ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [INFINITE] Untitled [MyungYeol]

    ลำดับตอนที่ #7 : [Untitled] Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 56


    Chapter 6

    ซองยอลน่าจะมีความสุข

    เขามีคนรัก ตื่นเช้าขึ้นมาเห็นอีกฝ่ายนอนหลับอยู่ข้างๆ กลับจากทำงานก็พบมยองซูรอต้อนรับเขาอยู่ พวกเขากินข้าวเย็นด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน ใช้เวลาด้วยกันอย่างที่คู่รักคู่อื่นหลายคู่ทำกัน

    แต่ทำไมซองยอลไม่มีความสุข?

    ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ถึงกับทุกข์ แค่พูดว่ามีความสุขได้ไม่เต็มปาก จะว่าสุขก็สุข จะว่าเศร้าก็เศร้า ซองยอลเองก็บอกไม่ถูก

    เขาเหม่อบ่อยๆ เมื่อเลิกงานแล้วแทนที่จะตรงกลับห้องเหมือนเมื่อก่อน ซองยอลกลับนั่งไขว่ห้างพิงหลังกับพนักเก้าอี้ เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นเวลานานๆ จนพอใจจึงจะเก็บของกลับ

    วันนี้ก็เหมือนกัน

    ขณะนั่งมองอาคารบ้านเรือน ซองยอลคิดเรื่อยเปื่อยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับคนรัก เรื่องเดิมๆ ประเภทว่า เขาทำพลาดตรงไหน ทำไมจึงตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้

    เขาไม่อยากได้มยองซูมาด้วยเงิน

    แต่ก็ไม่รู้ว่าจะรั้งฝ่ายนั้นด้วยวิธีใด

    ซองยอลพลาดที่ไม่ฟังคำเตือนของเพื่อนอย่างนั้นหรือ? แต่เขารักมยองซูจึงเลือกจะไม่ฟังคำแนะนำของอูฮยอนซึ่งมีแต่จะให้เขาผลักไสมยองซูออกจากชีวิต

    ถ้าเขาผิดที่ไม่เชื่อเพื่อนสนิท ก็แปลว่าเขาผิดตั้งแต่ยอมให้มยองซูย่างเท้าเข้ามาในห้องของเขาแล้ว

    ถ้าเขาอยากแก้ไขสิ่งที่ผิด ก็แปลว่าเขาต้องไล่มยองซูออกไปอย่างนั้นหรือ

    ซองยอลทำไม่ได้หรอก เขามาไกลเกินไปแล้ว เขาชินกับการใช้ชีวิตในห้องสองคนกับมยองซูแล้ว หากกลับห้องไปแล้วไม่พบใครซองยอลคงเหงายิ่งกว่าที่เคยเหงา

    คนบางคนเมื่อได้สัมผัสความรู้สึกยามมีใครสักหนหนึ่งก็ยากจะกลับไปใช้ชีวิตคนเดียวได้อีก

    ซองยอลบังเอิญเป็นคนอย่างนั้น

    บางครั้งเขาคิดจนสงสัยในความรักของตัวเองว่าเขารักมยองซูมากหรือแค่ยึดติดกับอีกฝ่ายเพราะเป็นคนรักคนแรกกันแน่ ในที่สุดเขาสรุปกับตัวเองว่าเขาเป็นเช่นทั้งสองอย่าง เพราะรักมากจึงยึดติดมาก

    เหนื่อย เขาคิด

    เมื่อรู้สึกตัวว่าชักจะฟุ้งซ่าน ซองยอลก็ถอนหายใจ หยุดคิดและนั่งหลับตานิ่งๆ อึดใจหนึ่งแล้วเก็บข้าวของลงกระเป๋า

    เมื่อเขากลับถึงห้อง มยองซูก็ส่งเสียงทักทายจากโซฟาเหมือนทุกครั้ง

    กลับมาแล้วเหรอ?

