ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    : Thanks : ขอบคุณที่รักกัน

    ลำดับตอนที่ #3 : 3.

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 61


    3.

     
         พอถึงเวลาที่เคยตื่นร่างกายมันก็ทำงานอัตโนมัติ ยูซูรุบิดตัวไปมาอย่างเคยชินก่อนจะลืมตากระพริบปริบๆ แล้วกวาดมองไปรอบตัว นอนเพลินเลย ลืมไปว่าอยู่ที่ห้องหมอ

         คนที่ตัวเองกอดอยู่เมื่อคืนหายไปแล้ว เหลือเพียงกลิ่นจางๆ กับรอยยับย่นบนที่นอนให้ชื่นใจเล่น ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆ อบอุ่นหัวใจยิ่งนัก

     
         เท้าเล็กๆ ตั้งท่าจะวาดลุกออกจากเตียงแต่ก็เห็นกระดาษแผ่นน้อยวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงซะก่อน

         'ขอโทษนะที่ออกมาโดยไม่ได้บอก (มีเรียนเช้าหนะ) ทำอาหารเช้าไว้ให้แล้ว อุ่นกินเอาเองนะ เสื้อผ้าก็เตรียมไว้ให้แล้วอยู่ในตู้ (ส่วนชุดของยูเดี๋ยวผมเอาไปคืนให้วันหลัง) ถ้าจะออกจากห้องล็อกให้ด้วย
          แล้วเจอกันที่ร้าน … โช' 

     
         หลังอ่านทวนอยู่สองสามรอบจนจำข้อความได้ขึ้นใจก็บรรจงพับกระดาษแผ่นนั้นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเก็บใส่กระเป๋าตังค์อย่างทะนุถนอม

     
         รอยยิ้มหวานวาดเต็มแก้มตุ่ย

     
         ธนบัตรหลายใบที่วางเคียงอยู่ด้วยนั้น เขาไม่สนใจหรอก วางมันไว้อย่างนั้นแหละแต่เห็นแล้วก็อดสะเทือนใจนิดๆ ไม่ได้ ร่างกายของเขากลายเป็นสินค้าสำหรับคนอื่นไปแล้วจริงๆ

     
         ยูซูรุพาตัวเองเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ จัดการเปลี่ยนเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นผูกเอวที่หมอเตรียมไว้ให้ ส่วนชุดนอนก็พับวางลงบนตะกร้าผ้าใช้แล้วอย่างเรียบร้อย ก่อนวางมิวายจุ๊บลาเบาๆ ด้วย ส่วนชุดใหม่ที่ใส่อยู่ก็รู้สึกได้กลิ่นตัวของเจ้าของลอยมาจางๆ

     
         “รู้สึกเหมือนกำลังโดนหมอกอดเลย” ร่างเล็กพึมพำด้วยรอยยิ้มขวยเขิน ก่อนจะส่ายหน้าไล่ความคิดลามกออกไปจากหัวแล้วเดินออกไปยังโต๊ะอาหารเล็กๆ

     
         เเซนวิชทูน่าชิ้นพอดีคำวางคู่อยู่กับแก้วนมสดสีขาวนวล

     
         มีโน๊ตเล็กๆ วางกำกับอยู่ด้วย 'ถ้าอยากให้ร้อนใช้ไมโครเวฟอุ่นซะนะ แล้วดื่มนมให้หมดด้วยจะได้ตัวโตโต^^'

     
         เห็นแล้วก็เขินม้วนต้วนอยู่คนเดียว ทำไมหมอน่ารักแบบนี้ก็ไม่รู้ ถ้าสั่งให้ดื่มเป็นถังยังยอมเลย
    .
    .
    .
     
         โฮตส์หน้าหวานที่มียอดอันดับหนึ่งของมุราซากิบาร์แต่งตัวไม่ต่างจากเด็กกะโปโลไม่ยอมโต คีบรองเท้าแตะเดินเข้ามาในร้านด้วยอาการหน้าบานไม่ยอมหุบ เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้คนเป็นนายเลยต้องเดินตามเข้าไปแซวถึงในห้องแต่งตัว

     
         “เมื่อคืนมีอะไรดีดีรึไง” เสียงหวานแต่หาเรื่องดังขึ้น พร้อมกับคนตัวบางที่นั่งฉับลงบนเก้าอี้ก กอดอกไขว่ห้างดวงตาจ้องตรงแน่วไปทางคุณลูกน้อง

     
         “เมื่อคืนหมอไม่ได้ทำอะไรผมเลย นอกจากกอดเป็นหมอนข้าง” ยูซูรุเดินมานั่งลงข้างๆ มากิ พูดแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

