ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 5. read da books!!
5.
พระเอก ฮามาโนะทาดาโยชิ
นายเอก นากามารุ ไทกิ
เเฝดพระ อากิโมโตะ คาโงะ vs ไคโตะ
แฝดนาย ฟุคุดะ นาโอซึมิ vs มาซาฮิโระ
หลังจากนอนเต็มอิ่ม ผมก็ลุกขึ้นมานั่งงงอยู่นาน ทำไมเตียงมันช่างกว้างและนุ่มแบบนี้ สภาพในห้องก็ตกแต่งเหมือนบ้านในหนังสือ ผมหลับไปนานขนาดที่คุณนายนากามารุตกแต่งบ้านใหม่โดยไม่รู้ตัวเลยหรอ
สะบัดหัวเรียกสติอยู่พักใหญ่ ความโง่ก็เลยกระเด็นไปปะทะหน้าขาวๆ ปากแดงๆ ของใครบางคนที่เปิดประตูเข้ามา
สวมผ้ากันเปื้อนสีฟ้าน่ารักเชียว
“ตื่นแล้วหรอพ่อตัวดี”
แหนะไม่ตื่นพี่จะเห็นผมลืมตาหรือครับ คิดครับได้แค่คิดจริงๆ แล้วพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“ล้างหน้าล้างตาแล้วออกมากินข้าวเช้าซะ พี่เตรียมไว้ให้แล้ว ห้องน้ำอยู่ทางนู่นนะ พวกผ้าขนหนูก็อยู่ในตู้ หาเอาเองตามสบาย”
พูดเสร็จก็ยิ้มหล่อกระชากใจมาให้หนึ่งดอก หันหลังด้วยท่วงท่าประหนึ่งเจ้าชาย ออร่านี้สว่างไสวจนผมตาพร่าเชียว
นั่งมึนอยู่อีกพักใหญ่ครับ เพราะเมื่อคืนจำได้ว่านั่งดูหนังอยู่ที่ห้องนั่งเล่น โดยมีหมอส่วนตัวคอยเอาน้ำแข็งประคบแก้มที่บวมให้ แถมพี่แกยังประคบลามไปถึงเท้าที่เเพลงด้วย แล้วไหงตื่นมาอีกทีอยู่บนเตียงได้หว่า
ลองวาดเท้าลงพื้นเบาๆ ก่อนคาดว่ามันคงเจ็บแปล๊บ แต่ปรากฏว่าไม่ครับ แหมสงสัยฝีมือรักษาขั้นเทพของพี่หมอสุดหล่อแน่ๆ เลย
จาระไนความดีพี่แกไม่หมดซักที คนหรือเทวดากันแน่ว่ะเนี่ยะ หาข้อเสียไม่เจอซักข้อ
พออยู่คนเดียวผมเลยได้โอกาสสำรวจห้องนอนคุณชายท่านนิดหน่อย อย่างแรกคือเตียงใหญ่ หนานุ่มมาก ชอบใจที่สุด อยากนอนบนที่นอนแบบนี้ทุกคืนจัง ผ้านวมสีน้ำเงินนี้ก็อุ่นจนทำให้ผมขี้เกียจตัวเป็นขนได้เลยทีเดียว มีเคาร์เตอร์ไม้กลมๆ ต่อออกมาจากปลายเตียงเลย คงไว้ให้สะดวกเวลาอ่านหนังสือ จะนั่งจะนอนตามใจชอบ แล้วก็เชื่อมยาวไปเป็นโต๊ะตัวใหญ่และชั้นวางของปิดกระจก หนังสือเรียนเล่มหนาเท่าบ้านวางอัดเรียงกันเพียบ แม้แต่ใต้โต๊ะก็ยังเจาะเป็นชั้นวางของ
“โชแนนจัมพ์” ผมเผลออุทานออกมาด้วยความโลภครับ เหอะๆ ใต้เคาร์เตอร์ยาวห้องพี่โยชิคือขุมสมบัติของผม หนังสือการ์ตูนวางเรียงกันให้พรืด สงสัยต้องมาห้องนี้บ่อยๆ แล้วครับ
พอเจอของถูกใจก็ได้แต่ยิ้มหน้าบานเดินลัลล้าเข้าห้องน้ำครับ
ห้องน้ำพระคุณท่านนั้นใหญ่กว่าห้องนอนผมอีก อ่างจากุชชี่ที่เห็นในหนังบ่อยๆ ก็วางแผละอยู่ในห้องท่านชายโยชิด้วย ฝักบัวสีทองมันวับจนส่องเห็นรูขุมขนผมเลยทีเดียว
เสียเวลาชื่นชมเพลิน กว่าจะออกมาจากห้องได้ก็ทันเห็นเจ้าของห้องหน้าหงิกครับ
“ขอโทษที่สายครับ” มารยาทดีนำชัยไปกว่าครึ่ง ทั้งโค้งและยิ้มหวานนำทัพไปก่อนครับ
“พี่รอเราจนมื้อเช้าเย็นชืดหมดแล้ว” ดูหน้าก็รู้ครับว่าแกล้งทำเป็นขรึม
“อย่าโกรธผมเลยน๊า ถ้าเป็นฝีมือพี่โยชิถึงมันจะเย็นก็คงอร่อยอยู่” ทำสายตาออดอ้อนส่งไปหนึ่งดอกครับ ดูซิว่าจะใจเเข็งมั้ย
อิอิ ยิ้มแล้วครับ
ถอนหายใจเบาๆ ไว้อาลัยในความบ๊องแบ๊วของตัวเองครับ สาบานว่าวิธีนี้ผมเลียนแบบมาจากเจ้าแฝด ไม่ได้เป็นแต่กำเนิดนะครับ
กลิ่นไข่ดาว เบคอน แล้วก็เนยบนขนมปังปิ้งมันยั่วยวนใจผมเหลือเกิน แต่ก็ต้องรักษาหน้าคุณนายนากามารุไว้นิดนึงครับ ขืนมูมมามเดี๋ยวพี่แกจะคิดว่าผมไม่ได้รับคำสั่งสอน
เอาส้อมจิ้มลงไปตรงกลางแล้วเห็นไข่แดงมันเยิ้มลงมา มีความสุขจริงๆ เลยครับ พี่โยชิเองก็หัวเราะ จำขำอะไรนักหนาไม่รู้ หรือเพราะที่ผมทำอยู่นี้มันเหมือนเด็กก็ไม่รู้
.
