ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [INFINITE] Untitled [MyungYeol]

    ลำดับตอนที่ #6 : [Untitled] Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 56


    Chapter 5

                    อีกแล้ว

                    มยองซูออกไปทำงานอีกแล้ว

                    ซองยอลทรุดตัวนั่งบนโซฟา เขาชันเข่าขึ้นกอดมองพื้นห้องนิ่งๆ อยู่ครู่ใหญ่จึงถอดเสื้อสูทออกแล้วเอนตัวลงนอนอย่างอ่อนใจ

                    มยองซูก็คือมยองซู เป็นมยองซูที่เอาแต่ใจตัวเองเสมอจนบางครั้งเขาอดคิดไม่ได้ว่าคนรักของเขาช่างเห็นแก่ตัว

                    มยองซูยังยืนยันจะทำงานนั้นต่อแม้คืนนั้นซองยอลจะยอมให้อีกฝ่ายครอบครองตัวเขาจนหมด เมื่อเขาถามว่าทำไม มยองซูก็ยักไหล่ตอบว่าเพราะคนเราต้องมีค่ากิน ค่าใช้ ค่าเดินทาง

                    เขาถามต่อว่าถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ลองหางานอย่างอื่นทำดูล่ะ มยองซูตอบว่าเพราะงานนี้เหมาะกับตัวเองที่สุดจึงไม่คิดจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น เขาถามว่าถึงแม้เขาจะขอร้องและยอมให้กอดแล้วน่ะหรือ ฝ่ายนั้นตอบว่าใช่  ถ้าไม่พอใจก็ซื้อเขาไว้สิ

                    หลังจากนั้นซองยอลก็ไม่พูดกับมยองซูอีกเลย

                    เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะสำนึกบ้างว่าทำให้เขาโกรธ ทว่ามยองซูกลับใช้ชีวิตตามปกติ ฝ่ายนั้นยังคงพูดคุยกับเขาแม้เขาจะไม่คุยตอบ บ่นที่เขาไม่ยอมออกไปเปิดประตูรับแต่ก็ยอมรอเงียบๆ กระทั่งเขาออกจากห้องไปทำงานจึงค่อยอาศัยจังหวะนั้นกลับเข้าห้อง

                    จริงอยู่ว่ามยองซูทำงานนี้มาแต่ไหนแต่ไร เขาเองก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยก้าวก่าย ทว่าเมื่อเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนร่วมห้องเป็นคนรัก ซองยอลก็ไม่อาจทนเห็นอีกฝ่ายทำงานอย่างนี้ต่อไปได้

                    บางทีเขาอาจเป็นฝ่ายเห็นแก่ตัวเสียเอง

                    เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำและกลับมานั่งดูโทรทัศน์บนโซฟาตัวเดิม ครู่ใหญ่ๆ ก็ได้ยินเสียงออดจากอินเตอร์คอมสลับกับเสียงเคาะประตูจากหน้าห้อง

                    มยองซู?

                    ฝ่ายนั้นมักเรียกเขาไปเปิดประตูห้องให้ด้วยวิธีนี้เสมอ บอกว่าทำสองอย่างสลับกันจะได้ช่วยให้เขาตื่นตัวและเดินมาเปิดประตูเร็วขึ้นซึ่งไม่จริงสักนิด

                    ซองยอลเงยหน้ามองนาฬิกาบนฝาผนัง เข็มสั้นยังเพิ่งชี้เลขสิบสอง ส่วนเข็มยาวชี้เลขสี่ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเดินไปส่องตาแมวบนประตูและเห็นมยองซูยืนกอดอกมองตอบกลับมา

                    ท่านเจ้าของห้อง ได้โปรดเปิดประตูให้ข้าน้อยด้วย อีกฝ่ายป้องปากพูดกับบานประตูสีขาว

                    เขายืนชั่งใจประเดี๋ยวเดียวก็ปลดล็อกให้แล้วเดินกลับไปนั่งดูโทรทัศน์อย่างเก่า มยองซูเปิดประตูเข้ามาถอดโค้ทและรองเท้าส่งเสียงกุกกักพักหนึ่งแล้วจึงค่อยเดินมานั่งข้างเขา ทักทายด้วยสีหน้าร่าเริงว่ากลับมาแล้วและเริ่มฮัมเพลงตามเพลงประกอบละครซึ่งบังเอิญดังขึ้นพอดี

