ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : หนี้ 100 ล้าน
เจ้าหนี้สุดป่วนกับลูกหนี้ตัวแสบ chapter 1
“บ๊าย บาย จ้า” คุราปิก้าโบกมือลาเพื่อนซี้ที่อุตส่าขับรถมาส่ง หลังจากที่นักเรียน ม.ปลายทุกคนได้ไปเข้าค่ายกับทางโรงเรียนมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ
“คิดถึงคุณพ่อจังเลย” เด็กสาวพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะหันหน้าเข้าบ้าน
บ้านของคุราปิก้าประกอบธุรกิจร่ำรวยอยู่ไม่น้อย มารดาของเธอเสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก จึงอาศัยอยู่กับบิดาเพียงสองคน แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นนักธุรกิจที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา สองพ่อลูกก็จะมีเวลาให้กันเสมอและยังรักใคร่ดูแลกันไม่แพ้พ่อลูกคู่ไหนๆ
เมื่อคุราปิก้าย่างเหยียบเท้าเข้าประตูรั้วก็รู้สึกแปลกๆในบรรยากาศรอบข้าง กลิ่นไอของบ้านมันผิดแผกไปจากทุกที คุณลุงคนสวนหายไปไหนนะทำไมไม่มาเปิดประตูรับ เมื่อเข้ามาถึงตัวบ้านก็เงียบสนิท ไม่มีแสงไฟเลยแม้เพียงซักหนึ่งดวง มีเพียงแสงอาทิตย์สีส้มแดงของยามสนธยาส่องลอดกระจกหน้าต่างสลักลายวิจิตรเข้ามาเท่านั้น ‘บ้านดูวังเวงจัง!!...’
เด็กสาวเดินเข้ามาในตัวบ้านร้องเรียกคุณป้าแม่นมที่สนิทชิดเชื้อก็ไม่มีเสียงตอบ เสียงพี่ๆคนรับใช้ก็ไม่มีเช่นกัน ‘ไปไหนกันหมดนะ ’
หลังจากสำรวจดูชั้นล่างจนแน่ใจแล้วว่าไม่เจอใครแน่ๆแล้ว สาวน้อย จึงตัดสินใจขึ้นไปชั้นบน  รีบวิ่งตรงไปยังห้องทำงานของบิดาทันที
คุราปิก้าไม่ลืมที่จะเคาะประตูเป็นจังหวะที่รู้กันกับคุณพ่อเฉกเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่มีเสียงเคาะตอบกลับมาจากด้านใน ลองเคาะซ้ำอีกครั้งก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง
ภายในห้องทำงาน โซฟาสีครีมชุดเล็กยังคงวางไว้ข้างชั้นหนังสือไม้สีน้ำตาลเข้ม โต๊ะทำงานตัวใหญ่น่าเกรงขามยังเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้เด็กสาวช็อคกลับเป็นรูปถ่ายของชายวัยกลางคนที่มีแถบสีดำคาดเอาไว้
ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่ามันหมายความว่าไง!!
“พ่อ!!” เด็กสาวตะโกนเรียกสุดเสียง
มือเล็กเรียวสั่นระริก ก้าวขาไปยังรูปถ่ายนั้นอย่างยากลำบาก พอคว้ารูปบุพการีมาไว้ในมือได้ก็ทรุดฮวบลงแทบจะทันที คุราปิก้ากอดรูปพ่ออันเป็นที่รักไว้แนบอก น้ำตาไหลรินอาบแก้มเป็นสาย หัวใจแตกสลายอยู่ตรงนั้น ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว... พ่อเป็นอะไรทิ้งเธอทำไม!!...ตอนที่เธอไม่อยู่เกิดอะไรขึ้น...ทำไมเธอไม่รู้อะไรเลย...ทำไม!!
คุราปิก้าสะอื้นตัวโยน เหตุการณ์นี้ยากนักที่ใครจะรับได้ แววตาแสนอบอุ่นของพ่อที่มองมายังเธอก่อนจะไปค่ายยังคงตราตรึงอยู่ในดวงจิตราวว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน
ระหว่างที่คุราปิก้านั่งร้องไห้อยู่นั้น ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างที่กำลังเสียใจอย่างเงียบเชียบ แล้ววางมือลงบนไหล่เล็กนั้นแผ่วเบา
“อ๊ะ!!” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ “คุณเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง!?” นัยน์ตาสีชาฉ่ำไปด้วยน้ำจ้องมองอย่างระแวงเต็มที่
“ฉันคุโรโร่ ลูซิเฟอร์\" ชายหนุ่มบอกชื่อ  \"แล้วก็... เดินเข้ามาทางประตู”
“คุณรู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี้” คุราปิก้าถามทั้งคราบน้ำตา
“พ่อของเธอฆ่าตัวตาย” อาคันตุกะมิได้รับเชิญบอกเสียงเรียบ
“ไม่มีทาง คุณพ่อไม่มีทางทำแบบนั้น” เด็กสาวเถียงทันที
“มันเป็นไปแล้วละ เพราะพ่อของเธอติดหนี้สินจำนวนมาก บริษัทก็ล้มละลาย เลยฆ่าตัวตายหนีปัญหา”
คุราปิก้ารับฟังจนตาค้าง อะไรกัน! ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเเน่ๆ
เธอไม่เคยรับรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมาเธอเป็นคุณหนูผู้พรั่งพร้อม อยากได้อะไรก็มีคนหามาให้ มีคนคอยเอาใจ มีเงินใช้ได้ไม่ขาดมือ แต่เบื้องหลังเงินที่เธอใช้ คือเงินที่พ่อเธอกู้ยืมเขามาหรอกหรือ
“หมดเวลาเสียใจแล้วละสาวน้อย รีบใช้หนี้มาซะดีๆ” อีกฝ่ายพูดท่าทางไม่ได้สนใจเลยซักนิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในความรู้สึกอย่างไร
“หนี้!?” สาวน้อยร้องเสียงสูง
“ใช่” เขาพยักหน้า “ หนี้สินที่พ่อเธอกู้ยืมบริษัทฉัน”
“เท่าไหร่”
“100 ล้าน”
“ว่าไงนะ” คุราปิก้าที่หมดเรี่ยวแรงอยู่แล้วยิ่งหมดแรงหนักเข้าไปอีก
“ทำไมมันมากขนาดนั้น แล้วฉันจะเอาเงินขนาดนั้นมาจากไหน”
“ถ้าไม่มีก็คงต้องขายตัวแลกละนะ” คุโรโร่พูด พลางใช้สายตาสำรวจอีกฝ่าย ดวงหน้าได้รูปที่กำลังงอง้ำด้วยความโกรธเต็มไปด้วยเครื่อง
หน้าที่งดงาม คิ้วโก่งเรียวช่วยขับให้ดวงตาสีชาดูมีเสน่ห์ จมูกโด่ง และริมฝีปากบางงดงามดั่งดอกกุหลาบ สองแก้มขาวอมชมพู ทั้งรูปร่างเล่าก้อรชรน่าทะนุถนอมเป็นที่สุด
“คุณหมายความว่าไง” เด็กสาวมองบุรุษตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา หน้าตาก็ดีแต่งตัวก็ดูภูมิฐาน ทำไมความคิดและการกระทำต่ำเช่นนี้
   
