” ทานาบาตะถามเสียงดัง
ยูซูรุส่ายหน้ารัวและดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์เพื่อจะให้แขนตนหลุดจากอีกฝ่าย
“ซ้อมมัน จนกว่าหนูน้อยของฉันจะหาคำตอบได้” ชายแก่สั่ง ก่อนจะหัวเราะด้วยเสียงที่น่ารังเกียจที่สุด
“อย่า!! ฮือ..” น้ำจากไหนไม่รู้พุ่งอาบเต็มสองแก้ม ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมาอยู่กับตัวเอง ภาพตรงหน้ามันทำให้ยูซุรุรู้สึกราวกำลังโดนทึ้งเส้นเลือดออกจากขั้วหัวใจ
จะด่าทอ จะทำร้ายก็โปรดมาลงที่เขาเถอะ ทำไมต้องทำหมอด้วย
“หมอ..” เสียงหวานตะโกนจนแตกพร่า
โชเองก็กัดฟันกั้นเสียงร้อง สายตาคมจ้องมองยูซูรุเเน่วแน่
“ยู..อยะ..อย่าไปนะ” อยากจะบอกให้หนักแน่นกว่านี้แต่ทำได้เพียงแค่ขยับปาก ถูกฝ่ามือหนาๆ ตบอีกทีเลือดก็พุ่งกระฉูดแถมยังเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้นจนหมดท่า
ยูซูรุถลาไปประคอง แต่ก็ทำได้แค่เเตะโดนปลายนิ้ว ลูกน้องหน้าโฉดคว้าแขนบอบบางได้ทันก่อนที่คนตัวเล็กจะทรุดนั่ง
ทานาบาตะ ก้าวเข้ามาดูผลงานด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนจะวางเท้าลงไปบนสีข้างของโช
“รู้คำตอบรึยัง”
ดวงตาคมกร้าวของคนที่เจ็บหนักบอกชัดว่าอย่าไป ริมฝีปากสั่นระริกขยับยากเหลือเกิน แต่ถ้อยความที่ส่งผ่านไปให้นั้นชัดแสนชัด “ไม่-ให้-ไป”
แต่แค่นั้นมันจะห้ามได้ฤา แรงเท้าที่อัดกระแทกสีข้างดังลั่น ยูซูรุผวาเข้ากอดขาข้างนั้นแน่น
“พอ…พอแล้ว!! อย่าทำอะไรหมออีกเลยนะ”
ชายแก่ลดตัวลงใช้ฝ่ามือขยุ้มผมสีดำนุ่มขึ้นมาจนใบหน้าหวานแหงนเชิด
“ผะ ผมยอมไปกับคุณแต่คุณต้องปล่อยเค้าไป ตกลงมั้ย” ยูซูรุจ้องหน้าอวบอูมนั้นอย่างอาฆาตแค้น แต่มีหรือคนแบบนั้นจะรู้สึก ริมฝีปากหนาสีคล้ำยกยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องให้หยุดการละเล่นป้ายเลือด
“ยู!!” เสียงที่ดังไม่ต่างจากใบไม้เสียดกันร่ำร้องอย่างเจ็บปวด
ร่างคนที่ตัวเองนอนกอดอยู่กับอกทุกคืนกำลังถูกลากไปขึ้นรถ
ดวงตาสองคู่สบกันยาวนานอ่านออกว่าคนนึงไม่อยากไปเลยและอีกคนก็ไม่ยอมให้ไป แต่แรงมนุษย์สองคนก็มิอาจทัดทานจิตใจที่ต่ำทรามราวภูติผีจากนรกได้
ยูซูรุเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ควรแล้วหรือที่คนดีดีอย่างหมอต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา
ร่างกายสกปรก เน่าเฟะมันก็ควรแล้วที่จะอยู่ในที่ต่ำๆ คนต่ำๆ
ความเจ็บที่หมอเจ็บมันยังน้อยกว่าหัวใจที่กำลังถูกฉีก
ยูซูรุร้องออกมาเป็นน้ำแต่ใครจะรู้ว่าในใจนั้นเลือดสีแดงสดกำลังแล่นพล่านไปทั่วร่าง ฉีดอัดความเจ็บปวดให้ลุกลามไปทั่วทุกอณูเนื้อ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
ช่วยหมอได้แค่นี้เอง แค่รีบยอมตกลงไปกับทานาบาตะซะ หมอจะได้เจ็บตัวน้อยที่สุด
แต่ใครจะรู้ ร่างที่นอนตัวงออยู่กับพื้น มองเห็นเพียงล้อรถสีดำมะเมื่อมวิ่งจากไปก็เจ็บไม่แพ้กัน เจ็บกายมันน้อย ไม่นานก็รักษาหายแต่ความเจ็บที่หัวใจนี่ซิ
แค่ของรักก็รักษาไว้ไม่ได้แล้วจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกันอีก
สิ้นแสงไฟท้ายรถสีแดงฉาน สายตาก็พร่างพรายด้วยสิ่งที่แดงกว่า เลือดข้นๆ มันชะโลมหลั่งตั้งแต่หัวคิ้วจนมาปิดกลบตาเสียแน่น ซ้ำร้ายสติก็ดูจะค่อยๆ ระเหยหายไปกับอากาศเสียด้วย
.
.
.
“ร้องซิ ครางออกมาให้ได้ยินหน่อย!!” เสียงตวาดดังลั่นห้องพักหรูในโรงแรมระดับห้าดาว
ร่างอ้วน มะเมื่อมไปด้วยไขมันกำลังคร่อมทับอยู่บนเด็กตัวน้อยที่นอนกัดปากเงียบ ดวงตากลมเหม่อลอยไปไกลแสนไกล ไม่รับรู้ถึงแรงขย่มอันบ้าคลั่งที่ถาโถมใส่เบื้องล่างตัวเองแม้แต่น้อย
เลือดกี่หยดแล้วที่ไหลซึมรดผ้าปูที่นอนสีหวาน
กี่หยาดหยดของอารมณ์ดำมืดที่กลั่นออกมาจากพิษตัณหาภายในใจคนแก่คราวพ่อ
ยูซูรุไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าแรงฟันที่กัดลงมาบนหัวไหล่ ไหปลาร้าและยอดอกเจ็บเพียงไร อุปกรณ์โหดร้ายที่ฝังเข้าไปในร่างไม่รู้หวังให้มีความสุขหรือทรมานกันแน่ สารพัดวิธีและท่าปะหลาดที่ทานาบาตะสรรหามาเล่น ทำได้ก็ทำไป ก็เขาเป็นแค่ตุ๊กตา เป็นแค่เนื้อหนังที่ใช้ระบายความใคร่ ใยเลยต้องมีความรู้สึกหรือตอบสนองให้ได้ดังใจเจ้าของต้องการ
“ทำไม ลีลาฉันมันไม่ถึงใจเท่าเจ้าเด็กนั้นหรือไงเลยคิดหนี หึ!!”
กัดฟันทำหน้านิ่ง มีเพียงดวงตาเเสนชิงชังเท่านั้นเป็นคำตอบ
ยิ่งดื้อเท่าไหร่บทลงโทษก็ยิ่งหนัก เมื่อเล่นด้วยเล่ห์ไม่ได้ก็ต้องเอาด้วยกล ยาเม็ดบางอย่างถูกยัดใส่เข้าไปในร่างกายที่แสนบอบช้ำ ความร้อนจากกิจกรรมที่ดำเนินมาแสนนานทำให้มันละลายและดูดซึมได้ดีนัก ไม่นานอาการเลือดฉีดพล่านก็กำเริบ แถมความรู้สึกต้องการที่เคยถูกกดทับไว้ด้วยความโกรธก็ถูกพังลง
ยูซูรุอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายนัก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะดันมีบางอย่ามาคาดไว้ตรงปาก
ร่างกายทีี่ไม่ยอมตอบสนองในตอนแรกบัดนี้กับส่ายร่อนสอดรับกับอีกฝ่ายอย่างน่ารังเกียจ
ดวงตาคู่กลมเอ่อท้นด้วยน้ำตาแต่กลับฉ่ำหวานอยู่ในแสงไฟสีส้ม เด็กน้อยปิดมันลงอย่างเจ็บปวด อย่าให้เห็นภาพร่างอันโสมมของตัวเองไปมากกว่านี้อีกเลย
เสียงร้องที่ชายแก่อยากได้ก็ดังแล้ว การตอบสนองอย่างร้อนแรง หื่นกระหายก็ได้แล้ว
ไม่รู้สติหลุดลอยไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ภาพที่ลืมตาขึ้นมาเห็นก็คงเป็นใบหน้าอวบอูมมันเยิ้มไม่ต่างจากคางคกอยู่ใกล้ๆ กลิ่นสาบเหงื่อชวนคลื่นไส้ลอยอบคลุ้งไปกับกลิ่นคาวเลือดและคราบกามตันหา
ยูซูรุหลับตาลงอีกครั้งภาวนาว่าขอให้มันเป็นแค่ฝันร้ายก็พอหรือไม่ก็ถ้าพระเจ้าทรงเมตตาซักหน่อยก็ช่วยประทานพรให้เขาอย่าลืมตาขึ้นมาอีกเลยเถอะนะ…
.
