คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 - ริชาร์ด กษัตริย์แห่งท้องทะเล
---ocean---
เอเวียน่าหยิบเสื้อคลุมตัวเก่งของตัวเองออกมา สวมต่างหูที่มีพลังในการเปลี่ยนเสียงของเธอให้เป็นบุรุษ สิ่งนั้นทำให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม คงเป็นเพราะความเคยชินของตัวเธอเอง
หญิงสาวในร่างที่ดูเหมือนเป็นบุรุษผ่านความชุลมุนที่เกิดขึ้นในเรือของทั้งสองฝ่ายอย่างทุลักทุเล เอเวียน่าข้ามไม้ที่กั้นระหว่างเรืออย่างรวดเร็ว โดยไม่มองพื้นน้ำเลยแม้แต่น้อย เธอข้ามไปที่เรือสีขาวของริชาร์ดแห่งท้องทะเล
ในเรือของกัปตันริชาร์ดมีลูกเรือของราฟาเอลว์ไม่น้อยเลยทีเดียว และนั่นคลิฟท์!! เธอหลีกหนีเข้าห้องที่อยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็วเพื่อให้พ้นจากสายตารองกัปตันผมบลอนด์ เขากำลังต่อสู้ แต่ว่าคริซโตเฟอร์ไม่ได้อยู่ด้วย ทั้งคู่คงแยกกัน ผู้รู้ราฟาเอลว์คงไปมองหาคนที่คุยด้วยได้และขอสงบศึก
ในห้องที่เอเวียน่าเข้ามานั้น มีความมืดกระจายอย่างทั่วถึง แสงสว่างลางๆ ได้จากเทียนที่อยู่รอบห้องเพียงสองสามเล่ม เสียงคุยเบาๆ ของคนสองคน ทำให้หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้อย่างเงียบๆ เธอต้องการได้ยินสิ่งที่เขาคุยกัน
“พวกมันเป็นใคร!” เสียงแรกที่ได้ยินมีความโกรธเคืองที่แทบจะระเบิดออกมาในไม่ช้า
“บุกเข้ามาในเรือเราแบบนี้ได้ไง!”
“มันเป็นกฎของโจรสลัดไม่ใช่เหรอ เจ้าคงจะต้องพูดว่า...พวกมันช่างกล้าดีแท้” ชายอีกคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงสงบกว่า “ถูกมั๊ย...ไอเซิน” ผมสีดำที่ยาวเลยไหล่ ถูกผ้าคาดไว้บนหัว เพื่อไม่ให้มันปรกหน้าและสายตาของเขา
ชายผู้ที่ถูกเรียกว่าไอเซินหันมามองคนที่พยายามยั่วโมโหเขา “เจ้าน่าจะหาทางคิดแทนที่มานั่งกระแนะกระแหน่ข้าแบบนี้ ลูอิซ!” ไอเซินกล่าวเรียกชื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเต็มเสียง เขาใช้มือลูกผมสีส้มอย่างเคยชิน
“ก็เจ้าเองไม่ใช่เหรอที่บอกให้เข้าไปดูเรือกระจอกนั่นก่อน...ยิงๆ ไปซะก็หมดเรื่อง”
เรือกระจอก เอเวียน่าคิด เจ้าพวกนั้นคิดว่าเรือตัวเองวิเศษวิโสนักเหรอไงกัน อย่างน้อยลูกเรือของราฟาเอลว์ก็คงไม่มานั่งถกเถียงกันแบบนี้
“เจ้าเองก็ไม่ได้ห้ามหรือเถียงข้านี่” ไอเซินพยายามโยนความผิด
“ข้าจะไปมีสิทธิห้ามอะไรคนเอาแต่ใจอย่างตัวเจ้ากันห่ะ”
