คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 - โจรสลัด ผมสีแดงเพลิงผู้นั้น
--- ocean ---
รุ่งอรุณได้เริ่มต้นขึ้น ขอบฟ้าทาสีส้ม สัตว์น้อยใหญ่เริ่มออกหากินอย่างที่ควรจะเป็นเช่นทุกวัน ถัดขึ้นไปเหนือพื้นดิน ท้องฟ้าสีคราม ทะเลสีน้ำเงินเข้ากันได้อย่างงดงามเกินบรรยาย หากชายหนุ่มผู้มีความฝันที่จะเป็นโจรสลัดแล้วล่ะก็ คงจะเลือกเช้าที่สดใสวันนี้เป็นวันที่ออกเดินทางสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้อย่างแน่นอน
ผ่านเข้าไปในประตูซอมซ่อของบาร์แห่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับท่าเรือ ด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์ มีบันไดให้ก้าวขึ้นไปสู่ชั้นสองของที่อาศัย ประตูสีน้ำตาลไม้ถูกเปิดออกให้เข้าไปในห้องข้างบันไดนั้น
บุคคลผู้หนึ่งนอนหลับใหลไร้สติอยู่บนเตียง ดูท่าทางเหมือนทรมานเพราะพิษไข้ แต่มันไม่ใช่
นกทิงกาเบลตัวสีเหลืองทองที่เกาะอยู่บนริมหน้าต่างที่เปิดออก ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่กำลังหลับใหลเช่นกัน แต่หลังจากเกิดการสั่นสะเทือนของเตียง มันก็กระพือปีกบินตามสัญชาตญาณ ...นายของมันที่นอนอยู่กำลังงัวเงียตื่นขึ้น
“อืม...” นายของมันเริ่มส่งเสียงครวญคราง ขยับผ้าห่ม และบิดตัวไปมาเพื่อหาที่เหมาะสมที่จะทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น อย่างกับไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหรือมีสถานะอย่างไร ขอเพียงให้ตัวเองหลับสบายก็เป็นพอและเริ่มลงสู่ห้วงนิทราอีกครา หากแต่เจ้านกน้อยทิงกาเบลทนดูไม่ได้จึงเริ่มที่ปลุกเจ้านาย ทั้งจิก ทั้งส่งเสียงร้องเพื่อให้เจ้านายลุกขึ้นมาให้ได้ แต่ว่าเขากลับปัดเสียงและการกระทำของทิงกาเบลด้วยความรำคาญ
หลังจากที่พยายามอยู่นาน เจ้านกน้อยก็เกิดเปลี่ยนใจไปเกาะที่หน้าต่างและค่อยๆ เปลี่ยนร่างตัวเองกลายเป็นสาวสวยงดงาม ผมยาวสีทองเช่นเดียวกับขนนกยาวจนถึงเอว ผ้าพาดไหล่ เสื้อชุด และที่สำคัญปีกบางใสสีทองที่เข้ากับผม ช่างงดงามดุจเทพธิดา สายตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของเจ้านาย เทพธิดาใช้มือเขย่า แต่เจ้านายก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย
“ตื่นได้แล้วนายท่าน นี่ท่านรู้มั๊ยว่าท่านอยู่ที่ไหน” เธอเปลี่ยนวิธีการปลุกทันใดนั้น ร่างกายของผู้เป็นนายก็หยุดกึก เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ‘เจ้านาย’ หันไปหาเจ้าทิงกาเบลอย่างกระสับกระส่าย
“นี่ข้าอยู่ไหน” เขาหันมาถาม
“ท่านอยู่ในบาร์ ความจริงท่านน่าจะไปได้แล้วนะ อาการดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย” เจ้าทิงกาเบลถามอาการ แต่ดูท่าทางไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไร
ผู้เป็นนายรีบเอาเสื้อคลุมของเขามาสวมใส่อย่างไม่สนใจคำพูดของนกน้อยข้างกาย เขาหยิบรองเท้าข้างเตียงมาด้วยความรีบร้อน แล้ว...ล้วงเข้าไปในกระเป๋า กำบางสิ่งไว้ในมือข้างนั้น หน้าตาของเขาแสดงถึงการตัดสินใจอะไรซักอย่าง และหยิบสิ่งนั้นออกมาจากในกระเป๋าวางไว้บนเตียง
...เงินทั้งหมดที่มีอยู่ เขาวางไว้ที่นั่น ผู้เป็นนายคว้ากระเป๋าอันเล็กๆ แล้วรีบออกมาจากห้องนั้นทันที…
ในบาร์มีผู้คนเพียงเล็กน้อย แต่บรรยากาศช่างดูไม่สดใสอย่างที่บาร์ควรจะเป็น เขาทำตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว ท่าทีเหมือนคนพเนจรทั่วไปแล้วออกจากร้านไปทันที ทิงกาเบลสีเหลืองทองบินลงมาเกาะที่ไหล่ด้านขวา ท่าทางคงจะเป็นที่ที่มันเกาะอยู่เป็นประจำ
“คงไม่มีใครรู้หรอกใช่มั๊ย” เขาถามคำถามที่ไม่อาจเดาความหมายได้ ที่รู้เพียงแค่นกน้อยกับเขา
ใช่นะ ข้าคิดว่า ทิงกาเบลบอก
ดวงตาสีชาที่มุ่งมั่น ผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม ทั้งหมดในตัวเขาดูไม่น่าสนใจแต่กลับมีความประหลาดซ่อนอยู่ ชายหนุ่มเริ่มเดินออกไปจากท่าเรือ ตรงเข้าไปในหมู่บ้าน...ภารกิจของเขายังไม่จบ…
เป็นเวลาเที่ยง ดวงตะวันส่องอยู่เหนือหัว ผู้เป็นนายกับสัตว์เลี้ยงมีปีกสีทองยังคงวนเวียนอยู่ในตลาด
“บางทีข้าควรหาอะไรยาไส้ของข้าก่อน...ถ้าข้าพอมีเงินติดตัวบ้าง” เขาบ่นพึมพำ
ใครให้ท่านเอาเงินทั้งหมดวางไว้ที่นั่นเล่า เจ้านกน้อยเริ่มกระแนะกระแหน่ เพราะความหิวเริ่มครอบงำ