.
.
สภาพห้องสวยงามหรูหราไม่ได้ช่วยจรรโลงใจเลยซักนิด เพียงแค่ตัวเตียงขนาดกว้างก็พอแล้วที่จะสร้างตราบาปให้ห้องราคาแพงนี้ไปอีกชั่วลูกชั่วหลาน ร่างบอบบางสีช้ำเลือดช้ำหนองนอนคุดคู้อยู่ริมหนึ่ง มีผ้าห่มวางพาดอยู่หมิ่นๆ หยาดโลหิตเป็นกองใหญ่วางแปะอยู่รวมกับคราบน้ำสี่ขุ่นขาว มันไม่ใช่ปฏิมากรรมที่งดงามเลย เพราะจิตรกรผู้สร้างนั้นเป็นเพียงส่วนดำมืดในจิตใจมนุษย์เท่านั้น หรือที่จริงแล้วมันก็แค่ปิศาจราคะเฒ่าในคราบคนดีของมหานครที่เต็มไปด้วยความหลอกลวงทั้งนั้น
แพขนตางอนค่อยๆ กระพริบปริบ รู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าที่เเล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย กลิ่นคาวคลุ้งยังลอยกรุ่นอยู่ตรงปลายจมูกนี้เอง และแม้ว่าเครื่องปรับอากาศในห้องจะเย็นเท่าไหร่แต่ทั่วทั้งร่างก็ยังรู้สึกเหนียวหนืดน่าอึดอัดอยู่ดี
แขนเรียวล้ายิ่งกว่าล้าแต่ก็ฝืนควานเปะปะเพื่อหยิบนาฬิกาขึ้นดู
สี่โมงเย็นของวันถัดมา นี่เขาสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเลยอย่างนั้นหรือ ไม่ซิจะพูดให้ถูกคือสลบไปตอนกี่โมงไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะโดนขมขื่นแบบไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยต่างหาก
ยูซูรุพยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก พยายามคิดให้ขำว่าเขาไปเป็นทหารรับใช้ชาติและกรำศึกมาแรมเดือนโดยไม่ได้พัก ทั่วทั้งร่างมันถึงอ่อนล้าได้ถึงขนาดนี้
ทั้งแขน ขาเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง หรือที่จริงเส้นเลือดเส้นเอ็นมันจะหลุดไหลจากข้อต่อออกไปหมดแล้วหละ
นั่งพิงหัวเตียงหอบหายใจเข้าออกอยู่พักใหญ่ ก็ค่อยๆ คลานไปยังห้องน้ำ สภาพหมาขี้เรื้อนข้างถนนยังดูดีกว่าเขาเลย อย่างน้อยมันก็เลือกได้ว่าจะมีชีวิตยังไงไม่ใช่เขา
น้ำอุ่นที่สาดรดร่างเปลือยเปล่าอยู่เกือบสองชั่วโมงเต็ม คนตัวเล็กทรุดนั่งลงกลางสายน้ำฝอยสีใส น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ปล่อยใจให้ลอยไปไกลแสนไกล หวังว่าอย่างน้อยทั้งชีวิตที่ผ่านมามันเป็นแค่ฝันเท่านั้น
.
.
.
เงินปึกใหญ่ที่ถูกวางไว้ตรงหัวเตียง มือเล็กๆ ที่ยังปรากฏรอยช้ำกวาดมาหมด เขาเลือกหย่อนลงตู้บริจาคใบแรกที่เห็น ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะถูกนำไปช่วยใคร แค่รู้ว่ามันจะทำให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นเท่านั้นก็พอแล้ว
ร่างเล็ก บางจ้อยลากสังขารตัวเองไปที่ตึกแปดชั้นแสนคุ้นเคย พลบค่ำแล้ว ตะวันลับฟ้าไปตอนไหนก็มองไม่เห็นเพราะความศิวิไลซ์มันบังไว้จนหมด
ขึ้นลิฟต์แล้วใช้ผนังประคองตัวเองมาจนถึงห้องริมสุดก่อนจะกองแปะอยู่ตรงนั้น
คนที่หัวใจมันเรียกหาอยู่ตลอดทุกวินาทีไม่อยู่ ลูกกุญแจดอกใหญ่ยังขบอยู่ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นตรงริมฝีปากบวมเจ่อ ไม่นานก็จะได้เจอแล้ว ไม่นาน…
หวังแค่หมอจะรับคำขอโทษเขาก็พอ…
ขอโทษ…หมอ…ยูุ…ขอโทษ
.
.
.
รถสปอร์ต BMW จอดเทียบตรงหน้าตึกเเปดชั้น ก่อนจะมีร่างสูงโปร่งก้าวลงมาจากด้านข้างคนขับ ส่งมือโบกโบยล่ำรากันชั่วครู่ กรอบร่างนั้นก็หายเข้ามาในตัวตึก
โชเดินเอื่อยๆ ขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ โดยไม่พึ่งลิฟต์ ถึงห้องเขาจะอยู่ชั้นบนสุดแต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าพิศมัยจนต้องรีบขึ้นไปขนาดนั้น
ความเงียบของแต่ละชั้นกับลมหนาวที่พัดลอดช่องหน้าต่างบันไดหนีไฟเข้ามากรีดเนื้อจนเจ็บชะมัด นาฬิกาข้อมือเรือนเก่าบ่งบอกเวลาตีสี่แล้ว นี่เขาไปนั่งพล่ามอยู่กับเร็นถึงดึกดื่นป่านนี้เชียว
พอโผล่พ้นบันไดมาได้เท้าก็ชะงัก เงาร่างบางอย่างกองอยู่ตรงหน้าประตูห้องเขา อาจจะเป็นเพราะความมืดมิดยามราตรีกาลกอรปกับแสงไฟนีออนวัตต่ำทำให้มองไม่ชัดนักว่ามันคืออะไร
ค่อยๆ เดินเลาะผนังไปเรื่อยๆ จนถึงกลางทางเท้าทั้งคู่ถึงกับชะงัก แม้ตรงทางเดินจะสลัวแต่ดวงตากลมโตที่เงยขึ้นมาสบไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าของเป็นใคร
โชไม่เคยใจเต้นหนักเท่านี้มาก่อน จะเรียกว่าตกใจสุดขีดก็คงจะถูก จากที่ตัวเเข็งทื่อ เลือดลมก็เริ่มวิ่งพล่านโทสะจุกอกสั่งให้เขาหันหลังกลับแล้วถอยเท้าหนี
เสียงตึงตังดังตามมาไล่หลัง และมันก็ทันตรงชานพักบันไดพอดี
สองมือสอดเข้าโอบรัดรอบเอว ทั้งร่างบางโถมกอดคนที่คอยมาเกือบทั้งคืนแน่น แนบหน้าลงไปจนได้ยินเสียงหัวใจสะท้อนก้องมาจากในอก
เงียบกริบและนิ่งงัน…
“หมอ…ผมขอโทษ…ผมขอโทษ” ยูซูรุพร่ำบอกอยู่แค่นั้นเอง
เขามีค่าอะไรให้มาขอโทษเพราะแม้แต่จะปกป้องก็ยังทำไม่ได้
อิชิมารุ โช ค่อยๆ แกะนิ้วที่ยึดเกี่ยวเสื้อเขาแน่น ความเปียกที่ซึมผ่านกลางหลังก็บอกให้รู้แล้วว่าเด็กน้อยแสนขี้เเยเพียงใด แต่ไม่คิดจะหันไปปลอบหรอกที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงเดินไปข้างหน้าเพื่อหนีเท่านั้น
สองมือตกลงพร้อมเสียงที่เบาบางไม่ต่างจากการกระซิบ “หมอ…ยูซูรุขอโทษ..
