คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 -Arcata California-
Chapter
9 มกราคม 2550
Arcata
“ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ไว้พรุ่งนี้จะไปหานะค่ะ” อาไม่นึกเลยว่า จะเจอคนดีดี หยั่งงี้ตั้งแต่วันแรกนะเนี่ย สาวน้อยพูดกับตัวเอง หลังจากที่โทนี่ ชายรุ่นลุง ช่วยพาเธอมาส่งจนถึงที่พักของเธอ
“ดีละ ตั้งแต่วันนี้ ฉันจะพยายามเป็นนักเขียนให้ได้”ส้มยิ้มให้กับตัวเอง แล้วค่อยๆเดินเข้าไปในบ้านที่เธอย้ายเข้ามาอยู่วันนี้
“สวัสดีค่า ฉันชื่อ ส้ม จะย้ายมาอยู่ที่นี่วันนี้ค่า” สาวน้อยยิ้มแฉ่งให้กับคนที่อยู่ในบ้าน พร้อมกับปฏิกิริยาที่ดูเหมือนจะเฉยชา ของคนที่อยู่เก่า ทำให้ส้ม อึ้งไปสักพักหนึ่ง
“เอ่อ ...” อะไรกันนะ ไม่มีมนุษยสัมพันธุ์กันเลย ส้มทำหน้าบึ้ง ก่อนที่จะยกของขึ้นไปที่ชั้น 2 และพยายามหาห้องของตัวเองให้เจอ ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกว่า ได้ยินเสียงหัวเราะกระซิกมาจากชั้นล่าง ส้มค่อยๆย่องลงไปดู แต่ดูเหมือน จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“สงสัยหูฝาดมั้ง ช่างเหอะ รีบไปหาห้องดีกว่า” ส้มกลับขึ้นไปชั้น 2 อีกครั้ง เธอเปิดหาห้องอยู่นาน กว่าจะเจอห้องที่ว่างอยู่
“เห้อ คนพวกนี้นี่ เอ๊ะ หรือว่าโกรธที่เรามาช้าหว่า ก็ไม่ช้ามากนิ แค่ เลทไป 3 ชั่วโมงเองอะ” ส้มบ่นกระปิดกระปอดไปตลอดเวลาที่จัดของ จัดได้สักพักนึง
“โอ้ย หิวข้าวจัง จริงสิ ตั้งแต่ลงสนามบินมา ยังไม่ได้แตะอะไรเลยนี่ฟร่า” นอกจากส้มจะหิวมากแล้ว เธอยังคิดถึงใครบางคนมากอีกด้วย ส้มเดินลงมาจากชั้น 2 ด้วยสายตาเศร้าสร้อย
“ยินดีต้อนรับจ้า!!!!” เสียงตะโกน เข้ามาในโสตประสาทของส้ม พร้อมกับ เสียงประทัดงานเลี้ยงตามมา ส้มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ‘โธ่เอ้ย ที่แท้ก็จะSurpriseเรานี่เอง’
“เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะ แค่อยากจะทำโทษเธอนิดหน่อย ฉันชื่ออี้ผิงนะ เป็นพี่ใหญ่บ้านนี้” อี้ผิงแนะนำตัวเองพร้อมกับ บอกตำแหน่งของเธอ อี้ผิงเป็นคนผิวขาวตามแบบฉบับของสาวหมวย แต่นัยน์ตากลับโตกว่าคนจีนทั่วไป ผมสาวสลวยสีดำสนิท
“ก็เธออยากมาสายเองนิ ไหนบอกว่าจะมาตอน 3 โมงไง นี่ปาไป 6 โมงกว่าแล้วแนะ หรือว่าเธอแวะหาผู้ชายข้างทางหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่าค่ะ แค่หลงทางนิดหน่อยนะค่ะ ไว้จะเล่าให้ฟังนะค่ะ ว่าแต่คุณคือ”