เท้าก้าวเดินวนไปมาอีกหนึ่งรอบ เหมือนรออะไรซักอย่างอยู่ แต่ถึงกระนั้นก็รอไม่ได้นานในที่สุดก็หยุดพักที่ร้านเล็กๆ ข้างทางเดิน และที่นั่นเองเขาได้ยินเสียงซุบซิบของชาวบ้านด้วยเรื่องของบุคคลนาม ‘เอเวินท์’
“เอเวินท์ เก่งชะมัดเลยนะ ทำสิ่งที่ใครก็ไม่กล้าทำ” หญิงสาวผู้หนึ่งพูด
“ใช่ๆ นี่เจ้าก็รู้มาเหมือนกันเหรอ แล้วเจ้ารู้ไหมว่าท่านเอเวินท์น่ะเขาทำทุกอย่างก็เพื่อเงิน ต๊าย! เท่ห์ชะมัด” หญิงสาวอีกคนที่ดูเป็นเพื่อนกันอุทาน เธอแทบจะลงไปคลานอยู่ข้างๆ เพื่อนสาว
“นี่เจ้าว่าถ้ามีคนอย่างเขามาอยู่ตรงหน้าเจ้าว่าจะเป็นไง” เธอเริ่มเข้ามายุ่งกับการทำงานของเพื่อนแล้ว
“ข้าก็คง...อืม” หญิงสาวอีกคนที่เป็นเพื่อนเงยหน้ามองดูฟ้า พลางใช้ความคิด
“เดินเข้าไปหาแล้วพูดว่า ‘ท่านช่างเก่งกาจเสียจริงๆ’ ถูกมั๊ย” เธอหันไปหาเพื่อนพร้อมกับจานชามที่ล้างเสร็จเตรียมคว่ำ เอียงหัวเป็นเชิงถาม
“หากเป็นข้า...ข้าคงอ่อนระทวยไปหมดเลย เฮ้อ!” เธอกล่าว ท่าทางหญิงสาวจะคิดไปไกลเสียแล้ว
“เอเวินท์” เขาพึมพำหลังจากที่ฟังสองคนนั้นอยู่นาน “ชื่อเสียงดังกังวานเกินไป” คำพูดลอยๆ ขึ้นอย่างไม่ต้องการให้ใครได้ยิน แล้วสิ่งที่เขารออยู่ก็มาถึง นกสีขาวสะอาดตาตัวเล็กเท่าฝ่ามือบินลงมาพร้อมกับถุงใบหนึ่ง
“เจ้ามาช้า ช้ามาก” น้ำเสียงเรียบๆ ตามมา แต่ก็พอทำให้คนที่ได้ยินหน้าหงอลงไปถนัด เขารีบเก็บถุงที่นกสีขาวนำมาให้เข้ากระเป๋า เจ้านกร้องเสียงเบาแล้วก้มหัวรับความผิด ชายหนุ่มยื่นจานที่ทานค้างอยู่ให้มัน
“ทานอะไรซะสิเจ้าเหนื่อยมากแล้วน่าจะพักซะบ้างนะ อีเกิร์ล” อย่างน้อยก็กว่าเขาจะทำงานนี้สำเร็จ เขาคิด
แล้วผู้เป็นนายก็นั่งรอจนกว่านกที่ถูกเรียกว่าอีเกิร์ลจะกินอิ่ม มันคล้ายจะกล่าวขอบคุณแล้วบินจากไป
“งานต่อไปอยู่ที่เซลซิล” เขากางใบกระดาษม้วนที่แนบมากับถุงสีน้ำตาลเมื่อครู่นั่น ชายหนุ่มกวาดสายตามอง พยายามอ่านอย่างละเอียดด้วยความรวดเร็วแล้วเก็บเข้าไว้ใต้เสื้อคลุมสีน้ำตาล ก่อนจะวางเงินส่วนหนึ่งไว้ และลุกไป เขามุ่งกลับไปทางท่าเรือทันที ชายหนุ่มมองหาเรือที่พอจะพาไปยังที่หมายได้ แต่ว่ากลับมีเพียงแต่พวกโจรสลัดที่เข้ามาหาเสบียงเท่านั้น และดูเหมือนจะมีมากจนน่ารำคาญ
“จะมีรึเปล่าน้าเรือที่จะไปหมู่เกาะเอร์ซิล” เขาพึมพำ คงต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้าล่ะมั้ง
นี่ท่านคงไม่คิดจะรอถึงพรุ่งนี้เช้าหรอกนะ เจ้าทิงกาเบลพูดอย่างรู้ทัน โธ่! เจ้านาย ท่านก็อาศัยเรือพวกโจรสลัดไปสิ
“อย่าคิดอะไรง่ายๆ อันตรายมีอยู่ทุกที่และพร้อมที่จะเล่นงานคนที่ประมาทเสมอ เพราะฉะนั้นการระวังไว้ก็จะช่วยได้นะ เบล” เจ้านายอธิบาย “แล้วเจ้าพูดให้ข้าไปกับโจรสลัดงั้นเหรอ คิดดีๆ หน่อยเถอะขอร้อง” ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้านิ่งสงบ แต่สายตาที่นกน้อยไม่เห็นกลับฉายแววความเกลียดชังชัดเจน
คำพูดของท่านฟังดูวกวน มันพูดอย่างงงๆ ยังไงก็ได้ข้าเป็นแค่นกนี่ไม่มีสิทธิอะไรอยู่แล้ว มันเริ่มพูดประชดอย่างน้อยใจ
เขาหัวเราะกับความขี้งอนเล็กๆ ของเจ้านกน้อย และดูเหมือนมันจะภูมิใจที่ทำให้นายได้ยิ้มบ้าง หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีเรือไหนพอจะพาเขาไปยังจุดหมายที่ต้องการได้ เขาก็กลับเข้าไปในหมู่บ้านอีกครั้ง จากดวงอาทิตย์พอบอกได้ว่าเป็นเวลาราวสามสี่โมงเย็น การเข้าไปในหมู่บ้านครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม ผู้คนหายไปไหนหมด เขาคิด พอเดินไปอีกนิดก็ทราบเหตุผลนั้น...ชาวบ้านกำลังมุงดูบางสิ่งบางอย่างอยู่ท่าทางน่าสนใจ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ ชายหนุ่มพยายามแทรกเข้าไปดู โจรสลัดกลุ่มหนึ่งกำลังจะประกาศอะไรบางอย่าง มันเคาะเหล็กที่อยู่ข้างๆ ด้วยไม้ เรียกร้องความสนใจจากชาวบ้านได้ทั้งหมดในทันที ทุกคนเงียบกริบตั้งใจฟัง
“ขอบคุณพวกท่านที่ฟังข้า ข้าไม่ชอบพูดอะไรวกวนมากนัก เอาล่ะ เหตุที่พวกข้ามาที่นี่เพื่อตามหาบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าคริสตัลแห่งดวงดาวมีท่านผู้ใดรู้จักบ้างมั๊ย” เสียงเคาะไม้กับเหล็กดังขึ้นระรัวอีกครั้งอย่างน่ากวนโมโห และต่อด้วยวาจา
“เราต้องการอย่างยิ่ง หากท่านผู้ใดมีเบาะแสพอบอกได้เกี่ยวกับมัน ก็เชิญด้วยนะ...ครับ” เขาพูดจบ ทั้งๆ ที่น่าจะพูดกันอย่างมิตรแต่กลับเหมือนการขู่เข็ญอย่างประหลาด หากแต่ชายหนุ่มไม่คิดจะสนใจ หวังชวนเจ้าทิงกาเบลออกไปให้พ้นๆ แต่ว่า...
