ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Treasure Magic ผจญภัยขุมทรัพย์แห่งเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 17 - การพิพากษาและดาบทีเอียลวา (2021 NRW)

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 64


             สิงโต...ไม่สิ...ราชสีห์ หน้าตาของสิงค์สองหัวที่คำรามแข่งกันอย่างบ้าคลั่งเหมือนไม่เคยตะโกนมาตลอดเวลาที่เคยถูกกักขัง กรงเล็บเหมือนเหยี่ยวที่พร้อมจะฉีกร่างที่ย่างกลายเข้ามาเป็นชิ้นๆ หากคนๆ นั้นคิดจะเข้ามาล่ะก็... ฟันที่อยู่ในปากแหลมคม แถมด้วยน้ำลายยืดยาวที่ดูน่าขยักแขยงสิ้นดีเพิ่มความน่าเกลียดให้กับเจ้าสัตว์ตนนั้น เพชฌฆาตตัวดีผู้โหดเหี้ยมคู่มือที่กัปตันราฟาเอลว์ต้องปะทะ ช่างแตกต่างกันทั้งรูปร่างและกำลังในบัดนี้!

     

                กรรรรรรรร!!!!!!!!!!!

     

                เสียงคำรามดังขึ้นอย่างสะกดทุกสิ่งเอาไว้

     

                แต่ว่า...การก้าวเท้าของชายหนุ่ม...เขายังคงเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ อัลคว้ากางเขนที่ตรึงร่างบางของหญิงสาวที่เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญในความอดทนของตนเอาไว้ ก่อนจะเซล้มลงไปอย่างหมดเรี่ยวแรง เอเวียน่า เสียงเรียกแผ่วเบา

     

                ดวงตาสีชาลืมขึ้นเมื่อได้รับสัมผัสเบาๆ จากมือสองข้างของชายหนุ่มที่กระทบเข้าที่ข้างแก้ม อัล...เจ้า...

     

                ข้าไม่เป็นไร เห็นมั๊ย...เจ้าต่างหากที่ดูลำบากกว่าเยอะ รอยยิ้มบางๆ ของชายหนุ่มแสดงความอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วเขาก็เอื้อมมือไปแกะเชือกที่ข้อมือของหญิงสาวทั้งสองข้าง และข้อเท้าอีกที่หนึ่งอย่างมีความพยายาม ถึงแม้มือของตัวเองจะสั่นก็ตามที

     

                เอเวียน่าเท้าแตะพื้น หญิงสาวรู้สึกขอบคุณเขา เธอจับข้อมือของตัวเองที่มีรอยแผลเล็กน้อยจากเชือกเส้นหนา แล้ว!…เจ้าตัวก็จำต้องคว้าร่างหนาข้างกายเอาไว้แทบไม่ทัน เมื่อเขาเซลงไปด้านข้างอย่างคนไร้ซึ่งกำลัง เป็นอะไรมั๊ย!” เธอถามอย่างวิตก

     

                อัลแสร้งหัวเราะ และพยายามดันตัวเองขึ้น

     

                เจ้าต้องพยายามที่จ...หลบ!” มือเล็กกว่าดันชายหนุ่มไปอีกทาง เมื่อดวงตาพลันไปเห็นร่างของราชสีห์สองหัวเข้ามา ความเร็วและแรงกระแทกเฉียดร่างบางกระเด็นออกไปไกลจนเธอแทบตั้งหลักไม่ทัน หญิงสาวลงพื้นได้อย่างปลอดภัย ทรายที่ตลบเข้าตาทำให้ดวงตาที่พยายามอย่างยิ่งในการมองเข้าไปในฝุ่นฟุ้งต้องลำบากในการหาร่างที่เธอผลักออกไปอีกทาง แต่แล้ว...