“เจ้าพูดให้มันดีๆ” ชายหนุ่มดัดกระดูกมือให้ดังเปาะ สายตามองไปที่เพื่อนร่วมเรือหมายจะฆ่าให้ตายถ้ายังกล้าพูดมาอีกคำเดียว “พูดดีๆ” เขาย้ำเสียงข่มขู่
ลูอิซเลิกคิ้วอย่างกวนโมโห “เจ้ายังอยากให้ข้าย้ำเหรอ ข้าเดาว่าเจ้าคงไม่อยากแน่…เอางี้ดีกว่าข้าจะพูดสั้นๆ” ชายหนุ่มสูดหายใจ “เจ้า-มัน-งี่-เง่า”
“นี่เจ้า!” จบคำไอเซินเข้ากระชากคอเสื้อคนที่สบประมาทเขาตรงหน้า
“อย่าครับ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา เป็นบุคคลที่ไม่น่าจะอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่แรกเลย แต่ว่าดูท่าทางเขาจะมองดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆ มาโดยตลอด
“ไม่ต้องไปห้ามมัน!” ลูอิซกล่าว ถึงทะเลาะกันบ่อยแต่เขาก็ชนะมาโดยตลอดครั้งนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไอเซินรู้ดีล่ะก็ มันจะไม่หาเรื่องกับเขาเป็นแน่
และก็เป็นอย่างที่ลูอิซคิด ไอเซินปล่อยเขาทันที ดวงตาชายผมสีส้มมองเพื่อนร่วมเรือด้วยสายตาเคียดแค้นอย่างยิ่ง แล้วหันไปหาคนที่แทรกขึ้นมา “เจ้าจะว่าอะไรก็ว่ามา”
ชายหนุ่มอึกอักเล็กน้อยก่อนที่จะเสนอว่า “พวกท่านน่าจะลองปรึกษากัปตันดู...ไม่ดีเหรอครับ” ผู้มียศต่ำกว่าเสนอขึ้น
ร่างบางขยับตัวเล็กน้อย ที่หมอนั่นเสนอแบบนั้น เอเวียน่าคิด ...หรือว่าลูอิซและไอเซินอาจจะเป็นมือขวากับมือซ้ายของริชาร์ดแห่งท้องทะเล หญิงสาวแสยะยิ้ม เธออาจเจอเป้าหมายเข้าแล้ว ดวงตาที่บัดนี้เป็นสีส้มกลิ้งกลอกไปมาอย่างเย็นชา รอข้าอีกนิดเท่านั้น...ท่านริชาร์ดแห่งท้องทะเล เธอคิด ในใจตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก
ลูอิซและไอเซินมองหน้ากัน สายตาของลูอิซสื่อว่า เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน นั่นทำให้เพื่อนอีกคนหัวเสีย “ข้าไม่คิดเลยว่าต้องพึ่งตาแก่นั่น” ไอเซินพึมพำ แล้วเดินไปที่ประตูบานหนึ่งที่หากไม่สังเกตดีๆ ก็ไม่รู้ได้เลยว่าที่นั่นมีประตูอยู่ ประตูสีน้ำตาลไม่มีอะไรที่แตกต่างจากผนังเลย คล้ายกับมันเป็นส่วนหนึ่งของกำแพง
ไอเซินชายหนุ่มผมสีส้มจับตรงที่น่าจะเป็นลูกบิดประตูแล้วดึงมันออก บานประตูถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เขาก้าวเข้าไปเป็นคนแรก เปิดประตูไว้เพื่อให้ คู่หูตามเข้ามา