“เดี๋ยว!” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ไม่บอกก็รู้ว่าคงไม่พ้นโจรสลัดสักคน ชายหนุ่มถูกเรียกเอาไว้
“เจ้าน่ะ” เขาหันหลังกลับมาอย่างช้าๆ ไม่ได้หวั่นอะไรกับการถูกเรียกตัวครั้งนี้เท่าไรนัก ชายหนุ่มผู้นั้นมีดวงตาสีน้ำตาลดำกับผมสีแดงเพลิงที่ถูกตัดสั้นไว้เลยคอเพียงนิดหน่อย รูปร่างสูงกว่าตัวเขาไม่ถึงสิบเซนติเมตร ท่าทางก็ดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่เขารู้ว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนที่ล้มได้ง่ายๆ แน่นอน ความรู้สึกหวาดๆ... เกิดขึ้นในใจ ครั้นสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลดำคู่นั้น แววตาของชายหนุ่มดูมีความมั่นใจเกินธรรมดา มันสามารถทำให้ใครรู้สึกไม่มั่นใจได้ง่ายๆ แน่นอนอาจเป็นเขาด้วย
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า...ท่านโจรสลัด” เขาพยายามพูดอย่างนอบน้อมแต่ออกจะเป็นการประชดประชันมากกว่า
โจรสลัดผู้เป็นเจ้าของผมสีเพลิงนั้นมองตาที่ดูท้าทายของเขา ก่อนจะเริ่มใช้สายตาสำรวจตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า และกลับมามองที่ตาของเขาอีกนานสองนาน ส่วนเขา เมื่อถูกสำรวจก็ไม่ได้ทำท่าทีอะไรที่ดูหวั่นๆ เลยซักนิด กลับนิ่งเฉยไม่สนใจ แถมยังทำสายตาแสดงถึงความไม่ยอมพ่ายแพ้ให้กับหนุ่มโจรสลัดอีกต่างหาก ในที่สุดชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงก็ยิ้มออกมา เขาหัวเราะเบาๆ
“เจ้านี่ใช้ได้เลย น่าจะมาเป็นโจรสลัดนะ สนใจรึเปล่า ฮึ...ข้าจะจัดการติดต่อกับกัปตันให้เอง” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับตบไหล่ข้างที่ไม่มีเจ้าทิงกาเบลอยู่ แต่ก็ทำให้เจ้านกน้อยเสียศูนย์จนต้องบินขึ้นไปเหนือไหล่ได้เหมือนกัน
เขานิ่งอึ้งไปกับการแสดงออกของชายผู้นั้น ความคิดในหัวเริ่มร้องอย่างหมดความอดทน
นี่ข้าพยายามพูดเป็นการเป็นงานอย่างที่คนเขาพูดกัน แต่ชายคนนี้กลับมาชวนข้าเป็นโจรสลัด! ให้ตายสิ เพราะงี้สิข้าถึงเกลียดโจรสลัดนัก เพราะมีโจรสลัดงี่เง่าอย่างนี้! อย่างเจ้านี่ ทำให้พวกโจรสลัดล้นบ้านล้นเมืองไปหมด
“ปล่อย...อย่างมายุ่งกับข้า เจ้าพวกโจรสลัด!” เขาปัดมือของโจรสลัดผมแดงเพลิงนั้นออกอย่างรังเกียจ ตายังคงจ้องมองอยู่ที่ดวงตาสีน้ำตาลดำคู่นั้น
“อย่าเอามือที่น่ารังเกียจมาแตะต้องตัวข้า...” เสียงนี้เบา แต่แฝงไปด้วยคำสั่ง เขาหันหลังกลับไปตามทางเดินที่เขาควรจะไปตั้งแต่แรก “ข้าไม่ต้องการเป็นโจรสลัดโดยที่มีรุ่นพี่งี่เง่าอย่างเจ้า ขอบคุณครับท่านโจรสลัด” เขาหันกลับมาประชดชายหนุ่มผู้นั้นที่นิ่งอึ้ง มือของเขายังคงยกขึ้นอยู่ที่เดิม ก่อนจะเดินออกไป ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงคนนั้นมองตามเขาจนลับสายตา
“นั่นมันอะไรกัน” เขาพึมพำ
“ไงล่ะ อัล” ชายหนุ่มอีกคนที่ตัวล่ำสันกว่าเข้ามาแตะไหล่เขา
“เมื่อกี้น่ะเหรอ เด็กหนุ่มเป้าหมายของเจ้า ท่าทางอ่อนแอออกจะตาย สายตาเจ้าตกลงไปเยอะทีเดียว” หนุ่มล่ำสันกล่าว พลางพยายามมองหาคนที่พูดถึง “แล้วไปไหนซะแล้วล่ะ”
“เป็นคนที่กล้าพอที่จะท้าทายข้าก็พอแล้ว ข้าน่ะ ไม่ได้เจอคนแบบนี้มาตั้งนานแล้วยังไงก็ต้องเอามาเป็นพวกให้ได้ คอยดูละกัน” บุคคลที่ถูกเรียกว่า อัล หันไปหาเพื่อนที่ดูล่ำสันคนนั้น และพากันเดินเข้าไปในกลุ่มของโจรสลัด
ส่วนเด็กหนุ่มเป้าหมายต่อไปของอัลที่มีเส้นผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีชาที่มาดมั่น กับนกทิงกาเบลสีเหลืองทองที่เกาะอยู่บนบ่าของเขานั้น ยังคงเดินพูดคุยกันอยู่ภายในตลาด
“บางทีเราต้องรีบเตรียมเสบียงเล็กน้อย สำหรับการเดินทางนะ เจ้าว่ามั๊ย เบล”
ก็คงดีถ้ามันเล็กน้อย เจ้านกน้อยส่งเสียงจิ๊บๆ ตอบคำถามเจ้านายของมัน
เขายิ้ม แล้วก็เดินดูอาหารแห้งที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง ท่าทางของชายหนุ่มดูชำนาญกับการจับจ่ายพอสมควร เขาจับจ่ายอย่างเพลินมือและดูสนุกสนานเสียด้วย จนเวลาเริ่มที่จะค่ำ
ร้านสุดท้ายที่เขามาหยุดอยู่ เขากำลังเลือกผลแซนดีน อย่างตั้งอกตั้งใจ
เจ้านาย... เบลอึกอัก แต่นายของมันดูท่าทางฟังอยู่ ...ท่านคิดว่าชายหนุ่มผู้นั้นดูเป็นไง เจ้าทิงกาเบลถามขึ้นมา ทำให้เขานิ่งในมือยังจับผลแซนดีนที่ยังไม่ได้จ่ายเงินอยู่
“...เอาสามผลนี่แหละครับ” เขาส่งให้คนขายผลไม้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้าน พอรับของเสร็จเขาก็เดินออกไปจากตลาดทันที การซื้อของครั้งนี้เขาเสียเงินไปไม่กี่จั๊งค์สำหรับเสบียงอันเล็กน้อย “เจ้าไม่ควรพูดเรื่องหมอนั่นออกมา ข้าเกือบจะลืมได้อยู่แล้วเชียว” ชายหนุ่มกล่าวอย่างฉุนเฉียว เขาไม่ปฏิเสธว่ายังไม่ลืมชายหนุ่มโจรสลัดผู้นั้น
“ที่ข้าเกลียดที่สุดคือโจรสลัด แต่ผู้ชายอวดดีข้าก็เกลียดเหมือนกัน แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นทั้งผู้ชายอวดดีทั้งโจรสลัด แถมยังชวนข้าไปเป็นโจรสลัดอีก ข้าล่ะเกลียดจริงๆ ขอให้อย่ามาเจอกันอีกล่ะดีแล้ว ไม่งั้นข้าจะเกลียดมากกว่านี้” เขาพูดอย่างดุเดือด
ท่าทางท่านจะเกลียดชายผู้นั้นเสียจริงๆ มันพูด
“ก็ไม่ได้เกลียดเขาหรอก แต่เกลียดท่าทาง และก็อาชีพของเขามากกว่า...” ผู้เป็นนายหยุดชั่วครู่พลางคิดหาอะไรซักอย่างที่เขารู้สึกไม่เกลียดชายผมสีแดงเพลิง “ความจริงหมอนั่นก็หน้าตาดีเหมือนกัน โดยเฉพาะสายตาดูมั่นคงและก็จริงใจมากทีเดียว ที่ข้าชอบคือดวงตาคู่นั้น ไม่มีใครมองข้าอย่างนั้นนานแล้ว ความจริง...มันก็น่ากลัวด้วยเหมือนกัน แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง” เขาพูดช้าๆ
เจ้านาย...ท่านน่าจะลองไปกับพวกนั้นซักพักนะ ทิงกาเบลออกความเห็นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เขาหยุดนิ่ง “อะไรนะ” เขาถาม “นี่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่!”
