คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [JSUWIWS] Chapter 9
Chapter 9
“โซจุนนี่”
“อะไร”
“ไปอยู่ที่อื่นได้เปล่า”
“เหอะ”
“มุมห้องโน่นไง”
“ไม่ไป”
“ไปหน่อยเถอะ ก่อนฉันจะถูกเมดูฮยอนซูจ้องจนกลายเป็นหินไปจริงๆ”
“เมดูฮยอนซูอะไร”
“เมดูซ่าที่มีผมเป็นงูในเทพนิยายกรีกไง ช่างเถอะ ฉันไม่คุยด้วยแล้ว โซจุนนี่รีบๆ ไปทำการบ้านไม่ก็ซ้อมกีตาร์ที่มุมห้องนู้นเลยไป มาอยู่กับฉันอย่างนี้เดี๋ยวฉันถูกฮยอนซูเพ่งเล็งกันพอดี”
“ไม่ไป! ฉันจะอยู่กับนาย! อยู่กับนายฉันรู้สึกปลอดภัยที่สุดในบรรดาพวกนายห้าคนแล้ว”
“เดี๋ยวคิดเงินซะเลย”
“เดี๋ยวไม่ทำการบ้านให้ลอกซะเลย”
“โหย โซจุนนี่อะ มีฮยอนซูหนุนหลังเข้าหน่อยทำเป็นกร่าง”
“ไม่ใช่ละ!”
“ใช่สิ”
“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง!”
“ซอกยองจง นายหยุดคุยแล้วเริ่มซ้อมได้แล้ว”
“เห็นมั้ย ฉันโดนจีฮยอกดุเลย โซจุนนี่ไปนั่งนู่นเลยไป ยืนเกาะไหล่ฉันอย่างนี้ฉันเล่นคีย์บอร์ดไม่ได้เลย”
โซจุนยืนต่อปากต่อคำกับกยองจงอยู่หลังคีย์บอร์ดในห้องซ้อม เมื่อตัวเองเป็นฝ่ายแพ้ เขาอมลมแก้มป่องใส่รุ่นน้องจึงถูกอีกฝ่ายทำท่าเดียวกันโต้ตอบ พอโซจุนถลึงตาใส่ซอกยองจง ก็ถูกมือคีย์บอร์ดหน้าเลือดเลียนแบบอีก เด็กหนุ่มกำลังจะแยกเขี้ยวใส่เจ้าตัวจิ๋วแต่เผอิญเหลือบเห็นอีฮยอนซูเหล่มาทางเขาก่อน โซจุนสะดุ้งดึ๋งจนไหล่ไหว เขาผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วตัดสินใจวิ่งปรู๊ดไปก้มหน้าก้มตาทำการบ้าน (ของคนอื่น) ที่มุมห้องตามคำขอของกยองจง
อย่าตามมานะ อย่าตามมานะ อย่าตามมานะ
เด็กหนุ่มภาวนาในใจเป็นชุด เขากลัวอีฮยอนซูจะตามมานั่งกับเขาที่สุด โซจุนไม่อยากอยู่ใกล้ๆ กับอีกฝ่ายสองต่อสอง ตั้งแต่ย่างเท้าเข้าห้องซ้อม โซจุนจึงเกาะกยองจงแจไม่ยอมปล่อย (ไม่รู้ละ อย่างน้อยต้องมีใครอยู่เป็นเพื่อนเขาสักคนหนึ่ง) โชคดีที่หลังจากเขาหย่อนตัวลงบนเก้าอี้จีฮยอกก็เริ่มซ้อมทันที เด็กหนุ่มถอนหายใจโล่งอก หันมาขยับแว่นให้เข้าที่แล้วเริ่มอ่านคำถามข้อแรกในสมุดการบ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ
ทำไมโซจุนถึงไม่อยากอยู่กับอีฮยอนซูสองต่อสอง?
