ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ordeal The Legend Of The Last World

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 -จุดเริ่มต้น- (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 49


    Chapter 1 -จุดเริ่มต้น-


                  
    เกาะที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด แม้จะเป็นเกาะที่ไม่ใหญ่โตอะไรมากนัก แต่ก็โด่งดังด้วยเรื่องของพันธุ์ไม้บนเเกาะ ทำให้เรือ น้อยใหญ่เข้าเทียบท่า ทำการค้าขายกับเกาะนี้มาโดยตลอด แม้จะมีผู้ปกครองเกาะที่ไม่ได้เรื่องขนาดไหนก็ตาม ตระกูล เอลเบิร์ท ตระกูลเก่าแก่ที่ปกครองเกาะนี้มาแต่ช้านาน และชื่อเหม็นมาช้านาน แต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้าเข้ามาแหยม เพราะตระกูลเอลเบิร์ท มีอิธิพลเหนือความคาดคะเนนัก ถึงอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตระกูลเอลเบิร์ทกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างใหญ่หลวง เพราะ เอ็ดเวิร์ท เอลเบิร์ท ผู้ครองนครอยู่ตอนนี้ไม่สามารถที่จะมีบุตรได้ และทำให้ต้องรับลูกบุญธรรมเข้ามา "เคย์"


                   
    เคย์ เป็นเด็กที่จัดว่าหน้าตาดี สำหรับคนในหมู่บ้าน ผมสีแดงเพลิงเข้ากับผิวสีแทน ของเขาอย่างลงตัว โดยส่วนมาก คนในเกาะจะมีนัยต์ตาสีน้ำตาลจนไปถึงดำ แต่เคย์กลับมีสีแดงต่างจากคนอื่น ถ้าเทียบกับเด็กวัยเดียวกันแล้ว เคย์จะเป็นเด็กที่ไม่เตี้ยและไม่สูง จัดว่าอยู่กลางๆ แต่เมื่อดูจริงๆแล้วเคย์กลับผอมมากกว่าที่เห็น ไม่มีใครทราบว่าเคย์มาจากไหน รู้เพียงแต่ เอดเวิร์ท รับมาเป็นเด็กบุญธรรม ตั้งแต่ยังแบเบาะแล้ว


                   
    การรับเคย์เข้ามาเป็นบุตรบุญธรรมไม่ได้ทำให้ วิกฤตนี้ดีขึ้นสักเท่าไร เพราะเคย์เป็นเด็กที่แปลกสำหรับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน เคย์ไม่สนใจการเดินเรือ ทั้งๆที่มันเป็นกิจการหลักของตระกูล ซ้ำร้ายเคย์ยังว่ายน้ำไม่เป็น ข้อด้อยข้อนี้ของเคย์ทำให้เขาโดนพวกเด็กในเมือง ล้ออยู่เรื่อย เคย์มักจะปลีกวิเวกออกไปยังป่าด้านหลังของหมู่บ้าน และมักจะไปนั่งหลับอยู่บนกิ่งไม้ที่ยืนออกไปในบ่อน้ำใส แม้จะไม่ลึกมาก แต่ก็มีข่าวว่ามีเด็กตกน้ำนี้ตายไปหลายคนแล้ว แน่นอน เคย์ก็รู้ข่าวนี้ แต่เขาก็ยังไปอยู่เสมอๆ เพราะสถานที่นี้เป็นที่ๆเดียวที่เขาจะผ่อนคลายจากเรื่องทั้งหมดได้


                   
    นอกจากเด็กในเมืองแล้ว ยังมีเด็กในตระกูลเอลเบิร์ทคนหนึ่ง ที่เหมือนจะเกลียดขี้หน้าเคย์เป็นที่สุด แม้เคย์จะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม
    "อิลิแกน"


                   
    หนุ่มหุ่นสะอาดสะอง ผมสีบรอนต่างจากคนอื่นๆในตระกูล  ไม่ว่าใครมาเห็นก็อาจจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิงก็เป็นได้เพราะหน้าตาอันอ่อนหวานเหมือนผู้หญิง อิลิแกนเป็นเด็กที่จัดว่าฉลาดหากเทียบกับเด็กที่อยู่ในเมือง และเคย์มักจะถูกเปรียบเทียบกับเขาอยู่เสมอ เคย์ก็อยากจะไม่สนใจเขาเลย ถ้าเขาทำตัวให้ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง ต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งเมือง อิลิแกนจะปั้นหน้ายิ้ม คอยช่วยเหลือ จนเขาเป็นที่รักใคร่ของคนทั้งเมืองยกเว้นพวกเด็กๆเท่านั้น อิลิแกนมักจะดูถูกพวกเด็กในเมืองว่าต่ำชั้นกว่า และเขามักจะดีใจที่เคย์ถูกเปรียบเทียบกับเขาเสมอๆ และมักจะทำหน้าเชิดใส่เคย์ทุกครั้งที่เจอหน้ากันอีกด้วย แต่เคย์ก็ไม่ไดคิดอะไรมาก อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องคนเดียวของเคย์


                   
    วันนี้ท้องฟ้าโปร่งใสเหมาะแก่การออกเรือ หลายต่อหลายคนจึงออกเร่งมือเตรียมที่จะออกเรือไป เรือบางลำก็กำลังเข้ามาเทียบท่า พ่อค้าแม่ค้า ตะโกนกันเสียงดังเจี้ยวจ้าว ชายหนุ่มบางคนที่เพิ่งจะลงมาจากเรือก็กำลังเดินหาที่พักเพื่อจะได้เดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น วันอากาศดีดีแบบนี้ไม่เคยทำให้พวกเด็กในเมืองเลิกแกล้งเคย์เสียที


                   
    "เฮ้ย ไอ้ท่านลูกเจ้าเมือง เดินชนข้ายังไม่ขอโทษอีกเหรอ" ฟลิบัส เด็กร่างใหญ่ที่สุดเดินเข้ามาหาเคย์ แน่นอนเคย์ไม่ได้เป็นฝ่ายไปเดินชนเขา เพราะเคย์นั้นยืนดูกลมายากลที่ข้างทางอยู่เฉยๆต่างหาก


                   
    "ข้าไม่ผิด ทำไมต้องเป็นฝ่ายขอโทษ เจ้าต่างหากที่เดินมาชนข้า เจ้าควรขอโทษข้าซะมากกว่า" เคย์ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าพูดออกไปได้ยังไง เพราะทุกทีที่เขาเจอเด็กกลุ่มนี้ เขามักจะวิ่งหนีไปที่บ่อน้ำนั้นซะมากกว่า


                   
    "อะฮ่า เดี๋ยวนี้ปากกล้าขึ้นนะ ว่ามั้ยพวกเรา ฮ่าฮ่าฮ่า" เด็กกลุ่มนั้นหัวเราะกันยกใหญ่ ตอนนั้นเองเคย์จึงฉวยโอกาศวิ่งหนีออกไป กว่าเด็กกลุ่มนั้นจะทันรู้ตัว เคย์ก็วิ่งออกไปไกลแล้ว เคย์มักจะใช้เส้นทางเดิมในการวิ่งหนี คงเพราะเขาวิ่งหนีพวกนั้นพ้นทุกวัน ร่างกายเลยจำได้ว่าทางนี้เป็นทางที่ปลอดภัยสำหรับเขาเอง แต่วันนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้น


