ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [INFINITE] Just Shut Up While I Was Sleeping! [MyungYeol]

    ลำดับตอนที่ #10 : [JSUWIWS] Chapter 9

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 56


    Chapter 9

                    “โซจุนนี่

                    อะไร

                    ไปอยู่ที่อื่นได้เปล่า

                    เหอะ

                    มุมห้องโน่นไง

                    ไม่ไป

                    ไปหน่อยเถอะ ก่อนฉันจะถูกเมดูฮยอนซูจ้องจนกลายเป็นหินไปจริงๆ

                    เมดูฮยอนซูอะไร

                    เมดูซ่าที่มีผมเป็นงูในเทพนิยายกรีกไง ช่างเถอะ ฉันไม่คุยด้วยแล้ว โซจุนนี่รีบๆ ไปทำการบ้านไม่ก็ซ้อมกีตาร์ที่มุมห้องนู้นเลยไป มาอยู่กับฉันอย่างนี้เดี๋ยวฉันถูกฮยอนซูเพ่งเล็งกันพอดี

                    ไม่ไป! ฉันจะอยู่กับนาย! อยู่กับนายฉันรู้สึกปลอดภัยที่สุดในบรรดาพวกนายห้าคนแล้ว

                    เดี๋ยวคิดเงินซะเลย

                    เดี๋ยวไม่ทำการบ้านให้ลอกซะเลย

                    โหย โซจุนนี่อะ มีฮยอนซูหนุนหลังเข้าหน่อยทำเป็นกร่าง

                    ไม่ใช่ละ!”

                    ใช่สิ

                    ก็บอกว่าไม่ใช่ไง!”

                    ซอกยองจง นายหยุดคุยแล้วเริ่มซ้อมได้แล้ว

                    เห็นมั้ย ฉันโดนจีฮยอกดุเลย โซจุนนี่ไปนั่งนู่นเลยไป ยืนเกาะไหล่ฉันอย่างนี้ฉันเล่นคีย์บอร์ดไม่ได้เลย

                    โซจุนยืนต่อปากต่อคำกับกยองจงอยู่หลังคีย์บอร์ดในห้องซ้อม เมื่อตัวเองเป็นฝ่ายแพ้ เขาอมลมแก้มป่องใส่รุ่นน้องจึงถูกอีกฝ่ายทำท่าเดียวกันโต้ตอบ พอโซจุนถลึงตาใส่ซอกยองจง ก็ถูกมือคีย์บอร์ดหน้าเลือดเลียนแบบอีก เด็กหนุ่มกำลังจะแยกเขี้ยวใส่เจ้าตัวจิ๋วแต่เผอิญเหลือบเห็นอีฮยอนซูเหล่มาทางเขาก่อน โซจุนสะดุ้งดึ๋งจนไหล่ไหว เขาผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วตัดสินใจวิ่งปรู๊ดไปก้มหน้าก้มตาทำการบ้าน (ของคนอื่น) ที่มุมห้องตามคำขอของกยองจง

                    อย่าตามมานะ อย่าตามมานะ อย่าตามมานะ

                    เด็กหนุ่มภาวนาในใจเป็นชุด เขากลัวอีฮยอนซูจะตามมานั่งกับเขาที่สุด โซจุนไม่อยากอยู่ใกล้ๆ กับอีกฝ่ายสองต่อสอง ตั้งแต่ย่างเท้าเข้าห้องซ้อม โซจุนจึงเกาะกยองจงแจไม่ยอมปล่อย (ไม่รู้ละ อย่างน้อยต้องมีใครอยู่เป็นเพื่อนเขาสักคนหนึ่ง) โชคดีที่หลังจากเขาหย่อนตัวลงบนเก้าอี้จีฮยอกก็เริ่มซ้อมทันที เด็กหนุ่มถอนหายใจโล่งอก หันมาขยับแว่นให้เข้าที่แล้วเริ่มอ่านคำถามข้อแรกในสมุดการบ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ

                    ทำไมโซจุนถึงไม่อยากอยู่กับอีฮยอนซูสองต่อสอง?