“อ้อ ฉันชื่อ แอนนา ชาราโปว่านะ” ส้มทำตาโตเมื่อได้ยินชื่อนั้น
“ล้อเล่นน่า ชื่อ แอนนา สคิปดิสัน เรียกว่าแอนก็แล้วกัน อายุ 26 สถานภาพยังโสตสนิท จ๊ะ” แอนสาวยุโรปสไตล์ฮิปฮอป เธอดูเหมือนกับสาวยุโรปที่มาทำงานอยู่ที่อเมริกาทั่วไป แต่ที่ดึงดูดคนอื่นนอกจากการแต่งตัวของเธอแล้ว คงจะเป็นหน้าตาที่สละสลวย กับผมสีบรอนซ์ ที่เข้ากับรูปหน้าของเธอกระมัง
“งั้นแอนก็เป็นพี่ของฉันนะสิค่ะ”
“อ้าว เหรอ โธ่ฉันดูจากหน้าเธอแล้วนึกว่าเธอแก่กว่าฉันซะอีก”
“พี่แอนละก็ อย่าไปแหย่พี่ส้มเขาสิ อันยอง ฉันชื่อ ชีนา คิมชีนา ค่ะ” สาวน้อยที่ท่าทางอายุจะน้อยกว่าส้ม กล่าวทักทาย เป็นภาษาเกาหลีกับเธอ ชีนาสาวน่ารักจากเกาหลี ที่มาพร้อมกับตาโตเท่าไข่ห่าน กับผมไฮไลท์สีแดงที่เข้ากับผิวสีชมพูของเธอ
“ค่ะ ฉันชื่อ ส้ม ชื่อจริงมันยาว เรียกชื่อเล่นก็แล้วกันค่ะ”แหมคนพวกนี้ ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่น่า ว่าแต่ พวกเธอนี่ สวยกันจริงๆเลย แหมดีจังที่ได้อยู่กับคนหน้าตาดี 555
“มานั่งกินข้าวเถอะค่ะพี่ส้ม ดูเหมือนยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่มานี่แล้วใช่ไหมค่ะ”ว่าแล้วชีนา ก็พาส้ม ไปนั่งกินข้าว ที่มีมากเกินกว่าที่ ผู้หญิง 4 คนจะกินไหว ทั้งหมด กินไปก็หัวเราะเรื่องราวที่ส้มเล่าให้ฟัง
“ว่าแต่ ทำไมเธอถึงมาช้าละ เมื่อกี้เห็นบอกว่าหลงทางเหรอ แถวนี้มันก็มีถนนไม่กี่เส้นเองนา แล้วจะหลงทางได้ยังไงละ”อี้ผิงถามขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะถนนที่มาที่นี่ได้นั้น มีแค่ 3 สายเท่านั้น และมีถนนใหญ่เพียงเส้นเดียวเท่านั้นที่มาที่ Arcata
“แฮะๆ คือก็ไม่ได้หลงทางหลอกค่ะ ก็หลังจากที่ลงมาจากสนามบิน Sanfrancisco แล้ว คือฉันคิดว่าจะปั่นจักรยาน มาที่นี่นะค่ะ” ไม่ทันอะไร สาวๆที่เหลือก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“นี่เธอ จากสนามบินมานี่มัน โอโห ไม่อยากจะเชื่อเลย” แอน พูดไป พร้อมกับเช็ดน้ำตา ที่ไหลออกมาจากเสียงหัวเราะ
“ฮาฮาฮา เธอนี่สุดยอดจริงๆเลยนะส้ม “
“ใช่ค่ะ ว่าแต่พ้าพี่ปั่นจักรยานมาจริงๆ แบบ ไม่พักเลยนะค่ะ มันต้องถึงพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ” ชีนาทำให้คนอื่นๆเพิ่งนึกได้ ว่ากว่าจะมาถึง มันต้องใช้เวลามากกว่านี้ ตั้งเยอะไม่ใช่หรือ
“ก็เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ...”
