คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนพิเศษ : วันครบรอบ 627
TYPE A
ตอนพิเศษ : วันครบรอบ
627
อีกเดือนกว่าๆก็จะถึงวันเกิดของหมูหย็องภรรยาเด็กสุดที่รักแล้ว
ความพิเศษในปีนี้คงหนีไม่พ้นการพาเที่ยวอิตาลีอย่างที่เด็กน้อยเคยบ่นๆเอาไว้
ว่าอยากจะไปสักครั้ง แต่นั่นอาจจะไม่เพียงพอสำหรับ ว่าที่นักการฑูตคนใหม่
ชายหนุ่มรู้สึกแบบนั้น.......
เฟอร์รารี่สีแดงเพลิงสั่งทำพิเศษเมื่อปีที่แล้ว
เคลื่อนตัวผ่านเข้ามาภายในรั้วเหล็กขัดมันสีดำสไตล์โมเดิร์น คริส อู๋
ที่นั่งจิบกาแฟอ่านเอกสารเพลินๆในช่วงเย็นก่อนเวลาอาหารค่ำ ชะเง้อคอมองว่าที่ว่าที่นักการฑูตคนสวยที่กำลังเหยียดกายออกมาจากรถพร้อมกับตำราหนังสือมากมายในอ้อมกอด
เห้อ
เวลาเห็นเด็กน้อยตั้งใจทำอะไรสักอย่างนี่มันน่ารักซะจริงเลยน้า....
“วันนี้กลับเร็วเชียว”
รีบวิ่งสี่คูณร้อยลงไปหาภรรยาเด็กคนสวยทันที
ที่ถูกสายตาเข้มๆแต่น่ารักน่าหยิกทอดมองขึ้นมาเมื่อสักครู่ ตำรานับสิบเล่มที่ขนาดพอๆกับน้องไบเบิ้ล
ถูกส่งมาอยู่ในมือของเขาจนแทบจะแบกไม่ไหวส่วนเจ้าของตำราเรียนก็ก้มลงหยิบถุงซุปเปอร์ออกมาจนเต็มสองแขนไปหมด
ความจริงก็อยากจะช่วยแบกทั้งถุงทั้งตำราอยู่หรอกนะแต่อายุอานามเขาก็ใช่ว่าจะเพิ่งยี่สิบปลายหรือสามสิบต้นๆเสียหน่อย
ปีนี้อีกไม่กี่สัปดาห์เขาก็จะสามสิบหกแล้ว
แค่ตำราก็หลังจะหักแล้วเนี่ย....
“คิดถึงป่ะป๊า”
เด็กน้อยวัยใกล้ยี่สิบหันมาจุ้บแก้มสามีคราวลุง ก่อนจะเอ่ยออดอ้อนเสียงหวาน คริส
อู๋ คราง อืม สั้นๆอย่างพอใจ ถึงจะชอบวางอำนาจแต่ก็ยังน่ารักเสมอ....
“อื้มมมม
งั้นวันนี้....”
“กินอะไรดีครับ
หม่าม๊าว่าจะทำต้มจืดมะระ น้ำพริกกะปิ กับทอดไข่ชะอม ป่ะป๊ากินได้มั้ยอ่ะ”
“โอ้วววว
ทานได้ครับหม่าม๊า” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแม้จะไม่ได้คำตอบที่ตรงใจเท่าไหร่
พวกเขาเดินเข้ามาในตัวบ้านขนาด 3.7
เอเคอร์บนพื้นที่ส่วนตัวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลอสแองเจอลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย
ไม่ต้องถามว่าบ้านใหญ่ขนาดนี้อยู่กันกี่คน ก็ต้องสองคนสิครับ เรือนหอนี่นา
“วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง
หม่าม๊าดูเหนื่อยนะ เอาน้ำส้มหน่อยมั้ย” คริส อู๋ กล่าว มีภรรยาเด็กก็ต้องหมั่นเอาใจใส่
แม้ว่าคนที่ได้รับปรนนิบัติดีตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน มักจะเป็นเขาก็ตาม
ชายหนุ่มไม่ต้องรอให้ภรรยาคนสวยเอ่ยปากรับ
เขาก็จัดการเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบจับกล่องน้ำผลไม้
ออกมารินใส่แก้วแล้วยื่นส่งให้ทันที
“ขอบคุณครับ”
เด็กน้อยรับไปพร้อมกับส่งรอยยิ้มและคำขอบคุณตอบแทนกลับมา ก่อนจะเอ่ยต่อ
“วันนี้ก็เรียนหนักเหมือนเดิมล่ะ ทำไงได้หม่าม๊ายังอ่อนภาษา บางคำที่เป็นศัพท์เฉพาะทางการย๊ากยาก”
บ่นปากยู่ไป น้ำส้มในแก้วก็พร่องไปเรื่อยๆ
กิจวัตรประจำวันของพวกเขาคือการพูดคุยกันถึงเรื่องที่ได้พบเจอในแต่ละวัน
ส่วนเขาช่วงนี้ ก็อยู่ติดบ้าน ไม่ค่อยจะออกไปบริษัทเท่าไหร่
เพราะต้องการเทคตัวเองให้เป็นพ่อบ้าน เผื่อจะได้มีเวลาอยู่กับภรรยาเด็กคนสวยเยอะๆ
เรื่องบินไปทำงานที่ตะวันออกกลางก็ยืดระยะออกไป
จากที่เคยไปเดือนละครั้ง ครั้งละหลายๆวัน ก็เปลี่ยนเป็นสามเดือนครั้ง
ครั้งละอาทิตย์ แม้จะต้องจัดการงานเยอะกว่าเมื่อก่อนมากหน่อย แต่ก็ยังดี
เพราะการไม่ได้นอนกอดภรรยาเด็กมันน่ากลัวกว่า
“เหนื่อยแบบนี้
อยากได้อะไรเป็นของขวัญมั้ยเอ่ย” แยปเข้าไปหนึ่งทีเพื่อที่จะถามเด็กตรงหน้า
แม้ของขวัญเมื่อปีก่อนจะเป็นเฟอร์รารี่สามล้านเหรียญสั่งทำพิเศษ แต่มันก็ยังดูเป็นแค่ของเล่นเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง
“อ๋า
ใกล้วันเกิดแล้วสินะ” เด็กน้อยมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“อยากได้อะไรครับ”
ทอดสายตามองกลับไปด้วยความรักและลุ่มหลงล้วนๆ
“ป่าป๊าจำแจสสิก้าเพื่อนหม่าม๊าได้มั้ย
เด็กนักเรียนทุนคนนั้น” ชายหนุ่มพยักหน้ารับเนืองๆ เคยเห็นหน้าอยู่สองสามครั้งตอนไปรับภรรยาเด็กที่มหาวิทยาลัย
“อีกสามวันคุณแม่ของแจสสิก้าต้องผ่าตัด
แจสต้องเดินทางไปเฝ้าคุณแม่ที่ดีซีสองอาทิตย์แล้วงานประจำที่ไชน่าทาวน์ของแจสไม่มีคนไปทำแทน....”