โชก้าวเดินออกไปแล้วและจะไม่หันกลับมาเลยถ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้น
“ยู!!” ร่างสูงถลาเข้าไปรับร่างที่เข่าทรุดลงบทพื้นและหน้ากำลังจะฟาดลง
“ยู..” หมอลองเรียกอีกครั้งแต่คนในอ้อมเเขนกลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย ไอร้อนผ่าวที่แผ่ซ่านออกมาบอกให้รู้ชัดว่าเด็กน้อยไม่สบาย
ดวงตากลมปิดสนิทแถมทั้งร่างยังอ่อนไปหมด
ทำไมเขาถึงได้โง่เง่าแบบนี้นะ ยูซูรุคงมารอเขานานแล้ว อากาศนั้นก็ไม่ใช่จะอุ่่นๆ เลย ลมหนาวพัดมาทีกรีดไปถึงขั้วหัวใจ แล้วร่างบอบบบางแบบนี้จะทนได้ฤา
สองขายาวก้าวเร็วๆ ไปยังห้อง ลนลานไขกุญแจแล้วก็พาคนป่วยไปวางลงบนเตียงด้วยความทะนุถนอม
กะละมังใบน้อยลอยผ้าสะอาดถูกนำมาวางข้างเตียง ก่อนคนมือเบาจะค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ติดถึงลำคอ
เพียงแค่เม็ดแรกถูกปลดออก มือขาวก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งปลดลึกลงไป น้ำตาของคนใจเเข็งก็พาลจะไหลลงมาให้ได้
แผ่นอกบางเล็กเต็มไปด้วยรอยช้ำจนน่ากลัวว่าคนเป็นเจ้าของทนมาได้อย่างไร
โชถอดเสื้อให้ยูซูรุอย่านุ่มนวล เขาไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย หลังจากจัดการเช็ดตัวให้อย่างถนอมที่สุด กางเกงยีนส์ขายาวสีซีดก็ถูกถอดตามมา สภาพขาเรียวไม่ต่างไปจากส่วนอื่นเลย ทั้งรอยฟันและจ้ำเขียวช้ำเต็มไปหมด
นักศึกษาเเพทย์หนุ่มค่อยๆ บรรจงเช็ดไล่ความร้อนให้ร่างที่ไม่ได้สติทีละเล็กละน้อย ขยีบตัวเจ้าตัวเล็กให้ไม่บ่อยครั้งมากที่สุด เมื่อด้านหน้าเสร็จก็จัดการพลิกอย่างเบามือที่สุด
จะมีตรงไหนของร่างนี้บ้างมั้ยที่ไม่มีรอยช้ำเหล่านี้ โชก้มลงจุมพิตหัวไล่บอบบางราวกับะดูดซับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้เอง ไอร้อนจากร่างที่นอนหายใจรวยรินบอกเขาว่าเจ้าตัวซนคงป่วยไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากเช็ดตัวจนทั่ว ที่ที่โชไม่อยากเห็นที่สุดก็ถูกเปิดเผย ทั้งที่ทำใจไว้แล้วเพราะเห็นรอยจากส่วนอื่นๆ แต่ตรงนี้กลับหนักหนากว่านัก รอยแผลฉีกขาดเป็นทางยาวแถมรอยเลือดเกรอะกรัง เจ้าตัวคงล้างทาแล้วรอบหนึ่งแต่เลือดมันคงไม่หยุดไหลง่ายๆ
ชายหนุ่มเดินไปเอากล่องยามาแล้วนั่งลงปรรจงเช็ดแผลให้อย่างไม่รังเกียจ ตามด้วยล้างด้วยยาฆ่าเชื้อแล้วทายาแก้แผลสดแบบระคายเคืองน้อยที่สุดให้ เสียงครางด้วยความเจ็บดังเบาๆ มาจากคนที่ยังไม่ได้สติ แค่นั้นโชก็ต้องเบามือกว่าเดิม
สุดท้ายร่างสูงก็สวมชุดนอนของเขาให้เจ้าตัวเล็กแล้วจัดการป้อนอาหารเหลวให้ แน่นอนว่าต้องใช้วิธีผ่อนถ่ายทางปากเพราะคนป่วยยังไม่ได้สติ
ลิ้นร้อนเลียไล่ความแห้งแตกที่กลีบปากบอบบางเบาๆ แล้วก็จัดการส่งอาหารเข้าไปใหม่ ยูซูรุเองก็ว่าง่ายยอมกลืนลงไปโดยดี ลิ้นเล็กๆ นั้นตอบสนองอย่างไร้เดียงสาจนโชอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้
เมื่อมีของรองท้องเรียบร้อยก็จัดการปิดท้ายด้วยการป้อนยาแก้ไข้และเเก้อักเสบให้อย่างละเม็ด
“ฝันดีนะครับ” จุมพิตราตรีสวัสดิ์แสนอ่อนโยนประทับลงบนหน้าผากมน ผ้านวมผืนหน้าถูกยกมาปิดให้จนถึงคอพร้อมสายตาห่วงอาทร
“หายไวไวนะ…ยู”
.
.
.
ยูซูรุรู้สึกตัวพร้อมอาการปวดไปทั้งร่างแม้จะไม่เจ็บเท่าวันก่อน แต่เขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถขยับส่วนไหนในร่างกายได้สะดวกเลยนอกจากดวงตา
แพขนตาขยับเปิดขึ้นเพื่อให้เห็นอะไรได้ชัด ภาพห้องไม่สว่างจัดนักแต่ก็พอมองรู้ว่าเป็นห้องของใคร
“หมอ…” เสียงแหบครางในลำคอ ลำดับเหตุการณ์คร่าวๆ แล้วจึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่มีสติรับรู้อีกเลยหลังจากได้กอดแผ่นหลังกว้างๆ นั้นไว้…ไม่รู้..คำว่าขอโทษ จะดังไปถึงคนคนนั้นรึยัง
ตื่นมา…เหงา…จนนึกขำตัวเองไม่ได้ หวังจะให้เห็นหมอนั่งกุมมืออยู่ข้างเตียงรึไง ไม่ใช่ซีรี่ย์ในทีวีนะ แค่เขาเอามานอนบนเตียงนี้ก็ดูเหมือนจะทำบุญมากพอแล้ว
เสียงฝีเท้าเบาเป็นเอกลักษณ์ดังมาเป็นสัญญาณให้รู้ว่าคนที่คิดถึงกำลังจะโผล่พ้นขอบตู้เข้ามาสู่เขตที่ใช่หลับนอน ดวงตากลมเหม่อลอยรีบหลับลงเพื่อซ่อน (หนี) ยูซูรูยังไม่กล้าจะสู่หน้าหมอตรงๆ
นอกจากจะเดินเข้ามาใกล้แล้ว ไออุ่นก็เหมือนจะชิดหน้าเขาลงมาเรื่อยๆ
สัมผัสนุ่มๆ แตะลงแผ่วเบาที่หน้าผาก ก่อนจะเป็นเสียงหัวเราะขันในลำคอ “รู้นะว่าตื่นเเล้ว”
ยูซูรุเบิกตาโพลง คงลืมนึกไปว่าคนขี้เเกล้งยังอยู่แค่ระยะลมหายใจรดกัน พอทำหน้าตกใจผสมโรงเข้าไปอีก กลีบปากบางก็โดนงับเล่นไปหนึ่งที
“หมอจูบผม!!” ใบหน้าหวานเเดงซ่าน แล้วพลิกหนีไปอีกทาง จากที่กลัวจะทำตัวไม่ถูกเพราะหมอเย็นชาใส่ กลับโดนเขาขโมยจูบไปตั้งแต่พบหน้ากัน
“ตื่นแล้วก็กินข้าว จะได้กินยา”
“แต่เมื่อกี๊หมอจูบผม” คนหน้าแดงหันมาเอาความ
จ้องหน้ากันอยู่พักใหญ่ยูซูรุก็ต้องหลับตาปี๋อีกรอบเพราะจู่จู่โชก็ก้มลงมาฉกริมฝีปากเขาเสียอย่างนั้น แค่ประทับแผ่วๆ ก็ทำเอาเลือดลมฉีดพล่านไปทั้งตัว
“คราวนี้กินข้าวได้รึยัง”
คนตัวเล็กถึงกับหน้างอเป็นลิงบาบูน ไม่รู้องค์อะไรลงท่านถึงได้ทะลึ่งตึงตังเหลือเกิน
โชเดินยิ้มร้ายออกไป ทิ้งให้คนหน้ามุ่ยค่อยๆ คลี่ยิ้มเพ้อกับตัวเอง
ถ้วยข้าวต้มหอมกรุ่นมาพร้อมกับยาสองเม็ดและน้ำอีกหนึ่งแก้ว โชวางถาดลงตรงโต๊ะหัวเตียงก่อนจะจัดแจงให้คนป่วยนั่งพิงกองหมอนไว้ เขาระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้กระเทือนไปถึงแผลด้านล่างด้วย
“ป้อนง่ายกว่าเมื่อคืนตั้งเยอะ” นักศึกษาหนุ่มพึมพำเมื่อจัดการส่งข้าวต้มคำแรกเข้าปากคนป่วยเรียบร้อย
ยูซูรุหยุดอากการเคี้ยวหงุบหงับแล้วรีบกลืนทุกอย่างลงคอ “เมื่อคืนหมอป้อนข้าวผมหรอ”
“อื้อ ไม่งั้นจะให้กินยาได้ยังไง”
“ให้กินยาด้วยหรอ..ไม่เห็นจะรู้สึกเลย” คนตัวเล็กเอียงคอน้อยๆ คิ้วขมวดมุ่นเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก พอคิดไม่ออกก็ทำตาแป๋วถามกลับมาอย่างน่ารัก “ป้อนยังไงอ่ะ”
โชถึงกับสะดุ้ง แก้มแดงหน้าร้อนขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ถูก พอโดนรัศมีสายตาแป๋วแหว๋วมากเข้าก็เลยพยักเพยิดส่งๆ ไปที่ปากอิ่มซึ่งยังเผยอข้างอยู่
เดี๋ยวปั๊ด!! จับจูบอีกรอบ
สมองน้อยๆ ประมวลผลอย่างถี่ถ้วน ปกติยูซูรุก็ไม่ได้โง่ แต่คราวนี้กับไขปริศนาไม่ออกซักที ก็คำตอบที่คิดออกมันอาจทำให้หัวเขาระเบิดบึ้มได้นี่นา
“หมอป้อน..ด้วย ..เอ่อ ..” นิ้วเล็กๆ จับกลีบปากตัวเองอย่างเหม่อลอย มาสะดุ้งเอาอีกทีก็ตอนที่มีอะไรอุ่นๆ ไหลเข้าปาก
ง่า…โดนป้อนข้าวภาคพิศดารอีกแล้ว
“คราวนี้ชัดรึยัง”
คนตัวเล็กอายม้วน พยักหน้าหงึกทั้งที่แก้มแดงจัดยิ่งกว่าผลท้อ “แล้ว..ทำไมไม่ปลุกกันบ้างเล่า”
“โกรธหรอ ..?” คนตัวสูงเชยคางให้คนตัวเล็กหันมาสบตา
ปากบางยื่นเป็นเป็ด ดูก็รู่ว่าไม่ค่อยพอใจนักหรอก
“โกรธที่โดนจูบ หรืองอนที่ไม่รู้สึกตัวหึ”
ดวงตาคมวาวนักแถมน้ำเสียงก็ทอดอ้อนเสียหวานยิ่งกว่าพระเอกหนังรัก อย่ามาทำให้ใจมันสั่นมากไปกว่านี้ได้มั้ยหละ
“…ทั้ง…สองอย่าง” ยูซูรุตอบอุบอิบ
“งั้นข้าวต้มชามนี้ป้อนแบบเมื่อคืนดีมั้ย”
ฟังข้อเสนอเเล้วก็ต้องส่ายหน้าพรืด ขืนป้อนแบบนั้นทั้งวันยูซูรุก็ไม่ยอมให้หมดชามหรอก เย้ย!!