“ฉันบอกว่า...ให้เธอเอาตัวของเธอชดใช้หนี้ ออกจะแพงไปด้วยซ้ำมั้งถ้าเทียบกับเงิน 100 ล้าน”
   
“ชั่วช้าที่สุด ฉันจะไม่ยอมขายตัวเองเด็ดขาด” คุณหนูอย่างเธอย่อมหยิ่งในศักดิ์ศรีมากยิ่งเหนือสิ่งใด
“ขอถามหน่อยเถอะ เธอจะเอาปัญญาที่ไหนมาหาเงินใช้ฉัน เงิน 100 ล้านมันไม่ใช่หาได้ง่ายๆนะครับคุณหนู”
   
“ให้เวลาฉันหน่อยซิ” คุราปิก้ายังไม่ยอมแพ้
   
“ตกลง ว่ามาเธอต้องการเวลาเท่าไหร่ ตลอดชีวิตยังหาไม่ได้ถึงครึ่งเลยมั้ง” ประโยคสุดท้ายนี้จงใจดูถูกสุดๆ
   
“ 1 เดือน ฉันจะหาเงินมาคืนคุณ ถ้าฉันทำไม่ได้ฉันจะยอมทำตามที่คุณบอก” ด้วยความเป็นคนใจร้อน และโมโหจัดกับคำดูถูก เลยพลั้งปากโดยไม่ได้คิดคำนึงถึงความเป็นไปได้ซักนิด
   