.
.
กินเสร็จก็มาช่วยพี่โยชิล้างจาน ที่จริงก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ แค่รับจานไปวางในตู้เท่านั้น เค้ากลัวมือผมจะโดนน้ำยาล้างจานกัด หารู้ไม่ว่ามันหน้าด้านหน้าทนขนาดไหน หึ
“หายโกรธพี่รึยัง” อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาเล่นเอาผมสะดุ้งโหยง แทบทำจานกระเบื้องเนื้อหนาหลุดมือ
มาถามกันแบบนี้จะให้ผมตอบยังไงหละครับ เล่นมานอนเสียเต็มคราบแถมฟาดอาหารเสียเรียบวุธ
สุภาษิตจีนว่าไว้ มีคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ
แล้วผมหละ มีทั้งคุณทั้งแค้นกับพี่แก ต้องทำไงดี
“พี่ขอโทษนะที่ทำอะไรโดยไม่คิดถึงใจนาย นายอาจจะไม่ชอบที่ต้องมาเรียนติวกับพี่ รังเกียจที่ต้องมาอยู่ร่วมห้องเดียวกัยพี่”
โห คิดไปได้ครับ ใครคิดแบบนั้นก็โง่เต็มทน
“ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย” ขืนเงียบนานกว่านี้บางทีคุณชายของผมอาจจะหลั่งน้ำตาออกมาให้ผมระทวยเล่นได้ เลยอ้าปากพูดบ้างครับ “ผมแค่ไม่ชอบที่แม่กับพี่พูดเองเออเองไม่สนใจด้วยซ้ำว่าผมจะตกลงรึเปล่า”
“พี่ขอโทษ”
เอ่อ…แค่พูดก็พอครับ ไม่ต้องสงสายตาน่าสงสารแบบนั้นมาด้วย หัวใจผมล้มละลายพี่จะรับผิดชอบมั้ยครับ
“แล้วตกลงอยากมาเรียนกับพี่ที่ห้องนี้รึเปล่า”
ไม่มาก็ต้องมาหละครับ ติวเตอร์โคตรหล่อ สถานที่เรียนแสนสบาย ดีกว่าอยู่ช่วยงานที่ร้านเป็นกอง
พยักหน้าเบาๆ อย่างไว้เชิงครับ เรื่องอะไรจะให้รู้ว่าเราเต็มใจ
.
.
.
นรกมีจริงครับ แค่ช่วงเช้าพลังงานที่กินเข้าไปก็ถูกดึงออกมาใช้เรียบ สมการคณิตศาสตร์ตีกันให้วุ่นไปหมดในหัวผม พอทำโจทย์ข้อสุดท้ายที่พี่แกให้มาเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลากับที่เบาะนุ่มๆ ที่วางอยู่เกลื่อนพื้นห้องนั่งเล่น
พอติวเตอร์สุดหล่อตรวจเสร็จเตรียมจะสอนใหม่ผมก็ยึดหมอนช้างไว้แน่น เอาหน้าซุกเข้าไปกับเบาะ เป็นสัญญาณว่าไม่เอาแล้ว
“เหนื่อยแล้วหรอ”
พี่ไม่เหนื่อยหรือครับ ยิ้มระรื่นถามผมแบบนี้
“เหนื่อย เพลีย ง่วง หิว” ทำปากยื่นตอบเขาไปครับ เขาจะได้สงสาร
พี่โยชิเลิกคิ้ว ยกแขนซ้ายขึ้นมองนาฬิกาข้อมือ “เที่ยงแล้วนี่นา งั้นพักเรื่องเรียนไว้ก่อน ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกัน”
พอได้ยินว่าจะได้เติมเชื้อพลงผมก็ดีดตัวผึง หน้าตาคงออกอาการมากไปหน่อยมือใหญ่เลยวางแปะลงมาบนหัวแล้วขยี้ด้วยความเมามันส์ “เมื่อกี้คอพับคออ่อนอยู่เลย พอได้ยินว่าจะออกไปข้างนอกก็เเข็งเเรงเลยน๊า..”
