คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 - ทานอาหารค่ำ กับซีกัลไวท์
---ocean---
ภาพเด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ชุดสีฟ้าที่สวมใส่ดูสวยงามแน่หากว่ามันไม่สกปรกเช่นตอนนี้ เด็กตัวเล็กๆ นั่นวิ่งอยู่ในความมืดมิดที่ไม่มีอะไรเลยเพียงลำพัง เธอวิ่งค้นหาสิ่งที่เป็น แสงสว่าง และเด็กสาวก็สะดุดกับอะไรบางอย่าง
ชายคนหนึ่ง... นอนนิ่ง เด็กสาวยิ้มออกอย่างดีใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง...ยังมีใครคนหนึ่งอยู่กับเธอ ร่างน้อยเข้าไปเขย่าตัวพยายามปลุกชายคนนั้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่ไม่ว่าจะพยายามหรือส่งเสียงเรียกเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเลย มือของเด็กน้อยผลักตัวบุรุษให้หงายหน้าขึ้น ...แล้วภาพที่เห็นทำให้เธออุดเสียงร้องเอาไว้ไม่ทัน
ใบหน้าของชายผู้นั้นทำให้สั่นสะท้าน มันน่าหวาดกลัว ดวงตาเหลือกขึ้นไร้ชีวิต ปากมีน้ำสีแดงไหลริน แผลกลางอกมีเลือดทะลักออกมา ...
...ชาย หญิง เด็กหนุ่ม เด็กสาว คนชรา รวมถึงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมวก็ปรากฎต่อหน้า มันมากมายนัก...ร่างน้อยชุดสีฟ้าไม่อาจถอนสายตาได้ ทุกคนนอนนิ่งอยู่กับพื้นมีสภาพไม่แตกต่างกัน...
ความตาย...
ไม่มีใครรอดพ้นจากเงื้อมือของโจรสลัดนั่น นอกเสียจากเธอ เพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น คนๆ เดียวพร้อมกับความรู้สึกที่หนักอึ้งในหัวใจ
โจรสลัด...ข้าจะกำจัดมัน
แสงสว่างเข้ามาในดวงตาที่สั่นระริก หญิงสาวลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก ดวงตาสีชาอ่อนแสงลงอันหมายถึงเธอเหนื่อยล้ามากเกินกว่าที่จะลุกขึ้นได้ สิ่งแรกที่ร่างบางมองเห็นคือภาพชายหนุ่มโจรสลัดผมสีแดงเพลิงที่จดจ้องมาด้วยความเป็นห่วง กระนั้นในแววตายังแฝงด้วยความรู้สึกโมโหนิดๆ
เอเวียน่ารู้สึกโล่งอก อย่างน้อยการตื่นมาครั้งนี้ก็ยังมีที่นอนอันอ่อนนุ่ม มีแสงสว่างที่ให้ความอบอุ่น และคนที่คอยดูแล
แต่อีกเสียงหนึ่งกลับร่ำร้องออกมาจากหัวใจ หญิงสาวยังไม่อาจลืมความฝันชั่วครู่ ...แม้มันเป็นเพียงแค่ความฝันอันเลวร้ายแต่เธอก็ตระหนักว่ามันคือความจริงเมื่อครั้งอดีตที่เธอได้สัมผัส... โจรสลัด เขาเป็นโจรสลัดที่เธอเกลียดเข้าไส้
อัลเดินเข้ามาดูอาการของสตรีสาว ผู้เรียกได้ว่าเป็นลูกเรือของเขาก็คงได้ “เจ้าปกติดีมั้ย” อัลเอื้อมมือหมายจะแตะหน้าผากเพื่อตรวจดูไข้ แต่ทว่า...
‘เพี๊ยะ!’ ฉับพลันเอเวียน่าปัดมือของเขาออกไป ความเกลียดและแค้นสะท้อนในสายตา ดึงเธอให้ลุกขึ้นทั้งๆ ที่อ่อนแรง
กัปตันหนุ่มนิ่งอึ้ง สายตาที่แสดงความห่วงใยเมื่อครู่หายไปและแทนที่ด้วยความโมโหที่เกิดขึ้นทันที ดวงตาสีน้ำตาลดำมีแววเย็นชาที่ปิดไว้ไม่มิด “นี่มันอะไร” เขาถาม
หญิงสาวใช้ความพยายามอย่างมากในการพูดออกมา “ข้าเกลียดโจรสลัด!” โชคดีที่น้ำเสียงของเธอกลับไม่สั่นหรือแสดงความเธอเหนื่อยล้าออกมา ถึงตายก็จะไม่อ่อนแอต่อหน้าโจรสลัด เธอคิด
ชายหนุ่มมีสายตาแข็งกร้าวยิ่งขึ้น อัลพยายามควบคุมตัวเองด้วยการหลับตาลง “ข้าว่า ข้าได้ยินเรื่องนี้มาแล้วตอนที่เจอกับเจ้าครั้งแรก...จริงมั้ย?” เขากล่าว แทบจะได้ยินน้ำเสียงกวนประสาทว่า แต่เจ้าก็ยังอยู่ที่นี่ไม่ใช่รึ มาติดๆ
นั่นทำให้เอเวียน่าโมโหขึ้นอีก เธอเกลียดเสียจริงๆ ไอ้ความใจเย็นของเขา มันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองบ้าไปฝ่ายเดียว “ข้าเกลียดเจ้า!”
อัลเลิกคิ้วอย่างอดไม่อยู่ “ตกลง เจ้าจะเกลียดข้าหรือโจรสลัดกันแน่ เอาให้มันดีๆ หน่อยสิ”
เขาทำสำเร็จ เอเวียน่าโมโหจริงๆ โมโหมาก เธอสาบานว่าหากเธอมีแรงล่ะก็เธอจะส่งหัวเขาให้ทางการทหารเรือเสียเลย ก่อนหน้านั้นเธอจะเฉาะปากเขาด้วยฉมวกแล้วเลาะฟันขาวๆ นั่นออกมา...แต่ตอนนี้ อัลโชคดีไป แต่เขาจะไม่โชคดียังงี้เสมอแน่ เธอคิด
“ว่าไงล่ะ” เขาถามย้ำ
“ข้าเกลียดเจ้า! เกลียดเจ้า เกลียดทั้งเจ้าและโจรสลัด เมื่อเจ้าเป็นโจรสลัด! หรือแม้เจ้าไม่เป็น ขอให้รู้ ข้าเกลียดเจ้า!!!” เมื่อเขาต้องการคำตอบเธอก็ตอบสนองให้ เอเวียน่าหอบแฮก เหนื่อยและไม่มีแรงเหลือ
“หมดแรงแล้วหรือ” คำถามนั้นกวนประสาทเป็นที่สุด!
