คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [JSUWIWS] Chapter 13
Chapter 13
โซจุนเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน พ่อแม่ประคบประหงมเขามาแต่ไหนแต่ไร เขาเคยทะเลาะกับพี่ชายบ้าง แต่เพราะพี่โตกว่าหลายปีจึงยอมให้เขาเสมอ โซจุนไม่มีเพื่อนสนิทให้โกรธกัน มีแต่เพื่อนร่วมห้องที่นานๆ ครั้งจึงจะอ้าปากปะทะคารมกันพอกรุบกริบ พวกเขามักเถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นเรื่องเวรทำความสะอาดหรือเรื่องยืมการบ้านไปลอกแล้วไม่ส่งให้ เรื่องพวกนี้โมโหใส่กันประเดี๋ยวเดียวแล้วเสียเวลาเคลียร์กันนิดหน่อยก็หาย สรุปคือโซจุนแทบไม่มีประสบการณ์ในการง้อใคร เมื่อถูกอีฮยอนซูโกรธแล้วเมินใส่ต่อหน้าต่อหน้าเขาถึงออกอาการไปไม่เป็น
ไอ้จอมมารคุยเรื่องโน้ตกับจีฮยอก จิ้มนิ้วไปทั่วแผ่นกระดาษและพูดถึงคอร์ดตรงนั้นโน้ตตรงนี้โดยไม่แม้แต่จะชายตามองมาทางเขา โซจุนยืนซึม รู้สึกเศร้าจนอยากจะร้องไห้ออกมา พวกอันกูจองฮวามองโซจุนสลับกับมือกีตาร์ ในที่สุดหัวหน้าวงตัดสินใจขัดจังหวะเพื่อนสนิทด้วยการฉวยโน้ตไปถือไว้และสั่งให้ฮยอนซูไปคุยกับผู้จัดการวงให้รู้เรื่องรู้ราว
“พูดเรื่องอะไร?” เจ้าชายน้ำแข็งถามหน้าตาย
จีฮยอกถอนหายใจหน่ายๆ เขาหันไปพูดกับโซจุนซึ่งพูดง่ายกว่าแทน “เอ้า ยุนโซจุน อยากจะพูดอะไรก็พูด”
โซจุนกลืนน้ำลายเอื๊อก เขาเห็นท่าทางเย็นชาของไอ้จอมมารแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร คำพูดที่เคยซ้อมไว้จุกอยู่ในคอหอยจนเขาแทบหายใจไม่ออก คนอื่นๆ ในห้องมองเขาอย่างเอาใจช่วย แต่กำลังใจเหล่านั้นถูกตาข่ายชื่ออีฮยอนซูดักไว้หมด มือกีตาร์แสดงออกชัดเจนว่าไม่สนใจจะฟังคำขอโทษใดๆ ไม่ว่าโซจุนจะพูดอะไรสิ่งนั้นจะกลายเป็นเพียงคำแก้ตัวไร้ประโยชน์
ตุบ
เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นและเงยหน้าจ้องตาอีฮยอนซูเขม็ง (แน่นอนว่าอีกผ่ายไม่จ้องตอบ)
เอาวะ วิธีนี้ละ! เขาพยักหน้ากับตัวเองอย่างหนักแน่นในขณะที่อันกูจองฮวาอีกสี่คนที่เหลืองงเป็นไก่ตาแตก
“อยู่ดีๆ ก็เมื่อยรึไง?” นักร้องนำมุ่นคิ้วถามเง็งๆ