.
.
.
ความเปลี่ยนไปของหมอ ทำเอาร่างบางหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อก่อนก็น่ารักดีอยู่แล้ว พอเพิ่มความซนเข้าไปเเบบตอนนี้ยิ่งทำเอาชวนหลงเข้าไปใหญ่ … หมอต้องหยุดไนซ์ด่วน ไม่งั้นยูจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนะ
“นอนคว่ำหน่อยนะ เดี๋ยวผมดูแผลให้”
“เมื่อคืนก็ทายาให้ไปรอบนึงแล้ว จะเขินอีกทำไมหละ” โชปลอบเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของเจ้าตัวน้อย
เล่นเอาอึ้ง…ทั้งที่เห็น…ก็ยังจะดีด้วยอีกหรอ…
อย่าอ่อนโยนไปมากกว่านี้เลยนะ…ขอร้อง
ฝามืออันอบอุ่นค่อยๆ ประคองร่างที่ยังนั่งกึ่งนอนอยู่บนกองหมอนให้คว่ำลง สองมือเกี่ยวเอาขอบกางเกงนอนยางยืดลงมาด้วย ก่อนจะลงมือเหวกก้อนเนื้อกลมกลึงเพื่อตรวจดูบาดแผล
“ไม่ตรงเกร็งนะ ไม่เจ็บนะ…ไม่เจ็บ…” น้ำเสียงละมุนไม่ต่างจากปลอบโยนเด็กน้อยทำเอายูซูรุน้ำตาซึม ฝังหน้าลงกับหมอนนุ่มแล้วกัดมันไว้แน่น
ความเย็นของเนื้อยาและมือที่เบาแบบนักเรียนเเพทย์เพียงครู่เดียวกางเกงก็ถูกดึงขึ้นมาไว้ที่เดิม
โชทอดสายตามองไหล่เล็กที่ไหวระริกเพียงเล็กน้อยแล้วเอายาไปเก็บ ก่อนจะเดินอ้อมไปยังเตียงอีกฝั่งแล้วล้มตัวลงนอน สองมือเกร็งรั้งเอาเอวเล็กคอดเข้ามาใกล้ แถมยังอุ้มให้เจ้าตัวบางจ้อยนั้นขึ้นมาเกยทับอยู่บนตัวเขาอีก
“หมอ..เห็นแล้ว…”
“ฮื่อ..แผลนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หายนะ..”
“หมอ…รู้…”
“ไม่รู้อะไรเลย…ลืมมันซะ…นะครับ”
ริมฝีปากอุ่นๆ จุมพิตซับน้ำตาที่ไหลอาบเเก้มอย่างอ่อนโยน สองฝ่ามือโอบประคองร่างบอบบางไว้อย่างสุดถนอม
“พักผ่อนนะ…ผมจะกอดยูไว้เอง”
น้ำเสียงแม้ไม่หวานแต่การกระทำกับอ่อนโยนจับเนื้อหัวใจ ยูซูรุซบหน้าลงตรงซอกคออุ่นแล้วหลับตาลง นิ้วทั้งสิบกุมเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่มไว้แน่น แม้นเขาจะร้องแทบเป็นแทบตาย แต่อกอุ่นๆ ของผู้ชายคนนี้ก็รับซับมันเอาไว้จนหมด
…..
“
be con"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ถ้าถามว่าตอนนี้ความสุขที่สุดของยูซูรุคืออะไร คงมีแค่คำตอบเดียวเท่านั้นคือ ได้อยู่ใกล้ๆ กับผู้ชายตัวขาวจัด ปากสีแดงสดและสวมแว่นกรอบดำที่ชื่อ อิชิมารุ โช
หลังจากการไปกินไอติมเมื่อวานที่คนตัวเล็กก็เหมาเอาเองว่าเป็นการเดทครั้งแรกจบลง หมอก็ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยการลากกลับไปนอนด้วยกันแล้วมอบจูบราตรีสวัสดิ์อันอ่อนโยนให้ที่หน้าผาก ไม่ว่าคิดถึงมันกี่ครั้งก็เรียกเลือดแดงๆ ให้มาคั่งอยู่ที่พวงเเก้มอิ่มได้เสมอ
“ยู..”
“ยูซูรุ!!”
“คระ ครับ” ใบหน้าหวานลนลานมองหาต้นเสียงืหันซ้ายหันขวาอยู่สองทีก็เจอเจ้านายคนสวยยืนเท้าเอวฉับอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่สวรรค์ปั้นแต่งมาให้งามนักงามหน้าบูดสนิทชนิดที่ถ้าคุณไฮต์มาเห็นคงรีบบอกเลิกโดยด่วน
“บ้ารึเปล่า นั่งยิ้มอยู่คนเดียว” ปล่อยให้ยูซูรุคิดนินทาในใจได้ไม่นานเสียงที่ไม่ใคร่จะหวานนักก็ตามมาสำทับให้ใจหวิวเล่น
“ร้านเปิดแล้ว ออกไปทำงานสักทีซิ” มากิสั่งให้อีกรอบ ก่อนจะส่ายหน้าในความไม่เต็มเต็งของเจ้าพนักงานตัวดี แต่ก็เข้าใจหรอกว่าไออาการเพ้อเหมือนคนสติไม่ครบแบบนี้มันมาจากอะไร
สงสัยเจ้าตัวเล็กจะมีความรักซะแล้วมั้ง…
ยูซูรุทำหน้าจ๋อยได้สองวิ พอลับร่างคนเป็นนายก็กระโดดขึ้นยืนกระฉับกระเฉงเดินไปเช็คเสื้อผ้าหน้าผม พอให้ดูดีเป็นผู้เป็นคนแล้วก็วิ่งตึงๆ ออกไปหน้าร้าน
วันนี้หมอบอกว่าจะมารับตอนเลิกงานด้วย มีความสุขจังเลย
ท่าทางร่าเริงจนดูล้นของยูซูรุคนในร้านก็เข้าใจดี แถมยังทำให้ใบหน้าหวานๆ นั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นไปอีก พอถูกแขกเเเซวเข้าหน่อยก็อายม้วนต้วนให้ได้ฮากันทั้งโต๊ะ
.
.
.
