คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 - เอเวียน่า
---ocean---
ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้าสีส้มอย่างช้าๆ ผู้คนบางคนเริ่มออกทำงาน บางคนเริ่มจะพักผ่อนหลังจากที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืน สถานที่บางแห่งเปิดขึ้น ขณะเดียวกันที่สถานที่บางแห่งเริ่มปิดร้านยังกับหนีแสงตะวันอย่างไรอย่างนั้น บุคคลที่เรียกตัวเองว่าจอห์น นอนหลับใหลอยู่บนเตียง ข้างๆ มีเจ้าทิงกาเบลที่กลายร่างเป็นคน เวลาผ่านไปซักพักร่างกายนั้นก็เริ่มขยับ แล้วลืมตาตื่นขึ้น
เมื่อคืนนี้ตัวเขาปฏิเสธที่จะฟังข้อมูลที่เจ้านกน้อยหามาได้ ชายหนุ่มคิดว่าตัวเองมีเรื่องหนักหัวมากพอ ที่จะไม่สามารถต้อนรับข้อมูลที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวเรื่องใหม่ได้ เรื่องแรกคือเรื่องการเดินทางไปเกาะเซลซิล หมู่เกาะเอร์ซิลที่เขายังไม่มีข้อมูลและสถานที่เกี่ยวกับงานที่เขาจะรับทำต่อไปเลยซักนิด แล้วถ้าหากเขาไม่ไปถึงภายในหนึ่งเดือนล่ะก็ ถือว่าข้อตกลงทุกอย่างเป็นโมฆะเขาคงต้องเสียงานดีๆ ไปอีกงาน ส่วนเรือที่เขาจะอาศัยโดยสารไปถึงที่หมายได้นั้นเขายังหาไม่เจอ นั่นสิที่เป็นปัญหา ที่สำคัญเบลยังเสนอให้เขาเดินทางไปกับพวกโจรสลัดกลุ่มนั้น เขาไม่รู้ว่านกน้อยคิดอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่มันก็รู้ว่าเขาเกลียดโจรสลัดยิ่งกว่าอะไร
เรื่องที่สองเกี่ยวกับแผนการของ แมคซ์ โอคาลอท ที่ต้องการจะรู้ หลังจากที่ให้เบลไปหาข้อมูลมา แต่ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะคิดและไม่อยากรับฟัง แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มันจะต้องไม่ใช่เรื่องที่ดี แมคซ์ โอคาลอท เป็นบุคคลที่ไม่มีข้อมูลสรุปเชื้อชาติและสัญชาติได้ บางครั้งพวกโจรสลัด นักล่าหัวหรือทหารเรือก็คงคิดว่าเป็นปิศาจที่เกิดมาเพื่อทำลาย สิ่งที่คิดตรงกันเพียงอย่างเดียวคือไม่ของเจอตัวเป็นๆ ต้องการแต่หัวเท่านั้น แต่อย่างน้อยเอเวินท์คนหนึ่งคงไม่คิดอย่างนั้น
ส่วนเรื่องที่สามนั้น เรื่องที่เขาเกลียดที่สุดนี่แหละรู้สึกว่ามันจะมีปัญหากับเขาเสียจริงๆ โจรสลัดที่ชื่อ อัล พอจะเกี่ยวข้องกับเรื่องสองเรื่องแรกที่เขากังวลอยู่ ถ้าไม่เจอหมอนั่นล่ะก็เบลคงไม่มีความคิดบ้าๆ ที่จะให้เขาเดินทางไม่กับพวกโจรสลัด แต่เขาก็รู้สึกว่าถ้าหากเดินทางกับอัลจริงๆ เขาน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับแผนการของโอคาลอท ได้ดีกว่าที่รู้จากข้อมูลของเบลแน่นอนความคิดของเขาสวนทางกันอยู่ แต่ถึงยังไงก็ตาม บุคคลที่ชื่อว่าจอห์นได้กลายเป็นคนที่เขารู้จักอย่างสมบูรณ์ไปเสียแล้ว
“แล้วทีนี้ข้าจะทำยังไง” เขาพึมพำ
“ทำไงอะไรเหรอเจ้านาย” เจ้าทิงกาเบลที่นอนอยู่ข้างๆ ลุกขึ้นมา “อรุณสวัสดิ์นายท่าน” เจ้าทิงกาเบลพูด
เขาแย้มรอยยิ้มบางๆ ก่อนตอบ “อรุณสวัสดิ์เบล” แล้วชายหนุ่มก็ลุกจากเตียง เจ้าทิงกาเบลลุกตามเขา
“ท่านพร้อมที่จะฟังแล้วรึยัง” เบลถาม
“เจ้าพร้อมที่จะเล่าแล้วเหรอไง” นายมันถามกลับ