                    โอ้ ขอร้องล่ะ คำถามนี่โคตรปัญญาอ่อน

    โลกนี้มีใครได้อยู่ใกล้คนที่ชอบแล้วใจไม่เต้นตึกตักบ้าง? นั่นแหละเหตุผล โซจุนจะบ้าตายอยู่แล้ว เขาอยู่กับอีฮยอนซูทีไรหัวใจจะทะลุออกมานอกอกทุกที

                    เดี๋ยวก่อน สต๊อป หยุดคิดอะไรไม่เข้าท่าเดี๋ยวนี้นะ

                    โซจุนไม่ได้ชอบไอ้จอมมาร แต่ไอ้หมอนั่นดันหน้าเหมือนพี่มยองซูของเขาอย่างกับโขกพิมพ์กันมาจนเขาอดเห็นเป็นตัวจริงไม่ได้ โอเคเปล่า?

                    แล้วก็

                    คำถามนั่นไม่ได้อยู่ในสมุดการบ้านด้วย

                    โซจุนทึ้งหัวเตือนสติตัวเองแล้วฟุบตัวลงวางคางกับแขนลากปากกาทำการบ้านอย่างขี้เกียจๆ ความขยันเมื่อครู่ถูกไอ้บ้าฮยอนซูเขี่ยทิ้งหมด เด็กหนุ่มตอบคำถามอย่างขอไปที เขาอ่านๆ เขียนๆ จนเคลียร์เสร็จไปสองวิชาจึงค่อยลุกขึ้นนั่งหลังตรงเหยียดแขนบิดขี้เกียจ

                    พลั่ก

                    มือเขาเหยียดไปโดนใครบางคนเข้า โซจุนเหลียวหลังไปเงยหน้ามองแล้วดีดตัวผึงลุกขึ้นยืนตัวแข็งทื่อทันควัน ฉันจะไปซื้อน้ำ!” เขาประกาศลั่นแล้วก้าวฉับๆ หนีอีฮยอนซูไปยังบันไดทางออก

                    ไปเป็นเพื่อนมั้ย” “ฉันจะไปด้วย

                    มือเบสและมือกีตาร์ว่าขึ้นพร้อมกัน สองคนมองหน้ากันและหันไปหาโซจุนเพื่อรอคำตอบ

                    ไม่ต้องทั้งคู่น่ะแหละ ฉันจะไปกับกยองจง!” หนุ่มแว่นกระโจนเข้าตะครุบตัวมือคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็วราวสิงโตตะครุบเหยื่อ (แต่ฮยอนซูเห็นเป็นจิ้งเหลนแลบลิ้นฉกแมลงวัน)

                    หา? ไหงหวยมาออกที่ฉันล่ะ ไม่เอาอะ ฉันขี้เกียจ!”

                    กยองจงปฏิเสธไปตลอดทางทว่าสุดท้ายก็ถูกโซจุนลากตัวขึ้นบันไดผลักบานประตูออกไปนอกห้องซ้อมจนสำเร็จ

     

                    โซจุนอ้อยอิ่งเลือกน้ำกระป๋อง เขาเอาแต่พึมพำกับตัวว่า อันนี้ดีมั้ยน้า อันโน้นดีมั้ยน้า’ ‘หรืออันนั้นจะดีกว่าน้าไม่ยอมหยอดเหรียญซื้อสักที กยองจงกอดอดมองเขาหน้าบูดบ่นว่าจะมัวเลือกทำไม ก็ซื้อไปเหมือนที่เคยซื้ออยู่ทุกทีน่ะแหละ

                    ฉันเป็นผู้จัดการนะ เด็กหนุ่มเก๊กหน้าเข้มใส่รุ่นน้อง ฉันต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้สมาชิกในวงที่ฉันดูแลสิ พูดจบแล้วโซจุนหันกลับไปมองตู้ขายน้ำอัตโนมัติซึ่งมีแต่น้ำอัดลมตั้งเรียงรายเป็นแถว

                    เยี่ยมมาก อันกูจองฮวาจะกระดูกพรุนเพราะความเอาใจใส่ของเขา

                    โซจุนนี่ทำตัวประหลาดๆ นะ กยองจงเอามือไพล่หลังและหันมองเขาอย่างจับผิด ปกติก็ลุกลี้ลุกลนจะแย่อยู่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้เป็นหนักกว่าเดิมอีก