    กลับมาแล้ว

    ซองยอลตอบแล้วเดินเข้าไปเก็บกระเป๋าในห้องนอนก่อนเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆ อีกฝ่าย มยองซูเอนตัวลงวางศีรษะบนตักเขาแทบจะทันที มือก็กดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ฝ่ายนั้นฮัมเพลงเบาๆ เขาหลับตาฟังพลางเอียงหัวซบพนักพิงโซฟาก่อนลืมตาขึ้นก้มหน้าถามอีกฝ่าย

    นายเปลี่ยนน้ำหอมเหรอ? เขาถามเพราะมีกลิ่นไม่คุ้นเคยโชยแตะจมูก

    มยองซูเงยหน้ามองเขา หา?

    ซองยอลหันกลับไปดมโซฟาฟุดฟิด ฝ่ายนั้นเห็นแล้วหัวเราะขำเขาใหญ่

    ทำอะไรน่ะ นึกว่าตัวเองเป็นสนูปปี้รึไง?

    เขาค้อนใส่อีกฝ่ายวงโต

    กลิ่นน้ำหอมคนอื่นรึเปล่า? มยองซูหรี่ตามองหน้าเขา นายแอบไปมีกิ๊กที่ไหนแล้วทำหน้าซื่อตาใสโบ้ยความผิดให้ฉันรึเปล่า?

    ซองยอลเขย่าขาแรงๆ จนหัวอีกฝ่ายกระดอนออกจากตัก

    แค่พูดเล่นเอง!” มยองซูลุกขึ้นนั่งกอดอกประท้วง

    เขามองหน้าอีกฝ่ายดุๆ นายชอบพูดเล่นไม่รู้กาลเทศะ

    พ่อคนรู้กาลเทศะ ฝ่ายนั้นล้อเลียนเขา เลิกงานตั้งแต่สี่โมงแท้ๆ แต่กลับถึงบ้านเอาหนึ่งทุ่ม

    ซองยอลจ้องมยองซูตาขวาง

    อุ้ย น่ากลัว คนรักของเขาทำสะดิ้ง ไปหาอะไรกินดีกว่า" ว่าแล้วมยองซูก็ลุกจากโซฟาเดินดุ่มๆ ไปเปิดตู้เย็น

    เขาผุดยิ้มขณะมองไล่หลังอีกฝ่ายก่อนเดินตามไปช่วยกันเตรียมอาหาร แต่ประเดี๋ยวเดียวก็ถูกมยองซูอุ้มกลับมาที่โซฟา

    ไหนนายว่าจะหาอะไรกินไง!?” ซองยอลดิ้นขลุกขลักในวงแขนของอีกฝ่าย

    ก็กำลังจะกินอยู่นี่ไง

    ฉันหมายถึงข้าวจริงๆ!” เขาตะเกียกตะกายลุกหนีไปหลบหลังโซฟา

    ความผิดนายนะ มยองซูว่าพลางตะปบแขนเขา ใครใช้ให้นายเอาจมูกมาป้วนเปี้ยนแถวซอกคอฉันล่ะ

    ฉันแค่สงสัยเรื่องน้ำหอมเฉยๆ!”

    งั้นก็เข้ามาสิ เดี๋ยวถอดเสื้อให้ดมเลยก็ได้ เอ้า! เข้ามาสิ

    ซองยอลปัดมือมยองซูทิ้ง อย่าสิ!” เขาเอ็ดพลางหัวเราะพลางกับวิธีเย้าแหย่ของอีกฝ่าย นายคิดเป็นแต่เรื่องพรรค์นี้รึไง? ในที่สุดเขาถูกจับตัวได้จนต้องกลับมานอนแบ็บบนโซฟาอย่างหมดท่า

    มยองซูเหยียดยิ้มมุมปากขณะก้มหน้าลงขโมยจูบเขา ฉันหาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยเรื่องพรรค์นี้นะ