“ไม่...”
ชายหนุ่มหน้าบูดบึ้งทันทีที่รู้ว่าภรรยาของเขาจะขออะไร
ให้ตายเถอะ แค่เรียนก็หนักจนตัวซูบผอมแล้ว
แล้วยังจะไปทำงานพิเศษช่วยเพื่อนอีกงั้นเหรอ ทำไมหมูหย็องต้องไปรับปากด้วยนะ
เขาไม่ชอบที่ภรรยาของเขาใจดีเกินไปแบบนี้เลย
“แต่หม่าม๊ารับปากไปแล้วอ่ะ”
“แจสสิก้าคนนั้นเขาทำงานแผนกอะไร”
“เป็นแคชเชียร์”
“ในร้านอาหาร...?”
“ในร้านแมคโดนัล
แถวไชน่าทาวน์”
ชายหนุ่มหน้าตึงไปนิดเมื่อรู้ลึกเข้าไปอีกว่าเด็กที่ชื่อแจสสิก้าทำงานที่ไหน
ตามหลักแล้วแมคที่นี่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ทำงานก่ะนึงก็ไม่ต่ำกว่า4-8 ชั่วโมงแล้ว
แถมคนก็ยังเยอะแบบว่าทั้งวันอีก แบบนี้ภรรยาของเขาคงได้รับออเดอร์กันจนหน้าเยิ้มพอดี
“ไม่ได้....ไม่ให้ไป”
ว่าแล้วก็ชิ่งเดินหนีซะเลย
“แต่ผมรับปากแจสไปแล้ว
ให้ผมทำเถอะนะ” เด็กน้อยเดินตามเขาออกมาจนถึงห้องรับแขกของบ้าน
แดดยามเย็นส่องกระทบผ่านกระจกบานใหญ่เข้ามา
ต้องกับใบหน้าได้รูปที่ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นก็ยิ่งฮอต ชายหนุ่มส่ายหน้าไม่ยอมรับ
ไม่มีทางที่เขาจะให้ภรรยาไปทำงานหนักแบบนั้นเด็ดขาด
“เดี๋ยวป่าป๊าหาคนไปแทนให้เอง
ไม่ต้องห่วง”
“ไม่เอา!!” อ่ะ
ขึ้นเสียง...
คริส อู๋
หันไปขมวดคิ้วปรามเด็กอายุใกล้จะยี่สิบตรงหน้า
แต่พอเห็นใบหน้าเหยเกเตรียมร้องห่มร้องไห้ ใจคอคนแก่ก็อ่อนยวบจนต้องรีบสาวเท้าเข้าไปประชิดแล้วดึงเข้ามาโอ๋ในอ้อมกอด
ริมฝีปากบางถูกจาบจ้วงโดยชายหนุ่มอายุใกล้สามสิบหก คริส อู๋
แทบจะเบะปากร้องไห้ตามไปอีกคนเมื่อได้ยินเสียงร้องงอแงของเด็กน้อยในอ้อมกอด
“โอเคๆ ก็ได้ๆ
ให้ทำป่าป๊าให้หม่าม๊าทำงานแล้วครับ ไม่เอาไม่ร้อง ป๊าใจไม่ดีเลย”
ใช่เขาใจไม่ดีเลย
“จริงนะ....”
ใบหน้าเปื้อนน้ำตา ยิ้มแฉ่ง ชายหนุ่มที่ตามอารมณ์ภรรยาไม่ทันกระพริบตาปริบๆ
ก่อนจะพยักหน้ายืนยัน
“เย้
ยักป่าป๊าที่ฉุด” ร่างบางกระโดดกอดคนเป็นสามี ด้วยความรัก
ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบอ้อมแขนแกร่งที่กำลังสอดเข้ามาใต้เนื้อผ้า
“เห้อ
แกล้งป่าป๊าแน่ๆเลย”
“วันนี้ป่าป๊าอยากกินอะไรหม่าม๊าจะทำสุดฝีมือ”
“กินหม่าม๊า!!”
ยืดแขนชูจนสุดพร้อมแย้มรอยยิ้มหื่นกระหาย
“ไม่เอาอ่ะ
กินข้าวก่อน ดึกๆค่อยกินของหวานนะ”
++++++++++++++++++
สัปดาห์แรกของการทำงานพาร์ทไทม์
ทำให้ชีวิตของคริส อู๋ เปล่าเปลี่ยวขึ้นมาระดับสิบ ก็ทุกวันตอนห้าโมงเย็นเขาจะต้องเห็นเจ้ารถเฟอร์รารี่คันโปรดของภรรยาคนสวยขับเข้ามาจอดในบ้าน
แต่วันนี้กลับเห็นมันจอดอยู่ในโรงรถเฉยๆเพราะเจ้าของมันไม่ได้ขับไปเรียนด้วย
“เห้อ....”
ถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วก้มลงเก็บเอกสารที่ทำค้างไว้เข้ามาในอ้อมกอด
คิดถึงจังเลย...
แม้วันนี้จะมีประชุมบริษัทตั้งแต่เช้ายันบ่าย
ไหนจะต้องทำงานอีกมากมาย แต่เขาก็ยังคงปลีกตัวกลับมาบ้านเพื่อที่จะได้รอคอยคนสวย
แต่เขากลับลืมไปสนิทเลยว่าวันนี้คือวันที่ภรรยาเด็กของเขาต้องไปทำงานพาร์ทไทม์แทนเพื่อนที่ชื่อแจสสิก้า
งานเอกสารต่างๆถูกวางลงบนโต๊ะทำงาน
ร่างสูงโปร่งเดินวนไปวนมาในห้องทำงานก่อนจะจบลงที่
ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดลำลองราคาแพงเข้าชุดออกมา
ต้องเจออ่ะ
ไม่งั้นอกแตกตายแน่ๆ....