ก็...ก็ ท่านไม่ได้เกลียดคนผู้นั้น แล้วบางทีเราก็อาจจะไม่...ไม่ต้องเสียเงินเดินทางไปเกาะเซลซิลด้วย
“ถึงข้าไม่ได้เกลียดคนๆ นั้นแต่ข้าเกลียดโจรสลัด และเขาคือโจรสลัด!” เขาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาทันที เจ้านกน้อยทำท่าหงอยๆ อย่างสำนึก เมื่อนายของมันเห็นว่าทิงกาเบลเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา จึงค่อยๆ ทำใจให้เย็นขึ้น
“เฮ้อ! อย่างที่ข้าบอกไปแล้ว เราต้องระวังตัวให้มาก มีภัยอยู่รอบๆ ตัวไปหมด” เขาพูดอย่างช้าๆ พยายามระงับอารมณ์ไว้ “...แล้ว ข้าจะเก็บไว้คิดดูแล้วกันนะ เบล ตอนนี้ข้าว่าเราควรหาที่พักกันก่อนดีกว่า…คืนนี้เราน่าจะได้นอนในที่พักที่สบายๆ หน่อย” เขามองหาที่พัก ที่เขาเลือกคือโรงแรมขนาดใหญ่ที่สูงซักสิบชั้น บรรจุคนเป็นร้อยได้สบายๆ ภายในนั้นพรมสีแดงปูทางไปถึงเคาน์เตอร์สีน้ำตาลอมเหลืองที่อยู่ข้างหน้าสุด บันไดสองข้างถูกขัดไว้มันวาวเช่นเดียวกับพื้นไม้สีขาวสะอาดตา เหนือขึ้นไปเป็นเพดานที่ถูกประดับไปด้วยโคมไฟระย้าดูมีราคา เขาตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์ทันที มีคนบริการที่พยายามถอดเสื้อคลุมตามหน้าที่ของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ต้องการ
“มีห้องว่างบ้างมั๊ย” เขาถามเมื่อถึงเคาน์เตอร์
“ครับ ท่านช่างโชคดีจริงๆ เราเหลือแค่ห้องสุดท้ายเท่านั้น อยู่บนชั้นสองครับ...เชิญครับ” หนุ่มหลังเคาน์เตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มนักธุรกิจ แล้วลงไปขยุกขยิกใต้เคาน์เตอร์ ก่อนยื่นกุญแจห้องให้แก่เขา
“ขอให้มีความสุขในคืนนี้กับวาเลทโฮเทลครับ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ และเดินตามผู้ชายผมดำที่มีหน้าที่บริการไป “ท่านโชคดีจริงๆ ที่ยังเหลือห้องอยู่ วันนี้ส่วนใหญ่ไม่ว่าโรงแรมหรือโรงเตี้ยมก็เต็มไปหมด ไม่รู้พวกเขามากันจากไหน”
“พวกเขางั้นเหรอ” ชายหนุ่มสงสัยกับคำพูดที่ได้ยิน
“พวกโจรสลัดน่ะครับ” หนุ่มคนนั้นกล่าว
“เห็นว่าหลังจากที่โจรสลัดที่ยิ่งใหญ่อย่างจ้าวโจรสลัดผู้ควบคุมทุกสิ่งแห่งท้องทะเล...ลอร์ดโอคาลอท ถูกกำจัดไปแล้ว พวกโจรสลัดก็พยายามค้นหาสิ่งที่เขาพยายามทำมาโดยตลอดน่ะครับ”
เขาเริ่มจะสงสัยมากขึ้น อะไรกันที่ แมคซ์ โอคาลอท พยายามทำมาโดยตลอด และมันกลับเป็นสิ่งที่โจรสลัดทุกคนต้องการจะทำ...แต่ไม่กล้าทำเพราะมีโอคาลอทอยู่ หรือพวกเขาคิดว่าโอคาลอทเหมาะสมที่จะทำภารกิจนั้นกันแน่
ไม่มีโจรสลัดไหนที่กล้าจะเผชิญหน้ากับโอคาลอทซึ่งๆ หน้าเลยหรือไง เขาคิดในที่สุด
“และเจ้าพอรู้บ้างไหมว่า โอ...เอ่อ ลอร์ดโอคาลอท ต้องการจะทำอะไร”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ลอร์ดโอคาลอท นั้นจะทำอะไร” หนุ่มบริการพูดด้วยท่าทีกระตือรือร้นอย่างกับไม่ค่อยได้คุยกับแขกที่มาพักที่นี่ “...แต่รู้ว่าที่พวกโจรสลัดมาที่นี่กันมาก ก็เลยมีพวกนักล่าหัวมาด้วยมากเหมือนกัน แล้วบุคคลที่เขาสงสัยว่า จะเป็นคนกำจัด ลอร์ดโอคาลอท ก็คงจะมาที่นี่ด้วยล่ะมั้งครับ” พวกเขาเดินมาถึงหน้าห้องกันพอดี “เชิญครับ เชิญพักผ่อนให้สบายนะครับ” บุรุษคนนั้นเปิดประตูให้
“เข้ามาก่อนมั๊ย ข้ามีอะไรอยากจะถาม” เขาชวน
“ไม่ล่ะครับท่าน ข้าไม่รู้อะไรมากไปกว่าที่พวกชาวบ้านธรรมดาเขารู้กันหรอกครับ...พักผ่อนให้มีความสุขกับคืนนี้ที่วาเลทโฮเทลนะครับ...เป็นคำขวัญน่ะครับ” คำสุดท้ายเขากระซิบบอก “เรียกใช้ได้ตลอดเวลานะครับ” แล้วเขาก็ปิดประตูออกไป
เจ้าทิงกาเบลสีเหลืองทองกลายร่างเป็นเทพธิดาผมสีทอง ทันทีที่ชายหนุ่มผู้นั้นปิดประตู แต่ปีกบางใสกลับถูกเก็บเอาไว้ นกสาวคงคิดว่าไม่จำเป็นจะเอาออกมาให้มันเกะกะ “นี่นายท่าน รู้มั๊ยว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดเรื่องแมคซ์ โอคาลอทน่ะ เป็นไง” เบลนั่งลงไปที่เตียงนายของมันเข้ามาหาแล้วนั่งลงข้างๆ
“ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน สิ่งที่โอคาลอทตั้งใจจะทำมาโดยตลอด จะเกี่ยวอะไรกับ...” เขาพูดท่าทางใช้ความคิดพอสมควร “...อะไรที่พวกโจรสลัดกลุ่มที่เราเจอเมื่อตอนเย็นตามหาอยู่รึเปล่า อะไรนะ เอ่อ...เจ้าจำได้มั๊ยเบล” เขาถาม เสื้อคลุมสีน้ำตาลตัวเก่าๆ ที่ลุยแดดมาทั้งวันของเขาดูสกปรก ถึงอย่างนั้นเขาคงไม่ยอมถอดมันออก เหมือนในนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ข้างใน