ยิ้มด้วยความเขินครับ โดนจับไต๋ได้
จัดการล้างหน้าล้างมือเสริมความหล่อกันนิดหน่อย ก็ได้ฤกษ์เคลื่อนขบวน
“ไทจังอยากกินอะไรหละ”
“ตามใจพี่ซิครับ ผมอะไรก็ได้”
“งั้นไปกินร้าน KITCHEN NAKAMARU ดีกว่า”
“ก็ได้ครับ”
ยิ้มอย่างอารมณ์ดีได้สองวินาทีครับ ก็ต้องหันขวับไปหาพ่อตัวดีที่ยิ้มหน้าระรื่น ว่าทำไมชื่อร้านคุ้นๆ ก็นั่นมันร้านที่บ้านผมนี่ครับ
สายหัวผึบผับจนผมปลิวประหนึ่งโฆษณาแชมพูทางทีวีครับ “หน้าแบบนี้ไม่ไปให้แม่เห็นเด็ดขาด” ว่าเข้าให้ พี่โยชิก็ยิ้มถูกใจ
“ล้อเล่นหนะ ไปห้างกันก็ได้ กินเสร็จจะได้เดินเล่มหรือกินไอติมต่อด้วยดีมั้ย”
“แบบนั้นค่อยโอเคหน่อย”
เมื่อได้ข้อสรุปพวกเราก็เลยเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่ผุดตรงหน้าคอนโดพี่แกแบบเป๊ะๆ
ตอนอาบน้ำ ผมส่องดูสภาพหน้าหล่อๆ ของตัวเองในกระจก มันไม่บวมแล้วครับ แต่ที่แก้มกับที่คิ้ว ยังมีสีม่วง เขียว แดงประดับอยู่ ขืนกลับบ้านไป แม่ก็รู้กันพอดีี แล้วที่หอบผ้าหอบผ่อนหนีมาอยู่บ้านผู้ชายมันจะมีความหมายอะไรหละครับ
.
.
.
มื้อเที่ยงแสนสำราญ หมดไปกับชาบูชุดใหญ่ แน่นอนว่าพี่โยชิจ่ายครับ ผมอิ่มประหยัดตังค์อยู่ครบ
ออกจากร้านมาก็เดินเล่นให้อาหารย่อย เตรียมไปกินไอติมครับ แต่ด้วยดวงอันดีของคนที่มาด้วยหรือความซวยของผมก็ไม่ทราบ เจอคู่รักแฝดนรกตัวน้องกำลังยืนเลือกซีดีเพลงกันอย่างหนุงหนิง
กระตุกมือพี่โยชิให้เลี่ยง แต่พี่แกดันไวกว่าสาวเท้าไปทักทายเพื่อนรักยกใหญ่ ปล่อยให้ผมผจญกับเจ้ามารน้อยที่ส่งสายตาซุกซนมาทิ่มแทงอย่างสนุกสนาน
“มาเดทกันหรอ” เปิดมาประโยคเเรกก็อยากถีบให้กระเด็นแล้ว
“มากินข้าว เดินเล่น กินไอติม ไม่ได้มาเดท” ผมข่มอารมณ์ (อยากตื้บ)
ตอบมันไป
“แหมๆๆ สวีทกว่าฉันกับไคจังอีกนะ”
ฮึ่ม!! เห็นว่ามาซาฮิโระมันมากับรุ่นพี่ไคโตะเลยเกรงใจละเว้นโทษตายให้ซักครั้งแล้วกัน เจอกันเดี่ยวๆ คราวหน้าจะจับไปตุ๋นยาจีน
ก่อนที่เจ้าเพื่อนรักสุดสวาทขาดใจดิ้นจะได้พ่นอะไรมากวนส้นผมอีก ผมเลยผละไปทักทายแฟนมันบ้างครับ แล้วทำสัญญาณว่าช่วยไปเก็บแฟนพี่ลงกระเป๋าด้วย กวนประสาทชาวบ้านเหลือเกิน
กว่าจะล่ำลากันได้ ผมเสียหายไปหลายแสน พี่โยชิกับรุ่นพี่ไคโตะก็ยิ้มระรื่นกันตามประสาคนหล่อครับ
.
.
.