แต่คราวนี้ร่างบางไม่เถียงกลับ เธอเหนื่อยจริงๆ ตอนนี้ขอแค่พยุงตัวเองให้ได้ก็พอแล้ว...หญิงสาวตวัดสายตาหนี หวังว่าเขาจะเดินไปให้พ้นๆ ตัวเธอ หากมันไม่เป็นเช่นนั้น
“ก็ดี” ไม่ว่าคำพูดไหนที่ออกจากปากผู้ชายคนนั้นจะต้องยั่วโมโหเธอทุกทีสิน่า
เอเวียน่าสูดลมหายใจเพื่อระงับอารมณ์และดึงกำลังกายกลับมา เมื่อพอมีแรงบ้างเธอก็พูดต่อ “เจ้ารู้อะไร…”
“รู้?” กัปตันราฟาเอลว์เลิกคิ้ว
“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ เจ้ารู้อะไรกันแน่ ...อะไรบางอย่างเกี่ยวกับ...ตัวข้า” เธอกล่าวอย่างลังเล ชำเลืองสายตามองใบหน้าที่อยู่เหนือขึ้นไป
“เกี่ยวกับเจ้า?...” อัลย้ำ “เรื่องอะไร”
“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ บอกมา!” เอเวียน่าสั่ง
ชายหนุ่มไม่พอใจ เสมองไปด้านข้างและยกมือขึ้นกอดอกอย่างหงุดหงิด “เจ้ามันโง่”
“ข้าไม่ได้โง่!” เอเวียน่าเอ็ดอย่างโมโห นี่อัลกวนประสาทเธออีกแล้ว
สายตาสีน้ำตาลดำเย็นชา ทำเหมือนไม่ได้ยินคำตะคอกของเธอ “เจ้ามันงี่เง่า”
“ข้าไม่ได้งี่เง่า!”
“แล้วไง คิดว่าข้ารู้อะไรเกี่ยวกับตัวเจ้า” อัลถามย้ำ แต่ไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอตอบเลย “ข้ารู้แต่ว่าเจ้าโง่ งี่เง่า ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่คิดว่าใครจะสนเจ้า เจ้าคิดว่าตัวเองแน่นักหรือฮะ เอเวียน่า”
คนถูกเรียกส่งสายตาท้าทายชายหนุ่ม เธออยากรู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร แต่เพราะความรู้สึกเกลียด ทำให้เธอไม่สามารถส่งแววสงสัยออกไปได้ เธอยะโส...และไม่ต้องการให้เขายืนตรงนี้อีกวินาทีเดียว “ออกไปนะ”
กัปตันราฟาเอลว์ไม่สนใจ ไม่มีใครไล่เขาออกจากเรือของตนเองได้ทั้งนั้น “วันแรกที่เจ้ามาถึง เจ้ารับคำประลองดาบจากมือดาบที่สามของเรือ นั่นก็ดีที่เจ้าชนะ แต่เจ้าได้บาดแผลมาและในวันเดียวกัน เจ้าประลองดาบกับกัปตันเรือ ซึ่งก็คือข้า แล้วเจ้าก็แพ้ ข้าพูดถูกมั้ย” อัลกล่าว น้ำเสียงจงใจหาเรื่องมากกว่าแค่บอกเล่า
“นั่นเพราะข้าบาดเจ็บ” เอเวียน่าเริ่มหอบอีกครั้ง ตอนนี้หญิงสาวตระหนักแล้วว่าเธอไม่ควรจะอดข้าวแม้อาหารห่วยแค่ไหนก็ตาม
“ในวันที่สอง” อัลพูดต่ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “เจ้าบุกเรือของฝ่ายศัตรูต่อหน้าต่อตาข้า ทั้งๆ ที่ข้าห้ามเจ้า!” ชายหนุ่มกล่าวอย่างมีอารมณ์ “นั่นยังไม่แสดงว่าเจ้าโง่และงี่เง่าอีกเหรอ!” เขาทุบกำปั้นลงบนเตียงอย่างโมโห ซึ่งทำให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยอย่างตกใจ “เจ้าจัดการมือซ้ายได้ก็จริง แต่มือขวายังอยู่ และมันกำลังเงื้อดาบจะฆ่าเจ้า! ข้าสาบานเลย หากข้าไปช้าแม้แต่วินาทีเดียวล่ะก็ เจ้าไม่มีทางได้ตื่นมาเช่นนี้ และเถียงกับข้าฉอดๆ แบบนี้แน่!”
“และเจ้าช่วยข้าทำไม” เอเวียน่าเถียงกลับฉับพลัน เงื้อปลายคางขึ้นอย่างดื้อดึง “ทำไมไม่ปล่อยให้ข้าตายอยู่ซะทีนั่นล่ะ คงสมใจเจ้า”
อัลยิ้ม “ฮึ หากสมใจข้า เจ้าไม่อยู่ที่นี่หรอกเอเวียน่า เจ้าไปเจอเทพเจ้าแห่งความตาย ณ เบื้องล่างแล้ว” คราวนี้อัลเป็นฝ่ายชนะไปเห็นๆ
เอเวียน่าไม่อาจเถียงชายหนุ่มตามที่ใจต้องการได้เลย เธอเหนื่อยและล้าเกินกว่าจะทำอะไรแบบนั้น ถึงคราวนี้เขาจะชนะ แต่มันไม่ยุติธรรมที่เขามากล่าวหาเธอทั้งๆ ที่เธอไม่มีแรงอย่างนี้ เอาเถอะถึงยังไงคราวนี้ เขาก็ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
“ขอย้ำนะเอเวียน่า หัดเชื่อข้าเสียบ้าง เชื่อข้าบ้าง หากเจ้าไม่! เราจะได้เห็นดีกันแน่” อัลส่งสายตาแบบว่า เขาไม่ได้ขู่
เรื่องอะไรล่ะ เอเวียน่าคิดในใจ ใครจะมาบังคับข้าได้ ข้าจะทำแบบที่ตัวเองอยากทำ แม้จะเป็นกัปตันก็ไม่มีสิทธิบงการเธอ
อัลเหนื่อยใจ เขารู้ว่าเธอไม่ยอมแน่ๆ จากท่าทางนั้น ผมสีแดงเพลิงถูกเสยไปด้านหลัง... “เอาล่ะ” เขาตัดสินใจพักรบไว้ชั่วคราว เพราะเห็นอาการไม่สบายของเธอเริ่มออกมาบ้างแล้ว “หิวใช่รึเปล่าล่ะ ไปกันเถอะ เจ้าไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่น่า ลุกเถอะลุก” กัปตันหนุ่มเอ่ยชวน
“ตบหัวแล้วลูบหลังหรือ” หญิงสาวกล่าว “เก็บอาหารของเจ้าไว้กินเองเถอะ ของดีขนาดนั้น” ตอนแรกเอเวียน่าก็กะว่าหาเรื่องเขาต่อล่ะนะ แต่เธอไม่มีแรงแล้วจริงๆ หญิงสาวเลยจะกลับไปนอน พรุ่งนี้เช้าข้าจะขอให้เบลทำอาหารให้ หรือไม่ข้าก็จะทำเอง เพราะฉะนั้นขอนอนเอาแรงก่อน
“ข้าไม่ได้บอกว่าเป็นอาหารของบ๊อบเสียหน่อย” อัลกล่าว คำพูดนั้นเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาว แต่เอเวียน่ายังวางมาดทำเป็นนอนอยู่ “เจ้าไม่สนใจเหรอ ริชาร์ดแห่งเรือซีกัลไวท์ เสนอจะเลี้ยงอาหารเจ้าเชียวน้า” อัลแกล้งลากเสียงยาวอย่างจงใจยั่วยวน เขาต้องการให้คนบนเตียงลดฟอร์มของตัวเองลงเสียที
เอเวียน่าสะดุ้งขึ้นมา ท้องของเธอร้องครวญครางอย่างหิวโหย ในใจก็นึกไปถึงคำพูดของกัปตันริชาร์ดและคำขอของตนเอง...อาหารของเธอ หญิงสาวหิวเหลือเกิน เพราะมันทำให้เธอแทบลุกไม่ขึ้นแล้วตอนนี้ แต่ก็ไม่อาจพูดออกไปด้วยความทระนง...