    ซองยอลดันหน้าอกอีกฝ่ายออกก่อนริมฝีปากของพวกเขาจะทันสัมผัสกัน แต่ฉันไม่ได้จ่ายเงินให้นายเพื่อเรื่องพรรค์นี้นะ

    ฉันรู้หรอกน่า มยองซูย้ายมือเขาไปโอบไหล่ของตนแล้วหอมแก้มเขาเบาๆ ซองยอลยอมให้อีกฝ่ายแค่นั้นแล้วลุกหนีไปอาบน้ำ

    ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วต้องได้กินข้าวนะ เขาพูดจบก็เดินหนีเข้าห้องน้ำไปยืนถอนหายใจหน้ากระจกเงา

    นี่แหละ ความรู้สึกนี้แหละ

    จะว่าสุขก็สุข จะว่าทุกข์ก็ทุกข์

    เขาสัมผัสมันมาพักใหญ่แล้ว

     

    หลายวันต่อมาซองยอลยังนั่งทอดอารมณ์ในบริษัทหลังเลิกงาน เขาถอดสร้อยคอออกมาหมุนแหวนเล่นในมือพักใหญ่ ในหัวคิดวนเวียนแต่เรื่องเดิมจนเหนื่อยใจ ในที่สุดซองยอลสวมสร้อยและสอดมันกลับลงไปใต้เสื้อ เขาออกจากที่ทำงานไปหาข้าวเย็นกินคนเดียวในร้านอาหารข้างทาง นั่งอ้อยอิ่งในนั้นอยู่นานสองนานจึงค่อยกลับห้อง

    สวัสดีครับ คุณอีทักทายเขา

    ซองยอลยิ้มรับและยื่นกาแฟกระป๋องให้ฝ่ายนั้น ยามกะดึกก้มหัวขอบคุณเขาใหญ่ กระป๋องที่สองของคืนนี้แล้วครับ เมื่อซักครู่คุณมยองซูก็เพิ่งเอามาให้

    เขาฟังแล้วเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ มยองซูน่ะเหรอครับ?

    คุณอีชะงักไปประเดี๋ยวหนึ่ง เอ่อ ครับ ใช่ครับ ชายสูงวัยตอบตะกุกตะกักจบก็รีบเดินไปกดลิฟต์ให้เขาและผายมือส่งเมื่อประตูลิฟต์เปิดก่อนผละกลับไปยืนประจำที่หลังเคาน์เตอร์เล็กๆ ใกล้ประตูทางเข้า

    พอดีมีผู้อาศัยคนอื่นขอโดยสารลิฟต์ไปด้วยซองยอลจึงยืนกดลิฟต์รอและทันเห็นคุณอียกโทรศัพท์ของคอนโดขึ้นแนบหู เขานึกในใจว่าคุณยามมีท่าทีแปลกๆ แต่ไม่ติดใจสงสัยอะไร

    เมื่อลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 6 ซองยอลเดินตรงไปทาบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์เปิดประตูห้อง เขาเตรียมขานตอบมยองซูว่า กลับมาแล้วเมื่ออีกฝ่ายถามเขาว่า กลับมาแล้วเหรอ?ทว่าเมื่อเขาก้าวเท้าเข้าห้องไปกลับได้ยินเสียงของคนอื่นดังขึ้นมาว่า

    กลับมาซักที

    ซองยอลขมวดคิ้วขณะงับประตูปิด เขาหันกลับไปมองเจ้าของเสียงไม่คุ้นหู ฝ่ายนั้นเป็นเด็กหนุ่มร่างผอมบางกำลังนั่งกอดอกหน้าเชิดอยู่บนเท้าแขนของโซฟาตัวยาว ใบหน้าน่ารักงอง้ำอย่างไม่พอใจ มยองซูนั่งไขว่ห้างบนโซฟาตัวเดียวกัน กอดอกหันหน้าไปอีกทางพลางถอนหายใจ

    คุณเป็นใคร? ซองยอลขมวดคิ้วถามคนแปลกหน้า ทว่าเขาเปลี่ยนใจหันไปถามเอาความจากคนรักก่อนฝ่ายนั้นจะทันตอบ มยองซู คนรู้จักของนายเหรอ?”