รถเชฟโรเลตสี่ประตูสีเทาควันบุหรี่ถูกขับเคลื่อนออกจากตัวบ้านหรูใจกลางเมือง
คริส อู๋ ขับมันออกไปตามถนนแปดเลนที่เริ่มมีบ้านเรือนต่างๆเปิดไฟให้ความสว่าง
เสียงเพลงอาร์แอนด์บีคลาสสิค ดังคลอเคล้าอารมณ์ไปเรื่อยๆ จนถึงที่หมาย
ชายหนุ่มลงจากรถ
ล็อคมันอย่างดีก่อนจะย่างสามขุมตรงเข้าไปยังเคาน์เตอร์แคชเชียร์เพื่อสั่งอาหาร
สิ่งที่เขาเห็นเป็นอันดับแรก คือแม่สาวทรงโตคนสวยยืนระบายยิ้มมองมาทางเขา
เจ้าหล่อนกล่าวคำทักทายเพียงสั้นๆ
“อืม...พนักงานพาร์ทไทม์ที่มาแทนแจสสิก้า
อยู่ไหนเหรอครับ” สิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำไม่ใช่การสั่งอาหาร
แต่เป็นการถามหาคนที่ตนอยากเจอที่สุด
“อ๋อ อยู่หลังร้านค่ะ
เพราะมาใหม่เลยต้องฝึกทำงานอยู่ในครัวก่อน เป็นพี่ชายเหรอคะ”
“เปล่าครับ
สามี....เรียกเขาออกมาหาผมหน่อยได้มั้ยครับ พอดีเขาบอกให้ผมเอาของมาให้” คริส อู๋ ว่าเสริมเติมแต่งไปเองพร้อมกับรอยยิ้มประดิษฐ์แกนๆเมื่อเห็นเจ้าหล่อนอมยิ้มเล็กๆแล้วเดินหายเข้าไปในหลังร้าน
ไหนบอกว่ามาทำงานเป็นแคชเชียร์ไง แล้วทำไมถึงไปคลุกอยู่หลังร้าน
เวลาไม่ถึงนาที
ร่างสูงโปร่งของภรรยาคนสวยก็ออกมาประจันหน้ากับเขา คริส อู๋ กอดอกยืนมองนิ่งๆ
ไม่พูดไม่จา ไม่คิดจะเอ่ยคำถามเพื่อเอาคำตอบจากเด็กหนุ่มด้วย
“มาทำไมเนี้ย”
“ถ้าไม่มาแล้วจะเห็นเหรอว่าหม่าม๊าทำงานอะไร”
“ป่ะป๊า...”
ภรรยาคนสวยครวญครางก่อนจะลากเขาให้ออกห่างจากเคาน์เตอร์ที่มีลูกค้าใช้บริการอยู่
เขาไม่ได้ตั้งใจจะโกหกพ่อฝรั่งเลยนะ แต่แบบว่ามาวันแรก ก็ต้องทำงานอื่นก่อน
จะให้รับลูกค้าเลยทั้งๆที่ทำอะไรไม่เป็น มันก็ไม่ได้
“กลับบ้าน...”
สั่งเสียงเครียดแล้วก็หันหลังทำท่าจะกลับ
“ไม่ได้หรอก
หม่าม๊าออกงานสามทุ่ม”
“ป๊าบอกให้กลับบ้าน”
คริส เริ่มสั่งเสียงเครียด “พรุ่งนี้ป๊าจะส่งคนมาทำงานแทน”
“ไม่เอา....มันไม่ยากขนาดนั้นหรอกนะครับ
เชื่อใจหย็องสิ” ภรรยาสวยกอดแขนอ้อน ก่อนจะพูดต่อ “วันนี้ไม่ได้เอารถมา
อยู่รอกลับพร้อมกันนะครับ น้าๆ”
“เห้อ.....”
สุดท้ายก็แพ้เด็กมันอีกจนได้.....
สามวันแรกยอมรับว่างอแงมากเหมือนกัน
จนเกือบจะได้ทะเลาะ แต่พอผ่านมาได้เกือบจะครบอาทิตย์
หมูหย็องก็ได้เลื่อนขั้นมาเป็นแคชเชียร์รับลูกค้า
ก็เลยทำให้เขาเบาใจขึ้นมาอีกหน่อย
เพราะอีกอาทิตย์เดียวเพื่อนสาวที่ชื่อแจสสิก้าก็คงจะกลับมาทำงานของตัวเองดังเดิม...
“วันนี้จะกินอะไร”เลขาประจำตัวเดินเข้ามาทัก
เมื่อถึงช่วงพักกลางวันคริส อู๋
ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากหยิบสูทสีกรมท่าเนื้อดีขึ้นพาดแขน
หยิบกุญแจรถเอสยูวีคันโปรดกับกระเป๋าเงินเตรียมตัวออกไปด้านนอก
“ไปกินแมคกัน”
แม้อาหารฟาสฟู้ดจะอุดมไปด้วยไขมันและน้ำตาลสูง
ไม่เหมาะกับผู้ชายอายุใกล้สี่สิบที่ควรจะรักษาหุ่นอย่างมาก แต่ในเมื่อวันนี้ภรรยาคนสวยของเขาเข้างานตั้งแต่ช่วงเช้า
มันก็เลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปหาเสียหน่อย
เสียงทักทายของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เรียกรอยยิ้มของทั้งเลขาหนุ่มและคริส
อู๋ ได้เป็นอย่างดี ชุดพนักงานเข้ารูปของหมูหย็องช่างเข้ากับรูปร่างเอสไลน์ มากจริงๆ
“ไม่ควรทานอาหารเที่ยงแบบนี้นะครับ”
เสียงบ่นอุบอิบของหมูหย็องเรียกรอยยิ้มกว้างให้กับสามีหนุ่มเข้าไปใหญ่
“อยากทาน”
“เมื่อวานตอนเย็นก็ทาน
อาทิตย์นี้หมดโควตาสำหรับอาหารฟาสฟู้ดแล้วครับ” เด็กน้อยกล่าว
“บริการลูกค้าแบบนี้ใช้ไม่ได้เลยนะครับ
เดี๋ยวผมก็คอมเพลนคุณหรอก” คริส อู๋ ปั้นเสียงดุแบบไม่จริงจังมาก
แต่เรียกใบหน้าหวานสวยให้ถอดสีได้ทันที
“รับอะไรดีครับ”
จำใจต้องบริการลูกค้าแสนงอแงคนนี้จนได้
“เย็นนี้ไปดินเนอร์กันนะ”
“วันนี้ผมทำงานแปดชั่วโมง
เสียใจด้วย”
“รีบสั่งเถอะครับคุณหนู
คนอื่นเขายืนรอ” เลขาคิม จงอินกล่าว ก่อนจะเริ่มสั่งเซ็ตเบอร์เกอร์ง่ายๆ ส่วนพ่อฝรั่งก็รับเป็นกาแฟดำหนึ่งแก้วแทน