“ที่จริงก็ยังหรอกท่าน” มันทำท่าทางใช้ความคิด “ข้าคิดๆ ดูเมื่อคืน ข้ายังสงสัยอะไรบ้างอย่างอยู่นิดหน่อย แล้วอีกอย่างดูท่าทางเจ้านายยังคงไม่พร้อมที่จะฟังอยู่ดี งั้นวันนี้คงแย่หน่อยท่านคงจะต้องเดินเที่ยวคนเดียวแน่ๆ เลย” เบลทำท่าทางเสียดายนิดๆ
“ข้าไม่เป็นไรหรอกน่า อยู่คนเดียวได้ วันนี้ข้ากะจะไปดูเรือซักหน่อยด้วย ถ้าเจ้าอยู่เจ้าคงจะเบื่ออีกตามเคย”
“ท่านไม่ต้องห่วงเรื่องเรือหรอก โจรสลัดพวกนั้นไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่ท่านคิดแน่ แต่ถ้าหากท่านไม่มั่นใจท่านจะลองหาเรือดูก็ได้นะ แต่เรือที่จะไปหมู่เกาะเอร์ซิลน่ะคงหาไม่ได้แล้วล่ะ เขาบอกว่าตอนนี้มันเป็นสถานที่อันตรายไปแล้ว ทางที่ดีท่านยอมไปกับพวกโจรสลัดพวกนั้นดีกว่านะข้าคิดว่า” เจ้าเบลพูดอย่างรวดเร็ว
“ใครบอกเจ้ามาล่ะว่าที่นั่นอันตราย”
“ท่านน่าจะลองคุยกับคนที่ชื่ออัลดูนะ เมื่อคืนหลังจากที่เขามาช่วยข้า ข้าก็รู้สึกว่าเขาอาจไม่เหมือนโจรสลัดทั่วไปก็ได้”บุคคลที่เรียกตัวเองว่าจอห์นนั้นนิ่งเงียบไปซักพัก
“ข้าลองคิดดูก่อนแล้ว...ถ้าข้าแน่ใจ...” เสียงถอนหายใจมาจากนกสาว เจ้าทิงกาเบลทนต่อล้อต่อเถียงกับเจ้านายมันไม่ไหวแล้ว มันจึงดึงให้เจ้านายไปอาบน้ำทันที
“ท่านโยนเสื้อผ้าออกมา เดี๋ยวข้าเอาไปซักให้” บุคคลที่เรียกตัวเองว่าจอห์นตั้งตัวไม่ทันต้องจำใจถอดเสื้อส่งไปให้ และยอมอาบน้ำแต่โดยดี เสียงที่เขาได้ยินหลังจากนั้น คือเสียงตึงตังอันแสดงถึงความรีบร้อนของเจ้านกน้อยจนเสียงเริ่มไกลออกไป เบลคงลงไปข้างล่างแน่ๆ หลังจากเขาอาบน้ำเสร็จ เนื่องจากเขาอาบน้ำไม่นานมากนักจึงต้องใส่ชุดคลุมอาบน้ำมารอทิงกาเบลที่เอาชุดอีกชุดนึงของเขาไปซ่อนที่ไหนก็ไม่รู้
“นี่คิดจะทำอะไรล่ะเนี่ย” เขาเริ่มบ่น ขณะที่ยกนมดื่ม ไม่ทันไรเจ้าทิงกาเบลก็เข้ามาพร้อมกับชุดสีชมพูอ่อนในมือ
“นั่นเจ้าซื้อมาใส่เหรอ ซื้อมาทำไม?” เขาถามด้วยความสงสัย ลืมความโกรธไปซะสนิท ทั้งๆที่มันสามารถเสกเองได้แท้ๆ เหมือนกับชุดเมื่อวาน
“ซื้อมาใส่น่ะใช่ แต่ไม่ใช่ข้าแน่...หากแต่เป็นท่าน ท่านเอเวียน่า” เจ้านกน้อยทิงกาเบลพูดด้วยความสุขใจ บุคคลที่ถูกเรียกว่าเอเวียน่า สะอึกนมลงคอ เมื่อได้ยินเจ้านกน้อยพูดชื่อจริงของตัวเอง
“นี่เจ้าอย่าเรียกข้าอย่างนั้นได้มั๊ย!” เอเวียน่าโวย เจ้านกน้อยยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยั่วโมโหเจ้านาย มันเข้ามาหาแล้วดึงบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นออกจากติ่งหูของเจ้านายของมัน
“ท่านเลิกเป็นผู้ชายวันหนึ่งก็แล้วกันเราจะได้ช่วยกันหาข้อมูล” มันยิ้มสีหน้าระรื่น
“นี่...เจ้า!” เอเวียน่าพยายามแย่งต่างหูนั้นมาจากเจ้านกน้อย เสียงของเขา...เอ่อ...เธอแหลมขึ้น หน้าตาที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม แต่เพราะเสียงทำให้เธอกลายเป็นบุรุษที่เหมือนสตรีไป เธอไม่ได้เป็นผู้ชายที่ชื่อ จอห์น แต่เธอคือเด็กสาวที่ชื่อว่า เอเวียน่า เบลใช้พลังของเทพธิดาทำให้ต่างหูหายไป แล้วใช้พลังของมันอีกครั้งในการแต่งตัวให้เจ้านายอย่างรวดเร็ว ชุดสีชมพูเข้าไปแทนที่ชุดคลุมอาบน้ำ มันเขากับรูปร่างของเธอที่ถูกปิดไว้ภายใต้เสื้อคลุมมาโดยตลอด ผมที่สั้นสีน้ำตาลก็ยังคงสั้นอยู่แต่เธอกลับดูเป็นผู้หญิงอย่างไม่น่าเชื่อ