โซจุนตวัดสายตาไปจ้องจีฮยอกตาเขียวเพียงแว้บเดียวแล้วหันไปหาอีฮยอนซูต่อ “ฉันขอโทษ” เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจแต่ไม่ว่าอย่างไรก็อยากพูดออกไปสักหนหนึ่ง เด็กหนุ่มพูดจบแล้วนั่งต่อนิ่งๆ
“โซจุนนี่ อย่าบอกนะว่าจะคุกเข่าสำนึกผิด” กยองจงเป็นคนแรกที่เข้าใจว่ารุ่นพี่ต่างโรงเรียนตั้งใจจะทำอะไร
“ฉันจะคุกเข่าสำนึกผิด” โซจุนบอก เขาเลือกจะคุกเข่าแสดงความขอโทษอย่างนี้และตั้งใจจะไม่ลุกไปไหนจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมให้อภัยและพูดกับเขาดีๆ เสียก่อน
“เฮ้ย อย่าเลยน่า เดี๋ยวเข่าก็เสียหรอก” ฮาจินกล่อม
“ช่างฉัน” เด็กหนุ่มดึงดันจะทำ
“ฉันว่าวันนี้ไม่ได้ซ้อมกันอีกแหงๆ” จีฮยอกพูดเซ็งๆ มีคนจ้องจะทรมานตัวเองต่อหน้าต่อตาอย่างนี้ใครจะทำใจร้ายมองข้ามไหว
“ซ้อมไปเถอะ” ผู้จัดการวงบอก “ฉันทนได้ ฉันตั้งใจไว้แล้ว”
“โซจุนนี่” กยองจงเรียกเขาอย่างเห็นใจในขณะที่อีฮยอนซูเมินหน้าหนีไปคว้ากระดาษโน้ตจากมือจีฮยอกคืนมาอ่านและเกาคอร์ดตาม
“ฮยอนซู อย่าใจร้ายไม่เข้าเรื่องน่า” โดอิลบ่นใส่เพื่อนจากที่นั่งหลังกลองชุด
“จะซ้อมไม่ซ้อม?” เจ้าของชื่อเงยหน้าถามเบื่อๆ “ถ้าไม่ซ้อมฉันจะได้กลับ”
สี่คนที่เหลือมองหน้ากันอย่างลำบากใจ ทั้งหมดหันไปมองโซจุนก็เห็นอีกฝ่ายโบกมือให้ “ซ้อมๆ ไปเถอะ” ผู้จัดการวงบอกอย่างไม่ใส่ใจ เขายังคงนั่งคุกเข่าเหยียดหลังตรงแน่วเหมือนเมื่อสองสามนาทีก่อน
“เอาจริง?” ฮาจินเลิกคิ้วถาม
“จริง”
“เมื่อยนะ”
“อย่าทำลายความตั้งใจของคนอื่นได้มั้ย ฉันบอกว่าจะนั่งก็คือจะนั่งไง” โซจุนชักจะหงุดหงิด เฮ้ย นี่เขากำลังง้ออีฮยอนซูอยู่นะ พวกที่เหลืออย่าเจิ๋นไม่เข้าเรื่องได้เปล่า?
เมื่อถูกรุ่นพี่ต่างโรงเรียนหัวเสียใส่ ฮาจินก็หันไปมองกยองจงอย่างกลุ้มใจ ฝ่ายนั้นพยักหน้าให้ราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไร เมื่อจีฮยอกส่งสัญญาณให้เริ่มซ้อม ฮาจินก็ดีดเส้นลวดพลางมองฮยอนซูไม่วางตา ถ้าไม่ติดว่าโซจุนนี่นั่งอยู่นี่เขาจะหันไปคว้ากลองใหญ่ของโดอิลมาทุบหัวเพื่อนร่วมวงให้แบะ
ตั้งแต่ย่างเท้าเข้าห้องซ้อม ไอ้พี่ชายปีศาจของดาซมยังไม่มองโซจุนสักวินาที
คนอะไรใจยักษ์ได้ขนาดนี้