     

                แสงสว่าง...แสงสว่างกระทบเข้ามา...แสงของคมดาบ อาวุธทุกชนิดเรียงรายอยู่ที่ผนังด้านข้าง...ดาบ ธนู ปืน มีด เคียว ขวาน ทุกชนิดคมเงาแวววาวราวกับของใหม่ พร้อมที่จะตัดทุกอย่างที่ผ่านคมดาบเข้ามา คทาบรอนซ์และคทาสีขาวของเอเวียน่า ที่เธอถูกยึดไปเมื่อตอนสอบสวน ถูกวางเรียงไว้รวมกับพวกนั้นด้วย ทั้งๆ ที่อาวุธของเธอไม่ใช่สิ่งของที่ใหม่แต่กลับดูแวววาวโดดเด่นยิ่งกว่าอาวุธใดๆ หญิงสาวไม่รอช้าจับอาวุธของเธอขึ้นมา เธอหยิบสายรัดที่มีมีดสั้นปักเอาไว้รัดเข้าที่เอว พร้อมหยิบดาบ ปืน และอาวุธอื่นๆ ปักลงไปจนเต็ม สายรัดอีกอันหนึ่งคว้ามันมาพาดไว้ที่ต้นขา หญิงสาวปักมีดและคทาลงที่นั่น และเอาปลายกระโปรงปิดเอาไว้

     

                แล้ว...เธอก็วิ่งเข้าไปในฝุ่นที่ฟุ้งกระจายตรงหน้านั่น!

     

                ร่างของบุรุษ...กัปตันราฟาเอลว์ ที่หลีกพญาราชสีห์มาตามแรงของสตรีสาว เจ้าสัตว์เดียรฉานหิวกระหายวิ่งกลับมาสนใจร่างของชายหนุ่ม แววตาของมันฉายแววเข่นฆ่าหมายเอาชีวิตของเขาอย่างแน่วแน่

     

                อัลพยายามจะขยับตัวลุก แต่จะทำอะไรได้ทันท่วงที เมื่อแม้แต่จะทรงตัวยังยากลำบากเหลือเกิน ร่างกายดูเหมือนจะไม่เป็นใจให้กับความพยายามของเขาเสียเลย ดวงตาสะท้อนภาพของสัตว์โสมนที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ และแสงของดาบก็กระทบเข้าที่ดวงตา มือใหญ่คว้าดาบเอาไว้ตามสัญชาตญาณ ก่อนจะรับกับฟันที่แหลมคมของพญาราชสีห์ไว้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ลมหายใจเดียว ดวงตาของสัตว์ตนนั้น เหมือนกำชัยชนะที่ผู้มองไม่ชอบเอาเสียเลย น้ำลายเยิ้มฟูมปากที่เหมือนมีรอยแสยะยิ้มอยู่อย่างน่าขยักแขยง ใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ

     

                กัปตันราฟาเอลว์เกร็งมือเต็มที่ ไม่ยอมให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกล่าโดยไม่ทำอะไรเลยซักนิดเดียว ถึงแม้แรงจะไม่มีเหลือ ถึงแม้แขนจะสั่นไปหมด ถึงแม้สุดท้ายตัวเขาอาจจะไม่รอดก็เถอะ...บ้าเอ้ย! ตัวเขาตอนนี้จะทำอะไรที่ดีกว่านี้ได้มั๊ย

     

                กุ๊ง... เสียงของสิ่งเล็กๆ กลิ้งเข้ามาใกล้ ดวงตาสีน้ำตาลดำลอบมองไปใต้ท้องของสัตว์ที่เขาปะทะ ปรากฏเป็นลูกแก้วสีสวยหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น สายตาของชายหนุ่มเหลือบไปเห็นร่างของสตรีที่อยู่เป็นมิตรในสนามเพียงคนเดียวในตอนนี้ เธอถือกระบอกน้ำที่มีไอของความเย็นออกมาอย่างเห็นได้ชัดและลูกแก้วอย่างเดียวกันอีกสองสามเม็ดไว้ในมือ กัปตันราฟาเอลว์ผลักดาบเต็มแรง ก่อนจะหลบออกไปให้พ้นรัศมีฟันแหลมคมของมัน

     

                ตูม!!!!! เป็นเวลาเดียวกับที่เปลวเพลิงระเบิดขึ้นใต้ท้องของสัตว์ตนนั้น

     

                ปี๊ยะ! เปลี๊ย! ซู่ๆๆ! เสียงไฟลุกโชนขึ้น ภาพของเจ้าสัตว์เดียรฉานหายไปในกองเพลิง

     

                กัปตันราฟาเอลว์มองภาพตรงหน้า เสียงลมหายใจเข้าออกอย่างยากลำบากเป็นที่สุด สิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตในตอนนี้ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นสิ่งง่ายดายเหลือเกินสำหรับมนุษย์...การถือดาบอย่างแน่วแน่ การลุกขึ้นเดิน การวิ่ง อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาหนีไปจากที่ตรงนี้ให้พ้นๆ