โอ้ ขอร้องล่ะ คำถามนี่โคตรปัญญาอ่อน
โลกนี้มีใครได้อยู่ใกล้คนที่ชอบแล้วใจไม่เต้นตึกตักบ้าง? นั่นแหละเหตุผล โซจุนจะบ้าตายอยู่แล้ว เขาอยู่กับอีฮยอนซูทีไรหัวใจจะทะลุออกมานอกอกทุกที
เดี๋ยวก่อน สต๊อป หยุดคิดอะไรไม่เข้าท่าเดี๋ยวนี้นะ
โซจุนไม่ได้ชอบไอ้จอมมาร แต่ไอ้หมอนั่นดันหน้าเหมือนพี่มยองซูของเขาอย่างกับโขกพิมพ์กันมาจนเขาอดเห็นเป็นตัวจริงไม่ได้ โอเคเปล่า?
แล้วก็
คำถามนั่นไม่ได้อยู่ในสมุดการบ้านด้วย
โซจุนทึ้งหัวเตือนสติตัวเองแล้วฟุบตัวลงวางคางกับแขนลากปากกาทำการบ้านอย่างขี้เกียจๆ ความขยันเมื่อครู่ถูกไอ้บ้าฮยอนซูเขี่ยทิ้งหมด เด็กหนุ่มตอบคำถามอย่างขอไปที เขาอ่านๆ เขียนๆ จนเคลียร์เสร็จไปสองวิชาจึงค่อยลุกขึ้นนั่งหลังตรงเหยียดแขนบิดขี้เกียจ
พลั่ก
มือเขาเหยียดไปโดนใครบางคนเข้า โซจุนเหลียวหลังไปเงยหน้ามองแล้วดีดตัวผึงลุกขึ้นยืนตัวแข็งทื่อทันควัน “ฉันจะไปซื้อน้ำ!” เขาประกาศลั่นแล้วก้าวฉับๆ หนีอีฮยอนซูไปยังบันไดทางออก
“ไปเป็นเพื่อนมั้ย” “ฉันจะไปด้วย”
มือเบสและมือกีตาร์ว่าขึ้นพร้อมกัน สองคนมองหน้ากันและหันไปหาโซจุนเพื่อรอคำตอบ
“ไม่ต้องทั้งคู่น่ะแหละ ฉันจะไปกับกยองจง!” หนุ่มแว่นกระโจนเข้าตะครุบตัวมือคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็วราวสิงโตตะครุบเหยื่อ (แต่ฮยอนซูเห็นเป็นจิ้งเหลนแลบลิ้นฉกแมลงวัน)
“หา? ไหงหวยมาออกที่ฉันล่ะ ไม่เอาอะ ฉันขี้เกียจ!”
กยองจงปฏิเสธไปตลอดทางทว่าสุดท้ายก็ถูกโซจุนลากตัวขึ้นบันไดผลักบานประตูออกไปนอกห้องซ้อมจนสำเร็จ
โซจุนอ้อยอิ่งเลือกน้ำกระป๋อง เขาเอาแต่พึมพำกับตัวว่า ‘อันนี้ดีมั้ยน้า’ ‘อันโน้นดีมั้ยน้า’ ‘หรืออันนั้นจะดีกว่าน้า’ ไม่ยอมหยอดเหรียญซื้อสักที กยองจงกอดอดมองเขาหน้าบูดบ่นว่าจะมัวเลือกทำไม ก็ซื้อไปเหมือนที่เคยซื้ออยู่ทุกทีน่ะแหละ
“ฉันเป็นผู้จัดการนะ” เด็กหนุ่มเก๊กหน้าเข้มใส่รุ่นน้อง “ฉันต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้สมาชิกในวงที่ฉันดูแลสิ” พูดจบแล้วโซจุนหันกลับไปมองตู้ขายน้ำอัตโนมัติซึ่งมีแต่น้ำอัดลมตั้งเรียงรายเป็นแถว
เยี่ยมมาก อันกูจองฮวาจะกระดูกพรุนเพราะความเอาใจใส่ของเขา
“โซจุนนี่ทำตัวประหลาดๆ นะ” กยองจงเอามือไพล่หลังและหันมองเขาอย่างจับผิด “ปกติก็ลุกลี้ลุกลนจะแย่อยู่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้เป็นหนักกว่าเดิมอีก”
“นายกล้าวิจารณ์ฉันเหรอ ฉันเป็นรุ่นพี่นายนะ” เนิร์ดน้อยจ้องอีกฝ่ายตาขวางทว่ารุ่นน้องกลับพูดต่อโดยไม่สนใจ
“ทำอย่างกับ...เด็กผู้หญิงที่แอบหลงรักเพื่อนร่วมห้องแต่เขินจนไม่กล้าสบตา ไม่กล้าบอกเขาอย่างนั้นแหละ”
“หา!?” โซจุนกำลังควักบัตรทีมันนี่ออกจะกระเป๋าเสื้อเตรียมจ่ายเงินซื้อน้ำอัดลม เขาฟังคำเปรียบเทียบของกยองจงแล้วแทบจะเปลี่ยนใจหันไปใช้มุมบัตรเจาะกะโหลกอีกฝ่าย “แล้วทำไมฉันต้องเหมือนเด็กผู้หญิงด้วย!”
