ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic-krisyeol : TYPE A ผู้ชายของผม

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนพิเศษ : วันครบรอบ 627

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 889
      11
      15 พ.ค. 60

    TYPE A

    ตอนพิเศษ : วันครบรอบ 627

     

      

     

     

                    อีกเดือนกว่าๆก็จะถึงวันเกิดของหมูหย็องภรรยาเด็กสุดที่รักแล้ว ความพิเศษในปีนี้คงหนีไม่พ้นการพาเที่ยวอิตาลีอย่างที่เด็กน้อยเคยบ่นๆเอาไว้ ว่าอยากจะไปสักครั้ง แต่นั่นอาจจะไม่เพียงพอสำหรับ ว่าที่นักการฑูตคนใหม่

     

                    ชายหนุ่มรู้สึกแบบนั้น.......

     

                    เฟอร์รารี่สีแดงเพลิงสั่งทำพิเศษเมื่อปีที่แล้ว เคลื่อนตัวผ่านเข้ามาภายในรั้วเหล็กขัดมันสีดำสไตล์โมเดิร์น คริส อู๋ ที่นั่งจิบกาแฟอ่านเอกสารเพลินๆในช่วงเย็นก่อนเวลาอาหารค่ำ ชะเง้อคอมองว่าที่ว่าที่นักการฑูตคนสวยที่กำลังเหยียดกายออกมาจากรถพร้อมกับตำราหนังสือมากมายในอ้อมกอด

     

                    เห้อ เวลาเห็นเด็กน้อยตั้งใจทำอะไรสักอย่างนี่มันน่ารักซะจริงเลยน้า....

     

     

                    “วันนี้กลับเร็วเชียว” รีบวิ่งสี่คูณร้อยลงไปหาภรรยาเด็กคนสวยทันที ที่ถูกสายตาเข้มๆแต่น่ารักน่าหยิกทอดมองขึ้นมาเมื่อสักครู่ ตำรานับสิบเล่มที่ขนาดพอๆกับน้องไบเบิ้ล ถูกส่งมาอยู่ในมือของเขาจนแทบจะแบกไม่ไหวส่วนเจ้าของตำราเรียนก็ก้มลงหยิบถุงซุปเปอร์ออกมาจนเต็มสองแขนไปหมด ความจริงก็อยากจะช่วยแบกทั้งถุงทั้งตำราอยู่หรอกนะแต่อายุอานามเขาก็ใช่ว่าจะเพิ่งยี่สิบปลายหรือสามสิบต้นๆเสียหน่อย ปีนี้อีกไม่กี่สัปดาห์เขาก็จะสามสิบหกแล้ว

     

                    แค่ตำราก็หลังจะหักแล้วเนี่ย....  

     

                    “คิดถึงป่ะป๊า” เด็กน้อยวัยใกล้ยี่สิบหันมาจุ้บแก้มสามีคราวลุง ก่อนจะเอ่ยออดอ้อนเสียงหวาน คริส อู๋ คราง อืม สั้นๆอย่างพอใจ ถึงจะชอบวางอำนาจแต่ก็ยังน่ารักเสมอ....

     

                    “อื้มมมม งั้นวันนี้....”

                    “กินอะไรดีครับ หม่าม๊าว่าจะทำต้มจืดมะระ น้ำพริกกะปิ กับทอดไข่ชะอม ป่ะป๊ากินได้มั้ยอ่ะ”

                    “โอ้วววว ทานได้ครับหม่าม๊า” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแม้จะไม่ได้คำตอบที่ตรงใจเท่าไหร่

     

     พวกเขาเดินเข้ามาในตัวบ้านขนาด 3.7 เอเคอร์บนพื้นที่ส่วนตัวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลอสแองเจอลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่ต้องถามว่าบ้านใหญ่ขนาดนี้อยู่กันกี่คน ก็ต้องสองคนสิครับ เรือนหอนี่นา

     

                    “วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง หม่าม๊าดูเหนื่อยนะ เอาน้ำส้มหน่อยมั้ย” คริส อู๋ กล่าว มีภรรยาเด็กก็ต้องหมั่นเอาใจใส่ แม้ว่าคนที่ได้รับปรนนิบัติดีตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน มักจะเป็นเขาก็ตาม ชายหนุ่มไม่ต้องรอให้ภรรยาคนสวยเอ่ยปากรับ เขาก็จัดการเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบจับกล่องน้ำผลไม้ ออกมารินใส่แก้วแล้วยื่นส่งให้ทันที

                    “ขอบคุณครับ” เด็กน้อยรับไปพร้อมกับส่งรอยยิ้มและคำขอบคุณตอบแทนกลับมา ก่อนจะเอ่ยต่อ “วันนี้ก็เรียนหนักเหมือนเดิมล่ะ ทำไงได้หม่าม๊ายังอ่อนภาษา บางคำที่เป็นศัพท์เฉพาะทางการย๊ากยาก” บ่นปากยู่ไป น้ำส้มในแก้วก็พร่องไปเรื่อยๆ กิจวัตรประจำวันของพวกเขาคือการพูดคุยกันถึงเรื่องที่ได้พบเจอในแต่ละวัน ส่วนเขาช่วงนี้ ก็อยู่ติดบ้าน ไม่ค่อยจะออกไปบริษัทเท่าไหร่ เพราะต้องการเทคตัวเองให้เป็นพ่อบ้าน เผื่อจะได้มีเวลาอยู่กับภรรยาเด็กคนสวยเยอะๆ

     

                    เรื่องบินไปทำงานที่ตะวันออกกลางก็ยืดระยะออกไป จากที่เคยไปเดือนละครั้ง ครั้งละหลายๆวัน ก็เปลี่ยนเป็นสามเดือนครั้ง ครั้งละอาทิตย์ แม้จะต้องจัดการงานเยอะกว่าเมื่อก่อนมากหน่อย แต่ก็ยังดี เพราะการไม่ได้นอนกอดภรรยาเด็กมันน่ากลัวกว่า

                    “เหนื่อยแบบนี้ อยากได้อะไรเป็นของขวัญมั้ยเอ่ย” แยปเข้าไปหนึ่งทีเพื่อที่จะถามเด็กตรงหน้า แม้ของขวัญเมื่อปีก่อนจะเป็นเฟอร์รารี่สามล้านเหรียญสั่งทำพิเศษ แต่มันก็ยังดูเป็นแค่ของเล่นเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง

                    “อ๋า ใกล้วันเกิดแล้วสินะ” เด็กน้อยมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาทันที

                    “อยากได้อะไรครับ” ทอดสายตามองกลับไปด้วยความรักและลุ่มหลงล้วนๆ

     

                    “ป่าป๊าจำแจสสิก้าเพื่อนหม่าม๊าได้มั้ย เด็กนักเรียนทุนคนนั้น” ชายหนุ่มพยักหน้ารับเนืองๆ เคยเห็นหน้าอยู่สองสามครั้งตอนไปรับภรรยาเด็กที่มหาวิทยาลัย “อีกสามวันคุณแม่ของแจสสิก้าต้องผ่าตัด แจสต้องเดินทางไปเฝ้าคุณแม่ที่ดีซีสองอาทิตย์แล้วงานประจำที่ไชน่าทาวน์ของแจสไม่มีคนไปทำแทน....”