หลังจากช่วยเพื่อนในร้านจัดการเก็บกวาดร้านเรียบร้อย ร่างบางก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินตัวปลิวออกมาตรงลานจอดรถที่นัดกับหมอไว้
ยามดึกสงัดเช่นนี้พื่นที่โล่งๆ ก็ดูน่ากลัวไม่ใช่น้อย รถคันงามหลากสีสันที่เคยจอดกันเต็มพรืดก็กลับว่าเปล่า แถมซ้ำมากิ เจ้าของบาร์ก็ออกไปตั้งแต่ร้านยังไม่ปิดด้วยซ้ำ
ยูซูรุหันซ้ายหันขวา เเหงนหน้ามองพระจันทร์ก็แล้วแต่ทำไมคืนนี้มันแสงน้อยนักก็ไม่รู้ แถมคนที่บอกจะมารอก็หายจ้อย
กลัวผี…
ไม่ทันได้ว่าหมอในใจให้มากไปเกินสองประโยค แสงไฟสว่างจ้าก็สาดกระทบหน้า พร้อมๆ กับ เมอร์ซิเดสเบ็นซ์คลาสซีสีดำสองคันแล่นเข้ามาจอด
ทั้งที่หรี่ตาจนแทบมิดก็ยังพอให้เห็นเค้าร่างอ้วนน่าเกลียดของใครบางคนเดินลงมาจากประตูหลัง
ยูซูรุถึงกับชาวาบไปทั้งตัว ทานาบาตะซัง!!
ชายวัยกลางคนที่มีสภาพไม่ต่างไปจากคางคงน่าเกลียดเดินเข้ามาใกล้ร่างที่ยืนนิ่งเหมือนถูกน้ำแข็งจับ รอยยิ้มร้ายๆ พาดผ่านบนใบหน้าอวบอูม ก่อนที่มือสากๆ จะยกขึ้นลูบเสี้ยวหน้าขาวซีด
“ว่าไงเด็กน้อย ทำไมเมื่อวานไม่อยู่รอฉัน หึ”
“ผะ ผมไม่สบาย คุณมากิบอกไปแล้วไม่ใช่หรือครับ”
รอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุดเเสยะออก พร้อมเสียงไม่พอใจที่เค้นออกมาจากลำคอ
“ไม่สบาย แต่กลับไปดูหนังหนังหน้าระรื่นกับเจ้าหนุ่มนี่”
ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตระหนก มองหน้าชายแก่สลับกับร่างงองุ้มที่ถูกกระชากลงมาจากรถอีกคัน
ลูกน้องร่างสูงใหญ่สองคนล็อกแขนโชไว้คนละข้าง แถมใบหน้าที่เคยดูสดใสกลับปรากฏรอยเขียวช้ำเป็นปื้น
“หมอ..” ยูซูรุวิ่งเข้าไปหวังจะดูให้ชัดแต่กลับถูกทานาบาตะกระชากไว้
“เห็นมันชัดรึยัง”
“ทำไมคุณทำแบบนี้” เสียงหวานละห้อยโหยอย่างน่าสงสาร
“ทำไม ก็เพราะฉันไม่ชอบเด็กไม่ดี ชอบโกหกนะซิ” ดวงตาหยาบโลนมองไล้ไปทั่วร่างบางที่กำลังสั่นระริกด้วยความโกรธ “ทำไม ลีลาฉันไม่ถึงใจรึไง เลยไปให้เจ้าหนุ่มนั้นนอนกก”
“สกปรก!!”
“หึ ไม่ต้องทำมาปากดี เรื่องสกปรกหนะ เธอหนะน่าจะรู้ดีกว่าฉันไม่ใช่หรอ” ไม่พูดเปล่า มือหยาบขยำสะโพกเล็กอย่างจาบจ้วง โชเห็นแล้วก็กัดฟันกรอดพยายามโถมร่างเข้ามาหวังจะช่วยแต่กลับโดนหมัดหนักๆ เข้าที่ช่องท้องแทน
“รู้แล้วใช่มั้ยว่าคืนนี้ต้องไปกับใคร!!” ทานาบาตะถามเสียงดัง
ยูซูรุส่ายหน้ารัวและดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์เพื่อจะให้แขนตนหลุดจากอีกฝ่าย
“ซ้อมมัน จนกว่าหนูน้อยของฉันจะหาคำตอบได้” ชายแก่สั่ง ก่อนจะหัวเราะด้วยเสียงที่น่ารังเกียจที่สุด
“อย่า!! ฮือ..” น้ำจากไหนไม่รู้พุ่งอาบเต็มสองแก้ม ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมาอยู่กับตัวเอง ภาพตรงหน้ามันทำให้ยูซุรุรู้สึกราวกำลังโดนทึ้งเส้นเลือดออกจากขั้วหัวใจ
จะด่าทอ จะทำร้ายก็โปรดมาลงที่เขาเถอะ ทำไมต้องทำหมอด้วย
“หมอ..” เสียงหวานตะโกนจนแตกพร่า
โชเองก็กัดฟันกั้นเสียงร้อง สายตาคมจ้องมองยูซูรุเเน่วแน่
“ยู..อยะ..อย่าไปนะ” อยากจะบอกให้หนักแน่นกว่านี้แต่ทำได้เพียงแค่ขยับปาก ถูกฝ่ามือหนาๆ ตบอีกทีเลือดก็พุ่งกระฉูดแถมยังเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้นจนหมดท่า
ยูซูรุถลาไปประคอง แต่ก็ทำได้แค่เเตะโดนปลายนิ้ว ลูกน้องหน้าโฉดคว้าแขนบอบบางได้ทันก่อนที่คนตัวเล็กจะทรุดนั่ง
ทานาบาตะ ก้าวเข้ามาดูผลงานด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนจะวางเท้าลงไปบนสีข้างของโช
“รู้คำตอบรึยัง”
ดวงตาคมกร้าวของคนที่เจ็บหนักบอกชัดว่าอย่าไป ริมฝีปากสั่นระริกขยับยากเหลือเกิน แต่ถ้อยความที่ส่งผ่านไปให้นั้นชัดแสนชัด “ไม่-ให้-ไป”
แต่แค่นั้นมันจะห้ามได้ฤา แรงเท้าที่อัดกระแทกสีข้างดังลั่น ยูซูรุผวาเข้ากอดขาข้างนั้นแน่น
“พอ…พอแล้ว!! อย่าทำอะไรหมออีกเลยนะ”
ชายแก่ลดตัวลงใช้ฝ่ามือขยุ้มผมสีดำนุ่มขึ้นมาจนใบหน้าหวานแหงนเชิด
“ผะ ผมยอมไปกับคุณแต่คุณต้องปล่อยเค้าไป ตกลงมั้ย” ยูซูรุจ้องหน้าอวบอูมนั้นอย่างอาฆาตแค้น แต่มีหรือคนแบบนั้นจะรู้สึก ริมฝีปากหนาสีคล้ำยกยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องให้หยุดการละเล่นป้ายเลือด
“ยู!!” เสียงที่ดังไม่ต่างจากใบไม้เสียดกันร่ำร้องอย่างเจ็บปวด
ร่างคนที่ตัวเองนอนกอดอยู่กับอกทุกคืนกำลังถูกลากไปขึ้นรถ
ดวงตาสองคู่สบกันยาวนานอ่านออกว่าคนนึงไม่อยากไปเลยและอีกคนก็ไม่ยอมให้ไป แต่แรงมนุษย์สองคนก็มิอาจทัดทานจิตใจที่ต่ำทรามราวภูติผีจากนรกได้
ยูซูรุเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ควรแล้วหรือที่คนดีดีอย่างหมอต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา
ร่างกายสกปรก เน่าเฟะมันก็ควรแล้วที่จะอยู่ในที่ต่ำๆ คนต่ำๆ
ความเจ็บที่หมอเจ็บมันยังน้อยกว่าหัวใจที่กำลังถูกฉีก
ยูซูรุร้องออกมาเป็นน้ำแต่ใครจะรู้ว่าในใจนั้นเลือดสีแดงสดกำลังแล่นพล่านไปทั่วร่าง ฉีดอัดความเจ็บปวดให้ลุกลามไปทั่วทุกอณูเนื้อ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
ช่วยหมอได้แค่นี้เอง แค่รีบยอมตกลงไปกับทานาบาตะซะ หมอจะได้เจ็บตัวน้อยที่สุด
แต่ใครจะรู้ ร่างที่นอนตัวงออยู่กับพื้น มองเห็นเพียงล้อรถสีดำมะเมื่อมวิ่งจากไปก็เจ็บไม่แพ้กัน เจ็บกายมันน้อย ไม่นานก็รักษาหายแต่ความเจ็บที่หัวใจนี่ซิ
แค่ของรักก็รักษาไว้ไม่ได้แล้วจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกันอีก
สิ้นแสงไฟท้ายรถสีแดงฉาน สายตาก็พร่างพรายด้วยสิ่งที่แดงกว่า เลือดข้นๆ มันชะโลมหลั่งตั้งแต่หัวคิ้วจนมาปิดกลบตาเสียแน่น ซ้ำร้ายสติก็ดูจะค่อยๆ ระเหยหายไปกับอากาศเสียด้วย
.
.
.
