ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1.
1.
ท้องฟ้าเบื้องบนเริ่มเป็นสีดำ ควันรถที่พ่นกันเต็มถนนยังส่งกลิ่นชวนเวียนหัวได้เหมือนทุกวัน ทั้งที่หลายคนกำลังกลับบ้านแต่บนทางเท้ากลับปรากฏร่างเด็กหนุ่มวิ่งสวนกระแสคนเดินด้วยความเร่งรีบ
ความซวยของการที่นาฬิกาตายมันไม่เคยเข้าใครออกใครจริงๆ ตอนนี้เขาควรจะไปถึงที่ทำงานเเละเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแต่ยังมาเดินย่ำต๊อก ต้อยๆ อยู่แบบนี้ อ๊าก!! จะบ้าตาย
โครม!!
ซวยซ้ำโดยการเลี้ยวที่หัวมุมแล้วชนเข้ากับใครก็ไม่รู้ ฝ่ายนู่นยืนงงแต่เด็กหนุ่มกระเด็นลงไปนั่งคลุกฝุ่นที่พื้นไม่เป็นท่า ไม่มีเวลามาโวยวายหรือสำออยต้องรีบลุกแล้ววิ่งพรวดๆ ไปทั้งที่ยังเจ็บก้นกบ
“วิ่งตลกชะมัด” คนที่ชนเค้าหรือถูกชนก็ไม่รู้ส่ายหน้าเมื่อมองตามหลังคนตัวเล็กๆ นั้นไป พอสุดสายตาก็กะว่าจะเดินต่อแต่ตาก็ดันไปเจอของบางอย่างตกอยู่บนพื้น
‘โซเอะ ยูซูรุ’ มุราซากิ บาร์
ร่างสูงก้มลงหยิบป้ายชื่อขึ้นมาพิจารณาก่อนเก็บใส่กระเป๋ากางเกง ท่าทางต้องตามไปคืนเสียแล้วกระมัง
.
.
.
บนถนนของคนกลางคืนหลายร้านเริ่มเปิดเเล้ว เห็นแบบนี้รู้เลยว่าสัญญาณอันตรายกำลังมาเยือน ยูซูรุเร่งฝีเท้าอึดใจเดียวก็มาหยุดหน้าร้านที่ตัวเองทำงานอยู่ กำลังจะก้าวเท้าเข้าร้านอยู่แล้วเชียวเอะใจนึกขึ้นได้
“ถ้าเข้าด้านหน้า ต้องเจอมากิจังแน่ๆ” ใบหน้าสวยหวานปานเทพธิดาลอยมาโปรด แต่ความดุนั้นไม่เป็นที่สองรองใครเลยหละเจ้านายเขา เลี้ยวอ้อมเข้าหลังร้านดีกว่า เจอลุงพ่อครัวหน้าเหี่ยวๆ ยังดีกว่าเจอปีศาจน้อยหน้าหวาน เหอ~
ยูซูรุพุ่งเข้าไปหลังร้านตัดผ่านห้องครัวแล้วก้าวพรวดๆ ไปยังห้องแต่งตัวทันที รอดไปหนึ่งดอก สาธุ ซวยมาทั้งวันแล้ว อย่าให้ความซวยเกิดขึ้นอีกเลยนะ
จัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นยูคาตะสีสด ล้างหน้าทำผมเสียหน่อยให้มันดูเป็นผู้เป็นคนเผื่อจะได้ทิปเยอะๆ พอจะออกไปหน้าร้านเท่านั้นแหละ ความซวยก็ตามมาหลอนอีกจนได้
ป้ายชื่อหายไปไหน!!
ควานหาทั้งในกระเป๋าเป้ ในล็อกเกอร์ก็ไม่มี ขืนออกไปทั้งแบบนี้ คุณมากิแปลงร่างเป็นยักษ์แน่ๆ
.
.
.
ร่างโปร่งที่ปรากฏอยู่หน้าร้านแต่งตัวง่ายๆ เหมือนจะออกไปซื้อของตามคอนวิเนี่ยน สโตร์มากกว่าจะมาสถานเริงรมย์ยามค่ำคืน
“เอ่อ ที่นี้มีคนชื่อโซเอะ ยูซูรุมั้ยครับ” ถามเสียงนุ่มพร้อมยิ้มน้อยๆ อย่างสุภาพ
พนักงานต้อนรับหนุ่มน้อยที่โดนถามเพิ่งสังเกตุว่าคนตรงหน้านี้ก็หล่อชะมัดเหมือนกัน สงสัยจะเป็นลูกค้าใหม่ ถามหาดาวดังของร้านเสียด้วย
“ยุซูรุอยู่ที่นี้แหละครับ เชิญข้างในดีกว่า” รอยยิ้มธุรกิจฉายวาบบนพนักงานต้อนรับหน้าสวย แล้วเดินนำเข้าไปภายในทันที
ชายหนุ่มที่มาเลือกนั่งโต๊ะที่ค่อนข้างห่างจากโต๊ะอื่น แถมยังสั่งเพียงน้ำอัดลมเท่านั้นแต่ขอให้ช่วยตามโซเอะ ยูซุรุมาให้หน่อย
ระหว่างรอเครื่องดื่มและคนที่ต้องการ โชก็กวาดตามองไปเรื่อย เขาพอจะรู้ลางๆ ว่าร้านนี้ต้อนรับคนรสนิยมแบบไหน พนักงานในร้านก็เป็นเด็กหนุ่มรุ่นๆ แถมหน้าตาหวานเสียผู้หญิงหลายคนอาย โดยเฉพาะคนที่นั่งอยู่ตรงเคาร์เตอร์ มองผาดๆ ยังคิดว่าเป็นนางฟ้าลงมาเที่ยวโลกมนุษย์เลย
.
.
.