          คิ้วเรียวของอีกคนเลยขมวดมุ่น กอดอย่างเดียวแล้วมันดียังไง

     
         “หมอพาไปที่หอ ทำกับข้าวให้กินเอาชุดนอนให้ใส่ นอนกอดผมไว้ทั้งคืนเลย แล้วตอนเช้าก็ทิ้งโน๊ตไว้น่ารักมากๆเลยหละมากิจัง” ยูซูรุยังเพ้อไม่เลิก แต่มากิก็อดยิ้มออกมาด้วยไม่ได้ เห็นเจ้าตัวเเสบมีความสุขเขาก็ดีใจ ทีเมื่อวานแล้วทำหน้าอย่างกับจะเป็นจะตาย

     
         “แล้วคืนนี้หมอมาอีกรึเปล่า”

     
         ยูซูรุพยักหน้าหงึกหงัก ทำหน้าเป็น “ผมไม่ออกไปกับใครเลยนะ นอกจากหมอ”

     
         “รู้แล้วคร้าบ…บ ติดเค้าหนึบเลยนะ ระวังถ้าเค้าไม่มาแล้วจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง” ผู้เป็นนายแซวไว้ให้หน้างอเล่นก่อนจะเดินลัลล้าออกไป
    .
    .
    .
     
         ยามค่ำคืนที่แสนคึกคักวุ่นวาย เป็นบรรยากาศธรรมดาของบาร์แห่งนี้เสียแล้วด้วยทำเลที่ตั้ง การตกแต่งร้านและสำคัญที่สุดบรรดาหนุ่มน้อยตาใส ตัวบางจ้อยคอยเดินเอาใจกันอยู่ให้ควัก มีหรือผู้ชายคนไหนจะไม่ชอบ

     
         ยูซูรุเดินเสิร์ฟและเเวะเวียนพูดคุยกับโต๊ะนู่น นี่พอเป็นพิธี แต่ถ้ามีโต๊ะไหนรั้งไว้ก็จะปฏิเสธไปว่าคืนนี้มีคนจองเสียแล้ว ตากลมคอยแต่จะมองไปทางประตูทางเข้า ชะเง้อแล้วชะเง้ออีก คนที่อยากเจอใจจะขาดก็ยังไม่มา

     
         ทั้งที่่ร้านใกล้จะปิด โต๊ะห้าก็ยังคงเป็นแขกคนอื่น

     
         หมอไม่มาซักที…หรือจะหลอกให้ดีใจ แล้วก็ไม่มา

     
         “เดี๋ยวหมอก็มานะ” มากิเดินเข้ามาจับไหล่เล็ก ส่งกำลังใจผ่านแรงบีบเบามือ
     
     
         จะไม่เดินมาปลอบได้ไงเล่า หน้าเล็กๆ นั้นม่อยเสียจนจะร้องอยู่มะรมมะร่อ

     
         “หมอ..คงไม่ว่าง” ยูซูรุพึมพำ ทั้งที่เขียนโน๊ตบอกไว้ว่าจะมาเจอกันแต่ก็ปล่อยให้รอเก้อเสียได้

     
         บาร์เครื่องดื่มปิดแล้ว ครัวก็ปิด ภายในร้านเพียงแค่รอส่งแขกที่ยังไม่ยอมลุกเท่านั้น ยูซูรุเองก็นั่งเท้าคางอยู่ตรงโต๊ะที่ห้านั้นแหละ ก็ร้านมันยังไม่ปิด หมออาจจะมาก็ได้

     
         ความหวังสุดท้าย ที่ดูมันจะลมๆ แล้ง เสียเหลือเกิน
     
         แค่อยากรอ …ให้มันถึงที่สุดเท่านั้นเอง

     
         เเขนเรียววางพาดลงบนโต๊ะ ทำหน้าที่ต่างหมอนก่อนใบหน้าหวานอมเศร้าจะฟุบทับลงไป เรือนผมสีน้ำตาลเส้นละเอียดตกระไปกับเนื้อไม้เย็นเฉียบแต่กระนั้นเจ้าของก็มิได้สนใจ

     
         ยูซูรุนอนเหม่อไปไกลจนรู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆ มาปัดผ่านหน้าผากเลยผงกหัวขึ้นมาดูนิดนึง

     
         มือน้อยขยี้ตาป้อยๆ แต่รอยยิ้มสว่างของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ไม่ได้จางไป

     
         “ไง..”