เดินไปเดินมา ชาบูมันก็ย่อยสลายเข้ากระแสเลือดไปหมดแล้ว ได้ฤกษ์แวะเข้าร้านไอติม ไม่ทันจะได้สั่งดี เพื่อนซี้ผีนรกของผมก็โผล่หัวมาอีกตัว แน่นอนว่ามันต้องควงพี่ล่ำหน้าเทพบุตรมาด้วย
“บังเอิยจังเลยไทกิ มาเจอกันในร้านไอติมด้วย” นาโอซึมิส่งยิ้มบริสุทธิ์มาให้ผม
เชื่อก็ควา-ยแล้วหละครับพี่น้อง เจ้าน้องมันคงโทรไปบอกให้พี่มันวิ่งแรดมาสอดแนมต่อ
ทักทายกันพอหอมปากหอมคอมอมๆ ของมัน รุ่นพี่คาโงะก็เลี่ยงไปนั่งอีกโต๊ะอย่างมีมารยาท แต่มิวายสายตาของเจ้าลิงกังผู้พี่ก็สอดส่องมาขยิบๆ กับผมเป็นระยะ
แอบมองอยู่ได้กลัวผมจะงาบคุณชายทาดาโยชิเข้าไปทั้งตัวรึไงนะ
.
.
.
ปิดท้ายช่วงบ่ายอันแสนรันทดของผมแต่เเช่มชื่นของพี่โยชิด้วยการแวะเข้าร้านหนังสือ และเลือกหนังสือที่ใช้ติวเอนทรานซ์ ไม่ใช่ท่านชายสุดหล่อหรอกครับ เพราะกองมหึมาที่พี่แกแบกไปจ่ายตังค์ล้วนแล้วแต่เลือกมาให้ผมทั้งสิ้น
พี่ทำแบบนี้กับผม มาฆ่าผมเลยดีกว่า
เห็นจำนวนเล่มแล้วอยากไปบวชครับ ลากันทีโลกที่แสนวุ่นวาย ฮือ ~
.
.
.
หลังฝนตกก็จะมีสายรุ้งที่สวยงามแต่สำหรับหลังการหัวเราะก็มีน้ำตา อาจเปรียบแบบงงๆ นะครับ แต่ผมก็งงจริงๆ นั้นแหละ คำศัพท์และแกรมม่าภาษาอังกฤษวิ่งวนรอบหัวผมให้พล่านเลยครับ
สอนกันอย่างกับฝึกทหาร หนักกว่านี้มีอีกมั้ยครับพี่ เอามาเลยครับ ให้ตัวหนังสือมันล้มทับผมตายเลย
ติวกันตั้งแต่บ่ายถึงหัวค่ำ ผมก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะ เอาหน้าแนบไว้ประหนึ่งมีกาวยึด ให้เอาบรรพบุรุษช้างมาฉุดผมก็ไม่ลุกแล้วครับ
พอเห็นผมดื้อเงียบ พี่โยชิก็ถอนใจ
“งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้”
ถ้าพี่ไม่พอ ผมก็จะขอจบชีวิตไว้ตรงนั้นเลยครับ
“หิวรึยัง กินข้าวเย็นกัน”
ไส้ผมบิดพันเป็นเกรียวแบบรหัสพันธุกรรมแล้วครับ ถามมาได้ว่าหิวรึเปล่า
ผมพยักหน้าทั้งที่ยังยึดโต๊ะไว้รองหัว สุดหล่อของผมเลยหัวเราะใหญ่
“อย่าเพิ่งตายหละ เดี๋ยวจะไปอุ่นมื้อเย็นให้”
แน่นอนครับว่าผมยังนั่งอ่อนแรงอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้เจ้าบ้านไปเอาอาหารแช่แข็งออกมาอุ่น
รอไม่นานมื้อเย็นหอมฉุยก็ยกออกมาเสริฟให้ถึงที่
“เอาหัวออกไปเร็ว ไม่มีที่วาง”
เพิ่งได้สติครับเลยผงกหัวขึ้น จัดการกวาดเอาหนังสือที่กองเพ่นพ่านบนโต๊ะเตี้ยในห้องรับแขกมากองไว้ที่พื้น เพื่อเปลี่ยนสภาพมันเป็นโต๊ะอาหารแทน
“กินซะ กินเสร็จ จะได้เล่นเกมที่เพิ่งซื้อมากัน”
ผมทำหน้าบู้ ตบหัวแล้วจะมาลูบหลังกันเรอะ ฝันไปเถอะ แต่ก็ทำตามที่พี่เค้าสั่งครับ รีบกิน จะได้รีบเล่น ผมหนะอยากเล่นมาตั้งแต่อยู่ในห้าง แต่พี่โยชิก็สกัดดาวรุ่งโดยการโยนศัพท์และแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษกองเท่าภูเขามาให้เสียก่อน
ชีวิตลูกผู้ชายอย่างผมช่างน่าสงสารเหลือเกิน เฮ้อ…
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามกันค้าบ
เม้นๆ หน่อยนะ อยากอ่านเม้น ถ้าอันไหนมันเว่อร์ไปก็ช่างมันนะครับ ถือว่าอ่านเอาสนุก (หรือไม่สนุกก็คิดว่าสนุกละกัน) อยากแต่งแนวนี้แต่รู้สึกไม่รุ่ง (ต้องมีเลือดและน้ำตา) ถึงจะเชี่ยว เอ๊ะยังไง
ฝากน้องไทกิกับพี่โยชิด้วยละกัน แฝดๆ ก็น่ารักน๊ะ
แล้วเจอกันใหม่จ้า
พระเอก ฮามาโนะทาดาโยชิ
นายเอก นากามารุ ไทกิ
เเฝดพระ อากิโมโตะ คาโงะ vs ไคโตะ