“นี่เบลเจ้า!...” เธอยังไม่ทันพูดอะไรเจ้าเบลก็เอาวิกสวมเข้าบนหัวเธอและกลายร่างเป็นนกบินจากไป ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรเลยทั้งเสื้อผ้าและอาวุธ รวมทั้งต่างหูนั่นด้วย ต่างหูที่มีรูปดวงดาว ล้อมด้วยแป้นสีน้ำเงิน...ต่างหูที่เปลี่ยนเสียงของเธอเป็นบุรุษ
แล้วเหลือชุดฟูฟ่องไว้ให้ข้าเนี่ยนะ เธอคิดอย่างโมโห
เอเวียน่ามองเห็นเจ้าทิงกาเบลจากหน้าต่างชั้นสอง มันอยู่ในสวนชั้นล่าง เธอไม่รีรออะไรเลยรีบออกจากห้องทันที เอเวียน่าวิ่งไปตามทางเดินอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถจะเร็วได้
อย่าให้จับได้ล่ะกันนะเบล ข้าไม่เอาไว้แน่ ยังไม่ทันสิ้นสุดความคิด...
‘โครม!’ เธอเหยียบกระโปรงของตัวเอง เอเวียน่าสะดุดตกบันไดลงไปโดยที่ยังไม่ทันได้ร้องออกมาเลยซักแอะ
“โอ้ยยย...” เธอคราง
ถ้าข้าไม่ใส่ชุดนี้คงไม่สะดุดล้มตกบันได ดูไม่ได้อย่างนี้หรอก คอยดูนะเบล เจ้าตายแน่ๆ หญิงสาวคิดอย่างโมโหมากขึ้นอีก
“เอ่อ...” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากใต้ตัวเธอ “ขอโทษนะครับ…ช่วยลุก...” เอเวียน่าลุกขึ้นทันที เขาทับชายหนึ่ง
“ขอโทษครับ” แล้วเธอก็พยุงเขาขึ้นมา ชายหนุ่มคนนั้นมีผมสีบลอนด์ที่ถูกรวบเอาไว้ข้างหลัง ตาสีน้ำตาล เธอรู้สึกคุ้นๆ แล้วเอเวียน่าก็รีบหันหลังกลับทันที ชายผู้นั้นเป็นหนึ่งในคนที่อุ้มเธอไปที่ห้องเมื่อคืน
“เมื่อกี้ คุณหนูพูดว่า...” เขาถาม
“คือขอโทษฮะ.เอ้ย.. ค่ะ” ทันทีที่เธอพูด หญิงสาวก็รู้สึกไม่ชินปากเลยสักนิด ชายหนุ่มหัวเราะ
“ฮึ...ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณไม่เป็นไรนะครับ”
“เอ่อ...ค่ะ” เธอพูดช้าๆ “ขอโทษจริงๆ นะครั...คะ” เอเวียน่าก้มหัวเป็นเชิงขอโทษหลายต่อหลายครั้งและถอยหลังลงบันไดไป เธอแอบดูเขาอยู่ครู่นึง ชายหนุ่มผู้นั้นก็เดินขึ้นบันไดต่อไป
ช่างเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์จริงๆ เบลคงชอบแน่ๆ “จริงสิเบล เจ้านกตัวแสบ” เอเวียน่าลงบันไดต่อไป
หญิงสาวไปถึงสวนนั้น เธอนิ่งอึ้งกับสวนที่ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงาม สวนพฤกษานั้นร่มรื่นสมที่เป็นยามเช้า แดดอ่อนๆ อากาศจึงไม่ร้อน ลมเย็นพัดมาดึงดูดให้มองหาความงามของสิ่งที่อยู่ในนั้น สายน้ำที่ไหลลงมาจากน้ำพุ กลางสวนราวกับประกายของอัญมณีให้สดชื่นแม้ไม่ได้สัมผัส ต้นไม้ใหญ่เล็กใบพริ้วไหวไปตามลมอ่อนๆ เหมือนกับทำลายได้ง่ายๆ ดอกไม้สีสันแปลกตาดึงดูดให้เพลิดเพลินตา ทั้งหมดในนั้นราวกับร้องเพลงเป็นทำนองเดียวกัน
นี่คือเวทมนตร์ของธรรมชาติงั้นสิ เอเวียน่ามองความงามเหล่านั้นอย่างเพลิดเพลิน นานเท่าไรแล้วนะที่ข้าไม่ได้ดูธรรมชาติอย่างตั้งใจเช่นนี้ มันสบายใจเช่นนี้เองสินะ เธอคิด
ทันใดนั้นเองเป้าหมายก็เข้ามาในสายตาเธอ เบลเกาะอยู่ที่ต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่งหลังน้ำพุ เธอค่อยๆ ขยับเข้าไปที่ต้นไม้ต้นนั้น เบลอยู่สูงกว่าที่เธอยืนไปสองถึงสามเมตร
