คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [JSUWIWS] Chapter 10
Chapter 10
เย็นวันนั้นอันกูจองฮวาไม่ได้ซ้อมดนตรี ห้องซ้อมแปรสภาพเป็นสนามมวยชั่วคราว ข้าวของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นไปหมด
เมื่อถูกขโมยจูบ โซจุนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เขายังไม่ทันผลักฮาจินออก ฮยอนซูก็กระชากไหล่อีกฝ่ายให้หันไปหาและประเคนหมัดขวาใส่หน้าเพื่อนร่วมวงเต็มแรงเสียก่อน ฮาจินเซถอยหลังไปชนโต๊ะและเก้าอี้ล้ม เมื่อตั้งหลักได้ก็พุ่งเข้าไปสวนกำปั้นใส่ฮยอนซูที่ตำแหน่งเดียวกันจนอีกฝ่ายเสียหลักล้มลงกองกับพื้นและก้าวตามไปอย่างหาเรื่อง ฮยอนซูลุกพรวดขึ้นพร้อมจะกระโจนเข้าใส่ โซจุนได้แต่นั่งมองตาค้างในขณะที่กยองจงร้องห้ามเสียงดัง “หยุดนะ!” ร่างเล็กกระโดดเข้าไปกอดยื้อฮาจินจากด้านหลังพร้อมๆ กับที่โดอิลและจีฮยอกช่วยกันรั้งแขนฮยอนซูไว้คนละข้างก่อนมือกีตาร์จะปล่อยหมัดใส่ฮาจินอีก
“ปล่อย!” สองคนที่มีเรื่องกันต่างหันไปตะคอกใส่คนห้าม
“ฮาจิน!” มือคีย์บอร์ดตะโกนชื่อเพื่อนสนิทเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย “คิมฮาจิน!”
เจ้าของชื่อหยุดชะงักราวกับถูกปิดสวิตช์ เขาเหลียวหลังกลับไปมองกยองจงก็พบอีกฝ่ายจ้องตรงกลับมาด้วยสายตากล่าวโทษ เขาลืมหายใจไปชั่วขณะจนกระทั่งเพื่อนสนิทปล่อยมือจากเขา ฮาจินพรูลมหายใจออกมาและสูดหายใจเข้าไปใหม่ ตามองตามกยองจงซึ่งเดินอ้อมจากข้างหลังมายืนตรงกลางระหว่างเขากับฮยอนซู มือคีย์บอร์ดเองไม่ละสายตาจากเขา อีกฝ่ายยืนเงียบอยู่พักใหญ่ก่อนค่อยเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ขอโทษพี่โซจุนซะ แล้วก็ขอโทษฮยอนซูด้วย”
ฮาจินเลิกคิ้วเมื่อได้ยินสรรพนามไม่คุ้นหู มือเบสหันไปมองยุนโซจุน เห็นอีกฝ่ายกะพริบตามองกยองจงปริบๆ สีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน
“โซจุนนี่...”
โซจุนสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกคิมฮาจินเรียกชื่อ หางตาเหลือบเห็นฮยอนซูพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากโดอิลกับจีฮยอก เขามองหน้ามือเบสได้แวบเดียวก็ก้มหน้าหลบสายตาพลางขบริมฝีปากตัวเอง ทั้งโกรธทั้งอายทั้งอยากร้องไห้ โซจุนยกหลังมือขึ้นเช็ดปาก เขาถูมันแรงๆ สองสามครั้งก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับไปฉวยกระเป๋าเป้แล้วเดินแทรกคิมฮาจินกับกยองจง ก้าวฉับๆ ขึ้นบันไดจากไป
“ฉันจะไม่มาที่นี่อีก!” เขาทิ้งท้ายก่อนจะกระแทกประตูห้องซ้อมปิด
“โซจุน!” ฮยอนซูตะโกนเรียก เขาสลัดมือเพื่อนร่วมวงสองคนทิ้ง มองฮาจินตาขวาง “เพราะนายคนเดียว” เด็กหนุ่มกระซิบลอดไรฟันแล้ววิ่งตามยุนโซจุนไปติดๆ