“ร้องซิ ครางออกมาให้ได้ยินหน่อย!!” เสียงตวาดดังลั่นห้องพักหรูในโรงแรมระดับห้าดาว
ร่างอ้วน มะเมื่อมไปด้วยไขมันกำลังคร่อมทับอยู่บนเด็กตัวน้อยที่นอนกัดปากเงียบ ดวงตากลมเหม่อลอยไปไกลแสนไกล ไม่รับรู้ถึงแรงขย่มอันบ้าคลั่งที่ถาโถมใส่เบื้องล่างตัวเองแม้แต่น้อย
เลือดกี่หยดแล้วที่ไหลซึมรดผ้าปูที่นอนสีหวาน
กี่หยาดหยดของอารมณ์ดำมืดที่กลั่นออกมาจากพิษตัณหาภายในใจคนแก่คราวพ่อ
ยูซูรุไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าแรงฟันที่กัดลงมาบนหัวไหล่ ไหปลาร้าและยอดอกเจ็บเพียงไร อุปกรณ์โหดร้ายที่ฝังเข้าไปในร่างไม่รู้หวังให้มีความสุขหรือทรมานกันแน่ สารพัดวิธีและท่าปะหลาดที่ทานาบาตะสรรหามาเล่น ทำได้ก็ทำไป ก็เขาเป็นแค่ตุ๊กตา เป็นแค่เนื้อหนังที่ใช้ระบายความใคร่ ใยเลยต้องมีความรู้สึกหรือตอบสนองให้ได้ดังใจเจ้าของต้องการ
“ทำไม ลีลาฉันมันไม่ถึงใจเท่าเจ้าเด็กนั้นหรือไงเลยคิดหนี หึ!!”
กัดฟันทำหน้านิ่ง มีเพียงดวงตาเเสนชิงชังเท่านั้นเป็นคำตอบ
ยิ่งดื้อเท่าไหร่บทลงโทษก็ยิ่งหนัก เมื่อเล่นด้วยเล่ห์ไม่ได้ก็ต้องเอาด้วยกล ยาเม็ดบางอย่างถูกยัดใส่เข้าไปในร่างกายที่แสนบอบช้ำ ความร้อนจากกิจกรรมที่ดำเนินมาแสนนานทำให้มันละลายและดูดซึมได้ดีนัก ไม่นานอาการเลือดฉีดพล่านก็กำเริบ แถมความรู้สึกต้องการที่เคยถูกกดทับไว้ด้วยความโกรธก็ถูกพังลง
ยูซูรุอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายนัก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะดันมีบางอย่ามาคาดไว้ตรงปาก
ร่างกายทีี่ไม่ยอมตอบสนองในตอนแรกบัดนี้กับส่ายร่อนสอดรับกับอีกฝ่ายอย่างน่ารังเกียจ
ดวงตาคู่กลมเอ่อท้นด้วยน้ำตาแต่กลับฉ่ำหวานอยู่ในแสงไฟสีส้ม เด็กน้อยปิดมันลงอย่างเจ็บปวด อย่าให้เห็นภาพร่างอันโสมมของตัวเองไปมากกว่านี้อีกเลย
เสียงร้องที่ชายแก่อยากได้ก็ดังแล้ว การตอบสนองอย่างร้อนแรง หื่นกระหายก็ได้แล้ว
ไม่รู้สติหลุดลอยไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ภาพที่ลืมตาขึ้นมาเห็นก็คงเป็นใบหน้าอวบอูมมันเยิ้มไม่ต่างจากคางคกอยู่ใกล้ๆ กลิ่นสาบเหงื่อชวนคลื่นไส้ลอยอบคลุ้งไปกับกลิ่นคาวเลือดและคราบกามตันหา
ยูซูรุหลับตาลงอีกครั้งภาวนาว่าขอให้มันเป็นแค่ฝันร้ายก็พอหรือไม่ก็ถ้าพระเจ้าทรงเมตตาซักหน่อยก็ช่วยประทานพรให้เขาอย่าลืมตาขึ้นมาอีกเลยเถอะนะ…
.
.
.
สภาพห้องสวยงามหรูหราไม่ได้ช่วยจรรโลงใจเลยซักนิด เพียงแค่ตัวเตียงขนาดกว้างก็พอแล้วที่จะสร้างตราบาปให้ห้องราคาแพงนี้ไปอีกชั่วลูกชั่วหลาน ร่างบอบบางสีช้ำเลือดช้ำหนองนอนคุดคู้อยู่ริมหนึ่ง มีผ้าห่มวางพาดอยู่หมิ่นๆ หยาดโลหิตเป็นกองใหญ่วางแปะอยู่รวมกับคราบน้ำสี่ขุ่นขาว มันไม่ใช่ปฏิมากรรมที่งดงามเลย เพราะจิตรกรผู้สร้างนั้นเป็นเพียงส่วนดำมืดในจิตใจมนุษย์เท่านั้น หรือที่จริงแล้วมันก็แค่ปิศาจราคะเฒ่าในคราบคนดีของมหานครที่เต็มไปด้วยความหลอกลวงทั้งนั้น
แพขนตางอนค่อยๆ กระพริบปริบ รู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าที่เเล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย กลิ่นคาวคลุ้งยังลอยกรุ่นอยู่ตรงปลายจมูกนี้เอง และแม้ว่าเครื่องปรับอากาศในห้องจะเย็นเท่าไหร่แต่ทั่วทั้งร่างก็ยังรู้สึกเหนียวหนืดน่าอึดอัดอยู่ดี
แขนเรียวล้ายิ่งกว่าล้าแต่ก็ฝืนควานเปะปะเพื่อหยิบนาฬิกาขึ้นดู
สี่โมงเย็นของวันถัดมา นี่เขาสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเลยอย่างนั้นหรือ ไม่ซิจะพูดให้ถูกคือสลบไปตอนกี่โมงไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะโดนขมขื่นแบบไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยต่างหาก
ยูซูรุพยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก พยายามคิดให้ขำว่าเขาไปเป็นทหารรับใช้ชาติและกรำศึกมาแรมเดือนโดยไม่ได้พัก ทั่วทั้งร่างมันถึงอ่อนล้าได้ถึงขนาดนี้
ทั้งแขน ขาเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง หรือที่จริงเส้นเลือดเส้นเอ็นมันจะหลุดไหลจากข้อต่อออกไปหมดแล้วหละ
นั่งพิงหัวเตียงหอบหายใจเข้าออกอยู่พักใหญ่ ก็ค่อยๆ คลานไปยังห้องน้ำ สภาพหมาขี้เรื้อนข้างถนนยังดูดีกว่าเขาเลย อย่างน้อยมันก็เลือกได้ว่าจะมีชีวิตยังไงไม่ใช่เขา
น้ำอุ่นที่สาดรดร่างเปลือยเปล่าอยู่เกือบสองชั่วโมงเต็ม คนตัวเล็กทรุดนั่งลงกลางสายน้ำฝอยสีใส น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ปล่อยใจให้ลอยไปไกลแสนไกล หวังว่าอย่างน้อยทั้งชีวิตที่ผ่านมามันเป็นแค่ฝันเท่านั้น
.
.
.
เงินปึกใหญ่ที่ถูกวางไว้ตรงหัวเตียง มือเล็กๆ ที่ยังปรากฏรอยช้ำกวาดมาหมด เขาเลือกหย่อนลงตู้บริจาคใบแรกที่เห็น ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะถูกนำไปช่วยใคร แค่รู้ว่ามันจะทำให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นเท่านั้นก็พอแล้ว
ร่างเล็ก บางจ้อยลากสังขารตัวเองไปที่ตึกแปดชั้นแสนคุ้นเคย พลบค่ำแล้ว ตะวันลับฟ้าไปตอนไหนก็มองไม่เห็นเพราะความศิวิไลซ์มันบังไว้จนหมด
ขึ้นลิฟต์แล้วใช้ผนังประคองตัวเองมาจนถึงห้องริมสุดก่อนจะกองแปะอยู่ตรงนั้น
คนที่หัวใจมันเรียกหาอยู่ตลอดทุกวินาทีไม่อยู่ ลูกกุญแจดอกใหญ่ยังขบอยู่ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นตรงริมฝีปากบวมเจ่อ ไม่นานก็จะได้เจอแล้ว ไม่นาน…
หวังแค่หมอจะรับคำขอโทษเขาก็พอ…
ขอโทษ…หมอ…ยูุ…ขอโทษ
.
.
.
