ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    : Thanks : ขอบคุณที่รักกัน

    ลำดับตอนที่ #4 : 4.

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 61


    4

     ถ้าถามว่าตอนนี้ความสุขที่สุดของยูซูรุคืออะไร คงมีแค่คำตอบเดียวเท่านั้นคือ ได้อยู่ใกล้ๆ กับผู้ชายตัวขาวจัด ปากสีแดงสดและสวมแว่นกรอบดำที่ชื่อ อิชิมารุ โช
     
     หลังจากการไปกินไอติมเมื่อวานที่คนตัวเล็กก็เหมาเอาเองว่าเป็นการเดทครั้งแรกจบลง หมอก็ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยการลากกลับไปนอนด้วยกันแล้วมอบจูบราตรีสวัสดิ์อันอ่อนโยนให้ที่หน้าผาก ไม่ว่าคิดถึงมันกี่ครั้งก็เรียกเลือดแดงๆ ให้มาคั่งอยู่ที่พวงเเก้มอิ่มได้เสมอ

     “ยู..”

     “ยูซูรุ!!”

     “คระ ครับ” ใบหน้าหวานลนลานมองหาต้นเสียงืหันซ้ายหันขวาอยู่สองทีก็เจอเจ้านายคนสวยยืนเท้าเอวฉับอยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่สวรรค์ปั้นแต่งมาให้งามนักงามหน้าบูดสนิทชนิดที่ถ้าคุณไฮต์มาเห็นคงรีบบอกเลิกโดยด่วน

     “บ้ารึเปล่า นั่งยิ้มอยู่คนเดียว” ปล่อยให้ยูซูรุคิดนินทาในใจได้ไม่นานเสียงที่ไม่ใคร่จะหวานนักก็ตามมาสำทับให้ใจหวิวเล่น

     “ร้านเปิดแล้ว ออกไปทำงานสักทีซิ” มากิสั่งให้อีกรอบ ก่อนจะส่ายหน้าในความไม่เต็มเต็งของเจ้าพนักงานตัวดี แต่ก็เข้าใจหรอกว่าไออาการเพ้อเหมือนคนสติไม่ครบแบบนี้มันมาจากอะไร

     สงสัยเจ้าตัวเล็กจะมีความรักซะแล้วมั้ง…

     ยูซูรุทำหน้าจ๋อยได้สองวิ พอลับร่างคนเป็นนายก็กระโดดขึ้นยืนกระฉับกระเฉงเดินไปเช็คเสื้อผ้าหน้าผม พอให้ดูดีเป็นผู้เป็นคนแล้วก็วิ่งตึงๆ ออกไปหน้าร้าน

     วันนี้หมอบอกว่าจะมารับตอนเลิกงานด้วย มีความสุขจังเลย
     
     ท่าทางร่าเริงจนดูล้นของยูซูรุคนในร้านก็เข้าใจดี แถมยังทำให้ใบหน้าหวานๆ นั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นไปอีก พอถูกแขกเเเซวเข้าหน่อยก็อายม้วนต้วนให้ได้ฮากันทั้งโต๊ะ

    .
    .
    .
     หลังจากช่วยเพื่อนในร้านจัดการเก็บกวาดร้านเรียบร้อย ร่างบางก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินตัวปลิวออกมาตรงลานจอดรถที่นัดกับหมอไว้

     ยามดึกสงัดเช่นนี้พื่นที่โล่งๆ ก็ดูน่ากลัวไม่ใช่น้อย รถคันงามหลากสีสันที่เคยจอดกันเต็มพรืดก็กลับว่าเปล่า แถมซ้ำมากิ เจ้าของบาร์ก็ออกไปตั้งแต่ร้านยังไม่ปิดด้วยซ้ำ

     ยูซูรุหันซ้ายหันขวา เเหงนหน้ามองพระจันทร์ก็แล้วแต่ทำไมคืนนี้มันแสงน้อยนักก็ไม่รู้ แถมคนที่บอกจะมารอก็หายจ้อย

     กลัวผี…

     ไม่ทันได้ว่าหมอในใจให้มากไปเกินสองประโยค แสงไฟสว่างจ้าก็สาดกระทบหน้า พร้อมๆ กับ เมอร์ซิเดสเบ็นซ์คลาสซีสีดำสองคันแล่นเข้ามาจอด

     ทั้งที่หรี่ตาจนแทบมิดก็ยังพอให้เห็นเค้าร่างอ้วนน่าเกลียดของใครบางคนเดินลงมาจากประตูหลัง

     ยูซูรุถึงกับชาวาบไปทั้งตัว ทานาบาตะซัง!!