     
         “หมอ..” ปากบางขยับโดยไม่มีเสียง กระบอกตาก็ดันร้อนผ่าว จะมาน้ำตาตกอะไรเอาตอนนี้

     
         “ขอโทษนะยู พอดีติดงานกลุ่มที่มหา’ลัยหนะ เลยมาช้า”

     
         ใบหน้าหวานกดลงเป็นเชิงรับรู้ เหลือบไปเห็นสัญญาณจากมากิว่า ‘กลับเลยก็ได้ ไม่ต้องรอเก็บร้าน’

     
         ใจมันก็อยากไปอยู่หรอก แต่คนที่จะพาไปหนะเขาอยากด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้

     
         “ยู … นี้ชุด” มือขาวเนียนอย่างมือคนที่คอยหยิบจับแต่เครื่องมือเเพทย์และตำราหนังสือยื่นถุงกระดาษถุงใหญ่มาให้ คืนของกันแบบนี้แปลว่าคืนนี้จะไม่พากลับไปด้วยหรอ

     
         ตากลมคลอน้ำอีกครั้ง ไม่ยอมรับของแต่กลับเงยหน้ามองหมอนิ่ง

         หัวใจมันกลับปวดหนึบๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ได้ปั้นหน้าปั้นตาเลยแต่เพราะความรู้สึกภายในมันทำให้ดวงหน้าที่ล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลเข้มนั้นน่าสงสารจับใจ

         ปากสีชาดสั่นน้อยๆ ราวเจ้าของต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะบังคับให้มันพูดเป็นคำที่ต้องการได้

     
         “คืนนี้..หมอซื้อผมมั้ย”

     
         รอยยิ้มอ่อนโยนระบายไปทั่วใบหน้าหล่อคม สบตาคนถามนิ่ง “ก็เห็นไม่ยอมหยิบเงินมา นึกว่าจะไม่ขายซะอีก”

     
         “ขาย ขายซิ!!” ละล่ำละลั่กพูดไปก็ปวดใจไป ทำไมตัวเองช่างต่ำต้อยสกปรกนักก็ไม่รู้ “แล้ว…แล้ว..หมอซื้อมั้ย หมอจะซื้อผมมั้ย?”

     
         โชฉวยร่างเล็กที่สั่นน้อยๆ เข้าไปกอดอย่างถือวิสาสะ มือใหญ่ยกขึ้นไล้เรือนผมนุ่มด้วยอาการอ่อนโยน เสียงกระซิบผะแผ่วปลอบประโลมดังอยู่เพียงปลายหูเท่านั้น “กลับไปนอนด้วยกันนะครับ..” 

         เขาเลี่ยงใช่คำพูดที่ยูซูรุรู้สึกไม่ดี
     
     
         แค่คำกระซิบเบาๆ ก็ทำให้คนที่ซุกหน้าอยู่กับอกกว้างยิ้มออก หมอทำให้หัวใจดวงน้อยชุ่มชื้นราวกับได้รับน้ำทิพย์จากบนสวรรค์ ความอุ่นซ่านแผ่กระจายไปทั่วทุกสัดส่วนร่างกาย ยูซูรุหลับตาซึมซับความรู้สึกนี้ไว้ไม่ยอมผละหน้าออกมาแถมเบียดตัวซุกแน่นเข้าไปอีก

         ขอคิดค่าเสียหายที่ทำให้ตกใจหน่อยเถอะ หมอ!!
    .
    .
    .
     
         กลับมาถึงหอ ยูซูรุก็ถูกไล่ไปอาบน้ำตามระเบียบ แถมยังได้ใส่ชุดนอนหมอเหมือนเดิม เจ้าตัวน้อยชอบนักหละ  ยังยกปกเสื้อขึ้นมาทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นตัวผู้เป็นเจ้าของหลังจากนั้นก็เกลือกแก้มลงไปทำกริยาราวกับลูกแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนมือเจ้านาย

     
         “ยู กับข้าวเสร็จแล้ว” หมอโผล่หน้าเข้ามาบอกทั้งที่ยังสวมผ้ากันเปื้อน คนที่ถูกเรียกก็ทำตาแป๋วเดินเข้าไปหาแต่ชายกางเกงยาวที่เจ้าตัวไม่ยอมพับมันก็ดูรุ่มร่ามจนคนตัวโตกว่าต้องจิ๊ปากเดินเข้ามาจัดการให้

     
         นี่ก็เป็นแผนการณ์หนึ่งหละที่จะได้ใกล้ชิดหมออีกหน่อย

     
         ยูซูรุชอบมองมือขาวๆ ของหมอ นิ้วยาวเรียวดูนุ่มนวลจนน่าอิจฉา ผิดกับมือเขาที่ทั้งเล็กป้อม แล้วก็สาก

     
         “สงสัยคราวหลังต้องซื้อกางเกงนอนขาสั้นๆ มาเก็บไว้ให้ยูบ้างแล้วมั้ง”

     
         หมอเปรยขณะที่ก้มลงพับขากางเกงอีกข้างให้

     
         ยูซูรุส่ายหน้าผึบผับอยู่คนเดียว เรื่องอะไรหละ ถ้ามีกางเกงขาสั้น หมอก็ไม่ได้มาพับให้แบบนี้ซิ ใครจะยอม

    .
    .
    .
     