อัลรู้ดีว่าหากปล่อยร่างบางไว้ก็นาน เธอก็ยังคงไม่เลิกวางท่าอยู่ดี “เจ้าแน่ใจนะ”ชายหนุ่มย้ำอย่างนึกสนุก “งั้น...ข้าไปล่ะ” เขาหันหลังกลับทันที
“เดี๋ยว อัล!…” หญิงสาวเรียกเอาไว้อย่างไม่รู้ตัวแล้วก็เซถลา กัปตันราฟาเอลว์แทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ร่างบางล้มลงไปในทันที โดยที่เธอยังไม่ทันได้ลุกด้วยซ้ำ เพราะเจ้าตัวไร้กำลัง “ห้ามหัวเราะ!” เอเวียน่าตะโกน ยังไม่พอหมอนที่เธอหนุน ก็โครมเข้าที่หน้าของอัล ก่อนที่เขาจะส่งเสียงออกมาด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มลูบๆ หน้าที่โดนหมอนปาเข้าใส่และเขาก็ยิ้ม “แล้ว...เจ้าจะไปรึเปล่าล่ะ” อัลย้ำ มันกวนประสาทเสียจริงๆ
“ไปแน่! ช่วยพยุงข้าสิ” หญิงสาวถือออกคำสั่ง ซึ่งกัปตันก็ยอมทำแต่โดยดี เพราะถ้ามัวแหย่เธออยู่ล่ะก็พวกเขาก็คงไม่ต้องออกกันพอดี
ประตูสู่ดาดฟ้าเรือเปิดออก แสงสว่างเรไรลอดผ่านเข้ามาทางบันได เอเวียน่าพบว่าตนเองผ่านพ้นไปอีกวันอย่างไร้ค่า... ดวงตะวันกำลังจะลับลงแล้ว ท้องฟ้าสีน้ำเงินเริ่มมีดวงดาวระยิบระยับอยู่เหนือสูงขึ้นไป ไม่น่าล่ะหญิงสาวถึงหิวมาก นี่เป็นวันที่สองแล้วที่เธอไม่ได้ทานอะไรเลย เอเวียน่าชำเลืองไปทางชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงข้างๆ ตัว ส่วนเจ้านั่นคงทานไปเรียบร้อยแล้วสินะ แค่คิดแค่นั้นทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันที
ร่างบางสังเกตเห็น คิวโอ ดิวโอ ครีล์ และลูกเรือบางคนกำลังทำความสะอาดและซ่อมเรือบางส่วนอยู่ด้วย ทุกคนโบกมือทักทายเอเวียน่า หญิงสาวยิ้มและโบกมือกลับไปน้อยๆ
เรืออีกลำหนึ่งลอยอยู่ข้างๆ ราฟาเอลว์ ตัวเรือเป็นสีขาวทั้งลำดูสมสง่าและมีราคา รอบๆ เรือมีดวงไฟสีส้มสว่างทั่วไปหมด คล้ายกับเรือเดินสมุทรของเหล่าเศรษฐี ถ้าไม่มีธงสีดำหัวกระโหลกไขว้โบกสะบัดอยู่เหนือรังกาแล้วล่ะก็ เธอต้องนึกว่าเป็นพวกนักท่องเที่ยวหรือผู้ดีแน่ๆ... ที่หัวเรือเขียนตัวหนังสือสีเงินว่า SeA GuLL WhitE ~ ซีกัลไวท์
ครั้งนี้แหละ เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เอเวียน่าจะยอมทำตัวอ่อนแอ เป็นสตรีที่ไม่อาจเทียบเท่าบุรุษ เธอให้กัปตันหนุ่มพยุงเธอข้ามระหว่างกราบเรือ หากว่าเกิดอยู่ดีๆ เธอเกิดวูบกะทันหันขึ้นมาแล้วด้านล่างเป็นทะเล มันไม่คุ้มกันเลยซักนิด ฉะนั้นแค่ครั้งนี้เท่านั้นที่เอเวียน่ายอมแต่โดยดี
ลูกเรือของซีกัลไวท์พาอัล เอเวียน่า และผู้ติดตาม ซึ่งมีรองกัปตัน ไรอัลและคลิฟท์ ที่ปรึกษาคริซและฮอคซ์ รวมถึงทิงกาเบลด้วย มายังห้องๆ หนึ่ง พอหญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องๆ นั้นก็ต้องตื่นตากับสิ่งที่อยู่ในห้อง
แก้ว ทุกอย่างทำด้วยแก้วทั้งสิ้น พระเจ้า...ริชาร์ดเป็นกษัตริย์แท้ๆ
ภายในนั้นมีโต๊ะอาหารยาวซึ่งมีอาหารมากมายจนละลานตา ไก่งวงตัวโตวางไว้ที่กลางโต๊ะ ขนมปังกรอบที่เสมือนใหม่สดไร้ความชื้น ปลาหมึกยักษ์ราดด้วยน้ำสีแดงกินพื้นที่หนึ่งในสี่ของโตะ รวมถึงจานชาม ช้อน ส้อม แก้วน้ำ เชิงเทียน แม้กระทั่งเก้าอี้ที่จัดไว้อย่างเรียบร้อย ดูหรูหราเสมือนประทับอยู่ในราชวัง...แสงไฟสีส้มจากคบเพลิงที่จุดขึ้นสะท้อนกับความเงางามของเครื่องมือเครื่องใช้ ทำให้มันดูสวยงามยิ่งนัก เธอเชื่อแล้วว่าเรือลำนี้ต้องไม่ใช่เรือโจรสลัดธรรมดา
ริชาร์ดกษัตริย์แห่งท้องทะเลเดินเข้ามาหาผู้มาเยือน ใบหน้าของเขาดูดีขึ้นต่างจากที่เอเวียน่าเห็นเมื่อวันก่อน แม้จะไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ก็มีความสุข เขายิ้มให้กับเธอ หยุดอยู่ตรงหน้าเอเวียน่าและยื่นมือออกมาแสดงการทักทาย
เอเวียน่าจับมือนั้น และยิ้มตอบ
“เจ้าหนุ่มน้อย ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าเป็นสตรี ข้าริชาร์ด ขอแนะนำตัวอีกครั้งหนึ่ง” เขากล่าว
“ข้าคงรู้สึกดีกว่าหากท่านทักข้าเป็นบุรุษเพศ ข้าเอเวียน่า”
ริชาร์ดเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ไม่หรอกสาวน้อย เจ้าจะชอบการเป็นสตรีมากกว่าแน่ๆ เชื่อข้าสิ” เอเวียน่าไม่ได้ตอบอะไรเลย ริชาร์ดจึงหันไปหากัปตันราฟาเอลว์ คนที่ยืนดูเหตุการณ์นี้อยู่ได้พักนึง
“อัล ราฟาเอลว์” ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงเป็นผู้แนะนำตัวก่อน ยื่นมือไปจับมือกษัตริย์แห่งท้องทะเล
“ริชาร์ด ซีกัลไวท์” เขาเขย่ามือเบาๆ “คงไม่ว่ากันนะที่ข้าทักท่านเป็นคนที่สอง…” เขาเหลือบตาไปทางหญิงสาวข้างตัว “...รองจากหล่อน”
ชายหนุ่มยิ้ม “ไม่หรอกท่าน ข้าคิดไว้แล้วว่าข้าจะได้รับความสนใจรองจากนางเสมอ เหตุเพราะนางเป็นสตรีบนเรือโจรสลัด...” อัลกล่าว