                   
    เด็กกลุ่มนั้นทุกทีมักจะวิ่งตามหลังเคย์ แต่ก็ไม่เคยมีใครวิ่งตามเคย์ทันสักคน แต่วันนี้ พวกเขาได้คำแนะนำจากใครบางคนให้วิ่งมาอีกทางหนึ่ง และจะได้พบกับเคย์เอง และมันก็เป็นเช่นนั้น เด็กร่างผอมที่ท่าทางจะวิ่งเร็วคนหนึ่งในกลุ่มนั้น วิ่งนำหน้าออกไป และเลี้ยวตรงหัวมุมนั้นทันที เคย์วิ่งมาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ชนเข้าไปที่เด็กร่างผอมคนนั้นอย่างจัง ทั้งเคย์และเด็กคนนั้นล้มลงไป         เคย์ลืมตาขึ้นมามองเพื่อดูว่าเขาชนอะไร แต่เขาถูกกระชากคอขึ้นไปเกือบจะในทันทีที่เขาล้มลง


                   
    "ฮ่าๆ ในที่สุดก็จับตัวแกได้ซักทีนะ ไอ้ลูกท่านเจ้าเมือง" พูดจบฟลิบัสก็ใช้กำปั้นที่ใหญ่ไปตามขนาดตัว ชกเข้าไปที่หน้าของเคย์เข้าอย่างจัง เพียงหมัดเดียวก็สามารถทำให้เด็กทั่วไปสลบไปได้ เคย์พยายามตั้งสติแล้วหาทางหนี ขณะนั้นเอง เคย์บังเอิญไปสบตากับใครคนหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากเขาสักเท่าไรเข้า อิลิแกน ยืนอยู่แถวนั้นพอดี เคย์ส่งสายตาอย่างขอความช่วยเหลือ เหมือนมันจะได้ผล อิลิแกนเดินเข้ามาหาเขา ฟลิบัสหยุดระดมหมัดทันที แล้วลุกขึ้น


                   
    "ข้าบอกแล้วไงฟลิบัส ให้ไปจัดการมันให้ไกลหูไกลตาคนหน่อย อย่างนี้ก็มีคนเห็นนะสิ"เคย์ตกตะลึงกับคำพูดของอิลิแกน นี่อิลิแกนเป็นคนวางแผนทั้งหมดงั้นหรือ เคย์ใช้แรงที่มีทั้งหมดเอื้อมไปจับชายกางเกงของอิลิแกน


                   
    "บอกข้าสิ ว่ามันไม่จริง เจ้าไม่ได้เป็นคนวางแผนใช่หรือไม่" อิลิแกนสะบัดขาหนี ทำหน้าขยะแขยงแล้วค่อยก้มตัวลงไปใกล้กับเคย์


                   
    "ถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็คงได้เป็นผู้สืบตระกูล ข้าหวังว่าหลังจากนี้เจ้าคงจะไม่กลับมาที่ตระกูลของข้าอีกนะ" อิลิแกนเดินกลับไปหาฟลิบัส ทิ้งให้เคย์นอนอึ้งอยู่ตรงนั้น เคย์ไม่เคยคิดเลยว่า อิลิแกนจะคิดกับเขาอย่างนี้ นึกแค่ว่าเขาอยากจะเด่นก็เท่านั้น หลังจากที่อิลิแกนไปแล้ว ฟลิบัสกับพวก ลากเคย์เข้าไปในป่า ตลอดทาง น้ำตาของเคย์ไหลลงมาตลอด พวกเด็กๆที่พาเคย์มา ก็ทำท่าแปลกใจ เพราะเมื่อก่อนพวกเขาจะทำร้ายเคย์ขนาดไหนเคย์ก็ไม่เคยร้องไห้สักแอะ


                   
    "ต้องไปโทษลูกพี่ลูกน้องของแกเองนะ" ฟลิบัสระดมหมัดไปที่เคย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ความแรงที่เคยมีกลับลดเบาลง


                   
    "ข้าก็เห็นใจแก แต่ถ้าข้าไม่ทำ พวกข้าก็จะไม่มีอะไรกิน หวังว่าแกจะเข้าใจ รีบไปจากเกาะนี้ดีกว่า"ฟลิบัสพูดจบก็ลุกขึ้น แล้วเดินหันหลังออกไปจากป่า ปล่อยให้เคย์นอนร้องไห้อยู่บนพื้นอย่างนั้น เคย์พยายามพยุงตัวลุกขึ้น เขาเดินไปที่บ่อน้ำแห่งนั้น ตลอดทางเขาล้มลงหลายครั้ง แต่เขาก็พยายามลุกขึ้นเดินมาจนถึงที่นี่  


                   
    เคย์ก้มหน้าลงไปที่บ่อน้ำ ภาพฉายสะท้อนตัวเด็กผิวสีแทนหน้าตาเหยเกคนหนึ่ง ที่น้ำตาอาบไปเต็มพื้นที่ของใบหน้า แต่แล้วภาพสะท้อนก็สั่นไหวเนื่องจากคลื่น ที่ใครบางคนเป็นคนสร้างขึ้น เคย์เงยหน้าไปมองหาบุคคลทที่ทำน้ำสั่นไหว ชายหนุ่มมีอายุคนหนึ่งนั่งอยู่บนกิ่งไม้ที่เคย์เคยนอนอยู่เสมอ เขาปล่อยขาลงมาหนึ่งข้าง แล้วแก่งลงในน้ำ นั่นเองทำให้น้ำนั้นสั่นไหว ตอนแรกเขาเหมือนไม่สนใจเคย์ เขามองเหม่อออกไปเหนือต้นไม้ แล้วพูดออกมาอย่างลอยๆก่อนจะหันหน้าไปหาเคย์


                   
    "โดนเพื่อนแกล้งมาหรือหนุ่มน้อย" เคย์ไม่ตอบ แม้จะไม่ใช่ตอนนี้เขาก็มักจะไม่พูดกับคนแปลกหน้า


                   
    "พ่อแม่คงสอนมาดีละสิ ไม่เป็นไรหรอก ฉันไว้ใจได้ บางทีฉันอาจจะทำให้เธอสบายใจขึ้นได้นะ ว่าแต่เธอชื่ออะไรละ ฉันชื่อ จัสติน เดอะจัสติส"ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้กับเคย์ ดูท่าทางแล้วเขาคงไม่มีพิษมีภัยอะไร


                   
    "เคย์... เคย์ เอลเบิร์ท"


                   
    "อืม เป็นชื่อที่แปลกดี ว่าแต่ ข้าทำแผลให้เจ้าดีมั้ย" ว่าแล้ว จัสตินก็กระโดดเข้าไปข้างๆ เคย์ เขากระโดด แบบเบาๆ แต่ก็ไปได้ไกลมาก เหมือนกับว่าเขาเหาะข้ามจากกลางน้ำมา จัสตินคว้ากระปุกยาสีน้ำตาล รูปทรงชมพู่ ออกมาจากระเป๋าหนังที่สะพายอยู่ข้างตัวเขาออกมา


                   
    "แสบหน่อยนะ" เคย์ยื่นหน้าให้กับเขา แม้ยังไม่ไว้ใจเขาสักเท่าไรก็ตาม แต่เพราะอาการบาดเจ็บเริ่มเล่นงานที่แผลแทนที่หัวใจแล้ว จัสตินสัมผัสแผลของเคย์อย่างแผ่วเบา เคย์อยากให้พ่อกับแม่เขา ทำอย่างนี้กับเขามาตลอด แต่ทุกครั้งที่เขาได้แผลมา พวกเขาก็ผลักภาระนี้ไปให้กับแม่บ้านแทน ซึ่งเคย์ก็มักจะทำแผลเอง น้ำตาเขาไหลออกมาอีกครั้ง