“แหม ก็พอว่าเหมือนเด็กผู้หญิงมันให้อารมณ์กุ๊กกิ๊กจุ๊กจิ๊กดีออก”
เด็กหนุ่มรุ่นพี่ทำหน้าเบ้
“วี้ดวิ้ว” มือคีย์บอร์ดผิวปากแซว “เขินแล้วโมโหกลบเกลื่อนซะด้วย”
เนิร์ดน้อยหน้าแดงก่ำ
“สรุปว่าโซจุนนี่แอบหลงรักใครอยู่ใช่เปล่า”
“เปล่านะ!”
“จริงน่ะ”
“ก็จริงน่ะสิ!”
“ไม่ได้ว่าชอบฮย-“
“เปล่านะ ฉันไม่ได้ชอบอีฮยอนซูซักนิด!” โซจุนทะลุขึ้นกลางปล้อง
กริบ
กยองจงกะพริบตาใส่โซจุนปริบๆ
ก่อนจะค่อยๆ ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่
“ฉันกำลังจะพูดว่า ‘ไม่ได้ว่าชอบพี่ (ฮยอง) คนนั้นหรอกเหรอ พี่มยองซูคนดีศรีอินฟินิทน่ะ’”
กริบ
โซจุนกะพริบตาใส่กยองจงปริบๆ
ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นดึงทึ้งผมตัวเองแล้วแหกปากร้องแรกแหกกระเชออย่างคลุ้มคลั่ง “โว้ย!” เด็กหนุ่มโวยวายด้วยความอาย “ฉันเกลียดนาย! นายก็ร้ายกาจพอกันกับพวกที่เหลือน่ะแหละ!”
นักดนตรีตัวจิ๋วเห็นผู้จัดการจำเป็นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงก็หัวเราะถูกใจ อีกฝ่ายฟาดหัวฟาดหางอยู่พักใหญ่ก็ทรุดตัวลงนั่งยองๆ ซุกหน้าผากลงกับหัวเข่าอย่างหมดแรง
“โซจุนนี่ชอบฮยอนซูสินะ” กยองจงย่อตัวลงนั่งยองๆ ด้วยอีกหนึ่งคน เขาเอียงคอถามเนิร์ดน้อยยิ้มๆ ใจเขาเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นระหว่างรอฟังคำตอบ
จู่ๆ โซจุนเงยหน้าขึ้นมองเขาตาเขียวปั้ด
“จะบ้ารึไง!? ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าใจฉันเต้นเป็นเจ้าเข้าเพราะไอ้บ้าฮยอนซูหน้าเหมือนพี่มยองซู! หน้าเป๊ะกันขนาดนั้นฉันก็รู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดพี่มยองซูจริงๆ น่ะสิ!”