เอเวียน่าไม่รู้จะทำยังไง เธอจึงตัดสินใจปีนต้นไม้ด้วยชุดอย่างนั้น หญิงสาวถอดรองเท้าส้นสูงสีขาวที่นกน้อยอุตส่าห์ทิ้งเอาไว้ให้ออกและเหยียบที่กิ่งไม้ที่อยู่ต่ำที่สุดและค่อยๆ ปีนขึ้นไปอย่างชำนาญ ทีละกิ่งอย่างช้าๆ โดยพยายามให้ต้นไม้สั่นสะเทือนน้อยที่สุด สายตาจับอยู่ที่นกทิงกาเบลสีเหลืองทองเป้าหมาย เหมือนการตะครุบเหยื่อ... ค่อยๆ และใจเย็น ในที่สุดเธอมาถึงกิ่งไม้ที่เจ้านกน้อยเกาะอยู่แล้ว เอเวียน่าเอื้อมมือเข้าไปหานกสีเหลืองทองนั้น อีกนิดเดียว นิด... ‘เปราะ!’
“ระวัง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างตื่นตระหนก
‘กรี๊ดดดด!’ เอเวียน่าร้อง กิ่งไม้นั้นหัก เธอตกลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เจ้าทิงกาเบลบินหนีไปโดยไม่หันมาดูเธอเลยแม้แต่นิด
“โอ๊ย...” เธอร้อง แต่น่าแปลกที่หญิงสาวไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยซักนิด เธอสงสัยแต่ก็รู้คำตอบในที่สุด
“เป็นอะไรมั๊ยคุณหนู” ชายคนที่อุ้มเธอไว้ถามด้วยความเป็นห่วง
“ปล่อยข้านะ!” เอเวียน่ารีบผลักตัวออกจากชายหนุ่มผมสีแดงเพลิง เธอคงไม่ทำอย่างนั้นหากนั่นไม่ใช่อัล
“เป็นยังไงบ้าง คุณผู้หญิง” อัลค่อยๆพยุงตัวเองขึ้น
“ข้าไม่เป็นไร ขอบใจเจ้าด้วย” เอเวียน่าพูดกับเขาโดยไม่หันหน้าไปมองเลยแม้แต่นิด ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น มองไปที่คนฟังด้วยดวงตาที่สื่อความหมายประหลาด
“ข้าไม่อยากว่าอะไรท่านหรอกนะคุณหนู แต่คงไม่มีใครเคยบอกท่านว่าเวลาขอโทษ... หรือคุยกับคนอื่นเนี่ยให้หันหน้ามาพูด ไม่งั้นจะเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง” อัลพูดเป็นเชิงสั่งสอน
“นี่เจ้า!” เอเวียน่าหันมา “ทำไมถึงชอบยั่วโมโหคนนักนะ”
อัลยิ้ม “นี่ข้าเป็นคนช่วยท่านนะ เสียงแหลมแสบแก้วหูอย่างนั้นคงไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยท่านแน่ๆ ข้าคงหลงผิดไปหน่อย”
“เจ้าพูดถึง...ข้าร้องเหรอ” เอเวียน่าเผลอร้องออกมาอย่างผู้หญิงเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าว
“ท่านเป็นอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มถาม เอเวียน่าส่ายหน้าปฏิเสธ
“ข้าชื่ออัลยินดีที่ได้รู้จัก”
“เอเวียน่า...ข้าต้องไปแล้วล่ะ” เธอพูดและรีบออกมาแต่ชายโจรสลัดดึงมือเธอไว้
“ท่านต้องไปทานอาหารเช้ากับข้า” เขาดึงเธอไป ไม่สนใจที่จะรอฟังคำตอบจากปากขอเธอเลยซักนิดเดียว เอเวียน่าจำใจที่จะต้องไปทานอาหารกับอัล เขามีความสามารถที่จะบังคับเธอได้โดยเธอไม่มีทางจะปฏิเสธได้เลย หลังจากทานอาหารชายหนุ่มพาเธอเตร่ไปเรื่อยโดยไม่สนใจเลยว่าจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ไปๆ มาๆ เธอกลับไม่รังเกียจชายผู้นั้นเหมือนตอนแรก เธอเพลินกับการที่เขาพาไปเที่ยวมากกว่า โดยลืมไปเลยว่าตอนแรกเธอถูกบังคับให้มา พอรู้สึกตัวอีกทีก็ผ่านมาครึ่งวันแล้ว
“นี่แล้วจะไปไหนกันต่อรึเปล่า” อัลถามท่าทางอารมณ์ดี
“เจ้าเป็นคนชวนข้ามาไม่ใช่เหรอ” เอเวียน่ากล่าว “ถ้าไม่ไปไหนแล้วก็กลับโรงแรมดีกว่า” เธอลุกขึ้น อัลลุกขึ้นตาม
“นั่นสิ ข้าคงรบกวนเวลาท่านมากไปหน่อย” น้ำเสียงฟังเป็นปกติ เอเวียน่าหยุดกึก
ข้าไม่เห็นต้องไปใส่ใจกับคำพูดนั้นเลยนี่น่า เธอคิด “ข้าจะไปท่าเรือหน่อย จะไปด้วยกันก็ได้” เธอพูดอ้อม