                    นายกล้าวิจารณ์ฉันเหรอ ฉันเป็นรุ่นพี่นายนะเนิร์ดน้อยจ้องอีกฝ่ายตาขวางทว่ารุ่นน้องกลับพูดต่อโดยไม่สนใจ

                    ทำอย่างกับ...เด็กผู้หญิงที่แอบหลงรักเพื่อนร่วมห้องแต่เขินจนไม่กล้าสบตา ไม่กล้าบอกเขาอย่างนั้นแหละ

                    หา!? โซจุนกำลังควักบัตรทีมันนี่ออกจะกระเป๋าเสื้อเตรียมจ่ายเงินซื้อน้ำอัดลม เขาฟังคำเปรียบเทียบของกยองจงแล้วแทบจะเปลี่ยนใจหันไปใช้มุมบัตรเจาะกะโหลกอีกฝ่าย แล้วทำไมฉันต้องเหมือนเด็กผู้หญิงด้วย!”

                    แหม ก็พอว่าเหมือนเด็กผู้หญิงมันให้อารมณ์กุ๊กกิ๊กจุ๊กจิ๊กดีออก

                    เด็กหนุ่มรุ่นพี่ทำหน้าเบ้

                    วี้ดวิ้ว มือคีย์บอร์ดผิวปากแซว เขินแล้วโมโหกลบเกลื่อนซะด้วย

                    เนิร์ดน้อยหน้าแดงก่ำ

                    สรุปว่าโซจุนนี่แอบหลงรักใครอยู่ใช่เปล่า

                    “เปล่านะ!”

                    จริงน่ะ

                    ก็จริงน่ะสิ!”

                    ไม่ได้ว่าชอบฮย-

                    เปล่านะ ฉันไม่ได้ชอบอีฮยอนซูซักนิด!” โซจุนทะลุขึ้นกลางปล้อง

     

                    กริบ

     

                    กยองจงกะพริบตาใส่โซจุนปริบๆ

                    ก่อนจะค่อยๆ ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่

                   

                    “ฉันกำลังจะพูดว่า ไม่ได้ว่าชอบพี่ (ฮยอง) คนนั้นหรอกเหรอ พี่มยองซูคนดีศรีอินฟินิทน่ะ

     

                    กริบ

     

                    โซจุนกะพริบตาใส่กยองจงปริบๆ

                    ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นดึงทึ้งผมตัวเองแล้วแหกปากร้องแรกแหกกระเชออย่างคลุ้มคลั่ง โว้ย!” เด็กหนุ่มโวยวายด้วยความอาย ฉันเกลียดนาย! นายก็ร้ายกาจพอกันกับพวกที่เหลือน่ะแหละ!”

                    นักดนตรีตัวจิ๋วเห็นผู้จัดการจำเป็นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงก็หัวเราะถูกใจ อีกฝ่ายฟาดหัวฟาดหางอยู่พักใหญ่ก็ทรุดตัวลงนั่งยองๆ ซุกหน้าผากลงกับหัวเข่าอย่างหมดแรง

                    โซจุนนี่ชอบฮยอนซูสินะกยองจงย่อตัวลงนั่งยองๆ ด้วยอีกหนึ่งคน เขาเอียงคอถามเนิร์ดน้อยยิ้มๆ ใจเขาเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นระหว่างรอฟังคำตอบ

                    จู่ๆ โซจุนเงยหน้าขึ้นมองเขาตาเขียวปั้ด

                    จะบ้ารึไง!? ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าใจฉันเต้นเป็นเจ้าเข้าเพราะไอ้บ้าฮยอนซูหน้าเหมือนพี่มยองซู! หน้าเป๊ะกันขนาดนั้นฉันก็รู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดพี่มยองซูจริงๆ น่ะสิ!”