ฮยอนซูเหวี่ยงประตูปิดดังโครม คนอื่นๆ ยกเว้นฮาจินได้แต่มองตามแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เป็นบ้าอะไรหา? คิมฮาจิน?” หัวหน้าวงเอามือเท้าสะเอวข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งยกขึ้นนวดขมับถามอย่างกลัดกลุ้ม
ฮาจินทำสีหน้าปั้นยาก เขาเอ่ยปากขอโทษจีฮยอกและโดอิล แต่กลับรูดซิปปากสนิทเมื่อสบตากับกยองจง อีกฝ่ายจ้องเขานิ่ง เขาจึงจ้องตอบอย่างไม่ยอมกัน
นักร้องนำเห็นปฏิกิริยาของสองคนแล้วพรูลมหายใจออกมาอีก
“ฉันกลับละ” จีฮยอกก้มหยิบสมุดการบ้านซึ่งยังทำไม่เสร็จจากบนพื้นก่อนจะเดินไปหยิบกีตาร์เก็บใส่กระเป๋า “โดอิล ไปกัน”
มือกลองพยักหน้ารับและเก็บเฉพาะของๆ ตัวเอง “นายเป็นคนก่อเรื่อง เก็บห้องด้วยล่ะ” โดอิลชี้นิ้วไปตามข้าวของต่างๆ บนพื้นแล้วเดินตามเพื่อนขึ้นบันได
ในห้องซ้อมจึงเหลือเพียงฮาจินกับกยองจง
มือคีย์บอร์ดถอนหายใจ
“เป็นบ้าอะไรหา? คิมฮาจิน?” กยองจงยกประโยคของหัวหน้าวงมาถามซ้ำทั้งดุ้น เขาหันไปพูดกับอีกฝ่ายแต่ฮาจินกลับเดินหนีไปก้มลงคว้าเก้าอี้ที่นอนแอ้งแม้งกับพื้นขึ้นตั้งโดยไม่ตอบ
“ฮาจิน” ร่างเล็กเรียกซ้ำ “นี่ คิมฮาจิน”
ฮาจินไม่ตอบ เขากระแทกเก้าอี้อีกตัวดังโครม
กยองจงขมวดคิ้วมองแผ่นหลังเพื่อนสนิทอย่างข้องใจ เขาไม่ชินกับการถูกฮาจินเมินใส่ (แต่ชินซะแล้วกับการที่อีกฝ่ายทำตัวไม่มีเหตุผล) เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง
“ก็ได้” มือคีย์บอร์ดยกมือยอมแพ้ “ไม่พูดก็ไม่พูด เก็บของให้เสร็จไปคนเดียวก็แล้วกัน วันพรุ่งนี้อย่าลืมไปขอโทษโซจุนนี่กับฮยอนซู คนเดียว ด้วยล่ะ” เขาเอื้อมมือฉวยกระเป๋าเป้มาสะพายไหล่ เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินอ้อมหลังเพื่อนซึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ เก็บของไปขึ้นบันได
ฮาจินเงยหน้าขึ้นมองตามก่อนจะเดินตามร่างเล็กเงียบๆ ไปยืนซ้อนหลังและยกมือดันบานประตูไว้เมื่ออีกฝ่ายหมุนลูกบิดดึงประตูเปิด
“เฮ้ย!” กยองจงร้องลั่น หันหลังไปก็เห็นฮาจินก้มลงมองเขานิ่ง “ไอ้บ้า! ตกใจหมด!”
“ซอกยองจง”
“อ-อ-อ-อะไร”
“นายชอบใคร?”
“หา? ฉันชอบใคร?” มือคีย์บอร์ดทวนคำถาม งงเป็นไก่ตาแตก “พูดเรื่องอะไร ใครชอบใครวะ!?”
ฮาจินแค่นยิ้ม “คนที่นายชอบ คนที่โซจุนนี่ไม่รู้จัก” เขาบอกพลางยกมืออีกข้างขึ้นยันบานประตูขังอีกฝ่ายไว้ในวงแขน “คือใคร ฉันรู้จักมั้ย ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เคยเล่าให้ฉันฟัง แล้วคนอื่นรู้เรื่องรึเปล่า” ร่างสูงถามเพื่อนสนิทเป็นชุด
กยองจงเบิกตากว้าง ริมฝีปากอ้าค้างน้อยๆ ด้วยความตกใจ
“ใคร?” ฮาจินถามอีก
“ร-รู้ได้ยังไง?”