ชีวิตประจำวันของนักธุรกิจหนุ่มก็เป็นประมาณนี้
วันไหนที่ภรรยาคนสวยไม่มีเรียนก็จะทำงานกะแปดชั่วโมง
วันไหนที่เรียนเต็มวันก็จะทำแค่ช่วงเย็นเลยไปถึงค่ำ
ส่วนเขาก็ทำหน้าที่สามีที่ดีคือ ไปรับไปส่ง บางวันงานรัดตัวก็ยกคอมยกเอกสารมานั่งทำพร้อมจิบกาแฟไปด้วยจนกว่าภรรยาคนสวยจะออกจากงานนั่นล่ะ
จนในที่สุดก็ถึงสัปดาห์สุดท้ายของการทำงาน
แจสสิก้ากลับมาช่วงใกล้สอบพอดี
แถมยังมีของฝากเป็นหมวกถักไหมพรมจากฝีมือคุณแม่ของเธอให้กับหมูหย็อง
ส่วนหมูหย็องก็ยังคงทำงานต่อไปจนครบสัปดาห์ก่อนจะออกมาตั้งใจอ่านหนังสือ แม้ภรรยาของเขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้
แต่ก็คงไม่เก่งฉกาจเทียบเท่าเด็กทุนที่ลาหยุดไปสองอาทิตย์
เพราะงั้นหมูหย็องจึงต้องเร่งสปีดเก็บเกี่ยวตำรับตำราให้ได้มากที่สุดก่อนสอบ
นมร้อนในแก้วเซรามิกลายปลาวาฬแก้วโปรดของภรรยาคนสวยถูกวางลงข้างโต๊ะทำงานตัวยาว
พวกเขาใช้โต๊ะเดียวกันในการทำงานเอกสาร อ่านหนังสือ หรือทำการบ้านของหย็อง
แม้จะมีบ้างบางครั้งที่มันถูกใช้ผิดประเภทการใช้งานไปหน่อย
“ขอบคุณครับ
ป่ะป๊าจะนอนกี่โมง” หย็องถามขณะยกแก้วปลาวาฬที่มีนมอุ่นๆขึ้นซด
สายตาก็เหลือบไปเห็นแก้วกาแฟทรงเตี้ยของพ่อฝรั่ง
“เดี๋ยวก็นอนแล้ว
พร้อมหม่าม๊าล่ะ”
“งั้นดื่มนมนะ
ส่วนกาแฟก็เอามานี่” ภรรยาคนสวยยิ้มหวาน รีบฉวยเอาแก้วกาแฟในมือเขาออกไป
แล้วกดจูบลงบนแก้มสากแทนเป็นการไถ่โทษ ก่อนที่หมูหย็องจะพูดต่อ
“ดึกแล้วไม่ทานกาแฟอีน ไม่ดีต่อสุขภาพ เดี๋ยวหม่าม๊าไปเปลี่ยนให้ใหม่นะ”
“กินนมหม่าม๊าแทนไม่ได้เหรอ”
รู้น่ะว่าไม่ใช่นมในแก้ว
“ไม่ใช่คืนนี้ครับ”
ใบหน้าหล่อเหลาถูกหยิกไปหนึ่งทีด้วยความหมันไส้
จากนั้นร่างสูงโปร่งในชุดปาจามาก็เดินหายออกไปจากห้องทำงาน
ตั้งแต่ที่หมูหย็องทำงาน
ก็ดูเหมือนว่าจะมีความสุข
ยิ้มแย้มบ่อยขึ้นเหมือนกับมีเรื่องอะไรให้รู้สึกดีตลอดเวลา ส่วนเขาก็ยังคงเป็นเขา
ยังคงทำงานหนักตามเวลา แต่ก็ยังพอมีช่วงว่างบ้าง
ที่พอให้เขาออกไปเลือกหาของขวัญสำหรับวันครบรอบที่จะถึง
แต่สำหรับเขามันเป็นมากกว่าของขวัญ....
ช่วงวันเกิดของภรรยาคนสวยดันตรงกับวันสอบไฟนอลพอดิบพอดี
พวกเขาสองคนตกลงกันว่าจะพยายามเคลียร์งานและสอบให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ก่อนจะบินตรงไปพักผ่อนที่อิตาลีสักอาทิตย์หรือสองอาทิตย์
กว่าอะไรจะลงตัวก็เลยมาช่วงต้นเดือนธันวาคมแล้ว
คริส อู๋
ที่เดินถือแก้วกาแฟโทงๆไปมาในบ้านหยุดดูภรรยาคนสวยก้มๆเงยๆเก็บกระเป๋าอยู่บนพื้น
เสื้อผ้าถูกพับอย่างเรียบร้อยไร้กลีบสองกลีบสามบนเนื้อผ้าอย่างผู้ชำนาญการ ของใช้ต่างๆของเขาถูกจัดเรียงวางอยู่ด้านบนอย่างประณีต ตั้งแต่ครีมอาบน้ำครีมโกนหนวดและเครื่องประทินโฉมเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้ชายวัยกลางคนที่ควรดูแลตัวเองบ้าง
“อะไรกัน
เครื่องออกบ่ายสอง ทำไมยังเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่” เสียงบ่นตามประสาแม่บ้านจำไม
ทำให้พ่อบ้านอวดดียิ้มแย้ม เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
แต่ก็ยังไม่อยากใส่เสื้อผ้าก็เลยออกมาเดินโทงเทงแถวๆห้องแต่งตัว
“ก็จะมาใส่เสื้อผ้าไงครับ”
แก้มอวบอิ่มถูกขโมยหอมทั้งสองข้างด้วยฝีมือผู้ชายวัยสามสิบกว่าที่ปลดผ้าเช็ดตัวเดินล้อนจ่อนไปเลือกเสื้อบนราวน็อคดาวน์
เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหัว มองก้นกลมๆของสามีส่ายดุกดิกไปมา
“ให้เวลาสิบนาที
เสร็จแล้วก็แบกกระเป๋าไปใส่รถด้วย หม่าม๊าจะไปเช็คความเรียบร้อยในบ้าน”
“ครับ ที่รัก
รับทราบเลย”
พวกเขาขนกระเป๋าขึ้นรถปิดบ้านเรียบร้อย
จากนั้นก็ขับเจ้าเชฟโรเลตคู่ใจของพ่อฝรั่งเพื่อไปยังสนามบิน
พวกเขาฟังเพลงคลาสสิคสมัยยุคเจ็ดศูนย์
พูดคุยไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับทานอาหารว่างง่ายๆ
เป็นความสุขเล็กๆที่
ไม่เล็กเลย.....