         อาหารมื้อดึกของหมอก็ง่ายๆ เหมือนเดิมแต่รสมือนี่อร่อยเหาะไปเลยหละ

     
         “กินเข้าไปเยอะๆ จะได้ตัวกลมๆ กอดอุ่นๆ” โชบอกแล้วก็จัดการคีบนู่นคีบนี้โปะถ้วยเจ้าตัวเล็ก

     
         “หมอก็กินบ้างซิ ต้องเรียนไม่ใช่หรอ” พูดด้วยอาการตาใส ปากแดงย้อยน่าดูนัก

     
         โชยิ้มบาง ทำไมคนตรงหน้าเขามันน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวแบบนี้ก็ไม่รู้ ห่วงคนอื่นทั้งที่ตัวเองนั้นเเหละผอมจนลมพัดมาทีจะปลิวไปอยู่แล้ว

     
         นั่งกินไปคุยไปยูซูรุจึงได้รู้ว่าหมอหนีออกจากบ้านมาตอนจะเข้ามหาวิทยาลัย เนื่องจากที่บ้านอยากให้เรียนเศรษฐศาสตร์แต่เจ้าตัวดันอยากเป็นหมอ ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาเลยหบผ้าผ่อนหนีออกมาซะงั้น

     
         หมอไม่ได้เล่าละเอียดมากมายคล้ายพูดให้ติดตลกมากกว่า ยูตัวน้อยก็เส้นตื้นขำไปหมดทุกเรื่องที่หมอเล่านั้นแหละ

          “ยูเสาร์นี้ว่างมั้ย” จู่ๆ หมอก็เปลี่ยนเรื่อง
     
     
         จะว่างได้ไงก็ต้องทำงานตอนเย็นนี่นา แต่ปากดันตอบไปว่า “ว่างครับ”

     
         “ไปกินไอติมกัน นะ” หมอชวนเรียบๆ ตามสไตล์แต่คนที่ถูกชวนนี่ซิตาเบิกกว้าง ตะเกียบที่กำลังคีบเทมปุระเข้าปากก็ชะงักกึก

     
         “ฮะ” ตอบได้แค่นั้นแหละ ความดีใจมันเเล่นจุกอกจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว

     
         “แต่ว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ถึงเสาร์ผมคงไปหายูไม่ได้ เพราะว่ามีสอบย่อยทุกวันเลย”

     
         ดวงตาคู่โตหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด อาการเหมือนลูกหมากำลังจะโดนทิ้งไม่มีผิด

     
         ตั้งสี่วันที่จะไม่ได้เจอหมอ เขาจะทนได้ไงกัน

     
         มาทิ้งระเบิดไว้ให้ลูกใหญ่แล้วจะชิ่งหนีหรอ ทำไมหมอเป็นคนแบบนี้หละ

     
         ใบหน้าหวานที่หงอยอยู่เมื่อกี้กลับงอสนิท พาลงอนคนตัวสูงไปเสียอย่างนั้น วางตะเกียบลงแล้วก็ไม่พูดไม่จา ก็คนมันทำใจไม่ได้นี่นา

     
         เห็นเจ้าตัวเล็กเงียบไปแล้วก็ให้สงสัย มือเรียวยื่นไปเชยคางขึ้นมาดู แม้หน้าจะบึ้งแต่ตาโตก็แดงก่ำเหมือนกำลังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

     
         สีหน้าแบบนี้แสดงอารมณ์ออกมาหมด ช่างอ่านง่ายจริงๆ เลยเด็กน้อย

     
         “ยูอยากมานอนที่นี้หรอ” หมอนี่ก็รู้ใจไปทุกเรื่อง รู้แล้วยังจะถาม ยังจะบอกเรื่องที่ทำร้ายจิตใจอีก

          อยากเจอหมอโว้ย ไม่ได้อยากนอน เจ้าตัวน้อยค้านในใจ 

     
        “อื้อ” เม้มปากตอบไปอย่างงอนๆ ไม่ได้รู้เลยว่ามันน่าเอ็นดูนักในสายตาอีกฝ่าย

     
         “อยากมาก็มาซิ แล้วจะปั้มกุญแจไว้ให้ แต่ผมคงไปนั่งที่ร้านไม่ได้นะ ต้องอ่านหนังสือสอบจริงๆ”

     
         ยูซูรุยิ้มร่าทันที อารมณ์ของเจ้าตัวน้อยเปลี่ยนไปมาได้ไวจริงๆ “หมอไม่ต้องไปหรอกครับ เดี๋ยวผมมาเอง”

     
         ตะเกียบที่วางลงเมื่อครู่ก็โดนหยิบมาประจำกายอีกครั้งแถมยังประจบด้วยการคีบนู่นคีบนี้ให้หมอยกใหญ่

     
         “ผมจะมาหาหมอทุกวันเลยนะ แต่ว่าจะไม่กวนหมอหรอก ผมจะนั่งนิ่งๆ เงียบๆ” ปากบางแจงจ้อยๆ

     
         ยูซูรุนั่งนิ่งแต่สติหมอนี่ซิมันจะยอมนิ่งด้วยรึเปล่า

     
         สายตาภายหลังกรอบแว่นเสมองไปทางอื่นแทน เห็นเจ้าตัวน้อยนี้บ่อยๆ ท่าทางเขาคงตบะแตกเข้าซักวัน
    .
    .
    .
     