“ยูซูรุ แขกเรียก” มากิเข้ามาตามเจ้าตัวแสบในห้องแต่งตัว วันนี้เป็นอะไรนะ ไม่เสนอหน้ามากวนเขาแถมยังไม่ยอมออกมาทำงานอีก
“ฮ่ะ … ไปเดี๋ยวนี้แล้ว” คนที่ถูกเรียกตะโกนบอกทั้งที่ยังเดินวนเป็นหนูติดจั่น หาป้ายชื่อไม่เจอแบบนี้ต้องโดนด่าแถมยังโดนหักเงินเดือนอีกแน่ๆ แต่ถ้ารอให้คุณมากิมาตามถึงในห้องก็ซวยเหมือนกัน รีบวิ่งออกไปเลยดีกว่า
ร่างบางๆ วิ่งสวนออกมาจากห้องแต่งตัว ไม่ทักทายผู้เป็นนายด้วยซ้ำ
“วิ่งไปแบบนั้นแล้วจะรู้โต๊ะมั้ย” มากิบ่นด้วยความระอาในความอยู่ไม่นิ่งของเจ้าลูกน้องตัวดี
ยูซูรุถอนหายใจเฮือกเพราะพ้นเงื้อมมือมากิมาได้ รีบแถเข้าไปหาพนักงานคนนึงที่จำได้ว่าวันนี้มีเวรรับแขกหน้าร้าน
“โต๊ะไหนเรียกฉันหรอ”
“โต๊ะ 5 ครับ” พนักงานที่เป็นน้องใหม่กว่าตอบอย่างนอบน้อมแล้วขอตัวไปทำงานต่อ
โฮต์หนุ่มสวมวิญญาณธุรกิจทันที ปั้นหน้าให้ยิ้ม ทำใจให้ว่าง ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากเอาใจแขกให้ดีที่สุด
“ขออนุญาตนะครับ” เอ่ยเสียงหวานแล้วก็ขยับเก้าอี้นั่งลงตรงข้าม แอบสงสัยว่าจะเรียกโฮตส์มานั่งด้วยทำไมไมนั่งโต๊ะแบบโซฟาแต่ดันนั่งโต๊ะอาหารธรรมดา ที่เก้าอี้กห่างกันเป็นโยชน์
เพิ่งมองแขกของตัวเองชัดๆ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นลุงแก่ๆ ที่ไหนได้หน้านี่อ่อนเชียว จะอายุน้อยกว่าเขารึเปล่าก็ไม่รู้ หนีพ่อแม่มาเที่ยวรึเปล่าเนี่ยะ
“สวัสดีครับผม โซเอะ ยูซูรุเรียกผมว่า ยูซูรุก็ได้ครับ” แนะนำตัวไปตามเสต็ปแล้วก็รอปฏิกริยาของลูกค้าที่สั่งแค่โค้ก
“เอ่อ ผม …. โช เป็นนักศึกษาเแพทย์ปีสี่ ม.ไทโด”
อ๊าง!! หล่อจังแถมเก่งด้วย
ยูซูรุคิดในใจแต่ก็ยังปั้นหน้าเป็นโฮตส์มืออาชีพต่อไป
“วันนี้ให้ผมดูแลคุณนะครับ” ใส่เสียงหวานกับยิ้มไปนิดหน่อย แค่นี้คุณลูกค้าก็ดูประหม่าแล้ว
“เอ่อ..ไม่ต้องหรอกครับผมแค่เอานี่มาคืน”
มือใหญ่ล้วงป้ายสีทองมันวาวขนาดเล็กออกมาวางบนโต๊ะ เท่านั้นคนตวเล็กก็ทำตาโต สีหน้าที่ประดิษฐ์ประดอยอย่างดีแตกโพล๊ะกลายเป็นยูซูรุที่พูดแจ้วๆ เป็นต่อยหอย
“ขอบคุณมากเลยครับ รู้มั้ยว่าถ้าผมไม่ได้ป้ายอันนี้คืนมา มากิจัง เอ่อ เจ้านายผมหนะครับ คนที่สวยๆ นั่งอยู่ตรงนู่น ต้องฆ่าผมแน่ๆ แถมบ่นไปสามวันเจ็ดวัน แล้วก็หักเงินเดือนผมด้วย… คุณเห็นเค้าสวยๆ แบบนั้นแต่อย่าไปหลงจีบเด็ดขาด ดุอย่างกับอะไรดี แต่ก็มีแฟนแล้วนะครับ ชื่อคุณไฮต์….” โฮตส์หนุ่มร่ายบทนินทาเจ้านายยาวเหยียดอย่างอารมณ์ดีที่ได้ของคืนมา ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งฟังแล้วก็อมยิ้ม
“เอ่อ…ผมขอเรียกคุณว่าหมอนะ” หลังจากพูดโดยไม่หยุดมาเกือบชั่วโมงเจ้าตัวดีก็เปิดช่องให้อีกฝ่ายพูดบ้าง
“ตามใจคุณเถอะ งั้นผมเรียกคุณว่ายู…นะ”
“โอเค ไม่เคยมีใครเรียกมาก่อนเลยนะ” คนตัวเล็กเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “อ๋อ..ให้ผมเลี้ยงเหล้าหมอเป็นการขอบคุณนะ”
ยูซูรุทำท่าจะเรียกพนักงานในร้านแต่ก็โดนห้าม “ผมแพ้แอลกอฮอล์หนะ”
แป่ว!!
“งั้น บุหรี่มั้ยครับหมอ”
ตั้งท่าจะเรียกอีกแต่ก็ถูกห้าม “เป็นหมอสูบบุหรี่ได้ไงหละครับ”
นั่นซิ ลืมไปเลย
ยูซูรุหัวเราะแก้เก้อ แก้มขาวแดงออกมาอย่างน่ารัก
“งั้นเลี้ยงข้าวละกัน โอเคมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไร…” คราวนี้หมอห้ามไม่ได้แล้วเพราะคนตัวเล็กที่นั่งหน้าเขาสั่งจ้อยๆ ไม่หยุด แถมกำชับเพื่อนร่วมงานให้ใส่แถมๆ มาด้วย
“ต้องบอกไปว่าผมสั่ง ลุงพ่อครัวเค้าจะได้พิเศษให้” ร่างบางบอกด้วยรอยยิ้มทะเล้น หลังจากนั้นก็ชวนหมอจ้อต่อ แต่เป็นในลักษณะหมอแค่นั่งพยักหน้าเออออ ที่เหลือเจ้าตัวเล็กขอโปรโมชั่นเล่าเองคนเดียว
.
.
.
หลังทานอาหารเสร็จและคุยกันต่ออีกเล็กน้อย หมอก็ขอตัวกลับเพราะวันรุ่งขึ้นมีเรียนเช้า ยูซูรุเดินตามไปส่งถึงข้างหน้าแล้วก็กลับมาทำงานต่อ
ถ้ารู้ว่าไม่เหมือนพวกลูกค้ารายอื่น ตอนแรกไม่นั่งปั้นหน้าให้เมื่อยหรอก ฟู้ว~
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” มากิเดินเข้ามาเเซว
“หรอครับ”
“มีอะไรดีดีรึไงเห็นนั่งคุยด้วยกันตั้งนาน แถมเลี้ยงข้าวเค้าอีก”
“ความลับ” เจ้าตัวดีทำหน้าเป็นใส่แล้วก็เดินลัลล้าเข้าไปในร้าน
เห็นแล้วก็มันเขี้ยว เดี๋ยวตัดเงินเดือนเสียให้เข็ดเลยนี่
.
.
.