อิตาลี....
บ้านพักต่างอากาศส่วนตัวสุดหรูใจกลางเมืองของพ่อฝรั่งถูกเปิดเอาไว้เพื่อต้อนรับพวกเขา
คนงานที่เพิ่งเข้ามาทำความสะอาดและสแตนด์บายรอปรนนิบัติถูกพ่อฝรั่งไล่ให้กลับไปพักผ่อน
เพราะช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่อยู่ที่นี่พวกเขาต้องการความเป็นส่วนตัวที่สุด
แต่ดูเหมือนว่าพ่อฝรั่งจะไม่รู้ว่ามีใครบางคนคิดจะเซอร์ไพร์สในค่ำคืนนี้.....
“ทำทานอะไรครับหม่าม๊า”
เสียงร้องโวยวายดังออกมาจากห้องรับแขก หย็องที่ยืนกวนซอสสปาเก็ตตี้อยู่กรอกตามองบนทันที
ที่ก้นของตัวเองถูกฝ่ามืออุ่นร้อนบีบเค้นเล่นยกใหญ่
“อาหารฝรั่งง่ายๆ”
เขาไม่ถนัดกับอาหารชนชาติตะวันตก แต่เห็นว่าพ่อฝรั่งบนอยากทานก็เลย
จัดการทำสปาเก็ตตี้มี้ทบอลง่ายๆให้ทานเป็นมื้อค่ำ
“หอมจังเลย”
เสียงกระเซ้าที่ไม่รู้ว่าชมอาหารหรือกลิ่นที่ฟุ้งออกมาจากซอกคอเขากันแน่
หย็องรีบเบี่ยงตัวหลบก่อนจะส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปให้พ่อฝรั่งนิสัยหื่นกาม
ให้รู้ว่าถ้าไม่หยุดคืนนี้อด
“ไปนั่งเฉยๆ
อย่างอแง”
มื้ออาหารจบลงเมื่อพ่อฝรั่งเก็บจานไปล้างตามคำสั่งศรีภรรยาคนสวย
เสียงโทรทัศน์ที่เปิดช่องท้องถิ่นทิ้งเอาไว้ทำให้ ชายหนุ่มต้องส่ายหัวอย่างนึกขำ
ก็ยัยคนที่เปิดทีวีทิ้งไว้เสียงดังไปทั่วบ้านตอนนี้หายไปแล้ว
“หม่าม๊า
ไม่ดูป๊าปิดน้า” ตะโกนบอกเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวจะเล่นจ้ำจี้กับเขาคืนนี้
ส่วนเขาน่ะเหรออาบรอตั้งแต่ช่วงเย็น เหลือก็แต่ล้างหน้าแปรงฟันก็เท่านั้นเอง
คริส อู๋
เดินผิวปากขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน เสียงเพลงอาร์แอนด์บียุคเก่า
พร้อมกับกลิ่นเทียนหอม ทำให้เขาต้องเลิกคิ้วสงสัย
ขายาวๆที่มักจะก้าวเร็วเสมอค่อยๆเยื้องย่างไปอย่างช้าๆ
เขาไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้ว่าความพิเศษที่แตกต่างจากคืนอื่นๆนั้นเป็นการเซฮร์ไพร์ส
แต่เขาแค่ไม่รู้ว่าจะถูกเซอร์ไพร์สก่อนแบบนี้
ทั้งๆที่พรุ่งนี้เขาเตรียมจะเซอร์ไพร์สภรรยาคนสวยเอาไว้แล้ว....
กระดาษสีเหลืองขนาดเอห้าวางอยู่บนพื้น
ชายหนุ่มก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาก่อนจะอ่านอย่างช้าๆ มันไม่ใช่ภาษาที่เขาถนัดเท่าไหร่
แต่มันก็เป็นภาษาที่ภรรยาของเขาอยากจะให้เขาเข้าใจมันเพิ่มขึ้นอีกสักภาษา
เดินไปที่เตียง....
คริส อู๋
ทำตามคำสั่ง เตียงขนาดหกฟุตควีนไซส์นั้นเรียบแป๋ มันถูกปูทับด้วยผ้านวมสีขาวสะอาด
ไม่มีกลีบกุหลาบหรือดอกไม้ชนิดใดทั้งสิ้น ยกเว้นเสียจากกล่องหนังสี่เหลี่ยมทรงคิวบ์สีน้ำตาลอ่อน
กล่องแหวนเหรอ....
แผ่นโพสต์อิทเล็กๆสีเหลืองเช่นเดียวกันที่แปะอยู่บนกล่องถูกดึงออกมาอ่าน
มันเขียนว่าให้เปิดกล่องดูแล้วหันไปทางซ้าย คริส อู๋
หัวเราะออกมานิดๆก่อนจะหยิบกล่องหนังสีน้ำตาลขึ้นมาเปิด
กล่องใส่แหวนจริงๆด้วย.....
แต่มันกลับว่างเปล่าไม่มีแหวน....
ใจของผู้ชายวัยสามสิบกลางๆเต้นจนแทบจะวาย
แค่เพียงเห็นกล่อง เขาหันมองไปทางด้านซ้าย
ก่อนจะพบกับเจ้ากระดาษโพสต์อิทเล็กๆแบบเล็กสุดๆแปะเอาไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าเนื้อดี
เรียกชื่อผมดังๆ
3 ครั้งนะ....
“หย็อง! หย็อง! หมูหย็อง!”