                    “ไม่...”

     

                    ชายหนุ่มหน้าบูดบึ้งทันทีที่รู้ว่าภรรยาของเขาจะขออะไร ให้ตายเถอะ แค่เรียนก็หนักจนตัวซูบผอมแล้ว แล้วยังจะไปทำงานพิเศษช่วยเพื่อนอีกงั้นเหรอ ทำไมหมูหย็องต้องไปรับปากด้วยนะ เขาไม่ชอบที่ภรรยาของเขาใจดีเกินไปแบบนี้เลย

     

                    “แต่หม่าม๊ารับปากไปแล้วอ่ะ”

                    “แจสสิก้าคนนั้นเขาทำงานแผนกอะไร”

                    “เป็นแคชเชียร์”

                    “ในร้านอาหาร...?

                    “ในร้านแมคโดนัล แถวไชน่าทาวน์” ชายหนุ่มหน้าตึงไปนิดเมื่อรู้ลึกเข้าไปอีกว่าเด็กที่ชื่อแจสสิก้าทำงานที่ไหน ตามหลักแล้วแมคที่นี่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ทำงานก่ะนึงก็ไม่ต่ำกว่า4-8 ชั่วโมงแล้ว แถมคนก็ยังเยอะแบบว่าทั้งวันอีก แบบนี้ภรรยาของเขาคงได้รับออเดอร์กันจนหน้าเยิ้มพอดี

     

                    “ไม่ได้....ไม่ให้ไป” ว่าแล้วก็ชิ่งเดินหนีซะเลย

                    “แต่ผมรับปากแจสไปแล้ว ให้ผมทำเถอะนะ” เด็กน้อยเดินตามเขาออกมาจนถึงห้องรับแขกของบ้าน แดดยามเย็นส่องกระทบผ่านกระจกบานใหญ่เข้ามา ต้องกับใบหน้าได้รูปที่ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นก็ยิ่งฮอต ชายหนุ่มส่ายหน้าไม่ยอมรับ ไม่มีทางที่เขาจะให้ภรรยาไปทำงานหนักแบบนั้นเด็ดขาด

                    “เดี๋ยวป่าป๊าหาคนไปแทนให้เอง ไม่ต้องห่วง”

                    “ไม่เอา!!” อ่ะ ขึ้นเสียง...

     

                    คริส อู๋ หันไปขมวดคิ้วปรามเด็กอายุใกล้จะยี่สิบตรงหน้า แต่พอเห็นใบหน้าเหยเกเตรียมร้องห่มร้องไห้ ใจคอคนแก่ก็อ่อนยวบจนต้องรีบสาวเท้าเข้าไปประชิดแล้วดึงเข้ามาโอ๋ในอ้อมกอด ริมฝีปากบางถูกจาบจ้วงโดยชายหนุ่มอายุใกล้สามสิบหก คริส อู๋ แทบจะเบะปากร้องไห้ตามไปอีกคนเมื่อได้ยินเสียงร้องงอแงของเด็กน้อยในอ้อมกอด

     

                    “โอเคๆ ก็ได้ๆ ให้ทำป่าป๊าให้หม่าม๊าทำงานแล้วครับ ไม่เอาไม่ร้อง ป๊าใจไม่ดีเลย” ใช่เขาใจไม่ดีเลย

                    “จริงนะ....” ใบหน้าเปื้อนน้ำตา ยิ้มแฉ่ง ชายหนุ่มที่ตามอารมณ์ภรรยาไม่ทันกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้ายืนยัน

                    “เย้ ยักป่าป๊าที่ฉุด” ร่างบางกระโดดกอดคนเป็นสามี ด้วยความรัก ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบอ้อมแขนแกร่งที่กำลังสอดเข้ามาใต้เนื้อผ้า

     

                    “เห้อ แกล้งป่าป๊าแน่ๆเลย”

                    “วันนี้ป่าป๊าอยากกินอะไรหม่าม๊าจะทำสุดฝีมือ”

                    “กินหม่าม๊า!!” ยืดแขนชูจนสุดพร้อมแย้มรอยยิ้มหื่นกระหาย

                    “ไม่เอาอ่ะ กินข้าวก่อน ดึกๆค่อยกินของหวานนะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ++++++++++++++++++

                    สัปดาห์แรกของการทำงานพาร์ทไทม์ ทำให้ชีวิตของคริส อู๋ เปล่าเปลี่ยวขึ้นมาระดับสิบ ก็ทุกวันตอนห้าโมงเย็นเขาจะต้องเห็นเจ้ารถเฟอร์รารี่คันโปรดของภรรยาคนสวยขับเข้ามาจอดในบ้าน แต่วันนี้กลับเห็นมันจอดอยู่ในโรงรถเฉยๆเพราะเจ้าของมันไม่ได้ขับไปเรียนด้วย  

                    “เห้อ....” ถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วก้มลงเก็บเอกสารที่ทำค้างไว้เข้ามาในอ้อมกอด

                    คิดถึงจังเลย...

     

                    แม้วันนี้จะมีประชุมบริษัทตั้งแต่เช้ายันบ่าย ไหนจะต้องทำงานอีกมากมาย แต่เขาก็ยังคงปลีกตัวกลับมาบ้านเพื่อที่จะได้รอคอยคนสวย แต่เขากลับลืมไปสนิทเลยว่าวันนี้คือวันที่ภรรยาเด็กของเขาต้องไปทำงานพาร์ทไทม์แทนเพื่อนที่ชื่อแจสสิก้า

                    งานเอกสารต่างๆถูกวางลงบนโต๊ะทำงาน ร่างสูงโปร่งเดินวนไปวนมาในห้องทำงานก่อนจะจบลงที่ ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดลำลองราคาแพงเข้าชุดออกมา

                    ต้องเจออ่ะ ไม่งั้นอกแตกตายแน่ๆ....