ริชาร์ดเลิกคิ้วรับรู้ และก็พาพวกเขาเดินไปที่โต๊ะอาหาร กัปตันซีกัลไวท์เลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ด้านซ้ายของหัวโต๊ะให้แก่เอเวียน่า เธอนั่งลง อัลนั่งตรงข้ามกับหญิงสาวและเบลนั่งถัดจากเธอ
“ข้ายินดีที่ได้พบพวกท่านในวันนี้” ริชาร์ดกล่าวนำ “...อย่าพิธีมากความเลยดีกว่า เชิญพวกท่านลงมือทานกันได้เลย”
จบคำของริชาร์ดแห่งท้องทะเล มืออันใหญ่ของไรอัลก็รวบเอาไก่งวงที่อยู่กลางโต๊ะไป เขาแบ่งให้ทุกคนโดยไม่ใช้มีดเลย...คริซโตเฟอร์รับเป็นคนแรกด้วยสีหน้านิ่งเฉยมาก ต่อมาก็เป็นฮอคซ์ เขาส่งให้ทิงกาเบลทานด้วย คลิฟท์หยิบมาจากมือของไรอัลทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ส่งให้ ก่อนจะหันไปจัดการกับขนมปังกรอบ เขาหักมันและโยนข้ามโต๊ะไปสู่จานของเพื่อนตัวล่ำสัน ซึ่งเขาพยักหน้าขอบคุณ ไม่อาจพูดได้เพราะอาหารเต็มปาก
เอเวียน่ารู้สึก...เอ่อ..แปลกๆ ทำไมทุกคนถึง..เอ่อ..แบบว่าเป็นแบบนี้ เธอคิดอย่างรู้สึกบอกไม่ถูกจริงๆ นั่นทำให้หญิงสาวไม่กล้าหยิบอาหารเข้าปากเลยซักนิด
ริชาร์ดและอัลคุยกันถูกคอมากทีเดียว และดูเหมือนกัปตันราฟาเอลว์จะไม่สนใจเรื่องที่เธอคิดเลย ที่น่าแปลกคือ ริชาร์ดก็ไม่สนใจเหมือนกัน ทุกคนต่างเสมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ไรอัลดูเป็นเจ้ามือใหญ่ของวงยังไงยังงั้น เขาหยิบอาหารจานใหญ่แบ่งให้ทุกคนอย่างเต็มที่ มันก็ไม่ได้ดูเหมือน...เอ่อ...ไม่มีมารยาท...อ่ะนะ น่าจะนะ ข้าคิดว่า ส่วนคลิฟท์และคริซพวกเขาทานอาหารอย่างเงียบๆ ดูสำรวมมากกว่าไรอัลก็จริง แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจการกระทำของเจ้ารองกัปตันมือขวาของราฟาเอลว์เอาเสียเลย เทพซีซัตสองคนก็เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เธอคิดว่า ทิงกาเบลจะคิดคล้ายๆ เธอ
“อัลเจ้าเอาด้วยมั้ย” ไรอัลส่งน่องไก่งวงมาให้กัปตันหนุ่ม
แต่เขาปฏิเสธ “ไม่ล่ะเพื่อน ข้ารู้สึกไม่อยากกินไก่งวงเท่าไร โทษที”
“ไม่เป็นไร แล้วเจ้าล่ะเอเวียน่า” ไรอัลส่งเนื้อชิ้นนั้นมาให้หล่อน
ข้าก็รู้สึกว่า ทานไม่ลง หญิงสาวคิด แต่เธอก็รับมันมา มองที่ชายกัปตันทั้งสองคนที่อยู่ใกล้ๆ
“ทานไปเถอะ เจ้าหิวไม่ใช่หรือ...ส่วนเรื่องนี้น่ะ…” อัลมองไปที่ไรอัลและพรรคพวกของเขา “…ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเจ้าก็ชินไปเอง” เขายิ้มและหันไปคุยกับกษัตริย์แห่งท้องทะเลต่อ
เดี๋ยวเจ้าก็ชินไปเอง... เอเวียน่าคิดอย่างเหนื่อยใจ นี่ถ้าเธอไม่หิวมากล่ะก็ หญิงสาวคงไม่ยอมกินอาหารนั่นแน่ๆ แต่เมื่อกินไปแล้ว ร่างบางก็ต้องพยักหน้าน้อยๆ คงไม่แปลกที่จะมูมมามขนาดนั้น เพราะว่าอาหารของซีกัลไวท์อร่อยมากจริงๆ
และทุกคนอิ่มไปตามๆ กันกับอาหารมื้อนั้น
กัปตันราฟาเอลว์หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เขาก็อยู่บนเรือซีกัลไวท์ต่อ ปรึกษาหารือเพื่อความสัมพันธ์กับกษัตริย์แห่งท้องทะเล
“ต้องขอบคุณท่านและลูกเรือของท่านด้วยอัล ที่ท่านไม่ได้สังหารลูกเรือข้า ส่วนใหญ่ก็จะมีแค่บาดเจ็บบางส่วนเท่านั้นเอง...อ๋อ! ยกเว้นมือซ้ายงี่เง่านั่น แต่ก็ไม่ใช่ฝีมือท่านนี่น่า” ริชาร์ดกล่าวระหว่างรินไวน์ใส่แก้วสองแก้ว และสายตาก็มองไปยังกัปตันหนุ่ม อัลยืนอยู่ตรงข้ามเขาโดยมีโต๊ะที่วางแผนที่กั้นอยู่ เขาดูสงบและนิ่งอย่างที่กษัตริย์ชราไม่เคยเห็นมาก่อนในเด็กวัยเดียวกัน นั่นทำให้เขาเห็นถึงความไม่ธรรมดา “เชิญท่าน” ริชาร์ดส่งแก้วที่มีไวน์ให้แก่เขา
กัปตันหนุ่มรับมา “ไม่เป็นไรหรอกท่าน ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีโจรสลัดคนใดตายเพราะลูกเรือของราฟาเอลว์เลยซักคน แต่อย่างว่าล่ะนะ มันมักจะมีคนหรือสองคนเสมอ แต่คราวนี้คนที่สังหารกลับเป็นหญิงสาวนี่สิ”
ริชาร์ดจิบไวน์สีแดงในแก้ว “เอเวียน่า” เขาเอ่ยราวกับคราง คิดถึงท่าทางของเธอที่องอาจไม่ต่างกับบุรุษ “ท่านได้เธอมาจากไหนอัล เพื่อว่าที่แถวนั้นจะมีเด็กสาวแบบนี้อยู่บ้างน่ะ”
อัลหัวเราะเบาๆ “เปล่าเลยท่าน นางเดินเข้ามาหาข้าเอง...แต่...” และท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป กลายมาเป็นสีหน้าที่ดูใช้ความคิด แก้วไวน์ หยุดค้างนิ่ง
“มีอะไรหรือ” กษัตริย์แห่งท้องทะเล สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้น
อัลส่ายแก้วไวน์เบาๆ “ตอนแรก...ข้ามองเห็น ไม่! ข้าสะดุดตานางแต่แรกเห็นเลยล่ะ” เขาสบตาริชาร์ด “...แต่...ภายหลังนางก็เดินเข้ามาของเป็นพวกกับข้าเอง ข้ายังไม่เข้าใจจนถึงบัดนี้เลยว่า นางเข้ามาทำไมกัน ถึงแม้นางจะมีจุดประสงค์บางอย่าง แต่ก็...”