“ โอเค อีก1 เดือนฉันจะมารับเงินใช้หนี้นะคุณหนู ... คุราปิก้าแห่งตระกูล คูลท์” เจ้าหนี้จอมโหดกลอกตาล้อ “ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็ต้องกลายเป็นของของฉัน” คุโรโร่พูดจบก็จากไปด้วยรอยยิ้มสบายใจ เขามั่นใจสุดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางทำได้อยู่แล้ว แล้วหล่อนก็จะกลายมาเป็นของของเขา คอยดูซิ...
เด็กสาวกัดฟันด้วยความเจ็บใจ !!
หลังจากที่บุรุษผู้ต่ำทรามเดินออกจากตัวคฤหาสน์ไป คุราปิก้าได้แต่ตบหน้าตัวเองแรงๆ
“บ้าไปแล้วรึไงห๊ะ!! หนึ่งเดือนจะเอาปัญญาไปหาเงินตั้งมากได้ที่ไหน”
“หึ พ่อนะพ่อทำแสบ ทิ้งเค้าไปแล้วยังทิ้งหนี้ไว้ก้อนเบอเร้อ”
จากที่เสียใจอยู่เมื่อครู่กลับมีความหมั่นไส้เล็กๆในตัวพ่อของตัวเองเข้ามาแทนที่ ตอนนี้เธอต้องเข้มแข็งเพื่อเอาชนะคนคนนั้นให้ได้เสียก่อน ส่วนความเสียใจจากการสูญเสียบุพการีไปต้องเก็บเอาไว้อย่าแสดงออกมา
เด็กสาวบรรจงวางรูปถ่ายของพ่อที่กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มไว้ที่เดิม หอมแก้มรูปนั้นเบาๆ ก่อนหันหลังจากมา เธฮต้องสู้!!
ความเพลียจากการเข้าค่ายเป็นยานอนหลับอย่างดีของคุราปิก้า
.................................................................................................
   
และแล้วอรุณรุ่งก็มาเยือนอีกครั้ง ทุกสรรพชีวิตลืมตาตื่นเพื่อรับวันใหม่อย่างสดชื่น คุราปิก้าเองก็เช่นกัน จากทุกวันที่เธอจะตื่นเพราะเสียงอันอ่อนโยนของคุณพ่อแต่ก็ไม่มีแล้ว...ไม่มีอีกแล้ว... จำต้องตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุกอันแข็งทื่อแทน...
วันนี้คงต้องไปลาออกจากโรงเรียน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีเวลาพอจะหาเงินได้หรอก เด็กสาวรีบอาบน้ำแต่งกายก้าวลงจากบันไดด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ตรงไปยังโต๊ะอาหารยาวสวยหรูด้วยความเคยชิน ทันทีที่คว้าเก้าอี้เพื่อนั่งลงก็พลันนึกได้ว่า ตอนนี้เธออยู่คนเดียวนี่นา ไม่มีคนทำอาหารให้กินอีกแล้ว ความเหงาเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามา เธอจำต้องสลัดมันทิ้งโดยไว เดินเข้าครัวไปก้มๆเงยๆหาขนมปังที่ยังเหลืออยู่มาปิ้งกินรองท้องไปก่อน
หลังจากทำเรื่องขอออกจากโรงเรียนเสร็จ คุราปิก้า คูลท์ก็เดินไปล่ำราเพื่อนในชั้น ทุกคนตกอกตกใจไม่น้อย บรรดาเพื่อนๆที่เป็นลูกคุณหนูทั้งหลายต่างอาสาจะช่วยเหลือแต่เด็กสาวก็ปฏิเสธ หากอีตาขี้เก๊กนั่นรู้ว่าเป็นเงินที่ขอเพื่อนมาคงหัวเราะเยาะแน่ๆ...ใครจะยอมแพ้คนแบบนั้นละ!!
คุราปิก้าซื้อหนังสือพิมพ์หางานมาหลายฉบับ ก่อนเดินไปติดต่อตามบริษัทเหล่านั้น แต่ก็โดนปฏิเสธทุกที่ ใครเค้าจะรับเด็กที่ยังไม่จบไฮสคูลเข้าทำงานกันละ จะมีก็แค่งานพาร์ทไทม์ที่ค่าจ้างน้อยแสนน้อย ... จู่ๆใบหน้าและเสียงหัวเราะอันน่าขยะแขยงของคุโรโร่ลอยเข้ามาในหัวคุราปิก้าทันที ...
“ไอบ้าเอ้ย!! จะเยาะเย้ยกันไปถึงไหน” เธอบ่นอย่างหัวเสียแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแต่ก็ต้องชนเข้ากับอะไรบางอย่าง
   