“ฉันได้ยินที่นายคุยกับโซจุนนี่”
ร่างเล็กอึ้งไปอึดใจ ผ่านไปสักพักสีหน้าจึงค่อยๆ คลายความสับสน เขาเบือนหน้าหลบสายตาคาดคั้นของอีกฝ่ายทว่าฮาจินลดมือข้างหนึ่งลงมาหมุนคางเขาให้หันไปเผชิญหน้ากันและถามย้ำ
“ใคร?”
กยองจงเงียบไปพักใหญ่ เขาหลุบตามองพื้นอย่างชั่งใจ ในที่สุดเขาถอนหายใจเหมือนปลงตก “ถอยไปยืนคุยดีๆ คุยอย่างนี้ฉันอึดอัด” เด็กหนุ่มว่าพลางดันอกอีกฝ่ายออก
ฮาจินยอมทำตามอย่างว่าง่าย เขาลดมือทั้งสองลงล้วงกระเป๋ากางเกง รอให้เพื่อนสนิทเป็นฝ่ายเดินนำลงบันไดกลับไปนั่งที่โซฟามุมห้องแล้วค่อยเดินตามไปติดๆ กยองจงไม่มองหน้าเขา ฝ่ายนั้นนั่งเท้าคางกับแขนโซฟา สายตามองเหม่อไปยังผนังสีเทา เขากอดอกนั่งรออย่างอดทน รู้ดีว่าอีกไม่นานกยองจงก็จะเอ่ยปากออกมาเอง
“นาย”
“อะไร?”
มือคีย์บอร์ดหันมามองเขานิ่งๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ “ฉันไม่ได้เรียกนาย คิมฮาจิน ฉันให้คำตอบของคำถามเมื่อกี้”
ฮาจินมุ่นคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเพื่อนสนิทพูดอะไรจนกระทั่งผ่านไปประเดี๋ยวหนึ่งจึงต่อเรื่องติด ร่างสูงอึ้งไป เขาพูดไม่ออก ได้แต่จ้องอีกฝ่ายตาค้างจนกยองจงต้องดีดนิ้วเรียกสติดังเป๊าะ
“ฉัน?” เขาถามอย่างไม่อยากเชื่อ “ไหนนายว่าโซจุนนี่ไม่รู้จัก?” มือเบสยังข้องใจ
“ฉันบอกว่าโซจุนนี่ไม่เคยเจอต่างหาก”
“แล้วมันต่างกันตรงไหน”
“ต่างสิ ไม่เข้าใจหรือไง ฉันหมายความว่านายเปลี่ยนไปยังไงล่ะ”
ร่างสูงอึ้ง
“เมื่อก่อนนายไม่เป็นอย่างนี้ นายแค่ชอบหยอกให้ฉันเขิน ไม่ได้เที่ยวกอดหรือจูบใครให้ฉันหึง” กยองจงอธิบาย “พูดจริงๆ นะฮาจิน ฉันเจ็บปวด ฉันไม่เคยหึงใครๆ ที่นายจีบหรือคบด้วย ฉันแค่เจ็บปวดและเสียใจที่นายทำอย่างนั้นกับฉัน นายอาจจะผิดหวังที่เคยบอกชอบฉันแล้วฉันไม่เชื่อ-”
“เดี๋ยว” ฮาจินขัด “ที่เคยบอกว่าชอบน่ะ จำได้ด้วยเหรอ?”