         คืนนั้นยูซูรุก็ทำหน้าที่หมอนข้างตัวหอมๆ ไปตามระเบียบ หมอยังสุภาพทุกกระเบียดนิ้วเพียงกอดร่างเล็กไว้หลวมๆ 
     
         ท่าทางเจ้าตัวซนจะเป็นเด็กขี้หนาวเพราะพอหลับไปได้ซักพักก็เบียดตัวเข้าซุกกับอกเขาราวลูกกระต่ายน้อยต้องการความอบอุ่น

         เฮ้อ .. แม้ยามหลับ หน้าเล็กๆ นั้นยังอ้อนเลย

         แล้วโชจะทำอะไรได้นอกจากดึงผ้านวมขึ้นมาห่มให้จนถึงปลายคางแล้วกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
    ส่งเจ้าตัวเล็กให้เข้าสู่อ้อมกอดของฝันหวานก่อนจะหลับตาลงนอนบ้าง
    .
    .
    .
     
         วันรุ่งขึ้น ยูซูรุตื่นขึ้นแล้วก็ไม่พบหมอตามเคย แต่โน๊ตกับเงินยังวางไว้เหมือนเดิม

     
         “ก็บอกว่าไม่เอายังจะวางไว้อีก” ร่างบางทำหน้าบู้ แต่มือรีบคว้าโน๊ตใบน้อยมาอ่าน

     
         'อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะนะเด็กน้อย คืนนี้จะมาใช่มั้ย แล้วจะเตรียมของกินอร่อยๆ ไว้ให้นะ ^^'

     
         ยูซุรุนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ข้อความของหมอน่ารักซะเหลือเกิน

     
         “เราโตแล้วนะ มาเรียกเด็กน้อยได้ไง” บ่นงุบงิบพลางจัดการเก็บเจ้าโน๊ตใบน้อยลงกระเป๋าตังค์ ก่อนจะลุกไปจัดการกิจวัตรประจำวัน

    .
    .
    .
     
         นับจากวันนั้นยูซูรุก็มาหาโชทุกคืนหลังเลิกงาน กิจกรรมง่ายๆ ที่ทำคือ จัดการกินอาหารที่หมอทำไว้ให้หมด อาสาเป็นคนล้างจานเองแล้วไล่หมอไปอ่านหนังสือ ระหว่างที่โชอ่านหนังสือสอบอย่างขมักเขม้น เจ้าตัวเล็กก้จะนอนเล่นเงียบๆ อยู่บนเตียง บางครั้งหมอก็เอาเกมกับหนังสือการ์ตูนมาให้อ่านแก้เบื่อ ทำแบบนี้อยู่สามคืน พอคืนวันศุกร์ยูซูรุก็ไม่มาเพราะวันเสาร์มีนัดไปเที่ยวกัน ถ้าจะออกจากบ้านเดียวกันมันจะสนุกอะไร ออกไปเจอกันข้างนอกดูตื่นเต้นกว่าตั้งเยอะ
    .
    .
    .
     
         ยูซูรุพลิกตัวรอบที่ล้านแปดอยู่บนเตียงในห้องนอนตัวเอง ไม่กลับมานอนสาม สี่คืนทำไมรู้สึกแปลกที่ไปได้ก็ไม่รู้

     
         ร่างบางผุดขึ้นมานั่งหงุดหงิด คว้าหมอนหนุนมากอดไว้แล้วเอาหน้ากดลงไปแรงๆ “เพราะหมอคนเดียวเลย ทำเอานอนไม่หลับ” ปากบางบ่นอุบอิบ เหลือบตามองนาฬิกาพรายน้ำก็เห็นว่ามันบอกเวลาตีสี่แล้ว นัดหมอไว้สิบโมงเช้าจะตื่นมั้ยเนี่ยะ

     
         ตามกำหนดการคือโชมีสอบตอนแปดโมง และคาดว่าน่าจะเสร็จตอนเก้าโมงกว่าๆ เลยนัดเจอกันสิบโมงที่ห้างดังย่านช็อปปิ้งในตัวเมือง