                    ซองยอลกดรีโมทปิดทีวีอย่างรำคาญ เขาลุกขึ้นเดินกลับห้องนอนโดยไม่พูดกับอีกฝ่ายสักคำแม้ในใจจะสงสัยว่าทำไมคืนนี้มยองซูถึงกลับมาเร็วนัก

                    นี่ อีกฝ่ายเดินตามเขามา จะทำมึนตึงใส่กันไปถึงไหน นี่หลายวันแล้วนะ

                    เขาปิดไฟแล้วเดินขึ้นเตียงมุดตัวใต้ผ้าห่ม มยองซูตามมาตลบมันออกไปกองที่ปลายเตียงแล้วยืนเท้าสะเอวจังก้าทำหน้าถมึงทึง

                    อีซองยอล

                    ซองยอลพลิกตัวหันหลังให้

                    อีกฝ่ายนั่งลงแล้วเอื้อมมือมาจับมือเขา เขาสลัดมันออก

    อยู่นิ่งๆ สิ มยองซูตีมือเขาดังเพี้ยะก่อนสวมบางอย่างลงบนนิ้วเขาแล้วเดินไปเปิดไฟในห้อง

    ซองยอลพบแหวนสีเงินเกลี้ยงเกลาส่องประกายสะท้อนแสงไฟอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเขา มันหลวมนิดหน่อยแต่เรียบง่ายดูดีเหมาะกับเขา เขายันศอกลุกขึ้นนั่งมองมันอย่างประหลาดใจก่อนเงยหน้าขึ้นสบตามยองซูอย่างสงสัย

    สวยมั้ยล่ะ? แพลทตินัมของแท้เลยนะ

    ได้ยินดังนั้นซองยอลก็ถอดมันออก

    เฮ้ย!” อีกฝ่ายร้องเสียงดังแล้วรีบสวมมันกลับลงบนนิ้วของเขาอีกที อย่าทิ้งกันง่ายๆ สิ แหวนนี่ไม่ใช่ของถูกนะ

    ฉันแพ้แพลทตินัม เขาบอกสั้นๆ ก่อนถอดมันออกอีก

    มยองซูฟังแล้วทำหน้าราวกับโลกแตก ปัดโธ่!” ฝ่ายนั้นร้องโวยวาย ฉันอุตส่าห์ซื้อมาง้อนายแต่นายดันใส่ไม่ได้เหรอ!?”

    ซองยอลถอนใจหน่ายๆ เขาเอื้อมมือคว้าผ้าห่มกลับขึ้นห่มและเอนตัวลงนอนอย่างไม่ใส่ใจ

    อย่าเพิ่งนอนสิ มยองซูเขย่าแขนเขาแล้วยื่นนิ้วนางข้างซ้ายอวด มันเป็นแหวนคู่นะ ฉันซื้อให้นายใส่คู่กันไง

    เขาไม่สนใจ ถึงอย่างไรเขาก็สวมมันไม่ได้

    อีซองยอล อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาก่อนปีนข้ามตัวมานอนลงข้างๆ

    มยองซูยังใส่เสื้อผ้าเต็มยศเหมือนตอนออกจากห้อง นอกจากเสื้อโค้ทกับรองเท้าซึ่งถอดทิ้งไว้ในโถงหน้าประตูแล้ว บนตัวอีกฝ่ายยังเต็มไปด้วยเครื่องประดับตั้งแต่แหวนจนถึงสร้อยคอ

    ถ้าอย่างนั้นเอาก็อย่างนี้ ฝ่ายนั้นถอดสร้อยแล้วปลดจี้ออก ใส่แหวนเข้าไปแทนอย่างนี้ ทีนี้ก็สวมไว้ มยองซูสวมสร้อยคอให้เขาแล้วยิ้มให้ ใส่อย่างนี้คงไม่มีปัญหาแล้วใช่มั้ย?”