ริชาร์ดเลิกคิ้วอย่างใช้ความคิด “และท่านยอมให้นางขึ้นเรืองั้นเหรอ...ไม่ฉลาดเลยนะอัล”
“ข้ารู้น่า แต่นางมีสิ่งของที่ข้าต้องการ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว” อัลกล่าว
“มีใครเคยบอกท่านมั้ย ว่าท่านเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก สหาย” ริชาร์ดกล่าว ใบหน้ามีรอยยิ้มแสดงถึงความไม่จริงจังในน้ำเสียง
ชายหนุ่มยิ้ม จิบไวน์เบาๆ “ก็...มีบ้างเหมือนกัน” กัปตันหนุ่มยอมรับ “เขาคงคิดในใจมากกว่าพูดออกมา”
กษัตริย์หัวเราะ “ฮึ ท่านเป็นเด็กฉลาด อัล ราฟาเอลว์... ข้าดีใจที่ได้เป็นมิตรกับท่าน” ริชาร์ดกล่าว
เด็กฉลาดเลิกคิ้วน้อยๆ และหัวเราะตาม “ข้าก็ดีใจเช่นกัน”
กัปตันซีกัลไวท์เติมไวน์เมื่อมันพร่องลงไป “ว่าแต่ ข้าคิดว่าลูกเรือของข้ากับท่านคงเหนื่อยจากการปะทะกัน เราน่าจะแวะเกาะด้านหน้าซักหน่อย ท่านคิดว่าไง”
“เกาะหน้า?...วิวเมดท์น่ะหรือ”
“ใช่...ที่นั่นกำลังมีเทศกาลพอดี ปีนี้ของรางวัลล่อตาโจรสลัดมากทีเดียว ข้ากะว่าจะแวะดูและจะกลับเลย แต่ข้าคิดว่า...” เขามองมาที่กัปตันหนุ่มตรงหน้า “อัล...ท่านคงสนใจของรางวัลปีนี้นะ”
เขาเลิกคิ้ว “รางวัลน่ะหรือ”
“ใช่...สิ่งที่ท่านค้นหาอยู่ไม่ใช่เหรอ” ริชาร์ดกล่าวอย่างรู้ดี
อัลยิ้ม “อะไรกันที่ท่านว่า ข้ากำลังค้นหาอยู่”
กัปตันวัยสามสิบเดินเข้าไปหาคนอ่อนวัยกว่า เขาทุบเข้าไปที่อกของชายหนุ่มผู้เป็นรุ่นน้องเบาๆ “...คริสตัลแห่งดวงดาว”
หญิงสาวผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม เกาะอยู่ที่ริมกราบเรือราฟาเอลว์ ดวงตาสีชามองไปยังเรือสีขาวสะอาดตา...ซีกัลไวท์ แสงคบเพลิงจากเรือลำนั้นกระทบกับพื้นน้ำทำให้เกิดประกายระยิบระยับ ต่างกับราฟาเอลว์ที่ไร้แสงเปลวไฟ แต่เสียงรื่นเริงของงานเลี้ยงที่เกิดอยู่เป็นประจำยังมีอยู่ตลอดเวลา และคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
“ทำอะไรอยู่” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ออกเป็นเสียงนิ่มๆ อย่างดัดจริตมากกว่า แต่นั่นก็ทำให้เธอสะดุ้งจากความคิด
เอเวียน่าหันไปทางต้นเสียง แล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก “คริซโตเฟอร์ บุรุษแห่งเผ่าอะลาศ” เอเวียน่าเรียกเขาเต็มยศ ทำให้อีกฝ่ายหน้าคิ้วขมวดเหมือนไม่พอใจ
เขาเข้ามายืนเกาะขอบเรือเป็นเพื่อนเธอ “ข้าไม่ชอบให้ใครเรียกอย่างนั้นเลย ให้ตายซิ เรียกข้าว่าคริซ คริซตี้ หรือคริซซี่ฟังดูดีกว่าเยอะเลย” เขาจับใบหน้า ท่าทางกังวล
คริซมาในชุดสีเขียว ยาวถึงตาตุ่ม เขามักใส่ชุดทำนองนี้อยู่เป็นประจำจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับราฟาเอลว์ แต่เธอยังคงอดมองอย่างอึ้งๆ ไม่ได้ทุกครั้งที่เห็น ผู้รู้หนุ่มสะบัดผมยาวสีน้ำตาลแดงเกล้าเอาไว้อย่างหลวมๆ ไปด้านหลัง
เอเวียน่ายิ้ม “หือ...เพราะเกิดเรื่องมากมาย ข้าเลยยังไม่ได้คุยกับเจ้าเลยนี่น่า คริซตี้” หญิงสาวแกล้งเน้นเสียงสุดท้าย
บุรุษ (ที่เหมือนหญิงสาว) ยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้าของเขาสวยจริงๆ
ไม่น่าเกิดมาเป็นผู้ชายเลยให้ตายสิ โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เอเวียน่าคิด
“เรื่องยุ่งๆ? อ๋อ! ที่เจ้ารับคำท้ากัปตันในวันแรก และวันที่สองบุกเรือซีกัลไวท์น่ะหรือ” คริซยิ้ม
คราวนี้เป็นทีของเอเวียน่าที่เป็นฝ่ายทำหน้าไม่พอใจบ้างแล้ว “ช่างข้าเถอะน่า” เธอเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งหนึ่ง “ไม่อยากพูดถึงมันเท่าไรนักหรอก วันนี้ข้าฟังเรื่องนี้มารอบนึงแล้ว”
“จากอัลน่ะเหรอ” เขากล่าวอย่างรู้ทัน สายตามองขึ้นฟ้าครู่หนึ่งและหันกลับมาทางหญิงสาวข้างกาย “น่าแปลกนะ เจ้าไม่หลงใหล หลงรักอัลบ้างหรือไงกัน ผิวเขาก็เนียนออกปานนั้น ถึงไม่ถึงกับขาวก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้คล้ำแบบโจรสลัดทั่วๆ ไป ส่วนหน้าตาก็ดีอย่าบอกใคร แล้วไหนจะผมสีแดงเพลิงนั้นอีกล่ะ...ว้าย!” คริซกระโดดโลดเต้นแก้เขิน “ออกจะน่ารักปานนั้น”