     
         ดูหมอจะสบายๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ มีแต่เจ้าตัวเล็กที่กระวนกระวายไปคนเดียว

     
         คิดถึงหมอก็คิดถึง อยากนอนซุกอยู่ในอกหมอใจจะขาด คืนนี้น่าจะไปหา ไม่น่ากลับมานอนที่หอเลย

     
         เฮ้อ… มือเล็กควานหากระเป๋าตังค์บนหัวเตียง แล้วเปิดออกเพื่อหยิบโน๊ตใบน้อยมาอ่านให้ชื่นใจเสียหน่อย

     
         หมอทิ้งข้อความไว้ทุกวันเพราะตื่นก่อนและต้องออกไปเรียน

          คำสั้นๆ แต่อ่อนโยนนักหนา คนได้รับอ่านแล้วก็หัวใจพองโตฟูฟ่องราวสายไหมสีสันสดใส

     
         อ่านจนจำได้ขึ้นใจแล้วแต่ก็ยังมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็น

     
         กระดาษใบน้อยเหมือนมีมนต์จากผู้เป็นเจ้าของ หลังยูซูรุเก็บมันเข้าที่ ความง่วงก็ค่อยๆ คลืบคลานจนเจ้าตัวเล็กเลือกที่จะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ดึงผ้าห่มมาชิดคอ คว้าหมอนเน่ามากอดแล้วก็ค่อยจมลงสู่ภวังค์
    .
    .
    .
     
         นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ตื่นเช้าออกมารับแสงตะวันและเดินทอดน่องท่ามกลางผู้คนยามสายแบบนี้  หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารัก สวมเสื้อยืดเพ้นท์ลายเท่กับกางเกงยีนส์ขาดเซอร์ๆ ใส่รองเท้าผ้าใบและหมวกแก๊ปดูเข้ากันสุดๆ แถมยังสะพายเป้ใบย่อมไว้ด้วย

     
         ยูซูรุเดินเล่นอยู่บริเวณลานน้ำพุหน้าห้าง เนื่องจากมาถึงก่อนเวลานัดเกือบชั่วโมง

     
         ด้วยใบหน้าที่กระจ่างใสและลักษณะร่างกายน่าทะนุถนอมตัดกับการแต่งกายที่ออกไปทางแก่นเฮี้ยวทำให้ใครหลายคนต้องหยุดมองเทวดาตัวน้อย ใครหนอกล้าปล่อยลงมาให้เที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์แบบนี้

     
         ปล่อยให้มนุษย์เดินดินเป็นห่วงเป็นใยเเทนได้ไม่นาน เจ้าของเขาก็โผล่มารับ

     
         ร่างสูงโปร่งไม่ได้แต่งตัวแปลกอะไรเลยนอกจากเสื้อเชิ้ตพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งและรองเท้าผ้าใบ บนใบหน้าประดับแว่นกรอบดำแบบเดิม แต่อาจเป็นเพราะผิวขาวผ่อง ปากแดงจัดและดวงตาคมๆ ละมั้งที่ทำให้ดูดีผิดมนุษย์มนา

     
         “ยู..” โชเรียกเบาๆ ให้เจ้าตัวน้อยที่ยืนเหม่อรู้สึกตัว

     
         ดวงตากลมป๊อกทำแววฉงน ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็ทำตาโตขึ้นไปอีก “หมอมาเร็วจัง เพิ่ง เก้าครึ่งเอง”

     
         “ก็สอบเสร็จเร็วนี่นา”

     
         ปดออกไปคำโต ใครมันจะกล้าบอกหละว่าสมาธิมันกระเจิงกระจายจนไม่มีกระจิตกระใจจะทำ

     
         “แล้วเราจะไปกินไอติมกันเลยรึเปล่าฮะ”

     
         โชส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู เช้าป่านนี้ร้านมันยังไม่เปิดเลยหนูเอ๋ย “ไปเดินเล่นก่อนดีกว่านะ เเล้วก็กินมื้อเที่ยง แล้วค่อยกินไอติมดีมั้ย”

     
         “ดีฮะ”

     
         ทั้งคู่ออกเดิน ไปเรื่อยตามลานกว้าง ที่สุดทางถึงจะเป็นห้างสรรพสินค้า

     
         เสื้อผ้าหลากสีสันเดินสวนไปมาเป็นเรื่องราวปกติ ท่ามกลางฝูงชนมากมายยูซูรุที่ออกเดินได้เพียงห้า หกเก้าก็หยุดเท้าลง ดวงตากลมทอดมองไปเบื้องหน้าคนที่เดินเคียงข้างเมื่อครู่ยังคงเดินต่อไปโดยไม่รู้เลยซักนิดว่าเขาไม่ได้เดินตามไป

     
         ร่างบางมองแขนคู่นั้นละห้อย อยากจะสัมผัส อยากจะเข้าไปเกาะแล้วเดินเคียงกันท่ามกลางแสงตะวันอันอบอุ่น

     
         มันจะดูออดอ้อนเกินไปมั้ย หมอจะรำคาญจะอายหรือเปล่าที่มีคนร่างกายสกปรกอย่างเขาอยู่ใกล้ตัว

     
         ทั้งที่น่าจะมีความสุข แต่ความเหงาและความกลัวบางอย่างก็แล่นวาบเข้ามาเกาะอยู่ในหัวใจ

     
         ควรแล้วหรือที่เขาจะเดินเคียงข้างผู้ชายคนนั้น

     
         “ยู”

     
         “ยู!!”