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สิบห้านาที ครึ่งชั่วโมง สี่สิบห้านาที หนึ่งชั่วโมง
สีหน้าโซจุนแย่ลงเรื่อยๆ ขาของเขาปวดไปหมดแต่ยังพยายามนั่งนิ่งๆ ไม่ยุกยิก แม้ฮาจินกับกยองจงจะทั้งขอร้องทั้งบังคับก็ไม่ยอมขยับจากที่ โซจุนคุกเข่านานขนาดนั้นได้เพราะความทิฐิล้วนๆ จริงอยู่ทีแรกเขาต้องการแสดงความขอโทษอีฮยอนซูอย่างจริงใจ แต่หลังเวลาผ่านไปโดยอีกฝ่ายไม่สนใจเขาแม้แต่นิดเดียวเด็กหนุ่มก็ชักจะโมโห เขาเกิดความรู้สึกอยากเอาชนะอีกฝ่ายขึ้นมา อยากรู้นักว่าไอ้จอมมารจะใจแข็งกับเขาได้นานขนาดไหน ถ้าฝ่ายนั้นเห็นคุกเข่าเป็นวันๆ ได้โดยไม่รู้สึกอะไร โซจุนก็จะนั่งเป็นวันๆ ให้ดู
หนึ่งชั่วโมงสิบห้านาที
หนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที
หนึ่งชั่วโมงสี่สิบห้าสิบนาที
สองชั่วโมง
ในที่สุดอีฮยอนซูยอมสบตากับเขา โซจุนไม่ทันตั้งตัวจึงทำตาโตใส่อีกฝ่ายด้วยความตกใจ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็เขม้นมองตอบอย่างดื้อดึง พวกเขาจ้องตากันอยู่นาน สุดท้ายไอ้จอมมารก็ปลดกีตาร์จากบ่าโยนให้หัวหน้าวงแล้วเดินลงส้นมาหาโซจุน ผู้จัดการวงตื่นเต้นจนเผลอกลั้นหายใจ เขาเหลือบเห็นพวกที่เหลืออีกสี่คนก็ทำอย่างเดียวกัน
“ลุกขึ้นได้แล้ว”
โอ๊ย ซึ้ง ประโยคแรกที่อีฮยอนซูพูดกับเขาหลังโกรธกันมาสี่ห้าวันคือ ลุกขึ้นได้แล้ว
“ยกโทษให้รึยังล่ะ?” โซจุนถาม
ฮยอนซูไม่ตอบ เขาก้มลงฉุดแขนอีกฝ่ายให้ลุกจากพื้นแทน โซจุนซึ่งขาไม่มีแรงล้มใส่เขาทันที มือกีตาร์รีบรับร่างนั้นไว้พร้อมกับหันไปส่งสายตาเชิงไล่ใส่พวกที่เหลือ จีฮยอกถอนหายใจเฮือกใหญ่ บ่นเสียงดังระหว่างเก็บกีตาร์ลงกระเป๋าว่า “เห็นมั้ยล่ะ ฉันบอกแล้วว่าวันนี้ไม่ได้ซ้อมหรอก” แล้วกระแทกเท้าออกจากห้องซ้อมไปเป็นคนแรก คนอื่นๆ ทยอยตามออกไป กยองจงไม่วายให้กำลังใจโซจุนก่อนผลุบจากประตูว่า “โซจุนนี่ไฟท์ติ้ง!”
โซจุนยิ้มเจื่อนให้มือคีย์บอร์ด อยากตอบใจจะขาดว่าฉันจะเอาอะไรไปไฟท์กับไอ้จอมมารมันได้ แค่เห็นทุกคนออกจากห้องซ้อมไปทีละคนๆ จนเหลือแค่เขากับฮยอนซูใจก็แป้วแล้ว อยู่เป็นเพื่อนกันหน่อยไม่ได้หรือไง จะไปไหนกันเนี่ย!?