    ไม่ใช่ซักหน่อย ฉันเป็นเจ้าของพี่มยองซูต่างหาก!”

    มยองซูถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกหน อย่าจู่โจมเร็วนักสิ ซองยอลตกใจแย่

    ซองยอลถอยหลังกลับไปเปิดประตูทันที เขามองหน้าเจ้าของพี่มยองซูนิ่งก่อนเลื่อนสายตาไปยังประตูที่เปิดอ้าอยู่เป็นเชิงไล่

    ฝ่ายนั้นลุกขึ้นพรวดตั้งท่าจะกระโจนมาหาเขาแต่ถูกมยองซูรั้งตัวไว้ก่อน ไหนว่าจะทำตัวดีๆ ไง ฉันถึงได้บอกใช่มั้ยว่าให้กลับไปก่อน อุตส่าห์ขอร้องยามข้างล่างให้โทรเตือนก่อนซองยอลกลับถึงห้องแล้วเชียว

    ฉันไม่กลับคนเดียวหรอก พี่ต้องกลับไปกับฉันด้วย!”

    ก่อนหน้านี้นายเป็นคนไล่ฉันออกมาเองนะ

    ฉันถึงได้มารับพี่กลับอยู่นี่ไง

    แล้วฉันบอกว่าจะไม่ไปรึไง ฉันยังไม่กลับวันนี้ไม่ได้หมายความว่าฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดไปซักหน่อย

    คราวก่อนที่ฉันมาที่นี่พี่ก็พูดอย่างนี้

    ก็ฉันไปทันทีไม่ได้นี่

    แต่คราวนี้คงไปได้แล้วใช่มั้ยล่ะ?” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างพอใจก่อนหมุนตัวกลับไปกอดมยองซูไว้อย่างถือสิทธิ์ คุณคนนี้คงไม่ยอมให้พี่อยู่กับเขาต่อแล้วละ ฝ่ายนั้นพูดจบก็เอื้อมมือขึ้นคล้องคอมยองซูและเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบ

    ซองยอลอึ้งไป เขาได้แต่ยืนกำมือแน่นและกัดริมฝีปากเงียบๆ ขณะคนแปลกหน้าถือวิสาสะแตะต้องคนรักของเขา เขาทบทวนบทสนทนาของทั้งสองคนพลางปะติดปะต่อเรื่องราวในใจ

     

    อุตส่าห์ขอร้องยามข้างล่างให้โทรเตือนก่อนซองยอลกลับถึงห้องแล้วเชียว

    เอากาแฟกระป๋องไปติดสินบนคุณอีให้โทรศัพท์มาเตือนเพื่อจะให้เด็กคนนี้รีบกลับไปก่อนฉันจะมาสินะ

     

    ฉันเป็นเจ้าของของพี่มยองซูต่างหาก!’

    คงเคยกล่อมให้เด็กคนนี้ซื้อตัวเองเหมือนอย่างที่ทำกับฉันสินะ

     

    นายเป็นคนไล่ฉันออกมาเองนะ

    เพราะอย่างนี้ถึงได้มาขอฉันอาศัยจนทุกวันนี้สินะ

     

    คราวก่อนที่ฉันมาที่นี่นายก็พูดอย่างนี้

    แปลว่าครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กคนนี้มาที่นี่สินะ

     

    ก็ฉันไปทันทีไม่ได้นี่

    หมายความว่านายตั้งใจจะทิ้งฉันไปวันใดวันหนึ่งสินะ

     

    ซองยอลสังเกตเห็นโลหะสีเงินบนนิ้วนางข้างซ้ายของเด็กหนุ่มร่างเล็ก เขาเข้าไปกระชากตัวมยองซูออกจากวงแขนของคนแปลกหน้าแล้วผลักคนรักล้มลงกองกับพื้น

    กลิ่นน้ำหอมบนโซฟาคงเป็นของเด็กคนนี้สินะ เขาพูดเสียงเรียบ

    มยองซูยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างยุ่งยากใจแต่ไม่ปฏิเสธ ซองยอลรู้สึกราวกับได้กลิ่นน้ำหอมของคนแปลกหน้าชัดเจนขึ้นจนต้องเบือนหน้าหนี

    เขาหันไปเผชิญหน้าเด็กหนุ่มที่อ้างตัวเป็นเจ้าของของคนรักของเขา คุณเกี่ยวข้องอะไรกับเขา?