     
         “ห๊ะ…ครับ”

     
         “เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมไม่เดินตามมา”

     
         โชยองตัวนั่งลงหน้าคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุด คว้าเอามือสองข้างที่ตกลงข้างลำตัวบางๆ นั้นมากุมรวมกันตรงหน้าแถมยังบีบเบา

     
         “จับมือกันแบบนี้ดีมั้ย จะได้ไม่คลาดกันอีก”

     
         “อื้อ” พยักหน้าตอบรับ แล้วดึงให้หมอยืนขึ้น เล่นมานั่งทำท่าเหมือนขอความรักกันท่ามกลางผู้คนล้านแปดแบบนี้ก็เขินเเย่ซิ

     
         มือใหญ่ละออกมาข้างหนึ่งแล้วตบปุลงบนศีรษะทั้งที่ยังมีหมวก แก้มแดงๆ เมื่อกี๊มันน่าหอมโชว์ชะมัด แต่ก็ได้แต่เก๊กขรึมบริภาษเจ้าตัวจ้อยไปอีกนิด

     
         “อย่าทำหน้าแบบเมื่อกี๊อีกนะ มันทำให้ผมคิดว่ายูไม่มีความสุขที่อยู่กับผม”

     
         ใบหน้าหวานรีบส่ายผึบผับด้วยกลัวว่าหมอจะเข้าใจผิด นี่เขาทำเรื่องงี่เง่าอะไรลงไปเนี่ยะ อ้าปากจะอธิบายแต่ก็ไม่ทันเพราะถูกกระตุกมือให้ออกเดินซะก่อน

     
         ใบหน้าหวานยู่ลงนิดนึง คนอาร๊าย!! เผด็จการชะมัด เล่นมาทำให้หลงแบบนี้ระวังไว้เถอะคราวหน้าจะไม่ใช่แค่จับมือแต่จะกอดเเขนให้ได้เลยคอยดูเถอะหมอ

     
    .
    .
    .
     
         เดินเล่นและหาของกินกันจนเย็น คนตัวสูงข้างๆ ก็เดินพามาถึงโรงหนัง

     
         “ผมอยากดูหนังจัง ยูยังมีเวลามั้ย”

     
         ถามธรรมดาก็ได้ทำไมต้องทำหน้าอ้อนด้วยหละ รู้ไม่ใช่หรือไงว่าคนเค้าแพ้สายตาแบบนั้นหนะ
     
     
         “อื้อ..ว่าง” เจอมนต์คนหล่อเข้าไป เด็กน้อยก็พยักหน้าว่าง่ายซิครับ

     
         ระหว่างที่โชไปต่อแถวซื้อตั๋ว ยูซูรุก็เลี่ยงเดินไปโทรศัพท์ในห้องน้ำ

     
         “มากิจัง คืนนี้ลาได้มั้ย” น้ำเสียงออดๆ ดังผ่านสายโทรศัพท์ไป โดนคนตัวโตเค้าอ้อนมาก่อนนี่นาเลยต้องโทรไปอ้อนเจ้านายคนสวยต่ออีกที

     
         “มีอะไรหรอยูซูรุ” เขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้คุณลูกน้องมีเดทกับลูกค้า แต่ไม่คิดว่าจะลามมาถึงเวลางานด้วย

     
         “ผมอยากดูหนังกับหมอ”

     
         ปลายสายหัวเราะคิกขึ้นมาทันที ไม่คิดจะรั้งหรือคั้นต่อ “โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”

     
         “ครับ”
     
     
         ยูซูรุเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคนตัวสูงรออยู่แล้ว เลยออกอาการหน้าเหวอเล็กน้อย

     
         “เอาป๊อบคอร์นหรือน้ำอะไรมั้ย”

     
         ใบหน้าหวานส่ายผึบผับ ทำไมเทคเเคร์ดีแบบนี้หละ นักศึกษาเเพทย์คนอื่นเป็นแบบนี้ด้วยรึเปล่า

         “งั้นเราเข้าโรงกันเลยนะ”

          “ฮะ”