พอทุกคนเข้าไปหมดแล้ว ประตูก็ถูกปิดลง เอเวียน่าเอาหูแนบกับบานประตูอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พวกเจ้ามีธุระกับข้างั้นเหรอ น่าแปลก” เสียงของชายวัยกลางคนกล่าวประชดประชันอย่างไม่ใส่ใจ “นานเท่าไรนะที่พวกเจ้าไม่มาพึ่งข้า ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทำทุกอย่างได้ดี” คนๆ นี้ต้องเป็นริชาร์ดไม่ผิดแน่
“เราเจอเข้ากับเรือลำนึง” ไอเซินเริ่มการสนทนาอย่างสุภาพ
“แล้ว...” เสียงนั้นช่างสงบ แน่นอนว่าแฝงความไม่สนใจเหมือนกับนั่นไม่ใช่เรื่องของตัวเอง “...ไง”
“ท่านว่าเราควรทำไง” ลูอิซเป็นฝ่ายถามขึ้นมา
ความเงียบเกิดขึ้นช่วงขณะหนึ่ง หญิงสาวเดาว่าริชาร์ดคงทำท่าทางอะไรที่กวนประสาทสองคนนั่น อย่างเช่นเลิกคิ้ว มองอย่างดูถูก หรือว่าทำท่าทางให้พวกนั้นรู้ว่าตัวเองงี่เง่าแค่ไหน
“ตอนนี้กัปตันของเจ้าตายไปในทะเลแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเจ้าควรจัดการเอง ข้าจะทำอะไรได้เล่าเรือนั่นคงล้มเจ้าได้ล่ะมั้ง ข้าคงภาวนาให้พวกเจ้าถูกใครสักคนฆ่าตาย...เจ้ามือขวากับมือซ้ายที่...ซื่อสัตย์” เสียงสุดท้ายเป็นเสียงข่มขู่ปนประชดประชัน
เกิดเรื่องอะไรบนเรือนี้กันแน่ เอเวียน่าเกิดสงสัยทันที ผู้ที่ให้คำตอบเธอเหรอดูท่าจะเป็น...
‘ปัง!’ นั่นน่าเป็นเสียงปืนใหญ่ แต่ไม่ใช่ ไอเซินถีบประตูออกมาด้วยความโมโห เอเวียน่าหลบได้แบบหวุดหวิด
“ตาแก่นั่นกวนประสาทจริงๆ” ชายหนุ่มผมสีส้มบ่นทันทีที่ออกมาจากห้อง “ข้าภาวนาให้เจ้าถูกใครฆ่าตาย...เชอะ” ไอเซินทำท่าทางล้อเลียนเสียงของกัปตันเรือ
“หากเจ้าไม่ใจเย็นๆ จะคุยกับใครรู้เรื่องเล่า” ชายผมดำที่ตามออกมากล่าวท่าทางเขายังดูสงบ
‘ปัง!’ คราวนี้เป็นเสียงปืนใหญ่จริงๆ แล้ว
“อะไรกันนักหนาวะ!” ไอเซินตะโกนอย่างไม่พอใจ เรือใหญ่โครงเครงเอนไปทางท้ายเรือ ทำให้พวกเขาเสียการทรงตัว
“ข้าว่าเราออกไปจัดการดีกว่า ไอเซิน” มือขวากล่าว
ชายหนุ่มผมสีส้มและข้ารับใช้ที่ศักดิ์ต่ำกว่าเดินตามลูอิซออกไปท่าทางพร้อมรบแล้ว เมื่อพึ่งใครไม่ได้ก็ต้องพึ่งตัวเอง
ความเงียบ ความจริงมันก็ไม่เงียบเท่าไรหรอก เสียงดาบปะทะกัน และเสียงปืนยังได้ยินอยู่ตลอดเป็นช่วงๆ เอเวียน่าเดินเข้าไปที่ประตูบานนั้น เปิดประตูออกช้าๆ และปิดประตูเบาๆ...ปัง
“ใครน่ะ!” เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นมา เอเวียน่ามองเห็นว่าเขาจะลุกแต่ลุกมาไม่ได้ ในห้องนั้นเป็นห้องที่มืดยิ่งกว่าไม่มีแสงสว่างที่เกิดจากเทียนเลย มีเพียงแสงของดวงจันทร์จากบนเพดานที่แตกออกเท่านั้น สายตาของริชาร์ดมองมาที่หญิงสาวอย่างหาคำตอบ