    พี่มยองซูเป็นของฉัน อีกฝ่ายกอดอกตอบ ฉันไล่เขาออกจากบ้าน แต่ตอนนี้จะมารับกลับแล้ว

    เขาเป็นของคุณ...ยังไง?

    นายไม่อยากรู้หรอก มยองซูขัดขึ้นขณะลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่

    เขาเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนหันกลับไปพูดกับคนแปลกหน้า คุณจ่ายเงินให้เขาสินะ

    ใช่ ฉันซื้อรถมาง้อด้วย จอดอยู่ข้างล่าง ป้ายยังแดงอยู่เลย

    มยองซูตอบแทนคุณด้วยอะไรบ้างล่ะ? ซองยอลถามเสียงสั่น หลุบตาลงมองแหวนเงินบนนิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่าย เขาซื้อให้คุณใช่มั้ย แหวนนั่นน่ะ

    เด็กหนุ่มเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่งพลางหรี่ตาสำรวจมือทั้งสองของเขา ฝ่ายนั้นยิ้มเยาะเมื่อเห็นนิ้วทั้งสิบของเขาว่างเปล่าแล้วยกมือขึ้นเสยผมเพื่ออวดแหวน “พอฉันอ้อนให้ซื้อ พี่มยองซูก็ซื้อให้ ใจดีใช่มั้ยล่ะ?”

    แหวนแพลทตินัมใช่มั้ย

    รู้ด้วยเหรอ?

    ซองยอลสาวสร้อยคอออกจากใต้เสื้อเชิ้ต ร่างเล็กมองจี้ของมันอย่างตกตะลึง นาย!?“ ฝ่ายนั้นพุ่งเข้ามากระชากสร้อยอย่างรุนแรงจนเขาเซล้มลง มยองซูช่วยดึงตัวเขาขึ้นแต่เขาสลัดมืออีกฝ่ายทิ้ง อย่ามาจับเขาสั่งเสียงเรียบโดยไม่มองหน้าหรือสบตาคนรัก

    แหวนนั่นมันอะไร!?” คู่กรณีของเขายังไม่เลิกตั้งคำถาม

    เขากุมมันไว้โดยไม่ตอบ ฝ่ายนั้นจึงตั้งท่าจะเข้ามาแย่งมันไปอีกครั้ง

    ไปกันเถอะ มยองซูคว้าแขนร่างเล็กไว้ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป

    ซองยอลยืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้องครู่เดียวก็รู้สึกตัว เขารีบวิ่งตามทั้งสองคนออกไป เมื่อเห็นลิฟต์จอดค้างอยู่ที่ชั้นสี่ก็ถลันลงบันไดหนีไฟไปอย่างรวดเร็ว

    เขาวิ่งออกจากลิฟต์มาทันเห็นคนรักทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะคนขับ คิมมยองซูสตาร์ทรถและถอยหลังออกจากซองโดยไม่สนใจว่าอาจจะชนเขา ซองยอลกระชากสร้อยคอคล้องแหวนแพลทตินัมวงเกลี้ยงออกจากลำคอแล้วเขวี้ยงใส่รถเต็มแรง แหวนสีเงินลอยไปถูกขอบหน้าต่างแล้วกระดอนลงนอนกับพื้นส่วนสร้อยพันติดกับเสาอากาศอย่างพอเหมาะพอเจาะ

    นี่น่ะเหรอ!?” เขาตะโกนลั่นลานจอดรถ นี่น่ะเหรอที่บอกว่ารักน่ะ!?! นายรักฉันได้แค่นี้เองเหรอ!?!”