วันต่อมา คนในร้านคึกคักเหมือนเดิมแต่หมอไม่ยักกะมา
“แล้วเค้าจะมาทำไมหละ เฮ้อหวังลมๆ แล้ง” ยูซูรุเพียรบอกตัวเองแต่อดไม่ได้ที่จะหันมองทางเข้าทุกสองนาที
“ตั้งใจทำงานหน่อยซิ มองหาใครอยู่ได้”
มาอีกแล้วเสียงสวรรค์ “มากิจังก็..”
“ทำไม รอคนเมื่อวานหรอ เค้าบอกจะมารึไง” มากิขยับเข้ามาใกล้ ที่จริงเขากับยูซูรุก็คล้ายจะเป็นเพื่อนกันมากกว่าจะเป็นลูกน้องกับเจ้านาย เนื่องจากอายุเท่ากันแถมยังไปไหนต่อไหนด้วยกันบ่อยๆ เลยกล้าจะหยอกล้อพูดคุยอย่างสนิทสนม
“หมอ..เค้าคงไม่มาแล้วมั้ง” ยูซูรุบอกหงอยๆ
ไม่เคยเห็นเจ้าตัวเล็กเป็นแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาสองปี
“ชอบเค้ารึไง”
“ไม่ซักหน่อย” ผู้ต้องหารีบปฏิเสธ ส่ายหน้าผึบผับจนผมที่ซอยระต้อนคอปลิวว่อน
“หรอ..” มากิลากเสียงล้อ ก็ไม่เคยเห็นเจ้าตัวแสบหน้าแดงมาก่อนนี่นา อยากจะแกล้งให้จนมุมจริงๆ เลยเชียว
“แค่คุยสนุกดี แล้วก็สุภาพดีด้วย”
เจ้านายพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ตั้งใจทำงานเถอะ บางทีวันนี้เค้าอาจจะไม่ว่างก็ได้ รอดูพรุ่งนี้ซิ”
ยูซูรุพยักหน้ารับแล้วก็ร่อนไปทำงานต่อ แต่ท่าทางมันดูเนือยๆ พิลึก
.
.
.
วันที่สาม ยูซูรุนั่งหน้าเศร้าถอนหายใจเฮือกๆ เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์เขามีแขกประจำอยู่แล้ว ทานาบาตะซังเจ้าของร้านก่อสร้างร้านใหญ่ในเขตนี้ ทั้งที่แต่งงานมีลูกมีเมียแล้วยังชอบเลี้ยงเด็กหนุ่มหน้าตาดีไว้ดูเล่นอีก
เบื่อไม่อยากจะไปน่ังคุยด้วยเลย แถมทำงานเสร็จก็ต้องไปต่ออีก
ร้านใกล้ปิด ทานาบาตะซังพร้อมลูกน้องก็ได้ฤกษ์ยกทัพกลับ ยูซูรุอยู่ในอ้อมเเขนของชายหนุ่มรุ่นพ่อที่เริ่มเมาแล้วก็ทำรุ่มร่ามแต่จะขัดไปก็เท่านั้น ออกไปแล้วได้เงินดีใครจะไม่ชอบหละ
เกือบจะออกนอกร้านอยู่แล้วเชียวถ้าสายตาไม่ไปประทะกับดวงตาอีกคู่เสียก่อน
“หมอ..” ขยับปากทั้งที่ไม่มีเสียงแต่ก็ไม่สามารถหยุดคุยด้วยได้ ทำได้เพียงหันมองจนคอแทบหลุดแล้วก็โดนลากขึ้นรถไป
ยูซูรุนั่งเงียบไปตลอดทาง ในหัวมีแต่ใบหน้าของชายหนุ่มที่ได้เห็นแค่เเวบเดียว หมอมานานรึยัง ถ้าวันนี้เขาไม่ติดแขกหมอจะเรียกเขาหรือเปล่า แต่สายตาหมอเมื่อกี้เหมือนผิดหวังอะไรบางอย่าง
หมอมาเจอเราใช่มั้ย เพราะคนที่แพ้เหล้าไม่สูบบุหรี่แบบนั้นจะมาบาร์ทำไม
คิดอะไรอยู่คนเดียว มารู้ตัวอีกทีก็ถึงโรงแรมหรูเสียแล้ว พวกลูกน้องถูกไล่ไปจนหมด เหลือเพียงชายวัยห้าสิบท่าทางเเบบเสี่ยกับเด็กหนุ่มรุ่นลูกเท่านั้น
ยูซูรุถูกพรมจูบไปตลอดทางตั้งแต่ลิฟต์ปิด จนเข้ามาถึงห้องสวีทราคาแพง
แล้วกิจกรรมเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ดำเนินต่อไป เพียงแต่วันนี้ในใจเด็กหนุ่มกลับไม่ได้สงบเหมือนปกติ มันร้อนรนและคอยคิดถึงคนที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่สามวันเท่านั้น
ลิ้นร้อนลามเลียไปทั่วร่างเขา ทั้งที่ทุกครั้งคิดว่าแค่หลับตายอมให้ทำก็จะจบไป หรือไม่ก็จัดการสวมหน้ากากมายาทำตัวให้มัวเมายอมสนองตอมรสกามาที่อีกฝ่ายปรนเปรอให้เอาใจไปนิด ใส่ความยั่วยวนเข้าไปหน่อย แล้ว ผลพลอยได้ก็จะตามมาอย่างงดงาม
แต่วันนี้แค่พอปิดตาภาพใบหน้าหงิมๆ ของใครบางคนก็ลอยเข้ามา น้ำเสียงสุภาพกับการกระทำทีให้เกียรติเขาทุกกระเบียดนิ้วนั้นยังตรึงตรา
“ยูซูรุ ทำไมวันนี้นิ่งจังเลยจ๊ะ ฉันทำอะไรให้ไม่ถูกใจรึเปล่า” เสียงหอบและหื่นแว่วกะซิบตรงปลายหู ก่อนจะแลบเลียให้ขยะแขยงเล่น
กลิ่นเหงื่อจากเนื้อหนังที่อุดมด้วยไขมันชวนคลื่นเหียนนัก แต่ก็ต้องกัดฟันยิ้มหวานให้แล้วพลิกตัวออก “ให้ยูซูรุจัดการให้ดีกว่านะครับ ทานาบาตะซังนั่งลงเถอะครับ”
“แหม อยากจะเริ่มเองก็ไม่บอกนะ น่ารักจังเลย” ชายแก่หยิกแก้มอิ่มเบาๆ แล้วก็ยอมย้ายไปนั่งห้อยขาที่ริมเตียง
ร่างบางขาวเนียนเยื้องย่างตัวเองลงไปบ้าง หากเป็นทุกวันคงมีอารมณ์ประดิษฐ์ท่าให้ยวนยั่วแต่วันนี้เดินแข็งยังกับหิน
ยูซูรุก้มลงรับความร้อนที่ไม่น่าอภิรมย์เข้าไปในโพลงปาก จัดการให้สมกับแรงตัณหาที่ลูกค้าเขาสะสมไว้นาน เสร็จตั้งแต่ตอนนี้จะได้ไม่ลุกล้ำร่างกายเขามากนัก