     ชายวัยกลางคนที่มีสภาพไม่ต่างไปจากคางคงน่าเกลียดเดินเข้ามาใกล้ร่างที่ยืนนิ่งเหมือนถูกน้ำแข็งจับ รอยยิ้มร้ายๆ พาดผ่านบนใบหน้าอวบอูม ก่อนที่มือสากๆ จะยกขึ้นลูบเสี้ยวหน้าขาวซีด

     “ว่าไงเด็กน้อย ทำไมเมื่อวานไม่อยู่รอฉัน หึ”

     “ผะ ผมไม่สบาย คุณมากิบอกไปแล้วไม่ใช่หรือครับ”

     รอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุดเเสยะออก พร้อมเสียงไม่พอใจที่เค้นออกมาจากลำคอ

     “ไม่สบาย แต่กลับไปดูหนังหนังหน้าระรื่นกับเจ้าหนุ่มนี่”

     ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตระหนก มองหน้าชายแก่สลับกับร่างงองุ้มที่ถูกกระชากลงมาจากรถอีกคัน

     ลูกน้องร่างสูงใหญ่สองคนล็อกแขนโชไว้คนละข้าง แถมใบหน้าที่เคยดูสดใสกลับปรากฏรอยเขียวช้ำเป็นปื้น

     “หมอ..” ยูซูรุวิ่งเข้าไปหวังจะดูให้ชัดแต่กลับถูกทานาบาตะกระชากไว้

     “เห็นมันชัดรึยัง”

     “ทำไมคุณทำแบบนี้” เสียงหวานละห้อยโหยอย่างน่าสงสาร

     “ทำไม ก็เพราะฉันไม่ชอบเด็กไม่ดี ชอบโกหกนะซิ” ดวงตาหยาบโลนมองไล้ไปทั่วร่างบางที่กำลังสั่นระริกด้วยความโกรธ “ทำไม ลีลาฉันไม่ถึงใจรึไง เลยไปให้เจ้าหนุ่มนั้นนอนกก”

     “สกปรก!!”

     “หึ ไม่ต้องทำมาปากดี เรื่องสกปรกหนะ เธอหนะน่าจะรู้ดีกว่าฉันไม่ใช่หรอ” ไม่พูดเปล่า มือหยาบขยำสะโพกเล็กอย่างจาบจ้วง โชเห็นแล้วก็กัดฟันกรอดพยายามโถมร่างเข้ามาหวังจะช่วยแต่กลับโดนหมัดหนักๆ เข้าที่ช่องท้องแทน
     
     “รู้แล้วใช่มั้ยว่าคืนนี้ต้องไปกับใคร!!” ทานาบาตะถามเสียงดัง

     ยูซูรุส่ายหน้ารัวและดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์เพื่อจะให้แขนตนหลุดจากอีกฝ่าย

     “ซ้อมมัน จนกว่าหนูน้อยของฉันจะหาคำตอบได้” ชายแก่สั่ง ก่อนจะหัวเราะด้วยเสียงที่น่ารังเกียจที่สุด

     “อย่า!! ฮือ..” น้ำจากไหนไม่รู้พุ่งอาบเต็มสองแก้ม ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมาอยู่กับตัวเอง ภาพตรงหน้ามันทำให้ยูซุรุรู้สึกราวกำลังโดนทึ้งเส้นเลือดออกจากขั้วหัวใจ

     จะด่าทอ จะทำร้ายก็โปรดมาลงที่เขาเถอะ ทำไมต้องทำหมอด้วย

     “หมอ..” เสียงหวานตะโกนจนแตกพร่า

     โชเองก็กัดฟันกั้นเสียงร้อง สายตาคมจ้องมองยูซูรุเเน่วแน่

     “ยู..อยะ..อย่าไปนะ” อยากจะบอกให้หนักแน่นกว่านี้แต่ทำได้เพียงแค่ขยับปาก ถูกฝ่ามือหนาๆ ตบอีกทีเลือดก็พุ่งกระฉูดแถมยังเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้นจนหมดท่า

     ยูซูรุถลาไปประคอง แต่ก็ทำได้แค่เเตะโดนปลายนิ้ว ลูกน้องหน้าโฉดคว้าแขนบอบบางได้ทันก่อนที่คนตัวเล็กจะทรุดนั่ง

     ทานาบาตะ ก้าวเข้ามาดูผลงานด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนจะวางเท้าลงไปบนสีข้างของโช

     “รู้คำตอบรึยัง”

     ดวงตาคมกร้าวของคนที่เจ็บหนักบอกชัดว่าอย่าไป ริมฝีปากสั่นระริกขยับยากเหลือเกิน แต่ถ้อยความที่ส่งผ่านไปให้นั้นชัดแสนชัด “ไม่-ให้-ไป”

     แต่แค่นั้นมันจะห้ามได้ฤา แรงเท้าที่อัดกระแทกสีข้างดังลั่น ยูซูรุผวาเข้ากอดขาข้างนั้นแน่น

     “พอ…พอแล้ว!! อย่าทำอะไรหมออีกเลยนะ”

     ชายแก่ลดตัวลงใช้ฝ่ามือขยุ้มผมสีดำนุ่มขึ้นมาจนใบหน้าหวานแหงนเชิด

     “ผะ ผมยอมไปกับคุณแต่คุณต้องปล่อยเค้าไป ตกลงมั้ย” ยูซูรุจ้องหน้าอวบอูมนั้นอย่างอาฆาตแค้น แต่มีหรือคนแบบนั้นจะรู้สึก ริมฝีปากหนาสีคล้ำยกยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องให้หยุดการละเล่นป้ายเลือด