ร่างเล็กถอนหายใจ เขาพูดต่อโดยไม่สนใจจะตอบคำถามนั้นเพราะฮาจินรู้คำตอบอยู่แก่ใจ “นายอาจจะผิดหวังที่เคยบอกชอบฉันแล้วฉันไม่เชื่อ แต่แทนที่นายจะพยายามพิสูจน์ตัวเองให้ฉันมั่นใจว่านายชอบฉันจริงนายกลับเอาแต่ยั่วให้ฉันโกรธ ฉันรู้จักนายมากี่ปีแล้ว ทำไมฉันจะไม่เข้าใจนาย และเพราะฉันเข้าใจ ฉันถึงไม่ยอมทำในสิ่งที่นายอยากเห็น ฉันจะไม่มีวันระเบิดอารมณ์ใส่นาย ไม่มีวันบอกนายว่าฉันหึง เพราะฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น”
กยองจงหยุดสูดอากาศประเดี๋ยวหนึ่งจึงพูดประโยคสุดท้าย
“...ฉันแค่เสียใจ”
ความเงียบปกคลุมห้องซ้อม เพื่อนสนิทสองคนนั่งมองหน้ากันโดยไม่พูดจานานหลายนาที ในที่สุดฮาจินเอื้อมมือไปจะจับมือกยองจงแต่อีกฝ่ายกลับชักมือหนี
“อย่ามาจับ” มือคีย์บอร์ดบอก “ที่ผ่านมาฉันอาจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่ครั้งนี้มันเกินไป นายรู้อยู่แก่ใจว่าฮยอนซูชอบโซจุนนี่แต่ยังทำอย่างนั้นอีก สะกดคำว่าเพื่อนเป็นมั้ยคิมฮาจิน?” เขาสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วโพล่งออกมาอีกคำหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นจากไป
“ฉันผิดหวังในตัวนาย”
กยองจงจากไปแล้ว ในห้องซ้อมของอันกูจองฮวาเหลือฮาจินนั่งไหล่ห่อเพียงคนเดียว
“ยุนโซจุน!”
“อย่าตามมานะ!”
“เรื่องอะไรมาไล่ฉัน นายนั่นแหละหยุดเดี๋ยวนี้ คิดว่าจะวิ่งอย่างนั้นไปได้อีกซักกี่น้ำ!”
“จะกี่น้ำก็เรื่องของฉัน มันหนักหัวใครรึไง!?”
“หัวฉันนี่แหละ!”
“โว้ย! ฉันไม่สน นายกลับไปซะ!”
“ไม่กลับ!”
“บอกว่าอย่าตามมายังไงล่ะ!”
“บอกว่าให้หยุดเดี๋ยวนี้ไงล่ะ!”
โซจุนเหนื่อยแทบขาดใจ เขาวิ่งพลางแหกปากเถียงกับอีฮยอนซูจนลำคอแห้งผาก ลำพังต้องวิ่งหนีอีกฝ่ายซึ่งไวเป็นจรวดก็กินแรงเหลือเกินแล้ว ไอ้จอมมารยังตะโกนไล่หลังหาเรื่องให้เขาต้องตอบโต้อีก โซจุนไม่อยากหยุด เขายังไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นไอ้กร๊วกฮาจินหรือเพื่อนร่วมวงของไอ้กร๊วกฮาจินก็ตาม เสียงฝีเท้าซึ่งไล่ตามมาติดๆ ยิ่งกระตุ้นให้เขาเร่งความเร็วขึ้น ทว่าน่าเสียดายที่โซจุนไม่ใช่นักกีฬา ถึงแม้เขาจะวิ่งเร็วที่สุดในชีวิตแล้วอีฮยอนซูก็ยังกวดตามเขาทันอยู่ดี
“ยุนโซจุน หยุด!” มือกีตาร์คว้าข้อมือเขาหมับ
“ปล่อยฉันนะ!” โซจุนหยุดวิ่ง พยายามสะบัดมือนั้นทิ้งแต่ไม่สำเร็จ ฮยอนซูกำมือแน่นเข้าจนเขารู้สึกเจ็บ เด็กหนุ่มทำหน้าเบ้ เลิกตะโกนเสียงดังและหันมาบ่นออดแอดแทนว่าเจ็บนะ
ฮยอนซูผ่อนแรงลงแต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากเขา ฝ่ายนั้นจ้องหน้าเขาเขม็งจนเขาต้องหลุบตาหลบ มือกีตาร์เห็นแล้วกำมือแน่นขึ้นอีกทีและโซจุนก็มองค้อนอีกฝ่ายทันควัน เขาหลงกลกลง่ายๆ นั้น อีฮยอนซูหลอกให้เขาสบตากับตัวด้วยวิธีแสนง่ายอย่างนี้เอง
โซจุนเบ้ปาก เขารู้สึกแย่ที่ถูกล่อให้ติดกับ รู้สึกแย่ที่อุตส่าห์วิ่งหนีเต็มฝีเท้าแต่สุดท้ายก็ถูกจับ รู้สึกแย่ที่ตัวเองอ่อนหัด รู้สึกแย่ไปหมดจนต้องระบายความอัดอั้นนั้นออกมาดังๆ
“ฉันเกลียดนาย!”