เสียงครางอือด้วยความพอใจ ใบหน้าร่ำรวยเงินทองนั่นแหงนเริ่ดจากรสกามที่เด็กคราวลูกปรนเปรอให้ แถมยังเลื่อนอุ่งมือใหญ่มากระชากผมนุ่มแล้วผลักมันเข้าออกให้ได้จังหวะที่ตนต้องการ
ใบหน้าหวานบิดด้วยความทรมาน แถมยังแดงจัดเพราะหายใจไม่ค่อยออก
ก่อนที่หยาดหยดจะรดหลั่งยูซูรุก็ผละหน้าออกมาทัน วันนี้เขาคงรับมันเข้าไปในร่างกายไม่ไหว แค่คิดอาหารเย็นก็จะพุ่งย้อนออกมาเสียให้ได้
ด้วยความที่ยังลอยคว้างอยู่ในห้วงสวรรค์อันเริงรมย์ ชายแก่เลยไม่ได้สังเกตุถึงความแปลกไปของสินค้าชิ้นแพง
“ทานาบาตะซังครับ คือ…ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ..ขอตัวกลับเลยได้มั้ยครับ” ยูซูรุลดเสียงให้อ่อนลง ทำหน้าอ้อนเข้าใส่
“ไม่สบายหรอ” มือใหญ่เอื้อมมือมารั้งร่างผอมบางให้ขึ้นไปนั่งบนตัก หยอกเอินยอดอกสีสวยเล่นด้วยปลายนิ้ว
“ครับ ปวดหัวจัง” ใส่ความสำออยเข้าไปหน่อย หวังว่าจะยอมปล่อยเค้าไปนะ
“ขอให้ฉันชิมตัวนายอีกรอบได้มั้ย แล้วจะยอมให้ไป”
ยูซูรุกัดปาก ก้มหน้าก้มตายอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็มันเป็นงานเขาเลือกเส้นทางสายนี้เอง จะให้มาทำอิดออดได้อย่างไร
ร่างที่เบาหวิวราวปุยนุ่นยันตัวขึ้น ก่อนจะค่อยกดสะโพกลงรับความร้อนระอุเข้าไปอีกครั้ง
ถ้าเป็นปกติเขาคงครางเอาใจลูกค้าแต่วันนี้แม้เสียงมันจะเล็ดลอดขึ้นมาแค่ไหนก็ต้องกลืนกลับลงไป
“ปวดหัวมากหรือเด็กน้อย ทำไมไม่มีเสียงเพราะๆ ให้ชื่นใจเลย”
ยูซูรุได้แต่ฝืนยิ้มไม่พูดอะไร กลั้นใจขยับร่างให้เร็วเพื่อจะได้กลับท่ีพักตัวเองซักที
มือใหญ่เลื่อนมาเอ็นดูชิ้นส่วนน่ารักของเด็กหนุ่ม เขาขยับมันให้เท่าทันจังหวะกันและกัน ความอุ่นนุ่มและคับแน่นของยูซูรุทำให้ทานาบาตะแทบคลั่ง ไม่เสียแรงที่ทุ่มเงินไปมากเพื่อให้ได้ลิ้มรสชาติอันหวานหอมนี้
“ฮึก…ผมจะไม่ไหวแล้วครับ” คนตัวเล็กส่งเสียงออกไป ทั่วทั้งร่างพราวระยับไปด้วยเหงื่อ อาการที่ถูกขยับสวนขึ้นมาจากด้านล่างทำเอาเขาจุกและเจ็บเอาการ
“อีกนิดเดียวนะเด็กดี”
หลังจากปลายทางสุดท้ายเปิดออกยูซูรุทรุดลงในอ้อมกอดที่มันเพื่อมไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขารีบยันตัวออกทันที หลังจากไม่มีสิ่งปิดกั้น เศษซากกามาก็ไหลอาบขาขาวนวล
“ร้อนแรงไม่เปลี่ยนเลยนะ” ดวงตาวาววับไล่กวาดไปทั่วร่างเปลือยเปล่าจนยูซูรุต้องรีบคว้าผ้าห่มบนเตียงมาปิดบังร่างตัวเองไว้ กลับกลายเป็นว่าเป็นกริยาอันน่ารักน่าชังในตาทานาบาตะเสียนี่
“ทำท่าน่ารักแบบนั้นเดี๋ยวฉันก็ไม่ปล่อยให้กลับหรอก”
เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งกับคำหยอกเอินนั้น อีกฝ่ายเลยหัวเราะใหญ่ กลายเป็นว่าเหมือนเห็นยูซูรุยั่วเเขกอีกรอบ
“เอาเถอะ ถือว่าวันนี้ทำให้ฉันพอใจมากไปอาบน้ำแต่งตัวซะ เดี๋ยวจะวางเงินไว้ให้” ส่วนฉันกลับก่อนนะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
ก่อนไปร่างหนายังเข้ามาจุมพิตกลีบกุหลาบงามไปอีกหนึ่งรอบ ลิ้นสากและน้ำลายหนืดทำให้ยูซูรุรู้สึกรังเกียจได้อย่างประหลาด ในหัวมันกลับมีแต่ภาพของหมอโชติดตา
อยากเปลี่ยนสัมผัสหยาบโลนนี้เป็นปากแดงจัดของผู้ชายคนนั้นแทน สองมือที่ลูบไล้เนื้อกายอยากให้กลายเป็นตระกองกอดอย่างทะนุถนอม
เอ๋า! ฟุ้งซ่านใหญ่แล้วยูซูรุ ใครเค้าจะทำแบบนั้นให้แก แค่เค้าเก็บป้ายชื่อมาคืนให้ก็ฝันเสียไกลเลยนะ
ทั้งที่บอกตัวเองอย่างนั้นแต่ก็รีบผละออกมาจากทานาบาตะแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป
:::::: be con::::::
เหลือเชื่อว่าลงครั้งแรก 27 เมษา 51 (นานขนาดนั้นเชียว)
ท้องฟ้าเบื้องบนเริ่มเป็นสีดำ ควันรถที่พ่นกันเต็มถนนยังส่งกลิ่นชวนเวียนหัวได้เหมือนทุกวัน ทั้งที่หลายคนกำลังกลับบ้านแต่บนทางเท้ากลับปรากฏร่างเด็กหนุ่มวิ่งสวนกระแสคนเดินด้วยความเร่งรีบ
ความซวยของการที่นาฬิกาตายมันไม่เคยเข้าใครออกใครจริงๆ ตอนนี้เขาควรจะไปถึงที่ทำงานเเละเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแต่ยังมาเดินย่ำต๊อก ต้อยๆ อยู่แบบนี้ อ๊าก!! จะบ้าตาย
โครม!!