“ใครเอาเสาไฟมาไว้กลางทางเดินเนี่ยะ” เด็กสาวยังบ่นต่อ ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ
แล้วก็มีมือมือหนึ่งยื่นมาตรงหน้า ฉุดคุราปิก้าขึ้น
   
“เสาไฟฟ้ามีมือด้วยหรอ ขอบคุณค่ะ” เธอโค้งให้สิ่งที่เธอยังคงนึกว่าเป็นเสาไฟฟ้างามๆหนึ่งที ก่อนเงยหน้ามอง
“เฮ้ย!! ” เด็กสาวตกใจสุดขีด เสาไฟฟ้าต้นนั่นไม่ใช่เสาไปฟ้าแต่เป็น คุโรโร่ ลูซิเฟอร์!
“ทำยังกับเห็นผี” เขาส่ายหัวเบาๆ ยิ้มเหยียดๆที่มุมปากนิดนึง
   
“คุณมาทำไมแถวนี้” คุราปิก้าตวาดแว้ดเข้าให้ หลงขอบคุณคนแบบนี้ เจ็บใจนักเชียว
   
“ก็มาดูว่าคุณหนูตระกูลคูลท์ หาเงินใช้หนี้ด้วยวิธีไหน” น้ำเสียงนั้นช่างกวนประสาทเสียจริง “คงมีวิธีอย่างว่าแบบเดียวละมั้ง...”
   
“ ไอบ้า!! .ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า ฉันหาเงินให้คุณได้แน่” คุราปิก้าชี้หน้าเขาอย่างหมายมั่น
   
“อย่าชี้หน้าฉัน” ชายหนุ่มยกมือปัดมือเรียวเล็กลงทันที น้ำเสียงของเขาเข้มจนน่ากลัว “ฉันไม่ชอบให้ใครชี้หน้าจำไว้”
“หนอย ทำเป็นเก๊ก แบร้” ถึงจะตกใจกับท่าทางเมื่อครู่แต่คุราปิก้าก็ยังคงทำใจดีสู้เสือ
   
“หึ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งไปหน่อยเลย ฉันว่าทางที่ดีเธอรีบมาเป็นของของฉันซะดีกว่า” คุโรโร่ย้ำเจตนาเดิม
   