แฝดนาย ฟุคุดะ นาโอซึมิ vs มาซาฮิโระ
หลังจากนอนเต็มอิ่ม ผมก็ลุกขึ้นมานั่งงงอยู่นาน ทำไมเตียงมันช่างกว้างและนุ่มแบบนี้ สภาพในห้องก็ตกแต่งเหมือนบ้านในหนังสือ ผมหลับไปนานขนาดที่คุณนายนากามารุตกแต่งบ้านใหม่โดยไม่รู้ตัวเลยหรอ
สะบัดหัวเรียกสติอยู่พักใหญ่ ความโง่ก็เลยกระเด็นไปปะทะหน้าขาวๆ ปากแดงๆ ของใครบางคนที่เปิดประตูเข้ามา
สวมผ้ากันเปื้อนสีฟ้าน่ารักเชียว
“ตื่นแล้วหรอพ่อตัวดี”
แหนะไม่ตื่นพี่จะเห็นผมลืมตาหรือครับ คิดครับได้แค่คิดจริงๆ แล้วพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“ล้างหน้าล้างตาแล้วออกมากินข้าวเช้าซะ พี่เตรียมไว้ให้แล้ว ห้องน้ำอยู่ทางนู่นนะ พวกผ้าขนหนูก็อยู่ในตู้ หาเอาเองตามสบาย”
พูดเสร็จก็ยิ้มหล่อกระชากใจมาให้หนึ่งดอก หันหลังด้วยท่วงท่าประหนึ่งเจ้าชาย ออร่านี้สว่างไสวจนผมตาพร่าเชียว
นั่งมึนอยู่อีกพักใหญ่ครับ เพราะเมื่อคืนจำได้ว่านั่งดูหนังอยู่ที่ห้องนั่งเล่น โดยมีหมอส่วนตัวคอยเอาน้ำแข็งประคบแก้มที่บวมให้ แถมพี่แกยังประคบลามไปถึงเท้าที่เเพลงด้วย แล้วไหงตื่นมาอีกทีอยู่บนเตียงได้หว่า
ลองวาดเท้าลงพื้นเบาๆ ก่อนคาดว่ามันคงเจ็บแปล๊บ แต่ปรากฏว่าไม่ครับ แหมสงสัยฝีมือรักษาขั้นเทพของพี่หมอสุดหล่อแน่ๆ เลย
จาระไนความดีพี่แกไม่หมดซักที คนหรือเทวดากันแน่ว่ะเนี่ยะ หาข้อเสียไม่เจอซักข้อ
พออยู่คนเดียวผมเลยได้โอกาสสำรวจห้องนอนคุณชายท่านนิดหน่อย อย่างแรกคือเตียงใหญ่ หนานุ่มมาก ชอบใจที่สุด อยากนอนบนที่นอนแบบนี้ทุกคืนจัง ผ้านวมสีน้ำเงินนี้ก็อุ่นจนทำให้ผมขี้เกียจตัวเป็นขนได้เลยทีเดียว มีเคาร์เตอร์ไม้กลมๆ ต่อออกมาจากปลายเตียงเลย คงไว้ให้สะดวกเวลาอ่านหนังสือ จะนั่งจะนอนตามใจชอบ แล้วก็เชื่อมยาวไปเป็นโต๊ะตัวใหญ่และชั้นวางของปิดกระจก หนังสือเรียนเล่มหนาเท่าบ้านวางอัดเรียงกันเพียบ แม้แต่ใต้โต๊ะก็ยังเจาะเป็นชั้นวางของ
“โชแนนจัมพ์” ผมเผลออุทานออกมาด้วยความโลภครับ เหอะๆ ใต้เคาร์เตอร์ยาวห้องพี่โยชิคือขุมสมบัติของผม หนังสือการ์ตูนวางเรียงกันให้พรืด สงสัยต้องมาห้องนี้บ่อยๆ แล้วครับ
พอเจอของถูกใจก็ได้แต่ยิ้มหน้าบานเดินลัลล้าเข้าห้องน้ำครับ
ห้องน้ำพระคุณท่านนั้นใหญ่กว่าห้องนอนผมอีก อ่างจากุชชี่ที่เห็นในหนังบ่อยๆ ก็วางแผละอยู่ในห้องท่านชายโยชิด้วย ฝักบัวสีทองมันวับจนส่องเห็นรูขุมขนผมเลยทีเดียว
เสียเวลาชื่นชมเพลิน กว่าจะออกมาจากห้องได้ก็ทันเห็นเจ้าของห้องหน้าหงิกครับ
“ขอโทษที่สายครับ” มารยาทดีนำชัยไปกว่าครึ่ง ทั้งโค้งและยิ้มหวานนำทัพไปก่อนครับ
“พี่รอเราจนมื้อเช้าเย็นชืดหมดแล้ว” ดูหน้าก็รู้ครับว่าแกล้งทำเป็นขรึม
“อย่าโกรธผมเลยน๊า ถ้าเป็นฝีมือพี่โยชิถึงมันจะเย็นก็คงอร่อยอยู่” ทำสายตาออดอ้อนส่งไปหนึ่งดอกครับ ดูซิว่าจะใจเเข็งมั้ย
อิอิ ยิ้มแล้วครับ
ถอนหายใจเบาๆ ไว้อาลัยในความบ๊องแบ๊วของตัวเองครับ สาบานว่าวิธีนี้ผมเลียนแบบมาจากเจ้าแฝด ไม่ได้เป็นแต่กำเนิดนะครับ
กลิ่นไข่ดาว เบคอน แล้วก็เนยบนขนมปังปิ้งมันยั่วยวนใจผมเหลือเกิน แต่ก็ต้องรักษาหน้าคุณนายนากามารุไว้นิดนึงครับ ขืนมูมมามเดี๋ยวพี่แกจะคิดว่าผมไม่ได้รับคำสั่งสอน
เอาส้อมจิ้มลงไปตรงกลางแล้วเห็นไข่แดงมันเยิ้มลงมา มีความสุขจริงๆ เลยครับ พี่โยชิเองก็หัวเราะ จำขำอะไรนักหนาไม่รู้ หรือเพราะที่ผมทำอยู่นี้มันเหมือนเด็กก็ไม่รู้
.