ตอนที่ส้มขี่จักรยานมาถึง Lakeport แล้ว เธอก็เพิ่งนึกได้ว่า มันใกล้วลาที่ให้ไว้กับ พวกอี้ผิงแล้ว แถมยังเหลือระยะทางอีกตั้งเยอะ เธอจึงตัดสินใจนั่งรถเมล์ แต่ด้วยความที่ว่า แถวนั้นเป็นถนนเดินทางๆเดียว และไม่ค่อยมีคนใช้มากเท่าไร จึงไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน ถึงแม้จะมีป้ายอยู่ก็ตาม
“เมื่อไรรถเมล์จะมาฟระ อุตส่าห์นั่งรอ เกือบชั่วโมงแล้วนะ” ส้มตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิด
“มองอะไรกันฟระ เด๋วแม่เบิร์ดกะโหลกเลย” ส้มตะโกนด่าคนที่ขับรถเป็นภาษาไทย ผ่านไปมา เพราะพวกเขามองส้มแบบ แปลกๆ
“เอ๊ะ หรือว่าพวกเขาเห็นเราสวยกันหว่า 555”ส้มพูดไป พลางลูบแก้มแก้เขินไป แต่เธอก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่า คนพวกนั้นหัวเราะเยาะเธออยู่ ส้มทำท่าจะลุกขึ้นปั่นจักรยานอีกครั้ง เพราะไม่มีทีท่าว่า รถเมล์จะแล่นผ่านมา
“ขอโทษนะครับ” สำเนียงภาษาอังกฤษของเจ้าถิ่นดังแว่วเข้ามาในหูของส้ม ทำให้เธอรีบหันหน้าไปหาเสียงนั้น ทำให้เธอพบกับ คนอังกฤษร่างท้วมหนวดเคราดกเฟิ้ม ทำให้เธอไม่ไว้วางใจเขาขึ้นมานิดหน่อย
“ค่ะ มีอะไรหรือค่ะ”
“เอ่อ คุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้หรือคับ ตรงนี้ไม่มีรถเมล์ผ่านมาหรอกคับ เพราะไม่ค่อยมีคนใช้กัน” เมื่อสิ้นคำพูดของชายรุ่นลุง ส้มก็ทำสายตาละห้อย เชิงกับว่า ไม่น่ามาเสียเวลานั่งคอยเลย แล้วส้มก็ทำสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนกล่าวขอบคุณ ลุงคนนั้น แล้วทำท่าจะปั่นจักรยานออกไป
“เดี๊ยวครับ คุณจะไปไหนหรือ ให้ผมไปส่งมั้ย ถ้าไม่รีบละก็ แถวนี้จะยิ่งอันตรายนะคับ” ชายคนนั้นกล่าวอย่างใจดี ส้มก็หันกลับมามองเขาอย่าง หยั่งเชิง ก่อนที่จะตัดสินใจไปกับเขาด้วย ลุงคนนั้น ก็ช่วยเอาจักรยานของส้มที่เธอบอกกับลุงว่า มันชื่อ ‘ชีต้า’ ไปไว้ข้างหลังของรถกระบะ
“ลุงชื่อโทนี่หรือค่ะ ชื่อเหมือนนักร้องเลยค่ะ” โทนี่หัวเราะออกมาเมื่อ เห็นส้มทำท่า เหมือนกับเขาเป็นนักร้องคนนั้น
“ว่าแต่เธอจะไปไหนนะ ส้มยังไม่ได้บอกลุงเลย”
“อ้อ Arcata ค่ะ หนูจะย้ายไปอยู่ที่นั่น”
“มาด้วยจักรยานเนี่ยนะ ฮาฮาฮา” ส้มมองหน้าลุงอย่างไม่พอใจก่อนที่จะ เข้าไปจี้ที่ท้องของลุงโทนี่
“โอ้วๆๆๆ ขอโทษๆ ฮาฮาฮา”
“ลุงก็อย่าไปบอกใครก็แล้วกันนะคะ ไม่งั้นหนูจะจิ้มท้องลุงให้แตกเลย”
“เอาอย่างงั้นเลยเหรอ ก็ได้ๆจ้า ฮาฮาฮา เออ ลุงก็อยู่ Arcata เหมือนกันนะ หวังว่าเราคงเป็นเพื่อนบ้านทีดีต่อกันได้นะ ฮาฮาฮา” ทั้งคู่พูดกันไปหัวเราะกันไป เวลาล่วงเลยมาถึง 6 โมงกว่าก็มาถึงที่หมายของทั้งคู่ โทนี่ชี้บ้านของเขาเองให้กับส้ม ส้มเลยกะว่าจะลงตรงนั้น แต่โทนี่กลับอาสาไปส่งเธอที่บ้าน ซึ่งกลายเป็นว่าโทนี่เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดกับเธอ
เช้าวันต่อมา กว่าส้มจะตื่น ตะวันก็ฉายแสงเจิดจ้าบ่งบอกว่าเป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ส้มเดินลงมาจากชั้น 2 พร้อมกับหน้าตางัวเงีย แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาของกิน
‘จริงสิ วันนี้พี่อี้ผิงกับพี่แอน ไปทำงาน ส่วนชีนา ก็ไปเรียน งั้นเราไปขี่ชีต้าเล่นดีกว่า’ ส้มใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่นาน กว่าจะออกมานอกบ้านได้
“เจ้าเต่าหายไปไหนนะ เมื่อวานยังอยู่เลย อ๊ะเจอแล้ว โธ่เอ้ย มาหลบอยู่นี่นี่เอง” ส้มหยิบกล้องโพลารอยด์ออกมาจากตู้เสื้อผ้า พร้อมกับปัดฝุ่นออกจากกล้องเล็กน้อย
ส้มขี่ชีต้าออกไปพร้อมกับฮัมเพลง ยอรึมฮยังกี เพลงโปรดของเธอ ตลอด2ข้างทางจากบ้านของเธอ เป็นป่าสนทึบทั้งหมด ผิดกับหมู่บ้านชายทะเลที่อื่น ที่นี่ มีครบทั้ง ภูเขา ป่า และทะเล จึงไม่แปลกใจเลยว่าต้องมีคนมาเที่ยวเยอะแน่ๆ แต่ในช่วงนี้คนกลังไม่หนาแน่ๆเท่าที่ควรดังนั้นตลอดทางจึงไม่มีรถผ่านส้มไปเลยสักคันจนกระทั่ง ถึงทางเลี้ยว 90องศา ลาดลงไปข้างล่างซึ่งถ้าไม่ชำนาญทาง อาจจะตกลงไปได้
“โห น่ากลัวแฮะ ทำไมไม่ทำที่กั้นไว้หว่า หืม ดูเหมือนชายหาดจะสวยนะเนี่ยลงไปดูดีกว่า” ส้มจัดแจงจอดชีต้า ไว้เรียบร้อย พร้อมกับลงไปเดินเล่นที่ชายหาดนั้น
“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงไม่มีคน โขดหินเต็มไปหมดเลย เห้อ อ๊ะเปลือกหอยนี่น่า สวยจัง”สาวน้อยก้มลงเก็บ เปลือกหอย อย่างกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เธอวี๊ดว๊ายไปตามคลื่นที่ซัดเข้ามา
“หงะ ลืมไปว่าชีต้าไม่มีตะกร้า สงสัยต้องหามาใส่ให้ซะแล้ว ขอโทษด้วยนะจ๊ะกระเป๋า ไว้ฉันจะซักให้นะ” ส้มขอโทษกระเป๋าทำหน้าเสียดาย แล้วค่อยเอาเปลือกหอยที่เก็บมาได้ ใส่เข้าไปในกระเป๋าใบนั้น ส้มเอาเจ้าเต่าออกมาถ่ายรูปตรงโขดหินนั้นหลายใบ ก่อนที่จะปั่นชีต้าต่อไป
ส้มปั่นชีต้าไปอย่างยากลำบาก เพราะแถวนั้นมีลมพัดแรงมาก จนเธอตัดสินใจ ลงจูงชีต้าดูจะเหนื่อยน้อยกว่า ส้มเดินต่อไปไม่ไกลนัก ก็เจอบ้านคนๆหนึ่งเข้า เธอเลยเดินเข้าไปทัก คนๆนึง ที่นั่งจัดสวนอยู่
“ลุงโทนี่ค่ะ ลุงโทนี่สุดหล่อ~~~” ส้มตะโกนเรียกชายคนนั้น ทำให้โทนี่สะดุ้งตกใจ
“อุย ตกใจหมดเลย ส้มนี่ละก็ ว่าแต่ ที่อยู่ใหม่เป็นไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะ เพื่อนๆก็นิสัยดีค่ะ”จะไม่ชวนฉันเข้าบ้านเหรอจ๊ะหือ ส้มยิ้มรับโทนี่ แต่ในใจกลับ อยากเข้าไปกินน้ำข้างใน
“อ้อ ลุงก็อยากให้เข้าบ้านหรอกนะ แต่ตอนนี้ลุงเก็บบ้านอยู่นะ ของรกมากเลย แถมฝุ่นก็เยอะ”หงะ นี่ลุงอ่านใจหนูได้เหรอ โทนี่แจกแจงรายละเอียดเหมือนกับอ่านใจของส้มได้