“เอ...รู้สึกจะเป็นคริสตัลอะไรซักอย่างนี่แหละท่าน” เจ้าเบลพูด “อย่าไปสนใจมันเลยเจ้านาย ข้าว่าท่านถอดเสื้อคลุมของท่านออกได้แล้วล่ะ...มันดูสกปรกจริงๆ แล้วเราจะได้ออกไปข้างนอกกัน ท่าทางคืนนี้คงหลับไม่สบายเสียแล้ว” ทิงกาเบลบ่นพึมพำ เจ้านายของมันลุกขึ้นหาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋า
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น คืนนี้คงหลับไม่สบายเท่าไร…หรือบางทีอาจไม่ได้หลับเลย” คำพูดสุดท้ายเหมือนบ่นพึมพำกับตัวเอง และเขาก็เข้าห้องน้ำไป พอเสียงปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้ว เบลก็ทิ้งตัวลงนอน
“จะระวังอะไรนักหนา ถ้าในห้องนี้ไม่ปลอดภัยขนาดถอดเสื้อคลุมได้ล่ะก็ ในห้องน้ำนั่นคงไม่ปลอดภัยเหมือนกัน” เทพธิดาบ่น
เวลาไม่นานนักที่นายของมันอาบน้ำเสร็จ เขาแต่งตัวออกมาเหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้อาบน้ำอย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยซักนิด คือมีเสื้อคลุมสีน้ำตาลที่ดูเหมือนตัวเดิมแต่สะอาดและมีรอยยับเล็กน้อยจากการพับอยู่นานในกระเป๋า เสื้อและกางเกงสีเดิมโผล่ออกมาเพียงเล็กน้อยจากเสื้อคลุม หากเขาไม่กำลังเช็ดผมที่เปียกปอนอยู่ เบลคงนึกว่าเจ้านายของมันไปนอนเล่นในห้องน้ำเป็นแน่
“นายท่าน ท่านไม่มีเสื้อใส่หรือยังไง ข้าน่ะคิดว่าจะอึ้งซะหน่อย ถ้าท่านจะแต่งตัวที่มันดูเท่ๆ ออกมา แต่ก็ไม่เลย เฮ้อ!” นกน้อยถอนหายใจ “ท่านก็ออกมากับเสื้อคลุมตัวเดิม เสื้อตัวเดิม กางเกงตัวเดิม ไม่ได้ดูแปลกไปเลย” เทพธิดาพูดอย่างหมดอารมณ์
เขาเช็ดผมของเขาอย่างลวกๆ ก่อนจะโยนผ้าขนหนูที่จัดเตรียมไว้ให้ลงไปในตระกร้าใส่ผ้าซัก “ข้าต่างหากที่ต้องอึ้ง เจ้าไปเอาเสื้อผ้ามาจากไหน” เขายิ้ม
ชุดราตรีสีฟ้าเข้ากับผมที่ยาวตรงสีทองได้อย่างงดงาม มันยาวลงไปถึงพื้น ผ้าสีขาวพาดเอวกับสะโพกเอาไว้ แขนกุดไม่เลยไหล่ ผ้าพันรอบต้นแขนสีเดียวกับชุด ที่ข้อมือมีกำไลสีฟ้าและน้ำเงินเป็นสีเดียวกับสร้อยแพรวพราว ผมของเบลที่ปกติจะปล่อยเอาไว้ถูกถักเปียไว้เพียงส่วนหนึ่งแล้วผูกด้วยผ้าบางๆ สีขาวอมฟ้า ในตอนนี้สิที่เธอดูเหมือนเทพธิดาจริงๆ
“ข้าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างสิ ใครจะใส่ชุดเดียวทั้งปีทั้งชาติได้เล่า”
“อย่างน้อยข้าก็อาบน้ำล่ะกัน” ผู้เป็นนายย้อนกลับแล้วหัวเราะเบาๆ ทิงกาเบลทำท่าไม่พอใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเถียงอะไรออกมาเหมือนกันเลยจำใจต้องปล่อยให้เจ้านายของมันชนะไป
“ฝากไว้ก่อนล่ะกัน” มันพึมพำ สายตามองไปที่เจ้านาย เขากำลังใส่รองเท้า
“ไปรึยังเบล” เจ้านายเรียกมัน เทพสาวรีบวิ่งมา ทั้งสองเดินออกมากัน “ยังไงใช้เสน่ห์ของผู้หญิงสืบหาเรื่องให้ด้วยแล้วก็...”
“‘ข้อมูลของโอคาลอทกับโจรสลัด’ ข้ารู้น่าไม่ต้องห่วงเจ้านาย”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม “ขอบใจ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องทำต่อไปก็เป็นได้ ข้าคิดว่างั้น” เขาบอกกับทิงกาเบล
“แต่ยังไงก็คงหาทางไปหมู่เกาะเอร์ซิลให้ได้ก่อน...พยายามเข้าล่ะ” พวกเขาเดินกันมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นล่างสุด ทั้งสองเข้าไปในบาร์ของโรงแรมที่จัดเตรียมไว้อย่างดี
ปกติบาร์ข้างถนนทั่วไปจะมีแสงสว่างจากไฟสีขาว ซึ่งต่างจากที่นี่ที่ไม่เปิดไฟให้ทั่วถึง เปิดเป็นเพียงไฟสีเหลืองบางจุดเท่านั้น แต่ก็ยังไม่มืดพอ ยังสามารถมองเห็นคนทั้งหมดได้อย่างสบายๆ เสียงเพลงคลอเบาๆ อ่อนหวานจากคนที่อยู่บนเวที สายตาของเขากวาดมองดูรอบๆ ค่อยๆ ประเมินเหตุการณ์ที่เห็น ในนั้น...มีทั้งโจรสลัดที่น่าจะเป็นพวกเดียวกันทั้งหมด ประมาณยี่สิบคน แล้วมีคนที่คาดว่าจะเป็นนักล่าหัวอีกสองคนอยู่คนละมุมห้อง สายตาจ้องอยู่ที่โจรสลัดที่เด่นที่สุดในงาน
“พวกโจรสลัดเป็นแหล่งข้อมูลที่ดี แต่พวกนักล่าสองคนนั่นเห็นรึเปล่า” เขาพยายามบอกให้เบลรู้ว่าอยู่ที่ไหนอย่างแนบเนียนที่สุดโดยไม่ใช้การชี้นิ้ว “นั่นเป็นพวกล่าไม่เลือก ระวังตัวให้ดีล่ะ” คำกล่าวอย่างมั่นใจ ทั้งๆ ที่สัมผัสด้วยเพียงประสาทการมองส่วนเดียวเท่านั้น