     

     

     

                    รถเชฟโรเลตสี่ประตูสีเทาควันบุหรี่ถูกขับเคลื่อนออกจากตัวบ้านหรูใจกลางเมือง คริส อู๋ ขับมันออกไปตามถนนแปดเลนที่เริ่มมีบ้านเรือนต่างๆเปิดไฟให้ความสว่าง เสียงเพลงอาร์แอนด์บีคลาสสิค ดังคลอเคล้าอารมณ์ไปเรื่อยๆ จนถึงที่หมาย

                    ชายหนุ่มลงจากรถ ล็อคมันอย่างดีก่อนจะย่างสามขุมตรงเข้าไปยังเคาน์เตอร์แคชเชียร์เพื่อสั่งอาหาร สิ่งที่เขาเห็นเป็นอันดับแรก คือแม่สาวทรงโตคนสวยยืนระบายยิ้มมองมาทางเขา เจ้าหล่อนกล่าวคำทักทายเพียงสั้นๆ

                    “อืม...พนักงานพาร์ทไทม์ที่มาแทนแจสสิก้า อยู่ไหนเหรอครับ” สิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำไม่ใช่การสั่งอาหาร แต่เป็นการถามหาคนที่ตนอยากเจอที่สุด

                    “อ๋อ อยู่หลังร้านค่ะ เพราะมาใหม่เลยต้องฝึกทำงานอยู่ในครัวก่อน เป็นพี่ชายเหรอคะ”

                    “เปล่าครับ สามี....เรียกเขาออกมาหาผมหน่อยได้มั้ยครับ พอดีเขาบอกให้ผมเอาของมาให้” คริส อู๋ ว่าเสริมเติมแต่งไปเองพร้อมกับรอยยิ้มประดิษฐ์แกนๆเมื่อเห็นเจ้าหล่อนอมยิ้มเล็กๆแล้วเดินหายเข้าไปในหลังร้าน ไหนบอกว่ามาทำงานเป็นแคชเชียร์ไง แล้วทำไมถึงไปคลุกอยู่หลังร้าน

     

                    เวลาไม่ถึงนาที ร่างสูงโปร่งของภรรยาคนสวยก็ออกมาประจันหน้ากับเขา คริส อู๋ กอดอกยืนมองนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา ไม่คิดจะเอ่ยคำถามเพื่อเอาคำตอบจากเด็กหนุ่มด้วย

                    “มาทำไมเนี้ย”

                    “ถ้าไม่มาแล้วจะเห็นเหรอว่าหม่าม๊าทำงานอะไร”

                    “ป่ะป๊า...” ภรรยาคนสวยครวญครางก่อนจะลากเขาให้ออกห่างจากเคาน์เตอร์ที่มีลูกค้าใช้บริการอยู่ เขาไม่ได้ตั้งใจจะโกหกพ่อฝรั่งเลยนะ แต่แบบว่ามาวันแรก ก็ต้องทำงานอื่นก่อน จะให้รับลูกค้าเลยทั้งๆที่ทำอะไรไม่เป็น มันก็ไม่ได้

                    “กลับบ้าน...” สั่งเสียงเครียดแล้วก็หันหลังทำท่าจะกลับ

                    “ไม่ได้หรอก หม่าม๊าออกงานสามทุ่ม”

                    “ป๊าบอกให้กลับบ้าน” คริส เริ่มสั่งเสียงเครียด “พรุ่งนี้ป๊าจะส่งคนมาทำงานแทน”

                    “ไม่เอา....มันไม่ยากขนาดนั้นหรอกนะครับ เชื่อใจหย็องสิ” ภรรยาสวยกอดแขนอ้อน ก่อนจะพูดต่อ “วันนี้ไม่ได้เอารถมา อยู่รอกลับพร้อมกันนะครับ น้าๆ”

                    “เห้อ.....”

     

                    สุดท้ายก็แพ้เด็กมันอีกจนได้.....

     

     

                    สามวันแรกยอมรับว่างอแงมากเหมือนกัน จนเกือบจะได้ทะเลาะ แต่พอผ่านมาได้เกือบจะครบอาทิตย์ หมูหย็องก็ได้เลื่อนขั้นมาเป็นแคชเชียร์รับลูกค้า ก็เลยทำให้เขาเบาใจขึ้นมาอีกหน่อย

                    เพราะอีกอาทิตย์เดียวเพื่อนสาวที่ชื่อแจสสิก้าก็คงจะกลับมาทำงานของตัวเองดังเดิม...

     

                    “วันนี้จะกินอะไร”เลขาประจำตัวเดินเข้ามาทัก เมื่อถึงช่วงพักกลางวันคริส อู๋ ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากหยิบสูทสีกรมท่าเนื้อดีขึ้นพาดแขน หยิบกุญแจรถเอสยูวีคันโปรดกับกระเป๋าเงินเตรียมตัวออกไปด้านนอก

                    “ไปกินแมคกัน”

     

                    แม้อาหารฟาสฟู้ดจะอุดมไปด้วยไขมันและน้ำตาลสูง ไม่เหมาะกับผู้ชายอายุใกล้สี่สิบที่ควรจะรักษาหุ่นอย่างมาก แต่ในเมื่อวันนี้ภรรยาคนสวยของเขาเข้างานตั้งแต่ช่วงเช้า มันก็เลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปหาเสียหน่อย

                    เสียงทักทายของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เรียกรอยยิ้มของทั้งเลขาหนุ่มและคริส อู๋ ได้เป็นอย่างดี ชุดพนักงานเข้ารูปของหมูหย็องช่างเข้ากับรูปร่างเอสไลน์ มากจริงๆ

     

                    “ไม่ควรทานอาหารเที่ยงแบบนี้นะครับ” เสียงบ่นอุบอิบของหมูหย็องเรียกรอยยิ้มกว้างให้กับสามีหนุ่มเข้าไปใหญ่

                    “อยากทาน”

                    “เมื่อวานตอนเย็นก็ทาน อาทิตย์นี้หมดโควตาสำหรับอาหารฟาสฟู้ดแล้วครับ” เด็กน้อยกล่าว

                    “บริการลูกค้าแบบนี้ใช้ไม่ได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมก็คอมเพลนคุณหรอก” คริส อู๋ ปั้นเสียงดุแบบไม่จริงจังมาก แต่เรียกใบหน้าหวานสวยให้ถอดสีได้ทันที

                    “รับอะไรดีครับ” จำใจต้องบริการลูกค้าแสนงอแงคนนี้จนได้

                    “เย็นนี้ไปดินเนอร์กันนะ”