     “ยู!!” เสียงที่ดังไม่ต่างจากใบไม้เสียดกันร่ำร้องอย่างเจ็บปวด

     ร่างคนที่ตัวเองนอนกอดอยู่กับอกทุกคืนกำลังถูกลากไปขึ้นรถ

     ดวงตาสองคู่สบกันยาวนานอ่านออกว่าคนนึงไม่อยากไปเลยและอีกคนก็ไม่ยอมให้ไป แต่แรงมนุษย์สองคนก็มิอาจทัดทานจิตใจที่ต่ำทรามราวภูติผีจากนรกได้

     ยูซูรุเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ควรแล้วหรือที่คนดีดีอย่างหมอต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา

     ร่างกายสกปรก เน่าเฟะมันก็ควรแล้วที่จะอยู่ในที่ต่ำๆ คนต่ำๆ

     ความเจ็บที่หมอเจ็บมันยังน้อยกว่าหัวใจที่กำลังถูกฉีก

     ยูซูรุร้องออกมาเป็นน้ำแต่ใครจะรู้ว่าในใจนั้นเลือดสีแดงสดกำลังแล่นพล่านไปทั่วร่าง ฉีดอัดความเจ็บปวดให้ลุกลามไปทั่วทุกอณูเนื้อ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

     ช่วยหมอได้แค่นี้เอง แค่รีบยอมตกลงไปกับทานาบาตะซะ หมอจะได้เจ็บตัวน้อยที่สุด

     แต่ใครจะรู้ ร่างที่นอนตัวงออยู่กับพื้น มองเห็นเพียงล้อรถสีดำมะเมื่อมวิ่งจากไปก็เจ็บไม่แพ้กัน เจ็บกายมันน้อย ไม่นานก็รักษาหายแต่ความเจ็บที่หัวใจนี่ซิ

     แค่ของรักก็รักษาไว้ไม่ได้แล้วจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกันอีก

     สิ้นแสงไฟท้ายรถสีแดงฉาน สายตาก็พร่างพรายด้วยสิ่งที่แดงกว่า เลือดข้นๆ มันชะโลมหลั่งตั้งแต่หัวคิ้วจนมาปิดกลบตาเสียแน่น ซ้ำร้ายสติก็ดูจะค่อยๆ ระเหยหายไปกับอากาศเสียด้วย
    .
    .
    .
     “ร้องซิ ครางออกมาให้ได้ยินหน่อย!!” เสียงตวาดดังลั่นห้องพักหรูในโรงแรมระดับห้าดาว
     
     ร่างอ้วน มะเมื่อมไปด้วยไขมันกำลังคร่อมทับอยู่บนเด็กตัวน้อยที่นอนกัดปากเงียบ ดวงตากลมเหม่อลอยไปไกลแสนไกล ไม่รับรู้ถึงแรงขย่มอันบ้าคลั่งที่ถาโถมใส่เบื้องล่างตัวเองแม้แต่น้อย

     เลือดกี่หยดแล้วที่ไหลซึมรดผ้าปูที่นอนสีหวาน

     กี่หยาดหยดของอารมณ์ดำมืดที่กลั่นออกมาจากพิษตัณหาภายในใจคนแก่คราวพ่อ

     ยูซูรุไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าแรงฟันที่กัดลงมาบนหัวไหล่ ไหปลาร้าและยอดอกเจ็บเพียงไร อุปกรณ์โหดร้ายที่ฝังเข้าไปในร่างไม่รู้หวังให้มีความสุขหรือทรมานกันแน่ สารพัดวิธีและท่าปะหลาดที่ทานาบาตะสรรหามาเล่น ทำได้ก็ทำไป ก็เขาเป็นแค่ตุ๊กตา เป็นแค่เนื้อหนังที่ใช้ระบายความใคร่ ใยเลยต้องมีความรู้สึกหรือตอบสนองให้ได้ดังใจเจ้าของต้องการ

     “ทำไม ลีลาฉันมันไม่ถึงใจเท่าเจ้าเด็กนั้นหรือไงเลยคิดหนี หึ!!”

     กัดฟันทำหน้านิ่ง มีเพียงดวงตาเเสนชิงชังเท่านั้นเป็นคำตอบ

     ยิ่งดื้อเท่าไหร่บทลงโทษก็ยิ่งหนัก เมื่อเล่นด้วยเล่ห์ไม่ได้ก็ต้องเอาด้วยกล ยาเม็ดบางอย่างถูกยัดใส่เข้าไปในร่างกายที่แสนบอบช้ำ ความร้อนจากกิจกรรมที่ดำเนินมาแสนนานทำให้มันละลายและดูดซึมได้ดีนัก ไม่นานอาการเลือดฉีดพล่านก็กำเริบ แถมความรู้สึกต้องการที่เคยถูกกดทับไว้ด้วยความโกรธก็ถูกพังลง

     ยูซูรุอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายนัก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะดันมีบางอย่ามาคาดไว้ตรงปาก