“นายท่าน ข้า...” เจ้านกน้อยดูติดใจกับคำที่ว่า ‘ล่าไม่เลือก’ จนเกิดหวั่นๆ ขึ้นมา “พวกโจรสลัดไม่มีปัญหาหรอกแต่พวกนักล่าสองคนนั่นดูไม่เป็นมิตรเสียเลย”
“ไม่ต้องห่วงเจ้าจัดการโจรสลัดไปล่ะกัน ข้าจะจัดการมันเอง” เขาพูดเพราะแน่ใจว่าเหล่านักล่าหัวคงคุยลำบากกว่า และหากให้เขาเดินเข้าไปหาข้อมูลล่ะก็ โจรสลัดพวกนั่นน่ะเหรอ... ชายหนุ่มขอปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ เขาเดินเข้าไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ ข้างๆ กับนักล่าหัวคนหนึ่งที่สายตาจับจ้องอยู่ที่หมู่โจรสลัด ปล่อยให้เบลเดินเข้าไปหาโจรสลัดกลุ่มนั้น
“บาร์แซล-คัมท์” เขาสั่งไวน์สีเขียวที่สกัดจากผลคีคัมท์ ที่เป็นองุ่นชนิดหนึ่งมีสีเขียวรสออกหวานและเปรี้ยวตามมา ไวน์ที่หากใส่แอลกอฮอล์แล้วรสชาติจะขมทันทีเลยไม่นิยมใส่กัน เป็นเครื่องดื่มที่เขาสั่งเป็นประจำ แก้วไวน์บางใสส่งมาที่เขา เขาจิบไวน์และสังเกตไปที่นักล่าหัวโจรสลัดฝั่งตรงข้ามที เบลที ท่าทางนกน้อยจะเก่งมากทีเดียว เขานั่งอยู่ไม่นานนัก นักล่าหัวที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มหันมาสนใจเขา
“ไงพ่อหนุ่ม” เสียงที่ดูเป็นชายที่มีอายุราวสามสิบกว่า แต่ร่างกายดูทะมัดทะแมงกว่าตัวเขามาก หนุ่มผู้นั้นทัก เขาหันไปยิ้มให้ทันที
“สวัสดีครับ” ท่าทางหน้าตาชายผู้นั้นจะใจดีเหมือนกัน แต่ยังไงก็ตามคนเราไม่ได้ตัดสินกันที่ภายนอก เขาเชื่อสายตาที่มองโจรสลัดกลุ่มนั้นมากกว่า คนๆ นี้เป็นนักล่าหัวที่ไม่เลือกหน้า
“มาทำอะไรที่นี่ล่ะพ่อหนุ่ม โจรสลัดเต็มไปหมดเลยเจ้าไม่เห็นเหรอ” เขาถามดูท่าทางเป็นห่วง แต่ชายหนุ่มดวงตาสีชาไม่ได้ใส่ใจกับการที่เขาจ้องมองมามากนัก
“คือว่าผมสนใจโจรสลัดน่ะครับ อยากทราบว่าเขามาทำอะไรกันมากมายที่นี่” เขาถามท่าทางใสซื่อ ทั้งๆ ที่ใจกระเดียดคำที่ว่า ‘สนใจโจรสลัด’ เต็มที
“พวกโจรสลัดนี่แหละ อย่าไปสนใจเลย พวกมันทั้งดุร้ายและน่ารังเกียจ ที่พวกนั้นมาที่นี่ก็เพราะมาตามหาบางสิ่งบางอย่างที่รู้สึกจะเรียกว่าคริสตัลแห่งดวงดาวล่ะมั้ง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่มันก็สะดวกดีสำหรับนักล่าหัวอย่างพวกเรา การที่พวกมันมาอยู่รวมกันอย่างนี้…ฮึๆ” ชายคนนั้นกล่าวพลางมองไปที่กลุ่มโจรสลัด เขาหัวเราะเบาๆ ยกแก้วเบียร์ขึ้นแตะริมฝีปาก “เจ้าหนุ่ม ข้าเชื่อว่าเจ้าจะรู้อะไรมากกว่าข้านะ” สายตาที่ใจดีกลับกลายเป็นเยือกเย็นหันมาที่เขา แต่ถึงอย่างนั้นผู้ที่ถูกมองกลับไม่สนใจ และจิบไวน์ตรงหน้าอีกอึก
“ข้าชักกระหายอยากจะฆ่าพวกมันเต็มแก่ เพียงแต่ต้องรอเวลาอีกนิด…ว่าแต่เจ้าหนุ่ม เจ้าสนใจที่จะเป็นนักล่าหัวโจรสลัดบ้างรึเปล่า หน้าตาดีๆ อย่างเจ้าเนี่ยน่าจะล่อพวกมันได้ง่ายๆ” แล้วสายตาที่มองมาที่เขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
“ไม่ล่ะครับ” ชายหนุ่มตอบ
วันนี้มันวันอะไรกันเจอโจรสลัดก็ชวนไปเป็นโจรสลัด เจอนักล่าหัวก็ถูกชวนเป็นนักล่าหัว คิดแล้วก็ถอนหายใจ
“แล้วทำไมพวกโจรสลัดถึงพึ่งมาล่ะครับ ทั้งๆ ที่คริสตัลอะไรนั่นน่าจะอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วจริงมั๊ยครับ” เขาถามคำถาม โดยไม่มองหน้าและไม่สนใจสายตาที่เปลี่ยนแปลงไปเลย
“ก็ได้ข่าวว่าบุคคลที่ถือคริสตัลแห่งดวงดาวอะไรนี่แหละ คือคนที่มาที่นี่โดยบังเอิญ เจ้าเอเวินท์ ที่กำจัดลอร์ดโอคาลอท ขึ้นเรือทั้งๆ ที่บาดเจ็บเลยถูกกระแสน้ำพัดมาที่นี่ เขาเลยมาหาศพกันล่ะมั้ง” ชายหนุ่มพูดให้ฟัง “ไม่รู้จะชื่นชมอะไรเจ้านั่นกันนักหนา ก็แค่คนที่กำจัดลอร์ดโอคาลอทได้”
เอเวินท์เป็นผู้ถือคริสตัลแห่งดวงดาว เขาคิด ท่าทางชายผู้นี้จะเมาและเริ่มคุยไม่รู้เรื่องเต็มที แล้วชายหนุ่มก็มองเข้าไปในกลุ่มโจรสลัดกลุ่มนั้น เบลดูท่าทางไปได้สวยกว่าเขาอีกหลายเท่า หรือเพราะเป็นผู้หญิง
...พวกโจรสลัดหัวงูเอ๊ย
หลังจากที่ดูเบลไปได้ซักพัก โจรสลัดที่มีผมยาวดูยุ่งๆ เซอร์ๆ นั้นก็เริ่มจับมือเธอ เบลหันมาที่เขา
ไม่เป็นไรมั้งแค่จับมือ...และหมอนั่นก็เริ่มดึงเธอเข้ามากอดโดยที่เบลพยายามขัดขืนสุดๆ