แม้จะรู้สึกเขิน แต่ชายหนุ่มก็ยอมทำตามพร้อมรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า
แสงไฟทั่วบ้านดับลงทันที
เหลือเพียงแสงที่มาจากเทียนหอมไม่กี่ดวงที่วางอยู่บนโต๊ะโคมไฟข้างเตียง
“ฉันต้องรอสินะ”
ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองก่อนจะเดินมานั่งที่ปลายเตียง
สายตายังคงจดจ้องมองกล่องหนังสีน้ำตาลในมืออย่างใจเต้นระทึกไปหมด
ถ้าหย็องเซอร์ไพร์สเขาก่อนแบบนี้
เห็นทีว่าเซอร์ไพร์สของเขาพรุ่งนี้คงต้องปรับเปลี่ยนแผนกันยกใหญ่
เสียงเดินลากเท้าดังมาจากนอกห้อง
คริส อู๋ หันไปมองก่อนจะพบหัวทุยๆโผล่พ้นออกมาจากขอบประตู
รอยยิ้มที่ต้องกับแสงเทียนนั้นช่างหวานละมุนและน่ารักเสียยิ่งกว่าตุ๊กตาบาร์บี้ตัวไหนบนโลก
เขากำลังจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหา แต่กลับถูกภรรยาเด็กยกมือห้ามเสียก่อน
“ไม่ต้องเดินมาหาหรอก
เดี๋ยวเดินไปหาเอง” ว่าแล้วก็กระแอ้มกระไอเรียกความมั่นใจขณะเดินเข้ามาหา
ร่างสูงโปร่งเกินร้อยแปดสิบเซนต์คุกเข่าลงตรงหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียง
มือเล็กๆที่กำเอาไว้แน่น
แบออก แหวนวงสีเงินไร้เครื่องเพชรหรือลวดลายประดับนอนอยู่บนนั้น คริส อู๋ เผยอยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใบหน้าของภรรยาคนสวยกำลังแดงเห่อ
เอาเถอะ...เขาจะยอมสักครั้ง
“ให้ป๊าเหรอ”
“อื้ม!
หม่าม๊าเซอร์ไพร์สใครไม่เก่ง จัดอะไรก็ไม่เป็นมันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น”
หมูหย็องยิ้มแกนๆ รู้สึกว่าเขายังทำออกมาไม่เต็มที่พอ “แหวนนี่มันอาจจะไม่มีค่าอะไร
แต่มันก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของหม่าม๊าเองเลยนะ”
“อย่าบอกว่าดื้อที่จะทำงานก็เพราะแบบนี้”
คนแก่กว่าถามอย่างเอ็นดู เด็กน้อยพยักหน้าช้าๆ
“ใช่
กว่าจะซื้อมันมาได้”
“ทำไมต้องลำบาก”
เสียงที่เคยปนเสียงขำขันนั้น ปรับให้สมูทขึ้น
แววตาที่ยังจดจ้องมองกลุ่มผมนุ่มนิ่มนั้นบ่งบอกว่ามีแต่ความรักและลุ่มหลงอย่างหนักหน่วง
“ก็ใครมันจะไปซื้อแหวนแต่งงานให้แฟนโดยใช้เงินแฟนกันเล่า!!”
คิ้วสวยเลิกขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แหวนแต่งงาน....
“ป๊าว่านั่นมันต้องหน้าที่ป๊านะ
ขอแต่งงานเนี้ย” ใบหน้าหวานสวยเงยขึ้นก่อนจะฉีกยิ้มแฉ่ง
เด็กน้อยกระโจนขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียงควีนไซส์เเล้วดึงให้เขาหันไปนั่งแบบเดียวกัน
“ใครขอก็ไม่ต่างกันหรอกนะ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
“........งั้นเหรอ”
“ขอมือด้วยครับ”
รอยยิ้มสวยๆบานเปล่งเต็มใบหน้าที่สวยกว่า
หมูหย็องดึงมือที่ค่อยๆยกขึ้นมาเอาไว้ตรงหน้าตัวเอง
แหวนสีเงินวงเกลี้ยงถูกสอดเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้ายของชายหนุ่ม
ความอุ่นร้อนของมันบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวกำมันมานานมากแค่ไหน
ฝ่ามือหนาถูกยกขึ้นจุมพิตเบาๆ
สายตาคู่สวยหยาดเยิ้มเหมือนกับว่าตัวเองกำลังของสาวสักคนแต่งงานอยู่ก็ไม่ปาน
เสียงแหบแห้งแต่ก็ยังติดคีย์สูงๆเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มที่แย้มกว้างขึ้น
“แต่งงานกับผมนะครับ
คริส”
“.....” คริส
อู๋ ไม่ตอบ เขาเอาแต่เงียบ
สายตาก็จดจ้องมองแต่ใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้เริ่มแดงกล่ำเพราะอดกลั้นความเขินเอาจนใกล้ทะลัก
รอยยิ้มบางๆแกมขบขันปรากฏบนดวงหน้าหล่อ คริส อู๋
ละสายตาก้มลงมองเจ้าแหวนสีเงินวงเกลี้ยงที่ตอนนี้อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ใส่ให้ขนาดนี้
ไม่แต่งก็ดูจะใจร้ายเกินไป”
“หืม....”
“ครับ
ป๊าจะแต่งงานกับม๊า” คริส อู๋ตอบรับคำขอ
“เย้!!”
เสียงร้องโวยวายอย่างดีใจไม่ต่างกับเด็กแปดขวบดังขึ้น
ร่างบางที่ไม่ได้ผอมแห้งแรงน้อยนักกระโจนโอบกอดรอบคอคนแก่กว่า
จนล้มหงายไปบนที่นอนด้วยกันทั้งคู่
ริมฝีปากเล็กๆสีแดงฉ่ำกดจูบย้ำๆลงบนริมฝีปากของคนที่ตนเองเพิ่งจะขอแต่งงานไปอย่างดีใจสุดๆ
คนแก่กว่าได้แต่นอนแผ่เป็นเบาะรองร่างนุ่มนิ่มอย่างสุขหัวใจ
การเซอร์ไพร์สที่แทบจะไม่ต้องใช้ต้นทุนหรือความหรูหราเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่กลับทำให้เขาสุขจนมันเอ่อล้นออกมาทางดวงตา
“ร้องไห้เหรอครับ”
เสียงทักของคนด้านบนพร้อมกับริมฝีปากฉ่ำที่กดลงบนคางเบาๆ คริส อู๋ เกลือกตามอง
ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
“ใคร บ้า!”