     

                จบแล้วรึยัง เสียงถามของสตรีสาวมาจากด้านหลัง

     

                คำถามที่ไม่อยากจะตอบ แต่ก็ปฏิเสธความคิดที่ว่าไม่ได้ เพราะตัวเขารู้จักพญาราชสีห์ดียิ่งกว่าใครๆ ทั้งแข็งแกร่ง โหดร้าย และอาฆาตแค้น ยัง อัลตอบเบาๆ

     

                ก่อนที่ร่างสีเทาจะพุ่งออกมาจากเปลวเพลิงอย่างองอาจ

     

                ร่างนั้นหยุดที่ปลายเท้าของชายหนุ่ม ดวงตาฉายแววรุ่งโรจน์ แววที่อยากจะเข่นฆ่าร่างตรงหน้า ฉีกออกไปเป็นชิ้นๆ การก้าวเท้าหนึ่งก้าวของตัวสัตว์เดียรฉาน แม้กัปตันหนุ่มจะไม่ขยับหรือมีท่าทีหวาดกลัว แต่หัวใจก็อดเต้นระรัวไม่ได้ เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีทางที่จะชนะ

     

                เคร้ง!!!

     

                เสียงดังขึ้นมาที่ด้านหลัง ราชสีห์สองหัวหันไปยังที่ต้นมาของเสียงทันที พร้อมกับร่างสองร่างบนสนามนั้นด้วย

     

                เคร้งๆๆๆๆ!!!!

     

                บุรุษ...ชายคนนั้นกำลังเขย่ากรงเหล็กที่ปิดลงมาเมื่อตอนที่เริ่มการเข่นฆ่าซึ่งชาววิวเมดท์เรียกมันว่าการพิพากษา ชายคนนั้นคนที่ต่อยท้องของเอเวียน่าจนเธอสลบไป ชายคนที่ถูกกัปตันหนุ่มสีแดงเพลิงจัดการเข้าด้วยความโมโห ตัวเขา ชายคนนั้น...กำลังกระเสือกกระสนที่จะมีชีวิตรอดโดยการเขย่ากรงเหล็กที่ปิดลงมา ชีวิตรอด...ซึ่งไม่อาจเป็นไปได้

     

                จะบ้าเหรอไง นั่น เอเวียน่าพึมพำ ดวงตามีแวววิตกอย่างไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรต่อไป หากว่า...

     

                เสียงที่ดังขึ้นมาทำให้พญาราชสีห์ตนนั้น วิ่งเข้าไปหาร่าง...ที่ไม่มีทางต่อสู้ได้เลยซักนิด

     

                หนีไปซะ!!!!!” อัลร้อง อย่างรู้ดีว่าเป็นยังไงหากไม่หลบไปให้พ้นทางของสัตว์บ้าเลือดตนนั้น

     

                แต่ว่า...ชายคนนั้นยังคงเขย่ากรงเหล็กที่ไม่มีทางจะเปิดออก ไม่สนใจเสียงที่ดังขึ้นด้านหลังเลยสักนิด ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เขาไม่ยอมขยับให้พ้นจากที่ตรงนั้น...มือควานเข้าไปในกรงเหล็กเมื่อสายตาเห็นเพื่อนที่มาด้วยกัน แววตาของผู้เป็นมิตรเป็นแววแห่งความวิตกและความหวาดกลัว

     

                เอเวียน่าวิ่งเข้าไป แม้จะรู้ว่าไม่ทันการเมื่อสิ่งที่อยู่ในความคิดกำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้าเธอแล้ว

     

                หลบไปสิ อัลพึมพำ คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างพยายามมองภาพตรงหน้า

     

                หลบไป…”

     

                ชายผู้เส้นชีวิตของเขากำลังจะขาด กำลังร้องไห้อย่าทิ้งซึ่งศักดิ์ศรีแห่งบุรุษ เขายอมที่จะก้มหัวให้เพื่อนคนนั้นหลายต่อหลายครั้ง เพียงแค่จะเปิดประตูให้เขาพ้นออกไปจากที่แห่งนี้

     

                เจ้า...ช่วยข้า เสียงสะอื้นเรียกร้องขอความช่วยเหลือ

     

                แต่มิตรผู้นั้นแม้แต่เข้าไปใกล้ยังไม่กล้า ข้าข้า ข้าๆคำพูดติดขัดขึ้นมาอย่างรู้ดีว่าไม่สามารถทำตามที่เขาขอได้

     

                ได้...โปรด มือที่ยื่นออกมา น้ำตาที่ร่วงไหลลงสู่พื้น

     

                หยุดนะ!!!!!!!!!!!” เอเวียน่ากรีดร้องเสียงก้องกังวาน

     

                ตึง!!!!!!!!!