    ซองยอลใช้มือใต้ผ้าห่มจับแหวนขึ้นส่องเงียบๆ

    ถึงฉันจะนอนกับคนอื่นก็ไม่ได้แปลว่าฉันรักเขานะ อีกฝ่ายกอดอกพูดกับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงฉันจะนอนกับคนอื่นมาไม่รู้กี่คนแต่ฉันก็ไม่เคยซื้อแหวนให้เขาด้วย

    เขาช้อนตามองมยองซูและรอฟังอีกฝ่ายพูดต่อ

    ใส่เอาไว้ แล้วก็หัวเราะเยาะพวกลูกค้าของฉันให้ดังๆ ไปเลยว่าได้ฉันไปแต่ตัว ไม่ได้หัวใจไปด้วย

    ซองยอลรู้สึกขนลุกจึงยกมือขึ้นลูบแขน ใครจะไปทำ เขาพึมพำเบาๆ

    อย่าทำเหมือนเลี่ยนสิ ฉันพูดจริงนะ มยองซูมุ่นคิ้วเอ็ดเขา เข้าใจรึเปล่า แหวนนี่เป็นเครื่องเตือนใจว่าถึงฉันจะทำงานขัดใจนายแต่ฉันก็รักนายนะ

    เขากะพริบตามองหน้าอีกฝ่ายปริบๆ

    ได้ยินรึเปล่า? มยองซูถามย้ำ

    เขาส่ายหน้าเบาๆ

    ไม่มีทาง ฉันพูดออกชัดถ้อยชัดคำนายจะไม่ได้ยินได้ยังไง

    พูดอีกครั้งสิ

    พูดแล้วจะหายโกรธรึเปล่าล่ะ?”

    พูดก่อนสิ

    เลิกงอนก่อน

    ฉันไม่ได้งอน ฉันโกรธ โกรธมากๆ ด้วย

    นั่นแหละ หายโกรธมากๆ ก่อน

    พูดก่อน

    งั้นขอจูบก่อน

    ซองยอลค้อนใส่อีกฝ่ายวงโต เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงแล้วพลิกตัวหนี

    ก็ได้ๆ มยองซูคว้าตัวเขาไว้ก่อนจะถูกหันหลังใส่อีกหน ฉันบอกว่าแหวนนี่เป็นเครื่องเตือนใจว่าถึงฉันจะทำงานขัดใจนายแต่ฉันก็รักนายนะ

    ซองยอลลดผ้าห่มลงคลุมแค่อกแล้วหยิบแหวนขึ้นพลิกดูอีก แหวนนี่เบอร์อะไรเหรอ?”

    เอ่อ เบอร์เก้าน่ะ อีกฝ่ายเกาแก้มเก้อๆ เมื่อสักครู่คงสังเกตเห็นว่ามันหลวมไปสำหรับเขา

    ฉันใส่แหวนเบอร์แปด เขาบอก ก่อนจะง้อก็น่าจะศึกษาข้อมูลซักนิดนะ

    มยองซูทำหน้าบึ้งใส่เขา ฉันจะศึกษายังไงในเมื่อนายไม่ยอมพูดด้วย

    นายจะทำงานนั้นต่อสินะ ซองยอลถามเหม่อๆ ถึงขนาดลงทุนซื้อแหวนให้ฉัน นายทำอย่างนี้ฉันไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี

    งั้นก็ซื้อฉันไว้เองสิ

    เขาตวัดสายตาจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันโกรธนายเพราะประโยคนี้

    คร้าบ กลัวแล้วคร้าบ มยองซูยกมือยอมแพ้

    ฉันไม่ใช่ลูกค้าของนาย ซองยอลพูดไม่รู้หนที่เท่าไร

    รู้แล้ว นายพูดไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

    แต่นายก็ยังเล่นมุขนี้ไม่เลิกซักที

    เลิกเถียงๆ อีกฝ่ายลุกออกจากเตียงไปถอดเครื่องประดับยกเว้นแหวนแพลทตินัมเก็บลงกล่องและสลัดเสื้อผ้าทิ้งเตรียมตัวอาบน้ำ ซองยอลมองตามฝ่ายนั้นจนลับสายตาแล้วสอดนิ้วนางเข้ากับแหวนก่อนชูขึ้นส่อง

    รักเหรอ? เขาพึมพำคำพูดของมยองซูกับตัวเองและคลี่ยิ้มบางก่อนหลับตาลงส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงฝัน

    เป็นอีกครั้งที่เขาใจอ่อนยอมยกโทษให้มยองซู ซองยอลหวังจะให้ครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย

     

    แต่มยองซูก็คือมยองซู

     