แวบนึงที่ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก สุดท้ายเอเวียน่าก็ต้องไปหาเรือทั้งชุด ฟูฟ่องที่ดูเป็นผู้หญิงชุดนั้น แรกๆ พอเห็นเธอพวกชาวเรือก็ยินดีต้อนรับเต็มที่แต่พอบอกว่าจะไปเกาะเซลซิล หมู่เกาะเอร์ซิลแล้ว ใครก็พากันปฏิเสธเธอกันหมด มีบางส่วนที่บอกว่าพาไปได้แต่ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ แทนที่จะได้งานเธอคงถูกปล่อยกลางทะเลมากกว่า ในที่สุดเธอก็หยุดพัก การที่เอเวียน่าหาเรือครั้งนี้อัลไม่มีความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น เขาได้แต่นั่งนิ่งและยืนเป็นเพื่อนเธอ
“เจ้าจะไปเอร์ซิลทำไม” อัลถาม นั่นเป็นคำแรกที่เขาพูด
“ก็...มีงานอยู่ที่นั่น” เอเวียน่าตอบตะกุกตะกัก
“งานอะไร”
เธอนิ่งไปซักพักไม่รู้ว่าจะตอบอะไร “เอ่อ...กุ๊ก เป็นแม่ครัวน่ะ...มั้ง” เสียงสุดท้ายเบาจนแทบไม่ได้ยิน สายตาที่นิ่งของอัลมองมาที่เธอ “ข้าจะทำงานอะไรมันก็เรื่องของข้าน่ะ เจ้าอยากรู้ไปทำไม”
“...ข้ารู้ว่าเจ้าโกหก...เอเวียน่า ที่เอร์ซิลไม่มีกุ๊กหรอก ไม่มีคนด้วย มีก็แต่พวกผีปีศาจเท่านั้น” อัลอธิบายช้าๆ
“หมายความว่าไง” เอเวียน่าสงสัย อัลไม่ได้สบตาเธอแล้ว
“ข้าว่าเจ้าล้มเลิกความคิดที่จะไปดีกว่า”
“...” เอเวียน่าแปลกใจ แต่แน่นอนเธอไม่ล้มเลิกความคิดของเธอง่ายๆหรอก ถึงแม้ว่าใครจะพูดยังไงก็ตาม “กลับดีกว่า ไปเถอะ” หญิงสาวชวน หลังจากที่เธอได้ยินอัลพูดเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่าที่เธอสงสัยมันต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน งานนี้เกี่ยวข้องกับโอคาลอทไม่มากก็น้อย และนกน้อยคิดถูกที่ให้เธอเดินทางไปกับอัลโจรสลัดผมสีแดงเพลิงผู้นั้น อัลรู้ต้องแน่ๆ เกี่ยวกับเรื่องหมู่เกาะเอร์ซิลและโอคาลอท งานครั้งนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ตอนนี้เธอมีความคิดดีๆ แล้ว
ต้องเสี่ยงกันหน่อย เธอคิดในใจ ทันทีที่เอเวียน่าถึงที่พัก เธอก็เจอเจ้านกน้อยอยู่ด้วย
“เป็นไงบ้างล่ะนายท่าน ไปเที่ยวสนุกมั๊ย” มันรีบรี่เข้ามาหาเธอ “แล้วพ่อหนุ่มที่ชื่ออัลล่ะ เป็นไงบ้าง” เบลถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เอเวียน่าเดินเข้าไปหาเจ้านกน้อย เธอจับตัวมันไว้
“เสื้อข้าล่ะ” เธอพูดเสียข่มขู่
“ใจเย็นสิเจ้านาย” เจ้านกน้อยยิ้ม
หลังจากที่เอเวียน่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นผู้ชายเรียบร้อยแล้ว เธอกับเจ้านกน้อยก็ออกไปหาที่นั่งคุยกันในตลาด หยุดอยู่ที่ร้านไม่ค่อยสะดุดตาร้านหนึ่ง ในนั้นมีเพียงคนๆ เดียวนั่งอยู่ และพนักงานของร้านสองคน พวกเขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะที่ไกลจากเคาน์เตอร์ แถวริมหน้าต่าง แล้วสั่งเพียงน้ำผลไม้มาดื่มดับกระหายเท่านั้น
“หมู่เกาะเอร์ซิลเป็นที่ที่พวกนักเดินเรือ พวกชาวประมง รวมทั้งพวกโจรสลัดไม่กล้าเดินทางเข้าไปใกล้” เบลอธิบาย “ท่าทางมันมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะนายท่าน ข้าว่าเลิกล้มความคิดนี้ดีกว่า หางานอื่นเอาก็ได้นี่” เอเวียน่าสีหน้านิ่ง