ซวยซ้ำโดยการเลี้ยวที่หัวมุมแล้วชนเข้ากับใครก็ไม่รู้ ฝ่ายนู่นยืนงงแต่เด็กหนุ่มกระเด็นลงไปนั่งคลุกฝุ่นที่พื้นไม่เป็นท่า ไม่มีเวลามาโวยวายหรือสำออยต้องรีบลุกแล้ววิ่งพรวดๆ ไปทั้งที่ยังเจ็บก้นกบ
“วิ่งตลกชะมัด” คนที่ชนเค้าหรือถูกชนก็ไม่รู้ส่ายหน้าเมื่อมองตามหลังคนตัวเล็กๆ นั้นไป พอสุดสายตาก็กะว่าจะเดินต่อแต่ตาก็ดันไปเจอของบางอย่างตกอยู่บนพื้น
‘โซเอะ ยูซูรุ’ มุราซากิ บาร์
ร่างสูงก้มลงหยิบป้ายชื่อขึ้นมาพิจารณาก่อนเก็บใส่กระเป๋ากางเกง ท่าทางต้องตามไปคืนเสียแล้วกระมัง
.
.
.
บนถนนของคนกลางคืนหลายร้านเริ่มเปิดเเล้ว เห็นแบบนี้รู้เลยว่าสัญญาณอันตรายกำลังมาเยือน ยูซูรุเร่งฝีเท้าอึดใจเดียวก็มาหยุดหน้าร้านที่ตัวเองทำงานอยู่ กำลังจะก้าวเท้าเข้าร้านอยู่แล้วเชียวเอะใจนึกขึ้นได้
“ถ้าเข้าด้านหน้า ต้องเจอมากิจังแน่ๆ” ใบหน้าสวยหวานปานเทพธิดาลอยมาโปรด แต่ความดุนั้นไม่เป็นที่สองรองใครเลยหละเจ้านายเขา เลี้ยวอ้อมเข้าหลังร้านดีกว่า เจอลุงพ่อครัวหน้าเหี่ยวๆ ยังดีกว่าเจอปีศาจน้อยหน้าหวาน เหอ~
ยูซูรุพุ่งเข้าไปหลังร้านตัดผ่านห้องครัวแล้วก้าวพรวดๆ ไปยังห้องแต่งตัวทันที รอดไปหนึ่งดอก สาธุ ซวยมาทั้งวันแล้ว อย่าให้ความซวยเกิดขึ้นอีกเลยนะ
จัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นยูคาตะสีสด ล้างหน้าทำผมเสียหน่อยให้มันดูเป็นผู้เป็นคนเผื่อจะได้ทิปเยอะๆ พอจะออกไปหน้าร้านเท่านั้นแหละ ความซวยก็ตามมาหลอนอีกจนได้
ป้ายชื่อหายไปไหน!!
ควานหาทั้งในกระเป๋าเป้ ในล็อกเกอร์ก็ไม่มี ขืนออกไปทั้งแบบนี้ คุณมากิแปลงร่างเป็นยักษ์แน่ๆ
.
.
.
ร่างโปร่งที่ปรากฏอยู่หน้าร้านแต่งตัวง่ายๆ เหมือนจะออกไปซื้อของตามคอนวิเนี่ยน สโตร์มากกว่าจะมาสถานเริงรมย์ยามค่ำคืน
“เอ่อ ที่นี้มีคนชื่อโซเอะ ยูซูรุมั้ยครับ” ถามเสียงนุ่มพร้อมยิ้มน้อยๆ อย่างสุภาพ
พนักงานต้อนรับหนุ่มน้อยที่โดนถามเพิ่งสังเกตุว่าคนตรงหน้านี้ก็หล่อชะมัดเหมือนกัน สงสัยจะเป็นลูกค้าใหม่ ถามหาดาวดังของร้านเสียด้วย
“ยุซูรุอยู่ที่นี้แหละครับ เชิญข้างในดีกว่า” รอยยิ้มธุรกิจฉายวาบบนพนักงานต้อนรับหน้าสวย แล้วเดินนำเข้าไปภายในทันที
ชายหนุ่มที่มาเลือกนั่งโต๊ะที่ค่อนข้างห่างจากโต๊ะอื่น แถมยังสั่งเพียงน้ำอัดลมเท่านั้นแต่ขอให้ช่วยตามโซเอะ ยูซุรุมาให้หน่อย
ระหว่างรอเครื่องดื่มและคนที่ต้องการ โชก็กวาดตามองไปเรื่อย เขาพอจะรู้ลางๆ ว่าร้านนี้ต้อนรับคนรสนิยมแบบไหน พนักงานในร้านก็เป็นเด็กหนุ่มรุ่นๆ แถมหน้าตาหวานเสียผู้หญิงหลายคนอาย โดยเฉพาะคนที่นั่งอยู่ตรงเคาร์เตอร์ มองผาดๆ ยังคิดว่าเป็นนางฟ้าลงมาเที่ยวโลกมนุษย์เลย
.
.
.
