คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CH01
CH01
++++++++
“ไอ้หย็อง!
เอาขนมสอดไส้ไปวางที่แผงเจ๊เกียวรึยัง” เสียงโวยวายแสบแก้วหูดังออกมาจากหลังบ้าน
จนเด็กหนุ่มที่นอนเอกขเนกพร้อมในมือถือหนังสือปลุกใจเสือป่าอยู่ถึงกับสะดุ้งกระวีกระวาดลุกขึ้นเดินไปหา
“ไปแล้วจ่ะป้า”
“แล้วไหนตัง”
“เจ๊แกบอกแปะไว้ก่อนอ่ะ”
“บ้ะ แล้วเอ็งก็ให้แปะเหรอวะ
ไอ้หย็อง!!”
ตะหลิวอันเคืองถูกยกขึ้นเขกหัวทุยได้รูปของเด็กหนุ่มทันทีด้วยความโมโห
ใบหน้าของหญิงร่างท้วมใกล้วัยชราหงิกจนน่ากลัว
แต่คนถูกประทุษร้ายกลับทำเพียงแค่ยิ้มจืดๆแล้วเดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นป้าแทน
ป้าน่ะรักเขาจะตาย…
“ยังๆ ยังจะมากอด ไปเลย
รีบไปเอาค่าขนมที่เจ๊เกียวเดี๋ยวนี้!!!”
จากเหตุการณ์ตอนต้นก็พอจะเดาได้แล้วว่า
เด็กอายุสิบแปดรูปร่างผอมสูงอย่าง หย็องหรือหมูหย็องมีฐานะทางบ้านเป็นเช่นไร
ก็จนข้นแค้นน่ะสิถามได้….
ตั้งแต่เกิดจนจำความได้ ผู้ปกครองที่คอยดูแลเขามาตลอดจนถึงตอนนี้ก็คือป้าหอม
ป้าหอมชอบเล่าว่าพ่อกับแม่เขาแยกทางกันตั้งแต่อยู่บนเตียงในร้านนวดแห่งหนึ่งที่แม่ทำงานอยู่
แล้วจากนั้นอีกสามเดือนแม่ก็รู้ตัวว่าท้อง
นอนคิดอยู่หลายตลบว่าจะเอาเขาออกดีหรือไม่ดีเพราะตัวเองยังต้องใช้เรือนร่างหากินกับพวกแขกต่างชาติ
ผลสุดท้ายป้าเลยต้องออกปากรับคำว่าจะเลี้ยงดูปูเสื่อผมแทน
แม่ถึงไม่เอาเขาออกแล้วอุ้มท้องเขาจนคลอด
และนั่นก็เป็นสาเหตุให้เขาถูกกดขี่จนถึงทุกวันนี้ไงล่ะ….
ป้าหอมใช้เขาไม่ต่างจากแรงงานทาสตั้งแต่ขึ้น
ป.สามทั้งให้เดินขายขนม ขายพวงมาลัยตามสี่แยกไม่ก็ส่งผักตามตลาดหยิบๆย่อยๆพอที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้
ช่วงเวลาในวัยเด็กจึงไม่สวยหรูนัก
ทั้งเสื้อผ้าของลงของเล่นขนงขนมแบบเด็กทั่วไปอย่าได้คิดว่าจะมีให้ใส่ให้กิน
แต่ยังดีที่ป้าเมตตาให้เขาได้ร่ำเรียนจวบจนจบมัธยมหก
ส่วนชื่อของเขา
ได้มาจากตอนที่แม่ท้องแล้วชอบกินแต่หมูหย็อง
แม่เลยตั้งชื่อให้ก่อนที่ท่านจะเสียด้วยโรคมะเร็งปอด และนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาได้จากแม่
นอกเหนือจากเลือดเนื้อเชื้อไข
“พี่กลอยโอเลี้ยงแก้ว”
พอเดินๆไปแล้วชักจะคอแห้ง หย็องเลยหยุดซื้อโอเลี้ยงจากแผงน้ำของพี่กลอย
สาวสวยประจำซอยร้านนวดที่เปิดเรียงกันเป็นตับ เจ้าหล่อนมองเขาด้วยสายตาหวานเยิ้ม
มือก็หยิบจับกระบวยตักโอเลี้ยงใส่แก้วที่อัดน้ำแข็งไว้เต็ม อีกมือก็จับกระป๋องนมจืดราดลงไปชนิดที่ว่าแทบจะล้นทะลักพอๆกับนมสองเต้าอวบๆของพี่แก
“เท่าไหร่พี่” หย็องถาม
“พี่ให้หย็องฟรีเลยจ่ะ” เจ้าหล่อนยื่นแก้วส่งให้พร้อมลูบไล้ต้นแขนขาวผ่องของเด็กวัยสิบแปด เด็กหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกับเริ่มดูดโอเลี้ยงในมือไปด้วย
ความจริงที่มากินร้านพี่กลอยบ่อยๆก็เพราะว่าฟรีนั่นล่ะไม่มีเหตุผลอื่น