                    มือคีย์บอร์ดหูดับไปสามวิ เขานั่งทื่อรอให้ประสาทรับฟังทำงานอีกครั้งแล้วค่อยขมวดคิ้วใส่รุ่นพี่ต่างโรงเรียนดุๆ ฮยอนซูก็คือฮยอนซู โซจุนนี่จะเห็นฮยอนซูของเราเป็นตัวแทนพี่มยองซูคนนั้นไม่ได้นะ ฮยอนซูจะเสียใจเอา รู้รึเปล่า

                    ช่างหัวฮยอนซูของนายสิ! ฉันบอกว่าไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบไง!” โซจุนลุกขึ้นทาบบัตรจ่ายเงินกับเครื่องขายน้ำแล้วกระแทกนิ้วจิ้มปุ่มเลือกไซเดอร์กับโค้กโครมๆ เขาก้มลงหยิบกระป๋องน้ำยัดใส่มือกยองจงสามกระป๋องและถือไว้เองสามกระป๋อง กลับกันเถอะ เด็กหนุ่มว่าแล้วกระแทกเท้าปึงปังนำไปก่อน

                    ชอบกับผีสิ อีฮยอนซูมีอะไรดีไม่ทราบ---โซจุนคิดในใจระหว่างทางกลับไปห้องซ้อม

                    ปากก็เสีย นิสัยก็แย่เอาปานนั้น

                    กะอีแค่หน้าตาดี (อันนี้จำใจชม ถ้าไม่ชมเดี๋ยวพี่มยองซูจะพลอยเสียเครดิต) เล่นกีตาร์เก่ง เต้นก็เป็น สอนเขาเล่นกีตาร์ก็ได้ (แถมดันเผือกสอนดีอีกแน่ะ)---หมดแล้วใช่มั้ยนะ?

    น่ะ เห็นมั้ยล่ะ ไม่เห็นหมอนั่นจะเจ๋งสักเท่าไหร่เลย!

     

                    ค่ำวันนั้น หมอนั่นซึ่ง ไม่เห็นจะเจ๋งสักเท่าไหร่ยืนกรานหนักแน่นว่าจะพาโซจุนไปส่งบ้าน เด็กหนุ่มเหวอไปเลย หลายวันมานี้เขาอ้างกับอีกฝ่ายว่าต้องแวะบ้านเพื่อนก่อนมั่ง ไปเยี่ยมหลานที่บ้านพี่ชายกับพี่สะใภ้มั่ง ทำธุระด่วนให้แม่มั่ง อ้างเสร็จปั๊บก็เปิดแน่บปุ๊บ โซจุนยังอดชมตัวเองไม่ได้เลยว่าเก่งที่หนีหน้าอีฮยอนซูได้ตั้งสามสี่วัน

                    ฉันต้องเอาดีวีดีไปคืนร้านเช่า

                    ฉันไปเป็นเพื่อน

                    เสร็จแล้วต้องไปซื้อนมสดเข้าบ้านอีก

                    ฉันไปด้วย

                    ต้องไปรับฮีทเตอร์ที่ร้านซ่อมไกลบ้านโคตรๆ ด้วยนะ

                    ฉันไปได้

                    “ไหนจะยัง-

                    ถ้านายธุระเยอะนักทำไมไม่รีบไปซักทีล่ะ จะมัวสาธยายให้ฉันฟังทำไม ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าจะไปด้วยๆ บอกว่าจะไปก็คือจะไป

                    แล้ว หมอนั่นซึ่ง ไม่เห็นจะเจ๋งสักเท่าไหร่ ก็ลากคอโซจุนไป กยองจงโบกมือลาเขาจากโต๊ะทำการบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เด็กหนุ่มเห็นแล้วอยากถอดรองเท้าเขวี้ยงใส่หน้าอีกฝ่ายที่สุด

                   

                    ฮยอนซูเดินเอามือล้วงกระเป๋าเงียบๆ ยุนโซจุนก้มหน้าก้มตาเดินไม่พูดจาไม่ต่างกับเขา กระทั่งพวกเขาขึ้นและลงจากรถเมล์ก็ยังไม่มีใครปริปาก บ้านของครอบครัวยุนอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์นัก สุดท้ายสองคนมาถึงหน้าบ้านของโซจุนโดยไม่มีคำพูดใดๆ หลุดจากปาก

                    ไม่เห็นนายจะคืนดีวีดี ในที่สุดฮยอนซูเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน นมสดก็ไม่ได้ซื้อ ฮีทเตอร์ก็ไม่ได้ไปเอา