     

                ร่างของเจ้าสัตว์เดียรฉานพุ่งเข้าอัดร่างของบุรุษผู้นั้นจนร่างแบนไปกับลูกกรง เลือด ชิ้นส่วนร่างกายทั้งภายนอกและภายในกระเด็นออกมานอกลูกกรงอย่างน่าสยดสยองเป็นที่สุด มือที่เอื้อมมาหาผู้เป็นมิตรเมื่อครู่ บัดนี้...กระเด็นเข้าไปอยู่แทบเท้าของเพื่อนคนนั้น น้ำตาที่ไหลเป็นทางของบุรุษ ร้องไห้ให้กับการจากไปของมิตรผู้นั้น...อย่างเศร้าระทม

     

                ดวงตาสีชาลุกโชน กลับกลายเป็นสีส้มเมื่อเงยหน้าขึ้น ดาบเหล็กคมเงางามอยู่ในมือข้างหนึ่ง ร่างกายวิ่งเข้าไปหาสิ่งที่ชั่วร้ายและอำมหิตที่สุดตั้งแต่เคยเห็น...เพชฌฆาต

     

                ร่างบางกระโดดขึ้นเหนือสัตว์ร้ายด้วยความรวดเร็ว พญาราชสีห์ซึ่งเลือดฟูมอยู่ที่ปากหันมาก่อนกระโดดหลบตามสัญชาตญาณของสัตว์ป่า ชิ้นเนื้อมนุษย์ถูกตั้งทิ้งเอาไว้ก่อน...กินน่ะเมื่อไรก็ได้ แต่มนุษย์องอาจตรงหน้า ต้องกำจัด...เดี๋ยวนี้!!!!!!!

     

                ราชสีห์สองหัวพุ่งเข้าไป เอเวียน่ากระโดดขึ้นเหนือร่าง มันตั้งหลักก่อนกระโดดขึ้นไปตะครุบเหยื่อ หญิงสาวฟาดดาบเข้าที่ฟันแหลมคม เจ้าป่าตนนั้นกัดดาบแน่น ก่อนที่เหล็กทั้งหลายจะป่นเหมือนผุยผงในปากใหญ่ของมัน เอเวียน่าลงถึงพื้น ชักปืนออกมายิงเข้าที่ท้อง เข้าไปหนึ่งนัด และยิงรัวอย่างคนรวยกระสุน

     

             ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

     

                กระสุนเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง แต่คนยิงก็ยังยิงไม่หยุดหย่อน

     

                ราชสีห์วิ่งก้มหน้าก้มตามายังทิศทางของกระสุน เพื่อหาผู้ที่เป็นเจ้าของลูกดินปืนแสนเจ็บปวดนั่น เมื่อกระสุนปืนหมด เอเวียน่าโยนปืนเข้าปะทะกับหน้าของสัตว์เดียรฉานตนนั้นอย่างรุนแรง และเธอก็ชักดาบออกมาทันที

     

                พญาราชสีห์พุ่งเข้าใส่ร่างบางของสตรี เอเวียน่าปักดาบเข้าที่คอของมันได้คอหนึ่ง ก่อนที่ร่างจะพุ่งไปตามแรงปะทะที่เข้ามา

     

                กรรรรรรรรรร!!!!!!!!!!!!!

     

                เจ้าป่าตัวแสบร้องราวกับสุนัขที่บ้าคลั่ง

     

                ร่างของหญิงสาวชนกับร่างที่พยายามจะลุกขึ้นของบุรุษ ก่อนที่ทั้งคู่จะไถลไปชนกำแพงโพลิเซี่ยม

     

                โอ๊ย!” เสียงร้องของคนทั้งคู่ประสานกัน คนหนึ่งบาดเจ็บเพราะแรงกระแทกที่ด้านหลัง อีกคนเจ็บเพราะการต่อสู้

     