และไอ้ที่ฟรีนี่ก็ไม่ต้องถามว่าเพราะเหตุผลอันใด
ก็เขาน่ะจัดอยู่ในประเภทหล่อเหลาได้เรื่อง
ไม่ว่าจะเดินไปซอยไหนในเมืองพัทยา ก็แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก ไอ้หย็องคนนี้
ทั้งที่หลังบ้านเดินไปสามก้าวก็ถึงหาด วันๆอาบเหงื่อต่างน้ำ ตากแดดเป็นปลาหมึกแห้ง
แต่ผิวพรรณก็ยังคงความขาวใสดุจนมแพะนมลา ไหนจะหน้าที่ผ่าเหล่าผ่ากอจากคนเป็นแม่กะป้า
จนใครๆก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร
หย็องเดินเลียบชิดกับถนนไปเรื่อยๆผ่านร้านรวงต่างๆ
หยุดทักวินมอไซต์ที่เขาเคยมาส่งข้าวผัดให้บ้างอะไรบ้างก่อนจะตรงดิ่งเข้าตลาดเทศบาลที่เปิดให้บริการตั้งแต่เช้ามืดยันหัวค่ำ
แต่เวลาเที่ยงคล้อยบ่ายแบบนี้คนจะซาหน่อย เพราะเป็นเวลาทำงานของพวกเช้าชามเย็นชาม
จะคึกคักอีกทีก็ช่วงเย็นเพราะมาจับจ่ายซื้อกับข้าวสุกกัน
“เห้ย เฮียหย็องจะไปไหนครับ”
ร่างสูงโปร่ง แลดูบอบบางหยุดยืนตรงหน้าแผงขายผัก ไอ้โอ
ลูกเจ๊เกียวนั่งยิ้มแฉ่งในมือก็ถือขวดเจาะรูฉีดรดน้ำผักไปเรื่อยๆแลดูมีความสุข หย็องสอดส่ายสายตามองหาคู่กรณี
แต่เมื่อไม่พบจึงหันมาเล่นงานไอ้โอลูกชายคนเล็กหัวแก้วหัวแหวนแทน
“แม่เอ็งไปไหนวะ”
“อ๋อแม่เดินไปเก็บค่าแผงลอยน่ะ
เพิ่งไปเอง เฮียหย็องมีอะไรกับแม่โอเหรอ”
“เมื่อเช้าข้าเอาขนมมาวางที่แผงฝากแม่เอ็งขายแต่ไม่ได้เก็บตัง
ป้าหอมบอกให้มาเอาอ่ะ” เด้กหนุ่มวัยสิบหกขมวดคิ้ว
เกาหัวหยุบหยับแล้วบอกให้พี่ชายหัวโจกประจำแก๊งเสือสมิงที่ตัวเองตั้งขึ้นมาไว้หลอกพวกลูกคนมีตังที่โรงเรียน
นั่งลงตรงแผงลอยที่ไม่มีใครเช่า
หย็องเองก็ยอมทำตามแต่โดยดีด้วยการกระโดดขึ้นไปนั่งห้อยขาต่องแต่ง
จับจ้องมองผักนานาชนิดที่อยู่บนแผง ในใจก็นึกอิจฉาไอ้โอ
ลูกกระจ๊อกตัวเองที่บ้านมีตลาดไม่พอยังมานั่งขายผักส่งผัก โรงเรียนก็เข้าเอกชนหรูหรา
มีเงินใช้มีโทรศัพท์แพงๆเอาไว้เล่น
แต่เขานี่สิแค่โรงเรียนวัดก็แทบจะไม่มีปัญญาจ่ายค่าชีทค่าทำนุบำรุงรายปี
“เฮียหย็องเสาร์นี้ว่างป่ะ
มาติวภาษาอังกฤษให้โอทีดิ”
“ชั่วโมงสามร้อย
มากกว่านั้นได้แต่ต่ำกว่านั้นไม่สอน”
“โห เฮียหย็อง แม่ผมจะจ่ายเหรอ ตั้งแพง
สองร้อยได้ป่ะ สามชั่วโมง ได้หกร้อยเลยนะ”
หย็องชายตามองเด็กหนุ่มที่กำลังทำตาละห้อย
ที่มันบอกให้เขาไปติวนี่ไม่ใช่ว่าเขาเก่งกาจอะไรนัก แต่ก็แค่พอตัวและสอนมันเข้าใจ
เพราะช่วงที่ต้องไปเร่ขายของปาหี่ตามสถานเริงรมย์ มันต้องใช้ภาษาอังกฤษ
วันหนึ่งอย่างต่ำก็เกือบสี่ชั่วโมงที่ต้องใช้ภาษาที่สอง
เขาทำแบบนี้ทุกวันตั้งแต่มอสี่ ตอนนี้ก็ยังไม่เลิก
สกิลการพูดการเรียนภาษาอังกฤษเลยดีกว่าคนอื่นซึ่งถือเป็นพรสวรรค์และพรแสวงพิเศษหนึ่งเดียวในตัว
หย็องคิดอยู่สักพักก็ตกลง
ถ้าเกิดยังวอแวจะเอาชั่วโมงสามร้อยคงได้อด อิหกร้อยนั่นแน่ๆ
มักน้อยดีกว่ามักมากแล้วชวดล่ะวะ
“กี่โมงก็นัดมาละกัน”
“สามทุ่มเฮีย ที่ชูโรส”
“ห้ะ!