                    “วันนี้ผมทำงานแปดชั่วโมง เสียใจด้วย”

                    “รีบสั่งเถอะครับคุณหนู คนอื่นเขายืนรอ” เลขาคิม จงอินกล่าว ก่อนจะเริ่มสั่งเซ็ตเบอร์เกอร์ง่ายๆ ส่วนพ่อฝรั่งก็รับเป็นกาแฟดำหนึ่งแก้วแทน

     

                   

                    ชีวิตประจำวันของนักธุรกิจหนุ่มก็เป็นประมาณนี้ วันไหนที่ภรรยาคนสวยไม่มีเรียนก็จะทำงานกะแปดชั่วโมง วันไหนที่เรียนเต็มวันก็จะทำแค่ช่วงเย็นเลยไปถึงค่ำ ส่วนเขาก็ทำหน้าที่สามีที่ดีคือ ไปรับไปส่ง บางวันงานรัดตัวก็ยกคอมยกเอกสารมานั่งทำพร้อมจิบกาแฟไปด้วยจนกว่าภรรยาคนสวยจะออกจากงานนั่นล่ะ

     

                    จนในที่สุดก็ถึงสัปดาห์สุดท้ายของการทำงาน แจสสิก้ากลับมาช่วงใกล้สอบพอดี แถมยังมีของฝากเป็นหมวกถักไหมพรมจากฝีมือคุณแม่ของเธอให้กับหมูหย็อง ส่วนหมูหย็องก็ยังคงทำงานต่อไปจนครบสัปดาห์ก่อนจะออกมาตั้งใจอ่านหนังสือ แม้ภรรยาของเขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้ แต่ก็คงไม่เก่งฉกาจเทียบเท่าเด็กทุนที่ลาหยุดไปสองอาทิตย์ เพราะงั้นหมูหย็องจึงต้องเร่งสปีดเก็บเกี่ยวตำรับตำราให้ได้มากที่สุดก่อนสอบ  

     

                    นมร้อนในแก้วเซรามิกลายปลาวาฬแก้วโปรดของภรรยาคนสวยถูกวางลงข้างโต๊ะทำงานตัวยาว พวกเขาใช้โต๊ะเดียวกันในการทำงานเอกสาร อ่านหนังสือ หรือทำการบ้านของหย็อง แม้จะมีบ้างบางครั้งที่มันถูกใช้ผิดประเภทการใช้งานไปหน่อย

                    “ขอบคุณครับ ป่ะป๊าจะนอนกี่โมง” หย็องถามขณะยกแก้วปลาวาฬที่มีนมอุ่นๆขึ้นซด สายตาก็เหลือบไปเห็นแก้วกาแฟทรงเตี้ยของพ่อฝรั่ง

                    “เดี๋ยวก็นอนแล้ว พร้อมหม่าม๊าล่ะ”

                    “งั้นดื่มนมนะ ส่วนกาแฟก็เอามานี่” ภรรยาคนสวยยิ้มหวาน รีบฉวยเอาแก้วกาแฟในมือเขาออกไป แล้วกดจูบลงบนแก้มสากแทนเป็นการไถ่โทษ ก่อนที่หมูหย็องจะพูดต่อ “ดึกแล้วไม่ทานกาแฟอีน ไม่ดีต่อสุขภาพ เดี๋ยวหม่าม๊าไปเปลี่ยนให้ใหม่นะ”

                    “กินนมหม่าม๊าแทนไม่ได้เหรอ” รู้น่ะว่าไม่ใช่นมในแก้ว  

                    “ไม่ใช่คืนนี้ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาถูกหยิกไปหนึ่งทีด้วยความหมันไส้ จากนั้นร่างสูงโปร่งในชุดปาจามาก็เดินหายออกไปจากห้องทำงาน

     

                    ตั้งแต่ที่หมูหย็องทำงาน ก็ดูเหมือนว่าจะมีความสุข ยิ้มแย้มบ่อยขึ้นเหมือนกับมีเรื่องอะไรให้รู้สึกดีตลอดเวลา ส่วนเขาก็ยังคงเป็นเขา ยังคงทำงานหนักตามเวลา แต่ก็ยังพอมีช่วงว่างบ้าง ที่พอให้เขาออกไปเลือกหาของขวัญสำหรับวันครบรอบที่จะถึง

                    แต่สำหรับเขามันเป็นมากกว่าของขวัญ....

     

                   

     

     

     

                    ช่วงวันเกิดของภรรยาคนสวยดันตรงกับวันสอบไฟนอลพอดิบพอดี พวกเขาสองคนตกลงกันว่าจะพยายามเคลียร์งานและสอบให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ก่อนจะบินตรงไปพักผ่อนที่อิตาลีสักอาทิตย์หรือสองอาทิตย์

     

                    กว่าอะไรจะลงตัวก็เลยมาช่วงต้นเดือนธันวาคมแล้ว คริส อู๋ ที่เดินถือแก้วกาแฟโทงๆไปมาในบ้านหยุดดูภรรยาคนสวยก้มๆเงยๆเก็บกระเป๋าอยู่บนพื้น เสื้อผ้าถูกพับอย่างเรียบร้อยไร้กลีบสองกลีบสามบนเนื้อผ้าอย่างผู้ชำนาญการ ของใช้ต่างๆของเขาถูกจัดเรียงวางอยู่ด้านบนอย่างประณีต ตั้งแต่ครีมอาบน้ำครีมโกนหนวดและเครื่องประทินโฉมเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้ชายวัยกลางคนที่ควรดูแลตัวเองบ้าง

     

                    “อะไรกัน เครื่องออกบ่ายสอง ทำไมยังเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่” เสียงบ่นตามประสาแม่บ้านจำไม ทำให้พ่อบ้านอวดดียิ้มแย้ม เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แต่ก็ยังไม่อยากใส่เสื้อผ้าก็เลยออกมาเดินโทงเทงแถวๆห้องแต่งตัว

                    “ก็จะมาใส่เสื้อผ้าไงครับ” แก้มอวบอิ่มถูกขโมยหอมทั้งสองข้างด้วยฝีมือผู้ชายวัยสามสิบกว่าที่ปลดผ้าเช็ดตัวเดินล้อนจ่อนไปเลือกเสื้อบนราวน็อคดาวน์ เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหัว มองก้นกลมๆของสามีส่ายดุกดิกไปมา

     

                    “ให้เวลาสิบนาที เสร็จแล้วก็แบกกระเป๋าไปใส่รถด้วย หม่าม๊าจะไปเช็คความเรียบร้อยในบ้าน”

                    “ครับ ที่รัก รับทราบเลย”

     

     

     

     

     

                    พวกเขาขนกระเป๋าขึ้นรถปิดบ้านเรียบร้อย จากนั้นก็ขับเจ้าเชฟโรเลตคู่ใจของพ่อฝรั่งเพื่อไปยังสนามบิน พวกเขาฟังเพลงคลาสสิคสมัยยุคเจ็ดศูนย์ พูดคุยไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับทานอาหารว่างง่ายๆ

                    เป็นความสุขเล็กๆที่ ไม่เล็กเลย.....