    วันหนึ่งซองยอลตื่นสายเพราะมยองซูปิดเสียงเตือนตั้งปลุกของเขาอีกเป็นรอบที่หนึ่งล้านห้าแสน เขารีบร้อนออกจากห้องไปโดยไม่ได้หยิบเอกสารที่ต้องส่งให้เพื่อนร่วมงานไปด้วย รู้ตัวอีกทีก็เมื่อเพื่อนคนนั้นทวงถามขณะพักกลางวัน เขาขอโทษอีกฝ่ายและรีบโทรศัพท์หามยองซู

    ฮัลโหล

    แม้จะไม่ได้คุยโทรศัพท์กับคนรักบ่อยนักแต่ซองยอลก็มั่นใจว่านั่นไม่ใช่เสียงมยองซู เขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินเสียงไม่คุ้นหู ขอโทษครับ ผมคงโทรผิด

    ไม่ผิดหรอก อีกฝั่งสายว่า โทรหามยองซูใช่มั้ยล่ะ เขาอาบน้ำอยู่

    เหรอครับ เขาพูดไม่ออกได้แต่ตอบรับสั้นๆ มือที่ถือโทรศัพท์สั่นน้อยๆ ริมฝีปากเม้มแน่น

    อีกซักสองสามชั่วโมงค่อยโทรมาใหม่นะ ตอนนี้มยองซูยังไม่ว่าง ฝ่ายนั้นพูดจบก็ตัดสายทิ้ง ซองยอลได้แต่นิ่งอึ้ง เขาพับฝาโทรศัพท์ช้าๆ แล้วหันไปหาเพื่อนร่วมงาน ขอโทษนะ ฉันจะพิมพ์ให้ใหม่เดี๋ยวนี้

    อ๊ะ ไม่เป็นไร ไว้ค่อยเอามาให้วันพรุ่งนี้ก็ได้ อีกฝ่ายโบกมืออย่างไม่ถือสา ว่าแต่ว่า...โทรศัพท์เมื่อกี้ มีอะไรรึเปล่า?

    เขายิ้มฝืดให้เพื่อนก่อนขอตัวไปห้องน้ำ

    ซองยอลล้างหน้าและยืนเท้าขอบอ่างอยู่ครู่ใหญ่ ใจเขาว้าวุ่นเมื่อนึกถึงบทสนทนาเมื่อสักครู่ มยองซูอาบน้ำอยู่ มยองซูไม่ว่าง อีกฝ่ายที่รับสายเป็นผู้ชาย เขารู้ทันทีว่านั่นคือลูกค้าของมยองซู

    ซองยอลไม่เคยลืมสักครั้งว่าคนรักทำงานอะไร การบังเอิญได้คุยกับลูกค้าของอีกฝ่ายยิ่งตอกย้ำว่ามยองซูไม่ได้เป็นของเขาเพียงคนเดียว เขายกมือขึ้นกุมแหวนทองคำขาวซึ่งสวมไว้ใต้เสื้อเชิ้ตแล้วพยายามนึกถึงคำพูดของอีกฝ่าย

    ใส่เอาไว้ แล้วก็หัวเราะเยาะพวกลูกค้าของฉันให้ดังๆ ไปเลยว่าได้ฉันไปแต่ตัว ไม่ได้หัวใจไปด้วย

    ถึงฉันจะทำงานขัดใจนายแต่ฉันก็รักนายนะ

    คำหวานที่มยองซูใช้ปลอบใจเขาก็เหมือนดอกไม้ไฟ สว่างไสวและสวยงามแต่เพียงครู่เดียวก็หายไป ใจของเขาสงบลงเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาได้แต่เฝ้ารอให้ถึงเวลาเลิกงานอย่างกระวนกระวาย

     

    มยองซูยังไม่กลับมาเมื่อเขาถึงห้อง ซองยอลอาบน้ำและนั่งดูโทรทัศน์รออีกฝ่ายบนโซฟารับแขก ในหัวเขามีคำถามมากมายอยากถามคนรัก ลูกค้าคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงออกไปทำงานตั้งแต่ช่วงสาย เขาจ่ายเงินให้นายเท่าไร ฉันต้องทำอย่างไรนายถึงจะมีแค่ฉัน นายกอดฉันแค่คนเดียวไม่ได้หรือ