สอนภาษาบ้าอะไรที่อ่างอบนวด” แม้ตัวเองจะจัญไรพอสมควรกับเรื่องคาวโลกีย์
แต่ไอ้เด็กอายุย่างสิบหกอย่างไอ้โอ ริหาญกล้าไปที่แบบนั้นได้ยังไง
“น่าๆ ถือเป็นค่าจ้างพี่ให้ไปกับผมไง" ไอ้โอกล่าว ส่วนคนฟังก็ตาลุกวาว แค่ไปเป็นเพื่อนเที่ยวก็ได้ตัง อะไรมันจะบุญหล่นทับไอ้หย็องขนาดนี้
“ตกลงจะให้ติวหรือให้ไปเที่วว เอาดีๆ” หย็องถามในขณะที่ก้นก็เริ่มนั่งไม่ติด เขาไม่มีปัญหาหรอกแต่ถ้าเกิดตำรวจเข้าตรวจเจอไอ้เด็กเปรตนี่
ใครซวยก็ต้องไอ้หย็องคนนี้แน่นอน
“โอจะบอกแม่ว่าไปเรียนบ้านเฮียหย็องไง”
"จะดีเหรอ ไอ้โอ"
"ดีสิ เดี๋ยวเพิ่มให้อีกสี่ร้อยถ้าแม่จับได้ละพี่รับแทน ^^"
“ไอ้เด็กเปรต!! ”
เสียงเพลงบีทหนักๆเคล้าคลอไปพร้อมกับแสงสีชมพูอมม่วงแบบที่ร้านคาวโลกีย์แถบนี้ชอบใช้กัน
ที่รู้ไม่ใช่ว่าเจนจัดกับสถานที่พวกนี้นัก
เขาก็แค่เคยมาส่งข้าวส่งน้ำให้กับพวกเจ๊ๆที่ทำงานบริการช่วงค่ำ
เพราะถ้าสั่งกับข้าวที่ร้านก็จะถูกชาร์ตแพงพอๆกับนักท่องเที่ยว ถ้าหากวันไหนมีแขกอ๊อฟก็จัดไปชุดใหญ่
แต่ถ้าวันไหนปากแห้งอดอยากก็ต้องพึ่งกะเพรากล่องแห้งๆราคาไม่กี่บาทไปตามระเบียบ
หย็องสอดส่ายสายตามองพวกผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยเดินตัวเอนไปกับแขกทั้งชาวเอเชียและฝรั่งตัวสูงใหญ่
แถวนี้เป็นที่รู้กันว่าราคาค่อนข้างสูง เลยมักจะมีแต่นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักพอจ่ายไหวหรือจ่ายได้มาอั้นมาเที่ยว
พอมองเลยไปประมาณสองโต๊ะก็เจอกับไอ้เด็กเปรตกับเพื่อนมันอีกสองสามคนที่อายุไม่ถึงกันทั้งแก๊งนั่งจิบเบียร์กันคนละขวดพร้อมอาหารชุดใหญ่ เพื่อนมันน่ะตัวเลวๆทั้งนั้น ส่วนไอ้ลูกกระจ๊อกเขาก็ได้แต่นั่งตัวหดเหลือสองขีด
เบียร์ก็ยกจิบนิดๆไม่ให้อายเพื่อนฝูงทั้งๆที่แดกไม่เป็น
เห็นแล้วแม่งหน้าเผ่นกบาลให้หายโง่…..
“เพื่อนแบบนี้จะคบไปทำไมวะ
มีแต่พาล่มจม” หย็องพึมพำกับตัวเองแล้วส่ายหัว
ขนาดเขาที่ว่าแก่กว่าพวกมันสองปียังเลือกที่จะดูดโอเลี้ยงของโปรดแทนอย่างไม่แคร์สื่อ
แต่เอาเถอะมันไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือเด็กมันอยากลองเติบโตเป็นผู้ใหญ่ชั่วข้ามคืนก็เลยสนองนี้ดให้มันเสียหน่อย
ส่วนเขาก็แค่มาเป็นผู้ติดตามดูเเลความปลอดภัยในชีวิตและล่ามภาษากิติมศักดิ์ เผื่อว่าถ้าเด็กมันเจอสาวที่หมายตาอย่างสาวเอเชียหรือเมกันเกิลก็จะได้เข้าไปช่วยเจรจาค่าที่หลับที่นอนให้
ที่นี้เป็นแหล่งมั่วสุม
ไม่จำเป็นจะต้องมาอ๊อฟเด็กของร้านก็สามารถมาเจอคนถูกใจแล้วพากันไปออนอ๊อฟข้างนอกได้
เพราะข้างล่างเปิดเป็นบาร์ที่ไม่ตรวจบัตรแต่ถ้าตำรวจท่องเที่ยวเข้ามาตรวจยามตีสองตีสามพวกอายุต่ำกว่ายี่สิบก็ต้องหนีให้ทันซึ่งนั่นเป็นกฎของที่นี้
ส่วนชั้นสองขึ้นไปก็เป็นโต๊ะสนุ๊กบวกรับแทงพนันออนไลน์ครบสูตรของพวกส่งส่วยหนักและเป็นผู้มีอิทธิพลตำรวจปลาซิวปลาสร้อยเลยหลับหูหลับตาทำเป็นไม่เห็นกันไป ส่วนชั้นสามก็เป็นอ่างอบนวดแบบโลคอสส่วนชั้นสี่ห้าไปจนถึงหกก็เป็นห้องพักเอาไว้เปิดนอนในราคาถูกๆ
สวรรค์ของชาวคาวโลกีย์ทั้งนั้น….
หย็องยังคงจับจ้องไปที่กลุ่มเด็กเห่อหมออ้อยตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
ที่ห่วงไม่ใช่เพื่อนเปรตหลอกแดกพวกนั้นของไอ้โอ
เพราะไอ้เพื่อนมันน่ะหน้าตาจัดว่าขี้ริ้วเหลือบไปทางขี้เหร่แบบสุดๆ แต่สำหรับไอ้โอ
ลูกกระจ๊อกมือขวาเขานี่สิ จัดว่าน่าฟัดน่าฟันไม่หยอก
ความจริงมันก็ไม่ได้น่ารักบอบบางจ๋า มันยังคงมีความเป็นชายชาตรีอยู่
ด้วยขนาดส่วนสูงที่ใกล้จะเลยร้อยแปดสิบ กับไหล่ที่กว้างพอให้สาวๆซบสองคนเป็นอย่างต่ำ
ซึ่งนั่นถือว่ามาดแมนแฮนพร้อมซั่มพอสมควร