“ฮ่าๆ
หนูน้อยของหมูหย็องน่ารักจังน้า” เสียงหยอกล้อนั้นทำให้ชายหนุ่มหมันเขี้ยว
เขาพลิกตัวเพียงนิดเดียวร่างสูงโปร่งของภรรยาคนสวยก็ลงไปนอนกับที่นอน
โดยที่มีเขาคร่อมเอาไว้ด้วยแขนหนึ่งข้าง คริส อู๋ กดจมูกฝังลงบนแก้มใสๆ
เสียงหัวเราะคิกคักของหย็องนั้นทำให้เขารู้สึกดีจนแทบบ้า
“แหวนสวยมากเลยนะ
ตาถึงจริงๆ” ว่าแล้วก็รีบหยิบยกแหวนบนนิ้วนางตัวเองขึ้นมาส่อง
“แล้วไหนของหม่าม๊า”
เด็กน้อยเริ่มเรียกร้อง ชายหนุ่มเลิกคิ้วก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ให้ จะทำไม”
“ได้ไง
แบบนี้ก็เป็นม๊าแต่งกับป๊าคนเดียว!!” เด็กน้อยเริ่มย่นหัวคิ้ว
“พูดมาก
จังเลยน้า” คริส อู๋
ย่นหัวคิ้วตามก่อนจะกดหน้าจาบจ้วงล่วงเกินเจ้าริมฝีปากสีแดงสดอย่างลึกล้ำ
เสียงครางอื้ออึงในลำคอของภรรยาคนสวยช่วยบิ้วอารมณ์จากน่ารักสดใส
ให้ร้อนแรงขึ้นได้ในพริบตา....
คืนนั้นมีเพียงแค่หมูหย็องที่ให้แหวนกับเขา
ต่อจากเรื่องเซอร์ไพร์สเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องบนเตียง
พวกเขาต่างปลดเปลื้องความต้องการ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยขาดมันเลยแม้แต่ค่ำคืนเดียว
แต่คืนนี้มันกลับพิเศษ พิเศษมากเสียจนไม่รู้เลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะจบลงตอนไหน
คริส อู๋
ที่ตื่นเช้ากว่ากระชับอ้อมกอดที่มีร่างเปลือยเปล่าของภรรยาคนสวยอยู่ให้แน่นขึ้น
ก่อนที่จะยกมือข้างซ้ายขึ้นพิจารณาแหวนสีเงินวงเกลี้ยงเพื่อฆ่าเวลารออีกคนตื่น ตัวอักษรที่สลักอยู่บนแหวนทำให้เขาต้องถอดมันออกมาดูด้วยความสงสัย มันสลักเอาไว้จางมากๆจนแทบที่ถ้าไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็นมัน
องค์การช่วยเหลือผู้ยากไร้.......XXX
คริส อู๋
เลิกคิ้วก่อนจะหันไปมองภรรยาคนสวยที่นอนกรนเบาๆอยู่ในอ้อมกอด
เขายิ้มออกมานิดหน่อนก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาจงอินที่ตอนนี้คงจะนั่งทำงานอยู่
ข้อความที่ส่งกลับมาในสิบห้านาทีทำให้ชายหนุ่มยิ้มมากขึ้น
แหวนวงนี้ได้มาจากการบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือผู้ยากไร้ในต่างแดน
ชื่อที่บริจาคไปเป็นชื่อของเขา
วงเงินของมันก็เท่ากับค่าแรงทั้งหมดสองอาทิตย์รวมกันของหมูหย็อง ก็ไม่กี่สิบเหรียญ
แหวนวงนี้มีมูลค่า
180 เหรียญ....
แต่สำหรับเขามันประเมินค่าไม่ได้.....
ชายหนุ่มต่อสายตรงหาจงอิน
เพื่อให้ช่วยจัดการอะไรบางอย่าง
เขาใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ได้เรื่องตอบกลับมาว่าเรียบร้อยแล้ว.....
ถ้าแหวนของเขามีมูลค่า
180 เหรียญ ของหมูหย็องก็ควรจะมีค่ามากกว่านั้น....
ทริปเที่ยวอิตาลีเต็มไปด้วยสีสันและเสียงหัวเราะของเขาภรรยาคนสวย
ส่วนเขาก็รับหน้าที่เติมเต็มความต้องการให้กับอีกฝ่ายเท่านั้น
พวกเขาอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก่อนที่จะบินกลับอเมริกาเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง
หมูหย็องที่กำลังนั่งจิบชาอยู่บนโซฟาในช่วงวันหยุด
กำลังใช้สายตาจับจ้องมองทีวีจอแอลอีดีเบื้องหน้า เมื่อรายการโปรดกำลังถ่ายทอดสด
ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า เป็นวันหยุดที่แสนจะธรรมดา
แต่เขากลับเหงานิดหน่อยเพราะพ่อฝรั่งต้องบินไปประชุมไกลถึงเเม๊กซิโกเรื่องฐานขุดเจาะน้ำมัน
เสียงกดออดหน้าบ้านทำให้หย็องต้องลุกจากโซฟาออกไปเปิดประตูรับ
พนักงานส่งของในชุดสีส้มสวมหมวกแก้ปสีดำส่งรอยยิ้มมาให้เขาเป็นอันดับแรก พร้อมกับยื่นกล่องเล็กๆหนึ่งใบส่งให้เขา
เด็กหนุ่มเซ็นต์รับของเมื่อชื่อและที่อยู่เป็นของเขา
หย็องขมวดคิ้วนิดหน่อยที่เห็นว่าบนกล่องมีประทับตาจากองค์การช่วยเหลือผู้ยากไร้
ส่งอะไรมาให้อีกนะ....
กล่องหนังสีน้ำตาลอีกแล้ว....
เด็กหนุ่มหยิบมันออกมาจากกล่องกระดาษ
ข้างใต้มีการ์ดสีน้ำเงินขอบทองหรูหราหนึ่งใบ
จำได้ว่าตอนที่เขาโดเนทไปเพื่อแหวนที่จะให้พ่อฝรั่งเขาก็ได้การ์ดหรูหราแบบนี้เช่นกันแถมด้านในยังมีการบอกด้วยว่าเขาโดเนทเงินไปเท่าไหร่
หย็องเปิดอ่านการ์ดที่แนบมาให้ก่อนเนื้อหาใจความด้านในทำให้เขาต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง
เนื้อความในการ์ดสั้นกระชับได้ใจความภายในสามบรรทัด
แต่ไอ้ที่เรียกให้คิ้วเขาเลิกขึ้นสูงได้ก็คือจำนวนเงินโดเนท
18 ล้านเหรียญ......