                อัลรู้สึกถึงสัมผัสที่เข้ามา ก่อนที่จะเอื้อมมือเข้าไปรับร่างที่กำลังจะล้มไว้ได้อย่างทันท่วงที เอเวียน่า เอเวียน่า เขาเรียก

     

                อือ เสียงพึมพำเบาๆ แสดงความเจ็บปวดทั่วร่างของเธอ แต่นั่นกลับทำให้อีกคนใจชื้นขึ้น เพราะมันคือสัญญาณของการมีชีวิตอยู่ กัปตันราฟาเอลว์วางร่างเธอลง ก่อนจะเลือกดาบที่เหมาะสำหรับการป้องกันตัวเองจากสายรัดที่เอวของหญิงสาว

     

                มือของบุรุษจับที่หน้าผากของหญิงสาว พักซะ เขาว่า แล้วฉับพลันก็เหมือนตัวเองมีกำลังขึ้นมาทันที

     

                กรรรรรร!!!!

     

                ในที่สุดราชสีห์ก็สามารถดึงดาบที่เอเวียน่าปักออกที่คอมันออกมาได้ พร้อมกับการเสียหัวไปหนึ่งหัวของมัน เจ้าสัตว์นั้นร้องอย่างบ้าคลั่งราวกับสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของมันดับสูญไปง่ายๆ แววตาคราวนี้ของสัตว์ตนนั้นที่หันมามอง มีแววรุ่งโรจน์ อาฆาต เข่นฆ่า และดูเหมือนมันจะสามารถทำได้โดยการจัดการคนตรงหน้า ซึ่งอาจสำเร็จในเพียงพริบตาเดียวเสียด้วย

     

                ข้าไม่เข้าใจ ทำไม...ชาววิวเมดท์ยังเล่นกับเจ้าอยู่อีก เขาว่า คล้ายบ่นกับตัวเอง

     

                ทั้งๆ ที่พญาราชสีห์อย่างเจ้าน่ะ... กัปตันราฟาเอลว์เดินเลาะไปตามผนังกำแพง เพื่อให้ออกห่างจากตัวเอเวียน่า อย่างน้อยเธอควรปลอดภัยจากสายตาของเจ้าราชสีห์นั่น ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องที่สัตว์เจ้าป่าตนนั้น

     

                คือ...สัตว์จอมอาฆาตแท้ๆ

     

                สิ้นเสียง การพุ่งเข้ามาของสัตว์เดียรฉานอย่างรวดเร็วและรุนแรง อัลไม่สามารถทำอะไรได้รับแรงตรงนั้นเข้าไปเต็มๆ เจ้าราชสีห์แสยะยิ้มที่น้ำลายเยิ้มนั้น ท่าทางคงนึกสนุกในการทรมานร่างของบุรุษตรงหน้า

     

                อัลพยุงตัวเองขึ้น เขาเช็ดเลือดที่ปากออก และยิ้มออกมา ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าการที่เขายืนอยู่ได้ด้วยพลังที่ได้มาจากเอเวียน่าเมื่อครู่ ไม่สามารถทำให้เขาขยับได้ดังใจนึกก็จริงอยู่ แต่ก็ดีกว่าการนั่งดูอยู่เฉยๆ แน่ ไม่มั่นใจว่าจะชนะหรอกนะ...เอ็ดเวิร์ด เขาคิด

     

                ข้าคงไม่ใช่คนที่เจ้ารู้จักอีกแล้ว...เจ้าก็เช่นกัน แต่เขาก็คงไม่ยอม...ที่จะตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย...อย่างน้อยก็...

     

                ดวงตาสีน้ำตาลดำเหลือบไปเห็นให้แผงคอของเจ้าสัตว์เดียรฉาน คริสตัลสีขาวส่องสว่างกระทบเข้าสู่สายตาผู้นำแห่งราฟาเอลว์ เขายิ้มเล็กน้อย

     

                แม้ชีวิต...จงอย่าเสียดาย หากมันทำให้คนหมู่มากรอดตายและมีความสุข คำพูดของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาเคยได้ฟัง

     

                ใครเคยเสียดายชีวิตกันล่ะ อัลคิด

     

                ยังไงซะ... เขาบ่นพึมพำ

     

                หากจะตาย...ขอตายอย่างสงบสุขเถอะ!”