เมื่ออยู่กันตามลำพัง ฮยอนซูช้อนตัวโซจุนขึ้นแล้วอุ้มไปหาโซฟา (โดนตะโกนว่า “เฮ้ย! ปล่อยฉันนะ!” ใส่หูไปหนึ่งดอก) เมื่อจัดให้อีกฝ่ายนอนเหยียดขาเรียบร้อยแล้วเขายื่นขาเกี่ยวเก้าอี้มานั่งกอดอกไขว่ห้างมองหน้าฝ่ายนั้นนิ่ง
“ทำไมทำอย่างนี้” เขาถาม
“ก็ฉันไม่รู้จะทำยังไง พูดขอโทษไป คนอย่างนายก็คงไม่ฟัง” โซจุนทำใจดีสู้เสือ
“คนอย่างฉันมันเป็นยังไง มันใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ขนาดนั้นแหละ ก็กะแค่หน้าฉันนายยังไม่ยอมมองเลย”
ฮยอนซูเถียงไม่ออก
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปโซจุนพ่นลมออกจมูกดังหึ เขากระตุกมุมปากลอบยิ้มอย่างผู้ชนะ แต่ถูกมือกีตาร์เห็นเข้าจึงเสมองเพดานห้องมอมๆ อีฮยอนซูคงเห็นเขาได้ใจจึงถามแทงใจดำขึ้นมา “ที่ขอโทษนี่ขอโทษเรื่องอะไร”
“อ่า” โซจุนอึกอัก
ไอ้จอมมารรอฟังคำตอบเงียบๆ
“อย่ามาทำไก๋! ฉันรู้ว่านายรู้!” เด็กหนุ่มไม่ยอมตอบ
“ฉันไม่รู้”
“รู้สิ! เรื่องวันก่อนโน้นยังไงล่ะ!”
“วันก่อนไหน”
โซจุนเม้มปาก เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหลอกให้เขาพูดจึงปิดปากเงียบ จ้างให้ก็ไม่พูด ทุกประโยคที่ซ้อมมามีแต่คำพูดน่าอาย แค่พูดคำว่าขอโทษออกไปได้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว
“จะไม่พูด?”
“เออ! ก็นายรู้อยู่แล้ว!”
“ดี ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ยกโทษให้”
“ไรวะ!?”
“จะขอให้ยกโทษเรื่องอะไรก็บอกมาตรงๆ คนฟังเขาจะได้รู้ว่ารู้ตัวแน่รึเปล่าว่าทำอะไรผิด”
โว้ย! ไอ้หมอนี่จะยอมให้เขาถือไพ่เหนือกว่านานกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้! เด็กหนุ่มถลึงตาพลางด่าอีกฝ่ายในใจแล้วพลิกตัวนอนตะแคงเพื่อหนีสายตาคาดคั้นของไอ้จอมมาร
แต่เขานอนทับขาตัวเองได้สามวินาทีก็หันกลับมานอนแบ็บท่าเดิม
เจ็บบบ
ฮยอนซูเลิกคิ้วมองคนบนโซฟา เมื่อนึกได้ว่าโซจุนคงจะเจ็บขาสีหน้าเฉยชาก็ค่อยอ่อนลง เขาย้ายเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ แขนโซฟาฟากที่อีกฝ่ายใช้พาดขา ถอดรองเท้าผ้าใบและถุงเท้าของโซจุนออกแล้วนวดเท้าและขาให้อย่างเบามือ มือกีตาร์มองหน้ารุ่นพี่ดุๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้าปากจะโวยวาย
“เจ็บนะ” แม้จะถูกปรามด้วยสายตาทว่าเนิร์ดน้อยไม่วายบ่น
“ทำตัวเอง” ฮยอนซูตอกกลับ
โซจุนทำปากยื่น รู้สึกเซ็งไอ้ขี้เก๊กอย่างสุดซึ้ง ถามหน่อยว่าต้องคุกเข่าตั้งสองชั่วโมงเพราะใคร? จะใจอ่อนยอมให้เร็วกว่านั้นก็ไม่ได้ ไอ้ใจหิน!