“ท่านคือริชาร์ด...” เสียงแบบบุรุษกล่าว หรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ ชายผู้นี้โทรมมาก รูปร่างท้วมแบบคนวัยสามสิบก็จริง แต่ดูท่าทางอดอาหารมานานหลายวัน ผมและหนวดเคราสีเทายุ่งเหยิงดูมอมแมม ไหนเบลบอกว่าเรือลำนี้อุดมสมบูรณ์ไงเล่า ไหนว่ากุ๊กดีอาหารอร่อย ห้องน้ำสะอาด มีดนตรีพร้อมไง เอเวียน่านึกถึงสตูสูตรพิเศษของบ๊อบแล้วต้องกลืนน้ำลายอย่างหวาดๆ ห้องน้ำที่เธอต้องถอนหายใจทำใจเมื่อเช้านี้อีกอย่าง แล้วทำไมกัปตันเรือถึงอยู่ในสภาพแบบนี้กัน
“ข้าคือริชาร์ด” ชายวัยกลางคนกล่าว “เจ้าคือใคร”
ดวงตาบัดนี้เป็นสีชา ความแปลกใจกลบความรู้สึกตื่นเต้นที่จะเจอเป้าหมาย คนๆ นี้คือริชาร์ด กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเลแน่หรือ
“เจ้าเป็นใคร” เขาย้ำถามอีกครั้ง
คราวนี้สติของเอเวียน่ากลับมาในที่สุด “ทำไมท่านถึงอยู่ในสภาพแบบนี้” เธอถาม
ชายวัยสามสิบเลิกคิ้วขึ้น “เจ้า...เป็นโจรสลัดเหรอหนุ่มน้อย” เสียงของเขาอ่อนโยน “หรือว่านักล่าหัว อยากได้หัวของข้าเหรอไงกัน”
“คือข้า...” เธอไม่สามารถตอบอะไรได้เพราะสิ่งที่เขาพูดมานั้นถูกต้อง แม้ตอนนี้หญิงสาวจะรู้สึกผิดที่คิดจะมาประมือกับคนตรงหน้าก็ตาม
ริชาร์ดทิ้งตัวบนเก้าอี้ “ข้าเป็นกัปตันที่น่าสมเพช ถูกลูกน้องที่ไว้ใจหักหลัง แล้วหมอนั่นก็ไม่ยอมฆ่าข้าอีก ข้าอยู่ที่นี่มานานราวสามเดือนแล้ว...ถูกยัดอาหารเข้าปากวันเว้นวัน พวกนั้นยังเอาข้าไว้เฉพาะตอนเวลาแบบนี้เท่านั้นเอง” ริชาร์ดหันมาหาเอเวียน่า “เจ้ายังอยากได้หัวของข้าอยู่รึเปล่าล่ะ”
เอเวียน่าไม่ตอบอะไร
“ไม่ว่าจะเป็นโจรสลัดหรือนักล่าหัวก็สามารถขึ้นเงินได้ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าข้าหัวข้าเท่าไรซักเท่าไรน้า...อืม...” เขาท่าทางคิด “ช่างเถอะ”
เอเวียน่าส่ายหน้าเบาๆ อย่างไม่เข้าใจ กัปตันเรือคนนี้เก่งขนาดได้ยกย่องว่าเป็นกษัตริย์แห่งท้องทะเล แล้วทำไมกับแค่ถูกลูกเรือหักหลังถึงกับยอมละทิ้งชีวิตตัวเอง
“เจ้าจะเอาหัวข้าก็รีบเข้าล่ะกัน ข้าอยากหลับซักที” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหลับตาลง
“ไม่” เอเวียน่าพึมพำ