“ยูซูรุ แขกเรียก” มากิเข้ามาตามเจ้าตัวแสบในห้องแต่งตัว วันนี้เป็นอะไรนะ ไม่เสนอหน้ามากวนเขาแถมยังไม่ยอมออกมาทำงานอีก
“ฮ่ะ … ไปเดี๋ยวนี้แล้ว” คนที่ถูกเรียกตะโกนบอกทั้งที่ยังเดินวนเป็นหนูติดจั่น หาป้ายชื่อไม่เจอแบบนี้ต้องโดนด่าแถมยังโดนหักเงินเดือนอีกแน่ๆ แต่ถ้ารอให้คุณมากิมาตามถึงในห้องก็ซวยเหมือนกัน รีบวิ่งออกไปเลยดีกว่า
ร่างบางๆ วิ่งสวนออกมาจากห้องแต่งตัว ไม่ทักทายผู้เป็นนายด้วยซ้ำ
“วิ่งไปแบบนั้นแล้วจะรู้โต๊ะมั้ย” มากิบ่นด้วยความระอาในความอยู่ไม่นิ่งของเจ้าลูกน้องตัวดี
ยูซูรุถอนหายใจเฮือกเพราะพ้นเงื้อมมือมากิมาได้ รีบแถเข้าไปหาพนักงานคนนึงที่จำได้ว่าวันนี้มีเวรรับแขกหน้าร้าน
“โต๊ะไหนเรียกฉันหรอ”
“โต๊ะ 5 ครับ” พนักงานที่เป็นน้องใหม่กว่าตอบอย่างนอบน้อมแล้วขอตัวไปทำงานต่อ
โฮต์หนุ่มสวมวิญญาณธุรกิจทันที ปั้นหน้าให้ยิ้ม ทำใจให้ว่าง ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากเอาใจแขกให้ดีที่สุด
“ขออนุญาตนะครับ” เอ่ยเสียงหวานแล้วก็ขยับเก้าอี้นั่งลงตรงข้าม แอบสงสัยว่าจะเรียกโฮตส์มานั่งด้วยทำไมไมนั่งโต๊ะแบบโซฟาแต่ดันนั่งโต๊ะอาหารธรรมดา ที่เก้าอี้กห่างกันเป็นโยชน์
เพิ่งมองแขกของตัวเองชัดๆ ตอนแรกนึกว่าจะเป็นลุงแก่ๆ ที่ไหนได้หน้านี่อ่อนเชียว จะอายุน้อยกว่าเขารึเปล่าก็ไม่รู้ หนีพ่อแม่มาเที่ยวรึเปล่าเนี่ยะ
“สวัสดีครับผม โซเอะ ยูซูรุเรียกผมว่า ยูซูรุก็ได้ครับ” แนะนำตัวไปตามเสต็ปแล้วก็รอปฏิกริยาของลูกค้าที่สั่งแค่โค้ก
“เอ่อ ผม …. โช เป็นนักศึกษาเแพทย์ปีสี่ ม.ไทโด”
อ๊าง!! หล่อจังแถมเก่งด้วย
ยูซูรุคิดในใจแต่ก็ยังปั้นหน้าเป็นโฮตส์มืออาชีพต่อไป
“วันนี้ให้ผมดูแลคุณนะครับ” ใส่เสียงหวานกับยิ้มไปนิดหน่อย แค่นี้คุณลูกค้าก็ดูประหม่าแล้ว
“เอ่อ..ไม่ต้องหรอกครับผมแค่เอานี่มาคืน”
มือใหญ่ล้วงป้ายสีทองมันวาวขนาดเล็กออกมาวางบนโต๊ะ เท่านั้นคนตวเล็กก็ทำตาโต สีหน้าที่ประดิษฐ์ประดอยอย่างดีแตกโพล๊ะกลายเป็นยูซูรุที่พูดแจ้วๆ เป็นต่อยหอย
“ขอบคุณมากเลยครับ รู้มั้ยว่าถ้าผมไม่ได้ป้ายอันนี้คืนมา มากิจัง เอ่อ เจ้านายผมหนะครับ คนที่สวยๆ นั่งอยู่ตรงนู่น ต้องฆ่าผมแน่ๆ แถมบ่นไปสามวันเจ็ดวัน แล้วก็หักเงินเดือนผมด้วย… คุณเห็นเค้าสวยๆ แบบนั้นแต่อย่าไปหลงจีบเด็ดขาด ดุอย่างกับอะไรดี แต่ก็มีแฟนแล้วนะครับ ชื่อคุณไฮต์….” โฮตส์หนุ่มร่ายบทนินทาเจ้านายยาวเหยียดอย่างอารมณ์ดีที่ได้ของคืนมา ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งฟังแล้วก็อมยิ้ม
“เอ่อ…ผมขอเรียกคุณว่าหมอนะ” หลังจากพูดโดยไม่หยุดมาเกือบชั่วโมงเจ้าตัวดีก็เปิดช่องให้อีกฝ่ายพูดบ้าง
“ตามใจคุณเถอะ งั้นผมเรียกคุณว่ายู…นะ”
“โอเค ไม่เคยมีใครเรียกมาก่อนเลยนะ” คนตัวเล็กเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “อ๋อ..ให้ผมเลี้ยงเหล้าหมอเป็นการขอบคุณนะ”
ยูซูรุทำท่าจะเรียกพนักงานในร้านแต่ก็โดนห้าม “ผมแพ้แอลกอฮอล์หนะ”
แป่ว!!
“งั้น บุหรี่มั้ยครับหมอ”
ตั้งท่าจะเรียกอีกแต่ก็ถูกห้าม “เป็นหมอสูบบุหรี่ได้ไงหละครับ”
นั่นซิ ลืมไปเลย
ยูซูรุหัวเราะแก้เก้อ แก้มขาวแดงออกมาอย่างน่ารัก
“งั้นเลี้ยงข้าวละกัน โอเคมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไร…” คราวนี้หมอห้ามไม่ได้แล้วเพราะคนตัวเล็กที่นั่งหน้าเขาสั่งจ้อยๆ ไม่หยุด แถมกำชับเพื่อนร่วมงานให้ใส่แถมๆ มาด้วย
“ต้องบอกไปว่าผมสั่ง ลุงพ่อครัวเค้าจะได้พิเศษให้” ร่างบางบอกด้วยรอยยิ้มทะเล้น หลังจากนั้นก็ชวนหมอจ้อต่อ แต่เป็นในลักษณะหมอแค่นั่งพยักหน้าเออออ ที่เหลือเจ้าตัวเล็กขอโปรโมชั่นเล่าเองคนเดียว
.
.
.
หลังทานอาหารเสร็จและคุยกันต่ออีกเล็กน้อย หมอก็ขอตัวกลับเพราะวันรุ่งขึ้นมีเรียนเช้า ยูซูรุเดินตามไปส่งถึงข้างหน้าแล้วก็กลับมาทำงานต่อ
ถ้ารู้ว่าไม่เหมือนพวกลูกค้ารายอื่น ตอนแรกไม่นั่งปั้นหน้าให้เมื่อยหรอก ฟู้ว~
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” มากิเดินเข้ามาเเซว
“หรอครับ”
“มีอะไรดีดีรึไงเห็นนั่งคุยด้วยกันตั้งนาน แถมเลี้ยงข้าวเค้าอีก”
“ความลับ” เจ้าตัวดีทำหน้าเป็นใส่แล้วก็เดินลัลล้าเข้าไปในร้าน
เห็นแล้วก็มันเขี้ยว เดี๋ยวตัดเงินเดือนเสียให้เข็ดเลยนี่
.
.
.