มือคีย์บอร์ดหูดับไปสามวิ เขานั่งทื่อรอให้ประสาทรับฟังทำงานอีกครั้งแล้วค่อยขมวดคิ้วใส่รุ่นพี่ต่างโรงเรียนดุๆ “ฮยอนซูก็คือฮยอนซู โซจุนนี่จะเห็นฮยอนซูของเราเป็นตัวแทนพี่มยองซูคนนั้นไม่ได้นะ ฮยอนซูจะเสียใจเอา รู้รึเปล่า”
“ช่างหัวฮยอนซูของนายสิ! ฉันบอกว่าไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบไง!” โซจุนลุกขึ้นทาบบัตรจ่ายเงินกับเครื่องขายน้ำแล้วกระแทกนิ้วจิ้มปุ่มเลือกไซเดอร์กับโค้กโครมๆ เขาก้มลงหยิบกระป๋องน้ำยัดใส่มือกยองจงสามกระป๋องและถือไว้เองสามกระป๋อง “กลับกันเถอะ” เด็กหนุ่มว่าแล้วกระแทกเท้าปึงปังนำไปก่อน
ชอบกับผีสิ อีฮยอนซูมีอะไรดีไม่ทราบ---โซจุนคิดในใจระหว่างทางกลับไปห้องซ้อม
ปากก็เสีย นิสัยก็แย่เอาปานนั้น
กะอีแค่หน้าตาดี (อันนี้จำใจชม ถ้าไม่ชมเดี๋ยวพี่มยองซูจะพลอยเสียเครดิต) เล่นกีตาร์เก่ง เต้นก็เป็น สอนเขาเล่นกีตาร์ก็ได้ (แถมดันเผือกสอนดีอีกแน่ะ)---หมดแล้วใช่มั้ยนะ?
น่ะ เห็นมั้ยล่ะ ไม่เห็นหมอนั่นจะเจ๋งสักเท่าไหร่เลย!
ค่ำวันนั้น ‘หมอนั่น’ ซึ่ง ‘ไม่เห็นจะเจ๋งสักเท่าไหร่’ ยืนกรานหนักแน่นว่าจะพาโซจุนไปส่งบ้าน เด็กหนุ่มเหวอไปเลย หลายวันมานี้เขาอ้างกับอีกฝ่ายว่าต้องแวะบ้านเพื่อนก่อนมั่ง ไปเยี่ยมหลานที่บ้านพี่ชายกับพี่สะใภ้มั่ง ทำธุระด่วนให้แม่มั่ง อ้างเสร็จปั๊บก็เปิดแน่บปุ๊บ โซจุนยังอดชมตัวเองไม่ได้เลยว่าเก่งที่หนีหน้าอีฮยอนซูได้ตั้งสามสี่วัน
“ฉันต้องเอาดีวีดีไปคืนร้านเช่า”
“ฉันไปเป็นเพื่อน”
“เสร็จแล้วต้องไปซื้อนมสดเข้าบ้านอีก”
“ฉันไปด้วย”
“ต้องไปรับฮีทเตอร์ที่ร้านซ่อมไกลบ้านโคตรๆ ด้วยนะ”
“ฉันไปได้”
“ไหนจะยัง-“
“ถ้านายธุระเยอะนักทำไมไม่รีบไปซักทีล่ะ จะมัวสาธยายให้ฉันฟังทำไม ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าจะไปด้วยๆ บอกว่าจะไปก็คือจะไป”
แล้ว ‘หมอนั่น’ ซึ่ง ‘ไม่เห็นจะเจ๋งสักเท่าไหร่’ ก็ลากคอโซจุนไป กยองจงโบกมือลาเขาจากโต๊ะทำการบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เด็กหนุ่มเห็นแล้วอยากถอดรองเท้าเขวี้ยงใส่หน้าอีกฝ่ายที่สุด
ฮยอนซูเดินเอามือล้วงกระเป๋าเงียบๆ ยุนโซจุนก้มหน้าก้มตาเดินไม่พูดจาไม่ต่างกับเขา กระทั่งพวกเขาขึ้นและลงจากรถเมล์ก็ยังไม่มีใครปริปาก บ้านของครอบครัวยุนอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์นัก สุดท้ายสองคนมาถึงหน้าบ้านของโซจุนโดยไม่มีคำพูดใดๆ หลุดจากปาก
“ไม่เห็นนายจะคืนดีวีดี” ในที่สุดฮยอนซูเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “นมสดก็ไม่ได้ซื้อ ฮีทเตอร์ก็ไม่ได้ไปเอา”
เจ้าของบ้านขบริมฝีปากท่าทางว้าวุ่นใจ
“หลบหน้าฉันทำไม” มือกีตาร์กอดอกถามตรงๆ ยุนโซจุนเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น เขาจึงย่อตัวลงยื่นหน้าเข้าไปเงยหน้าสบกับนัยน์ตากลมโตหลังกรอบแว่นของอีกฝ่ายเล่นเอาฝ่ายนั้นตกใจเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน
“ไม่ได้หลบซักหน่อย” เนิร์ดน้อยปฏิเสธเสียงค่อย
ฮยอนซูฟังคำแก้ตัวแล้วแค่นหัวเราะดังหึ เขาฉวยข้อมือคนตรงหน้ามาจับไว้แน่น ยุนโซจุนทำหน้าตื่น เด็กหนุ่มรุ่นพี่พยายามสลัดมือเขาทิ้ง แต่ฮยอนซูยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย
“ชีพจรเต้นเร็วเชียวนะ” เขาตั้งข้อสังเกตก่อนจะเหยียดยิ้มให้อีกฝ่าย “ตื่นเต้นอะไร? ใจเต้นเรื่องอะไร?”