แต่ติดที่มันยังเด็กใบหน้าหล่อคมของมันจึงยังไม่ออกลายเสือให้สาวๆได้ลับคมเคี้ยวเล่น
ถ้าเกิดโตกว่านี้สักห้าหกปีแบบอายุสักตอนยี่สิบต้นๆล่ะก็
หัวกระไดบ้านคงได้กลายเป็นน้ำตกฤดูน้ำหลากแน่ๆ
พวกเขานั่งไปเรื่อยๆ
ดนตรีจากบีทหนักๆแต่ยังคงสไตล์เนื้อร้องเพลงคลาสสิกก็เริ่มเปลี่ยนเป็นทำนองอีดีเอ็มพร้อมแดนซ์
ซึ่งพอฟลอเปิด
พวกนักเต้นเท้าไฟเท้าไม่ไฟก็เริ่มเดินออกไปโชว์ลวดลายรวมทั้งเพื่อนไอ้โอด้วยที่ลุกหายกันไปหมด
เหลือไว้แต่ไอ้โอที่ยังคงนั่งตาแป๋วมองซ้ายทีขวาที บางครั้งก็แอบหันมาสบสายตาเขาแล้วส่งยิ้มให้
เที่ยงคืนล่วงเลยไปจนถึงตีหนึ่งพวกเพื่อนเวรทั้งหลายก็ได้เวลาทิ้งเพื่อนฝูง
ด้วยการลากสาวสวยบ้างสวยในเงามืดบ้างออกไปต่อกันข้างนอก
ทิ้งบิลค่าอาหาราคาแพงบวกค่าเหล้าให้ไอ้อ่อนโอเป็นคนจ่าย
หย็องเดินไปหาเด็กน้อยที่ยังคงนั่งกำคอขวดเบียร์เอาไว้แม้ว่ามันจะเย็นชืดไปหมด
เขาส่งสายตาเศร้าๆปนเห็นใจไปให้มัน แล้วก็ตบบ่าเป็นเชิงเข้าใจ
“กลับเหอะ
กลับไปนอนอ่านปลุกใจเสือป่ากับข้าดีกว่า” หย็องเสนอวิธีให้เด็กน้อย
“บ้าน่าเฮีย
ผมแค่ยังไม่เจอคนถูกใจ”
“ข้าเห็นเอ็งนกมาสองรอบแล้วไอ้โอ
พอเหอะข้าง่วง”
“เฮียไม่เข้าใจวัยรุ่นว่ะ”
ไอ้โอชักสีหน้าใส่แล้วยกเบียร์ขึ้นกระดกอึก อย่างไม่แคร์สายตาตกใจระคนเงิบแดกของเขาเลยสักนิด
หย็องพยายามยื้อแย่งขวดเบียร์ออกจากปากของโอ จนสุดท้ายกลายเป็นการยื้อยุดไปมา แล้วก็…..โครม!!
ขวดเบียร์หลุดจากมือโอไปกระแทกหัวใครสักคนที่ดูจะนักเลวใช้ได้เข้าให้
ลุงหัวล้านสองแฉกพุงล้นหลามหันมามองอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะชะงัก ไอ้ตาลุงนั่นมันจ้องเขาเหมือนกับว่าเห็นปลาสวายกำลังแหวกไหว้บนหน้าเขาก็มิปาน
“สวย…”
เสียงมันไม่ดังแต่เขาก็พออ่านปากออก
มันหันมาเต็มตัวแล้วรุกหนักทันทีด้วยการนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างไอ้โอ
สายตาก็ไม่ได้หันไปมองที่อื่น มันยังคงจับจ้องมองเขา
มองเหมือนพร้อมจะงาบเขาเข้าไปทั้งตัว
หึ๋ย…ขนลุก
“กลับไอ้โอ” สั่งคำขาด
แล้วลุกจากเก้าอี้กระชากข้อมือไอ้โอให้ออกจาตรงนั้น
บริกรหนุ่มร่างผอมรีบวิ่งเข้ามาสกัดดาวรุ่งทันทีแล้วยื่นบิลค่าอาหารมาให้
หย็องได้แต่กรอกสายตาหลอกแหลกไปมา
แล้วก็หันไปด่าไอ้น้องเลวให้รีบๆควักตังจ่ายค่าอาหารไปจะได้จบๆ
“เดี๋ยวป๋าออกให้นะจ๊ะ
แต่หนูต้องอยู่กับป๊าก่อน” บัตรเครดิตถูกวางลงบนบิลแบบไม่ได้มีใครขอ ไอ้บริกรกุ้งแห้งไม่รอช้ารีบสะบัดตูดเดินหายไปหลังร้านเพื่อชำระเงินทันทีโดยไม่สนเสียงร้องประท้วงของเขา
“ไม่ ผมจะกลับบ้าน นี่ค่าอาหาร”
เขาแอบเห็นราคาค่าอาหารแตะสองพันนิดๆในบิล ก็เลยจิ๊กกระเป๋าตังไอ้โอออกมาฉกธนบัตรใบเทาสองใบและใบแดงอีกสองสามใบคืนส่งให้ตาลุงหัวสองแฉก
แต่มันเสือกไม่จับเงิน เสือกมาจับมือเขาแทนจนเจาต้องรีบสะบัดเหมือนต้องของร้อน
“เห้ย!! อะไรวะ
เล่นตัวจังนะมึง” เสียงโวยวายดังพอควรทำให้ เพลงที่กำลังเปิดอยู่เบาเสียงลง
ความดังของบทสนทนาหลายชนเผ่าก็เลยเงียบตามไปด้วย
เหลือแต่สายตาที่หันมาจับจ้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หย็องดึงไอ้โอมาไว้ข้างหลังเพราะตัวมันเริ่มโงนเงนอยู่ไม่สุข
สายตาก็จับจ้องมองตาลุงคนนั้นอย่างเอาเรื่อง
เขาทำได้เพียงแค่วางเงินลงบนโต๊ะจะเอาไม่เอาก็เรื่องของแม่งเหอะ!!
“เห้ย!”
เสียงร้องพร้อมกับเสียงฮือฮาเล็กๆ คนหมู่มากพร้อมใจกันตีวงออกห่าง เมื่อชายกำยำเป็นหมู่คณะหน้าตาอย่างกับโจรป่าค่อยๆขยับเข้ามาใกล้
ว่าก็ว่าเถอะถึงเขาจะเป็นผู้ชายสูงร้อยแปดสิบนิดๆแต่ก็บางผอมยิ่งกว่ากระดาษทิชชู่ในห้องน้ำสาธารณะเสียอีก
แถมข้างหลังยังกระเตงคนเมาไว้ แล้วจะเอาอะไรไปสู้
แต่คนฉลาดมักคิดหาวิธีเอาตัวรอดได้เสมอ….
แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่คนฉลาดมากนักเลยหยิบเอาขวดเบียร์เปล่าๆมาทุบกับขอบโต๊ะทำเป็นปากฉลามเพื่อใช้ป้องกันตัวเอง
แต่ดูแล้วเหมือนจะเป็นการประกาศให้อีกฝ่ายรู้มากกว่าว่าเขาพร้อมแล้ว พร้อมจะมีเรื่องด้วยแล้ว…
“เล่นตัวนักนะมึง
แค่คุยกับป๊าเขาต่อไม่ได้รึไง”
“กูไม่ใช่กะหรี่เว้ย
กูมาเที่ยวไม่ได้ต้องการเป็นเมียใคร” พูดไปงั้นเหอะ ทั้งๆที่เขาเองเป็นชายแท้
แต่ดูแล้วป๊านั่นคงไม่อยากเป็นเมียใครเท่าไหร่
หย็องเดินหันหลัง ยกขวดเบียร์ที่ตีเป็นปากฉลากขึ้นขู่ฟ่อๆ
เสียงฮือฮาพร้อมกับพวกเนียนจะชักดาบไม่จ่ายกำลังจะเดินออกจากร้าน
ทำให้พนักงานที่แอบดูสถานการณ์อยู่หลังร้านต้องรีบออกไปปิดประตูต้อนคนเข้ามาเสียอย่างนั้น
หย็องที่ตาไวพอจะเห็นว่าอีแม่สาวใส่ชุดแซคสั้นจู๋กำลังยกโทรศัพท์แนบหูมือก็ป้องปากเป็นอันรู้ว่ากันว่ากำลังส่งสัญญาณให้ตำรวจเข้ามาเคลียร์
สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าประเทศชาติเปลี่ยนรัฐบาลใหม่เสียอีก
ลองคิดดูว่าถ้าแม่ไอ้โอรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ได้ไปติวภาษาอังกฤษกับไอ้หลานแม่ค้าขายขนมล่ะก็จะเกิดอะไรขึ้น
แล้วเขาที่แทบจะไม่มีแบคหลังอะไรเลยเพราะป้าคงตัดหางปล่อยวัดให้เขานอนกินข้าวแดงในคุกเผลอๆอาจจะดีใจด้วยซ้ำที่หมดภาระ
ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ยิ่งเครียดสมองก็ยิ่งประมวลหาทางออก ถ้าหนีประตูหน้าไม่ได้ก็ต้องออกประตูหลัง แต่จะหนีไปยังไงเขาก็ยังคิดไม่ออก
“เห้ย!!
ไอ้แก่นกเขามึงแทบไม่ขันแล้ว กูว่ามึงควรนอนปั่นอยู่บ้านดีกว่านะ” หย็องปั่นประสารทตาลุงผมน้อยทันทีจนมันหน้าแดง
มันพยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกสมุนขยับตัวเข้าใกล้ เป็นโอกาสให้เขาได้วาด
กวาดปากฉลามขู่ เสียงร้องโวยวายดังขึ้นเมื่อเห็นเขาทำเช่นนั้น
บวกกับเสียงเชียร์ของพวกฝรั่งขี้นกที่เริ่มเมาแล้วขาดสติจนเห็นคนตีกันเป็นเรื่องสนุก
“ซ่านักเหรอมึง!!”
เสียงหัวหน้าลูกสมุนดังขึ้น พร้อมกับเท้าที่ถีบลองเชิงเข้ามา
เด็กหนุ่มตกใจจนมือที่กำปากฉลามสั่น มันร่วงลงไปบนพื้น
พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ
ถึงเขาจะซ่า
ทำตัวกร่างแต่ก็ทำได้แค่กับหมาคนชราและคนท้องเท่านั้นเอง
กับไอ้พวกนักเลงที่ไม่รู้ว่ามีอิทธิพลค่ำฟ้าขนาดไหนนี่เขาไม่กล้าจะแหยมด้วยจริงๆ
แล้วที่ทำไปเมื่อครู่ก็เพราะคาบศักดิ์ศรีเอาไว้ในปากมากไปหน่อย
หย็องเหวี่ยงร่างไอ้โอไปอีกมุมหนึ่งที่มีแต่กลุ่มฝรั่งผมทอง
พวกนั้นรับร่างคนเมาเอาไว้แล้วใช้สายตาปกป้องเด็กนั่น
แถมยังข่มขู่ช่วยเขาที่กำลังจะพลาดท่าอีกด้วย
เก้าอี้ในร้านตัวแรกถูกเหวี่ยงมาจากมุมไหนของร้านสักมุม
และนั่นก็กลายเป็นการปิดประตูให้แมวตีกัน ร้านทั้งร้านมีแต่พวกขาดสติเพราะน้ำเมา
ต่างคนต่างหยิบจับของข้างตัวโยนใส่อีกฝ่าย ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
เสียงเอะอะโวยวายทำให้เขามีเวลาหลบเลี่ยงพาตัวเองเข้าไปหาไอ้โอ นาทีทองเเห่งการหนีเริ่มขึ้นแล้ว!!~.
เสียงเป่านกหวีดดังมาจากหน้าร้าน
ตำรวจยืนเขย่าประตูที่ล็อคจากด้านในพร้อมส่งสายตาละห้อยเพราะไม่สามารถเข้ามาจับพวกนักเที่ยวพวกนี้ได้
หย็องเห็นท่าไม่ดีก็เลยจับโอแบกขึ้นหลังวิ่งผ่า ออกไปทางหลังร้าน อย่างชำนิชำนาญ
ภาวนาให้พรุ่งนี้ไม่มีภาพกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุทะเลาะวิวาทโชว์หราลงข่าวทีวีเถอะ
ไม่งั้นเขาโดนป้าตีตายแน่ๆ
“โอ้ย!!