กษัตริย์แห่งท้องทะเลเหล่ตามองเธอ “เจ้าว่าอะไรนะ” ริชาร์ดถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ไม่!” เธอกล่าวอย่างมีอารมณ์ “ข้าจะไม่เอาหัวของคนงี่เง่าบอกไว้เลย เจ้าเป็นกษัตริย์แห่งท้องทะเล สิ่งที่ข้าคิดไว้ตอนแรกคือเจอเจ้าและต่อสู้กับเจ้าแค่นั้น ข้าไม่คิดว่าจะได้หัวเจ้าด้วยซ้ำ...แต่นี้! มันอะไรกัน เจ้ากลับยอมแพ้ง่ายๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยซักอย่าง อีแค่ถูกลูกน้องงี่เง่าสองคนที่วันๆ เอาแต่ทะเลาะกันหักหลังมันไม่ตายหรอกน่า!” เอเวียน่ากล่าวด้วยความโมโห
ริชาร์ดฟังด้วยท่าทางสงบ เขาเป็นคนใจเย็นเหมาะกับบุคลิกและตำแหน่งกัปตันเรือ “ก็จริงของเจ้า เจ้าพูดถูก” เขาหลับตาลง เอนหลังกับพนักพิงก่อนจะลืมตาขึ้น... “งั้นเจ้าช่วยกำจัด ไอเซินกับลูอิซให้หน่อยซิ ได้ไหม” แววตามุ่งมั่นกลับมา
หญิงสาวเงียบไปสักพักนึง นี่คือแววตาของผู้นำ รอยยิ้มเผยขึ้นบนใบหน้าช้าๆ “...จะให้ข้าทำงานต้องมีค่าตอบแทน” เอเวียน่ากล่าว
“งั้นเจ้าจะเอาอะไร เงินเหรอ...ซักเท่าไรดีล่ะ”
เอเวียน่าคิด เงินงั้นหรือ “ไม่ล่ะ...ข้าขอเป็นอาหารล่ะกัน”
ความชุลมุนยังเกิดขึ้นทั่วๆ ไป ลูกเรือราฟาเอลว์สู้กับลูกเรือของกษัตริย์แห่งท้องทะเลอย่างสูสี ไม่มีใครยอมใคร เพราะนั่นหมายถึงความพ่ายแพ้
ให้ตายสิ แบบนี้จะหาใครเจอ เอเวียน่าคิด “แล้วคริซกับคลิฟท์ ขอสงบศึกรึเปล่าเนี่ย” หญิงสาวหยิบดาบที่อยู่บนพื้นขึ้นมา และซัดคนที่พุ่งเข้ามาหาเธอด้วยด้ามดาบ หนึ่งเป็นลูกเรือของกษัตริย์แห่งท้องทะเล อีกหนึ่งเป็น...จอน!
“ตายล่ะซิ” เธอพึมพำ ข้าไม่ผิดนะข้าแค่ป้องกันตัวเอง เอเวียน่าคิด ก้มลงไปดูร่างที่ล้มแหมะอยู่ “จอนเจ้าไม่ต้องรูดเสาแล้วก็ได้นะ” เอเวียน่ากล่าวอย่างรู้สึกผิด แต่ยังไงก็ต้องทิ้งเขาไว้อยู่ดี เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเองแหละ
เอเวียน่าเห็นไอเซินอยู่ด้านบนขึ้นไป เธออาศัยความชุลมุนวุ่นวายนั้นขึ้นไปตรงระเบียงที่มือซ้ายหนุ่มกำลังยืนสั่งการอยู่ นกตัวเล็กสีขาวจากไหนก็ไม่รู้อยู่ตรงหัวบันได “อีเกิร์ล” ร่างบางยิ้ม “เจ้านี่รู้ดี แต่เสียใจด้วยนะวันนี้เจ้าไม่ได้งานหรอกน่า” แต่เจ้านกขึ้นเกาะที่บ่าของหญิงสาวอย่างไม่สนใจ
ที่ตรงหน้า ไอเซินยืนสั่งการอย่างเข้มงวด มือชี้ไปทั่วทิศ เสียงของเขาดังสนั่นแข่งกับเสียงปืนที่ยิงอย่างไม่สิ้นสุด
หากเป็นริชาร์ดคงรู้ตัวแล้ว ทำใจซะเถอะน่า ไอเซิน เจ้าไม่เหมาะที่จะเป็นกัปตันหรอก และที่ตรงนี้ไม่เหมาะกับเจ้า เอเวียน่าคิด ดวงตาสีชามองอย่างแน่วแน่ไปที่เป้าหมาย เธอเคลื่อนตัวไปด้านหลังของชายหนุ่มผมสีส้ม ใกล้เข้าไปอีกนิด อีกนิดมือเตรียมจับที่คอ และเงื้อดาบหมายจะฆ่าให้ตายในทีเดียว แต่ว่า...