     ร่างกายทีี่ไม่ยอมตอบสนองในตอนแรกบัดนี้กับส่ายร่อนสอดรับกับอีกฝ่ายอย่างน่ารังเกียจ

     ดวงตาคู่กลมเอ่อท้นด้วยน้ำตาแต่กลับฉ่ำหวานอยู่ในแสงไฟสีส้ม เด็กน้อยปิดมันลงอย่างเจ็บปวด อย่าให้เห็นภาพร่างอันโสมมของตัวเองไปมากกว่านี้อีกเลย

     เสียงร้องที่ชายแก่อยากได้ก็ดังแล้ว การตอบสนองอย่างร้อนแรง หื่นกระหายก็ได้แล้ว

     ไม่รู้สติหลุดลอยไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ภาพที่ลืมตาขึ้นมาเห็นก็คงเป็นใบหน้าอวบอูมมันเยิ้มไม่ต่างจากคางคกอยู่ใกล้ๆ กลิ่นสาบเหงื่อชวนคลื่นไส้ลอยอบคลุ้งไปกับกลิ่นคาวเลือดและคราบกามตันหา

     ยูซูรุหลับตาลงอีกครั้งภาวนาว่าขอให้มันเป็นแค่ฝันร้ายก็พอหรือไม่ก็ถ้าพระเจ้าทรงเมตตาซักหน่อยก็ช่วยประทานพรให้เขาอย่าลืมตาขึ้นมาอีกเลยเถอะนะ…
    .
    .
    .
     สภาพห้องสวยงามหรูหราไม่ได้ช่วยจรรโลงใจเลยซักนิด เพียงแค่ตัวเตียงขนาดกว้างก็พอแล้วที่จะสร้างตราบาปให้ห้องราคาแพงนี้ไปอีกชั่วลูกชั่วหลาน ร่างบอบบางสีช้ำเลือดช้ำหนองนอนคุดคู้อยู่ริมหนึ่ง มีผ้าห่มวางพาดอยู่หมิ่นๆ หยาดโลหิตเป็นกองใหญ่วางแปะอยู่รวมกับคราบน้ำสี่ขุ่นขาว มันไม่ใช่ปฏิมากรรมที่งดงามเลย เพราะจิตรกรผู้สร้างนั้นเป็นเพียงส่วนดำมืดในจิตใจมนุษย์เท่านั้น หรือที่จริงแล้วมันก็แค่ปิศาจราคะเฒ่าในคราบคนดีของมหานครที่เต็มไปด้วยความหลอกลวงทั้งนั้น

     แพขนตางอนค่อยๆ กระพริบปริบ รู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าที่เเล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย กลิ่นคาวคลุ้งยังลอยกรุ่นอยู่ตรงปลายจมูกนี้เอง และแม้ว่าเครื่องปรับอากาศในห้องจะเย็นเท่าไหร่แต่ทั่วทั้งร่างก็ยังรู้สึกเหนียวหนืดน่าอึดอัดอยู่ดี

     แขนเรียวล้ายิ่งกว่าล้าแต่ก็ฝืนควานเปะปะเพื่อหยิบนาฬิกาขึ้นดู

     สี่โมงเย็นของวันถัดมา นี่เขาสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเลยอย่างนั้นหรือ ไม่ซิจะพูดให้ถูกคือสลบไปตอนกี่โมงไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะโดนขมขื่นแบบไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยต่างหาก

     ยูซูรุพยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก พยายามคิดให้ขำว่าเขาไปเป็นทหารรับใช้ชาติและกรำศึกมาแรมเดือนโดยไม่ได้พัก ทั่วทั้งร่างมันถึงอ่อนล้าได้ถึงขนาดนี้

     ทั้งแขน ขาเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง หรือที่จริงเส้นเลือดเส้นเอ็นมันจะหลุดไหลจากข้อต่อออกไปหมดแล้วหละ

     นั่งพิงหัวเตียงหอบหายใจเข้าออกอยู่พักใหญ่ ก็ค่อยๆ คลานไปยังห้องน้ำ สภาพหมาขี้เรื้อนข้างถนนยังดูดีกว่าเขาเลย อย่างน้อยมันก็เลือกได้ว่าจะมีชีวิตยังไงไม่ใช่เขา

     น้ำอุ่นที่สาดรดร่างเปลือยเปล่าอยู่เกือบสองชั่วโมงเต็ม คนตัวเล็กทรุดนั่งลงกลางสายน้ำฝอยสีใส น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ปล่อยใจให้ลอยไปไกลแสนไกล หวังว่าอย่างน้อยทั้งชีวิตที่ผ่านมามันเป็นแค่ฝันเท่านั้น
    .
    .
    .

