ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พระศุกร์พึ่งจะผ่าน พระเสาร์ก็พานมาแกล้ง
เจ้าหนี้สุดป่วนกับลูกหนี้ตัวแสบ chapter 2
   
หลายวันมานี้คุณหนูของเราทำงานตัวเป็นเกลียว ตลอด 17 ปีรวมกันคงไม่เคยออกแรงมากขนาดนี้มาก่อนกระมัง ตื่นเช้าก็ไปทำงานที่ซุปเปอร์มาเกตจนถึงบ่าย แล้วก็ต่อด้วยเป็นพนักงานขายที่ร้านอาหารฟาสฟูดส์ ตอนค่ำก็เป็นพนักงานเสริฟที่ร้านอาหาร ช่างเศร้าจริงๆชีวิต
ขณะที่สาวน้อยทายาทตระกูลคูลท์กำลังทำงานเป็นพนักงานเสริฟอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านธุรกิจของเมือง  ที่หน้าร้านก็ปรากฏชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมมีเสน่ห์เดินเข้ามา เขาเลือกนั่งที่มุมเงียบๆริมห้องกระจก ซึ่งภายในจัดตกแต่งเป็นสวนญี่ปุ่น
“รับอะไรดีครับ” บริกรหนุ่มเข้ามาบริการ
   
“เสต๊กเนื้อครับ แล้วก็ไวน์แดง” คุโรโร่บอก
   
“รับอะไรอีกมั้ยครับ”
     
“ไม่ละ”
หลังรับออร์เดอร์เสร็จบริการผู้นั้นก็ล่าถอยไป
เจ้าของ Lucifer Cooperation กวาดสายตามองไปรอบร้าน แล้วก็ได้เห็นเป้าหมายที่ต้องการ เด็กสาวรูปร่างบางระหง ในชุดเครื่องแบบของทางร้าน ดูน่ารักไปอีกแบบ ด้วยผิวพรรณที่ขาวผ่อง เรือนผมสีเหลืองทองสว่างทำให้เธอดูโดดเด่นกว่าพนักงานคนอื่นๆในร้าน เด็กสาวเดินเสริฟโต๊ะนู่นโต๊ะนี้อย่างแข็งขัน โค้งหงึกๆขอบคุณลูกค้าที่ทานเสร็จไปแล้วท่าทางเหนื่อยน่าดู
   
....................................................................   
“คุราจัง ช่วยเอาอาหารไปเสริฟโต๊ะนู่นหน่อย เราปวดฉี่” บริกรที่รับออร์เดอร์จากคุโรโร่ส่งถาดอาหารให้เพื่อนสาวเสียดื้อๆแล้วก็เดินตัวปลิวไปยังหลังร้าน
   
“ อ้าว...อะไรเนี่ยะ” คุราปิก้าร้อง แต่ก็ทำตามที่เพื่อนขอเพราะมันสุดวิสัยจริงๆ
   
“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่ได้มองหน้าของผู้ที่นั่งมองเธออยู่แม้แต่น้อย ยกจานอาหารวางลง ตามด้วยรินไวน์ลงแก้ว
   
“ว้าย!!” คุโรโร่แอบเอานิ้วจี้เอวคุราปิก้า ทำให้เธอเผลอทำไวน์หกเลอะเสื้อและกางเกงของเขา
   
“เอ๊ะ!!คุณ อีกแล้วหรอ!!” สาวน้อยส่งสายตาอาฆาต อยากชกหน้าหล่อนั้นซักหมัดให้หายซ่า
   
“เธอทำไวน์หกรดเสื้อผ้าฉันยังไม่รีบเช็ดอีก” เจ้าหนี้คนหล่อยักคิ้วให้  อย่างก่อกวนทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด
   
“ไม่! เรื่องอะไรละ คุณหาเรื่องเองนี่นา มีอย่างที่ไหนเอานิ้วมาจี้เอวคนกำลังรินไวน์” ลูกหนี้คนสวยเถียงดังลั่นร้าน
“จุ๊ จุ๊ กลัวเจ้าของร้านจะไม่รู้หรือไงว่าเธอทะเลาะกับแขก” เขายิ้มยั่ว
   