จู่ๆ เด็กหนุ่มตะคอกใส่อีกฝ่าย ฮยอนซูตกใจจนเผลอปล่อยมือและมองเขาอึ้งๆ
“ทำไมนายต้องยุ่งกับฉันด้วย ทำไมนายต้องตามฉันมาด้วย ทำไมนายต้องวิ่งเร็วกว่าฉันด้วย ทำไมนายต้องทำให้ฉันรู้สึกแย่ด้วย ทำไมฉันต้องถูกหมอนั่นจูบด้วย นั่นมัน...นั่นมันจูบแรกของฉัน...ทำไมฉันต้องเสียจูบแรกให้ผู้ชายด้วยกันด้วย!?”
ฮยอนซูมองหน้าโซจุนนิ่ง “ถามครบรึยัง?”
“โอ๊ย!” โซจุนกระทืบเท้าขัดใจ “ทำไมนายต้องกวนประสาทฉันด้วย!?”
“ฉันเปล่ากวน” ฝ่ายนั้นตอบ “ฉันยุ่งกับนายเพราะฉันอยากยุ่ง ฉันวิ่งตามนายมาเพราะไม่อยากให้นายหนีไปทั้งๆ ที่ยังตกใจอยู่ ฉันวิ่งเร็วกว่านายเพราะวันๆ ไม่ได้เอาแต่นั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่กับบ้าน ฉันไม่ได้อยากทำให้นายรู้สึกแย่หรือรู้สึกไม่ดี ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฮาจินจูบนายทำไม และเสียใจมากๆ ที่นายต้องเสียจูบแรกให้หมอนั่น และฉันขอถามนายกลับว่าทำไมนายถึงต้องเสียใจที่เสียจูบแรกให้ผู้ชายด้วย”
โซจุนฟังประโยคสุดท้ายแล้วกลายเป็นฝ่ายอึ้งเสียเอง
“ฉันเป็นผู้ชายนะ” เขาบอก
“แล้วยังไง” ฮยอนซูถามอีก
“ฉันเป็นผู้ชายนะ! ไม่ใช่แค่จูบแรก แต่จูบไหนๆ ของฉันก็ไม่ควรตกเป็นของผู้ชายด้วยกัน ฉันต้องจูบกับผู้หญิงเท่านั้นสิ!”
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “ถ้าเป็นพี่มยองซูคนดีของนายล่ะ?”
“จะบ้าเรอะ!?” เด็กหนุ่มหน้าแดงเถือก “ฉันไม่ได้อยากจูบพี่มยองซู ฉันแค่ชื่นชมเขา!”
“แล้วฉันล่ะ?”
“หา?”
“นายรู้สึกยังไงกับฉัน”
“ฉันเกลียดนาย!”
ฮยอนซูจ้องโซจุนเขม็ง โซจุนตัวเย็นเฉียบราวกับถูกไอ้เจ้าชายน้ำแข็งแช่แข็งเพียงแค่ถูกมอง
“ยุนโซจุน” อีกฝ่ายก้าวเข้ามาประคองใบหน้าเขาให้สบตากับตัวเองอย่างเมื่อคืนนี้ หัวใจโซจุนซึ่งกระตุกรุนแรงตั้งแต่ถูกถามว่ารู้สึกกับฮยอนซูอย่างไรยิ่งเต้นแรงขึ้นอีก “คิด แล้วค่อยตอบว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน ฉันอยากได้คำตอบที่มาจากตรงนี้” มือกีตาร์ปล่อยมือไปเคาะอกข้างซ้ายเขาเบาๆ “ไม่ใช่คำตอบที่มาจากตรงนี้” ฝ่ายนั้นเลื่อนมือจากตำแหน่งหัวใจขึ้นมาจิ้มปากเขาเต็มแรงจนหน้าหงาย
“เจ็บนะ!”
ฮยอนซูไม่โต้ตอบ เขาเพียงแต่กอดอกรอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย
“ถามแบบนี้แปลว่าอะไร อยากให้ฉันตอบว่าชอบนายรึไง!?”