“พ่อ แม่เรียกนะ” อุ๋ย ลูกลุงเหรอเนี่ย หล่อมากๆเลย ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่ดูท่าทางอายุใกล้เคียงกับส้มเดินเข้ามาเรียกพ่อของเขา
“อ้อ ได้ได้ เอ่อ ลุงไปก่อนนะ”อ้าวลุง จะไม่แนะนำลูกชายลุงหน่อยเหรอเนี่ย ส้มทำหน้าบูดใส่โทนี่ ที่หันหลังไปแล้ว แต่ลูกของโทนี่เห็นหน้าเธอที่บูดบึงใส่โทนี่
“นี่เธอ หลงรักพ่อฉันเหรอ” เด็กหนุ่มพูดทันทีที่พ่อเขาลับหลังไป
“เฮ้ ไม่ใช่นะ แค่ฉันคิดว่าทำไมเขาไม่แนะนำเธอให้ฉันรู้จักเท่านั้นเอง”อะไรฟระ ไอ้หมอนี่ หน้าตาก็ดูดีอยู่หรอกไม่น่านิสัยแย่งี้เลย เชอะ ส้มสะบัดหน้าหนีเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วทำท่าจะปั่นชีต้าออกไป แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับตะโกนถามออกมาว่า
“นี่เธอจำฉันไม่ได้เหรอ”พี่ส้มจำผมไม่ได้เหรอ จำผมไม่ได้จริงๆเหรอ เด็กหนุ่มทำสายตาเศร้าๆไปที่ส้ม แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับมามอง ได้แต่โบกมือเป็นสัญลักษณ์ ว่าจำไม่ได้
ส้มปั่นชีต้า ต่อไปโดยไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มคนนั้นมากนัก คงเป็นเพราะ เธอกำลังอารมณ์ เสียกับคำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้น แต่ไม่นานเธอก็ลืมคำพูดนั้นไปเสียหมด เมื่อเธอได้เห็นชายหาดอันสวยงามและขึ้นชื่อของที่นี่ ส้มอ้าปากหวอ อย่างไม่อายใคร
“โอ้ว แม่เจ้า สวยสุดยอดเลย มิน่าคนถึงมาเที่ยวกันเยอะ” แต่ทำไมเขาไม่ทำรถเมล์วิ่งมาฟระ สิ่งที่ช่วยให้ส้มหายสงสัยได้ก็โผล่ออกมา เครื่องบินโดยสารลำยักษ์ บินส่งเสียงครืนๆ ดังผ่านหัวเธอไป
“อ้ากกกก รู้งี้นั่งเครื่องบินมาต่อก็ดีหรอก แล้วทำไมพวกพี่อี้ผิงถึงไม่บอกว่ามีเครื่องบิน บินมานี้ด้วยฟระ” ส้มโวยวายออกมา โดยไม่ได้ดูว่าใครอยู่ข้างหลังเธอ
“อ้าวๆ ทำไมพูดแมวๆอย่างงั้นละ พี่ว่าพี่อี้ผิงก็บอกเธอไปแล้วนา แต่เธออยากจะไปลงที่ LA เองต่างหาก” ส้มค่อยๆหันหลังไปหาเสียงนั้น แล้วยิ้มแหยๆให้กับพี่สาวคนนั้น
“แหะๆ พี่แอน หนูก็เพิ่งนึกได้ ว่าแต่ พี่ไม่ทำงานเหรอ” ส้มรีบเปลี่ยนหัวข้อคุยทันที
“แหม รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเลยนะ พี่ก็ทำอยู่นี่ไง” แอนแหย่ส้มเล็กน้อย แล้วค่อยชูกล้องขึ้นมาให้ส้มดู
“พี่เป็นช่างภาพเหรอ”เท่ห์ชะมัดเลย
“ป่าวหรอก เป็นนักข่าวท้องถิ่นนะ แต่เมืองที่สงบอย่างนี้ ไม่ค่อยมีข่าวอะไรให้ทำหรอกนะ วันๆก็ถ่ายสถานที่ต่างๆ มาเขียนแนะนำที่ท้องเที่ยวนะ แต่พี่ว่าพี่หาหัวข้อใหม่ที่น่าสนใจได้แล้วละ”แอนยิ้มอย่างมีเลศนัยไปทางส้ม เหมือนว่าส้มจะรู้ตัว
“ไม่เอาพี่ ไม่เอาหรอก หนูอาย” จะมาทำข่าวฉันใช่ไหมละ ตอนนี้ไม่เอานะ ขอโบะแป้งก่อน
“พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนา อายอะไร แล้วไปโบะแป้งทำมายอะ ไหนบอกว่าอายไง” แอน หัวเราะคิกคักกับท่าทีของส้ม แล้วกล่าวลาโดยปล่อยให้ส้มโบะแป้งอยู่ตรงนั้น
“เวรกรรม ปล่อยให้โบะแป้งเก้อซะงั้น เจ้าเต่า ได้เวลาทำงานแล้วจ้า” ส้ม หยินกล้องโพลารอยด์ ออกมาจากคอ พร้อมกับกดชัตเตอร์ ไปที่ชายหาด ที่คนค่อนข้างเยอะ แต่เจ้าต่าย กลับไปโฟกัส ที่ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเข้า จนทำให้ส้มต้องลดกล้องลงดูให้ชัดๆ ว่าเขาอยู่ตรงไหน แต่กลับกลายเป็นความว่างเปล่าไป
“ตะกี้ใครกันนะ” เห้อ ทำไมง่วงจังเลยเนี่ย สายลมก็ดันเป็นใจอีก ฮ้าวววว ไม่นานนัก ส้มก็เอนหลังพิงไปกับต้นมะพร้าว แล้วจิตใจก็หลุดออกจากร่างกายไป
“จนป่านนี้แล้ว ผมคิดว่า มันคงตายไปแล้วละครับหัวหน้า” ชายหัวโล้นคนหนึ่งบอกอย่างปากสั่นๆกับหัวหน้าของตัวเอง ด้วยเพราะความเกรงกลัว และเพราะการทำงานผิดพลาด อย่างติดต่อกัน
“เอามันออกจากรายชื่อซะ”หัวหน้าทำมือปาดไปที่คอ พร้อมกับมีลูกน้อง2คนลากชายหัวโล้นออกไป แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น ลูกน้องทั้ง 2 กลับมาโดยใบหน้าที่เฉยชา ราวกับการฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา
“ได้ข่าวจาก จียอง บ้างไหม M” หัวหน้าถามเสียงเยือกเย็น
“ไม่ได้เลยครับ ผมเกรงว่าจะเป็นอย่างที่ไอ้โล้นนั่นบอก ผมว่าหัวหน้ายึดติดกับไอ้จองอู มากเกินไปนะครับไหนๆมันก็เงียบหายไปแล้ว ทำไมเราไม่เอาโอกาศนี่ประกาศสงครามกับ NG เลยละครับ” Mถามด้วยความเป็นห่วงของอนาคตของแก็งค์ตัวเอง ถ้าหัวหน้ายังทำอย่างนี้ต่อไป
“ไอ้เรื่องนั้นฉันก็รู้ แต่ว่าคิดหรือว่าลำพังแค่พวกแกจะสู้พวกนั้นไหว” M กับเพื่อนอีกคนชักสีหน้า เพราะคิดไม่ถึงว่า หัวหน้าจะไว้ใจ จองอูมากกว่าพวกเขา
“ถึงฝ่ายนู้นไม่มีจองอู มันก็ยังมีพิษสงอยู่ จะให้ประกาศสงครามสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง ตอนนี้เราก็แค่รอเวลาที่จองอู จะมาอยู่ฝ่ายเราเท่านั้น” เสียงหัวเราะอันเยือกเย็น จากหัวหน้าคนนั้น
“ชิน คิดว่างานนี้จะเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนกันวะ” อีเจถามเพื่อนซี้ต่างรุ่นอย่างไม่มันใจกับงานชิ้นใหม่ที่พวกเขาได้รับมอบหมาย
“อืม ก็คงจะไปได้จนจบอะนะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ว่าคราวนี้ต้องไปไหนอีกละ”ชินตอบอย่างหน้าตาเฉยเมย ไม่ยี่ระเหมือนเดิม ทำให้เพื่อนยิ่งหนักใจกับท่าทางของเขามาก เพราะทุกทีที่เป็นอย่างนี้ งานที่พวกเขาทำ มักจะเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตเสมอ
“อเมริกา แถว นิวยอร์กมั้ง ว่าแต่ อีกเรื่องนึงนะ ไปถึงไหนแล้ว” คราวนี้คำถามของอีเจ ทำให้หน้าของชินเต็มไปด้วยคำถาม
“อีกเรื่องอะไรวะ ก็มีอยู่เรื่องเดียวนิ” ชินตอบข้างๆคูๆ เหมือนพยายามเอาตัวรอดจากคำถามของเพื่อนซี้
“อะโธ่ นี่แกล้งโง่หรือโง่จริงเนี่ย ก็เรื่องคู่มั่นนายไง แล้วยังแฟนนายอีก นายนี่เนื้อหอมจริงวุ้ย”
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย ยิ่งพูดยิ่งทำให้ฉันปวดหัว เห้อ ไม่รู้พ่อจะหาคู่หมั้นมาให้ทำไม วันก่อนฉันก็ลองโทรไปหาทางแม่ของฝ่ายโน้นแล้วนะ เขาก็บอกว่า แล้วแต่ลูกสาวเขา” ชินหยุดถอนหายใจ เพื่อให้อีเจถามต่อ
“อ้าว แล้วลูกสาวเขาบอกว่าไงละ” ชินหันหน้าไปหาอีเจ อย่างหมดหวัง
“ลูกสาวเขาตอนนี้หนีออกจากบ้าน เมื่อรู้ว่าต้องแต่งงานกับฉัน ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้ว เขาขอให้ฉันช่วยตามหา ให้หน่อยอะดิ” อีเจอ้าปากค้าง แล้วพะงาบๆเหมือนจะพยายามพูดอะไรออกมา แต่ชินก็ชิงพูดออกมาก่อน
“พอ พ่อฉันรู้ ก็รีบให้ฉันตามหาเขาด้วยวะ โอ้ย เซง” อีเจจ้องมองหน้า ชิน อย่างรู้สึกเห็นใจ ถ้าเขาอยากแต่งกับแฟน ต้องตามหาคู่หมั้นให้เจอ แล้วต้องให้เธอปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ให้ได้เท่านั้น
กว่าส้มตาจะลืมขึ้นได้ พระอาทิตย์ก็กำลังย้อมทะเลให้กลายเป็นสีแดง แสดงให้รู้ว่าเวลานี้กลายเป็นเวลาเย็นแล้ว ส้มกระเด้งตัวขึ้นมาทันที
“เวรกรรม นี่ฉันหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ส้มบ่นตัวเองที่หลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แล้วรีบขึ้นชีต้า แล้วปั่นออกไปอีกทางหนึ่ง คนละทางกับที่มาทีแรก ด้วยเหตุที่ว่าเธออยากลองสำรวจที่ทางแถวบ้านเธอให้ทั่วซะก่อน แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดอยู่หน้าร้านขายยาร้านหนึ่ง
“พี่อี้ผิงนี่น่า หรือว่ามีใครเป็นอะไรกัน” ส้มรีบเข้าไปหาอี้ผิงที่อยู่ในร้านขายยา เพราะความเป็นห่วงเพื่อน แต่ยิ่งเธอเข้าไปใกล้ เธอก็เห็นว่า อี้ผิงใส่เสื้อกราวน์เหมือนเธอจะเป็สเภสัชกรยังไงยังงั้น
“พี่อี้ผิงค่ะ” ส้มเรียกให้สาวหมวยหันไปหา
“อ้าวส้ม มาทำอะไรที่นี่ละ”อี้ผิงถามอย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่า สาวน้อยคนนี้จะป่วย
“พี่เป็นเภสัชกรเหรอค่ะ”ส้มยิงคำถามทันที ที่อี้ผิงเปิดโอกาศให้
“อืม ทำไมเหรอ”
“หนูนึกว่าใครเป็นอะไรซักอีก แหมตกใจหมดเลย ก็เห็นคนลุมร้อมพี่เยอะขนาดนี้ ให้หนูช่วยมั้ยค่ะ”ว่าแล้วส้มก็เดินยิ้มแฉ่งไปหลังเคาเตอร์ แล้วก็เริ่มแจกยาให้กับคนไข้ อี้ผิงยิ้มออกมาให้กับนิสัยอย่างนี้ของส้ม แต่ เธอก็เข้าไปหยุดส้มที่จ่ายยาให้ผิดๆ