                    เจ้าของบ้านขบริมฝีปากท่าทางว้าวุ่นใจ

                    หลบหน้าฉันทำไม มือกีตาร์กอดอกถามตรงๆ ยุนโซจุนเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น เขาจึงย่อตัวลงยื่นหน้าเข้าไปเงยหน้าสบกับนัยน์ตากลมโตหลังกรอบแว่นของอีกฝ่ายเล่นเอาฝ่ายนั้นตกใจเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน

                    ไม่ได้หลบซักหน่อย เนิร์ดน้อยปฏิเสธเสียงค่อย

                    ฮยอนซูฟังคำแก้ตัวแล้วแค่นหัวเราะดังหึ เขาฉวยข้อมือคนตรงหน้ามาจับไว้แน่น ยุนโซจุนทำหน้าตื่น เด็กหนุ่มรุ่นพี่พยายามสลัดมือเขาทิ้ง แต่ฮยอนซูยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย

                    ชีพจรเต้นเร็วเชียวนะ เขาตั้งข้อสังเกตก่อนจะเหยียดยิ้มให้อีกฝ่าย ตื่นเต้นอะไร? ใจเต้นเรื่องอะไร?

                    เฮ้ย! พวกนายนี่มันยังไง!?” โซจุนแงะนิ้วฮยอนซูออกจากข้อมือตัวเองแล้วเอ็ดคนตรงหน้าเสียงเขียว กยองจงก็คน นายก็อีกคน จะคาดคั้นอะไรจากฉันนักหนา!?” เขาแยกเขี้ยวขู่แฟ่ๆ ก่อนค่อยร่ายคำตอบใส่อีกฝ่ายชุดใหญ่

    ฟังนะ อีฮยอนซู! ฉันยอมรับก็ได้ว่าอยู่กับนายแล้วฉันใจเต้น แต่นายต้องยอมรับด้วยว่านายบังเอิญหน้าเหมือนพี่มยองซูของฉัน ดังนั้นฉันไม่ได้ใจเต้นเพราะนายแต่เต้นเพราะใครอีกคนที่หน้าเหมือนนาย ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายนะเว้ย! ได้คำตอบก็กลับบ้านไปหาดาซมได้แล้ว ขอบใจที่อุตส่าห์เสนอหน้ามาส่ง!”

    ฮยอนซูใช้สองมือประคองแก้มยุนโซจุนให้จ้องตากับเขา

    มองหน้าฉัน เด็กหนุ่มสั่งเสียงเฉียบ มองดีๆ แล้วตอบมาว่านายเห็นอีฮยอนซูหรือคิมมยองซู

    โซจุนกลืนน้ำลายเอื๊อก เขาหลุบตาลงต่ำจึงถูกไอ้จอมมารล็อกมือแน่นเข้าอีก โอ๊ย! มองก็มอง!” เด็กหนุ่มร้องแล้วค่อยๆ เลื่อนนัยน์ตาขึ้นสบกับเจ้าของฝ่ามืออุ่นบนสองแก้ม

    ขอบตาอีฮยอนซูเรียวเล็ก นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทั้งสองข้างจ้องตรงมายังเขา เขาไม่เคยใกล้ชิดพี่มยองซู ไม่รู้ว่าคนๆ นั้นมีดวงตาสีน้ำตาลเข้มอย่างดวงตาคู่นี้ของอีฮยอนซูมั้ย เขาไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พิสูจน์หรือไม่ แต่เขาแน่ใจว่าพี่มยองซูคงไม่มีวันมองเขาได้อย่างที่อีฮยอนซูกำลังมอง (ก็อีกฝ่ายเป็นไอดอล ส่วนเขาเป็นแฟนบอยนะเฮ้ย!)

    หัวใจโซจุนเต้นแรงกว่าที่เคย เขารู้สึกเขินจนไม่อาจสู้สายตาคมกริบคู่นั้นได้อีกต่อไป เด็กหนุ่มฝืนเบือนหน้าหนี และอีฮยอนซูก็ปล่อยให้เขาทำตามใจ

    เป็นยังไง มือกีตาร์กอดอกถามอีกฝ่าย คนที่อยู่กับนายตรงนี้ นายเห็นเป็นใคร อีฮยอนซู? คิมมยองซู?