มือกีตาร์มองเขานิ่ง
โซจุนขบริมฝีปากมองตอบอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง เขาไม่ชอบหน้าอีฮยอนซูตั้งแต่แรก คนตรงหน้าดีแต่หาเรื่องเดือดร้อนให้เขาไม่หยุดหย่อน ไม่เคยพูดจาดีๆ กับเขา ไม่เคยเคารพเขา ไม่เคยทำดีกับเขา ทุกครั้งเอาแต่ยั่วโมโหและหาเรื่องให้เขาโกรธเอาๆ
“ฉันเกลียดนาย” เด็กหนุ่มตอบ
เขาเกลียดอีฮยอนซู แม้ว่ากยองจงจะบอกว่าเขาชอบอีกฝ่าย แม้ฮยอนซูจะสอนให้เขาเล่นกีตาร์เป็น จะพูดจาล้อเล่นและตั้งชื่อเล่นทุเรศๆ ให้เขาอย่างที่ไม่มีใครเคยทำกับเขามาก่อนเพราะที่ผ่านมาโซจุนไม่มีเพื่อนสนิท จะทำให้เขาหัวเราะจนท้องแข็ง หรือจะทำให้หัวใจเขาเต้นแรงแทบทุกครั้งในช่วงหลังๆ ที่เจอกัน
แต่โซจุนก็เกลียดอีฮยอนซู
เขาจะชอบอีกฝ่ายได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาต่างก็เป็นผู้ชาย และอีกฝ่ายเองก็เกลียดเขาเหมือนกัน อย่างที่บอกว่าฮยอนซูไม่เคยทำตัวดีๆ กับเขาเลย
“ฉันเกลียดนาย…” โซจุนน้ำตารื้น เขาพูดย้ำอีกครั้งพลางถอดแว่นออกและยกแขนเสื้อปาดน้ำตาทิ้ง
ฮยอนซูมองยุนโซจุนร้องไห้เงียบๆ และค่อนขอดอีกฝ่ายในใจว่าเขาควรจะเป็นฝ่ายต้องร้องไห้ต่างหาก เด็กหนุ่มเจ็บในใจ เขาคาดหวังว่าโซจุนจะรู้สึกตัวว่าพวกเขาทั้งสองคนมีใจตรงกันแต่อีกฝ่ายกลับพูดย้ำๆ ซ้ำๆ ว่าเกลียดเขา
“ดี” ฮยอนซูพูดเสียงเรียบ “ดี ถ้านายรังเกียจ ฉันจะไม่ยุ่งด้วยอีก แม้ว่าฉันจะชอบนาย และนายเองก็ชอบฉันด้วยเหมือนกัน จบอย่างนี้คงพอใจแล้วสินะ” เด็กหนุ่มพูดแล้วหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับไปมองโซจุนอีกเลย
โซจุนยืนอึ้ง
‘ว่ายังไงนะ? นี่อีฮยอนซูเพิ่งสารภาพรักกับเขาใช่มั้ย?’
เขาหันมองรอบตัวช้าๆ แล้วคิดในใจ
อีฮยอนซูเพิ่งจะบอกว่าชอบเขา...ในซอยแคบๆ หน้ากำแพงโทรมๆ บนพื้นมีขยะกองสุมอยู่มุมหนึ่ง...โซจุนรู้สึกหน่วงในอก น้ำตาซึ่งเพิ่งปาดทิ้งไปไหลออกมาอีก
เมื่อคิดหาสาเหตุตลอดทางกลับบ้านจนกระทั่งเปิดประตูห้องเข้าไปทรุดตัวนั่งกับโต๊ะหนังสือ โซจุนก็ได้คำตอบว่าเขาไม่ได้รู้สึกปวดหัวใจเพราะอีฮยอนซูสารภาพรักไม่เลือกที่ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายพูดว่าจะไม่ยุ่งกับเขาอีกทั้งๆ ที่เพิ่งจะบอกว่าชอบเขาเมื่อไม่กี่คำก่อนหน้านั้นและเดินจากเขาไปต่างหาก
จะไม่ยุ่งกับฉันอีกแล้วเหรอ?
โซจุนใจหาย
ไม่เอานะ...
เด็กหนุ่มฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างเสียใจ เขายอมรับกับตัวเองตอนนั้นว่าเขาเองก็ชอบอีฮยอนซู
ความคิดเห็น