.
.
กินเสร็จก็มาช่วยพี่โยชิล้างจาน ที่จริงก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ แค่รับจานไปวางในตู้เท่านั้น เค้ากลัวมือผมจะโดนน้ำยาล้างจานกัด หารู้ไม่ว่ามันหน้าด้านหน้าทนขนาดไหน หึ
“หายโกรธพี่รึยัง” อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาเล่นเอาผมสะดุ้งโหยง แทบทำจานกระเบื้องเนื้อหนาหลุดมือ
มาถามกันแบบนี้จะให้ผมตอบยังไงหละครับ เล่นมานอนเสียเต็มคราบแถมฟาดอาหารเสียเรียบวุธ
สุภาษิตจีนว่าไว้ มีคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ
แล้วผมหละ มีทั้งคุณทั้งแค้นกับพี่แก ต้องทำไงดี
“พี่ขอโทษนะที่ทำอะไรโดยไม่คิดถึงใจนาย นายอาจจะไม่ชอบที่ต้องมาเรียนติวกับพี่ รังเกียจที่ต้องมาอยู่ร่วมห้องเดียวกัยพี่”
โห คิดไปได้ครับ ใครคิดแบบนั้นก็โง่เต็มทน
“ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย” ขืนเงียบนานกว่านี้บางทีคุณชายของผมอาจจะหลั่งน้ำตาออกมาให้ผมระทวยเล่นได้ เลยอ้าปากพูดบ้างครับ “ผมแค่ไม่ชอบที่แม่กับพี่พูดเองเออเองไม่สนใจด้วยซ้ำว่าผมจะตกลงรึเปล่า”
“พี่ขอโทษ”
เอ่อ…แค่พูดก็พอครับ ไม่ต้องสงสายตาน่าสงสารแบบนั้นมาด้วย หัวใจผมล้มละลายพี่จะรับผิดชอบมั้ยครับ
“แล้วตกลงอยากมาเรียนกับพี่ที่ห้องนี้รึเปล่า”
ไม่มาก็ต้องมาหละครับ ติวเตอร์โคตรหล่อ สถานที่เรียนแสนสบาย ดีกว่าอยู่ช่วยงานที่ร้านเป็นกอง
พยักหน้าเบาๆ อย่างไว้เชิงครับ เรื่องอะไรจะให้รู้ว่าเราเต็มใจ
.
.
.
นรกมีจริงครับ แค่ช่วงเช้าพลังงานที่กินเข้าไปก็ถูกดึงออกมาใช้เรียบ สมการคณิตศาสตร์ตีกันให้วุ่นไปหมดในหัวผม พอทำโจทย์ข้อสุดท้ายที่พี่แกให้มาเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลากับที่เบาะนุ่มๆ ที่วางอยู่เกลื่อนพื้นห้องนั่งเล่น
พอติวเตอร์สุดหล่อตรวจเสร็จเตรียมจะสอนใหม่ผมก็ยึดหมอนช้างไว้แน่น เอาหน้าซุกเข้าไปกับเบาะ เป็นสัญญาณว่าไม่เอาแล้ว
“เหนื่อยแล้วหรอ”
พี่ไม่เหนื่อยหรือครับ ยิ้มระรื่นถามผมแบบนี้
“เหนื่อย เพลีย ง่วง หิว” ทำปากยื่นตอบเขาไปครับ เขาจะได้สงสาร
พี่โยชิเลิกคิ้ว ยกแขนซ้ายขึ้นมองนาฬิกาข้อมือ “เที่ยงแล้วนี่นา งั้นพักเรื่องเรียนไว้ก่อน ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกัน”
พอได้ยินว่าจะได้เติมเชื้อพลงผมก็ดีดตัวผึง หน้าตาคงออกอาการมากไปหน่อยมือใหญ่เลยวางแปะลงมาบนหัวแล้วขยี้ด้วยความเมามันส์ “เมื่อกี้คอพับคออ่อนอยู่เลย พอได้ยินว่าจะออกไปข้างนอกก็เเข็งเเรงเลยน๊า..”