อย่างกับผีบอก
เมื่อเสียงข้อความจากโปรแกรมแชทดังขึ้น ชื่อที่เด่นหราอยู่บนหน้าจอคือชื่อของพ่อฝรั่ง
หย็องกดเข้าไปดูข้อความด้านใน
/ลองสวมดูสิ
แหวนคู่ของเรา หวังว่าหม่าม๊าจะชอบ เย็นนี้สองทุ่ม ป๊าจะพาไปดินเนอร์พูดคุยถึงเรื่องการเตรียมงานของเรา
รักนะครับ/
ข้อความยาวเหยียดจบลงในบล็อกข้อความเดียว
เด็กหนุ่มหลับตาลงก่อนจะกดเบอร์โทรข้ามประเทศไปหาพ่อฝรั่งที่ตอนนี้คงกำลังยิ้มหน้าบานอยู่ในห้องประชุมแน่ๆ
เสียงทุ้มต่ำแลดูสดใสทักทายลงมาก่อน
รายนั้นเอาแต่พูดถึงของที่น่าจะไปส่งถึงบ้านแล้ว
แต่นั่นกลับทำให้เด็กหนุ่มวัยยี่สิบเริ่มควันออกหู
“วันนี้ไม่ต้องกลับบ้าน”
/หืม.....เป็นอะไรไปครับ/
ปลายสายหยุดดี้ด้าแล้วถามเสียงเครียดๆทันที
“ถ้าวันนี้หาเงินได้ไม่ถึง
18 ล้านเหรียญก็ไม่ต้องกลับบ้าน!!!!”
โกรธ.....
เขากำลังโกรธ.....
ทำบุญทำทานมันก็ดีอยู่หรอก แต่ทำทีแทบจนนี่.....
มันน่านักไอ้พ่อฝรั่งจัญไร!!!
เสียงแกรนด์เปียโนดังไปทั่วบริเวณด้วยฝีมือของนักดนตรีมือฉมัง แขกเรือในงานก็เป็นคนในแวดวงธุรกิจ มีนักข่าวจากสำนักงานใหญ่ๆไม่กี่รายที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำข่าวก็พ่อนักธุรกิจวัยใกล้สี่สิบกำลังจะแต่งงานกับเด็กหนุ่มคราวลูกนี่นะ....ใครก็สนใจเป็นธรรมดานอกนั้นก็เป็นคนในครอบครัวของทั้งสองฝ่าย
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่คิดอยากจะแต่งและไม่คิดอยากจะให้มันเป็นข่าวใหญ่โตแน่ๆ
เพราะเขาไม่สามารถทนขี้ปากและเสียงเล่าลือต่างๆนาๆที่ไปในทางที่ไม่ดีได้
แต่ตอนนี้
เขากลับเฉยเมยกับมัน เพราะรู้สึกว่ามีแต่เราเท่านั้นที่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่....ส่วนคนอื่นก็แค่สนุกปาก
ญาติและเพื่อนฝูงของทั้งพ่อฝรั่งและเขากำลังนั่งเรียงกันอยู่บริเวณเก้าอี้หน้าสุดของโบสถ์
ญาติของเขาก็มีแต่ป้าหอมกับเจ้าโอลูกสมุนของเขาที่บินส่งตรงมาจากจีนเท่านั้น
เด็กหนุ่มมองตรงไปยังคนเป็นป้าก่อนจะยิ้มบางๆ เมื่อเห็นน้ำตาเม็ดแรกหยดแหมะลงไปบนแก้มเหี่ยวย่น
ส่วนคนที่พาเขาเดินเข้ามาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพ่อของพ่อฝรั่งเขาอีกที
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนดวงหน้าหล่อเข้าขั้นเทพไม่ต่างจากลูกชาย
พ่อตาสวมกอดเขาเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้เขาเดินเข้าไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนหูตั้งหางกระดิกรออยู่ในชุดสูทสีขาว
แหวนบนนิ้วของพ่อฝรั่งหายไปแล้ว
แหวนมูลค่า 18 ล้านเหรียญของเขาก้กำลังนอนแผ่อยู่บนหมอนสีไข่มุกที่หลวงพ่อกำลังถืออยู่เคียงข้างแหวนราคา180เหรียญ เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าพ่อฝรั่งที่ส่งยิ้มมาให้
“หล่อจัง”
“หม่าม๊าหล่อทุกวันแหละ
ป๊าก็หล่อ”
“หล่อทุกกวัน.......ใช่ป๊าหล่อที่สุดเลย”
พวกเราคุยกันนิดหน่อยก่อนที่จะเริ่มพิธี
พ่อหลวงพูดเจือแจ้วไปตามเรื่อง
ส่วนพวกเขาก็ขานรับอย่างไม่อิดออดว่าแต่ละฝ่ายจะยอมรับอีกฝ่ายเป็นคู่ชีวิตหรือไม่
จนถึงขั้นตอนสุดท้ายของพิธี เราต่างสวมแหวนให้กันและกัน
แม้ว่ามันจะเป็นบาดแผลในใจเขาลึกๆก็ตาม
18
ล้านเหรียญเชียวนะเหอะ....
“เจ้าบ่าวจูบเจ้าบ่าวได้”
เสียงสั่งสุดท้ายก่อนที่พิธีจะเสร็จสิ้น
แม้จะรู้สึกเขินนิดๆที่ต้องมาจูบให้คนนับสิบนับร้อยได้ดู
พ่อฝรั่งแย้มรอยยิ้มกว้างก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามา
ริมฝีปากของเราแตะผ่านกันอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเป็นพ่อฝรั่งที่เริ่มขบเม้มดูดดื่ม
เสียงปรบมือรอบด้านทำให้เด็กหนุ่มเวียนหัว
รสชาติรสสัมผัสวาบหวามในอกทำให้เขาได้ยินเสียงอบข้างเบาลงเบาลงเรื่อยๆ
คบกันไม่เท่าไหร่ก็แต่งงานกันซะแล้ว.....หลายคนคงคิดว่าเขารีบ
ไม่หรอก เวลาแบบนี้ล่ะที่เหมาะสมที่สุด ถ้าเกิดว่าคนตรงหน้าน่ะใช่สำหรับเราแล้ว
ถ้าเขารู้เร็วและมั่นใจกว่านั้นสักนิด มันอาจจะไม่ต้องล่วงเลยมาถึง 1 ปี 8 เดือน 7
วัน ก็ได้
-จบบริบูรณ์-
ความคิดเห็น