วันต่อมา คนในร้านคึกคักเหมือนเดิมแต่หมอไม่ยักกะมา
“แล้วเค้าจะมาทำไมหละ เฮ้อหวังลมๆ แล้ง” ยูซูรุเพียรบอกตัวเองแต่อดไม่ได้ที่จะหันมองทางเข้าทุกสองนาที
“ตั้งใจทำงานหน่อยซิ มองหาใครอยู่ได้”
มาอีกแล้วเสียงสวรรค์ “มากิจังก็..”
“ทำไม รอคนเมื่อวานหรอ เค้าบอกจะมารึไง” มากิขยับเข้ามาใกล้ ที่จริงเขากับยูซูรุก็คล้ายจะเป็นเพื่อนกันมากกว่าจะเป็นลูกน้องกับเจ้านาย เนื่องจากอายุเท่ากันแถมยังไปไหนต่อไหนด้วยกันบ่อยๆ เลยกล้าจะหยอกล้อพูดคุยอย่างสนิทสนม
“หมอ..เค้าคงไม่มาแล้วมั้ง” ยูซูรุบอกหงอยๆ
ไม่เคยเห็นเจ้าตัวเล็กเป็นแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาสองปี
“ชอบเค้ารึไง”
“ไม่ซักหน่อย” ผู้ต้องหารีบปฏิเสธ ส่ายหน้าผึบผับจนผมที่ซอยระต้อนคอปลิวว่อน
“หรอ..” มากิลากเสียงล้อ ก็ไม่เคยเห็นเจ้าตัวแสบหน้าแดงมาก่อนนี่นา อยากจะแกล้งให้จนมุมจริงๆ เลยเชียว
“แค่คุยสนุกดี แล้วก็สุภาพดีด้วย”
เจ้านายพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ตั้งใจทำงานเถอะ บางทีวันนี้เค้าอาจจะไม่ว่างก็ได้ รอดูพรุ่งนี้ซิ”
ยูซูรุพยักหน้ารับแล้วก็ร่อนไปทำงานต่อ แต่ท่าทางมันดูเนือยๆ พิลึก
.
.
.
วันที่สาม ยูซูรุนั่งหน้าเศร้าถอนหายใจเฮือกๆ เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์เขามีแขกประจำอยู่แล้ว ทานาบาตะซังเจ้าของร้านก่อสร้างร้านใหญ่ในเขตนี้ ทั้งที่แต่งงานมีลูกมีเมียแล้วยังชอบเลี้ยงเด็กหนุ่มหน้าตาดีไว้ดูเล่นอีก
เบื่อไม่อยากจะไปน่ังคุยด้วยเลย แถมทำงานเสร็จก็ต้องไปต่ออีก
ร้านใกล้ปิด ทานาบาตะซังพร้อมลูกน้องก็ได้ฤกษ์ยกทัพกลับ ยูซูรุอยู่ในอ้อมเเขนของชายหนุ่มรุ่นพ่อที่เริ่มเมาแล้วก็ทำรุ่มร่ามแต่จะขัดไปก็เท่านั้น ออกไปแล้วได้เงินดีใครจะไม่ชอบหละ
เกือบจะออกนอกร้านอยู่แล้วเชียวถ้าสายตาไม่ไปประทะกับดวงตาอีกคู่เสียก่อน
“หมอ..” ขยับปากทั้งที่ไม่มีเสียงแต่ก็ไม่สามารถหยุดคุยด้วยได้ ทำได้เพียงหันมองจนคอแทบหลุดแล้วก็โดนลากขึ้นรถไป
ยูซูรุนั่งเงียบไปตลอดทาง ในหัวมีแต่ใบหน้าของชายหนุ่มที่ได้เห็นแค่เเวบเดียว หมอมานานรึยัง ถ้าวันนี้เขาไม่ติดแขกหมอจะเรียกเขาหรือเปล่า แต่สายตาหมอเมื่อกี้เหมือนผิดหวังอะไรบางอย่าง
หมอมาเจอเราใช่มั้ย เพราะคนที่แพ้เหล้าไม่สูบบุหรี่แบบนั้นจะมาบาร์ทำไม
คิดอะไรอยู่คนเดียว มารู้ตัวอีกทีก็ถึงโรงแรมหรูเสียแล้ว พวกลูกน้องถูกไล่ไปจนหมด เหลือเพียงชายวัยห้าสิบท่าทางเเบบเสี่ยกับเด็กหนุ่มรุ่นลูกเท่านั้น
ยูซูรุถูกพรมจูบไปตลอดทางตั้งแต่ลิฟต์ปิด จนเข้ามาถึงห้องสวีทราคาแพง
แล้วกิจกรรมเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ดำเนินต่อไป เพียงแต่วันนี้ในใจเด็กหนุ่มกลับไม่ได้สงบเหมือนปกติ มันร้อนรนและคอยคิดถึงคนที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่สามวันเท่านั้น
ลิ้นร้อนลามเลียไปทั่วร่างเขา ทั้งที่ทุกครั้งคิดว่าแค่หลับตายอมให้ทำก็จะจบไป หรือไม่ก็จัดการสวมหน้ากากมายาทำตัวให้มัวเมายอมสนองตอมรสกามาที่อีกฝ่ายปรนเปรอให้เอาใจไปนิด ใส่ความยั่วยวนเข้าไปหน่อย แล้ว ผลพลอยได้ก็จะตามมาอย่างงดงาม
แต่วันนี้แค่พอปิดตาภาพใบหน้าหงิมๆ ของใครบางคนก็ลอยเข้ามา น้ำเสียงสุภาพกับการกระทำทีให้เกียรติเขาทุกกระเบียดนิ้วนั้นยังตรึงตรา
“ยูซูรุ ทำไมวันนี้นิ่งจังเลยจ๊ะ ฉันทำอะไรให้ไม่ถูกใจรึเปล่า” เสียงหอบและหื่นแว่วกะซิบตรงปลายหู ก่อนจะแลบเลียให้ขยะแขยงเล่น
กลิ่นเหงื่อจากเนื้อหนังที่อุดมด้วยไขมันชวนคลื่นเหียนนัก แต่ก็ต้องกัดฟันยิ้มหวานให้แล้วพลิกตัวออก “ให้ยูซูรุจัดการให้ดีกว่านะครับ ทานาบาตะซังนั่งลงเถอะครับ”
“แหม อยากจะเริ่มเองก็ไม่บอกนะ น่ารักจังเลย” ชายแก่หยิกแก้มอิ่มเบาๆ แล้วก็ยอมย้ายไปนั่งห้อยขาที่ริมเตียง
ร่างบางขาวเนียนเยื้องย่างตัวเองลงไปบ้าง หากเป็นทุกวันคงมีอารมณ์ประดิษฐ์ท่าให้ยวนยั่วแต่วันนี้เดินแข็งยังกับหิน