     เงินปึกใหญ่ที่ถูกวางไว้ตรงหัวเตียง มือเล็กๆ ที่ยังปรากฏรอยช้ำกวาดมาหมด เขาเลือกหย่อนลงตู้บริจาคใบแรกที่เห็น ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะถูกนำไปช่วยใคร แค่รู้ว่ามันจะทำให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นเท่านั้นก็พอแล้ว

     ร่างเล็ก บางจ้อยลากสังขารตัวเองไปที่ตึกแปดชั้นแสนคุ้นเคย พลบค่ำแล้ว ตะวันลับฟ้าไปตอนไหนก็มองไม่เห็นเพราะความศิวิไลซ์มันบังไว้จนหมด

     ขึ้นลิฟต์แล้วใช้ผนังประคองตัวเองมาจนถึงห้องริมสุดก่อนจะกองแปะอยู่ตรงนั้น

     คนที่หัวใจมันเรียกหาอยู่ตลอดทุกวินาทีไม่อยู่ ลูกกุญแจดอกใหญ่ยังขบอยู่ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นตรงริมฝีปากบวมเจ่อ ไม่นานก็จะได้เจอแล้ว ไม่นาน…

     หวังแค่หมอจะรับคำขอโทษเขาก็พอ…

     ขอโทษ…หมอ…ยูุ…ขอโทษ

     
    .
    .
    .
     รถสปอร์ต BMW  จอดเทียบตรงหน้าตึกเเปดชั้น ก่อนจะมีร่างสูงโปร่งก้าวลงมาจากด้านข้างคนขับ ส่งมือโบกโบยล่ำรากันชั่วครู่ กรอบร่างนั้นก็หายเข้ามาในตัวตึก

     โชเดินเอื่อยๆ ขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ โดยไม่พึ่งลิฟต์ ถึงห้องเขาจะอยู่ชั้นบนสุดแต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าพิศมัยจนต้องรีบขึ้นไปขนาดนั้น

     ความเงียบของแต่ละชั้นกับลมหนาวที่พัดลอดช่องหน้าต่างบันไดหนีไฟเข้ามากรีดเนื้อจนเจ็บชะมัด นาฬิกาข้อมือเรือนเก่าบ่งบอกเวลาตีสี่แล้ว นี่เขาไปนั่งพล่ามอยู่กับเร็นถึงดึกดื่นป่านนี้เชียว

     พอโผล่พ้นบันไดมาได้เท้าก็ชะงัก เงาร่างบางอย่างกองอยู่ตรงหน้าประตูห้องเขา อาจจะเป็นเพราะความมืดมิดยามราตรีกาลกอรปกับแสงไฟนีออนวัตต่ำทำให้มองไม่ชัดนักว่ามันคืออะไร

     ค่อยๆ เดินเลาะผนังไปเรื่อยๆ จนถึงกลางทางเท้าทั้งคู่ถึงกับชะงัก แม้ตรงทางเดินจะสลัวแต่ดวงตากลมโตที่เงยขึ้นมาสบไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าของเป็นใคร

     โชไม่เคยใจเต้นหนักเท่านี้มาก่อน จะเรียกว่าตกใจสุดขีดก็คงจะถูก จากที่ตัวเเข็งทื่อ เลือดลมก็เริ่มวิ่งพล่านโทสะจุกอกสั่งให้เขาหันหลังกลับแล้วถอยเท้าหนี

    เสียงตึงตังดังตามมาไล่หลัง และมันก็ทันตรงชานพักบันไดพอดี

     สองมือสอดเข้าโอบรัดรอบเอว ทั้งร่างบางโถมกอดคนที่คอยมาเกือบทั้งคืนแน่น แนบหน้าลงไปจนได้ยินเสียงหัวใจสะท้อนก้องมาจากในอก

     เงียบกริบและนิ่งงัน…

     “หมอ…ผมขอโทษ…ผมขอโทษ” ยูซูรุพร่ำบอกอยู่แค่นั้นเอง

     เขามีค่าอะไรให้มาขอโทษเพราะแม้แต่จะปกป้องก็ยังทำไม่ได้

     อิชิมารุ โช ค่อยๆ แกะนิ้วที่ยึดเกี่ยวเสื้อเขาแน่น ความเปียกที่ซึมผ่านกลางหลังก็บอกให้รู้แล้วว่าเด็กน้อยแสนขี้เเยเพียงใด แต่ไม่คิดจะหันไปปลอบหรอกที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงเดินไปข้างหน้าเพื่อหนีเท่านั้น

     สองมือตกลงพร้อมเสียงที่เบาบางไม่ต่างจากการกระซิบ “หมอ…ยูซูรุขอโทษ..