     

     

     

     

                    อิตาลี....

     

     

                    บ้านพักต่างอากาศส่วนตัวสุดหรูใจกลางเมืองของพ่อฝรั่งถูกเปิดเอาไว้เพื่อต้อนรับพวกเขา คนงานที่เพิ่งเข้ามาทำความสะอาดและสแตนด์บายรอปรนนิบัติถูกพ่อฝรั่งไล่ให้กลับไปพักผ่อน เพราะช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่อยู่ที่นี่พวกเขาต้องการความเป็นส่วนตัวที่สุด

     

                    แต่ดูเหมือนว่าพ่อฝรั่งจะไม่รู้ว่ามีใครบางคนคิดจะเซอร์ไพร์สในค่ำคืนนี้.....

     

                    “ทำทานอะไรครับหม่าม๊า” เสียงร้องโวยวายดังออกมาจากห้องรับแขก หย็องที่ยืนกวนซอสสปาเก็ตตี้อยู่กรอกตามองบนทันที ที่ก้นของตัวเองถูกฝ่ามืออุ่นร้อนบีบเค้นเล่นยกใหญ่

                    “อาหารฝรั่งง่ายๆ” เขาไม่ถนัดกับอาหารชนชาติตะวันตก แต่เห็นว่าพ่อฝรั่งบนอยากทานก็เลย จัดการทำสปาเก็ตตี้มี้ทบอลง่ายๆให้ทานเป็นมื้อค่ำ

     

                    “หอมจังเลย” เสียงกระเซ้าที่ไม่รู้ว่าชมอาหารหรือกลิ่นที่ฟุ้งออกมาจากซอกคอเขากันแน่ หย็องรีบเบี่ยงตัวหลบก่อนจะส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปให้พ่อฝรั่งนิสัยหื่นกาม ให้รู้ว่าถ้าไม่หยุดคืนนี้อด

                    “ไปนั่งเฉยๆ อย่างอแง”

     

     

     

     

                    มื้ออาหารจบลงเมื่อพ่อฝรั่งเก็บจานไปล้างตามคำสั่งศรีภรรยาคนสวย เสียงโทรทัศน์ที่เปิดช่องท้องถิ่นทิ้งเอาไว้ทำให้ ชายหนุ่มต้องส่ายหัวอย่างนึกขำ ก็ยัยคนที่เปิดทีวีทิ้งไว้เสียงดังไปทั่วบ้านตอนนี้หายไปแล้ว

                    “หม่าม๊า ไม่ดูป๊าปิดน้า” ตะโกนบอกเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวจะเล่นจ้ำจี้กับเขาคืนนี้ ส่วนเขาน่ะเหรออาบรอตั้งแต่ช่วงเย็น เหลือก็แต่ล้างหน้าแปรงฟันก็เท่านั้นเอง

     

                    คริส อู๋ เดินผิวปากขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน เสียงเพลงอาร์แอนด์บียุคเก่า พร้อมกับกลิ่นเทียนหอม ทำให้เขาต้องเลิกคิ้วสงสัย ขายาวๆที่มักจะก้าวเร็วเสมอค่อยๆเยื้องย่างไปอย่างช้าๆ

                    เขาไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้ว่าความพิเศษที่แตกต่างจากคืนอื่นๆนั้นเป็นการเซฮร์ไพร์ส แต่เขาแค่ไม่รู้ว่าจะถูกเซอร์ไพร์สก่อนแบบนี้

                    ทั้งๆที่พรุ่งนี้เขาเตรียมจะเซอร์ไพร์สภรรยาคนสวยเอาไว้แล้ว....

     

                    กระดาษสีเหลืองขนาดเอห้าวางอยู่บนพื้น ชายหนุ่มก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาก่อนจะอ่านอย่างช้าๆ มันไม่ใช่ภาษาที่เขาถนัดเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นภาษาที่ภรรยาของเขาอยากจะให้เขาเข้าใจมันเพิ่มขึ้นอีกสักภาษา

     

                    เดินไปที่เตียง....

     

                    คริส อู๋ ทำตามคำสั่ง เตียงขนาดหกฟุตควีนไซส์นั้นเรียบแป๋ มันถูกปูทับด้วยผ้านวมสีขาวสะอาด ไม่มีกลีบกุหลาบหรือดอกไม้ชนิดใดทั้งสิ้น ยกเว้นเสียจากกล่องหนังสี่เหลี่ยมทรงคิวบ์สีน้ำตาลอ่อน

     

                    กล่องแหวนเหรอ....

     

                    แผ่นโพสต์อิทเล็กๆสีเหลืองเช่นเดียวกันที่แปะอยู่บนกล่องถูกดึงออกมาอ่าน มันเขียนว่าให้เปิดกล่องดูแล้วหันไปทางซ้าย คริส อู๋ หัวเราะออกมานิดๆก่อนจะหยิบกล่องหนังสีน้ำตาลขึ้นมาเปิด

     

                    กล่องใส่แหวนจริงๆด้วย.....

                    แต่มันกลับว่างเปล่าไม่มีแหวน....

     

     

                    ใจของผู้ชายวัยสามสิบกลางๆเต้นจนแทบจะวาย แค่เพียงเห็นกล่อง เขาหันมองไปทางด้านซ้าย ก่อนจะพบกับเจ้ากระดาษโพสต์อิทเล็กๆแบบเล็กสุดๆแปะเอาไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าเนื้อดี

     

                    เรียกชื่อผมดังๆ 3 ครั้งนะ....