    อ-อี... โซจุนทำปากขมุบขมิบ

    ว่าไงนะ ฉันไม่ได้ยิน?

    อีฮยอนซู! อีฮยอนซู! อีฮยอนซู! ชัดพอรึยัง พอใจรึยัง!?” เด็กหนุ่มตะโกนใส่หูคนกวนประสาท เขาหันหลังขวับให้ไอ้จอมมารซึ่งยืนอมยิ้มเป็นไอ้บ้าอยู่หน้าบ้าน เปิดประตูเข้าบ้านและกระแทกปิดโดยไม่กล่าวลา แม่ยื่นหน้ามาถามเขาว่าฮยอนซูมาส่งเหรอ แต่เขากระทืบเท้าปึงๆ กลับเข้าห้องไปโดยไม่ตอบ

                    โซจุนเห็นชัดเจนแล้วว่าอีฮยอนซูไม่เหมือนพี่มยองซูของเขาเสียทีเดียว (อันที่จริงไม่ต้องชัดขนาดนี้ก็ได้)  แต่เด็กหนุ่มไม่เข้าใจ

                    ไม่เข้าใจว่าเมื่อเรื่องเป็นอย่างนั้น ทำไมหัวใจของเขากลับเต้นแรงยิ่งกว่าเก่าเสียอีก

     

                    “โซจุนนี่แอ๊บใสเพราะไม่อยากยอมรับความจริงละสิ” กยองจงจิกกัดโซจุนอย่างหมั่นไส้ สองคนนั่งด้วยกันในห้องซ้อมใต้ดินเพียงลำพัง อันกูจองฮวาคนอื่นๆ กำลังเดินทางมาจากบ้าน “ฉันบอกแล้วไงว่าโซจุนนี่น่ะชอบฮยอนซู”

                    เนิร์ดน้อยทำตาขวางใส่อีกฝ่าย นายไปรู้ดีมาจากไหน ทำอย่างกับตัวเองรู้จักความรักดีนักแหละ

                    ฉันรู้จักนะ มือคีย์บอร์ดอมลมแก้มตุ่ย ฉันรู้จักความรัก ถึงจะไม่ได้รู้จักดี แต่ฉันก็มีคนที่ยอมรับว่ารู้สึกดีๆ ด้วยก็แล้วกันกยองจงพูดจบแล้วออกจะประหลาดใจตัวเอง เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครกระทั่งฮาจินซึ่งเป็นเพื่อนสนิท อยู่กับเพื่อนๆ แล้วกยองจงสบายใจแต่ไม่วายต้องเก็บงำความรู้สึกบางอย่าง โซจุนนี่เป็นคนนอก ทั้งขี้โวยวาย และทำตัวเป็นเด็ก แต่น่ารัก ซื่อใส และเป็นคนจริงใจ กยองจงคุยกับอีกฝ่ายแล้วสบายใจจึงเล่าเรื่องของตัวเองออกไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ ร่างเล็กยกมือเกาท้ายทอยแก้ขวยแกรกๆ ยุนโซจุนเป็นซะอย่างนี้ เขาไม่แปลกใจว่าทำไมฮยอนซูจึงสนใจในตัวอีกฝ่ายนักหนา

                    โซจุนทำตาโต เขากระโดดเข้าไปนั่งข้างกยองจงและเขย่าแขนถามรุ่นน้องอย่างสนอกสนใจ ใครอะ!?”

                    ร่างเล็กรูดซิปปากไม่ยอมตอบ

                    ซอกยองจง นายจะหลอกให้ฉันอยากแล้วจากไปไม่ได้นะ!”

                    กยองจงก้มหน้าซ่อนพวงแก้มซับสีระเรื่อ

                    บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ในห้องมีแค่เราสองคน ฉันสัญญาจะไม่ไปบอกใครต่อ

                    มือคีย์บอร์ดเงยหน้าขึ้นมองโซจุนอย่างชั่งใจ เขาตั้งเงื่อนไขกับอีกฝ่ายว่าต้องเลิกทำปากแข็งยอมรับกับเขาก่อนว่าชอบฮยอนซูของพวกเขาเข้าแล้วจริงๆ

                    โซจุนอ้าปากค้าง ก็ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ชอบไง!”