                   
    "อืม เสร็จแล้ว ทีนี้จะเล่าให้ลุงฟังได้หรือยัง"จัสตินยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเคย์ เคย์กล่าวขอบคุณ แล้วจึงเอ่ยปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับชายแปลกหน้าคนนี้ เล่าเรื่องราวตั้งแต่ตอนที่เขาจำความได้ ก็มาอยู่ที่คฤหาสถ์เอลเบิร์ทแล้ว ทั้งเรื่องเด็กในเมือง ทั้งเรื่องอิลิแกน และพ่อแม่ของเขาที่ไม่สนใจใยดีในตัวเขา เคย์เล่าไปก็สะอื้นไป บางท็ปล่อยโฮออกมาจนจัสตินต้องรีบปลอบ


                   
    "ท่านว่า ข้าโชคร้ายจริงๆใช่ไหม"


                   
    "ไม่หรอก เจ้าไม่ได้โชคร้ายหรอก เจ้าก็แค่บังเอิญเท่านั้น บังเอิญต้องเข้ามาอยู่ในตระกูลอันสูงศักดิ์ บังเอิญเจอลูกพี่ลูกน้อง ที่นิสัยไม่ค่อยดี อ้อนิสัยไม่ดีเลยต่างหาก บังเอิญเจ้าไม่ได้มองหาความสุข เจ้ามองแต่ความทุกข์ บังเอิญเจ้าไม่ได้สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็เท่านั้นเอง"จัสติน หันกลับไปยิ้มให้กับเคย์อีกครั้ง ก่อนจะมองไปที่พระจันทร์ที่ไม่รู้ว่ามันขึ้นตั้งแต่เมื่อไร


                   
    "เจ้าลองเปลียนแปลงตัวเองดูสิ ลองโต้ตอบเด็กในเมืองพวกนั้น ลองร้องเรียกความสนใจพ่อแม่เจ้าดู ลองจัดการอิลิแกนให้หงายหลังไปเลย ลองเปลี่ยนมุมมองของเจ้าสิ แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้น ข้าว่านี่มันก็ดึกแล้วนะ เจ้ากลับบ้านไปดีกว่า"พูดจบจัสตินก็ลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปให้เคย์ เคย์ยิ้มแล้วรีบคว้ามือนั้นไว้


                   
    "ท่านลุง ท่านเป็นใครหรือ"


                   
    "เอาเป็นว่า ข้าเป็นลุงของเจ้าก็พอ ข้าว่าดูจากชุดข้าเจ้าก็น่าจะรู้แล้วนา"มันก็จริงของจัสติน ชุดของเขาไม่ว่าใครดูก็รู้แล้วว่า เป็นลูกเรือ ของเรือไหนซักลำแน่นอน

                    "พรุ่งนี้ข้ามาหาท่านอีกได้หรือเปล่า"เคย์ส่งสายตาอ้อนวอน เหมือนกับว่าเขาได้เจอคนรู้ใจแล้ว

                    "ได้สิ แต่ว่าข้าอยู่เมืองนี้ไม่นานหรอกนะ"จัสตินเงยหน้ามองพระจันท์อีกครั้ง

                    "แล้วท่านจะไปเมื่อไหรหรือ"

                    "เมื่อถึงเวลานะ พรุ่งนี้มาเจอกันที่นี่นะ"

                    "ครับ เอ่อท่านลุงขอบคุณมากครับ" เคย์เดินออกไป สักพัก แล้วหันกลับมามองจัสตินอีกครั้ง พร้อมกับโบกมืออย่างยิ้มแย้ม ในที่สุด เคย์ก็มีคนให้ระบายความในใจแล้ว อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกดีเมื่อมีคนรับฟังความทุกข์ของเขา จัสติน ยืนยิ้มมองเคย์กลับไป แล้วโบกมือให้เคย์กลับ แต่เมื่อเคย์หันหลังอีกครั้ง สีหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้าใจ "ทำไมเด็กคนนี้ต้องเจอแบบนี้ด้วยนะ" เขารีบปรับสีหน้าเป็นแบบเดิมเมื่อรู้ถึงการมาของใครบางคน

                    "เด็กคนนั้นนะเหรอ" ชายมาใหม่กล่าวขึ้น เสียงเขาดูจะหนุ่มกว่าจัสตินมาก

                    "ใช่เด็กคนนั้นแหละ สักวันเขาจะยิ่งใหม่เหมือนกับ ชายคนนั้น"จัสตินหันกลับไปหาอีกคน แล้วเดินเข้าไปในป่าพร้อมกัน

                    เคย์เดินกระโดดโลดเต้นมาอย่างดีใจ จนลืมบาดแผลเต็มตัว เขามีเพื่อนแล้วถึงจะเป็นเพื่อนต่างวัยกันมากขนาดนี้ก็เถอะ แต่สุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน เมื่อเคย์กลับมาถึงคฤหาสถ์ เขาก็เจอพ่อยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าประตู พร้อมกันคนรับใช้นับสิบ เอ็ดเวิร์ด เอลเบิร์ด เดินเข้าไปหาเคย์อย่างช้าๆ แล้วยังไม่พูดอะไร ผู้ที่ถูกเคย์เรียกว่าพ่อ ก็ตบเข้าที่หน้าของเคย์เข้าอย่างจัง โสตประสาทของเคย์รับรู้ถึงความเจ็บปวด แผลที่หน้าแตกออกมาอีกครั้ง เคย์รีบเอามือไปจับที่แก้ม แล้วมองค้อนกลับไปที่เขา

                    "เจ้าไม่ใช่ลูกของข้า ไสหัวไปซะ" เคย์ตกตะลึงกับคำพูดของเอ็ดเวิร์ด แต่ยังไม่ทันจะแย้งอะไร เอ็ดเวิร์ดก็เดินกลับเข้าไปในคฤหาสถ์แล้ว เหมือนกับมีอะไรมากระแทกที่เข่าของเขา เคย์ททรุดลงไปกับพื้นอย่างหมดแรง เขากำลังลำดับความคิดที่กำลังวุ่นวายอยุ่ในหัวเขา แต่กลับมีบางอย่างมาดึงความสนใจเขาไป ใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้าเขา อิลิแกน

                    "ว่ายังไง ข้าเคยบอกแล้วไง ว่าสักวันตำแหน่งของเจ้า จะเป็นของข้า ทุกๆอย่างของเจ้าจะเป็นของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะอันเยียบเย็น ดังเข้ามาในหัวของเคย์ เขาอยากจะชกหน้าอิลิแกนสักที แต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น อิลิแกนจึงเตะเข้าที่หน้าของเขาจนเคย็ล้มลงไปนอนกับพื้น ก่อนที่จะเข้าไปในคฤหาสถ์...

                    ไม่มีใครรู้ว่าเขานอนอยู่ตรงั้นนานเท่าไร แต่ที่รู้ก็คือ เขาถูกเชดหัวออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว เคย์ลุกขึ้นปาดน้ำตา แล้วเดินหันหลังกลับไปอย่างไม่สนใจใยดีอีกต่อไป เขาตัดสินใจแล้วว่าจะะตัดขาดกับครอบครั้วนี้ตลอดไป

                    ข่าวเรื่องเคย์ถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้เหตุผลว่าทำไมเอ็ดเวิร์ทถึงขับไล่คนที่เขาเรียกว่าลูกอย่างนี้ แม้จะไม่ใช่ลูกจริงๆ แต่ความผูกพันธ์เกือบ 14ปี ตัดกันได้ง่ายๆอย่างนี้หรือ

                    "ไงหนุ่มน้อย ได้ข่าวว่าโดนไล่ออกจากบ้านมาเหรอ"จัสตินทักเคย์ในสถานที่ๆเดิมที่ได้พบกันเมื่อวาน