“ใครจะยอมเป็นของของคุณ คนนะไม่ใช่สิ่งของจะซื้อขายง่ายๆได้ไง ไม่มีทางซะหรอก ฉันจะให้คุณรู้ไว้ว่าเงินของคุณซื้อฉันไม่ได้” เสียงหวานสั่นด้วยโทสะ ด่าเสร็จก็สะบัดหน้าจากไปโดยไม่สนใจคนคนนี้อีก ... คนอะไรชอบคิดว่าคนอื่นเป็นสิ่งของ น่ารังเกียจที่สุด...
“หึ..หึ” คุโรโร่หัวเราะเบาๆ แล้วก็เดินกลับไปยังรถเก๋งคันงามที่ชาร์แนคลูกน้องคนสนิทจอดรออยู่
“อารมณ์ดีเชียวนะหัวหน้า ผมไม่เห็นหัวหน้ายิ้มมาตั้งนานแล้ว
“อืม...ไปบริษัทกันเถอะ” คุโรโร่สั่ง
“ครับ...”
................... To Be Con ...
ท้ายเรื่องนิดนึง...ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึกว่าชื่อตัวละครมันคุ้นเหลือเกิน...ใช่แล้วละครับ ฏ็มันเป็น Fanfic HunterxHunter ไงละ
แต่เอามาแค่ชื่อ กับลักษณะบางอย่างแค่นั้นละครับ เเน้อเรื่องมิได้เกี่ยวกันเลย เพราะฉะนั้นใครที่ไม่ได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ ก็ไม่มีปัญหาครับ อ่านได้สบาย (กลัวแต่จะไม่มีคนอ่านนะซิ..เจี๊ยก)
ปล. คนแต่งกำลังเล่นมนต์ดำ \"จงอ่านๆ จงเม้นๆ จงโหวตๆ จงอ่านต่อๆๆๆ เพี้ยง!!\"  อย่าทิ้งกันเน้อ มีไรก็เม้นๆด้วยนะฮ้าบ
“บ๊าย บาย จ้า” คุราปิก้าโบกมือลาเพื่อนซี้ที่อุตส่าขับรถมาส่ง หลังจากที่นักเรียน ม.ปลายทุกคนได้ไปเข้าค่ายกับทางโรงเรียนมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ
“คิดถึงคุณพ่อจังเลย” เด็กสาวพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะหันหน้าเข้าบ้าน
บ้านของคุราปิก้าประกอบธุรกิจร่ำรวยอยู่ไม่น้อย มารดาของเธอเสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก จึงอาศัยอยู่กับบิดาเพียงสองคน แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นนักธุรกิจที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา สองพ่อลูกก็จะมีเวลาให้กันเสมอและยังรักใคร่ดูแลกันไม่แพ้พ่อลูกคู่ไหนๆ
เมื่อคุราปิก้าย่างเหยียบเท้าเข้าประตูรั้วก็รู้สึกแปลกๆในบรรยากาศรอบข้าง กลิ่นไอของบ้านมันผิดแผกไปจากทุกที คุณลุงคนสวนหายไปไหนนะทำไมไม่มาเปิดประตูรับ เมื่อเข้ามาถึงตัวบ้านก็เงียบสนิท ไม่มีแสงไฟเลยแม้เพียงซักหนึ่งดวง มีเพียงแสงอาทิตย์สีส้มแดงของยามสนธยาส่องลอดกระจกหน้าต่างสลักลายวิจิตรเข้ามาเท่านั้น ‘บ้านดูวังเวงจัง!!...’
เด็กสาวเดินเข้ามาในตัวบ้านร้องเรียกคุณป้าแม่นมที่สนิทชิดเชื้อก็ไม่มีเสียงตอบ เสียงพี่ๆคนรับใช้ก็ไม่มีเช่นกัน ‘ไปไหนกันหมดนะ ’
หลังจากสำรวจดูชั้นล่างจนแน่ใจแล้วว่าไม่เจอใครแน่ๆแล้ว สาวน้อย จึงตัดสินใจขึ้นไปชั้นบน  รีบวิ่งตรงไปยังห้องทำงานของบิดาทันที
คุราปิก้าไม่ลืมที่จะเคาะประตูเป็นจังหวะที่รู้กันกับคุณพ่อเฉกเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่มีเสียงเคาะตอบกลับมาจากด้านใน ลองเคาะซ้ำอีกครั้งก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง
ภายในห้องทำงาน โซฟาสีครีมชุดเล็กยังคงวางไว้ข้างชั้นหนังสือไม้สีน้ำตาลเข้ม โต๊ะทำงานตัวใหญ่น่าเกรงขามยังเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้เด็กสาวช็อคกลับเป็นรูปถ่ายของชายวัยกลางคนที่มีแถบสีดำคาดเอาไว้
ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่ามันหมายความว่าไง!!
“พ่อ!!” เด็กสาวตะโกนเรียกสุดเสียง
มือเล็กเรียวสั่นระริก ก้าวขาไปยังรูปถ่ายนั้นอย่างยากลำบาก พอคว้ารูปบุพการีมาไว้ในมือได้ก็ทรุดฮวบลงแทบจะทันที คุราปิก้ากอดรูปพ่ออันเป็นที่รักไว้แนบอก น้ำตาไหลรินอาบแก้มเป็นสาย หัวใจแตกสลายอยู่ตรงนั้น ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว... พ่อเป็นอะไรทิ้งเธอทำไม!!...ตอนที่เธอไม่อยู่เกิดอะไรขึ้น...ทำไมเธอไม่รู้อะไรเลย...ทำไม!!
คุราปิก้าสะอื้นตัวโยน เหตุการณ์นี้ยากนักที่ใครจะรับได้ แววตาแสนอบอุ่นของพ่อที่มองมายังเธอก่อนจะไปค่ายยังคงตราตรึงอยู่ในดวงจิตราวว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน
ระหว่างที่คุราปิก้านั่งร้องไห้อยู่นั้น ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างที่กำลังเสียใจอย่างเงียบเชียบ แล้ววางมือลงบนไหล่เล็กนั้นแผ่วเบา
“อ๊ะ!!” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ “คุณเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง!?” นัยน์ตาสีชาฉ่ำไปด้วยน้ำจ้องมองอย่างระแวงเต็มที่
“ฉันคุโรโร่ ลูซิเฟอร์\" ชายหนุ่มบอกชื่อ  \"แล้วก็... เดินเข้ามาทางประตู”
“คุณรู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี้” คุราปิก้าถามทั้งคราบน้ำตา
“พ่อของเธอฆ่าตัวตาย” อาคันตุกะมิได้รับเชิญบอกเสียงเรียบ
“ไม่มีทาง คุณพ่อไม่มีทางทำแบบนั้น” เด็กสาวเถียงทันที
“มันเป็นไปแล้วละ เพราะพ่อของเธอติดหนี้สินจำนวนมาก บริษัทก็ล้มละลาย เลยฆ่าตัวตายหนีปัญหา”
คุราปิก้ารับฟังจนตาค้าง อะไรกัน! ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเเน่ๆ
เธอไม่เคยรับรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมาเธอเป็นคุณหนูผู้พรั่งพร้อม อยากได้อะไรก็มีคนหามาให้ มีคนคอยเอาใจ มีเงินใช้ได้ไม่ขาดมือ แต่เบื้องหลังเงินที่เธอใช้ คือเงินที่พ่อเธอกู้ยืมเขามาหรอกหรือ
“หมดเวลาเสียใจแล้วละสาวน้อย รีบใช้หนี้มาซะดีๆ” อีกฝ่ายพูดท่าทางไม่ได้สนใจเลยซักนิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในความรู้สึกอย่างไร
“หนี้!?” สาวน้อยร้องเสียงสูง
“ใช่” เขาพยักหน้า “ หนี้สินที่พ่อเธอกู้ยืมบริษัทฉัน”
“เท่าไหร่”
“100 ล้าน”
“ว่าไงนะ” คุราปิก้าที่หมดเรี่ยวแรงอยู่แล้วยิ่งหมดแรงหนักเข้าไปอีก
“ทำไมมันมากขนาดนั้น แล้วฉันจะเอาเงินขนาดนั้นมาจากไหน”
“ถ้าไม่มีก็คงต้องขายตัวแลกละนะ” คุโรโร่พูด พลางใช้สายตาสำรวจอีกฝ่าย ดวงหน้าได้รูปที่กำลังงอง้ำด้วยความโกรธเต็มไปด้วยเครื่อง
หน้าที่งดงาม คิ้วโก่งเรียวช่วยขับให้ดวงตาสีชาดูมีเสน่ห์ จมูกโด่ง และริมฝีปากบางงดงามดั่งดอกกุหลาบ สองแก้มขาวอมชมพู ทั้งรูปร่างเล่าก้อรชรน่าทะนุถนอมเป็นที่สุด
“คุณหมายความว่าไง” เด็กสาวมองบุรุษตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา หน้าตาก็ดีแต่งตัวก็ดูภูมิฐาน ทำไมความคิดและการกระทำต่ำเช่นนี้
   