รถสปอร์ต BMW จอดเทียบตรงหน้าตึกเเปดชั้น ก่อนจะมีร่างสูงโปร่งก้าวลงมาจากด้านข้างคนขับ ส่งมือโบกโบยล่ำรากันชั่วครู่ กรอบร่างนั้นก็หายเข้ามาในตัวตึก
โชเดินเอื่อยๆ ขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ โดยไม่พึ่งลิฟต์ ถึงห้องเขาจะอยู่ชั้นบนสุดแต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าพิศมัยจนต้องรีบขึ้นไปขนาดนั้น
ความเงียบของแต่ละชั้นกับลมหนาวที่พัดลอดช่องหน้าต่างบันไดหนีไฟเข้ามากรีดเนื้อจนเจ็บชะมัด นาฬิกาข้อมือเรือนเก่าบ่งบอกเวลาตีสี่แล้ว นี่เขาไปนั่งพล่ามอยู่กับเร็นถึงดึกดื่นป่านนี้เชียว
พอโผล่พ้นบันไดมาได้เท้าก็ชะงัก เงาร่างบางอย่างกองอยู่ตรงหน้าประตูห้องเขา อาจจะเป็นเพราะความมืดมิดยามราตรีกาลกอรปกับแสงไฟนีออนวัตต่ำทำให้มองไม่ชัดนักว่ามันคืออะไร
ค่อยๆ เดินเลาะผนังไปเรื่อยๆ จนถึงกลางทางเท้าทั้งคู่ถึงกับชะงัก แม้ตรงทางเดินจะสลัวแต่ดวงตากลมโตที่เงยขึ้นมาสบไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าของเป็นใคร
โชไม่เคยใจเต้นหนักเท่านี้มาก่อน จะเรียกว่าตกใจสุดขีดก็คงจะถูก จากที่ตัวเเข็งทื่อ เลือดลมก็เริ่มวิ่งพล่านโทสะจุกอกสั่งให้เขาหันหลังกลับแล้วถอยเท้าหนี
เสียงตึงตังดังตามมาไล่หลัง และมันก็ทันตรงชานพักบันไดพอดี
สองมือสอดเข้าโอบรัดรอบเอว ทั้งร่างบางโถมกอดคนที่คอยมาเกือบทั้งคืนแน่น แนบหน้าลงไปจนได้ยินเสียงหัวใจสะท้อนก้องมาจากในอก
เงียบกริบและนิ่งงัน…
“หมอ…ผมขอโทษ…ผมขอโทษ” ยูซูรุพร่ำบอกอยู่แค่นั้นเอง
เขามีค่าอะไรให้มาขอโทษเพราะแม้แต่จะปกป้องก็ยังทำไม่ได้
อิชิมารุ โช ค่อยๆ แกะนิ้วที่ยึดเกี่ยวเสื้อเขาแน่น ความเปียกที่ซึมผ่านกลางหลังก็บอกให้รู้แล้วว่าเด็กน้อยแสนขี้เเยเพียงใด แต่ไม่คิดจะหันไปปลอบหรอกที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงเดินไปข้างหน้าเพื่อหนีเท่านั้น
สองมือตกลงพร้อมเสียงที่เบาบางไม่ต่างจากการกระซิบ “หมอ…ยูซูรุขอโทษ..
โชก้าวเดินออกไปแล้วและจะไม่หันกลับมาเลยถ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้น
“ยู!!” ร่างสูงถลาเข้าไปรับร่างที่เข่าทรุดลงบทพื้นและหน้ากำลังจะฟาดลง
“ยู..” หมอลองเรียกอีกครั้งแต่คนในอ้อมเเขนกลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย ไอร้อนผ่าวที่แผ่ซ่านออกมาบอกให้รู้ชัดว่าเด็กน้อยไม่สบาย
ดวงตากลมปิดสนิทแถมทั้งร่างยังอ่อนไปหมด
ทำไมเขาถึงได้โง่เง่าแบบนี้นะ ยูซูรุคงมารอเขานานแล้ว อากาศนั้นก็ไม่ใช่จะอุ่่นๆ เลย ลมหนาวพัดมาทีกรีดไปถึงขั้วหัวใจ แล้วร่างบอบบบางแบบนี้จะทนได้ฤา
สองขายาวก้าวเร็วๆ ไปยังห้อง ลนลานไขกุญแจแล้วก็พาคนป่วยไปวางลงบนเตียงด้วยความทะนุถนอม
กะละมังใบน้อยลอยผ้าสะอาดถูกนำมาวางข้างเตียง ก่อนคนมือเบาจะค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ติดถึงลำคอ
เพียงแค่เม็ดแรกถูกปลดออก มือขาวก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งปลดลึกลงไป น้ำตาของคนใจเเข็งก็พาลจะไหลลงมาให้ได้
แผ่นอกบางเล็กเต็มไปด้วยรอยช้ำจนน่ากลัวว่าคนเป็นเจ้าของทนมาได้อย่างไร
โชถอดเสื้อให้ยูซูรุอย่านุ่มนวล เขาไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย หลังจากจัดการเช็ดตัวให้อย่างถนอมที่สุด กางเกงยีนส์ขายาวสีซีดก็ถูกถอดตามมา สภาพขาเรียวไม่ต่างไปจากส่วนอื่นเลย ทั้งรอยฟันและจ้ำเขียวช้ำเต็มไปหมด
นักศึกษาเเพทย์หนุ่มค่อยๆ บรรจงเช็ดไล่ความร้อนให้ร่างที่ไม่ได้สติทีละเล็กละน้อย ขยีบตัวเจ้าตัวเล็กให้ไม่บ่อยครั้งมากที่สุด เมื่อด้านหน้าเสร็จก็จัดการพลิกอย่างเบามือที่สุด
จะมีตรงไหนของร่างนี้บ้างมั้ยที่ไม่มีรอยช้ำเหล่านี้ โชก้มลงจุมพิตหัวไล่บอบบางราวกับะดูดซับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้เอง ไอร้อนจากร่างที่นอนหายใจรวยรินบอกเขาว่าเจ้าตัวซนคงป่วยไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากเช็ดตัวจนทั่ว ที่ที่โชไม่อยากเห็นที่สุดก็ถูกเปิดเผย ทั้งที่ทำใจไว้แล้วเพราะเห็นรอยจากส่วนอื่นๆ แต่ตรงนี้กลับหนักหนากว่านัก รอยแผลฉีกขาดเป็นทางยาวแถมรอยเลือดเกรอะกรัง เจ้าตัวคงล้างทาแล้วรอบหนึ่งแต่เลือดมันคงไม่หยุดไหลง่ายๆ
ชายหนุ่มเดินไปเอากล่องยามาแล้วนั่งลงปรรจงเช็ดแผลให้อย่างไม่รังเกียจ ตามด้วยล้างด้วยยาฆ่าเชื้อแล้วทายาแก้แผลสดแบบระคายเคืองน้อยที่สุดให้ เสียงครางด้วยความเจ็บดังเบาๆ มาจากคนที่ยังไม่ได้สติ แค่นั้นโชก็ต้องเบามือกว่าเดิม
สุดท้ายร่างสูงก็สวมชุดนอนของเขาให้เจ้าตัวเล็กแล้วจัดการป้อนอาหารเหลวให้ แน่นอนว่าต้องใช้วิธีผ่อนถ่ายทางปากเพราะคนป่วยยังไม่ได้สติ
ลิ้นร้อนเลียไล่ความแห้งแตกที่กลีบปากบอบบางเบาๆ แล้วก็จัดการส่งอาหารเข้าไปใหม่ ยูซูรุเองก็ว่าง่ายยอมกลืนลงไปโดยดี ลิ้นเล็กๆ นั้นตอบสนองอย่างไร้เดียงสาจนโชอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้
เมื่อมีของรองท้องเรียบร้อยก็จัดการปิดท้ายด้วยการป้อนยาแก้ไข้และเเก้อักเสบให้อย่างละเม็ด
“ฝันดีนะครับ” จุมพิตราตรีสวัสดิ์แสนอ่อนโยนประทับลงบนหน้าผากมน ผ้านวมผืนหน้าถูกยกมาปิดให้จนถึงคอพร้อมสายตาห่วงอาทร
“หายไวไวนะ…ยู”
.
.
.