                    "ข่าวแพร่ไปเร็วจังเลยนะครับ ผมเพิ่งถูกไล่เมื่อคืนเอง"น้ำเสียงของเคย์ราบเรียบไม่เหมือนกับเด็กที่เพิ่งถูกตัดขาดจากครอบครัว

                    "เข้มแข็งจริงนะเราเนี่ย แล้วเธอจะเอายังไงต่อไปละ พอไม่ได้อยู่ในตระกูลเอลเบิร์ทแล้ว จะทำยังไง"

                    "ผมจะไปจากเกาะนี้คับ ผมเกลียดที่นี่ ที่นี่มีแต่ความทุกข์"เคย์เหม่อมองออกไปที่กลางบึง เขาไม่อยากอยู่เกาะนี้แล้ว เขาต้องไปจากเกาะนี้ให้ได้

                    "แล้วเธอจะเสียใจที่คิดอย่างนั้น ฉันขอเตือนไว้ ไม่มีใครหน้าไหนเกลียดชังบ้านเกิดแล้วได้ดีหลอกนะ"จัสตินพูดอย่างขึงขัง หน้าตาของเขาแน่วแน่เหมือนกับเคยเจอใครบางคนที่เป็นอย่างนั้นมาก่อน

                    "ครับ ผมจะจำเอาไว้ แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็จะไปจากเกาะนี้ให้ได้ ท่านลุงพาข้าออกไปได้ไหม"

                    "ข้าว่าแล้วเชียว"จัสตินนั่งคิดอยู่นาน นานเสียจนเคย์คิดว่าเขาคงไม่พาเขาไปแล้วแน่ๆ

                    "ก็ได้ แต่มีเงื่อนไขนะ" จัสตินเอ่ยปากขึ้นมา แล้วยิ้มไปทางเคย์ 

                    "ไม่ ข้าไมทำอย่างนั้นเด็ดขาด" นั่นคือคำพูดที่เคย์พูดทันทีที่เขาได้ยินเงื่อนไข

                    "ตามใจ งั้นเจ้าก็หาทางไปจากเกาะนี้เองก็แล้วกัน"

                    "อ้ออย่าคิดโกหกข้าละ ข้ารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเกาะนี้ดี พรุ่งนี้เช้าข้าจะรอเจ้าอยู่ที่หาดทรายด้านหลังป่านี้ ถ้าเจ้าเคลียร์เงื่อนไขของข้าได้ ข้าจะพาเจ้าไป"จัสติดพูดอย่างเด็ดขาด แล้วเดินจากไปทันที ปล่อยให้เคย์ยืนกลุ้มใจอยู่ตรงนั้นคนเดียว

                    เคย์เดินเข้าไปในเมืองเพื่อจะหาอะไรกิน เพราะตั้งแต่เมื่อวานตอนกลางวันเขาก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เขาสำรวจร่างกายว่าเหลือเงินอยู่เท่าไร ทุกครั้งก่อนที่เขาจะออกจากบ้าน ที่ชุดของเขาจะมีเงินที่แม่บ้าเตรียมเอาไว้ให้อย่างน้อยก็ 5เหรียญทอง (100เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน 100เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง) แล้วตั้งแต่เมื่อวานเขาก็ยังไม่ได้ใช้อะไรด้วย เขาจึงมีเงินมากพอที่จะหาอะไรกิน เคย์กำลังยืนอยู่หน้าร้านขายไก่ย่าง แต่ก็มีใครคนหนึ่งเข้ามาขวางเขาไว้

                    "ว่าไงท่านลูกเจ้าเมือง อ๊ะไม่ใช่สิ ต้องไอ้เด็กโดนทิ้ง 555"เคย์มองหน้าชายเมาเล่าคนนั้น ด้วยสีหน้าเฉยชา เขารู้แล้วว่าคนในเมืองต้องทำแบบนี้กับเขาแน่นอน เคย์เลยทำไม่สนใจเขา

                    "เฮ้ย อย่าทำเป็นเมินข้าสิ ยังไงแกก็เป็นแบบพวกข้าแล้ว เรามาญาติดีกันดีกว่าน่า"เคย์ปัดมือของชายคนนั้นที่เข้ามาเกาะบนไหล่เขา

                    "หน่อย เจ้า ถุ้ย.."ชายขี้เมา กระโดดเข้าใส่เคย์ แต่เคย์แค่เอี้ยวตัวหลบเขาเท่านั้น ชายคนนั้นเลยเสียหลังล้มลงไป และหยิบทรายขึ้นมาหมายจะขว้างใส่เคย์ แต่กลับมีฝ่ามือของใครบางคนมาคว้าข้อมือขี้เมาคนนั้นไว้ ก่อนที่ทรายจะปลิวไปหาเคย์ ฟลิบัส

                    "ไปไกลๆเลยไอ้ขี้เมา แค่เด็กคนเดียวก็สู้ไม่ได้ ยังจะใช้วิธีสกปรกอีก ไปซะ!!!"ฟลิบัสตวาดไล่ขี้เมาคนนั้นไป ขี้เมารู้กิติศัพท์ของฟลิบัสดี แม้จะเป็นเด็กแต่พละกำลังเขามหาศาร

                    "ข้าไม่ขอบใจเจ้าหรอกนะ ข้าไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือสักหน่อย"เคย์ทำท่าจะเดินหนี แต่ฟลิบัสกลับพูดออกมาว่า

                    "เสียใจด้วยนะ" เคย์หันขวับไปอย่างไม่พอใจ เขาไม่ต้องการให้คนอย่างฟลิบัสมาเห็นใจ

                    "เจ้าหุบปากไปเลย ก่อนที่ข้าจะตะบันหน้าเจ้า"ฟลิบัสยิ้มอย่างดีใจ เคย์ เจ้านี่เข้มแข็งดีแหะ

                    "ยินดีด้วยที่เป็นไท"ฟลิบัส หันหลังเดินกลับไปทางเก่าที่เขามา

                    เคย์เดินไป กินไก่ย่างไป "ฟลิบัสก็เป็นคนดีนี่หว่า" เคย์นึกถึงท่าทางของฟลิบัสหลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อกี้นี้ "ถ้าเจ้าทำไม่ได้ ข้าก็ไม่พาเจ้าไปหรอกนะ" คราวนี้นึกถึงคำพูดของจัสติน สงสัยข้าคงต้องทำละมั้ง เคย์เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ แม้เขาจะมาเดินในเมืองทุกวัน แต่เขากลับไม่รู้สึกผูกพันท์กับเมืองนี้เลย เขารู้สึกแค่ว่ามันก็เป็นแค่เมืองเท่านั้น จะรู้สึกผูกพันท์ก็แค่ บ่อน้ำในป่านั้นเท่านั้น

                    เคย์มุ่งหน้าไปที่ป่าอีกครั้ง เขาหวังจะอยู่ที่บ่อน้ำจนกว่าจะค่ำแล้วค่อยจัดการเรื่องที่จัสตินตั้งเงื่อนไขไว้ เคย์เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกข้างหน้า แต่กลับไปชนกับใครบางคนที่วิ่งมาอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่ล้มลง

                    "ขโมย ช่วยด้วย ขโมย ขโมย ใครก็ได้จับมันไว้ให้ที" เคย์หนักลับไปหาคนที่ชนทันที แต่คนๆนั้นลุกขึ้นแล้วออกวิ่ง เคย์รู้สึกคุ้นๆกับแผ่นหลังนั้น "เอาวะ อย่างน้อยก็ทำความดีไว้ก่อนจากกันดีกว่า" เคย์คิดอย่างนั้น และวิ่งตามชายคนนั้นไป ด้วยรูปร่างของเคย์ได้เปรียบกว่าหัวขโมยคนนั้นมาก ไม่ทันไรก็ตามขโมยคนนั้นทัน แต่ก็ไกลจากจุดที่ชนกันมากแล้ว เคย์กระโดดเข้ากอดเขา แต่เพราะขนาดตัวเกินที่เคย์จะกอดได้ ทำให้กลายเป็นเขากระโดดเข้าไปผลักหัวขโมยคนนั้นแทน หัวขโมยล้มลง เคย์ผลิกตัวเขาเพื่อจะดูหน้า ใบหน้าอันคุ้นเคย คนๆนี้เคยแกล้งเขามาทุกวัน ฟลิบัส