     โชก้าวเดินออกไปแล้วและจะไม่หันกลับมาเลยถ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้น

     “ยู!!” ร่างสูงถลาเข้าไปรับร่างที่เข่าทรุดลงบทพื้นและหน้ากำลังจะฟาดลง

     “ยู..” หมอลองเรียกอีกครั้งแต่คนในอ้อมเเขนกลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย ไอร้อนผ่าวที่แผ่ซ่านออกมาบอกให้รู้ชัดว่าเด็กน้อยไม่สบาย

     ดวงตากลมปิดสนิทแถมทั้งร่างยังอ่อนไปหมด

    ทำไมเขาถึงได้โง่เง่าแบบนี้นะ ยูซูรุคงมารอเขานานแล้ว อากาศนั้นก็ไม่ใช่จะอุ่่นๆ เลย ลมหนาวพัดมาทีกรีดไปถึงขั้วหัวใจ แล้วร่างบอบบบางแบบนี้จะทนได้ฤา

     สองขายาวก้าวเร็วๆ ไปยังห้อง ลนลานไขกุญแจแล้วก็พาคนป่วยไปวางลงบนเตียงด้วยความทะนุถนอม

     กะละมังใบน้อยลอยผ้าสะอาดถูกนำมาวางข้างเตียง ก่อนคนมือเบาจะค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ติดถึงลำคอ

     เพียงแค่เม็ดแรกถูกปลดออก มือขาวก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งปลดลึกลงไป น้ำตาของคนใจเเข็งก็พาลจะไหลลงมาให้ได้

     แผ่นอกบางเล็กเต็มไปด้วยรอยช้ำจนน่ากลัวว่าคนเป็นเจ้าของทนมาได้อย่างไร

     โชถอดเสื้อให้ยูซูรุอย่านุ่มนวล เขาไม่อยากให้เจ้าตัวเล็กเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย หลังจากจัดการเช็ดตัวให้อย่างถนอมที่สุด กางเกงยีนส์ขายาวสีซีดก็ถูกถอดตามมา สภาพขาเรียวไม่ต่างไปจากส่วนอื่นเลย ทั้งรอยฟันและจ้ำเขียวช้ำเต็มไปหมด

     นักศึกษาเเพทย์หนุ่มค่อยๆ บรรจงเช็ดไล่ความร้อนให้ร่างที่ไม่ได้สติทีละเล็กละน้อย ขยีบตัวเจ้าตัวเล็กให้ไม่บ่อยครั้งมากที่สุด เมื่อด้านหน้าเสร็จก็จัดการพลิกอย่างเบามือที่สุด

     จะมีตรงไหนของร่างนี้บ้างมั้ยที่ไม่มีรอยช้ำเหล่านี้ โชก้มลงจุมพิตหัวไล่บอบบางราวกับะดูดซับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้เอง ไอร้อนจากร่างที่นอนหายใจรวยรินบอกเขาว่าเจ้าตัวซนคงป่วยไม่น้อยเลยทีเดียว

     หลังจากเช็ดตัวจนทั่ว ที่ที่โชไม่อยากเห็นที่สุดก็ถูกเปิดเผย ทั้งที่ทำใจไว้แล้วเพราะเห็นรอยจากส่วนอื่นๆ แต่ตรงนี้กลับหนักหนากว่านัก รอยแผลฉีกขาดเป็นทางยาวแถมรอยเลือดเกรอะกรัง เจ้าตัวคงล้างทาแล้วรอบหนึ่งแต่เลือดมันคงไม่หยุดไหลง่ายๆ

     ชายหนุ่มเดินไปเอากล่องยามาแล้วนั่งลงปรรจงเช็ดแผลให้อย่างไม่รังเกียจ ตามด้วยล้างด้วยยาฆ่าเชื้อแล้วทายาแก้แผลสดแบบระคายเคืองน้อยที่สุดให้ เสียงครางด้วยความเจ็บดังเบาๆ มาจากคนที่ยังไม่ได้สติ แค่นั้นโชก็ต้องเบามือกว่าเดิม

     สุดท้ายร่างสูงก็สวมชุดนอนของเขาให้เจ้าตัวเล็กแล้วจัดการป้อนอาหารเหลวให้ แน่นอนว่าต้องใช้วิธีผ่อนถ่ายทางปากเพราะคนป่วยยังไม่ได้สติ

     ลิ้นร้อนเลียไล่ความแห้งแตกที่กลีบปากบอบบางเบาๆ แล้วก็จัดการส่งอาหารเข้าไปใหม่ ยูซูรุเองก็ว่าง่ายยอมกลืนลงไปโดยดี ลิ้นเล็กๆ นั้นตอบสนองอย่างไร้เดียงสาจนโชอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้

     เมื่อมีของรองท้องเรียบร้อยก็จัดการปิดท้ายด้วยการป้อนยาแก้ไข้และเเก้อักเสบให้อย่างละเม็ด

     “ฝันดีนะครับ” จุมพิตราตรีสวัสดิ์แสนอ่อนโยนประทับลงบนหน้าผากมน ผ้านวมผืนหน้าถูกยกมาปิดให้จนถึงคอพร้อมสายตาห่วงอาทร

     “หายไวไวนะ…ยู”
    .
    .
    .
     ยูซูรุรู้สึกตัวพร้อมอาการปวดไปทั้งร่างแม้จะไม่เจ็บเท่าวันก่อน แต่เขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถขยับส่วนไหนในร่างกายได้สะดวกเลยนอกจากดวงตา

     แพขนตาขยับเปิดขึ้นเพื่อให้เห็นอะไรได้ชัด ภาพห้องไม่สว่างจัดนักแต่ก็พอมองรู้ว่าเป็นห้องของใคร