เอเวียน่าขมวดคิ้ว เธอรอให้สตรีเทียมตรงหน้าควบคุมอารมณ์ได้ก่อนแล้วจึงตอบข้อสงสัยของเขา “เจ้าแน่ใจเหรอ ผู้ชายปากเสียพรรณนั้น ไม่มีใครเขาเอาไปหรอก หน้าตา ทรงผมเป็นแค่รูปร่างภายนอก ใครมันจะสนใจเท่าไรกัน”
“ฮึ...อย่างน้อย ก็มีเยอะล่ะกัน เจ้าน่าจะภูมิใจนะเอเวียน่า เจ้าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขา”
“หากนั่นเป็นสิ่งน่าภูมิใจแล้วล่ะก็ ข้าของสละสิทธิ์เลยล่ะ” คำพูดนั้น ทำให้คริซหัวเราะ เอเวียน่ามองตาม
“ทำไมกันนะ เป็นบุรุษก็ดีอยู่แล้ว ทำไมเจ้าถึงอยากเป็นสตรีนัก”
คริซหยุดหัวเราะ เขาเกาะขอบเรือแน่น “...แล้วเจ้าล่ะ ทำไมถึงอยากเป็นบุรุษนักล่ะ เป็นสตรีก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
เอเวียน่ารู้สึกว่าเธอกำลังถูกท้าทายอยู่ หญิงสาวสบดวงตาสีมรกตคู่นั้น
“หากเป็นเจ้า คงเป็นเลดี้ที่งดงามแน่”
“...แต่เสียใจด้วยนะ ข้าไม่อยากเป็นสตรีหรอก” หญิงสาวท้าทายสายตาของที่ปรึกษาเรือ
ผู้รู้แห่งท้องทะเลดีดหัวของหญิงสาวเบาๆ “สายตาของเจ้าแน่มาก” เขาหันไปหาเรือซีกัลไวท์ “อย่างที่อัลว่า...แต่ว่า...เจ้าต้องเป็นสตรีที่งดงามแน่ ข้าเชื่อ”
เอเวียน่าเหนื่อยใจ ไม่รู้ว่ากัปตันราฟาเอลว์เอาเธอไปพูดอะไรบ้าง เอาเถอะๆ ข้าก็เป็นสตรีอยู่แล้วไม่เห็นหรือไง หญิงสาวคิด ในใจลึกๆ เธอหวังอย่างยิ่งจริงๆ ว่า เธอน่าจะเกิดมาเป็นบุรุษมากกว่า ยังไงเธอก็ไม่ยอมที่จะเป็นเลดี้บ้าบออะไรนั่นแน่ๆ
วันนั้นจบลงด้วยการนอนหลับบนเตียงๆ เดิม โดยที่บุรุษผมสีแดงเพลิงเจ้าของห้องยังไม่กลับมา
เช้าวันรุ่งขึ้น เอเวียน่าลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ เธอรีบทำตามสัญญาที่ให้ไว้กลับตัวเองทันที หญิงสาวเริ่มกิจวัตรตอนเช้าที่ห้องครัวใต้ท้องเรือ
เมื่อไปถึงเธอก็เห็นบ๊อบ กำลังตั้งโต๊ะอาหารพอดี หากอาหารแต่ละอย่างนั้นน่าจะเป็นของที่เหลือจากเมื่อวาน คงเพราะริชาร์ดเลี้ยงอาหารราฟาเอลว์จนอิ่มหนำด้วยของดีจากทุกๆ เผ่าพันธุ์ อาหารของบ๊อบก็เลย “...ถูกปฏิเสธ” เอเวียน่าส่งเสียงดังออกมา
บ๊อบหันมาตามต้นเสียง ท่าทางเขาคงไม่ได้ยินที่เอเวียน่าพูดเท่าไรนัก เพราะชายหนุ่มยิ้มออกมาเมื่อเห็นเธอ “เอเวียน่า เจ้านี่เอง” ใบหน้านั้นแทบปริ “...เจ้าคงคิดถึงอาหารของข้าจนทนไม่ไหวล่ะซิ เอาสิเอา ข้าเก็บไว้ให้เจ้าเลยนะเนี่ย” เขาพูดพลางเชิญชวนหญิงสาวให้นั่งลง
เอเวียน่าไม่สามารถที่จะปฏิเสธบ๊อบได้ เธอขัยบตัวลงตามการขยั้นขะยอและมองอาหารของเขาอย่างรู้สึก หญิงสาวกลืนน้ำลาย...ไม่ไหว นี่อะไรกัน ไอ้ที่อยู่ในจาน สีออกแดงๆ นั่น และน้ำใสๆ นี่อีกล่ะ เฮ้อ!
“บ๊อบ...เจ้าแน่ใจหรือว่านี่เรียกว่าอาหารน่ะ” เธอกล่าวอย่างไม่สนใจ
บ๊อบเลิกคิ้ว แต่ใบหน้ายังยิ้มอยู่ “เจ้าพูดอะไรอย่างงั้น เอาสิตามสบายเลย ทานเข้าเยอะๆ นะ” เขายังเชิญชวนไม่เลิก
“บ๊อบ ข้าไม่ได้มาที่นี้เพื่อทานอาหารของเจ้านะ และอีกอย่างนี่ไม่ใช่อาหารเลยซักนิด” เอเวียน่าย้ำ แม้เธอจะไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา แต่หญิงสาวก็ไม่อาจทำใจที่จะอยู่ที่ราฟาเอลว์โดยทานสิ่งตรงหน้าเข้าไปได้ และท้ายสุดเธอต้องอดตายแน่ๆ
คราวนี้พ่อครัวราฟาเอลว์หน้าเสีย และทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ใกล้ตัว “ก็แน่ล่ะสิ อาหารของข้าจะสู้อาหารของริชาร์ดแห่งซีกัลไวท์ได้ไง”
“อาหารของซีกัลไวท์?...” และเอเวียน่าก็นึกถึง อาหารที่เธอกินเมื่อคืนนี้ ถ้าเทียบกับอาหารของบ๊อบน่ะเหรอ อืม “...ก็จริง” เอเวียน่าไม่ได้ปลอบโยนเค้าเลยซักนิดเดียว ดูเป็นการซ้ำเติมอีกต่างหาก
หัวหน้าพ่อครัวหันมามองสตรีสาวอย่างโกรธเคือง “เจ้าพูดอย่างนั้น เจ้าทำได้ดีกว่าข้าเหรอไง” บ๊อบกล่าว “ไม่ล่ะสิ แน่ล่ะ! หากเจ้าทำได้ดีกว่าข้า เจ้าคงมาเป็นพ่อครัวแทนข้าแล้ว ไม่ใช่เป็นลูกเรือธรรมดาอยู่เช่นนี้!”