                    "ฟลิบัส แก เชอะไม่น่าเชื่อ พอเลิกแกล้งฉันก็หันตัวไปเป็นหัวขโมยเลยเหรอวะ" แม้ฟลิบัสจะมาแกล้งเคย์เสมอๆ แต่เขาก็ไม่เคยแกล้งเด็กคนอื่นเลย ซ้ำยังคอยช่วยเหลือพวกเด็กๆแทบจะทุกคนอีกต่างหาก

                    "ก็หลังจากไม่ได้แกล้งแกแล้ว ไอ้คุณชายอิลิแกนก็ไม่ให้เงินพวกข้านะสิ แถมยังไม่มีใครจ้างข้าไปทำงานอีกด้วย ข้านะไม่เป็นไรหรอก แต่พวกเด็กๆยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อวานเลยด้วยซ้ำ" เอ๋ ใช่สิอิลิแกนจ่ายเงินให้ฟลิบัสเพื่อให้เขามาแกล้งข้านี่น่า งั้นตอนนี้ฟลิบัสก็ไม่มีอะไรจะกินเลยสินะ เคย์ลุกจากตัวฟลิบัส เขาสังเกตุเห็นขนมปังแถวยาวหลายอันในมือเขา แสดงว่าต้องมีเด็กจำนวนไม่น้อยทีเดียวเชียว ฟลิบัสลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินออกไป

                    "เดี๋ยวก่อน ข้าไปด้วย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะเอาไปให้พวกเด็กๆกิน"ฟลิบัสไม่ว่าอะไรปล่อยให้เคย์เดินตามเขาไป ยิ่งเดินถนนก็ยิ่งแคบลง ทางยิ่งลาดลง เคย์ไม่เคยมาแถวนี้มาก่อนเพราะ มันเป็นแหล่งสลัมของเมืองนี้ เขาไม่คิดจะเคยเหยียบย่ำเข้ามาที่นี่เลย ตามทางมีคนมองมาที่เคย์ตลอด เพราะเป็นชุดที่เขาใส่กระมัง ชุดที่ดูเหมือนพวกผู้ดีมีตระกูลเขาใส่กัน เมื่อเดินมาได้อีกสักพักพื้นดินก็หายไปกลายเป็นไม้ที่ค่อนข้างเก่า เคย์คิดว่าตรงนี้คงสร้างยื่นออกไปในทะเล จากตรงนี้ไปสภาพยิ่งแย่กว่าที่พื้นดินเสียอีกเพราะข้างใต้เป็นน้ำทะเล ที่รู้สึกว่าจะเน่าแล้ว ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เคย์ทำท่าเหมือนจะอ้วก

                    "อะไรท่านลูกเจ้าเมือง แค่นี้ก็จะอ้วกแล้วหรือ ข้าอยู่ทุกวันยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย"

                    "พวกเจ้าทนอยู่ไปได้ไงเนี่ย แหวะ"เคย์พูดไปก็อ้วกไป

                    "จะให้ทำยังไงได้ละ ก็บนดินเขาไม่ต้อนรับเด็กกำพร้าอย่างพวกข้านี่น่า"

                    ฟลิบัสไปหยุดที่หน้าบ้านซอมซ่อหลังหนึ่ง ประตุอยู่ตรงกลางขนาบด้วยหน้าต่างใหญ่ ทั้งซ้ายและขวา หน้าต่างเป็นหน้าต่างไม้เปิดอยู่ ถูกบุด้วยมุ้งลวดเก่าๆที่ขาดเพราะแมลงแทะไปหลายที่ มองเข้าไปก็เห็นเด็กหลายคน อยู่ในนั้น บางคนรับรู้ถึงการมาของพี่ใหญ่ก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับ

                    "พี่ฟลิบัสกลับมาแล้วเหรอ ผมหิวข้าวแล้วนะ บริดัสก็บอกว่าเราไม่มีเงินแล้วจริงเหรอคับพี่ฟลิบัส"เด็กที่ตัวเล็กที่สุดวิ่งเข้ามาหาเมื่อฟลิบัสเปิดปรตูพร้อมกับสีหน้าเป็นกังวล

                    "ไม่ใช่หรอกบรูตัส นี่ไงพี่ซื้อขนมปังมาเห็นป่าว" ฟลิบัสรีบยื่นขนมปังไปให้พวกเด็กๆดู แต่พอตัวเองเห็นทรายที่ติดอยู่บนขนมปังก็รีบปัดทิ้ง

                    "โกหก ก็หลังจากที่ท่านชายอิลิแกนไม่ได้จ้างให้พี่แกล้งลูกเจ้าเมือง แล้วตั้งแต่เช้าพี่ก็หางานไม่ใช่เหรอ" บริดัสเด็กที่บรูตัสพูดถึงแย้งขึ้นมาทันที

                    "เรื่องนั้นช่างเหอะ ไว้พี่จะจัดการให้ เอ้า เอานี้ไปแบ่งกันกิน"ฟลิบัสโยนขนมปังไปให้พวกเด็กๆ ก่อนที่จะเดินออกมาหาเคย์ที่รออยู่หน้าบ้าน


    ------------------------------------------------------------------------------

                    เพื่อให้น้องๆของข้าอยู่รอดข้ายอมทำทุกอย่างแม้จะเป็นขโมย ข้าก็ยอมสายตาของฟลิบัสมุ่งมั่นเมื่อพูดถึงน้องๆของพวกเขา

                    เด็กพวกนั้นไม่ใช่น้องแท้ๆของเจ้าไม่ใช่เหรอ

                    แต่เด็กพวกนั้นเหมือนข้า ข้าไม่อยากให้ต้องมีใครมีชะตากรรมเหมือนข้าอีกฟลิบัสพูดอย่างเศร้า ท่าทางฟลิบัสจะผ่านอะไรมามาก เคย์ได้รับการประคบประหงมอยู่แต่ในคฤหาสตั้งแต่เด็ก จึงไม่สามารถรับความรู้สึกอันนี้ของฟลิบัสได้

                    ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเจออะไรมาบ้าง แต่ข้ารู้อยู่อย่างนึง เจ้าเป็นคนดีมากกว่าที่ข้าคิดไว้นะเคย์ยิ้มกว้างให้กับฟลิบัส อย่างที่ไม่เคยทำ พร้อมกับเดินไปโอบไหล่ ฟลิบัสก็ยิ้มตอบกลับ

                    เจ้าไม่น่าจะไว้ใจคนง่ายๆนะ เมื่อก่อนข้าก็เคยแกล้งเจ้าไม่ใช่หรือไง

                    ข้าจะไว้ใจคนก็ต่อเมื่อข้าไว้ใจในตัวคนๆนั้นเท่านั้น เคย์ล้วงเข้าไปในเสื้อ แล้วหยิบเหรียญทองออกมา 4เหรียญกับเหรียญเงินอีกหลายสิบเหรียญ ฟลิบัสทำตาโตเหมือนกับว่าเขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อน