     “หมอ…” เสียงแหบครางในลำคอ ลำดับเหตุการณ์คร่าวๆ แล้วจึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่มีสติรับรู้อีกเลยหลังจากได้กอดแผ่นหลังกว้างๆ นั้นไว้…ไม่รู้..คำว่าขอโทษ จะดังไปถึงคนคนนั้นรึยัง

     ตื่นมา…เหงา…จนนึกขำตัวเองไม่ได้ หวังจะให้เห็นหมอนั่งกุมมืออยู่ข้างเตียงรึไง ไม่ใช่ซีรี่ย์ในทีวีนะ แค่เขาเอามานอนบนเตียงนี้ก็ดูเหมือนจะทำบุญมากพอแล้ว

     เสียงฝีเท้าเบาเป็นเอกลักษณ์ดังมาเป็นสัญญาณให้รู้ว่าคนที่คิดถึงกำลังจะโผล่พ้นขอบตู้เข้ามาสู่เขตที่ใช่หลับนอน ดวงตากลมเหม่อลอยรีบหลับลงเพื่อซ่อน (หนี) ยูซูรูยังไม่กล้าจะสู่หน้าหมอตรงๆ

     นอกจากจะเดินเข้ามาใกล้แล้ว ไออุ่นก็เหมือนจะชิดหน้าเขาลงมาเรื่อยๆ

     สัมผัสนุ่มๆ แตะลงแผ่วเบาที่หน้าผาก ก่อนจะเป็นเสียงหัวเราะขันในลำคอ “รู้นะว่าตื่นเเล้ว”

     ยูซูรุเบิกตาโพลง คงลืมนึกไปว่าคนขี้เเกล้งยังอยู่แค่ระยะลมหายใจรดกัน พอทำหน้าตกใจผสมโรงเข้าไปอีก กลีบปากบางก็โดนงับเล่นไปหนึ่งที

     “หมอจูบผม!!” ใบหน้าหวานเเดงซ่าน แล้วพลิกหนีไปอีกทาง จากที่กลัวจะทำตัวไม่ถูกเพราะหมอเย็นชาใส่ กลับโดนเขาขโมยจูบไปตั้งแต่พบหน้ากัน

     “ตื่นแล้วก็กินข้าว จะได้กินยา”

     “แต่เมื่อกี๊หมอจูบผม” คนหน้าแดงหันมาเอาความ

     จ้องหน้ากันอยู่พักใหญ่ยูซูรุก็ต้องหลับตาปี๋อีกรอบเพราะจู่จู่โชก็ก้มลงมาฉกริมฝีปากเขาเสียอย่างนั้น แค่ประทับแผ่วๆ ก็ทำเอาเลือดลมฉีดพล่านไปทั้งตัว

     “คราวนี้กินข้าวได้รึยัง”

     คนตัวเล็กถึงกับหน้างอเป็นลิงบาบูน ไม่รู้องค์อะไรลงท่านถึงได้ทะลึ่งตึงตังเหลือเกิน
     โชเดินยิ้มร้ายออกไป ทิ้งให้คนหน้ามุ่ยค่อยๆ คลี่ยิ้มเพ้อกับตัวเอง

     ถ้วยข้าวต้มหอมกรุ่นมาพร้อมกับยาสองเม็ดและน้ำอีกหนึ่งแก้ว โชวางถาดลงตรงโต๊ะหัวเตียงก่อนจะจัดแจงให้คนป่วยนั่งพิงกองหมอนไว้ เขาระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้กระเทือนไปถึงแผลด้านล่างด้วย

     “ป้อนง่ายกว่าเมื่อคืนตั้งเยอะ” นักศึกษาหนุ่มพึมพำเมื่อจัดการส่งข้าวต้มคำแรกเข้าปากคนป่วยเรียบร้อย

     ยูซูรุหยุดอากการเคี้ยวหงุบหงับแล้วรีบกลืนทุกอย่างลงคอ “เมื่อคืนหมอป้อนข้าวผมหรอ”

     “อื้อ ไม่งั้นจะให้กินยาได้ยังไง”

     “ให้กินยาด้วยหรอ..ไม่เห็นจะรู้สึกเลย” คนตัวเล็กเอียงคอน้อยๆ คิ้วขมวดมุ่นเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก พอคิดไม่ออกก็ทำตาแป๋วถามกลับมาอย่างน่ารัก “ป้อนยังไงอ่ะ”

     โชถึงกับสะดุ้ง แก้มแดงหน้าร้อนขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ถูก พอโดนรัศมีสายตาแป๋วแหว๋วมากเข้าก็เลยพยักเพยิดส่งๆ ไปที่ปากอิ่มซึ่งยังเผยอข้างอยู่

     เดี๋ยวปั๊ด!! จับจูบอีกรอบ

     สมองน้อยๆ ประมวลผลอย่างถี่ถ้วน ปกติยูซูรุก็ไม่ได้โง่ แต่คราวนี้กับไขปริศนาไม่ออกซักที ก็คำตอบที่คิดออกมันอาจทำให้หัวเขาระเบิดบึ้มได้นี่นา