     

                    “หย็อง! หย็อง! หมูหย็อง!” แม้จะรู้สึกเขิน แต่ชายหนุ่มก็ยอมทำตามพร้อมรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า แสงไฟทั่วบ้านดับลงทันที เหลือเพียงแสงที่มาจากเทียนหอมไม่กี่ดวงที่วางอยู่บนโต๊ะโคมไฟข้างเตียง

     

                    “ฉันต้องรอสินะ” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองก่อนจะเดินมานั่งที่ปลายเตียง สายตายังคงจดจ้องมองกล่องหนังสีน้ำตาลในมืออย่างใจเต้นระทึกไปหมด ถ้าหย็องเซอร์ไพร์สเขาก่อนแบบนี้ เห็นทีว่าเซอร์ไพร์สของเขาพรุ่งนี้คงต้องปรับเปลี่ยนแผนกันยกใหญ่

     

                    เสียงเดินลากเท้าดังมาจากนอกห้อง คริส อู๋ หันไปมองก่อนจะพบหัวทุยๆโผล่พ้นออกมาจากขอบประตู รอยยิ้มที่ต้องกับแสงเทียนนั้นช่างหวานละมุนและน่ารักเสียยิ่งกว่าตุ๊กตาบาร์บี้ตัวไหนบนโลก เขากำลังจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหา แต่กลับถูกภรรยาเด็กยกมือห้ามเสียก่อน

     

                    “ไม่ต้องเดินมาหาหรอก เดี๋ยวเดินไปหาเอง” ว่าแล้วก็กระแอ้มกระไอเรียกความมั่นใจขณะเดินเข้ามาหา ร่างสูงโปร่งเกินร้อยแปดสิบเซนต์คุกเข่าลงตรงหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียง

                    มือเล็กๆที่กำเอาไว้แน่น แบออก แหวนวงสีเงินไร้เครื่องเพชรหรือลวดลายประดับนอนอยู่บนนั้น คริส อู๋ เผยอยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใบหน้าของภรรยาคนสวยกำลังแดงเห่อ

     

                    เอาเถอะ...เขาจะยอมสักครั้ง

     

                    “ให้ป๊าเหรอ”

                    “อื้ม! หม่าม๊าเซอร์ไพร์สใครไม่เก่ง จัดอะไรก็ไม่เป็นมันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น” หมูหย็องยิ้มแกนๆ รู้สึกว่าเขายังทำออกมาไม่เต็มที่พอ “แหวนนี่มันอาจจะไม่มีค่าอะไร แต่มันก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของหม่าม๊าเองเลยนะ”

                    “อย่าบอกว่าดื้อที่จะทำงานก็เพราะแบบนี้” คนแก่กว่าถามอย่างเอ็นดู เด็กน้อยพยักหน้าช้าๆ

                    “ใช่ กว่าจะซื้อมันมาได้”

                    “ทำไมต้องลำบาก” เสียงที่เคยปนเสียงขำขันนั้น ปรับให้สมูทขึ้น แววตาที่ยังจดจ้องมองกลุ่มผมนุ่มนิ่มนั้นบ่งบอกว่ามีแต่ความรักและลุ่มหลงอย่างหนักหน่วง

                    “ก็ใครมันจะไปซื้อแหวนแต่งงานให้แฟนโดยใช้เงินแฟนกันเล่า!!”    

     

                    คิ้วสวยเลิกขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น แหวนแต่งงาน....

     

                    “ป๊าว่านั่นมันต้องหน้าที่ป๊านะ ขอแต่งงานเนี้ย” ใบหน้าหวานสวยเงยขึ้นก่อนจะฉีกยิ้มแฉ่ง เด็กน้อยกระโจนขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียงควีนไซส์เเล้วดึงให้เขาหันไปนั่งแบบเดียวกัน

                    “ใครขอก็ไม่ต่างกันหรอกนะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว

                    “........งั้นเหรอ”

                    “ขอมือด้วยครับ” รอยยิ้มสวยๆบานเปล่งเต็มใบหน้าที่สวยกว่า หมูหย็องดึงมือที่ค่อยๆยกขึ้นมาเอาไว้ตรงหน้าตัวเอง แหวนสีเงินวงเกลี้ยงถูกสอดเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้ายของชายหนุ่ม ความอุ่นร้อนของมันบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวกำมันมานานมากแค่ไหน

     

                    ฝ่ามือหนาถูกยกขึ้นจุมพิตเบาๆ สายตาคู่สวยหยาดเยิ้มเหมือนกับว่าตัวเองกำลังของสาวสักคนแต่งงานอยู่ก็ไม่ปาน เสียงแหบแห้งแต่ก็ยังติดคีย์สูงๆเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มที่แย้มกว้างขึ้น  

                    “แต่งงานกับผมนะครับ คริส”

                “.....” คริส อู๋ ไม่ตอบ เขาเอาแต่เงียบ สายตาก็จดจ้องมองแต่ใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้เริ่มแดงกล่ำเพราะอดกลั้นความเขินเอาจนใกล้ทะลัก รอยยิ้มบางๆแกมขบขันปรากฏบนดวงหน้าหล่อ คริส อู๋ ละสายตาก้มลงมองเจ้าแหวนสีเงินวงเกลี้ยงที่ตอนนี้อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

                    “ใส่ให้ขนาดนี้ ไม่แต่งก็ดูจะใจร้ายเกินไป”

                    “หืม....”

                    “ครับ ป๊าจะแต่งงานกับม๊า” คริส อู๋ตอบรับคำขอ

     

                    “เย้!!” เสียงร้องโวยวายอย่างดีใจไม่ต่างกับเด็กแปดขวบดังขึ้น ร่างบางที่ไม่ได้ผอมแห้งแรงน้อยนักกระโจนโอบกอดรอบคอคนแก่กว่า จนล้มหงายไปบนที่นอนด้วยกันทั้งคู่ ริมฝีปากเล็กๆสีแดงฉ่ำกดจูบย้ำๆลงบนริมฝีปากของคนที่ตนเองเพิ่งจะขอแต่งงานไปอย่างดีใจสุดๆ

     

                    คนแก่กว่าได้แต่นอนแผ่เป็นเบาะรองร่างนุ่มนิ่มอย่างสุขหัวใจ การเซอร์ไพร์สที่แทบจะไม่ต้องใช้ต้นทุนหรือความหรูหราเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่กลับทำให้เขาสุขจนมันเอ่อล้นออกมาทางดวงตา

                    “ร้องไห้เหรอครับ” เสียงทักของคนด้านบนพร้อมกับริมฝีปากฉ่ำที่กดลงบนคางเบาๆ คริส อู๋ เกลือกตามอง ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

                    “ใคร บ้า!