    แต่ไม่ว่ารอเท่าไรมยองซูก็ไม่กลับมา

    สี่ทุ่มก็แล้ว ห้าทุ่มก็แล้ว เที่ยงคืนก็แล้ว

    อีกฝ่ายคงรับงานทั้งวันป่านนี้จึงยังไม่กลับ

    ซองยอลรอมยองซูจนหลับไปและตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะโทรศัพท์มือถือร้องเสียงดังและสั่นแรงจนเขาสะดุ้ง เขารีบยกโทรศัพท์ขึ้นดูหน้าจอก็พบว่ามันร้องเตือนข้อความเข้า เขาห่อไหล่ลงนั่งหลังงออย่างผิดหวังพลางกดลบข้อความโฆษณาสำนักข่าว

    เขามองโทรศัพท์อย่างชั่งใจ ใจหนึ่งอยากโทรศัพท์ไปถามมยองซูว่านายอยู่ที่ไหนแต่อีกใจก็กลัวจะได้รับคำตอบจากคนอื่น เขาคงทนไม่ได้หากได้ยินเสียงคนแปลกหน้ารับโทรศัพท์ของคนรักอีกเป็นครั้งที่สองในวันเดียวกัน

    ซองยอลวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะกระจกและนั่งกอดเข่ามองนาฬิกาเงียบๆ สุดท้ายเมื่ออีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าจะกลับมา เขาก็ลุกขึ้นเดินช้าๆ ไปล้มตัวลงนอนในห้องนอนก่อนหยิบแหวนขึ้นมองอีกครั้งแล้วหลับไปด้วยความรู้สึกตรงกันข้ามกับวันแรกที่ได้มันมา

    มยองซูกลับมาตอนเช้ามืดเหมือนทุกครั้ง ซองยอลแทบถลาไปเปิดประตูให้ อีกฝ่ายทำหน้าประหลาดใจเพราะปกติเขาออกจะเล่นตัวอยู่สักหน่อย ฝ่ายนั้นก้มลงจูบเขาซึ่งยอมให้จูบแต่โดยดีนอกจากนี้ยังจูบตอบ พวกเขาเสียเวลาอยู่ที่โถงหน้าประตูครู่ใหญ่ก่อนมยองซูจะฉุดเขาเข้าไปในห้องและเดินตรงไปยังห้องนอน

    ที่จริงฉันอยากรู้ว่านายเป็นอะไร แต่เอาไว้หลังจากฉันท้องอิ่มก่อนดีกว่า

    ซองยอลไม่ขัดขืนแม้มยองซูจะเพิ่งกลับจากทำงาน จริงอยู่เขาไม่สนิทใจนัก แต่อยากลบสัมผัสคนอื่นบนตัวอีกฝ่ายออกมากกว่า ซองยอลไม่สนว่าตัวเองอาจไปทำงานสาย เขารอมยองซูมาตั้งแต่เมื่อคืนวานและจะไม่เสียเวลารออีกฝ่ายอีกแม้แต่วินาทีเดียว

     

    ไม่ไปทำงานเหรอ?

    ฉันลาครึ่งวันเช้า

    ไหนๆ จะลาแล้วก็ลาทั้งวันเลยสิ

    ไม่ได้หรอก ฉันมีเอกสารต้องเอาไปส่ง

    มยองซูพยักหน้ารับรู้ แล้ว...อะไรดลใจให้นายยั่วฉันแต่เช้าล่ะ ฝ่ายนั้นยกมือขึ้นรองศีรษะยันศอกกับเตียงข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเกลี่ยผมทัดหูให้เขา

    ซองยอลตอบในใจว่า ความหึงหวงแต่ไม่พูดออกไป เขาขยับตัวหนีมืออีกฝ่ายพร้อมๆ กับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง มยองซูพยายามดึงมันออกแต่เขายื้อเอาไว้

    เป็นอะไรน่ะ?

    เมื่อวานฉันบังเอิญได้คุยกับลูกค้าของนาย เขาตอบเสียงอู้อี้เพราะยังอยู่ในโปงผ้า

    มยองซูเงียบไปประเดี๋ยวเดียวก็ถาม เหรอ ยังไง?