“เฮ้ย! พวกนายนี่มันยังไง!?” โซจุนแงะนิ้วฮยอนซูออกจากข้อมือตัวเองแล้วเอ็ดคนตรงหน้าเสียงเขียว “กยองจงก็คน นายก็อีกคน จะคาดคั้นอะไรจากฉันนักหนา!?” เขาแยกเขี้ยวขู่แฟ่ๆ ก่อนค่อยร่ายคำตอบใส่อีกฝ่ายชุดใหญ่
“ฟังนะ อีฮยอนซู! ฉันยอมรับก็ได้ว่าอยู่กับนายแล้วฉันใจเต้น แต่นายต้องยอมรับด้วยว่านายบังเอิญหน้าเหมือนพี่มยองซูของฉัน ดังนั้นฉันไม่ได้ใจเต้นเพราะนายแต่เต้นเพราะใครอีกคนที่หน้าเหมือนนาย ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายนะเว้ย! ได้คำตอบก็กลับบ้านไปหาดาซมได้แล้ว ขอบใจที่อุตส่าห์เสนอหน้ามาส่ง!”
ฮยอนซูใช้สองมือประคองแก้มยุนโซจุนให้จ้องตากับเขา
“มองหน้าฉัน” เด็กหนุ่มสั่งเสียงเฉียบ “มองดีๆ แล้วตอบมาว่านายเห็นอีฮยอนซูหรือคิมมยองซู”
โซจุนกลืนน้ำลายเอื๊อก เขาหลุบตาลงต่ำจึงถูกไอ้จอมมารล็อกมือแน่นเข้าอีก “โอ๊ย! มองก็มอง!” เด็กหนุ่มร้องแล้วค่อยๆ เลื่อนนัยน์ตาขึ้นสบกับเจ้าของฝ่ามืออุ่นบนสองแก้ม
ขอบตาอีฮยอนซูเรียวเล็ก นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทั้งสองข้างจ้องตรงมายังเขา เขาไม่เคยใกล้ชิดพี่มยองซู ไม่รู้ว่าคนๆ นั้นมีดวงตาสีน้ำตาลเข้มอย่างดวงตาคู่นี้ของอีฮยอนซูมั้ย เขาไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พิสูจน์หรือไม่ แต่เขาแน่ใจว่าพี่มยองซูคงไม่มีวันมองเขาได้อย่างที่อีฮยอนซูกำลังมอง (ก็อีกฝ่ายเป็นไอดอล ส่วนเขาเป็นแฟนบอยนะเฮ้ย!)
หัวใจโซจุนเต้นแรงกว่าที่เคย เขารู้สึกเขินจนไม่อาจสู้สายตาคมกริบคู่นั้นได้อีกต่อไป เด็กหนุ่มฝืนเบือนหน้าหนี และอีฮยอนซูก็ปล่อยให้เขาทำตามใจ
“เป็นยังไง” มือกีตาร์กอดอกถามอีกฝ่าย “คนที่อยู่กับนายตรงนี้ นายเห็นเป็นใคร อีฮยอนซู? คิมมยองซู?”