“ฉันบอกว่า...ให้เธอเอาตัวของเธอชดใช้หนี้ ออกจะแพงไปด้วยซ้ำมั้งถ้าเทียบกับเงิน 100 ล้าน”
   
“ชั่วช้าที่สุด ฉันจะไม่ยอมขายตัวเองเด็ดขาด” คุณหนูอย่างเธอย่อมหยิ่งในศักดิ์ศรีมากยิ่งเหนือสิ่งใด
“ขอถามหน่อยเถอะ เธอจะเอาปัญญาที่ไหนมาหาเงินใช้ฉัน เงิน 100 ล้านมันไม่ใช่หาได้ง่ายๆนะครับคุณหนู”
   
“ให้เวลาฉันหน่อยซิ” คุราปิก้ายังไม่ยอมแพ้
   
“ตกลง ว่ามาเธอต้องการเวลาเท่าไหร่ ตลอดชีวิตยังหาไม่ได้ถึงครึ่งเลยมั้ง” ประโยคสุดท้ายนี้จงใจดูถูกสุดๆ
   
“ 1 เดือน ฉันจะหาเงินมาคืนคุณ ถ้าฉันทำไม่ได้ฉันจะยอมทำตามที่คุณบอก” ด้วยความเป็นคนใจร้อน และโมโหจัดกับคำดูถูก เลยพลั้งปากโดยไม่ได้คิดคำนึงถึงความเป็นไปได้ซักนิด
   