“ไอเซิน เจ้าโง่!” เสียงลูอิซดังขึ้นมา
คำด่านั้นทำให้ไอเซินมีการเคลื่อนไหว และบิดตัวมาปัดดาบของเอเวียน่าได้ หญิงสาวเหงื่อตก สายตามองที่ดวงตาของชายหนุ่มผมสีส้ม ลูอิซรีบวิ่งตามขึ้นมาทันที
“เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน” เขาถาม
“มันจะสำคัญยังไงเล่า!” ไอเซินตะโกน “คงเป็นลูกเรือของฝ่ายโน้นล่ะสิ” ดาบจ่ออยู่ที่เอเวียน่าในระยะคืบเดียวเท่านั้น “แต่ว่า ลูอิซ เมื่อกี้เจ้าว่าข้าโง่ ท่าทางจะอยากตายซะแล้วสิ”
“จะให้ทำไงได้ล่ะก็เจ้ามันโง่จริงๆ ” ชายผมดำกล่าว
เริ่มทะเลาะกันอีกแล้ว เอเวียน่าคิด นี่คงเป็นจุดอ่อนของเรือนี้ล่ะนะ
“เจ้าอยากตายเหรอ!” ไอเซินขู่
“เออ...อยากก็ได้ แต่คงไม่ใช่เพราะฝีมือเจ้าแน่”
เอเวียน่าค่อยๆ เบียดตัวให้พ้นรัศมีดาบ ไอ้แค่คืบเดียวไม่ทำให้ทำให้เธอกลัวหรอกน่า แต่! ทันทีที่หญิงสาวเบี่ยงตัวออกเพื่อให้พ้นรัศมีความคมนั้น ดาบกลับกระชับเข้ามาอีกคราวนี้เข้าถึงปลายคางเธอ เอเวียน่ากลืนน้ำลาย
“ข้ายังไม่ได้บอกเจ้าเหรอว่า ถ้าเจ้าขยับตัวอีกนิดเดียวล่ะก็...ตาย!” เสียงของไอเซินเย็นชาอย่างน่าหวาดกลัว
เอเวียน่าเหงื่อตก ข้าไม่ตายด้วยเรื่องแบบนี้หรอกน่า ไม่มีวันที่ข้าจะตายด้วยเรื่องแบบนี้แน่ แค่สองวิ ไม่วิเดียวก็พอ ความรู้สึกร้องเรียกที่จะหนีให้พ้นจากปลายดาบที่คมกริบนั้น
‘ตึง!’ เสียงลูกเรือซักคนหนึ่งถูกโยนขึ้นมาบนระเบียง ไม่ว่าเป็นใครหญิงสาวก็ต้องขอบคุณจริงๆ เอเวียน่าอาศัยจังหวะที่สายตาของมือขวากับมือซ้ายจ้องมองไปยังที่มาของเสียง หลบจากปลายดาบและถีบผู้ถือดาบลงไปกองกับพื้น ดึงคทาบรอนซ์ออกมา รับดาบจากลูอิซ อย่างรวดเร็ว
ไอเซินพอลุกขึ้นได้ก็บุกเข้ามา พวกเขาใช้วิธีรุม “มันไม่ยุติธรรม!” เอเวียน่าโวยขึ้น “พวกเจ้าเล่นรุมข้า!”