“อีตาบ้าเอ้ย” คุราปิก้าขยี้เท้าอย่างสุดทน แต่เสียงของเธอในครั้งแรกก็ดังพอที่จะทำให้เจ้เจ้าของร้านเดินมา
   
“ขอโทษค่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือค่ะ” หญิงสาววัยกลางคนผู้มีแววว่าเขี้ยวไม่ใช่เล่นถาม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ....” คุโรโร่เหล่ตาไปทางสาวน้อยคู่กรณีที่ยืนหน้าซีดอยู่แล้วเอ่ยต่อแบบไม่ตั้งใจว่า  “แค่... เด็กของคุณทำไวน์เลอะสูทราคาแพงของผม เท่านั้นเอง” เขาพยายามพูดให้เหมือนมันเป็นเรื่องเล็ก แต่คุราปิก้าโกรธจนแทบจะกระโดดขย้ำคอเขา
   
“คุราปิก้า!!” เจ้าของร้านเรียกชื่อเธอเสียงเข้ม “ รีบขอโทษแขกเดี๋ยวนี้ แล้วก็ทำความสะอาดซะด้วย ”
แล้วเธอก็หันมาพูดกับคุโรโร่ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ ฉันจะไล่เธอออกอยู่แล้วค่ะ มาทำงานได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็ก่อเรื่องกับแขกไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว พนักงานซุ่มซ่ามแบบนี้เลี้ยงไม่ไหว
จริงดังคำของเจ้าของร้านพูด ตั้งแต่คุราปิก้ามาทำงานที่นี้เธอก็สะดุดหกล้มทำอาหารหกบ้าง อาหารเลอะแขกบ้าง และอีกสารพัดสร้างเรื่องปวดหัว แต่บรรดาผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น พนักงานของ Lucifer Cooperation ทั้งนั้น .คงเดาออกนะว่าใครสั่งมาให้แกล้งสาวน้อยคนนี้
   
“แต่หนู...” คุราปิก้าฟังคำตัดสินแล้วเหมือนจะร้องไห้ พยายามยื่นอุทธรณ์
   
“ไม่ต้องมาแต่ ทำตามที่ฉันบอก..แล้วหมดวันนี้ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว” เจ้าของร้านพูดจบก็หันไปขอโทษขอโพยลูกค้าคนหล่ออีกครั้งหนึ่งก่อนจะเดินนวยนาดกลับไป
เมื่อเจ้าของร้านเดินจากไป คุราปิก้ารู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งดวงตา อะไรกันเธอพยายามทำงานดีที่สุดแล้วนะ ทำไมต้องให้เธอออกจากงานด้วย ดูตัวต้นเหตุซินั่งอมยิ้มสบายใจอยู่ได้ มันน่าฆ่าทิ้งนัก!!
   
“เอ้าผ้า เช็ดซะซิ” คุราปิก้ายื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดให้เขาอย่างเสียไม่ได้
   
“สะใจมากมั้ยละที่ทำให้ฉันโดนไล่ออกได้นะ” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่
   
“มาเช็ดซิ อย่าลืมนะเจ้าของร้านเค้าบอกให้เธอขอโทษและก็ทำความสะอาดเสื้อผ้าฉัน” ฝ่ายที่ทำผิดยังไม่ยอมสำนึก ยังคงแกล้งอีกฝ่ายต่อไป
   
หญิงสาวยื่นมือไปกระชากผ้าเช็ดหน้าจากมือชายหนุ่ม ก้มลงซับรอยเปื้อนบนเสื้อสูทสีดำ
เมื่อเช็ดที่หน้าอกเสร็จสาวเสริฟผู้น่าสงสารก็ทรุดตัวลงนั่งเพื่อซับคราบไวน์ที่หน้าขาของอีกฝ่าย ระหว่างที่ซับคราบของเหลวสีแดงอยู่นั้นของเหลวสีใสเป็นดวงๆกลับปรากฏขึ้นบนกางเกงแทน ร่างบางสั่นเบาๆด้วยแรงสะอื้น
   