                    “ฮ่าๆ หนูน้อยของหมูหย็องน่ารักจังน้า” เสียงหยอกล้อนั้นทำให้ชายหนุ่มหมันเขี้ยว เขาพลิกตัวเพียงนิดเดียวร่างสูงโปร่งของภรรยาคนสวยก็ลงไปนอนกับที่นอน โดยที่มีเขาคร่อมเอาไว้ด้วยแขนหนึ่งข้าง คริส อู๋ กดจมูกฝังลงบนแก้มใสๆ เสียงหัวเราะคิกคักของหย็องนั้นทำให้เขารู้สึกดีจนแทบบ้า

                    “แหวนสวยมากเลยนะ ตาถึงจริงๆ” ว่าแล้วก็รีบหยิบยกแหวนบนนิ้วนางตัวเองขึ้นมาส่อง

                    “แล้วไหนของหม่าม๊า” เด็กน้อยเริ่มเรียกร้อง ชายหนุ่มเลิกคิ้วก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

                    “ไม่ให้ จะทำไม”

                    “ได้ไง แบบนี้ก็เป็นม๊าแต่งกับป๊าคนเดียว!!” เด็กน้อยเริ่มย่นหัวคิ้ว

                    “พูดมาก จังเลยน้า” คริส อู๋ ย่นหัวคิ้วตามก่อนจะกดหน้าจาบจ้วงล่วงเกินเจ้าริมฝีปากสีแดงสดอย่างลึกล้ำ เสียงครางอื้ออึงในลำคอของภรรยาคนสวยช่วยบิ้วอารมณ์จากน่ารักสดใส ให้ร้อนแรงขึ้นได้ในพริบตา....

     

                    คืนนั้นมีเพียงแค่หมูหย็องที่ให้แหวนกับเขา ต่อจากเรื่องเซอร์ไพร์สเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องบนเตียง พวกเขาต่างปลดเปลื้องความต้องการ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยขาดมันเลยแม้แต่ค่ำคืนเดียว แต่คืนนี้มันกลับพิเศษ พิเศษมากเสียจนไม่รู้เลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะจบลงตอนไหน

     

     

     

     

                    คริส อู๋ ที่ตื่นเช้ากว่ากระชับอ้อมกอดที่มีร่างเปลือยเปล่าของภรรยาคนสวยอยู่ให้แน่นขึ้น ก่อนที่จะยกมือข้างซ้ายขึ้นพิจารณาแหวนสีเงินวงเกลี้ยงเพื่อฆ่าเวลารออีกคนตื่น ตัวอักษรที่สลักอยู่บนแหวนทำให้เขาต้องถอดมันออกมาดูด้วยความสงสัย มันสลักเอาไว้จางมากๆจนแทบที่ถ้าไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็นมัน

                    องค์การช่วยเหลือผู้ยากไร้.......XXX

     

     

                    คริส อู๋ เลิกคิ้วก่อนจะหันไปมองภรรยาคนสวยที่นอนกรนเบาๆอยู่ในอ้อมกอด เขายิ้มออกมานิดหน่อนก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาจงอินที่ตอนนี้คงจะนั่งทำงานอยู่

                    ข้อความที่ส่งกลับมาในสิบห้านาทีทำให้ชายหนุ่มยิ้มมากขึ้น แหวนวงนี้ได้มาจากการบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือผู้ยากไร้ในต่างแดน ชื่อที่บริจาคไปเป็นชื่อของเขา วงเงินของมันก็เท่ากับค่าแรงทั้งหมดสองอาทิตย์รวมกันของหมูหย็อง ก็ไม่กี่สิบเหรียญ

                    แหวนวงนี้มีมูลค่า 180 เหรียญ....

                    แต่สำหรับเขามันประเมินค่าไม่ได้.....

     

     

     

                    ชายหนุ่มต่อสายตรงหาจงอิน เพื่อให้ช่วยจัดการอะไรบางอย่าง เขาใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ได้เรื่องตอบกลับมาว่าเรียบร้อยแล้ว.....

     

                    ถ้าแหวนของเขามีมูลค่า 180 เหรียญ ของหมูหย็องก็ควรจะมีค่ามากกว่านั้น....

     

     

     

                    ทริปเที่ยวอิตาลีเต็มไปด้วยสีสันและเสียงหัวเราะของเขาภรรยาคนสวย ส่วนเขาก็รับหน้าที่เติมเต็มความต้องการให้กับอีกฝ่ายเท่านั้น พวกเขาอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก่อนที่จะบินกลับอเมริกาเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง




     

                    หมูหย็องที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนโซฟาในช่วงวันหยุด กำลังใช้สายตาจับจ้องมองทีวีจอแอลอีดีเบื้องหน้า เมื่อรายการโปรดกำลังถ่ายทอดสด ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า เป็นวันหยุดที่แสนจะธรรมดา แต่เขากลับเหงานิดหน่อยเพราะพ่อฝรั่งต้องบินไปประชุมไกลถึงเเม๊กซิโกเรื่องฐานขุดเจาะน้ำมัน

     

                    เสียงกดออดหน้าบ้านทำให้หย็องต้องลุกจากโซฟาออกไปเปิดประตูรับ พนักงานส่งของในชุดสีส้มสวมหมวกแก้ปสีดำส่งรอยยิ้มมาให้เขาเป็นอันดับแรก พร้อมกับยื่นกล่องเล็กๆหนึ่งใบส่งให้เขา

                    เด็กหนุ่มเซ็นต์รับของเมื่อชื่อและที่อยู่เป็นของเขา หย็องขมวดคิ้วนิดหน่อยที่เห็นว่าบนกล่องมีประทับตาจากองค์การช่วยเหลือผู้ยากไร้

     

                    ส่งอะไรมาให้อีกนะ....

     

     

                    กล่องหนังสีน้ำตาลอีกแล้ว....

                    เด็กหนุ่มหยิบมันออกมาจากกล่องกระดาษ ข้างใต้มีการ์ดสีน้ำเงินขอบทองหรูหราหนึ่งใบ จำได้ว่าตอนที่เขาโดเนทไปเพื่อแหวนที่จะให้พ่อฝรั่งเขาก็ได้การ์ดหรูหราแบบนี้เช่นกันแถมด้านในยังมีการบอกด้วยว่าเขาโดเนทเงินไปเท่าไหร่ หย็องเปิดอ่านการ์ดที่แนบมาให้ก่อนเนื้อหาใจความด้านในทำให้เขาต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง

     

                    เนื้อความในการ์ดสั้นกระชับได้ใจความภายในสามบรรทัด แต่ไอ้ที่เรียกให้คิ้วเขาเลิกขึ้นสูงได้ก็คือจำนวนเงินโดเนท

                18 ล้านเหรียญ......