“ไม่มีความยุติธรรมในกลุ่มโจรสลัด” ลูอิซกล่าวขณะบุกเข้ามา หญิงสาวรับด้วยคทา
ไอเซินลุยเข้ามาอีก เอเวียน่าต้องตัดดาบของลูอิซทิ้งและโดดหลบดาบของชายหนุ่มผมสีส้มนั้น “มันก็ไม่ยุติธรรมเหมือนกันที่เจ้าลอบกัดข้า!” ไอเซินตะคอก
บ้าจริงๆ เชียว เอเวียน่าสบถในใจ รับดาบสองดาบที่พุ่งมาอย่างแรงไว้เต็มๆ แรงเยอะจริงๆ เขาทั้งสองคนผลักเอเวียน่าไปกองกลับพื้น ผู้เป็นมือซ้ายเงื้อดาบหมายฆ่าให้ตายอย่างรวดเร็ว หญิงสาวรับดาบไว้ได้ผลักออกเต็มแรงก่อนที่ดาบอีกหนึ่งของลูอิซจะเข้ามาทางเธอ
กัปตันนั่นคิดจะฆ่าข้ารึไงที่บอกให้มาสู้กับพวกนี้ เอเวียน่าคิด ทั้งสองคนถึงจะทะเลาะกันบ่อยก็จริง แต่ฝีมือที่ใช้ต่อสู้ร่วมกันไม่ธรรมดาเลย
“เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าทำให้เราเหนื่อยมากแล้วนะ” ไอเซินกล่าว
“ข้าไม่ชอบเหงื่อออกมากขนาดนี้ ให้ตายสิเดี๋ยวตัวเหม็นแย่” ผู้เป็นมือขวากล่าว ดูท่าทางไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า
“ความจริงข้าควรขอค่าตอบแทนเป็นเงินทองหรือสมบัติแทนที่จะเป็นอาหาร” เอเวียน่าบ่นพึมพำ แต่ยังไงก็เถอะตอนนี้อาหารขาดแคลน
ข้าเพิ่งกินแอบเปิ้ลไปลูกเดียวเองตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ นั่นคงเป็นเหตุผลที่เธอขยับไม่ได้ดั่งใจ หญิงสาวยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหกัปตันหนุ่มผมสีแดงเพลิงที่ไม่สรรหากุ๊กมีฝีมือเอาไว้และยิ่งโมโหขึ้นอีกเมื่อเธอรู้ว่าตัวเธอกำลังหมดแรงเต็มที
“เจ้าบ่นอะไรพ่อหนุ่มน้อย” ไอเซินกล่าว ฟาดดาบลงไปอีกเต็มแรง
เอเวียน่าเหงื่อตก รับดาบนั้นไว้อีกด้วยคทาบรอนซ์ ผลักและพุ่งตัวด้วยความเร็วฟาดคทาเต็มแรงที่ท้องของมือซ้าย นั่นเป็นจังหวะแรกที่แตะโดนตัวเขาตั้งแต่แลกอาวุธกันมาเรื่อย...
ไอเซินลงไปกองกับพื้น เอเวียน่าคิดจะกระทืบลงไปให้หายสะใจ แต่ว่าคู่หูมือขวารีบเข้ามาก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร น่าโมโหจริงๆ หญิงสาวคิด
“ฝีมือเจ้าไม่เลวนี่ ล้มหมอนั่นได้“ ลูอิซกล่าว เอเวียน่ารับดาบของชายหนุ่ม “เจ้าเป็นใครมาจากไหนกัน ข้ายังไม่รู้เลย” เสียงเขาสงบทั้งๆ ที่หน้าตามีแต่เม็ดเหงื่อที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวมาเป็นเวลานาน
หญิงสาวในร่างบุรุษนั้นปัดดาบออกเต็มแรงและกระโดดตีลังกาหลบชายหนุ่มโจรสลัดขึ้นไปบนที่สูงกว่า หลังคาด้านหัวเรือ หายวับไปกับสายตา
“บ้าเอ้ย” ลูอิซสบถ คิดว่าจะตามไปแต่ก็ทิ้งคู่หูมือซ้ายไว้ไม่ได้ เขาหันไปหาชายหนุ่มที่ถูกซัดล้มลงไป
เจ้าตัวกำลังลุกขึ้น จับท้องที่รู้สึกเจ็บปวด สีหน้าแสดงความมึนงง พยายามปะติดปะต่อเรื่องราว แล้วหันมาเห็นลูอิซที่กำลังมองเขาด้วยสีหน้าสงบนิ่งอยู่
“รู้สึกเป็นไงบ้างล่ะ” ชายหนุ่มผมดำถาม
ไอเซินพยุงตัวเองขึ้น มองมาทางสหาย “แล้วเจ้าหนุ่มคนนั้นไปไหนซะล่ะ” ดูท่าทางจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้คงที่แล้วในที่สุด “เจ้าไม่ตามมันไปงั้นเหรอ”
สายตาของลูอิซไม่สื่อความหมายอะไรเลย เขาหลับตาลง และเดินหันไปทางระเบียงเพื่อดูการต่อสู้ของลูกเรือ “ข้าน่ะเหรอไม่ตาม…เจ้าโง่! เจ้ายังไม่ฟื้นตัวดีเลย หากถูกใครฆ่าตายจะว่าไง โง่ชะมัด!”