คุโรโร่ก็ตกใจอยู่ไม่น้อย...นี้เขาทำรุนแรงไปรึเปล่า
   
“พอแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ
   
คุราปิก้าเงยหน้าขึ้นช้าๆ น้ำตาอาบสองพวงแก้มน่าสงสาร
เธอยืนขึ้นแค่นเสียงพูดอย่างเย็นชา “ฉันขอโทษคะคุณลูกค้า ฉันมันซุ่มซ่าม ไม่ได้เรื่อง พอใจรึยังค่ะ!!” ว่าจบหญิงสาวก็วิ่งผละไป
   
...................................... ............................................
   
หลังเลิกงานคุราปิก้าเดินกลับบ้านอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง คฤหาสน์หลังโตที่เคยมีแต่ความอบอุ่นบัดนี้วังเวงเหมือนปราสาทผีสิงไม่มีผิด เข้า
บ้านไม่ทันที่จะได้นั่งพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอจึงรีบเดินไปรับ
   
“สวัสดีคะ บ้านตระกูลคูลท์ค่ะ”
   
“ขอสายคุณคุราปิก้า คูลท์ครับ”
   
“กำลังพูดอยู่ค่ะ”
   
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารนะครับ ถ้าวันพรุ่งนี้คุณไม่มีเงินมาจ่ายค่าคฤหาสน์ที่คุณพ่อของคุณได้จำนองไว้กับธนาคาร ทางเราจะส่งคนไปยึดทรัพย์ของคุณแล้วนะครับ...” ปรายสายบอกกล่าวประโยคเรียบๆแต่ยากรับไหว โทรศัพท์แทบจะหล่นลงจากมือเด็กสาว
   
“ทำไมพึ่งมาแจ้งตอนนี้ละค่ะ แล้วฉันจะหาเงินจากที่ไหนได้ทัน”
   
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่เราได้ผ่อนผันให้คุณพ่อของคุณหลายครั้งแล้วครับ มันจำเป็นจริงๆ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ออกจะเห็นอกเห็นใจอยู่บ้าง แต่ก็จำต้องทำตามหน้าที่
   
“ค่ะ” คุราปิก้าตอบรับได้เท่านั้นก็กดวาง
   
“เอาเลยซิ...จะมาเอาอะไรจากฉันก็เอาไปให้หมดเลย!! ฮึก..ฮึก...คุณพ่อ..คุณแม่...หนูขอโทษ..ฮึก...หนูรักษาบ้านไว้ไม่ได้แล้ว..เฉพาะหนี้ของเจ้าบ้านั่นหนู..ก็เอาตัว...ไม่รอด..ฮึก...ฮึก ..ขอโทษจริง..จริง ..ฮึก” คุราปิก้าปล่อยโฮออกมา เธอฟุบหน้าลงกับตัก แล้วปล่อยให้น้ำใสไหลออกจากดวงตาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน
วันพรุ่งนี้เธอก็ต้องออกจากสถานที่ที่เคยเติบโต รังอันอบอุ่นและเต็มไปด้วยความทรงจำแห่งนี้คงไม่มีอีกแล้วซินะ...ลาก่อน...บ้านของฉัน...ลาก่อนความทรงจำ...
   
....................................................................
   
บนห้องทำงานของตึกสูงระฟ้า ฝ่ายที่ทำให้คนอื่นต้องออกจากงานนั่งทอดสายตามองไปยังบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากยอดตึก  ตีสามแล้วคุโรโร่ยังไม่นอน  วันนี้เขากลับเข้ามาที่บริษัทหลังจากที่ได้ไปพบกับคุราปิก้ามา ชายหนุ่มขี้เกียจกลับบ้าน ที่บ้านมันเหงาจนอยากให้มีใครบางคนเข้าไปอยู่ด้วย ว่าแต่คนคนนั้นคือใครกันนะ
.............to be con .
   