    ทว่ารถสปอร์ตสีดำคันใหม่มีแต่จะแล่นออกไปไกลขึ้นๆ เท่านั้น มยองซูคงไม่คิดจะย้อนกลับมาหาเขา ฝ่ายนั้นไม่มีท่าทีแม้แต่จะลังเล

    จบแล้ว ทุกอย่างจบลงแล้ว

    ซองยอลทรุดตัวลงนั่งกองกับพื้นสากๆ แสงสะท้อนจากแหวนสีเงินส่องเข้าตาทำให้เขาแสบตาจนร้องไห้ เขาคลานไปหยิบมันขึ้นมากำไว้แน่นแม้หลังจากนั้นจะต้องแพ้จนเป็นผื่น

    ซองยอลน่าจะรู้ตั้งแต่วันที่มยองซูซื้อแหวนวงนี้มาให้

    มันทำจากทองคำขาว แต่ซองยอลแพ้ทองคำขาว

    มันเป็นแหวนเบอร์เก้า แต่ซองยอลใส่แหวนเบอร์แปด

    แหวนวงนี้ไม่เหมาะกับเขา พอๆ กับที่มยองซูไม่เหมาะกับเขา แต่ซองยอลก็ไม่เคยปล่อยให้มันอยู่ห่างตัว เหมือนที่ไม่อยากให้มยองซูจากไปไหนไกล

    กลับมาเถอะเขานั่งคุกเข่าสะอึกสะอื้นกับแหวนในมือ

    แต่มยองซูไม่เคยกลับมา

    หนึ่งวินาที หนึ่งนาที หนึ่งชั่วโมง

    หนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หนึ่งปี

    คิมมยองซูไม่เคยกลับมาหาอีซองยอลอีกเลย

    เขาจมอยู่กับความเศร้านานหลายเดือน แต่เมื่อลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งและตั้งต้นชีวิตใหม่ในที่ทำงานแห่งใหม่ คนๆ นั้นก็กลับมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้งหนึ่ง

    มยองซู!’

    ยินดีที่รู้จัก ผมคิมมุนซู เกรงว่าคุณจะจำสลับกับพี่ชายผม

    ซองยอลสับสนไปหมด

    คิมมยองซู... คิมมุนซู...

    คนเดียวกัน หรือคนละคน

    เขาเอามือคลำอกเสื้อด้วยความเคยชิน ทว่าเมื่อสัมผัสได้แต่ความว่างเปล่าจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองถอดสร้อยคล้องแหวนแพลทตินัมทิ้งไว้ที่ห้องนานแล้ว ซองยอลได้แต่ก้มหน้าครุ่นคิดถึงชายคนที่เพิ่งพบกันในห้องทำงานของเจ้านาย

    ซองยอล อูฮยอนลุกขึ้นเดินมาแตะไหล่ของเขา จะมัวคิดถึงหมอนั่นทำไม ถามจริงๆ เถอะ นายยังไม่เข็ดอีกเหรอ?

    ซองยอลสบตาเพื่อนสนิทที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเขาแทนพ่อแม่ตลอดปีก่อนแล้วหลบตา อูฮยอนบีบไหล่เขาแรงๆ ทีหนึ่งเพื่อเตือนสติ

    ไม่ว่าหมอนั่นจะเป็นคิมมยองซูหรือคิมมุนซูก็อย่าไปยุ่งด้วยอีก

    แต่ว่า-”

    คราวนี้ไม่มีแต่ เพื่อนของเขาสั่ง เชื่อสิ่งที่นายเจอกับตัวสิ

    ซองยอลพรูลมหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เขายกอเมริกาโน่ที่เหลือขึ้นดื่มจนหมดแก้วโดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำพูดของเพื่อนสนิท

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×