เด็กหนุ่มนอนหลับตานิ่งๆ ให้คนใจยักษ์นวดให้โดยไม่ปริปากพูดอะไร ขณะกำลังรู้สึกสบายจนแทบจะเคลิ้มหลับไปอีกฝ่ายก็หยุดมือ เขาลืมตาขึ้นมองมือกีตาร์งงๆ
“ฉันกลับล่ะ” ฝ่ายนั้นบอก
โซจุนเง็งสุดขีด
“เดี๋ยวก่อนดิ!”
เด็กหนุ่มเรียกตัวไอ้จอมมารไว้ก่อนอีกฝ่ายจะเดินจากไป
“มีอะไร” อีฮยอนซูเยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงถามเขา “เกลียดฉันไม่ใช่รึไง? พอดีฉันเพิ่งระลึกได้เลยคิดว่าน่าจะไปซะดีกว่า”
โซจุนกลอกตาอย่างระอา จะฟังให้ได้สินะ เขาคิด จะบังคับให้ฉันพูดให้ได้สินะ! เขาเท้าศอกยันตัวลุกขึ้นนั่ง สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วหลับหูหลับตาโพล่งออกไป
“ฉันขอโทษที่ปากไว ขอโทษที่พูดไม่คิด ที่จริงแล้วฉันไม่ได้เกลียดนาย!”
ในห้องซ้อมใต้ดินเงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากสิ่งมีชีวิตหน้าตาดีแต่ขี้เก๊กไม่เข้าเรื่องชื่ออีฮยอนซู เมื่อลืมตาขึ้น โซจุนพบอีกฝ่ายกลับมานั่งส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขาจากเก้าอี้ตัวเดิม
“เฮ้ย!” เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง ถามคำถามไร้สาระออกไปว่า “นายเป็นนินจาเรอะ!?”
ทว่าอีฮยอนซูไม่สนใจ
“ไม่ได้เกลียดแล้วคิดยังไง?” ฝ่ายนั้นถาม
“ไม่ได้เกลียดมันจะแปลว่าอะไรได้ล่ะ!?”
“พูดสิ”
“ไม่พูดเว้ย! นายก็รู้อยู่แล้ว คราวก่อนยังเป็นฝ่ายพูดออกมาเองอยู่เลย”
“ใช่ เพราะฉะนั้นอย่าเอาเปรียบกัน ฉันพูดไปแล้ว ทีนี้ตานายพูดบ้าง”
“พูดอะไร?” โซจุนทำไขสือบ้าง
“อย่ามากวนประสาทนะ”
“โอ้โหเฮ้ย กล้าว่าคนอื่นเนอะ”
ฮยอนซูขบริมฝีปากล่างข่มอารมณ์ เขาจ้องหน้ายุนโซจุนซึ่งจ้องตอบกลับมาอย่างท้าทาย เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีมาแค่นหัวเราะดังหึ เขาหันกลับไปมองและถามคำถามอีกฝ่ายเรียบๆ อีกหนหนึ่ง “สรุปว่าจะไม่พูด?”
โซจุนแลบลิ้นให้แทนคำตอบ แล้วจู่ๆ มือกีตาร์ก็ขยับเก้าอี้เข้ามาชิดโซฟาและจ้องตาเขาตรงๆ
หัวใจเนิร์ดน้อยถึงกับเต้นผิดจังหวะ มันกระตุกไปวูบหนึ่งจากนั้นจึงรัวตุ้บตั้บในอกเป็นจังหวะแทงโก้ (หรือละติน?) (หรือ 8บีท?) (โว้ย! จะอะไรก็ช่างแม่งเถอะ!) เขาพอจะเดาได้ว่าอีกประเดี๋ยวจะเกิดอะไรขึ้น
หมับ
อีฮยอนซูใช้สองมือประคองแก้มเขาเหมือนที่เคยทำที่หน้าบ้านเมื่อชาติก่อนโน้น
นั่นไง! ซื้อหวยทำไมไม่ถูกวะ!
“จะพูดไม่พูด?” มือกีตาร์ถามซ้ำ
“ก็บอกว่าไม่ได้เกลียดไง!”