     
         เรื่องราวที่โลดแล่นอยู่บนจอยูซูรดูไม่ค่อยรู้เรื่องนักหรอก เพราะสิ่งที่เจ้าตัวเล็กจดจ่อจะ ‘ดู’ คือหน้าของคนข้างๆ มากกว่า ยามปกติดวงหน้าขาวนั้นก็ชวนมองอยู่แล้ว แต่พออยู่ในที่ที่แสงน้อยแถมยังมีภาพบนจอสะท้อนลงมาวับไหวยิ่งทำให้มันดูพิศวงจนละสายตาไม่ได้เข้าไปใหญ่

     
         อากาศเย็นเก้าอี้นุ่ม และไออุ่นจากคนที่กุมมือเขาไว้แน่นทำให้รู้สึกราวกับตกอยู่ในความฝันอันแสนหวาน หรือวันนี้จะเป็นพรที่พระเจ้าประทานมาให้กันนะ

     
         “นี่ ชวนมาดูหนังนะ ไม่ได้ให้มานั่งจ้องหน้า อยู่ที่ห้องยังดูหน้าผมไม่พออีกหรือไง”

     
         พอโดนจับได้แก้มเนียนก็ย้อมสีชมพูแจ๋ เบือนสายตาขึ้นไปหาพระเอกบนจอไม่ทัน แถมยังบ่นอุบอิบพอให้แสบๆ คันๆ เล่นอีกว่า “ใครเค้ามองกัน หลงตัวเอง”

     
         หมอขำกับอาการแก้เขินของคนข้างๆ เลยจับเอาหัวกลมๆ นั้นมาซบไหล่เสียเลย แถมยังยื่นแขนไปให้กอดอีกข้างเป็นของแถม ดูซิยังจะโกรธเขาลงอีกรึเปล่า
    .
    .
    .
     
         กว่าหนังจะจบข้างนอกก็มืดแล้ว ร้านค้าในโซนพลาซ่าปิดเงียบสนิท มีเพียงคนที่ลงมาจากโรงภาพยนตร์เท่านั้นที่ทำให้ดูพลุกพล่าน

         ไม่ต้องตัดสินใจให้ยาก คนตัวเล็กก็ถูกจับยัดลงแท็กซี่ แล้วจูงกลับอพาร์ทเม้นโดยง่ายดาย

    .
    .
    .
     
         กลับมาก็โดนหมอไล่ไปอาบน้ำก่อนเหมือนเดิม

     
         ชุดนอนที่สวมก็กลิ่นเดิมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมกลิ่นกายเจ้าของ ความรู้สึกที่เหมือนถูกโอบล้อมจากอ้อมกอดอุ่นๆ นี้มันช่างดีเหลือเกิน

     
         “ยู… เป็นอะไรหึ วันนี้เหม่อหลายรอบจัง”

     
         เขาคงเหม่อไปจริงๆ เพราะมารู้สึกตัวอีกครั้ง คนตัวสูงๆ ก็นอนกอดเขาไว้ทั้งตัวแล้ว ความรู้สึกที่คิดอยู่เมื่อครู่มันเป็นของจริงซินะ
     
     
         ส่ายหน้าน้อยตอบปฏิเสธไปแต่กลับได้จุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากแทน

     
         แตะเพียงแผ่วแต่กลับฝังแน่นราวตราประทับ จารลึกจนซ่านไปทั้งเนื้อกายและหัวใจ

     
         ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองร้อนได้ขนาดนี้มาก่อนเลย พวงแก้มอิ่มทั้งสองข้างแดงราวกับโดนไฟอั่ง

     
         “ราตรีสวัสดิ์ครับ..”

     
         เจอประโยคเด็ดเข้าอีกดอกก็ต้องเอาหน้ามุดงุดๆ เข้าซุกอกกว้าง

     
         นั่นหละที่หลบหน้า ขืนพลิกไปทางอื่น ไอคนหน้าหล่อๆ ตัวขาวๆ ก็จะชะโงกตามมาหลอกหลอนอีกจนได้ ไม่ได้ยึดตัวเขาไปกอดแล้วทำเป็นนอนไม่หลับ 
     
      
         จุมพิตราตรีสวัสดิ์ ครั้งแรกในชีวิตของเขาเชียวนะ!!

     
         ไอหมอบ้า ชอบทำให้คนอื่นหวั่นไหวอยู่เรื่อยเชียว แล้วดูซิ ทำตัวเป็นพวกกินง่ายนอนง่ายเอื้อมมือไปปิดโคมไฟแล้วหลับตาลงทิ้งให้ยูซูรุนอนใจเต้นอยู่คนเดียว


    """""""""""""" To be Con """""""""""""""""""""


    เอ็นดูน้อง คอมเม้นให้น้องด้วยนะคะ ^^ 
    #หมอกับยู
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×