เอเวียน่าถอนหายใจ อารมณ์ของชายวัยสามสิบ เอาเถอะๆ เธอคิดเล่นๆ “ถึงข้าจะมีตำแหน่งเป็นลูกเรือธรรมดาก็เถอะนะ ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าทำอาหารไม่เป็นนี่น่า ถูกมั้ยบ๊อบ” หญิงสาวยิ้มหวาน “และฝีมือของเจ้าน่ะ ไม่ได้เรียกว่าพ่อครัวหรอกนะ”
บ๊อบหน้าแดง จะโกรธก็ไม่ได้เพราะคนตรงหน้าทำหน้าตาน่ารักบาดใจชายวัยสามสิบนัก และอารมณ์คุๆ เมื่อครู่ก็เหมือนหายวัยไปกับตา
“ข้าจะสอนให้” เอเวียน่าสรุป หยิบผ้ากันเปื้อนที่พาดอยู่ตรงประตูทางเข้า และเธอก็เห็นนกสีทองตัวเล็กๆ บินเข้ามา “เบล” เธอเรียก
ไง นายท่าน นกน้อยทักทาย
“ทำไมเจ้าถึงอยู่ในร่างนี้เล่า” หญิงสาวถามระหว่างที่มือยุ่งกับการใส่ผ้ากันเปื้อน
ไม่มีอะไรหรอกนายท่าน ว่าแต่ท่านจะทำอาหารงั้นเหรอ ข้าขอชิมด้วยนะ ท่านไม่ได้ทำอาหารมานานแล้วนี่น่า โจซีฟีเน่ในร่างนกกล่าว
“ดีเลย เจ้ามาช่วยข้าด้วย” เอเวียน่าพูด และเธอก็หันไปสั่งบ๊อบ “เจ้าช่วยตั้งน้ำทีซิ”
ไม่ดีกว่านายท่าน ข้าจะรอ...ว้าย! นกน้อยบินสูงขึ้นเพื่อให้พ้นจากมือเจ้านาย
“เจ้าลงมานี่เลย” หญิงสาวสั่ง
ไม่ แบรรรรรรรรร่
เอเวียน่าหมั่นไส้ขึ้นมา “อย่าเผลอล่ะกัน ข้าจะจับเจ้าต้มแน่ เบล” เธอกล่าว และการฝึกทำอาหารของเธอก็เริ่มขึ้น
ในวันนั้น เอเวียน่าอยู่ในห้องครัวใต้ท้องเรือทั้งวัน ไม่มีใครลงมารบกวรเธอเลย คงเป็นเพราะอาหารของริชาร์ดแห่งท้องทะเล ที่มีให้ทานตลอดสามมื้อ เอเวียน่าไม่ได้รู้สึกหิวเหมือนวันก่อนๆ เพราะอาหารต่างๆ นานาผ่านเข้าปากเธอสารพัด ตั้งแต่ของคาว จนถึงของหวาน มีทั้งอร่อย และรสชาติเกินบรรยาย แต่ท้ายสุดไม่รู้ด้วยความเหนื่อยล้าของกายหรือกระเพาะ เธอก็นั่งลง
“เจ้าก็ทำได้ดีนี่ บ๊อบ” เอเวียน่ากล่าวชมเชย
ชายวัยสามสิบยิ้มออกมา “ขอบใจ” เขากล่าว “ทีนี้ข้าก็คงทำอาหารให้กัปตันได้แล้วล่ะ”
“กัปตัน?” ร่างบางขมวดคิ้วอย่างสงสัย “เจ้านั่นทำไมเหรอ”
“เจ้านั่น? เอเวียน่านี่เจ้า เรียกผู้นำสูงสุดบนเรืออย่างนี้ได้ยังไงกัน” บ๊อบกล่าว ดูเหมือนเขาพยายามทำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด “เจ้ากำลังอยู่บนเรือนะ ท่านอัลก็เหมือนผู้นำสูงสุดบนเรือ ถ้าเทียบกับครอบครัว ท่านอัลก็เป็นพ่อ ถ้าหากเทียบกับแผ่นดิน ท่านก็เป็นเจ้าแผ่นดินเลย”
เอเวียน่าเลิกคิ้ว “หรือ” หญิงสาวแสร้งทำตาโตอย่างนึกขำ พระเจ้าแผ่นดินจอมกวน...ยังเธอไม่ได้เต็มใจมาเป็นลูกเรือเขานี่ ถ้าไปเอร์ซิลได้โดยไม่ต้องขึ้นเรือโจรสลัดล่ะก็ เธอคงไปแล้ว แต่มันช่วยมันไม่ได้
“หรือของเจ้าหมายความว่าไงกัน” บ๊อบถาม “เจ้าเนี่ยก็เป็นลูกเรือคนหนึ่งนะอย่าลืมสิ”
เอเวียน่าคิด ลูกเรือคนหนึ่ง ลูกน้องโจรสลัดคนหนึ่ง เฮ้อ! “ข้ารู้ๆ” เธอว่าเบาๆ ไม่อยากยอมรับแต่เธอก็ไม่เสี่ยงเป็นศัตรูกับโจรสลัดกลางทะเลหรอก “คืนนี้ท่าจะหนาวนะ ข้าคงต้องไปนอนพักแล้วล่ะ ขอตัวก่อนนะบ๊อบ” หญิงสาวลุกขึ้น “ไปเถอะเบล...หวังว่าพรุ่งนี้อาหารของเจ้าจะไม่เหลือนะ” เอเวียน่าทิ้งท้าย
บ๊อบยิ้ม “ข้าก็หวังว่างั้นนะ”
ร่างบางออกจากห้องครัวมาแล้ว เอเวียน่าแยกกับนกน้อยและตรงไปที่ห้องนอนของเธอ นั่นเป็นห้องของอัลน่ะแหละ... ทว่าหมู่นี้เธอไม่ค่อยเห็นเขานักและวันนี้ก็เช่นกัน คงเป็นเพราะว่าหญิงสาวอยู่ในห้องครัวทั้งวันด้วยล่ะมั้ง เขาคงไปนั่งคุยหารือกับริชาร์ด ตามภาษาของกัปตันเรือ “เอาเถอะๆ” หญิงสาวไล่ความคิดออกไป เอเวียน่าหยุดลงหน้าห้องเอื้อมมือไปเปิดประตู
“เจ้าหายไปไหนมาล่ะ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ร่างบางหันควับไปตามเสียง “อัล...เจ้าอย่าเข้ามาเงียบๆ สิ” มือบางเลื่อนไปกุมอยู่ที่ต้นขาตามสัญชาตญาณค่อยๆ ลดระดับลง
คนถูกเรียกเลิกคิ้ว “เงียบๆ ...ข้าอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว รอเจ้าอยู่นานแล้ว” เขาย้ำคำพูดสุดท้ายแข็งกระด้าง มีความโกรธเจืออยู่ด้วยน้อยๆ
“แล้วทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะ” ร่างบางถามขณะเดินไป เปิดประตูไม้อีกครั้ง “เข้ามาสิ นี่ห้องเจ้าเองนะ”
“ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากเห็นเตียง ถ้าเห็นข้าต้องนอนแน่” อัลว่า ท่าทางเขาเหมือนคนอดนอนมาหลายวัน ทั้งๆ ที่มันก็แค่คืนเดียวเท่านั้น “และเจ้าไปไหนมา”
“ไปห้องครัวมา สอนบ๊อบทำอาหารน่ะ” หญิงสาวตอบ “และเจ้าล่ะ ไปทำอะไรมา ทำไมดูโทรมยังงี้” เอเวียน่าเป็นฝ่ายถามบ้าง เธอไม่แน่ใจว่าควรจะบอกให้เขาพักรึเปล่า...