                    เจ้าเก็บนี่ไว้ก็แล้วกัน ไว้ข้าจะเอามาให้เจ้าอีกเคย์พูดแล้วยื่นเงินจำนวนมากให้กับฟลิบัส ฟลิบัสทำท่าเหมือนโดนดูถูก ซึ่งเคย์ก็พอจะรู้ตัวจึงพูดออกไปว่า

                    อย่างมองอย่างนั้นสิ ข้านะไม่เคยได้รับความลำบากมาก่อน และแต่ละครั้งที่ข้าได้เงินมามันก็ง่ายแสนง่ายแถมแต่ละทีจำนวนมันยังเยอะ เลยทำให้ไม่รู้จักคุณค่าของเงิน มันเยอะจนข้าใช้คนเดียวยังไงก็ไม่หมดหรอกนะพอเคย์พูดอย่างนั้นฟลิบัสก็รับเอาไว้แต่โดยดี เงินจำนวนขนาดนี้ เขาใช้ได้ทั้งอาทิตย์เลยทีเดียว

                    อ้อ อีกเรื่องนึง ข้าตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้เช้า... ข้าจะไปจากเกาะนี้ฟลิบัสทำตาโต เขาไม่นึกว่าเคย์จะไปจากเกาะนี้ได้ ทำไมนะหรือ เพราะว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็นนะสิ ทุกคนในเมืองรู้เรื่องนี้ดี คงไม่มีใครหน้าไหนให้เด็กที่ว่ายน้ำไม่เป็นไปเป็นลูกเรือหรอก

                    อย่างนั้นหรือ ข้าคงให้อะไรเจ้าไม่ได้ ขอให้คิงเฮอร์มิตคุ้มครองเจ้าก็แล้วกัน

                    ใครกันคิงเฮอร์มิตคนโดนถามถึงกับชักสีหน้า คิงผู้เป็นตำนาน ซึ่งใครต่อใครก็อยากได้สมบัติเขา แล้วทำไมลูกท่านเจ้าเมืองถึงไม่รู้จักกันเล่า

                    เจ้าไม่รู้จักหรือ งั้นข้าจะเล่าให้ฟัง...ฟลิบัสตั้งท่าจะพูดแต่เคย์ยกมือห้ามไว้ก่อน

                    ไว้ให้ข้ากลับมาฟังได้หรือเปล่า ไว้ข้าโตกว่านี้ แล้วข้าจะกลับมาฟังเรื่องเล่าของเจ้าก็แล้วกันนะ ลาก่อนเคย์กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น แล้วเดินออกไป แต่ก็หันกลับมาตะโกน

                    คืนนี้ข้าจะเอาเงินที่ข้ามีอยู่มาให้ รอข้าละ อย่าไปลักขโมยใครเขาอีกนะอดีตท่านลูกเจ้าเมืองโบกมือลาเพื่อนใหม่ต่างฐานะ จะให้ถูกต้องฐานะเดียวกันแล้ว เด็กกำพร้า

                    เคย์เร่งฝีเท้าออกจากแถวนั้น หมายจะไปให้ถึงคฤหาสถ์เอลเบิร์ท ก่อนที่จะมืด และด้วยระยะทางจากสลัมถึงคฤหาสถ์ก็ไม่ใช่ใกล้ๆด้วย คฤหาสถ์แยกออกมาจากตัวเมือง ค่อนไปทางป่า เขาเคยถามแม่บ้านแล้วว่าทำไมไม่ทำไว้กลางเมืองละจะได้ สัญจรสะดวก แม่บ้านก็ตอบอย่างส่งๆว่า ก็จะได้ไว้หนีสะดวกไง

                    กว่าเคย์จะมาถึที่คฤหาสถ์ พระอาทิตย์ก็กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว ท้องฟ้าตอนนั้นเป็นสีแดงฉาน ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากท้องฟ้าหรืออะไร เคย์รู้สึกไม่ดีเท่าไรเมื่อเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่สนใจ รีบเข้าไปในคฤหาสถ์ พอเข้ามาในคฤหาสถ์ ก็ไม่มีใครทักเขาแม้แต่คนเดียว หรือจะพูดให้ถูก เคย์ไม่เจอใครเลยต่างหาก เคย์รีบเก็บเสื้อผ้า เสื้อผ้าเขามีมากมายเต็มตู้ใหญ่ๆ 2 ตู้ แต่เขาก็ไม่เคยใส่หมดสักที เขามักจะใส่อยู่แค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น เคย์เดินไปเปิดลิ้นชัก หยับสมุดไดอารี่ พร้อมกับ จี้ห้อยคอที่เขาไม่เคยใส่เลยสักครั้ง แต่คราวนี้เขาหยิบสวมเข้าไปอย่างลังเล เคย์เปิดอีกลิ้นชักนึง พร้อมกับเท เงินจำนวนมากในลิ้นชักที่มีอยู่เต็ม ใส่ลงในถุงผ้าที่รองเอาไว้ ทีนี้ทุกอย่างก็ครบ เหลือแต่เงื่อนไขของจัสติน

                    เคย์เดิน ออกจากห้อง มุ่งหน้าไปอีกห้องหนึ่งทางทิศตะวันตกของตัวคฤหาสถ์ เขาเพิ่งจะมาสังเกตุว่าไม่เจอใครเลย ตอนที่เคย์เดินผ่านห้องโถงใหญ่ที่ประดับด้วย ชุดเกราะเรียงรายอยู่ตลอดรอบด้านผนัง ช่วยเพิ่มความขลังให้กับห้องนี้ แต่เคย์ไม่สนใจเรื่องคน เขาเดินหน้าตรงไปที่จุดหมาย ห้องทำงานของ เอ็ดเวิร์ท เอลเบิร์ท

                    เคย์เคาประตู แล้วผลักเข้าไปทันที โดยไม่รอให้คนข้างในอนุญาติ เอ็ดเวิร์ท เอลเบิร์ท นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน และด้านหน้า มีคนทั้งบ้านยืนกันหน้าสลอน ด้านขวา มีชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ที่เคย์คิดว่าคงเป็นแขก แต่นั่นใช่เรื่องของเขาไม่

                    ท่านพ่อ...

                    ข้าไม่ใช่พ่อเจ้า เคย์ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ทำไมต้องตอกย้ำด้วยนะ แต่ไม่ใช่แค่เคย์เท่านั้นที่ทำสีหน้าตกใจ ชายแปลกหน้าคนนั้น ก็ทำสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน

                    เขาไม่ใช่ลูกข้า เจ้ามีธุระอันใด ถึงกล้าเข้ามาในนี้เอ็ดเวิร์ทกล่าวเสียงเย็น ทำท่าไม่รู้จักกับเคย์

                    ข้าแค่จะมาขออนุญาติท่าน ข้าจะไปจากเกาะนี้ โปรดอนุญาติด้วยเถอะนี่เป็นเงื่อนไขของจัสติน ต้องไปขออนุญาติพ่อเจ้าก่อน ถ้าเขาไม่อนุญาติข้าก็จะไม่พาเจ้าไป

                    ข้าอนุญาติ เจ้ารีบไปได้แล้ว ผู้เป็นพ่อ โบกมือไล่เคย์อย่างไม่ใยดี เคย์รู้สึกเจ็บแปรบเข้าที่หน้าอก เขาไม่เคยสนใจใยดีข้าเลยใช่ไหม เคย์ก้าวออกไปนอกห้อง แต่กลับมีใครมาเรียกเขาไว้ ก่อนที่ประตูจะปิดลง

                    เดี๋ยวก่อน เจ้าว่าเจ้าเป็นลูกท่านเจ้าเมืองใช่ไหมชายแปลกหน้าเป็นคนเรียกเคย์ สีหน้าเขาดูเหมือนจะดีใจอะไรอยู่ไม่น้อย

                    เข้ามาคุยอะ ...