“อ-อี...” โซจุนทำปากขมุบขมิบ
“ว่าไงนะ ฉันไม่ได้ยิน?”
“อีฮยอนซู! อีฮยอนซู! อีฮยอนซู! ชัดพอรึยัง พอใจรึยัง!?” เด็กหนุ่มตะโกนใส่หูคนกวนประสาท เขาหันหลังขวับให้ไอ้จอมมารซึ่งยืนอมยิ้มเป็นไอ้บ้าอยู่หน้าบ้าน เปิดประตูเข้าบ้านและกระแทกปิดโดยไม่กล่าวลา แม่ยื่นหน้ามาถามเขาว่าฮยอนซูมาส่งเหรอ แต่เขากระทืบเท้าปึงๆ กลับเข้าห้องไปโดยไม่ตอบ
โซจุนเห็นชัดเจนแล้วว่าอีฮยอนซูไม่เหมือนพี่มยองซูของเขาเสียทีเดียว (อันที่จริงไม่ต้องชัดขนาดนี้ก็ได้) แต่เด็กหนุ่มไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจว่าเมื่อเรื่องเป็นอย่างนั้น ทำไมหัวใจของเขากลับเต้นแรงยิ่งกว่าเก่าเสียอีก
“โซจุนนี่แอ๊บใสเพราะไม่อยากยอมรับความจริงละสิ” กยองจงจิกกัดโซจุนอย่างหมั่นไส้ สองคนนั่งด้วยกันในห้องซ้อมใต้ดินเพียงลำพัง อันกูจองฮวาคนอื่นๆ กำลังเดินทางมาจากบ้าน “ฉันบอกแล้วไงว่าโซจุนนี่น่ะชอบฮยอนซู”
เนิร์ดน้อยทำตาขวางใส่อีกฝ่าย “นายไปรู้ดีมาจากไหน ทำอย่างกับตัวเองรู้จักความรักดีนักแหละ”
“ฉันรู้จักนะ” มือคีย์บอร์ดอมลมแก้มตุ่ย “ฉันรู้จักความรัก ถึงจะไม่ได้รู้จักดี แต่ฉันก็มีคนที่ยอมรับว่ารู้สึกดีๆ ด้วยก็แล้วกัน” กยองจงพูดจบแล้วออกจะประหลาดใจตัวเอง เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครกระทั่งฮาจินซึ่งเป็นเพื่อนสนิท อยู่กับเพื่อนๆ แล้วกยองจงสบายใจแต่ไม่วายต้องเก็บงำความรู้สึกบางอย่าง โซจุนนี่เป็นคนนอก ทั้งขี้โวยวาย และทำตัวเป็นเด็ก แต่น่ารัก ซื่อใส และเป็นคนจริงใจ กยองจงคุยกับอีกฝ่ายแล้วสบายใจจึงเล่าเรื่องของตัวเองออกไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ ร่างเล็กยกมือเกาท้ายทอยแก้ขวยแกรกๆ ยุนโซจุนเป็นซะอย่างนี้ เขาไม่แปลกใจว่าทำไมฮยอนซูจึงสนใจในตัวอีกฝ่ายนักหนา
โซจุนทำตาโต เขากระโดดเข้าไปนั่งข้างกยองจงและเขย่าแขนถามรุ่นน้องอย่างสนอกสนใจ “ใครอะ!?”
ร่างเล็กรูดซิปปากไม่ยอมตอบ
“ซอกยองจง นายจะหลอกให้ฉันอยากแล้วจากไปไม่ได้นะ!”
กยองจงก้มหน้าซ่อนพวงแก้มซับสีระเรื่อ
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ในห้องมีแค่เราสองคน ฉันสัญญาจะไม่ไปบอกใครต่อ”
มือคีย์บอร์ดเงยหน้าขึ้นมองโซจุนอย่างชั่งใจ เขาตั้งเงื่อนไขกับอีกฝ่ายว่าต้องเลิกทำปากแข็งยอมรับกับเขาก่อนว่าชอบฮยอนซูของพวกเขาเข้าแล้วจริงๆ
โซจุนอ้าปากค้าง “ก็ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ชอบไง!”