     

                   

     

                    อย่างกับผีบอก เมื่อเสียงข้อความจากโปรแกรมแชทดังขึ้น ชื่อที่เด่นหราอยู่บนหน้าจอคือชื่อของพ่อฝรั่ง หย็องกดเข้าไปดูข้อความด้านใน

                    /ลองสวมดูสิ แหวนคู่ของเรา หวังว่าหม่าม๊าจะชอบ เย็นนี้สองทุ่ม ป๊าจะพาไปดินเนอร์พูดคุยถึงเรื่องการเตรียมงานของเรา รักนะครับ/

     

                    ข้อความยาวเหยียดจบลงในบล็อกข้อความเดียว เด็กหนุ่มหลับตาลงก่อนจะกดเบอร์โทรข้ามประเทศไปหาพ่อฝรั่งที่ตอนนี้คงกำลังยิ้มหน้าบานอยู่ในห้องประชุมแน่ๆ

                    เสียงทุ้มต่ำแลดูสดใสทักทายลงมาก่อน รายนั้นเอาแต่พูดถึงของที่น่าจะไปส่งถึงบ้านแล้ว แต่นั่นกลับทำให้เด็กหนุ่มวัยยี่สิบเริ่มควันออกหู

     

                    “วันนี้ไม่ต้องกลับบ้าน”

                    /หืม.....เป็นอะไรไปครับ/ ปลายสายหยุดดี้ด้าแล้วถามเสียงเครียดๆทันที

                “ถ้าวันนี้หาเงินได้ไม่ถึง 18 ล้านเหรียญก็ไม่ต้องกลับบ้าน!!!!

     

     

     

                    โกรธ.....

                    เขากำลังโกรธ.....

                   

                    ทำบุญทำทานมันก็ดีอยู่หรอก แต่ทำทีแทบจนนี่.....

                    มันน่านักไอ้พ่อฝรั่งจัญไร!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     





















         2 อาทิตย์หลังจากนั้น.... 

     

                    เสียงแกรนด์เปียโนดังไปทั่วบริเวณด้วยฝีมือของนักดนตรีมือฉมัง แขกเรือในงานก็เป็นคนในแวดวงธุรกิจ มีนักข่าวจากสำนักงานใหญ่ๆไม่กี่รายที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำข่าวก็พ่อนักธุรกิจวัยใกล้สี่สิบกำลังจะแต่งงานกับเด็กหนุ่มคราวลูกนี่นะ....ใครก็สนใจเป็นธรรมดานอกนั้นก็เป็นคนในครอบครัวของทั้งสองฝ่าย

                   

                    ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่คิดอยากจะแต่งและไม่คิดอยากจะให้มันเป็นข่าวใหญ่โตแน่ๆ เพราะเขาไม่สามารถทนขี้ปากและเสียงเล่าลือต่างๆนาๆที่ไปในทางที่ไม่ดีได้

                    แต่ตอนนี้ เขากลับเฉยเมยกับมัน เพราะรู้สึกว่ามีแต่เราเท่านั้นที่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่....ส่วนคนอื่นก็แค่สนุกปาก

     

     

                    ญาติและเพื่อนฝูงของทั้งพ่อฝรั่งและเขากำลังนั่งเรียงกันอยู่บริเวณเก้าอี้หน้าสุดของโบสถ์ ญาติของเขาก็มีแต่ป้าหอมกับเจ้าโอลูกสมุนของเขาที่บินส่งตรงมาจากจีนเท่านั้น เด็กหนุ่มมองตรงไปยังคนเป็นป้าก่อนจะยิ้มบางๆ เมื่อเห็นน้ำตาเม็ดแรกหยดแหมะลงไปบนแก้มเหี่ยวย่น


                    ส่วนคนที่พาเขาเดินเข้ามาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อของพ่อฝรั่งเขาอีกที รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนดวงหน้าหล่อเข้าขั้นเทพไม่ต่างจากลูกชาย พ่อตาสวมกอดเขาเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้เขาเดินเข้าไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนหูตั้งหางกระดิกรออยู่ในชุดสูทสีขาว


                    แหวนบนนิ้วของพ่อฝรั่งหายไปแล้ว แหวนมูลค่า 18 ล้านเหรียญของเขาก้กำลังนอนแผ่อยู่บนหมอนสีไข่มุกที่หลวงพ่อกำลังถืออยู่เคียงข้างแหวนราคา180เหรียญ เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าพ่อฝรั่งที่ส่งยิ้มมาให้

                    “หล่อจัง”

                    “หม่าม๊าหล่อทุกวันแหละ ป๊าก็หล่อ”

                    “หล่อทุกกวัน.......ใช่ป๊าหล่อที่สุดเลย”

     

     

                    พวกเราคุยกันนิดหน่อยก่อนที่จะเริ่มพิธี พ่อหลวงพูดเจือแจ้วไปตามเรื่อง ส่วนพวกเขาก็ขานรับอย่างไม่อิดออดว่าแต่ละฝ่ายจะยอมรับอีกฝ่ายเป็นคู่ชีวิตหรือไม่ จนถึงขั้นตอนสุดท้ายของพิธี เราต่างสวมแหวนให้กันและกัน แม้ว่ามันจะเป็นบาดแผลในใจเขาลึกๆก็ตาม

     

                    18 ล้านเหรียญเชียวนะเหอะ....

     

     

                “เจ้าบ่าวจูบเจ้าบ่าวได้”

     

     

                    เสียงสั่งสุดท้ายก่อนที่พิธีจะเสร็จสิ้น แม้จะรู้สึกเขินนิดๆที่ต้องมาจูบให้คนนับสิบนับร้อยได้ดู พ่อฝรั่งแย้มรอยยิ้มกว้างก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามา ริมฝีปากของเราแตะผ่านกันอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเป็นพ่อฝรั่งที่เริ่มขบเม้มดูดดื่ม

                    เสียงปรบมือรอบด้านทำให้เด็กหนุ่มเวียนหัว รสชาติรสสัมผัสวาบหวามในอกทำให้เขาได้ยินเสียงอบข้างเบาลงเบาลงเรื่อยๆ

     

                   

                    คบกันไม่เท่าไหร่ก็แต่งงานกันซะแล้ว.....หลายคนคงคิดว่าเขารีบ 

                     ไม่หรอก เวลาแบบนี้ล่ะที่เหมาะสมที่สุด ถ้าเกิดว่าคนตรงหน้าน่ะใช่สำหรับเราแล้ว ถ้าเขารู้เร็วและมั่นใจกว่านั้นสักนิด มันอาจจะไม่ต้องล่วงเลยมาถึง 1 ปี 8 เดือน 7 วัน ก็ได้

     

     

     

     








    -จบบริบูรณ์-











































     

                   

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×