“ไม่ได้เกลียดแล้วชอบหรือไม่ชอบ”
“ชอบ!”
“ก็แค่นั้นแหละ” ฮยอนซูปล่อยมือจากโซจุนแล้วลุกไปหยิบกระเป๋ากีตาร์สะพายไหล่ก่อนเดินไปปิดไฟในห้อง “จะนั่งอีกนานมั้ย?” เด็กหนุ่มถามอีกฝ่าย “กลับบ้านได้แล้ว”
โซจุนงงอย่างแรง เขานึกว่าจะถูกคาดคั้นให้พูดจาชัดเจนกว่านี้แต่อยู่ดีๆ อีฮยอนซูก็ไล่ให้เขากลับบ้านเสียเฉยๆ
“จะนอนเฝ้าห้องซ้อมใช่มั้ยฉันจะได้ไปก่อน”
เนิร์ดน้อยรีบลุกขึ้นยืน ขาของเขายังไม่หายปวดดีนักจึงเดินโขยกเขยก ไอ้จอมมารก้าวเท้าเข้ามาคว้าแขนเขาไปพาดไหล่และช่วยพยุงตัวขึ้นบันได “ฉันจะไปส่งที่บ้าน” ฝ่ายนั้นบอกแล้วกระชับมือซึ่งจับแขนเขาแน่นแทนคำสั่งไม่ให้ปฏิเสธ พวกเขาเดินเคียงกันไปตลอดทาง มีหยุดพักบ้างเมื่อฮยอนซูเห็นโซจุนท่าทางจะไม่ไหว ทุลักทุเลนิดหน่อยยามต้องขึ้นลงรถเมล์ คืนนั้นทั้งสองคนใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติครึ่งค่อนชั่วโมงจึงจะพากันไปถึงบ้านตระกูลยุน
“ขอบใจ” โซจุนพึมพำบอกขอบคุณทว่าอีฮยอนซูกลับเอาแต่มองเขาเงียบๆ “อ-อะไรของนาย” หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“หลับตาซะ”
“หา? ให้หลับเพื่อ?”
“จะหลับไม่หลับ?”
“ไม่หลับเว้ย!” พอถูกถามกวนๆ เป็นรอบที่ล้านของวัน เด็กหนุ่มก็ของขึ้นจนต้องส่งเสียงดังขึ้นมาอีก
“ตามใจนาย” ฮยอนซูเหยียดยิ้มแล้วโน้มตัวจุมพิตโซจุนไม่มีปี่มีขลุ่ยจนเขาต้องหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ ริมฝีปากมือกีตาร์ซึ่งแนบบนเรียวปากของเขากระตุกเบาๆ โซจุนเดาว่าอีกฝ่ายคงหัวเราะขำเขา เขาอยากลืมตาขึ้นแล้วอ้าปากโวยวาย แต่สุดท้ายกลับทำได้เพียงเอียงใบหน้ารับสัมผัสชวนฝัน ฮยอนซูทั้งฉกชิมและเฝ้าประทับจูบเขาซ้ำๆ โซจุนต้องยกมือปิดหน้าเพื่อซ่อนใบหน้าแดงก่ำเมื่ออีกฝ่ายอ้อยอิ่งถอนริมฝีปากออก
“ฉันชอบนาย” ฮยอนซูกระซิบข้างใบหูเขาทำเอาโซจุนตัวสั่น ไม่นึกฝันว่าอีกฝ่ายจะพูดให้ได้ยินอีก
“นายล่ะ?”
เด็กหนุ่มยังไม่ทันตอบก็ได้ยินเสียงที่ได้ยินอยู่ทุกวันดังขึ้นจากข้างหลัง
“ทั้งสองคนทำอะไรกัน”
“คุณน้า...”
“แม่...”
ฮยอนซูและโซจุนมองต้นเสียงอย่างตกใจ
ความคิดเห็น