    ฉันโทรศัพท์หานายแล้วเขารับแทน บอกว่าตอนนี้นายไม่ว่าง

    อีกฝ่ายดึงผ้าห่มออกแล้วเอื้อมนิ้วชี้เกี่ยวแหวนซึ่งคล้องอยู่บนสร้อยคอของเขาเล่น ฉันบอกนายว่ายังไงตอนให้แหวนนี่

    ฉันก็พยายามนึกถึงคำพูดของนายแล้ว ซองยอลปัดมืออีกฝ่ายออกแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมอกเปลือยเปล่า แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

    นายจะขอให้ฉันเลิกทำงานนี้อีกสิ

    เขาไม่ตอบ สายตาเลื่อนไปมองรอยจูบบนอกของอีกฝ่ายซึ่งจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยฝากไว้ ซองยอลยื่นปลายนิ้วไปแตะมัน มยองซูก้มหน้ามองตามก่อนร้องโอ๊ยออกมาดังๆ เพราะถูกเขาข่วน

    เจ็บนะ!” ฝ่ายนั้นยกสองมือขึ้นไขว้บังหน้าอก ทำอะไรของนายน่ะ?

    ฉันจะเอารอยพวกนั้นออก

    ปล่อยทิ้งไว้เดี๋ยวมันก็หายเองน่ะแหละ

    มันไม่หายหรอก ตราบใดที่นายยังออกไปหาลูกค้าอยู่

    นายกลับมาพูดเรื่องนี้อีกแล้วนะ ฉันนึกว่าเราคุยกันจบแล้วซะอีก มยองซูพูดน้ำเสียงเย็นชาใส่เขาแล้วหันหลังลุกขึ้นเดินไปหาผ้าขนหนูพันรอบเอว บนแผ่นหลังนั้นมีทั้งรอยจูบและรอยข่วนกระจัดกระจายอยู่ทั่ว เขาเห็นแล้วเจ็บแปลบในใจ

    ลูกค้าของนาย เขาจ่ายให้นายเท่าไหร่

    อีกฝ่ายหันกลับมาเท้าสะเอวมองหน้าเขา ถามทำไม อยากรู้จริงๆ เหรอ?

    ซองยอลนิ่งไปพักหนึ่งจึงค่อยส่ายหน้า ช่างมันเถอะ ฉันถามไปอย่างนั้นเอง

    แต่ฉันเคยพูดใช่มั้ย ว่าถ้านายสนใจจะยอมลดให้เป็นพิเศษ มยองซูพูดกลั้วหัวเราะ

    เขาช้อนตามองอีกฝ่ายแล้วถามอย่างลังเล ยังไง?

    อะไรยังไง?

    ที่นายพูดว่าจะยอมลดให้ฉัน

    ฝ่ายนั้นยกมือเกาหัวและย่นคิ้วพูดกับเขา พูดอย่างกับจะยอมซื้อฉันจริงๆ แน่ะ

    ก็ได้ ซองยอลสบตามยองซูตรงๆ ฉันจะซื้อนายไว้เอง

     

    อูฮยอนเงียบไปพักใหญ่จนเขาต้องชักโทรศัพท์กลับมาดูให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายยังไม่วางสายจึงค่อยแนบลงกับหูอีกครั้งหนึ่ง ซองยอลเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงโกรธเขาจนไม่อยากพูดด้วยจึงถอนหายใจแล้วบอกลาสั้นๆ ก่อนจะวางสาย หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนสนิทของเขาโทรกลับมา อูฮยอนถามเขาว่าเรื่องที่เขาเพิ่งเล่าให้ฟังเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า

    อืม ซองยอลตอบ

    ฝ่ายนั้นเงียบไปอีกครั้งหนึ่ง

    อูฮยอน?

    อีซองยอล อีกฝั่งสายเรียกชื่อเขาเสียงเรียบ นายยังสติดีอยู่รึเปล่า?

    เขาถอนหายใจ นายโกรธจริงๆ ด้วย

    โกรธสิ จะไม่โกรธได้ยังไง! คู่รักคู่ไหนเขาจ่ายเงินซื้อตัวอีกฝ่ายไม่ให้ไปนอนกับคนอื่นบ้าง!” อูฮยอนตวาดเขาผ่านหูโทรศัพท์ นายหลงชอบเขาง่ายๆ ยอมให้เขากอดง่ายๆ สุดท้ายยังยอมจ่ายเงินเลี้ยงดูเขาอีก คิมมยองซูเป็นใครเหรอ ทำไมนายถึงยอมให้เขาขนาดนั้น?