“ไอ้เจ้าพวกนั้น! รังแกผู้หญิง” เขาลุกขึ้น ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเต็มที แต่ว่า
“ไปหนายพ่อหนุ่ม พวกโจรสาหรัด มันอานตารายน้า” ชายนักล่าหัวโจรสลัดดึงตัวเขาเอาไว้
“ปล่อยนะ!” เขาเริ่มโมโห “โธ่โว้ย!” และสะบัดให้หลุดจากชายแก่ผู้นั้น
แต่ไม่ทันที่เขาจะไปช่วยเธอทัน ก็มีชายโจรสลัดคนหนึ่งเข้ามาตัดหน้าไปก่อน เขาจึงกลายเป็นผู้เข้าไปสมทบที่หลัง หูได้ยินชายผู้นั้นว่ากล่าวเพื่อนโจรสลัดของเขา พอเข้าไปใกล้มากขึ้น ก็เห็นผมสีแดงเพลิงที่เด่นชัดขึ้นมา “ครีล์ ถ้าเจ้างี่เง่าขนาดนั้นล่ะก็ไม่น่าจะมาเป็นโจรสลัดเลย”
“นายท่าน!” ทันทีที่เบลเห็นเขาก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที ทำให้พวกโจรสลัดหันมาสนใจเขาทั้งหมด แน่นอนรวมทั้งชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงที่อยู่กลางวงนั้นด้วย
“ไม่เป็นไรนะ” เขาถามเบลด้วยความเป็นห่วงแล้วก็ปล่อยให้เบลไปหลบอยู่ข้างหลัง ขณะที่หนุ่มผมสีแดงเพลิงเดินเข้ามาหาเขา
“เจ้าเป็นกัปตันสินะ หัดดูแลลูกน้องซะบ้างสิ” ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่เขา
“ใครๆ เรียกข้าว่า อัล” เขายิ้ม พร้อมยื่นมือให้อย่างเป็นมิตร
เขาปฏิเสธที่จะจับมือของชายที่บังอาจแนะนำตัวเองทั้งๆ ที่ไม่ได้ถามซักนิด ชายหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลดำนั้นด้วยความโมโห
“เจ้าไม่ได้ฟังข้าหรือไง” เขาพูดอย่างช้าๆ แสดงได้ว่ากำลังพยายามเก็บอารมณ์ไว้ “ข้าถามว่าเจ้าเป็นกัปตันรึเปล่า”
“ต้องเป็นกัปตันอย่างเดียวเหรอที่ดูแลลูกน้องได้” เขาว่า
“นี่เจ้า...” ความโมโหเริ่มผุดขึ้นในหัว
“อ๊ะ!” ชายหนุ่มส่งเสียงดัง เหมือนรู้ว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเตรียมจะระเบิดอารมณ์ได้ทันที
“ข้าช่วยคนของเจ้าไว้นะบางทีเราน่าจะคุยกันหน่อย” เขามองชายหนุ่มผู้นั้น
“แม้ว่าคนของเจ้าจะรังแกคนของข้าเนี่ยนะ”
“ข้าขอโทษสำหรับ…” ยังไม่ทันที่อัลจะพูดจบ ก็มีแขนหนึ่งมาล็อคคอเขาเอาไว้ ตอนแรกเขาก็ขัดขืน แต่พอมีมีดมาถัดจากมือนั้นก็ทำให้เขานิ่งไปได้เลยทีเดียว ลูกน้องของเขาที่อยู่รอบๆ ก็ถูกคนจากที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาล็อคตัวไว้ไปตามๆ กันไม่มีใครช่วยเหลือใครได้ กลุ่มนักล่าหัวที่มีมากกว่าจับตัวโจรสลัดได้อย่างอยู่หมัดและรวดเร็ว คนที่เป็นอิสระมีเพียงสองคนคือเขาและทิงกาเบล
ชายที่ล็อคคออัลไว้เป็นคนเดียวกับชายนักล่าหัวโจรสลัดที่นั่งคุยกับเขาเมื่อครู่นี้ ซึ่งชายวัยสามสิบคนนี้ดูท่าทางแตกต่างจากเมื่อตอนคุยกันที่ดูใจดีไปอย่างสิ้นเชิง สายตาเยือกเย็นมองมาที่เขานั้น เขาสบตากับชายผู้นั้นเป็นครั้งแรก ทำให้เขานึกออกทันที ดังท์-ที ซีเมนส์ นักล่าหัวโจรสลัดที่ไม่ต้องการจับเป็นคนหนึ่งของทางการทหารเรือ มักจะทำงานกับคู่หูจำนวนมากที่ไม่เปิดเผยชื่อที่ ใครๆ ก็คิดว่าหนึ่งในนั้นคงมีบุคคลที่นามว่าเอเวินท์อยู่
“ไงเจ้าหนูข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเข้ามาหาพวกโจรสลัด มันอันตราย แต่ยังไงก็ควรขอบใจเจ้า” ชายผู้นั้นกล่าว
“เดี๋ยวก่อน...” เขารู้ดีว่านักล่าหัวโจรสลัดจะเฉือนคอทันทีที่จับหัวโจรสลัดเป้าหมายได้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดออกไปแบบนั้น แต่ดูท่าทางจะไม่มีใครได้ยินเลย ชายนักล่าหัวยังคงพูดต่อไป
“อัล หากเจ้าไม่ใช่กัปตันแล้วล่ะก็พาข้าไปหากัปตันของเจ้า แล้วข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้าก่อน” เขาพูดอย่างกำชัยชนะ
อัลพึมพำอะไรบางอย่าง “...ตันข้า”
“เจ้าว่าอะไรนะ” ดังท์-ที ซีเมนส์ถามอย่างอยากรู้
‘ตึง’ ทันทีทันใดนั้นตัวของดังท์-ที ก็ถูกทุ่มผ่านบ่าของอัลมาอย่างง่ายดาย เขาล้มเสียงดังสนั่น มีดที่ดังท์-ที ถือเอาไว้เมื่อครู่กลับมาอยู่ที่มือของอัล จ่อไปมีที่คอของชายหนุ่มที่ตัวใหญ่กว่าที่นอนอยู่ที่พื้น
“ปล่อยคนของข้า เดี๋ยวนี้! ถ้าเจ้าอยากเห็นนายของเจ้ายังอยู่ในสภาพที่ครบถ้วน” เหล่านักล่าหัวเริ่มไม่แน่ใจ กล้าๆ กลัวๆ รอคำสั่งของเจ้านาย “บางทีหัวของดังท์-ที ซีเมนส์คงมีค่าหัวราวสองหมื่นห้าพันกาลัฟท์ล่ะมั้ง ถึงจะน้อยแต่ก็พอมีกิน…เอาเลยล่ะกัน” เขาเงื้อมีดขึ้นแล้ว...