                    เขาไม่ใช่ลูกข้า ปล่อยเขาไป เอ็ดเวิร์ทลุกขึ้นมาหาพวกเขาที่ยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าคนในห้องล้วนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ไม่เว้นแม้แต่อิลิแกน

                    จะให้ข้าต้องย้ำหรือไงหา ท่านบารอน ชายแปลกหน้า หรือท่านบารอน ดูเหมือนจะเกรงใจเอ็ดเวิร์ทอยู่ไม่น้อย

                    ส่วนเจ้า ข้าอนุญาติแล้วจะไปไหนก็ไปเอ็ดเวิร์ทพูดอย่างข่มขื่น เขาหันหลังให้ทุกคน แต่หันหน้าเข้าหาเคย์

                    ท่านพ่อ...เคย์ตกใจกับสีหน้าที่เขาได้เห็นเพียงคนเดียว สีหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาจากคนเป็นพ่อมาก่อน สีหน้าที่ดูเป็นห่วงลูกชายตัวเอง และดูเศร้าในคราวเดียวกัน

                    ข้าไม่ใช่พ่อเจ้า เจ้ารีบไปเถอะเอ็ดเวิร์ท แตะที่ไหล่เคย์เบาๆทีนึง แล้วค่อยปิดประตูอย่างช้าๆ เคย์ก็เดินออกไปเหมือนกัน แต่ความสงสัยมีความทวีคูณยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงบารอนคนนั้นกำลังพูดคุยกับเอ็ดเวิร์ท เหมือนพวกเขากำลังทะเลาะกันเรื่องเขา เคย์กำลังใช้สมองครุ่นคิดเรื่องเมื่อครู่ แต่เมื่ออกมานอกคฤหาสถ์ ก็เป็นเวลามืดแล้ว

                    เคย์เลิกคิดเรื่องเมื่อกี้ แล้วมุ่งหน้าไปที่บ้านของฟลิบัส แต่เพียงแค่เดินมาที่เนินทางเข้าหมู่บ้าน ก็ต้องตกตะลึง ไฟ!! ไฟกำลังไหม้หมู่บ้านข้างล่างนั้น ผู้คนกำลังวิ่งหนีมาทางนี้ แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้วิ่งหนีไฟไหม้ เพราะถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ต้องหอบข้าวหอบของออกมาด้วย แต่นี่กลับวิ่งหนีอะไรบางอย่างสุดชีวิต เคย์เห็นท่าไม่ดีเลยรีบหลบไปที่พุ้มไม้

                    คนที่วิ่งหนีมา เหมือนจะเป็นครอบครัวครอบครัวหนึ่ง ประกอบด้วย พ่อแม่ ลูก 2 คน กับเด็กทารกในอ้อมแขนแม่อีกคน เมื่อคนเหล่านั้นวิ่งผ่านเคย์ไป ก็เลยทำให้เห็นคนที่วิ่งไล่ ดูเหมือนจะเป็น ทหารของกองทัพเรือ เพราะที่หน้าอกติดตรากองทัพเรือเอาไว้ มีจำนวนไม่มาก แค่2คนแต่อาวุธพร้อมมือ ดาบยาวหมายจะฟันเข้าที่หัวหน้าครอบครัว แต่คนพ่อหลบได้และขว้างก้อนหินที่หยิบได้แถวนั้นเข้าใส่ทันที ทหารอีกคนวิ่งไล่คนที่เหลือไป คนพ่อเลยกระโดดรวบขาไว้ได้ แต่ก็ทำให้อีกคนว่าง วิ่งเข้ามาฟันทันที บาดแผลพาดเข้าที่กลางหลัง

                    อ้ากกก หนีไป ไม่ต้องห่วงพ่อ รีบหนีไป ไปที่คฤหาสถ์เอลเบิร์ทคนที่เหลือจึงรีบวิ่งไปโดยคนแม่หันกลับมามองสามีตัวเอง เหมือนจะสื่อว่า คุณจะต้องไม่เป็นอะไร เคย์ทนดูพวกนั้นไม่ไหว เมื่อทหารคนที่ไม่โดนกอดอยู่นั้น พยายามเอาดาบแทงเข้าที่กลางหลัง เคย์ขว้างถุงเงินใส่หัวชายคนนั้น ด้วยน้ำหนักของเงินในถุงทำให้ทหารคนนั้นสลบทันที เคย์พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ แล้วเตะเข้าที่หน้าทหารอีกคน ทหารสลัดหลุดออกมาจากคนพ่อได้ก่อน จังหลบเคย์ได้อย่างสบาย เขาชักดาบออกมา เตรียมจะสู้กับคนไม่มีอาวุธทันที

                    แต่แล้วเสียงสัญญาณหนึ่งดังขั้น เสียงเหมือนหวูดเรือ ดังก้องไปทั้งทั่วเกาะ ทหารทำหน้าตาตื่นตกใจ แล้วตะโกนออกมาว่า

                    บัสเตอร์ คอลล์!!!!!” อะไรบัสเตอร์ คอลล์อะไร แต่ไม่มีเวลาให้เคย์คิดแล้ว ทหารคนนั้นวิ่งหนีไปทันที ทิ้งเพื่อนให้อยู่ตรงนั้น

                    โอ ขอบคุณมากครับ เอ่อ ผมต้องไปแล้ว อ้ออย่างลงไปที่ตัวเมืองเด็ดขาด รีบหนีไปเถอะ เคย์ลุกตามชายคนนั้นไป แต่นึกอะไรอย่างหนึ่งออกมาได้ ฟลิบัส

                    เคย์รีบวิ่งไปที่สลัมนั้นทันที ตลอดทางมีศพ ทั้งหญิง ชาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือคนแก่ พวกนั้นก็ฆ่าอย่างไม่เหลือ เคย์ต้องวิ่งไปหลับตาไป นึกถึงฟลิบัส เพื่อนของเขา ยิ่งมาถึงสลัม ยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก ท่าทางที่นี่จะเป็นที่ๆกองทัพเรือ ยกพลขึ้นมา บ้านของฟลิบัสอยู่ใต้เปลวเพลิง แต่มีเด็กร่างใหญ่ ยืนอุ้มเด็กเล็กๆ หลายคน

                    ฟลิบัสเป็นอะไรหรือ .. เคย์ต้องหยุดถามเมื่อเห็นว่า เด็กในอ้อมแขนเขา ตายหมดแล้วทุกคน น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ฟลิบัสยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

                    ฉันจะฆ่าพวกมัน ... ฉันจะฆ่าพวกมัน !!! ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมดเลยฟลิบัสตะโกน แล้ววางพวกเด็กๆลง เผยให้ห็นแผลขนาดใหญ่ที่ท้องของเขา

                    เดี๋ยว นายจะไปไหนนะ พวกนั้นมันกลับไปที่เรือหมดแล้วนะ เคย์รีบเข้าไปห้าม เมื่อเห็นฟลิบัสกำลังจะวิ่งออกไป เขาจึงหยุดอยู่ตรงนั้น