หลายวันมานี้คุณหนูของเราทำงานตัวเป็นเกลียว ตลอด 17 ปีรวมกันคงไม่เคยออกแรงมากขนาดนี้มาก่อนกระมัง ตื่นเช้าก็ไปทำงานที่ซุปเปอร์มาเกตจนถึงบ่าย แล้วก็ต่อด้วยเป็นพนักงานขายที่ร้านอาหารฟาสฟูดส์ ตอนค่ำก็เป็นพนักงานเสริฟที่ร้านอาหาร ช่างเศร้าจริงๆชีวิต
ขณะที่สาวน้อยทายาทตระกูลคูลท์กำลังทำงานเป็นพนักงานเสริฟอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านธุรกิจของเมือง  ที่หน้าร้านก็ปรากฏชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมมีเสน่ห์เดินเข้ามา เขาเลือกนั่งที่มุมเงียบๆริมห้องกระจก ซึ่งภายในจัดตกแต่งเป็นสวนญี่ปุ่น
“รับอะไรดีครับ” บริกรหนุ่มเข้ามาบริการ
   
“เสต๊กเนื้อครับ แล้วก็ไวน์แดง” คุโรโร่บอก
   
“รับอะไรอีกมั้ยครับ”
     
“ไม่ละ”
หลังรับออร์เดอร์เสร็จบริการผู้นั้นก็ล่าถอยไป
เจ้าของ Lucifer Cooperation กวาดสายตามองไปรอบร้าน แล้วก็ได้เห็นเป้าหมายที่ต้องการ เด็กสาวรูปร่างบางระหง ในชุดเครื่องแบบของทางร้าน ดูน่ารักไปอีกแบบ ด้วยผิวพรรณที่ขาวผ่อง เรือนผมสีเหลืองทองสว่างทำให้เธอดูโดดเด่นกว่าพนักงานคนอื่นๆในร้าน เด็กสาวเดินเสริฟโต๊ะนู่นโต๊ะนี้อย่างแข็งขัน โค้งหงึกๆขอบคุณลูกค้าที่ทานเสร็จไปแล้วท่าทางเหนื่อยน่าดู
   
....................................................................   
“คุราจัง ช่วยเอาอาหารไปเสริฟโต๊ะนู่นหน่อย เราปวดฉี่” บริกรที่รับออร์เดอร์จากคุโรโร่ส่งถาดอาหารให้เพื่อนสาวเสียดื้อๆแล้วก็เดินตัวปลิวไปยังหลังร้าน
   
“ อ้าว...อะไรเนี่ยะ” คุราปิก้าร้อง แต่ก็ทำตามที่เพื่อนขอเพราะมันสุดวิสัยจริงๆ
   
“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่ได้มองหน้าของผู้ที่นั่งมองเธออยู่แม้แต่น้อย ยกจานอาหารวางลง ตามด้วยรินไวน์ลงแก้ว
   
“ว้าย!!” คุโรโร่แอบเอานิ้วจี้เอวคุราปิก้า ทำให้เธอเผลอทำไวน์หกเลอะเสื้อและกางเกงของเขา
   
“เอ๊ะ!!คุณ อีกแล้วหรอ!!” สาวน้อยส่งสายตาอาฆาต อยากชกหน้าหล่อนั้นซักหมัดให้หายซ่า
   
“เธอทำไวน์หกรดเสื้อผ้าฉันยังไม่รีบเช็ดอีก” เจ้าหนี้คนหล่อยักคิ้วให้  อย่างก่อกวนทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด
   
“ไม่! เรื่องอะไรละ คุณหาเรื่องเองนี่นา มีอย่างที่ไหนเอานิ้วมาจี้เอวคนกำลังรินไวน์” ลูกหนี้คนสวยเถียงดังลั่นร้าน
“จุ๊ จุ๊ กลัวเจ้าของร้านจะไม่รู้หรือไงว่าเธอทะเลาะกับแขก” เขายิ้มยั่ว
   