ไอเซินหัวเสีย นี่ตัวเขาถูกหาว่าโง่อีกแล้วเหรอเนี่ย แต่ยังไงก็เถอะหมอนี่ก็ช่วยเขาเอาไว้ เก็บไว้โมโหวันหลังคงไม่มีปัญหาอะไร “แล้วเจ้ารู้รึเปล่าล่ะว่าชายหนุ่มคนนั้นมันเป็นใคร ลูกเรือฝ่ายนั้นรึเปล่า?”
“...บางทีอาจจะเป็นลูกเรือของฝ่ายนู้น...” ลูอิซนิ่งนึกถึงท่าทางการต่อสู้ของชายคนนั้น “...หรือบางทีอาจจะไม่ใช่...”
ไอเซินเป็นคนที่งงกับความคิดของคู่หู แต่ลูอิซไม่ได้บอกอะไรอีก คงปล่อยให้เพื่อนงงต่อไป
ด้านหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มในร่างบุรุษ นั่งนิ่งอยู่ตรงหัวเรือพยายามแอบตัวเองให้มิดชิดกับที่ตรงนั้น เพื่อไม่ให้ตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของลูกเรือทั้งสองฝ่าย ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยและ...หิวชะมัด!
ทีนี้จะทำยังไง รับปากพ่อโจรสลัดริชาร์ดมาแล้ว ถ้าทำไม่สำเร็จก็ดูยังไงๆ อยู่...แถมยังไม่ได้อาหารกินอีก
“เฮ้อ!” หญิงสาวถอนหายใจ ทำไมชีวิตเธอจะต้องมาลำบากเรื่องอาหารการกินด้วยนะ ตั้งแต่เธอขึ้นเรือลำนี้เนี่ยแหละ น่าโมโหจริงๆ แล้วหญิงสาวก็หลับตาลง พยายามไม่ให้ตัวเองคิดถึงเรื่องแบบนั้น ทำใจให้ว่างไว้เอเวียน่า เรียกแรงกลับมา เธอก็สาบานกับตัวเองไว้เลยว่า ถ้าเธอกลับไปครั้งนี้เธอจะสอนให้บ๊อบรู้ว่าอะไรคืออาหารและอะไรไม่ใช่อาหารซะที ก่อนที่เธอจะอดตาย
และตัวเอเวียน่าก็ลุกขึ้น ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเป็นสีชา บัดนี้กลายเป็นสีส้มเข้ม รังสีแห่งการเข่นฆ่าไหลออกมารอบๆ ตัวเธอ ตอนนี้หญิงสาวไม่รู้สึกหิว ไม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว เธอพร้อมที่จะกลับไปสู้กับมือขวาและมือซ้ายอีกครั้ง
*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*
To be Continue
OPEN AGAIN 08/05/2011
ความคิดเห็น