ยูซูรุรู้สึกตัวพร้อมอาการปวดไปทั้งร่างแม้จะไม่เจ็บเท่าวันก่อน แต่เขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถขยับส่วนไหนในร่างกายได้สะดวกเลยนอกจากดวงตา
แพขนตาขยับเปิดขึ้นเพื่อให้เห็นอะไรได้ชัด ภาพห้องไม่สว่างจัดนักแต่ก็พอมองรู้ว่าเป็นห้องของใคร
“หมอ…” เสียงแหบครางในลำคอ ลำดับเหตุการณ์คร่าวๆ แล้วจึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่มีสติรับรู้อีกเลยหลังจากได้กอดแผ่นหลังกว้างๆ นั้นไว้…ไม่รู้..คำว่าขอโทษ จะดังไปถึงคนคนนั้นรึยัง
ตื่นมา…เหงา…จนนึกขำตัวเองไม่ได้ หวังจะให้เห็นหมอนั่งกุมมืออยู่ข้างเตียงรึไง ไม่ใช่ซีรี่ย์ในทีวีนะ แค่เขาเอามานอนบนเตียงนี้ก็ดูเหมือนจะทำบุญมากพอแล้ว
เสียงฝีเท้าเบาเป็นเอกลักษณ์ดังมาเป็นสัญญาณให้รู้ว่าคนที่คิดถึงกำลังจะโผล่พ้นขอบตู้เข้ามาสู่เขตที่ใช่หลับนอน ดวงตากลมเหม่อลอยรีบหลับลงเพื่อซ่อน (หนี) ยูซูรูยังไม่กล้าจะสู่หน้าหมอตรงๆ
นอกจากจะเดินเข้ามาใกล้แล้ว ไออุ่นก็เหมือนจะชิดหน้าเขาลงมาเรื่อยๆ
สัมผัสนุ่มๆ แตะลงแผ่วเบาที่หน้าผาก ก่อนจะเป็นเสียงหัวเราะขันในลำคอ “รู้นะว่าตื่นเเล้ว”
ยูซูรุเบิกตาโพลง คงลืมนึกไปว่าคนขี้เเกล้งยังอยู่แค่ระยะลมหายใจรดกัน พอทำหน้าตกใจผสมโรงเข้าไปอีก กลีบปากบางก็โดนงับเล่นไปหนึ่งที
“หมอจูบผม!!” ใบหน้าหวานเเดงซ่าน แล้วพลิกหนีไปอีกทาง จากที่กลัวจะทำตัวไม่ถูกเพราะหมอเย็นชาใส่ กลับโดนเขาขโมยจูบไปตั้งแต่พบหน้ากัน
“ตื่นแล้วก็กินข้าว จะได้กินยา”
“แต่เมื่อกี๊หมอจูบผม” คนหน้าแดงหันมาเอาความ
จ้องหน้ากันอยู่พักใหญ่ยูซูรุก็ต้องหลับตาปี๋อีกรอบเพราะจู่จู่โชก็ก้มลงมาฉกริมฝีปากเขาเสียอย่างนั้น แค่ประทับแผ่วๆ ก็ทำเอาเลือดลมฉีดพล่านไปทั้งตัว
“คราวนี้กินข้าวได้รึยัง”
คนตัวเล็กถึงกับหน้างอเป็นลิงบาบูน ไม่รู้องค์อะไรลงท่านถึงได้ทะลึ่งตึงตังเหลือเกิน
โชเดินยิ้มร้ายออกไป ทิ้งให้คนหน้ามุ่ยค่อยๆ คลี่ยิ้มเพ้อกับตัวเอง
ถ้วยข้าวต้มหอมกรุ่นมาพร้อมกับยาสองเม็ดและน้ำอีกหนึ่งแก้ว โชวางถาดลงตรงโต๊ะหัวเตียงก่อนจะจัดแจงให้คนป่วยนั่งพิงกองหมอนไว้ เขาระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้กระเทือนไปถึงแผลด้านล่างด้วย
“ป้อนง่ายกว่าเมื่อคืนตั้งเยอะ” นักศึกษาหนุ่มพึมพำเมื่อจัดการส่งข้าวต้มคำแรกเข้าปากคนป่วยเรียบร้อย
ยูซูรุหยุดอากการเคี้ยวหงุบหงับแล้วรีบกลืนทุกอย่างลงคอ “เมื่อคืนหมอป้อนข้าวผมหรอ”
“อื้อ ไม่งั้นจะให้กินยาได้ยังไง”
“ให้กินยาด้วยหรอ..ไม่เห็นจะรู้สึกเลย” คนตัวเล็กเอียงคอน้อยๆ คิ้วขมวดมุ่นเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก พอคิดไม่ออกก็ทำตาแป๋วถามกลับมาอย่างน่ารัก “ป้อนยังไงอ่ะ”
โชถึงกับสะดุ้ง แก้มแดงหน้าร้อนขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ถูก พอโดนรัศมีสายตาแป๋วแหว๋วมากเข้าก็เลยพยักเพยิดส่งๆ ไปที่ปากอิ่มซึ่งยังเผยอข้างอยู่
เดี๋ยวปั๊ด!! จับจูบอีกรอบ
สมองน้อยๆ ประมวลผลอย่างถี่ถ้วน ปกติยูซูรุก็ไม่ได้โง่ แต่คราวนี้กับไขปริศนาไม่ออกซักที ก็คำตอบที่คิดออกมันอาจทำให้หัวเขาระเบิดบึ้มได้นี่นา
“หมอป้อน..ด้วย ..เอ่อ ..” นิ้วเล็กๆ จับกลีบปากตัวเองอย่างเหม่อลอย มาสะดุ้งเอาอีกทีก็ตอนที่มีอะไรอุ่นๆ ไหลเข้าปาก
ง่า…โดนป้อนข้าวภาคพิศดารอีกแล้ว
“คราวนี้ชัดรึยัง”
คนตัวเล็กอายม้วน พยักหน้าหงึกทั้งที่แก้มแดงจัดยิ่งกว่าผลท้อ “แล้ว..ทำไมไม่ปลุกกันบ้างเล่า”
“โกรธหรอ ..?” คนตัวสูงเชยคางให้คนตัวเล็กหันมาสบตา
ปากบางยื่นเป็นเป็ด ดูก็รู่ว่าไม่ค่อยพอใจนักหรอก
“โกรธที่โดนจูบ หรืองอนที่ไม่รู้สึกตัวหึ”
ดวงตาคมวาวนักแถมน้ำเสียงก็ทอดอ้อนเสียหวานยิ่งกว่าพระเอกหนังรัก อย่ามาทำให้ใจมันสั่นมากไปกว่านี้ได้มั้ยหละ
“…ทั้ง…สองอย่าง” ยูซูรุตอบอุบอิบ
“งั้นข้าวต้มชามนี้ป้อนแบบเมื่อคืนดีมั้ย”
ฟังข้อเสนอเเล้วก็ต้องส่ายหน้าพรืด ขืนป้อนแบบนั้นทั้งวันยูซูรุก็ไม่ยอมให้หมดชามหรอก เย้ย!!
.
.
.
ความเปลี่ยนไปของหมอ ทำเอาร่างบางหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อก่อนก็น่ารักดีอยู่แล้ว พอเพิ่มความซนเข้าไปเเบบตอนนี้ยิ่งทำเอาชวนหลงเข้าไปใหญ่ … หมอต้องหยุดไนซ์ด่วน ไม่งั้นยูจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนะ
“นอนคว่ำหน่อยนะ เดี๋ยวผมดูแผลให้”
“เมื่อคืนก็ทายาให้ไปรอบนึงแล้ว จะเขินอีกทำไมหละ” โชปลอบเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของเจ้าตัวน้อย
เล่นเอาอึ้ง…ทั้งที่เห็น…ก็ยังจะดีด้วยอีกหรอ…
อย่าอ่อนโยนไปมากกว่านี้เลยนะ…ขอร้อง
ฝามืออันอบอุ่นค่อยๆ ประคองร่างที่ยังนั่งกึ่งนอนอยู่บนกองหมอนให้คว่ำลง สองมือเกี่ยวเอาขอบกางเกงนอนยางยืดลงมาด้วย ก่อนจะลงมือเหวกก้อนเนื้อกลมกลึงเพื่อตรวจดูบาดแผล
“ไม่ตรงเกร็งนะ ไม่เจ็บนะ…ไม่เจ็บ…” น้ำเสียงละมุนไม่ต่างจากปลอบโยนเด็กน้อยทำเอายูซูรุน้ำตาซึม ฝังหน้าลงกับหมอนนุ่มแล้วกัดมันไว้แน่น
ความเย็นของเนื้อยาและมือที่เบาแบบนักเรียนเเพทย์เพียงครู่เดียวกางเกงก็ถูกดึงขึ้นมาไว้ที่เดิม
โชทอดสายตามองไหล่เล็กที่ไหวระริกเพียงเล็กน้อยแล้วเอายาไปเก็บ ก่อนจะเดินอ้อมไปยังเตียงอีกฝั่งแล้วล้มตัวลงนอน สองมือเกร็งรั้งเอาเอวเล็กคอดเข้ามาใกล้ แถมยังอุ้มให้เจ้าตัวบางจ้อยนั้นขึ้นมาเกยทับอยู่บนตัวเขาอีก
“หมอ..เห็นแล้ว…”
“ฮื่อ..แผลนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หายนะ..”
“หมอ…รู้…”
“ไม่รู้อะไรเลย…ลืมมันซะ…นะครับ”
ริมฝีปากอุ่นๆ จุมพิตซับน้ำตาที่ไหลอาบเเก้มอย่างอ่อนโยน สองฝ่ามือโอบประคองร่างบอบบางไว้อย่างสุดถนอม
“พักผ่อนนะ…ผมจะกอดยูไว้เอง”
น้ำเสียงแม้ไม่หวานแต่การกระทำกับอ่อนโยนจับเนื้อหัวใจ ยูซูรุซบหน้าลงตรงซอกคออุ่นแล้วหลับตาลง นิ้วทั้งสิบกุมเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่มไว้แน่น แม้นเขาจะร้องแทบเป็นแทบตาย แต่อกอุ่นๆ ของผู้ชายคนนี้ก็รับซับมันเอาไว้จนหมด
…..
“
be con"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น