“สอนบ๊อบทำอาหารเหรอ ฮึ...ความคิดไม่เลวนี่น่า” กัปตันราฟาเอลว์เอ่ยยิ้มๆ ดวงตาเป็นประกายแปลกๆ ที่เธอไม่คุ้นนัก “เอาเถอะ...ข้าไปก่อนนะแค่อยากมาดูว่าเจ้าทานอาหารรึยังเท่านั้นเอง แต่ดูท่าทางไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ”
“อืม กินอาหารจนอิ่มตื้อแล้ว...เอ่อ...ขอบใจ” หญิงสาวเอ่ยแผ่วเบา
อัลเลิกคิ้วน้อยๆ ท่าทางของเขายังเหมือนเดิมแต่หน้าตาเท่านั้นที่ดูโทรม “ก็แน่ล่ะสิ เจ้าอดอาหารจนเป็นลมนี่น่า”
“เฮอะ” เอเวียน่ากล่าว รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย
กัปตันราฟาเอลว์ล้วงมือเขาไปในกระเป๋ากางเกง ท่าทางเหมือนลังเลก่อนเอ่ย “ข้าไปล่ะนะ”
เอเวียน่ามองตามชายหนุ่ม “เดี๋ยว!” เธอเรียกเขาเอาไว้ “เจ้าจะไปไหน ข้าว่าเจ้าน่าจะพักผ่อนซักหน่อยนะ อัล”
เขาหันมา ยิ้มกว้างและโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรหรอกน่า ข้ามีอะไรต้องคิดนิดหน่อย”
เอเวียน่าเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม “เอาไว้คิดวันพรุ่งนี้ล่ะกัน” หญิงสาวออกแรงดึงมือเขาเข้าไปในห้อง โดยที่อัลไม่ทันได้ขัดขืนเลยซักนิดเดียว ร่างหนาถูกลากจนเซไปด้านหน้า และท้ายสุดก็ถูกดันลงไปบนเตียง
“ข้าไม่เป็นไรหรอก” อัลกล่าว
“นอนลงไปเถอะ” เอเวียน่าว่า ระหว่างที่เธอกำลังถอดผ้าคลุมตัวออก
ชายหนุ่มมองเธอ เท้าแขนขึ้นมาเพื่อจะได้เห็นร่างบางชัดเจนขึ้น “แปลกนะ เจ้าเนี่ย เมื่อวานยังด่าข้าอยู่ฉอดๆ อยู่เลย”
เอเวียน่าคิด นั่นสินะ รู้ตัวด้วยเหรอ กัปตันหนุ่มกวนประสาทเธอมากเลยเมื่อวาน แต่ว่า...เขาก็ช่วยพยุงเธอขึ้นมานี่น่า “เจ้าจะนอนได้รึยัง” เธอไม่อยากต่อล้อต่อเถียง เพราะถ้าเริ่มแล้วมันคงไม่จบง่ายๆ แน่ “ข้าจะไปนอนกับเบลเอง”
กัปตันราฟาเอลว์ยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลดำพราวระยับอย่างไม่น่าไว้ใจ “มีใครในเรือข้าเคยบอกเจ้ามั้ยว่า หากข้านอนคนเดียวเนี่ย ข้าจะฝันร้าย” เขาถาม
“ฝันร้าย? บ้าน่า ไม่มีใครจะฝันร้ายเพราะนอนคนเดียวหรอก เจ้าไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ อย่าเก็บมาคิดมากจนฝันร้ายไปได้สิ” เอเวียน่ากล่าวขณะวุ่นอยู่กับการจัดของโดยไม่สังเกตท่าทางของคนบนเตียง เธอยกกล่องยาขึ้นมา “เจ้าจะกินยาแก้ปวดหัวหน่อยมั้ย เจ้าปวดหัวรึเปล่า”
เขามองมายังตัวเธอ สีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง “ก็ดี”
เอเวียน่าเดินเข้าไปให้เขา อัลยื่นมือมารับ และ
“ว้าย!” เธอร้องเบาๆ
ยาเม็ดนั้นตกลงกับพื้น ของในกล่องกระจายออกจากกัน หญิงสาวถูกดึงลงไปนอนบนเตียง ไม่รู้ว่ากัปตันหนุ่มเอาแรงมาจากไหน เธอไถลเข้าหาเขาทั้งตัวโดยไม่มีทางขัดขืนได้เลย ดวงตาสีชาสบอัลในระยะใกล้จนแทบสัมผัสลมหายใจ
“นี่เจ้าจะ...ทำอะไร” เธอพูดตะกุกตะกัก
ร่างหนากว่ายิ้ม ดูเจ้าเล่ห์ในสายตาของเธอ “หากข้าไม่มีหญิงสาวไว้กอดแล้วข้าจะฝันร้ายนะ เพราะฉะนั้นเอเวียน่า เจ้าเป็นยาที่ดีที่สุดแล้ว” แล้วเขาทิ้งตัวมากดเธอเอาไว้แน่น
คนถูกหาว่าเป็นยาดีเริ่มดิ้นทันที “เจ้าจะฝันร้ายก็เรื่องของเจ้าสิ! ข้าไม่ได้ฝันด้วยนี่ อัล! เจ้าปล่อยข้านะ!” แต่ดูท่าทางเหมือนไม่เป็นผลเลย
“ไม่เอา” อัลกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ก็เจ้าถามข้าเองว่าจะเอายามั้ยนี่น่า พอข้าได้ยาแล้วจะทวงคืนงั้นเหรอ อย่างกไปหน่อยเลย”
“อัลนี่เจ้า!” เธอร้อง “มันไม่ได้หมายความว่างก ไม่งกนะ ปล่อยข้า! ข้าเป็นผู้หญิงนะ อัล! ปล่อยข้า!” เธอกรีดเสียงไม่หยุดอย่างกระดากอาย เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาตามโหนกแก้ม
“โอ๊ะ เจ้ายอมรับว่าเจ้าเป็นผู้หญิงแล้วสิ ไม่เป็นไรๆ...ข้าจะทะนุถนอมเจ้าให้ดีที่สุดเลย”
“อัลปล่อยข้านะ ข้าเกลียดเจ้า!”
“อืม ข้ารู้ๆ เพื่อว่าการที่ข้ากอดเจ้าไว้อาจจะทำให้เจ้าชอบข้าขึ้นมาบ้างก็ได้ เจ้าคิดว่างั้นรึเปล่าเอเวียน่า” อัลพูด
“จะบ้าเหรอ! ปล่อยข้านะอัล! ปล่อยข้าสิ อัล เจ้าปล่อยข้านะ!” หญิงสาวร้องโวยวาย อยู่ทั้งคืน ไม่ลดละ แต่เธอก็ไม่มีทางที่จะดิ้นหลุดจากอ้อมแขนทรงพลังของเขาไปได้เลย
OPEN AGAIN 08/05/2011
ความคิดเห็น