เหี้ยไรเนี้ย”
สบถออกไปด้วยความหงุดหงิดเมื่อถูกร่างของผู้ชายตัวใหญ่ล้มครืนใส่ขณะที่เขากำลังจะวิ่งพ้นออกไปยังประตูหลังร้าน
“เห้ย!! เหี้ยเลือด”
ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่ถูกเลือดกลบเต็มใบหน้ากำลังหยีตาขึ้นมองเขา
ดูยังไงก็เป็นพวกชาวต่างชาติที่เสือกซวยโดนลูกหลง
แถมท่าทางถ้าเขาไม่พาออกไปด้วยอาจจะตายกลายเป็นผีเฝ้าประตูหลังร้านนี้ก็ได้
“คุณไหวมั้ย”
ถามออกไปด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงไทย
“ไหว แต่ช่วยที รู้สึกมึนๆสงสัยดื่มเยอะไปหน่อย” แดงเถือกขนาดนี้ไม่น่ามึนเพราะเหล้านะ หย็องคิดในใจ เมื่อผู้ชายคนนั้นตอบกลับมาด้วยภาษาเดียวกันแต่สำเนียงชัดเป๊ะฟังง่ายโคตร….เดี๋ยว.....นี่ไม่ใช่เวลาจะมาชื่นชมสำเนียงภาษาใคร
เวลานี้ต้องหนีสิ ต้องหนีเอาตัวให้รอดก่อน
พอนึกได้ก็พยายามแบ่งบ่าทั้งสองข้างให้สามารถแบกผู้ชายสองคนได้ถนัดด้วยสกิลการหาบเข่งผักมานานการแบกคนสองคนจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหนือบากกว่าแรง หย็องวิ่งขาสับออกไปจากร้าน
ใช้ทางลัดที่เป็นตรอกขี้ยาที่ตอนนี้คงนอนพี้อยู่ในบ้านไม่ออกมาวิ่งราวเขาแน่ๆ
หย็องพาคนเมากับคนใกล้ตายเลี้ยวผ่านเขตก่อสร้าง
ผ่านวินมอไซต์โซนที่ค่าจ้างแพงโคตรๆไป
เสียงโวยวายตกใจของลุงเบอร์เก้าที่นั่งตบยุงอยู่บนเครื่องมือทำมาหากินไม่ได้ทำให้ฝีเท้าของหย็องหยุด เพราะกลัวว่าจะมีตำรวจตามออกมาจับเพราะพวกประปรายไม่กี่คนที่น่าจะหนีออกมาทางเดียวกันกับเขาวิ่งหน้าตั้งตามมาติดๆ
“เห้ย ไอ้หนู ขึ้นรถ!!”
เสียงแหบแอบทุ้มของลุงเบอร์เก้าพร้อมกับรถดรีมดำเจ็ดสิบกระบังหน้าซีดกรอบ จอดติดเครื่องอยู่ข้างตัว
หย็องไม่รอช้า รับคว้าน้ำใจของลูงเอาไว้มั่น เขาจับไอ้โอลูกสมุนเวรขึ้นนั่ง ก่อนจะตามด้วยผู้ชายปริศนาที่ไม่รู้จักแต่ก็หล่อดีให้คร่อมเบาะตามๆกันไปและปิดท้ายด้วยตัวเองที่ต้องนั่งที่จับแทนเบาะหนังแข็งๆ
เสียงเครื่องดรีมแทบจะไอออกมาเป็นน้ำมันเครื่อง
เพราะน้ำหนักที่แบกเอาไว้มากเกินทำให้ความเร็วมันคงที่อยู่ที่ประมาณยี่สิบกิโลเมตรต่อสามชั่วโมง
ให้ตายเหอะวิ่งยังจะเร็วกว่าอีก
รถดรีมเลี้ยวตัดโค้งออกมาจากถนนใหญ่ หย็องบอกจุดหมายปลายทางให้ลุงเบอร์เก้า แค่พ้นออกมาจากซอยนั่นได้ก็ถือว่ารอดแล้ว
รอดน่ะหมายถึงของคืนนี้นะ พรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ค่อยคิดอีกทีละกัน
ไม่นานนัก รถจักรยานยนต์ก็จอดเทียบท่าอยู่หน้าวัดแห่งหนึ่งที่เปิดไฟเอาไว้เพียงดวงเดียวตรงหน้ากุฎิ
หมาตัวผอมแห้งสีน้ำตาลท่าทางหิวโซออกมาต้อนรับพวกเขาที่โทรมพอๆกับมัน เพราะดูแต่ละคนตอนนี้ไม่ต่างจากหมาข้างถนน แต่ถึงสภาพไอ้โอมันก็พอพากลับบ้านได้หรอก
แต่ไอ้ผู้ชายที่เขาหิ้วมาด้วยนี่สิจะเอาเข้าบ้านได้ยังไง
“ขอบใจมากนะลุง ค่าวินเท่าไหร่เหรอ” ลุงอุตส่าห์เป็นฮีโร่ออกตัวช่วยขนาดนี้จะนั่งฟรีก็ดูจะหน้าด้านไปหน่อย
“200”
“ห้ะ!!!” ร้องห้ะด้วยความตกใจ กับราคาค่าโดยสาร รู้งี้ตีเนียนหน้าด้านชักดาบดีกว่า
ก็รู้หรอกนะว่าค่าครองชีพแถวนี้มันแพง
แต่ก็ไม่คิดว่าจะแพงขนาดที่ขึ้นแท็กซี่คงถูกกว่า
“ค่ารถน่ะ 60 บาท
ที่เหลือค่าหยุกยาพ่อฝรั่งนั่นต่างหาก เดี๋ยวลุงจะไปแวะเซเว่นหน้าปากซอยให้”
ลุงบอกด้วยใบหน้าเคร่งเครียดจัด ความจริงเราก็เพิ่งเจอกันวันนี้เป็นวันแรก
และไม่คิดจะเชื่อถือลุงเลยแม้แต่น้อย
คิดจะพูดเอาหน้าแล้วชิ่งเงินสองร้อยเข้ากลีบเมฆเสียมากกว่าล่ะไม่ว่า
“เขาว่าไง”
เสียงทุ้มต่ำติดจะแหบพร่า เรียกความสนใจของหย็องได้ถนัด
เด็กหนุ่มตอบคำถามของพ่อฝรั่งคนนั้นไป แล้วอยู่ๆกระเป๋าตังหนังสีน้ำตาลเข้มก็ถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงสามส่วนสีครีม