“ไม่ล่ะ งานยิ่งลำบาก เงินก็ยิ่งดี เจ้าไม่เห็นด้วยเหรอ แค่ไปรับงานที่เกาะเซลซิล ก็ได้ตั้งสามหมื่นกาลัฟท์ หากงานสำเร็จด้วยล่ะก็ไม่รู้จะได้อีกตั้งเท่าไร งานนี้ไม่ธรรมดาเลย” เธอพูดเสียงเรียบ
“แต่งานที่ได้เงินดี ก็ต้องยากเป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอนายท่าน”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า” เอเวียน่าพูด ท่าทางเบลเป็นห่วงเธอมากกว่าตัวเธอเป็นห่วงตัวเองเสียอีก เอเวียน่าดื่มน้ำองุ่นตรงหน้า “ข้าก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ง่าย แล้ว...เจ้ารู้อะไรอีกบ้างล่ะ”
เบลก้มหน้าไปซักพักหนึ่งแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธออย่างช้าๆ “ท่านรู้แล้วใช่มั๊ยว่าทำไมพวกโจรสลัดถึงมาที่นี่กันมาก” เธอพยักหน้า
“มาหาเอเวินท์งั้นสิ”
“ใช่ แล้วเพราะอะไรรู้มั๊ย”
“เป็นธรรมดาที่พวกโจรสลัดอยากเห็นหน้า นักล่าหัวที่กำจัดโอคาลอทได้ไม่ใช่เหรอ หรือว่าอยากจะต่อสู้ด้วยล่ะ แต่ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่น่า” สายตาของเจ้านกน้อยจ้องมองมาที่เธออย่างนิ่งสงบ
“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก นายท่าน” เบลกล่าว
“โจรสลัดและนักล่าก็ต่างพากันมาที่นี่กันมากเหตุผลหนึ่งก็อย่างที่ท่านบอกน่ะแหละ พวกเขาต้องการเห็นฝีมือที่สามารถกำจัดบุคคลแห่งความชั่วร้ายที่สุดแห่งยุค แต่อีกเหตุผลหนึ่งข้าได้ยินมาจากพวกชาวบ้านและก็โจรสลัดที่รู้เรื่อง มันน่าสนใจเชียวล่ะนายท่าน....” ทิงกาเบลหยุดครู่นึง พลางส่งสายตาเป็นประกายมาทางเธอ “เขาบอกว่าทางการทหารเรือและกองตำรวจทะเลตั้งราคาของเอเวินท์ไว้แตกต่างกัน พวกทหารเรือต้องการหัวของเขาเพราะว่าเขาอาจเป็นอันตรายได้ภายหลัง แต่ตำรวจทะเลกลับบอกว่าต้องการตัวเป็นๆ จะได้มาช่วยจับโจรสลัดต่างๆ ที่มีอันตรายอย่างเช่นบุคคลที่เขากำจัดไปก่อนหน้านี้...” เบลนิ่ง “...ท่านคิดว่าไง” เบลถามความเห็น มันยิ้ม เอเวียน่ายิ้มตอบ
“เท่าไร...ข้าหมายถึงราคาของของเขาน่ะ”
“ข้าไม่รู้หรอก” เจ้านกน้อยท่าทางมีความสุข มันยกน้ำผลไม้มากำไว้ในมือ
“อย่างที่บอกทั้งทหารเรือและทั้งตำรวจทะเลมีความเห็นไม่ตรงกัน เขาคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะระบุเป็นราคาได้ แต่ข้าคิดว่าคงมากกว่าค่าหัวของโอคาลอทแน่ๆ ราวล้านแปดกาลัฟท์ก็คงไม่น้อยกว่านั้น เอเวินท์กลายเป็นบุคคลที่มีค่าหัวมากที่สุดแห่งยุคไปซะแล้ว” เบลดื่มน้ำผลไม้ด้วยความสุข เอเวียน่ามองมันที่ท่าทางแปลกๆ
“ยังงั้นหรือ...ว่าแต่เจ้าเป็นอะไร”
“ช่างข้าเถอะ...” เอเวียน่ายกน้ำองุ่นขึ้นดื่มอีก “...ว่าแต่เรื่องหมู่เกาะเอร์ซิลน่ะ เจ้าหาเรือไม่ได้ใช่มั๊ยตกลง”
“โธ่นายท่าน! ถ้ามันง่ายอย่างนั้นล่ะก็ เราคงออกเดินทางได้ตั้งแต่เช้านี้แล้วล่ะ” มันทำหน้าเซ็งขึ้นมาทันที
“ใครจะทำได้ นักเดินเรือพวกนั้นต่างบอกว่าตัวเองรักชีวิตตัวเองมากพอที่จะไปเสี่ยงถึงที่นั่น ข้าก็บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าให้ไปกับพวกโจรสลัดดีกว่า”
“ข้าก็คิดอยู่” เอเวียน่าพึมพำ ทิงกาเบลถึงกับไม่เชื่อหูตัวเองขึ้นมาทันที
“ว่าไงนะ” มันสบตาเจ้านาย สายตาบอกว่าเอาจริง
“ก็...ก็ไหนท่านบอกว่า…ท่านเกลียดพวกโจรสะ...”