ยิ้มด้วยความเขินครับ โดนจับไต๋ได้
จัดการล้างหน้าล้างมือเสริมความหล่อกันนิดหน่อย ก็ได้ฤกษ์เคลื่อนขบวน
“ไทจังอยากกินอะไรหละ”
“ตามใจพี่ซิครับ ผมอะไรก็ได้”
“งั้นไปกินร้าน KITCHEN NAKAMARU ดีกว่า”
“ก็ได้ครับ”
ยิ้มอย่างอารมณ์ดีได้สองวินาทีครับ ก็ต้องหันขวับไปหาพ่อตัวดีที่ยิ้มหน้าระรื่น ว่าทำไมชื่อร้านคุ้นๆ ก็นั่นมันร้านที่บ้านผมนี่ครับ
สายหัวผึบผับจนผมปลิวประหนึ่งโฆษณาแชมพูทางทีวีครับ “หน้าแบบนี้ไม่ไปให้แม่เห็นเด็ดขาด” ว่าเข้าให้ พี่โยชิก็ยิ้มถูกใจ
“ล้อเล่นหนะ ไปห้างกันก็ได้ กินเสร็จจะได้เดินเล่มหรือกินไอติมต่อด้วยดีมั้ย”
“แบบนั้นค่อยโอเคหน่อย”
เมื่อได้ข้อสรุปพวกเราก็เลยเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่ผุดตรงหน้าคอนโดพี่แกแบบเป๊ะๆ
ตอนอาบน้ำ ผมส่องดูสภาพหน้าหล่อๆ ของตัวเองในกระจก มันไม่บวมแล้วครับ แต่ที่แก้มกับที่คิ้ว ยังมีสีม่วง เขียว แดงประดับอยู่ ขืนกลับบ้านไป แม่ก็รู้กันพอดีี แล้วที่หอบผ้าหอบผ่อนหนีมาอยู่บ้านผู้ชายมันจะมีความหมายอะไรหละครับ
.
.
.
มื้อเที่ยงแสนสำราญ หมดไปกับชาบูชุดใหญ่ แน่นอนว่าพี่โยชิจ่ายครับ ผมอิ่มประหยัดตังค์อยู่ครบ
ออกจากร้านมาก็เดินเล่นให้อาหารย่อย เตรียมไปกินไอติมครับ แต่ด้วยดวงอันดีของคนที่มาด้วยหรือความซวยของผมก็ไม่ทราบ เจอคู่รักแฝดนรกตัวน้องกำลังยืนเลือกซีดีเพลงกันอย่างหนุงหนิง
กระตุกมือพี่โยชิให้เลี่ยง แต่พี่แกดันไวกว่าสาวเท้าไปทักทายเพื่อนรักยกใหญ่ ปล่อยให้ผมผจญกับเจ้ามารน้อยที่ส่งสายตาซุกซนมาทิ่มแทงอย่างสนุกสนาน
“มาเดทกันหรอ” เปิดมาประโยคเเรกก็อยากถีบให้กระเด็นแล้ว
“มากินข้าว เดินเล่น กินไอติม ไม่ได้มาเดท” ผมข่มอารมณ์ (อยากตื้บ)
ตอบมันไป
“แหมๆๆ สวีทกว่าฉันกับไคจังอีกนะ”
ฮึ่ม!! เห็นว่ามาซาฮิโระมันมากับรุ่นพี่ไคโตะเลยเกรงใจละเว้นโทษตายให้ซักครั้งแล้วกัน เจอกันเดี่ยวๆ คราวหน้าจะจับไปตุ๋นยาจีน
ก่อนที่เจ้าเพื่อนรักสุดสวาทขาดใจดิ้นจะได้พ่นอะไรมากวนส้นผมอีก ผมเลยผละไปทักทายแฟนมันบ้างครับ แล้วทำสัญญาณว่าช่วยไปเก็บแฟนพี่ลงกระเป๋าด้วย กวนประสาทชาวบ้านเหลือเกิน
กว่าจะล่ำลากันได้ ผมเสียหายไปหลายแสน พี่โยชิกับรุ่นพี่ไคโตะก็ยิ้มระรื่นกันตามประสาคนหล่อครับ
.
.
.