มันพองตุงเหมือนกับว่ายัดธนบัตรเอาไว้เต็มเอี๊ยด และนั่นก็เป็นตามที่เขาสันนิษฐาน
เงินสดที่มีแต่แบงค์สีเทาอัดแน่นชนิดที่ว่ากระเป๋าแทบฉีก
จากสองร้อยเพิ่มมูลค่าเป็นหนึ่งพันบาททันที
ทั้งเขาทั้งลุงเบอร์เก้าตาโตเมื่อเห็นว่าคนบาดเจ็บไม่มีทีท่าว่าจะยี่หระใดๆทั้งสิ้นกับเงินหนึ่งพันบาท
ลุงเบอร์เก้าขี่มอไซต์หายลับไปแล้ว
ส่วนหย็องก็ได้แต่ภาวนาว่าลุงจะซื้อยามาให้พร้อมกับเงินทอนอีกแปดร้อยบาทไม่ขาดไม่เกิน
“คุณเป็นไงบ้าง”
หย็องที่พาคนเมาและคนเจ็บมานั่งพักที่ศสลาไม้หลังเก่า ก็ได้เวลาไถ่ถาม
พ่อฝรั่งยกแขนขึ้นเช็ดหยดเลือดที่เริ่มแห้งเกาะตรงหางตา ยิ่งนั่งตะคุ่มๆแบบนี้
หน้าอาบเลือดด้วยใครเดินผ่านมาคงมีวิ่งป่าราบกันบ้าง
“ไม่เท่าไหร่ คุณล่ะ”
“โอ้ย ผมไม่เป็นไรเลย อย่าห่วง” ตอบโชว์พาวไปงั้น ทั้งๆที่มือโคตรจะสั่น
“ผมเห็นคุณมีเรื่องกับคนพวกนั้น
ที่เมืองไทยเป็นแบบนี้บ่อยงั้นเหรอ” หย็องยักไหล่
จะตอบว่าบ้านเมืองตัวเองเถื่อนแบบนี้มาตั้งแต่สมัยอยุธยาก็ดูจะเป็นการขายชาติ
เขาเลี่ยงที่จะไม่ตอบประเด็นนั้นแล้วเริ่มสอดส่ายสายตาหาก๊อกน้ำพอเจอ ก็หันไปคลำๆหาผ้าเช็ดหน้าที่ไอ้เจ้าโอมันชอบเอาติดตัวไว้ออกไปรองน้ำที่ไหลผ่านออกมาจากก๊อก
ขยี้ๆพอมันเปียกและบิดให้หมาดๆแล้วเดินกลับมาหาพ่อฝรั่งที่นั่งจ้องเขาตาไม่กระพริบ
“คุณค่อยๆเอาผ้าเช็ดเลือดออกนะ
ว่าแต่หัวเลือดหยุดไหลรึยัง” หย็องส่งผ้าเช็ดหน้าชุ่มน้ำไปให้
ตาฝรั่งหัวดำที่หน้าตาค่อนไปทางจีนมากกว่าก็รับไปเช็ดเงียบๆ
“ไม่แล้วนะ แต่ก็ปวดๆ”
“ผมขอโทษนะ
ที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว คุณคงรวยมากคงไม่ต้องให้ผมรับผิดชอบอะไรใช่มั้ย ถ้ายังไงพรุ่งนี้เช้าก็ค่อยไปหาหมอเช็คสมองดีๆเผื่อเป็นอะไร”
เด็กหนุ่มว่าตามที่ตนรู้สึก
ใบหน้าหวานดูหม่นหมองลงเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้
ชายหนุ่มที่นั่งเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าได้แต่จับจ้องมองด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไปจากทีแรก
ตอนมีเรื่องกันในร้านเขาก็พอเห็นหน้าเด็กคนนี้แบบวับๆแวมๆ
บวกกับแสงที่มันมืดๆมัวๆก็เลยตัดสินไม่ได้
แต่ตอนนี้แม้จะมีแค่ไฟกิ่งจากด้านนอกสาดเข้ามาแล้วยังได้นั่งจ้องพิจารณาเครื่องหน้าที่แสนจะลงตัวนั้นแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ว่ามันช่างงดงามเสียจริง
จมูกโด่งปลายแทบจะทิ่มลงพื้นปากอมชมพูแบบคนสุขภาพดี ไหนจะพวงแก้มย้วยยุ้ยทั้งสองข้างที่ตอนนี้เห่อร้อนเพราะเพิ่งผ่านสมรภูมิดุเดือดมาจนเลือดในกายมันสูบฉีดพลุ่งพล่าน
แต่สิ่งที่ตรึงเขาไว้มากที่สุดจนเผลอไผลตามเด็กคนนี้มาถึงที่นี้ได้ คงเป็นดวงตาคู่สวย
มันสุกใสแวววาวอย่างกับคริสตัลเนื้อดี
รูปตาแบบสองชั้นพร้อมกับหางตาที่ยาวงอนขึ้นไป
ถ้าหากว่าเปรียบเทียบความงามนี้คงค่อนไปทางน่ารัก น่ารักกว่าน้องชายแท้ๆของเขาเสียอีก
“คุณ…คุณ!!”
“ครับ!”
“ผมเรียกตั้งนาน เหม่ออะไร”
หย็องดีดนิ้วป้อกแป้กไปตรงชายหนุ่มที่เอาแต่จ้องเขาไม่วางตา
ไอ้ไม่วางตาก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่มือก็ช่วยเช็ดคราบเลือดออกไปด้วยนิดนึงก็ยังดี
เพราะตอนนี้แม่งยิ่งมองก็ยิ่งหลอน
“มีอะไรเหรอ”
“รีบๆเช็ดหน้าได้มั้ย
ไม่ก็ไปล้างหน้าที่ก๊อกตรงนู้น ผมกลัว” หย็องพูดออกไปตามตรง
เขาทนดูผู้ชายตัวโตนั่งนิ่งๆหน้ามีแต่คราบเลือดแบบนี้ไม่ไหวแล้ว
“ก๊อก ก๊อกคืออะไร”
“ไอ้นั่นไง”
ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ก๊อกน้ำที่เอาไว้ต่อกับสายยางไว้รดน้ำต้นไม้ข้างกุฎิ
“มัน มันใช้ยังไง”
“เออ….”