“จริงอยู่ข้าเกลียดโจรสลัด” เธอตัดบท
“แต่ว่า...บางทีเราก็จำเป็น โดยเฉพาะเวลาแบบนี้ และยิ่งหมอนั่นชวนข้าไปเป็นพวกด้วยแล้วก็ ยิ่งง่ายใหญ่” เธอพูดอย่างมั่นใจ ทิงกาเบลถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
“ท่านวางแผนหรือคิดอะไรข้าไม่เคยรู้เลยซักนิด”
“ข้าพึ่งคิดออกเมื่อกี้เองน่า อย่าทำเสียงอย่างนั้นสิ” เอเวียน่ากล่าวกับนกน้อยที่ดูท่าทางไม่พอใจเธอ “เจ้าจะช่วยข้าใช่มั๊ย” เธอแสร้งทำเสียงอ้อนวอนที่ไม่ถนัดนัก
“แน่นอนอยู่แล้วนายท่าน หากข้าไม่ช่วยท่านจะเป็นใครล่ะ” ทิงกาเบล กล่าว เอเวียน่าอมยิ้มนิดๆ
คืนนั้นเอเวียน่าแต่งตัวราวกับบุรุษ ส่วนเจ้านกน้อยก็แต่งตัวด้วยชุดสีเหลืองบุษราคัม ทั้งสองเข้าไปในบาร์ในโรงแรม กลุ่มโจรสลัดกลุ่มเดิมนั่งอยู่ในนั้น ต่างถูกรุมล้อมด้วยผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่ดูจะเป็นหญิงบริการมาหาเงิน พอพวกเขาเข้ามาในนั้นก็ถูกจับตามองทันที ทิงกาเบลยืนอยู่ข้างเธอกำลังเดินเข้าไปในโจรสลัดกลุ่มหนึ่งซึ่งคาดว่าคงเป็นเป้าหมายของมัน แต่เอเวียน่ากลับดึงมันไว้
“เจ้าอยู่กับข้าดีกว่าน่า” เอเวียน่าห้ามเจ้านกน้อยที่มีความคิดไม่ตรงกับเธอ หญิงสาวกลัวเรื่องราวจะเป็นแบบเมื่อวานอีก อย่างน้อยการอยู่ใกล้กับเธอซึ่งตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับบุรุษก็น่าจะช่วยได้มากกว่า
“ข้านั่งคุยกับท่านไม่ได้หรอกน่า ข้าไม่ชอบอยู่เฉยๆ และต่อรองกับคนที่ไม่รู้จักหรอกนะ มันดูไม่มีประโยชน์เอาซะเลย” ทันทีที่พูดจบเจ้านกน้อยก็ผละออกไป
เอเวียน่ามีความคิดแปลกๆ ขึ้นมา หลังจากมองตามเบลที่เข้าไปในกลุ่มนั้น
ทำไมผู้ชายถึงปล่อยให้ผู้หญิงที่รู้ว่าจะเข้าไปหาข้อมูลเรื่องบางเรื่องเข้าไปง่ายๆ อย่างนั้น เธอคิด หรือเพราะว่าคิดว่าผู้หญิงทำอะไรไม่ได้ หรืออาจจะมั่นใจในตัวเองมาก...บางทีการที่เบลไปครั้งนี้อาจไม่ได้ข้อมูลมาเลยก็ได้ เธอเดินต่อไปมองหาชายหนุ่มผู้นั้น สายตาเหลือบไปที่เคาน์เตอร์บาร์ผมสีแดงเพลิงเด่นชัด
อัลชูแก้วเบียร์ขึ้นแล้วดื่มดูท่าทางเมาไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตามแสงแค่นั้นไม่สามารถแยกแยะอะไรได้ เขากำลังคุยบางอย่างอยู่กับเพื่อนโจรสลัดสองคน คนหนึ่งคือชายที่ดูล่ำสัน และอีกคนที่มีผมสีบลอนด์ ดวงตาสีน้ำตาลที่เอเวียน่าเจอเมื่อเช้านี้ ทั้งสองคนเป็นคนที่รู้จักเธอดี เพราะเขาเป็นคนอุ้มเธอไปหาอัล และยังบอกว่าเธอ ‘ตัวเบาเหมือนผู้หญิง’ อีกด้วย
เธอเดินเข้าไปตรงเคาน์เตอร์ตรงที่อัลและเพื่อนนั่งอยู่ พอได้ยินการสนทนาของพวกเขา