“อีตาบ้าเอ้ย” คุราปิก้าขยี้เท้าอย่างสุดทน แต่เสียงของเธอในครั้งแรกก็ดังพอที่จะทำให้เจ้เจ้าของร้านเดินมา
   
“ขอโทษค่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือค่ะ” หญิงสาววัยกลางคนผู้มีแววว่าเขี้ยวไม่ใช่เล่นถาม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ....” คุโรโร่เหล่ตาไปทางสาวน้อยคู่กรณีที่ยืนหน้าซีดอยู่แล้วเอ่ยต่อแบบไม่ตั้งใจว่า  “แค่... เด็กของคุณทำไวน์เลอะสูทราคาแพงของผม เท่านั้นเอง” เขาพยายามพูดให้เหมือนมันเป็นเรื่องเล็ก แต่คุราปิก้าโกรธจนแทบจะกระโดดขย้ำคอเขา
   
“คุราปิก้า!!” เจ้าของร้านเรียกชื่อเธอเสียงเข้ม “ รีบขอโทษแขกเดี๋ยวนี้ แล้วก็ทำความสะอาดซะด้วย ”
แล้วเธอก็หันมาพูดกับคุโรโร่ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ ฉันจะไล่เธอออกอยู่แล้วค่ะ มาทำงานได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็ก่อเรื่องกับแขกไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว พนักงานซุ่มซ่ามแบบนี้เลี้ยงไม่ไหว
จริงดังคำของเจ้าของร้านพูด ตั้งแต่คุราปิก้ามาทำงานที่นี้เธอก็สะดุดหกล้มทำอาหารหกบ้าง อาหารเลอะแขกบ้าง และอีกสารพัดสร้างเรื่องปวดหัว แต่บรรดาผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น พนักงานของ Lucifer Cooperation ทั้งนั้น .คงเดาออกนะว่าใครสั่งมาให้แกล้งสาวน้อยคนนี้
   
“แต่หนู...” คุราปิก้าฟังคำตัดสินแล้วเหมือนจะร้องไห้ พยายามยื่นอุทธรณ์
   
“ไม่ต้องมาแต่ ทำตามที่ฉันบอก..แล้วหมดวันนี้ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว” เจ้าของร้านพูดจบก็หันไปขอโทษขอโพยลูกค้าคนหล่ออีกครั้งหนึ่งก่อนจะเดินนวยนาดกลับไป
เมื่อเจ้าของร้านเดินจากไป คุราปิก้ารู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งดวงตา อะไรกันเธอพยายามทำงานดีที่สุดแล้วนะ ทำไมต้องให้เธอออกจากงานด้วย ดูตัวต้นเหตุซินั่งอมยิ้มสบายใจอยู่ได้ มันน่าฆ่าทิ้งนัก!!
   
“เอ้าผ้า เช็ดซะซิ” คุราปิก้ายื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดให้เขาอย่างเสียไม่ได้
   
“สะใจมากมั้ยละที่ทำให้ฉันโดนไล่ออกได้นะ” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่
   
“มาเช็ดซิ อย่าลืมนะเจ้าของร้านเค้าบอกให้เธอขอโทษและก็ทำความสะอาดเสื้อผ้าฉัน” ฝ่ายที่ทำผิดยังไม่ยอมสำนึก ยังคงแกล้งอีกฝ่ายต่อไป
   
หญิงสาวยื่นมือไปกระชากผ้าเช็ดหน้าจากมือชายหนุ่ม ก้มลงซับรอยเปื้อนบนเสื้อสูทสีดำ
เมื่อเช็ดที่หน้าอกเสร็จสาวเสริฟผู้น่าสงสารก็ทรุดตัวลงนั่งเพื่อซับคราบไวน์ที่หน้าขาของอีกฝ่าย ระหว่างที่ซับคราบของเหลวสีแดงอยู่นั้นของเหลวสีใสเป็นดวงๆกลับปรากฏขึ้นบนกางเกงแทน ร่างบางสั่นเบาๆด้วยแรงสะอื้น
   