“ โอเค อีก1 เดือนฉันจะมารับเงินใช้หนี้นะคุณหนู ... คุราปิก้าแห่งตระกูล คูลท์” เจ้าหนี้จอมโหดกลอกตาล้อ “ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็ต้องกลายเป็นของของฉัน” คุโรโร่พูดจบก็จากไปด้วยรอยยิ้มสบายใจ เขามั่นใจสุดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางทำได้อยู่แล้ว แล้วหล่อนก็จะกลายมาเป็นของของเขา คอยดูซิ...
เด็กสาวกัดฟันด้วยความเจ็บใจ !!
หลังจากที่บุรุษผู้ต่ำทรามเดินออกจากตัวคฤหาสน์ไป คุราปิก้าได้แต่ตบหน้าตัวเองแรงๆ
“บ้าไปแล้วรึไงห๊ะ!! หนึ่งเดือนจะเอาปัญญาไปหาเงินตั้งมากได้ที่ไหน”
“หึ พ่อนะพ่อทำแสบ ทิ้งเค้าไปแล้วยังทิ้งหนี้ไว้ก้อนเบอเร้อ”
จากที่เสียใจอยู่เมื่อครู่กลับมีความหมั่นไส้เล็กๆในตัวพ่อของตัวเองเข้ามาแทนที่ ตอนนี้เธอต้องเข้มแข็งเพื่อเอาชนะคนคนนั้นให้ได้เสียก่อน ส่วนความเสียใจจากการสูญเสียบุพการีไปต้องเก็บเอาไว้อย่าแสดงออกมา
เด็กสาวบรรจงวางรูปถ่ายของพ่อที่กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มไว้ที่เดิม หอมแก้มรูปนั้นเบาๆ ก่อนหันหลังจากมา เธฮต้องสู้!!
ความเพลียจากการเข้าค่ายเป็นยานอนหลับอย่างดีของคุราปิก้า
.................................................................................................
   
และแล้วอรุณรุ่งก็มาเยือนอีกครั้ง ทุกสรรพชีวิตลืมตาตื่นเพื่อรับวันใหม่อย่างสดชื่น คุราปิก้าเองก็เช่นกัน จากทุกวันที่เธอจะตื่นเพราะเสียงอันอ่อนโยนของคุณพ่อแต่ก็ไม่มีแล้ว...ไม่มีอีกแล้ว... จำต้องตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุกอันแข็งทื่อแทน...
วันนี้คงต้องไปลาออกจากโรงเรียน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีเวลาพอจะหาเงินได้หรอก เด็กสาวรีบอาบน้ำแต่งกายก้าวลงจากบันไดด้วยความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ตรงไปยังโต๊ะอาหารยาวสวยหรูด้วยความเคยชิน ทันทีที่คว้าเก้าอี้เพื่อนั่งลงก็พลันนึกได้ว่า ตอนนี้เธออยู่คนเดียวนี่นา ไม่มีคนทำอาหารให้กินอีกแล้ว ความเหงาเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามา เธอจำต้องสลัดมันทิ้งโดยไว เดินเข้าครัวไปก้มๆเงยๆหาขนมปังที่ยังเหลืออยู่มาปิ้งกินรองท้องไปก่อน
หลังจากทำเรื่องขอออกจากโรงเรียนเสร็จ คุราปิก้า คูลท์ก็เดินไปล่ำราเพื่อนในชั้น ทุกคนตกอกตกใจไม่น้อย บรรดาเพื่อนๆที่เป็นลูกคุณหนูทั้งหลายต่างอาสาจะช่วยเหลือแต่เด็กสาวก็ปฏิเสธ หากอีตาขี้เก๊กนั่นรู้ว่าเป็นเงินที่ขอเพื่อนมาคงหัวเราะเยาะแน่ๆ...ใครจะยอมแพ้คนแบบนั้นละ!!
คุราปิก้าซื้อหนังสือพิมพ์หางานมาหลายฉบับ ก่อนเดินไปติดต่อตามบริษัทเหล่านั้น แต่ก็โดนปฏิเสธทุกที่ ใครเค้าจะรับเด็กที่ยังไม่จบไฮสคูลเข้าทำงานกันละ จะมีก็แค่งานพาร์ทไทม์ที่ค่าจ้างน้อยแสนน้อย ... จู่ๆใบหน้าและเสียงหัวเราะอันน่าขยะแขยงของคุโรโร่ลอยเข้ามาในหัวคุราปิก้าทันที ...
“ไอบ้าเอ้ย!! จะเยาะเย้ยกันไปถึงไหน” เธอบ่นอย่างหัวเสียแล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแต่ก็ต้องชนเข้ากับอะไรบางอย่าง
   