เดินไปเดินมา ชาบูมันก็ย่อยสลายเข้ากระแสเลือดไปหมดแล้ว ได้ฤกษ์แวะเข้าร้านไอติม ไม่ทันจะได้สั่งดี เพื่อนซี้ผีนรกของผมก็โผล่หัวมาอีกตัว แน่นอนว่ามันต้องควงพี่ล่ำหน้าเทพบุตรมาด้วย
“บังเอิยจังเลยไทกิ มาเจอกันในร้านไอติมด้วย” นาโอซึมิส่งยิ้มบริสุทธิ์มาให้ผม
เชื่อก็ควา-ยแล้วหละครับพี่น้อง เจ้าน้องมันคงโทรไปบอกให้พี่มันวิ่งแรดมาสอดแนมต่อ
ทักทายกันพอหอมปากหอมคอมอมๆ ของมัน รุ่นพี่คาโงะก็เลี่ยงไปนั่งอีกโต๊ะอย่างมีมารยาท แต่มิวายสายตาของเจ้าลิงกังผู้พี่ก็สอดส่องมาขยิบๆ กับผมเป็นระยะ
แอบมองอยู่ได้กลัวผมจะงาบคุณชายทาดาโยชิเข้าไปทั้งตัวรึไงนะ
.
.
.
ปิดท้ายช่วงบ่ายอันแสนรันทดของผมแต่เเช่มชื่นของพี่โยชิด้วยการแวะเข้าร้านหนังสือ และเลือกหนังสือที่ใช้ติวเอนทรานซ์ ไม่ใช่ท่านชายสุดหล่อหรอกครับ เพราะกองมหึมาที่พี่แกแบกไปจ่ายตังค์ล้วนแล้วแต่เลือกมาให้ผมทั้งสิ้น
พี่ทำแบบนี้กับผม มาฆ่าผมเลยดีกว่า
เห็นจำนวนเล่มแล้วอยากไปบวชครับ ลากันทีโลกที่แสนวุ่นวาย ฮือ ~
.
.
.
หลังฝนตกก็จะมีสายรุ้งที่สวยงามแต่สำหรับหลังการหัวเราะก็มีน้ำตา อาจเปรียบแบบงงๆ นะครับ แต่ผมก็งงจริงๆ นั้นแหละ คำศัพท์และแกรมม่าภาษาอังกฤษวิ่งวนรอบหัวผมให้พล่านเลยครับ
สอนกันอย่างกับฝึกทหาร หนักกว่านี้มีอีกมั้ยครับพี่ เอามาเลยครับ ให้ตัวหนังสือมันล้มทับผมตายเลย
ติวกันตั้งแต่บ่ายถึงหัวค่ำ ผมก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะ เอาหน้าแนบไว้ประหนึ่งมีกาวยึด ให้เอาบรรพบุรุษช้างมาฉุดผมก็ไม่ลุกแล้วครับ
พอเห็นผมดื้อเงียบ พี่โยชิก็ถอนใจ
“งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้”
ถ้าพี่ไม่พอ ผมก็จะขอจบชีวิตไว้ตรงนั้นเลยครับ
“หิวรึยัง กินข้าวเย็นกัน”
ไส้ผมบิดพันเป็นเกรียวแบบรหัสพันธุกรรมแล้วครับ ถามมาได้ว่าหิวรึเปล่า
ผมพยักหน้าทั้งที่ยังยึดโต๊ะไว้รองหัว สุดหล่อของผมเลยหัวเราะใหญ่
“อย่าเพิ่งตายหละ เดี๋ยวจะไปอุ่นมื้อเย็นให้”
แน่นอนครับว่าผมยังนั่งอ่อนแรงอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้เจ้าบ้านไปเอาอาหารแช่แข็งออกมาอุ่น
รอไม่นานมื้อเย็นหอมฉุยก็ยกออกมาเสริฟให้ถึงที่
“เอาหัวออกไปเร็ว ไม่มีที่วาง”
เพิ่งได้สติครับเลยผงกหัวขึ้น จัดการกวาดเอาหนังสือที่กองเพ่นพ่านบนโต๊ะเตี้ยในห้องรับแขกมากองไว้ที่พื้น เพื่อเปลี่ยนสภาพมันเป็นโต๊ะอาหารแทน
“กินซะ กินเสร็จ จะได้เล่นเกมที่เพิ่งซื้อมากัน”
ผมทำหน้าบู้ ตบหัวแล้วจะมาลูบหลังกันเรอะ ฝันไปเถอะ แต่ก็ทำตามที่พี่เค้าสั่งครับ รีบกิน จะได้รีบเล่น ผมหนะอยากเล่นมาตั้งแต่อยู่ในห้าง แต่พี่โยชิก็สกัดดาวรุ่งโดยการโยนศัพท์และแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษกองเท่าภูเขามาให้เสียก่อน
ชีวิตลูกผู้ชายอย่างผมช่างน่าสงสารเหลือเกิน เฮ้อ…
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามกันค้าบ
เม้นๆ หน่อยนะ อยากอ่านเม้น ถ้าอันไหนมันเว่อร์ไปก็ช่างมันนะครับ ถือว่าอ่านเอาสนุก (หรือไม่สนุกก็คิดว่าสนุกละกัน) อยากแต่งแนวนี้แต่รู้สึกไม่รุ่ง (ต้องมีเลือดและน้ำตา) ถึงจะเชี่ยว เอ๊ะยังไง
ฝากน้องไทกิกับพี่โยชิด้วยละกัน แฝดๆ ก็น่ารักน๊ะ
แล้วเจอกันใหม่จ้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น