ยูซูรุก้มลงรับความร้อนที่ไม่น่าอภิรมย์เข้าไปในโพลงปาก จัดการให้สมกับแรงตัณหาที่ลูกค้าเขาสะสมไว้นาน เสร็จตั้งแต่ตอนนี้จะได้ไม่ลุกล้ำร่างกายเขามากนัก
เสียงครางอือด้วยความพอใจ ใบหน้าร่ำรวยเงินทองนั่นแหงนเริ่ดจากรสกามที่เด็กคราวลูกปรนเปรอให้ แถมยังเลื่อนอุ่งมือใหญ่มากระชากผมนุ่มแล้วผลักมันเข้าออกให้ได้จังหวะที่ตนต้องการ
ใบหน้าหวานบิดด้วยความทรมาน แถมยังแดงจัดเพราะหายใจไม่ค่อยออก
ก่อนที่หยาดหยดจะรดหลั่งยูซูรุก็ผละหน้าออกมาทัน วันนี้เขาคงรับมันเข้าไปในร่างกายไม่ไหว แค่คิดอาหารเย็นก็จะพุ่งย้อนออกมาเสียให้ได้
ด้วยความที่ยังลอยคว้างอยู่ในห้วงสวรรค์อันเริงรมย์ ชายแก่เลยไม่ได้สังเกตุถึงความแปลกไปของสินค้าชิ้นแพง
“ทานาบาตะซังครับ คือ…ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ..ขอตัวกลับเลยได้มั้ยครับ” ยูซูรุลดเสียงให้อ่อนลง ทำหน้าอ้อนเข้าใส่
“ไม่สบายหรอ” มือใหญ่เอื้อมมือมารั้งร่างผอมบางให้ขึ้นไปนั่งบนตัก หยอกเอินยอดอกสีสวยเล่นด้วยปลายนิ้ว
“ครับ ปวดหัวจัง” ใส่ความสำออยเข้าไปหน่อย หวังว่าจะยอมปล่อยเค้าไปนะ
“ขอให้ฉันชิมตัวนายอีกรอบได้มั้ย แล้วจะยอมให้ไป”
ยูซูรุกัดปาก ก้มหน้าก้มตายอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็มันเป็นงานเขาเลือกเส้นทางสายนี้เอง จะให้มาทำอิดออดได้อย่างไร
ร่างที่เบาหวิวราวปุยนุ่นยันตัวขึ้น ก่อนจะค่อยกดสะโพกลงรับความร้อนระอุเข้าไปอีกครั้ง
ถ้าเป็นปกติเขาคงครางเอาใจลูกค้าแต่วันนี้แม้เสียงมันจะเล็ดลอดขึ้นมาแค่ไหนก็ต้องกลืนกลับลงไป
“ปวดหัวมากหรือเด็กน้อย ทำไมไม่มีเสียงเพราะๆ ให้ชื่นใจเลย”
ยูซูรุได้แต่ฝืนยิ้มไม่พูดอะไร กลั้นใจขยับร่างให้เร็วเพื่อจะได้กลับท่ีพักตัวเองซักที
มือใหญ่เลื่อนมาเอ็นดูชิ้นส่วนน่ารักของเด็กหนุ่ม เขาขยับมันให้เท่าทันจังหวะกันและกัน ความอุ่นนุ่มและคับแน่นของยูซูรุทำให้ทานาบาตะแทบคลั่ง ไม่เสียแรงที่ทุ่มเงินไปมากเพื่อให้ได้ลิ้มรสชาติอันหวานหอมนี้
“ฮึก…ผมจะไม่ไหวแล้วครับ” คนตัวเล็กส่งเสียงออกไป ทั่วทั้งร่างพราวระยับไปด้วยเหงื่อ อาการที่ถูกขยับสวนขึ้นมาจากด้านล่างทำเอาเขาจุกและเจ็บเอาการ
“อีกนิดเดียวนะเด็กดี”
หลังจากปลายทางสุดท้ายเปิดออกยูซูรุทรุดลงในอ้อมกอดที่มันเพื่อมไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขารีบยันตัวออกทันที หลังจากไม่มีสิ่งปิดกั้น เศษซากกามาก็ไหลอาบขาขาวนวล
“ร้อนแรงไม่เปลี่ยนเลยนะ” ดวงตาวาววับไล่กวาดไปทั่วร่างเปลือยเปล่าจนยูซูรุต้องรีบคว้าผ้าห่มบนเตียงมาปิดบังร่างตัวเองไว้ กลับกลายเป็นว่าเป็นกริยาอันน่ารักน่าชังในตาทานาบาตะเสียนี่
“ทำท่าน่ารักแบบนั้นเดี๋ยวฉันก็ไม่ปล่อยให้กลับหรอก”
เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งกับคำหยอกเอินนั้น อีกฝ่ายเลยหัวเราะใหญ่ กลายเป็นว่าเหมือนเห็นยูซูรุยั่วเเขกอีกรอบ
“เอาเถอะ ถือว่าวันนี้ทำให้ฉันพอใจมากไปอาบน้ำแต่งตัวซะ เดี๋ยวจะวางเงินไว้ให้” ส่วนฉันกลับก่อนนะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
ก่อนไปร่างหนายังเข้ามาจุมพิตกลีบกุหลาบงามไปอีกหนึ่งรอบ ลิ้นสากและน้ำลายหนืดทำให้ยูซูรุรู้สึกรังเกียจได้อย่างประหลาด ในหัวมันกลับมีแต่ภาพของหมอโชติดตา
อยากเปลี่ยนสัมผัสหยาบโลนนี้เป็นปากแดงจัดของผู้ชายคนนั้นแทน สองมือที่ลูบไล้เนื้อกายอยากให้กลายเป็นตระกองกอดอย่างทะนุถนอม
เอ๋า! ฟุ้งซ่านใหญ่แล้วยูซูรุ ใครเค้าจะทำแบบนั้นให้แก แค่เค้าเก็บป้ายชื่อมาคืนให้ก็ฝันเสียไกลเลยนะ
ทั้งที่บอกตัวเองอย่างนั้นแต่ก็รีบผละออกมาจากทานาบาตะแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป
:::::: be con::::::
เหลือเชื่อว่าลงครั้งแรก 27 เมษา 51 (นานขนาดนั้นเชียว)
ส่วนใครทีพึ่งเข้ามาอ่าน ไรต์กำลังทยอย รีไรต์ เเก้คำผิด ฯลฯ แล้วจะมาต่อให้จบแล้วจ้า
ขอกำลังใจกันด้วยเน้อ เดี๋ยวนี้ฮิตสกรีมแท็ก ใช่หรือไม่ ฝากคำนี้ด้วยน๊า #หมอกับยู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น