                    กยองจงหรี่ตาจ้องรุ่นพี่อย่างคาดคั้นจนในที่สุดอีกฝ่ายยอมโบกธงขาวและบ่นพึมพำงึมงำว่าก็ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เกลียดหรอก มือคีย์บอร์ดฟังเสียงบ่นงุ้งงิ้งแล้วยกมุมปากอมยิ้ม เขาถอนหายใจแล้วบอกคำตอบอีกฝ่ายตามข้อแลกเปลี่ยน คนที่ฉันชอบน่ะ...

                    เนิร์ดน้อยรอฟังหูผึ่ง

                โซจุนนี่ไม่เคยเจอหรอก

     

                    ฮาจินนั่งนิ่งไม่ไหวติง เขาโกรธตัวเองที่นึกสนุกซ่อนตัวในเงามืดบนบันไดขั้นแรกสุดแอบฟังเพื่อนสนิทกับผู้จัดการวงคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบ มือของเขาเย็นเฉียบ เด็กหนุ่มค่อยๆ ชันเข่าลุกขึ้น หมุนลูกบิดแง้มประตูเปิดโดยระวังไม่ให้เกิดเสียงแล้วแทรกตัวออกไป

                    ร่างสูงจากห้องซ้อมไปอย่างไร้จุดหมาย เขาสวนกับใครคนหนึ่งซึ่งย้อนกลับมาคว้าไหล่เขาและถามว่ามองไม่เห็นเขาจริงๆ เหรอ ฮาจินเงยหน้าขึ้นสบตากับฮยอนซู เขาขมวดคิ้วจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์

                    ปล่อย มือเบสปัดมือที่ไหล่ออกแล้วเดินต่อ

                    นายจะไปไหน อีกเดี๋ยวจะได้เวลาซ้อมแล้วนะ จีฮยอกกับโดอิลก็ใกล้ถึงแล้วเพื่อนร่วมวงตะโกนถามไล่หลัง

                    เรื่องของฉัน!” เขาตะโกนตอบอย่างหัวเสียแล้วกระแทกเท้าแรงขึ้น เดี๋ยวฉันอยากกลับก็กลับไปเองแหละ!” ฮาจินไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเขามั้ย กว่าจะพูดจบคำสุดท้ายเขาก็เดินจากมาไกลแล้ว เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนบันไดทางขึ้นร้านอินเตอร์เน็ตร้านหนึ่ง เขาปลดกระเป๋าเบสมาตั้งกับพื้นเพื่อเท้าแขนและมองเหม่อไปยังกำแพงสกปรกๆ ของบ้านฝั่งตรงข้ามอยู่นานสองนาน

                    เมื่อเปิดประตู้องซ้อมและเดินลงบันได ฮาจินเห็นทุกคนกำลังฟังโซจุนสอนการบ้านอยู่ กยองจงเห็นเขาเข้าก็เอ่ยทักและบ่นว่าทำไมถึงมาช้านัก เด็กหนุ่มไม่ตอบ เขาเดินไปปลดประเป๋าเบสจากไหล่วางลงบนแอมป์ตัวหนึ่ง

                    ทุกคนนั่งล้อมกันเป็นวง ต่างคนต่างมีสมุดการบ้านวางตรงหน้า บางคนตั้งใจฟัง แต่เขาเห็นส่วนใหญ่เท้าคางเบื่อๆ ฮาจินมองโซจุนสลับกับฮยอนซู ยิ่งเห็นเพื่อนร่วมวงเย้าแหย่รุ่นพี่ต่างโรงเรียนสนุกสนานก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา เขาเดินตรงฝ่าคนอื่นเข้าไปหาผู้จัดการวง พูดกับอีกฝ่ายสั้นๆ ว่า “โซจุนนี่เป็นแฟนกับฉันเถอะ” แล้วก็โน้มลงจุมพิตอีกฝ่ายโดยไม่รอฟังคำตอบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×