    ก็ฉัน...รักเขาเขาตอบเบาๆ ฉันทนเห็นเขาเดินออกจากห้องไปกอดคนอื่นทุกวันไม่ได้

    แล้วเขารักนายรึไงล่ะ?

    เขาก็รักฉัน

    ไม่จริงหรอก ซองยอล อย่าไปเชื่อคนพรรค์นั้นเลย เขาจะเกาะนายกิน แล้วก็ทำสำเร็จแล้วด้วย

    นายพูดแรงไปแล้วนะ ซองยอลพูดเสียงสั่น คราวที่แล้วที่เจอกัน นายก็ยอมรับเรื่องที่ฉันคบกับเขาแล้วนี่

    อูฮยอนโต้กลับทันควัน นั่นเพราะนายแค่คบกับเขา ไม่ได้ถลำลึกถึงขั้นยอมซื้อตัวเขา ซองยอล นายมันโง่ นายโดนคิมมยองซูหลอกแล้วรู้ตัวรึเปล่า!?

    นัมอูฮยอน!”

    ไม่ต้องมาขึ้นเสียงใส่ฉันเลย คราวนี้ฉันไม่ได้พูดอะไรผิด เพื่อนสนิทเสียงดังใส่เขา นายน่ะแหละผิด รู้ตัวด้วยว่าทำผิดถึงได้ไม่กล้านัดฉันออกไปพูดเรื่องนี้ต่อหน้าต้องโทรมาสารภาพผิดอย่างนี้แทน

    ฉันโทรมาบอกเพราะเห็นนายเป็นเพื่อนสนิท!”

    เหรอ? ถ้าอย่างนั้นบอกฉันมาตามตรงว่านายตกลงซื้อคิมมยองซูมานานแค่ไหนแล้ว

    ไม่กี่วันก่อนซองยอลตอบเลี่ยงๆ

    ไม่กี่วันน่ะมันกี่วัน

    เจ็ด...

    หนึ่งอาทิตย์!?” อูฮยอนตะโกนใส่หูเขา นายเสียเงินไปเท่าไหร่แล้ว ไม่ ไม่เอาดีกว่า ไม่ต้องบอกฉัน ฉันไม่อยากรับรู้เรื่องนี้แล้ว

    เขาฟังเพื่อนพูดแล้วใจหายวาบ นายจะ...ไม่รับฟังเรื่องของฉันแล้วเหรอ?

    เฮ้อ อีกฝ่ายถอนหายใจ คนฉลาดอย่างนาย ทำไมถึงโง่เรื่องความรักนักนะ

    เพราะฉะนั้นฉันถึงจำเป็นต้องมีนายคอยให้คำปรึกษายังไงล่ะ

    นายไม่เห็นจะฟังฉันสักคำ

    ซองยอลเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันขอโทษ

    นายไม่คิดบ้างเหรอว่าในเมื่อเขาเข้ามาขออาศัยนายง่ายๆ ซักวันเขาอาจทิ้งนายไปง่ายๆ เหมือนกัน

    แต่มยองซูบอกว่ารักฉัน...”

    ฉันเชื่อแล้ว ความรักมันทำให้คนตาบอดจริงๆ เพื่อนสนิทของเขาคงกำลังส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่ในเมื่อคนตาบอดคนนั้นคือนาย ฉันจะยอมเป็นคนนำทางให้ก็ได้

    เขาฟังแล้วยิ้มบาง ขอบใจนะ ซองยอลพูดจากใจ

     

    ซองยอลใช้ชีวิตคนเดียวตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยและอาศัยในคอนโดกลางเมืองตั้งแต่เรียนจบ

    มยองซูปรากฎตัวขึ้นในวันหนึ่ง เขาซึ่งกำลังเหงาค่อยๆ เปิดใจให้อีกฝ่าย สุดท้ายเมื่อได้ใกล้ชิดกันก็ตกหลุมรักและยอมให้ทุกสิ่งทุกอย่าง

    เมื่อเขาทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับมยองซูแล้วเรื่องก็มีแค่นี้ แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผล บางทีที่อูฮยอนเคยพูดกับเขาคงถูก ซองยอลแค่เหงา แล้วมยองซูก็บังเอิญทำอาชีพรับจ้างคลายเหงา เขาคิดพลางยกขวดโซจูขึ้นจิบ