     “หมอป้อน..ด้วย ..เอ่อ ..” นิ้วเล็กๆ จับกลีบปากตัวเองอย่างเหม่อลอย มาสะดุ้งเอาอีกทีก็ตอนที่มีอะไรอุ่นๆ ไหลเข้าปาก

     ง่า…โดนป้อนข้าวภาคพิศดารอีกแล้ว

     “คราวนี้ชัดรึยัง”

     คนตัวเล็กอายม้วน พยักหน้าหงึกทั้งที่แก้มแดงจัดยิ่งกว่าผลท้อ “แล้ว..ทำไมไม่ปลุกกันบ้างเล่า”

     “โกรธหรอ ..?” คนตัวสูงเชยคางให้คนตัวเล็กหันมาสบตา

     ปากบางยื่นเป็นเป็ด ดูก็รู่ว่าไม่ค่อยพอใจนักหรอก
     
     “โกรธที่โดนจูบ หรืองอนที่ไม่รู้สึกตัวหึ”

     ดวงตาคมวาวนักแถมน้ำเสียงก็ทอดอ้อนเสียหวานยิ่งกว่าพระเอกหนังรัก อย่ามาทำให้ใจมันสั่นมากไปกว่านี้ได้มั้ยหละ
     “…ทั้ง…สองอย่าง” ยูซูรุตอบอุบอิบ

     “งั้นข้าวต้มชามนี้ป้อนแบบเมื่อคืนดีมั้ย”

     ฟังข้อเสนอเเล้วก็ต้องส่ายหน้าพรืด ขืนป้อนแบบนั้นทั้งวันยูซูรุก็ไม่ยอมให้หมดชามหรอก เย้ย!!
    .
    .
    .
     ความเปลี่ยนไปของหมอ ทำเอาร่างบางหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อก่อนก็น่ารักดีอยู่แล้ว พอเพิ่มความซนเข้าไปเเบบตอนนี้ยิ่งทำเอาชวนหลงเข้าไปใหญ่ … หมอต้องหยุดไนซ์ด่วน ไม่งั้นยูจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนะ

     “นอนคว่ำหน่อยนะ เดี๋ยวผมดูแผลให้”

     “เมื่อคืนก็ทายาให้ไปรอบนึงแล้ว จะเขินอีกทำไมหละ” โชปลอบเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของเจ้าตัวน้อย

     เล่นเอาอึ้ง…ทั้งที่เห็น…ก็ยังจะดีด้วยอีกหรอ…

     อย่าอ่อนโยนไปมากกว่านี้เลยนะ…ขอร้อง

     ฝามืออันอบอุ่นค่อยๆ ประคองร่างที่ยังนั่งกึ่งนอนอยู่บนกองหมอนให้คว่ำลง สองมือเกี่ยวเอาขอบกางเกงนอนยางยืดลงมาด้วย ก่อนจะลงมือเหวกก้อนเนื้อกลมกลึงเพื่อตรวจดูบาดแผล

     “ไม่ตรงเกร็งนะ ไม่เจ็บนะ…ไม่เจ็บ…” น้ำเสียงละมุนไม่ต่างจากปลอบโยนเด็กน้อยทำเอายูซูรุน้ำตาซึม ฝังหน้าลงกับหมอนนุ่มแล้วกัดมันไว้แน่น

     ความเย็นของเนื้อยาและมือที่เบาแบบนักเรียนเเพทย์เพียงครู่เดียวกางเกงก็ถูกดึงขึ้นมาไว้ที่เดิม

     โชทอดสายตามองไหล่เล็กที่ไหวระริกเพียงเล็กน้อยแล้วเอายาไปเก็บ ก่อนจะเดินอ้อมไปยังเตียงอีกฝั่งแล้วล้มตัวลงนอน สองมือเกร็งรั้งเอาเอวเล็กคอดเข้ามาใกล้ แถมยังอุ้มให้เจ้าตัวบางจ้อยนั้นขึ้นมาเกยทับอยู่บนตัวเขาอีก

     “หมอ..เห็นแล้ว…”

     “ฮื่อ..แผลนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หายนะ..”

     “หมอ…รู้…”

     “ไม่รู้อะไรเลย…ลืมมันซะ…นะครับ”

     ริมฝีปากอุ่นๆ จุมพิตซับน้ำตาที่ไหลอาบเเก้มอย่างอ่อนโยน สองฝ่ามือโอบประคองร่างบอบบางไว้อย่างสุดถนอม
     “พักผ่อนนะ…ผมจะกอดยูไว้เอง”

     น้ำเสียงแม้ไม่หวานแต่การกระทำกับอ่อนโยนจับเนื้อหัวใจ ยูซูรุซบหน้าลงตรงซอกคออุ่นแล้วหลับตาลง นิ้วทั้งสิบกุมเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่มไว้แน่น แม้นเขาจะร้องแทบเป็นแทบตาย แต่อกอุ่นๆ ของผู้ชายคนนี้ก็รับซับมันเอาไว้จนหมด

     …..
     

     


     

     


     “
     

     
    be con"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×