คุโรโร่ก็ตกใจอยู่ไม่น้อย...นี้เขาทำรุนแรงไปรึเปล่า
   
“พอแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ
   
คุราปิก้าเงยหน้าขึ้นช้าๆ น้ำตาอาบสองพวงแก้มน่าสงสาร
เธอยืนขึ้นแค่นเสียงพูดอย่างเย็นชา “ฉันขอโทษคะคุณลูกค้า ฉันมันซุ่มซ่าม ไม่ได้เรื่อง พอใจรึยังค่ะ!!” ว่าจบหญิงสาวก็วิ่งผละไป
   
...................................... ............................................
   
หลังเลิกงานคุราปิก้าเดินกลับบ้านอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง คฤหาสน์หลังโตที่เคยมีแต่ความอบอุ่นบัดนี้วังเวงเหมือนปราสาทผีสิงไม่มีผิด เข้า
บ้านไม่ทันที่จะได้นั่งพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอจึงรีบเดินไปรับ
   
“สวัสดีคะ บ้านตระกูลคูลท์ค่ะ”
   
“ขอสายคุณคุราปิก้า คูลท์ครับ”
   
“กำลังพูดอยู่ค่ะ”
   
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารนะครับ ถ้าวันพรุ่งนี้คุณไม่มีเงินมาจ่ายค่าคฤหาสน์ที่คุณพ่อของคุณได้จำนองไว้กับธนาคาร ทางเราจะส่งคนไปยึดทรัพย์ของคุณแล้วนะครับ...” ปรายสายบอกกล่าวประโยคเรียบๆแต่ยากรับไหว โทรศัพท์แทบจะหล่นลงจากมือเด็กสาว
   
“ทำไมพึ่งมาแจ้งตอนนี้ละค่ะ แล้วฉันจะหาเงินจากที่ไหนได้ทัน”
   
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่เราได้ผ่อนผันให้คุณพ่อของคุณหลายครั้งแล้วครับ มันจำเป็นจริงๆ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ออกจะเห็นอกเห็นใจอยู่บ้าง แต่ก็จำต้องทำตามหน้าที่
   
“ค่ะ” คุราปิก้าตอบรับได้เท่านั้นก็กดวาง
   
“เอาเลยซิ...จะมาเอาอะไรจากฉันก็เอาไปให้หมดเลย!! ฮึก..ฮึก...คุณพ่อ..คุณแม่...หนูขอโทษ..ฮึก...หนูรักษาบ้านไว้ไม่ได้แล้ว..เฉพาะหนี้ของเจ้าบ้านั่นหนู..ก็เอาตัว...ไม่รอด..ฮึก...ฮึก ..ขอโทษจริง..จริง ..ฮึก” คุราปิก้าปล่อยโฮออกมา เธอฟุบหน้าลงกับตัก แล้วปล่อยให้น้ำใสไหลออกจากดวงตาอย่างไม่คิดจะห้ามมัน
วันพรุ่งนี้เธอก็ต้องออกจากสถานที่ที่เคยเติบโต รังอันอบอุ่นและเต็มไปด้วยความทรงจำแห่งนี้คงไม่มีอีกแล้วซินะ...ลาก่อน...บ้านของฉัน...ลาก่อนความทรงจำ...
   
....................................................................
   
บนห้องทำงานของตึกสูงระฟ้า ฝ่ายที่ทำให้คนอื่นต้องออกจากงานนั่งทอดสายตามองไปยังบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสงไฟจากยอดตึก  ตีสามแล้วคุโรโร่ยังไม่นอน  วันนี้เขากลับเข้ามาที่บริษัทหลังจากที่ได้ไปพบกับคุราปิก้ามา ชายหนุ่มขี้เกียจกลับบ้าน ที่บ้านมันเหงาจนอยากให้มีใครบางคนเข้าไปอยู่ด้วย ว่าแต่คนคนนั้นคือใครกันนะ
.............to be con .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น