“ใครเอาเสาไฟมาไว้กลางทางเดินเนี่ยะ” เด็กสาวยังบ่นต่อ ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ
แล้วก็มีมือมือหนึ่งยื่นมาตรงหน้า ฉุดคุราปิก้าขึ้น
   
“เสาไฟฟ้ามีมือด้วยหรอ ขอบคุณค่ะ” เธอโค้งให้สิ่งที่เธอยังคงนึกว่าเป็นเสาไฟฟ้างามๆหนึ่งที ก่อนเงยหน้ามอง
“เฮ้ย!! ” เด็กสาวตกใจสุดขีด เสาไฟฟ้าต้นนั่นไม่ใช่เสาไปฟ้าแต่เป็น คุโรโร่ ลูซิเฟอร์!
“ทำยังกับเห็นผี” เขาส่ายหัวเบาๆ ยิ้มเหยียดๆที่มุมปากนิดนึง
   
“คุณมาทำไมแถวนี้” คุราปิก้าตวาดแว้ดเข้าให้ หลงขอบคุณคนแบบนี้ เจ็บใจนักเชียว
   
“ก็มาดูว่าคุณหนูตระกูลคูลท์ หาเงินใช้หนี้ด้วยวิธีไหน” น้ำเสียงนั้นช่างกวนประสาทเสียจริง “คงมีวิธีอย่างว่าแบบเดียวละมั้ง...”
   
“ ไอบ้า!! .ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า ฉันหาเงินให้คุณได้แน่” คุราปิก้าชี้หน้าเขาอย่างหมายมั่น
   
“อย่าชี้หน้าฉัน” ชายหนุ่มยกมือปัดมือเรียวเล็กลงทันที น้ำเสียงของเขาเข้มจนน่ากลัว “ฉันไม่ชอบให้ใครชี้หน้าจำไว้”
“หนอย ทำเป็นเก๊ก แบร้” ถึงจะตกใจกับท่าทางเมื่อครู่แต่คุราปิก้าก็ยังคงทำใจดีสู้เสือ
   
“หึ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งไปหน่อยเลย ฉันว่าทางที่ดีเธอรีบมาเป็นของของฉันซะดีกว่า” คุโรโร่ย้ำเจตนาเดิม
   
“ใครจะยอมเป็นของของคุณ คนนะไม่ใช่สิ่งของจะซื้อขายง่ายๆได้ไง ไม่มีทางซะหรอก ฉันจะให้คุณรู้ไว้ว่าเงินของคุณซื้อฉันไม่ได้” เสียงหวานสั่นด้วยโทสะ ด่าเสร็จก็สะบัดหน้าจากไปโดยไม่สนใจคนคนนี้อีก ... คนอะไรชอบคิดว่าคนอื่นเป็นสิ่งของ น่ารังเกียจที่สุด...
“หึ..หึ” คุโรโร่หัวเราะเบาๆ แล้วก็เดินกลับไปยังรถเก๋งคันงามที่ชาร์แนคลูกน้องคนสนิทจอดรออยู่
“อารมณ์ดีเชียวนะหัวหน้า ผมไม่เห็นหัวหน้ายิ้มมาตั้งนานแล้ว
“อืม...ไปบริษัทกันเถอะ” คุโรโร่สั่ง
“ครับ...”
................... To Be Con ...
ท้ายเรื่องนิดนึง...ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึกว่าชื่อตัวละครมันคุ้นเหลือเกิน...ใช่แล้วละครับ ฏ็มันเป็น Fanfic HunterxHunter ไงละ
แต่เอามาแค่ชื่อ กับลักษณะบางอย่างแค่นั้นละครับ เเน้อเรื่องมิได้เกี่ยวกันเลย เพราะฉะนั้นใครที่ไม่ได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ ก็ไม่มีปัญหาครับ อ่านได้สบาย (กลัวแต่จะไม่มีคนอ่านนะซิ..เจี๊ยก)
ปล. คนแต่งกำลังเล่นมนต์ดำ \"จงอ่านๆ จงเม้นๆ จงโหวตๆ จงอ่านต่อๆๆๆ เพี้ยง!!\"  อย่าทิ้งกันเน้อ มีไรก็เม้นๆด้วยนะฮ้าบ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น