“เจ้าหล่อนน่ะต้องจีบอย่างช้าๆ เพราะดูจากท่าทางการแต่งตัวแล้วคงเป็นลูกขุนนางมีชาติตระกูลแน่ๆ” อัลมีน้ำเสียงโอ้อวด เอเวียน่าหยุดกึก เธอชักสนใจสิ่งที่เขาพูดคุยกัน “แต่ดูจากนิสัยคงไม่ยอมง่ายๆ หรอก”
“ก็เล่นปีนต้นไม้แล้วตกลงมาอย่างนั้น” เพื่อนที่ดูล่ำสันกล่าว และซดเบียร์อีกแก้วใหญ่อย่างรวดเร็ว “เอามาอีกซิ!” เอเวียน่าเริ่มแน่ใจว่าที่พวกเขาพูดถึงคือเธอที่เป็นสตรี
“แล้วเจ้าปล่อยหล่อนมาง่ายๆ อย่างนั้นเหรออัล” หนุ่มผมบลอนด์กล่าว
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าแน่ใจว่าหล่อนสนใจข้าแล้วยังไงก็ต้องเจอกันอีกแน่ เวลามีอีกมากจนกว่าข้าจะทำงานเสร็จน่ะแหละ หล่อนเสร็จข้าแน่อยู่แล้ว...เจ้าไม่ต้องห่วง” เขายกเบียร์ดื่ม เอเวียน่ายังคงยืนนิ่งฟังอยู่
“ข้าไม่ได้ห่วงเจ้าซะนิดเลย เพื่อน เจ้าเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า” อัลยิ้ม ท่าทางเขายังไม่เมาง่ายๆ
“...ข้าว่าหล่อนน่ะเหมือนใครก็ไม่รู้ รู้สึกคุ้นนิดหน่อย”
“เหมือน?...ใคร” ชายล่ำสันถาม เอเวียน่าเดินเข้ามาขณะที่อัลกำลังคิด
“คงเหมือนกับ...”
“ขออภัยท่านโจรสลัด” เอเวียน่าเดินเข้ามา เธอคว้ามือไปจับเคาน์เตอร์บาร์ผ่านหน้าอัลและชายหนุ่มผมสีบลอนด์เพื่อนของเขา ที่กำลังพูดคุยกันอยู่ หญิงสาวควรจะโมโหเรื่องที่พวกเขาพูดคุยกันเมื่อกี้นี้ แต่ยังไงก็ตามกลับไม่มีความโกรธ อยู่บนใบหน้าที่นิ่งสงบของเธอเลย ขณะเดียวกันอัลเมื่อเห็นเธอก็หยุดพูดทันที เขายิ้มด้วยสีหน้าเหมือนคาดเดาว่าเอเวียน่าจะโผล่ออกมาอยู่แล้ว
“ไง จอห์น” เขาทักทาย
“ไงล่ะ...ท่านโจรสลัด ไหนเจ้าบอกว่าจะมาเกลี่ยกล่อมข้าไปเป็นพวกไม่ใช่เหรอ” เอเวียน่าเบียดเพื่อนผมบลอนด์ของอัลไป แล้วเธอก็นั่งลงตรงที่ของเขา “แล้วไหนมานั่งโม้ ตั้งวงอยู่ที่นี่เล่า” อัลยกเบียร์ดื่ม
“นั่นสินะ...” เขาพูดอย่างเห็นด้วยหน้าตาเฉย “...แต่ดูท่าทางข้าคงไม่ต้องเสียเวลาให้เหนื่อยแล้วสิ”
เอเวียน่าเก็บสีหน้าไม่พอใจเอาไว้ “ก็คงจริงของเจ้า” เธอยิ้ม
อัลทำสีหน้างงๆ ขึ้นมาทันที “แปลกแฮะ ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะยอมง่ายๆ” เขากล่าว
เอเวียน่าเลิกคิ้ว
“ไอ้ความพยศของเจ้าเมื่อคืนนี้ มันหายไม่ไหนหมดซะล่ะ” อัลถาม เอเวียน่ายิ้ม เธอหลบตา
ก็เอาไว้พยศหลังจากนี้น่ะสิ เธอคิด อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเธอน่าจะออกจากที่นี้ และมุ่งหน้าไปหมู่เกาะเอร์ซิล พรุ่งนี้เช้า
*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*
To be Continue
OPEN AGAIN 08/05/2011
ความคิดเห็น