“พี่ว่า เธอกลับบ้านไปก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวยิ่งมืด ยิ่งกลับลำบาก อ้อฝากบอกที่บ้านด้วยว่าพี่ไม่กลับนะ” ส้มรับคำ แล้วเดินออกไป เธอรู้ว่าถึงเธออยู่ไปก็เป็นตัวเกะกะเขาเปล่าๆ แต่เธอก็ไม่คิดมาก ทุกคนย่อมมีสิ่งที่ทำได้กับสิ่งที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว
ส้มปั่นชีต้าเข้าไปในทางลัดในป่า ที่โทนี่บอกไว้เมื่อวาน ซึ่งจะช่วยลดระยะทางจากชายทะเลไปที่บ้านเธอเป็นอย่างมาก ยิ่งส้มปั่นไป เธอก็ยิ่งถูกดึงดูดด้วยพันธุ์ไม้ แถวนั้น จนเธอไม่ได้ดูทางข้างหน้า
“ว้ายยยยย” เสียงกรี๊ด ดังลั่นป่า แต่เพราะเป็นเส้นทางที่มีคนใช้น้อย ก็เลยทำให้ไม่มีใครได้ยิน เสียงกรี๊ดของเธอแม้แต่น้อย
“อูย เจ็บจัง หืม หล่นลงมาไม่สูงมากนี่น่า ชีต้าๆๆ” ส้มถลาเข้าไปเช็คสภาพจักรยานของตัวเอง เมื่อดูแล้วไม่เป็นอะไร เธอก็หาทางกลับขึ้นไปบนเส้นทางเดิม ส้มเดินเลาะทางเดินข้างบนไปเรื่อยๆ จนเจอทางขึ้น แต่ตรงนั้น ก็เป็นทางแยกไปอีกทางนึง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ส้มเลยปั่นชีต้าเข้าไปอีกทางนั้น
ไม่นาน สายลมก็พัดเอากลิ่นของน้ำเข้ามาหาเธอ แต่กลับไม่ใช่กลิ่นของทะเล เมื่อเธอมาจนถึงสุดทาง เธอก็เห็นบึงขนาดใหญ่กับบ้านไม้ร้าง ที่ดูคู่กันอย่างลงตัว
“เหมือน Il Mare เลย ไม่น่าเชื่อ เขาสร้างตาม Il Mare หรือว่า Il Mare สร้างตามเขาเนี่ย โห”แต่ดูน่ากลัวจังแฮะ เพราะความมืดเริ่มมาเยือน ทำให้เธอรู้สึกกลัวบ้านหลังนี้ขึ้นมาเล็กน้อย ส้มเลยรีบปั่นออกไปจากที่แห่งนั้น เธอคงไม่รู้ว่า บ้านหลังนั้น อาจจะทำให้เธอพบกับความโศกเศร้าอย่างที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนก็ได้...
“กลับมาแล้วค่า”ส้มตะโกนเข้าไปในบ้าน พร้อมกับถอดรองเท้า แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา ประตู ก็ถูกผลักออกมาด้วยมือใครบางคน
“อ้ายยย”อะไรฟระเนี่ย เด๋วแม่ตบชักดิ้นเลย ส้มลงไปกุมหน้าผากของเธอ เธอส่งสายตาโกรธแค้น มาที่คนเปิดเมื่อเธอเห็นว่าเป็นใครยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้น
“สมน้ำหน้า ชีนาอย่าลืมที่ผมบอกละ”
“นายนี่มัน จะไม่ขอโทษพี่ส้มเขาหน่อยเหรอ”ชีนาพูดไปพลางชี้ไปที่ส้มไป ส้มก็เลยทำหน้าว่า อย่ามาชี้ฉันสิ
“ความผิดฉันเหรอ ประตูมันต้องผลักออกไปนะ ใครจะไปรู้ว่ามีใครอยู่หรือเปล่าละ” เด็กหนุ่มพูดอย่างกระแทกกระทั้น ก่อนที่จะเผ่นแนบไป ชีนากระทืบเท้าอย่างไม่พอใจแล้วน้ำตาหยดใสๆก็ไหลลงมาอย่างช้า เมื่อส้มเห็นอย่างนั้นเธอก็หายโกรธทันที
“นี่ชีนาเป็นอะไรหรือเปล่า”
“พี่ส้มค่ะ ทำไมคนขอเลิกถึงรู้สึกเสียใจกว่าคนโดนบอกเลิกละค่ะ”ไม่รู้ว่าเธอพูดกับตัวเองหรือพูดให้ใคร แต่มันก็ทำให้หัวใจของส้มปวดเร้าขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น