    มยองซูหลับอยู่บนเตียง ซองยอลกินเหล้าเงียบๆ คนเดียวในครัว เขายืนหันหลังพิงขอบอ่างล้างจานพลางมองเหม่อไปในความมืด

    มยองซูไม่ออกไปพบลูกค้าอีกแล้วตั้งแต่เขาคอยช่วยเหลือค่าใช้จ่าย ทว่าเขากลับไม่มีความสุขอย่างที่เคยคาดหวัง ตรงกันข้าม เขาทุกข์ใจมากกว่าเดิมเสียอีก

    ซองยอลไม่สามารถพูดกับอีกฝ่ายว่า ฉันไม่ใช่ลูกค้าของนาย ได้แล้ว

    เขาดื่มเหล้าจนหมดขวดแล้วเดินกลับไปนั่งบนขอบเตียง มองมยองซูซึ่งกำลังหลับสบายแล้วแค่นหัวเราะดูถูกตัวเองดังหึพลางนึกถึงคำพูดของอูฮยอน

    ซองยอล นายมันโง่ นายโดนคิมมยองซูหลอกแล้วรู้ตัวรึเปล่า!?

    จะหลอกเอาเงินจากฉันไปก็ได้ ซองยอลพูดเบาๆ แต่ว่า...เรื่องที่บอกว่าชอบฉัน ที่บอกว่ารักฉัน...อย่าหลอกกันเลยนะ

    เขาอาศัยแสงไฟสลัวนอกหน้าต่างนั่งมองมยองซูจนง่วงจัดจึงเอนหลังลงนอนข้างๆ อีกฝ่าย เขารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็เมื่อถูกมยองซูแกล้งบีบจมูกจนหายใจไม่ออกในเช้าวันถัดมา

    อรุณสวัสดิ์

    ซองยอลปรือตามองอีกฝ่ายง่วงๆ

    รู้ตัวรึเปล่า ฝ่ายนั้นพูดกับเขา ว่ามีกลิ่นเหล้าติดตัวน่ะ

    เขาส่ายหน้าพลางย้ายตัวมานอนหนุนตักอีกฝ่าย

    อะไรของนาย มยองซูดีดใบหูเขา ยั่วกันแต่เช้าอีกแล้วเหรอ

    ซองยอลจับมือซ้ายอีกฝ่ายมามองนิ่ง นายรักฉันใช่มั้ย?เขาถามพลางเกลี่ยนิ้วโป้งไปตามแหวนแพลทตินัมบนนิ้วนาง

    เมาค้างรึเปล่า? มยองซูค้อมตัวลงสำรวจสีหน้าเขา

    เขาส่ายหัวอีก ตอบมาเร็วเข้า

    จ้าๆ รักจ้า ฝ่ายนั้นว่าพลางประสานมือกับเขาและพลิกหลังมือของเขายกขึ้นจูบเบาๆ

    ถ้าอย่างนั้น...อย่าทิ้งฉันไปไหนนะ

    ฉันว่านายเมาค้างแหงๆ เมื่อคืนแอบดื่มไปกี่ขวด?

    คิมมยองซู

    ฉันไม่ทิ้งนายหรอก ใครจะทำอย่างนั้นได้ลงคอมยองซูตอบพลางจับผมเขาเล่น

    ซองยอลหลับตานอนปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นผมเขาตามใจพักใหญ่ๆ จึงถามขึ้น นายยังอยู่กับฉันเพราะฉันมีเงินให้นายใช้ใช่รึเปล่า?

    ว้า รู้ความจริงซะแล้ว

    เขาลืมตาขึ้นมองหน้ามยองซูอย่างหวั่นใจจึงเห็นอีกฝ่ายแลบลิ้นให้ พูดเล่น ฝ่ายนั้นลากปลายนิ้วชี้ไปตามหน้าผากและแนวจมูกของเขา ที่จริงฉันอยู่กับนายเพราะติดใจรสชาตินายต่างหาก

    ซองยอลลุกจากเตียงทันควัน ปล่อยให้ฝ่ายนั้นเข้าใจว่าเขาเขินและผิวปากแซวกระทั่งเขาเดินพ้นจากประตูห้องนอน เขารองน้ำจากก๊อกใส่แก้วแล้วกระดกดื่ม

    มยองซูอาจพูดเล่น แต่เขากลับขำไม่ออก

    อย่าหลอกกันเลยนะ ฉันขอร้องละ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×