หย็องนึกถึงวิธีใช้ออกมาเป็นภาพในสมองแต่ไม่สามารถอธิบายให้พ่อฝรั่งตรงหน้าเข้าใจได้
คือจะอธิบายยังไงล่ะ ก็แค่เดินไปนั่งยองๆ โยกวาล์วน้ำสีแดงๆให้ันมาตรงกับหน้าตัวเอง เออ
ช่างแม่งเหอะ….
“เชื่อเขาเลย”
เด็กหนุ่มบ่นพึมพำออกมา
แล้วกระชากผ้าเช็ดหน้าในมือพ่อฝรั่งไปถือไว้แล้วจัดการเช็ดคราบเลือดออกไปจากใบหน้า
เขาทำแบบนั้นอยู่สามรอบ จนใบหน้าที่เคยแดงเถือกกลับมาใสกิ๊ง
จนเห็นความหล่อเหลาที่ทำเอาผู้ชายอกสามศอก
หอกยาวสามวาอย่างเขาถึงกับใจแกว่งเป็นโล้ พอเช็ดหน้าให้พ่อฝรั่งเสร็จก็หันมาง้วนกับคนเมาที่กำลังป่วงหนัก
พวกเขารอนานกว่าครึ่งชั่วโมงจนแอบถอดใจว่าลุงเบอร์เก้าคงกลับไปนอนตีพุงพร้อมค่าวินหนึ่งพันบาท
แต่ที่ไหนได้ลุงแกเล่นไปร้านขายยาซื้อของมาให้เหมือนกับว่าจะเอาไปเลหลังขายต่อไหนจะขนมนมเนยไว้รองเท้าอีกบานเบอะอย่างกับว่าจะกักตุนไว้กินเป็นเดือน หย็องจัดการดูแผลว่ามันกว้างเกินกว่าจะทำแผลเองมั้ย
แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้มากมายจนต้องส่งโรงพยาบาลด่วน เด็กหนุ่มจัดการล้างแผลให้
และทำแผลจนเรียบร้อย ยังดีที่ไม่ต้องไปเย็บ เพราะไม่งั้นผมสีดำขลับคงหายไปหลายหย่อม
พอทำแผลเสร็จพวกเขาก็ขอหลวงตาอาศัยกุฎิเป็นที่หลับนอน
เพราะตอนนี้ก็ปาไปตีสองกว่าแล้ว ส่วนลุงเบอร์เก้าก็ได้ค่าวินไปอีกสองพันเพราะพ่อฝรั่งเขาเต็มใจจะให้
ตอนแรกจะควักเป็นฟ่อน แต่เขาเบรกเอาไว้ก่อน
เห็นแล้วใจบ่อดีเลย.......
++++++++++++++++++++++++++
นิวยอร์ค.....
/พวกผมทำงานสะเพร่าปล่อยให้คุณชายหายตัวไปครับ/
“พวกนายทำงานภาษาอะไรกัน!!”
เสียงแผดดังลั่นออกมาตามสาย นักธุรกิจวัยห้าสิบต้นๆ อารมณ์เดือดดาลทันทีที่คนสนิทของลูกชายโทรข้ามน้ำข้ามทะเลมาบอกว่าลูกชายเขาหายตัวไปหลังจากเกิดตะลุมบอลกันในผับ
ทั้งๆที่เขาบอกเอาไว้แล้วว่า ประเทศไทยน่ะมันเมืองคนเถื่อน
ไอ้ลูกชายตัวดีก็ยังดื้อด้านบอกอยากจะไปเที่ยวให้ได้
ไงล่ะ ดื้อจนได้เรื่อง…..
แม้คริสจะเป็นมวย
ฉลาดเอาตัวรอดไม่ตกเป็นเหยื่อใครง่ายๆ แต่เขาก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจ
จึงต้องสั่งให้เลขาส่วนตัวไปจัดการจ้างนักสืบและจ้างหน่วยทหารรับจ้างพิเศษของอเมริกาเกือบห้าสิบนายเพื่อตามหาตัวลูกชายทันที หากภายในสิบแปดชั่วโมงถ้าเขายังไม่เจอลูกชายล่ะก็ เห็นทีว่าเขาจะต้องขอเข้าพบนายกประเทศไทยเป็นการด่วน….
“ไปจัดการให้เรียบร้อย
ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรแม้แต่รอยแมวข่วน พวกนายถูกไล่ออกไปอยู่ปากีสถานแน่!!”
==============================
ลูกชายหายก็ต้องออกตามหาคนมันรวยจะทำอะไรก็ได้....
ขอไปนอนคิดชื่อแฮชแทค สัก 2 เดือนนะ ไว้ได้เเล้วจะมาบอก
=======
ฟิคเรื่องนี้ ใสๆ ไม่มีดราม่าแน่นอนจ้า มีแต่อ้าซ่า เดี๋ยว!! อะไรคืออ้าซ่า
ความยาวจะไม่เกิน 12 ตอน ออกแนวฟิคไม่ประเทืองปัญญาแบบ Orgasm นั่นล่ะฮับ
จบเร็วไม่ยืดเยื้อ ฉาก cut จะมาตามสกิลการหวีด
สามารถรีเควสมาได้นะฮับรี้ดทุกท่านว่าอยากได้เเบบไหนกัน
รถ อ่าง หน้าผา บลาๆ ว่ากันไป
แต่ตอนนี้เสพตอนแรกไปก่อนนะฮับ รักทุกคน!!!
เม้นด้วย!! จุบุ
ความคิดเห็น