                    นายไม่ต้องมายุ่ง ท่านลูกเจ้าเมือง นี่มันเรื่องของข้า พูดจบฟลิบัสก็วิ่งออกไป เคย์ปลอยเขาไปไม่ได้ เลยวิ่งตามอย่างสุดชีวิต ฟลิบัสก็ไม่สนใจ เคย์เห็นเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง เขาก็ดีใจแล้ว วิ่งเข้ามาในตัวเมืองที่ไฟลุกท่วม ไม่เหลือพวกทหารอยู่อีก ยิ่งทำให้ฟลิบัสหัวเสีย วิ่งไปที่ท่าเรือ ก็ไม่เจอใครอีก จะเห็นก็แต่ เรือของกองทัพอยู่ไกลๆ ฟลิบัสยืนตะโกนด่า เคย์ก็เดินเข้ามาตบหลังให้กำลังใจ แต่แล้วเคย์ก็สะกิดไหล่ฟลิบัสเรียกเขาให้หันไปมองทางหนึ่ง ทหาร 2 นายเพิ่งวิ่งออกมาจากตัวเมือง 2 คนนั้นเถียงกันไปเถียงกันมา แล้วทำท่าจะกระโดดลงไปในน้ำ ฟลิบัสวิ่งไป ชกคนนึงล้มลง

                    เดี๋ยว ฟังเราก่อน เมื่อกี้พวกเจ้าไม่ได้ยิน สัญญาณ บัสเตอร์ คอลล์หรือไง ทำไมยังอยู่บนเกาะนี้อีก เดี๋ยวก็ตายหรอก บัสเตอร์ คอลล์อีกแล้ว

                    แกต่างหากที่จะต้องตาย ... ยังไม่ทันที่ฟลิบัสจะพูดจบ เสียงสัญญาณอีกเสียงก็ดังขึ้น ทหาร2 คนนั้นร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก เคย์ก็ไม่รู้ว่าร้องทำไม ฟลิบัสก็ยืนงงอยู่เหมือนกัน เคย์เลยกะจะเดินไปถามถึงเรื่อง บัสเตอร์คอลล์

                    แต่ทันใดนั้น เสียงปืนใหญ่ดังหวีดหวิว เข้ามา เรียกร้องความสนใจของคนทั้งหมด เป้าหมายนั้นอยู่ไม่ไกลจากเคย์มากนัก ฟลิบัสกับทหารอีก 2 คน กระสุนปืนใหญ่ชนบริเวณนั้นเข้าอย่างจัง ไร้ซึ่งเสียงร้อง ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่จะรอดเมื่อถูกกระสุนปืนใหญ่ถล่มเข้าอย่างจัง เคย์คุกเข่าลง พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้น เหรียญทองที่เขาเคยให้ฟลิบัสไว้กลิ้งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ที่เหรียญมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ เคย์หยิบเหรียญขึ้นมา แล้วกอดเอาไว้เหมือนว่าเขากอดฟลิบัสอยู่ ฟลิบัสเพื่อนคนแรกของเขาได้ตายแล้ว

                    พวกกองทัพเรือไม่ปล่อยให้เคย์นั่งเสียใจอยุ่ตรงนั้น เสียงกระสุนปืนใหญ่ดังเข้ามาอีกระลอก คราวนี้ไม่ใช่แค่ลูกเดียว กระสุนปืนใหญ่นับสิบ ตรงมาที่เขา

                    เจ้าบ้า ทำอะไรอยู่ รีบไปเร็ว จัสตินกระชากเคย์ออกมาทันก่อนที่ ฝูงกระสุนปืนใหญ่จะคร่าชีวิตเขา จัสตินชุดกระชากลากถูเคย์ไป เหมือนกับว่าเจ้าตัวอยากตายอยู่ตรงนั้น

                    เคย์ ถ้าเจ้าไม่อยากไป ข้าก็จะไม่พาเจ้าไป แต่นี่ถ้าข้าปล่อยเจ้าไว้ตรงนี้เจ้าได้หายไปกับเกาะนี้แน่ๆ เคย์ลุกขึ้นมาอย่างอ่อนแรง ก่อนที่จะถูกจัสติน ลากไปอีกรอบ ไม่นานพวกเขาก็โผล่ออกมาที่ชายหาดด้านหลังเกาะ

    ตรงนั้นมีชายใส่เสื้อคลุมขนสัตว์สีดำยืนอยู่ที่เรือบด ท่าทางของเขาดูกระสับกระสายกับสัญญาณบัสเตอร์คอลล์ที่ดังขึ้นครั้งที่ 2 แล้ว พร้อมกับเสียงปืนใหญ่นำร่อง ถ้าไม่ทันเวลา คงต้องทิ้งไว้ทั้งคู่ เขาคิดในใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นคนที่รอวิ่งออกมาจากป่า

    ไปโคล้ธ เอาเรืออกโคล้ธ ชายคนนั้นเตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างแล้ว แค่ขึ้นไปก็ออกเรือได้ เคย์ก้าวช้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่จะมีมือยืนให้จับ เพื่อขึ้นเรือ

    เร็วเจ้าหนู ข้ายังไม่อยากหายไปพร้อมกับเกาะนี้โคล้ธตวาดใส่เคย์ ทำให้เขาต้องเร่งตัวเอง แต่ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

    พ่อ ... พ่อของข้าเคย์โผล่งขึ้นมา จัสตินตบหน้าผากตัวเอง ส่วนโคล้ธทำหน้างง

    ครั้งสุดท้ายที่เจ้าเจอ เขายังไม่ตายใช่ไหม เคย์พยักหน้าเพื่อเป็นคำตอบให้กับจัสติน

    ข้าจะตามหาให้ พวกเจ้าไปกันก่อน

    แต่ว่า...

    เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือไงโคล้ธ และเคย์ ต่อไปนี้เจ้าต้องเชื่อฟังโคล้ธเหมือนที่เจ้าเชื่อฟังข้า เข้าใจไหม ทั้ง 2 คนพยักหน้าน้อยๆ จัสตินยิ้มออกมา

    แล้วเจอกัน ลาก่อนพูดจบ จัสตินก็วิ่งกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง โคล้ธทำตามที่จัสตินบอก พายเรือบดออกไป โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเชื่อใจเพื่อนคนนี้ว่าต้องรอดมาได้ แม้โอกาศจะเหลือน้อยก็ตาม เคย์รู้สึกผิดที่ทำให้จัสตินต้องไปช่วยพ่อของเขา พ่อที่เขาไม่เคยรักจนวันสุดท้ายที่เขาเห็นหน้าพ่อ และอาจจะไม่ได้เห็นอีกต่อไป

    ข้าขอบอกไว้ก่อนนะ ข้าไม่ได้ใจดีอย่างจัสตินหรอกนะ อย่ามองไปข้างหลังละโคล้ธต้องตะโกนแข่งกับเสียงปืนใหญ่ที่ดังอย่างต่อเนื่อง เคย์ไม่ได้ยินที่เขาพูดแม้แต่น้อย แต่อาศัยอ่านจากปากเขาเอา อย่ามองไปข้างหลังหรือ ทำไม เกิดอะไรขึ้น เคย์ตัดสินใจไม่มองไปตามที่โคล้ธบอก แต่โคล้ธเห็นมันเต็มทั้ง 2 ตา เกาะทั้งเกาะ กำลังหายไปจากโลกนี้พร้อมกับเพื่อนของเขา

    นานเท่าไรไม่มีใครทราบ กว่าที่โคล้ธจะพายเรือมาถึง เรืออีกลำนึงที่กำลังลอยอยู่กลางทะเล เคย์ไม่เห็นมันมาก่อนจนโคล้ธแตะเรือลำนั้น คงเป็นเพราะสีของเรือกระมัง ช่วยให้มันกลืนไปกับความมืดได้

    ขอต้อนรับสู่ ดาร์ก มอธาร่า กองโจรสลัดอันเลื่องชื่อที่สุดในน่านน้ำ ไอเจี้ยน นี่ข้าต้องเป็นโจรสลัดงั้นหรือ!!!

    -------------------------------------------------------------------------------
    กว่าจะมาอัพได้ ขอโทษอย่างแรงงง งับบบบบ ช่วยกันติ หน่อยนะคับ อย่าชมเลย เด่วเขิน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×