กยองจงหรี่ตาจ้องรุ่นพี่อย่างคาดคั้นจนในที่สุดอีกฝ่ายยอมโบกธงขาวและบ่นพึมพำงึมงำว่าก็ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เกลียดหรอก มือคีย์บอร์ดฟังเสียงบ่นงุ้งงิ้งแล้วยกมุมปากอมยิ้ม เขาถอนหายใจแล้วบอกคำตอบอีกฝ่ายตามข้อแลกเปลี่ยน “คนที่ฉันชอบน่ะ...”
เนิร์ดน้อยรอฟังหูผึ่ง
“โซจุนนี่ไม่เคยเจอหรอก”
ฮาจินนั่งนิ่งไม่ไหวติง เขาโกรธตัวเองที่นึกสนุกซ่อนตัวในเงามืดบนบันไดขั้นแรกสุดแอบฟังเพื่อนสนิทกับผู้จัดการวงคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบ มือของเขาเย็นเฉียบ เด็กหนุ่มค่อยๆ ชันเข่าลุกขึ้น หมุนลูกบิดแง้มประตูเปิดโดยระวังไม่ให้เกิดเสียงแล้วแทรกตัวออกไป
ร่างสูงจากห้องซ้อมไปอย่างไร้จุดหมาย เขาสวนกับใครคนหนึ่งซึ่งย้อนกลับมาคว้าไหล่เขาและถามว่ามองไม่เห็นเขาจริงๆ เหรอ ฮาจินเงยหน้าขึ้นสบตากับฮยอนซู เขาขมวดคิ้วจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์
“ปล่อย” มือเบสปัดมือที่ไหล่ออกแล้วเดินต่อ
“นายจะไปไหน อีกเดี๋ยวจะได้เวลาซ้อมแล้วนะ จีฮยอกกับโดอิลก็ใกล้ถึงแล้ว” เพื่อนร่วมวงตะโกนถามไล่หลัง
“เรื่องของฉัน!” เขาตะโกนตอบอย่างหัวเสียแล้วกระแทกเท้าแรงขึ้น “เดี๋ยวฉันอยากกลับก็กลับไปเองแหละ!” ฮาจินไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเขามั้ย กว่าจะพูดจบคำสุดท้ายเขาก็เดินจากมาไกลแล้ว เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนบันไดทางขึ้นร้านอินเตอร์เน็ตร้านหนึ่ง เขาปลดกระเป๋าเบสมาตั้งกับพื้นเพื่อเท้าแขนและมองเหม่อไปยังกำแพงสกปรกๆ ของบ้านฝั่งตรงข้ามอยู่นานสองนาน
เมื่อเปิดประตู้องซ้อมและเดินลงบันได ฮาจินเห็นทุกคนกำลังฟังโซจุนสอนการบ้านอยู่ กยองจงเห็นเขาเข้าก็เอ่ยทักและบ่นว่าทำไมถึงมาช้านัก เด็กหนุ่มไม่ตอบ เขาเดินไปปลดประเป๋าเบสจากไหล่วางลงบนแอมป์ตัวหนึ่ง
ทุกคนนั่งล้อมกันเป็นวง ต่างคนต่างมีสมุดการบ้านวางตรงหน้า บางคนตั้งใจฟัง แต่เขาเห็นส่วนใหญ่เท้าคางเบื่อๆ ฮาจินมองโซจุนสลับกับฮยอนซู ยิ่งเห็นเพื่อนร่วมวงเย้าแหย่รุ่นพี่ต่างโรงเรียนสนุกสนานก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา เขาเดินตรงฝ่าคนอื่นเข้าไปหาผู้จัดการวง พูดกับอีกฝ่ายสั้นๆ ว่า “โซจุนนี่เป็นแฟนกับฉันเถอะ” แล้วก็โน้มลงจุมพิตอีกฝ่ายโดยไม่รอฟังคำตอบ
ความคิดเห็น