“หยุด!” ดังท์-ที ซีเมนส์ ออกคำสั่งกับลูกน้องเอง “เจ้าพวกโง่ปล่อยโจรสลัดสิ! อยากให้ข้าตายรึไงกัน” ลูกน้องต่างค่อยๆ ลดมีดและอาวุธลงช้าๆ อัลจับดังท์-ที แล้วโยนให้ลูกน้องของมัน
“โธ่เอ๊ย...เจ้าขี้ขลาด นึกว่าจะแน่ซักแค่ไหน” เขาพูดอย่างท้าทาย “แล้วอย่างนี้จะมาเจอกับหัวหน้าข้า รอไปเถอะ ท่าทางข้าจะคิดผิดที่ว่าเอเวินท์อยู่ในกลุ่มเดียวกับเจ้า…ไสหัวไปให้พ้น!” เขาไล่ พวกกลุ่มนักล่าหัวก็ทยอยกันออกไปจากโรงแรมจนหมด เขากระซิบกับเพื่อนโจรสลัดที่อยู่ข้างๆ แล้วเดินออกไปจากบาร์นั้น พวกโจรสลัดก็เริ่มสลายตัวออกไปเช่นกัน
“เจ้าขึ้นไปข้างบนก่อนเถอะเบล” เขาบอกนกน้อยให้กลับไปที่ห้องพัก มันรับคำและเดินออกไป ชายหนุ่มเข้าไปหาโจรสลัดที่เหลืออยู่สองคน
“เอ่อนี่ คือว่า...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร โจรสลัดทั้งสองคนนั้นก็จับตัวเขาไว้ เชือกเส้นหนึ่งมัดมือมัดเท้าเขาอย่างรวดเร็ว “เจ้าต้องมานี่” โจรสลัดที่มีรูปร่างล่ำสันอุ้มเขาไว้พาดบ่า “เจ้าตัวเล็ก เจ้านี่ตัวเบาเหมือนผู้หญิงเลยแฮะ”
พวกนั้นพาเขาขึ้นลิฟต์ ไปประมาณชั้นห้า ทางเดินสีน้ำตาลแดงดูแย่กว่าชั้นสองที่เขาอยู่พอสมควร พวกมันพาเขาเข้าไปในห้องๆ หนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับลิฟต์ ไม่ทันได้สังเกตอะไรเลยเขาก็ถูกผลักเข้าไปในห้องๆ นั้น
“อะไรกันวะ” เขาพึมพำ
ในห้องนั้นเป็นห้องโทรมๆ ที่คิดว่าไม่น่าจะมีอยู่ในโรงแรมนี้เลย มีห้องเล็กแยกออกไปเป็นห้องน้ำ ประตูสีขาวที่เหลืองไปตามสภาพความเก่า ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์เพียงแค่สองชิ้นคือ โต๊ะเก่าๆ สีน้ำตาลแดง และเตียงไม้เล็กๆ มีหมอนและฟูกสีฟ้าที่ตอนนี้ดูออกสีเทาๆ ที่เขาไม่อยากมองไปเลย ชายหนุ่มโจรสลัดผมสีแดงเพลิงที่ดูสง่าไม่เหมาะกับห้องนี้เอาเสียเลย เขาอยู่ในสภาพเปลือยอก กับกางเกงสีน้ำตาลเก่าๆ ตัวนึง ผมเปียก มือสองข้างกำลังใช้ผ้าเช็ดตัวที่ดูเป็นสิ่งที่ใหม่ที่สุดในห้องนี้เช็ดผมอยู่ สายตามองมายังเขา ซึ่งถูกผลักเข้ามาล้มอยู่ใต้เท้าของตัวเอง
“ไงล่ะ” อัลทัก โดยที่ยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็กล่าวต่อ “เจ้าเป็นพวกของซีเมนส์สินะ ไม่น่าล่ะเจ้าถึงปฏิเสธคำชวนของข้าเพราะอย่างนี้นี่เอง...เจ้าเป็นนักล่าหัวโจรสลัด” ชายโจรสลัดย้ำคำพูดสุดท้าย เขาจ้องมองอัลด้วยสายตาดูถูก แล้วหลับตาลง
“อ๋อ! ใช่สิ หากข้าเป็นนักล่าหัวโจรสลัดที่ทอดทิ้งเจ้านายอย่างดังท์-ที ซีเมนส์แล้ว เจ้า...” สายตาของเขาจ้องมองสายตาของอัลอย่างท้าทาย “เจ้าคงเป็นโจรสลัดที่งี่เง่าและต่ำช้า รังแกแม้คนที่ไม่รู้เรื่องและไม่มีทางสู้ โจรสลัดอย่างเจ้าน่ะ!…” เขาขึ้นเสียง
“หยุด!” อัลส่งเสียงขึ้น เขาเดินเข้ามาหาบุคคลผมสีน้ำตาลเข้มที่อยู่ตรงหน้า นั่งลงยองๆ สายตาปกติไม่มีความรู้สึกที่ชัดเจน “เจ้าพูดเก่งนี่ แต่ว่าคำพูดของเจ้าแสดงออกมาอย่างชัดเจนเลยว่า เจ้าเกลียดข้า” อัลพูด หยิบมีดพกขึ้นมาตัดเชือกที่มัดมือมัดเท้าของเขาอยู่ ส่วนบุคคลผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เขาสังเกตท่าทางของชายโจรสลัดตรงหน้า ท่าทางของอัลดูไม่ใส่ใจอะไรกับคำพูดที่ได้ยินเมื่อกี้นัก
คนๆ นี้ใจเย็นอย่างน่ากลัว เขาคิด แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นช้าๆ พร้อมกับชายผมแดงเพลิง
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงๆ ข้าก็ยังอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้เจ้ามาเป็นพวก” เขาเอนตัวลงบนเตียง “ต้องขอบพระคุณท่านโพไซดอนที่นำข้ามาเจอเจ้า ขอบพระคุณท่านจริงๆ...ว่าแต่เจ้าอยู่ห้องอะไร” เขาถาม
“ข้าจะออกไปจากที่นี่ พรุ่งนี้เช้า ไปไกลๆ และคงจะไม่เจอเจ้าอีกแน่ เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ชายหนุ่มกล่าว ไม่อยากยุ่งกับคนตรงหน้า
“อะไรกันไม่ทันไร เจ้าก็คิดจะหนีซะแล้วเหรอ สงสัยข้าจะดูเจ้าผิดไปจริงๆ” เขาพูดโดยไม่ลืมตาเลย ดวงตาสีชามีแววของความลังเล กับดักพื้นฐานที่ใครก็ไม่มีทางติดง่ายๆ แต่กลับน่าท้าทาย ยิ่งเป็นโจรสลัดด้วยแล้ว...
“ก็ได้” เสียงเยือกเย็นกล่าว “ข้ารับคำท้าของเจ้า ข้าจะไม่หนี แล้วเจ้าจะรู้เองว่าข้าไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจความตั้งใจของข้าง่ายๆ แน่” เขาเปิดประตู เตรียมเดินออกมา
“ชื่อเจ้าล่ะ” อัลถามขึ้นมา
“...เอ่อ...เรียกข้าว่าจอห์นก็ล่ะกัน” เขาพูด และเดินจากไป ในทางเดินนั้น บุคคลผมสีน้ำตาลเข้มที่เรียกตัวเองว่าจอห์นชักไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป การที่แนะนำตัวให้อีกคนที่ไม่มั่นใจว่าจะเป็นคนที่น่าเล่นด้วย โจรสลัดผมสีแดงเพลิง... แล้วการเปิดเผยตัวเองอีกแบบหนึ่ง
ทำไมข้าจะต้องไปใส่ใจในคำพูดของชายผู้นั้นนะ ทำไมข้าถึงไม่อยากยอมแพ้ ทำไมข้าถึงหวาดหวั่นกับสายตาคู่นั้น นี่ข้าเป็นอะไรกันแน่ เขาคิดสวนทางกับคำพูดไปมา กุมหัวแน่นด้วยความพยายามที่จะไม่คิด เมื่อเดินมาถึงห้องเจ้าทิงกาเบลก็รอเขาอยู่แล้ว
“เจ้านายท่านไปไหนมาตั้งนานสองนาน ข้ารอท่านตั้งนาน ท่านรู้มั๊ยว่าข้ามีเรื่องอยากเล่าให้ท่านมากมาย” เจ้าทิงกาเบลรีบเข้ามาหาเขา จอห์นไม่พูดอะไร เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่ฟังเสียงเจ้าทิงกาเบลเลยซักนิด ความคิดบางอย่างที่โถมเข้ามาเกี่ยวกับโจรสลัด และงานที่หนักหัว ทำให้เขาต้องใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นเป็นชั่วโมง
*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*
To be Continue
OPEN AGAIN 08/05/2011
ความคิดเห็น