     

                จบคำ ร่างของชายหนุ่มก็อยู่เหนือร่างของสัตว์ตนนั้น ดาบในมือแกว่งอย่างชำนาญ พญาราชสีห์หลบได้ในพริบตาเดียว กัปตันราฟาเอลว์ลงสู่พื้น เขาเซไปด้านหนึ่งเมื่ออะไรวูบเข้ามาในหัว ก่อนจะหลบแรงปะทะที่เข้ามาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวได้เลย

     

                อัลยืนตั้งท่าพร้อมรับการโจมตีครั้งต่อมา ดวงตาสีน้ำตาลดำมีแววแห่งความหวังที่เลือนลางเหลือเกิน ข้าจะต้องสู้ การบุกพร้อมกับความคิดแบบนั้น แม้ร่างกายจะไม่ไหว แต่กำลังใจล้นเหลือ ร่างกายก็แค่กระหายการพักผ่อน กระหายการหลับระยะยาว ความคิดนั้นเหมือนความคิดที่ไม่ใส่ใจ แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับเขาตอนนี้

     

                อัลลงพื้นอีกครั้ง การกระโดดไปมาเพื่อหลอกล่อ หลบหลีกราชสีห์ที่ตัวใหญ่กว่าทั้งๆ ที่เขาเคยทำได้สบายมาก แต่ในตอนนี้ ตอนที่ร่างเหนื่อยล้าแบบนี้ เป็นสิ่งที่ลำบากยากเย็น หากไม่ยืมพลังกายของคนอื่น อย่าหวังที่จะได้แม้แต่ลุกขึ้นยืน กัปตันราฟาเอลว์เซล้ม หน้าเริ่มมืดอย่างทนกับความอ่อนแอของร่างกายไม่ไหว เมื่อร่างกายไม่สามารถขยับดังใจนึกได้อีกต่อไป บุรุษกลิ้งหลบแรงของพญาราชสีห์ด้วยแรงทั้งหมด และค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้น ยังไม่ทันไร แรงปะทะมหาศาลก็กลับมา พุ่งเข้าชนเข้าไปที่กำแพง สัตว์ตนนั้นกัดเข้าเนื้อ และเหวี่ยงเขาออกไปจนสุดแรง ร่างกัปตันกระแทกพื้น และเขาก็รับอุ้มเล็บภายในพริบตาเดียว มือกัปตันราฟาเอลว์สั่นอย่างน่ากลัว แรงเริ่มอ่อนล้าลงมาทุกขณะ เขาผลักดาบและหมุนตัวให้พ้นจากรัศมีเล็บนั้นทันที

     

                อัลลุกขึ้นหายใจหอบ เหนื่อยล้าเหลือเกิน ไหนจะแผลที่หัวไหล่เริ่มระบมจนเลือดไหลออกมาเป็นสายแทนเหงื่อ...สร้างความเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย

     

                ดาบตั้งมั่นรับแรงที่พุ่งเข้าอีกครั้งอย่างเหนือความพยายาม ร่างบุรุษถูกกระแทกอัดกำแพงอีกครั้งนึง เลือดทะลักออกจากปากมหาศาลราวสายน้ำ ชายหนุ่มได้แต่กระอักเอาเลือดออกมาให้มันหมดตัวจะได้ไม่ต้องทรมานทุกครั้งเวลาเสียเลือด แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หากเขาจะเลือกการมีชีวิต

     

                การมีชีวิต...ดูเหมือนจะเลือนลาง

                แต่หากอยู่เฉยๆ ไม่ขยับ ไม่ดิ้นรน ไม่ต่อสู้

                ความตาย...ดูเหมือนจะอยู่ตรงหน้าตอนนี้

     

                และดูเหมือน กัปตัน ผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งราฟาเอลว์จะเลือกสิ่งนั้น...การไม่ทรมานอีกต่อไป

     

                ร่างกายของบุรุษไม่ขยับ ดวงตาไร้แววตาแห่งความหวังเช่นเดิม ร่างที่จิตวิญญาณล่องลอยไปที่ไหนไม่มีใครทราบได้ถูกโยนไม่ทั่วสนามด้วยแรงของสัตว์เดียรฉานที่โหดร้าย ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมีเพียงสำลักออกมาเป็นเลือด และปากที่ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด คอเสื้อถูกจับอีกครั้ง กับการเหวี่ยงกระแทกพื้นแข็งๆ ดวงตาไร้แววเหม่อมองไปไกลแสนไกล จมอยู่กับความคิดมากมายที่เลือนลางไปนานแล้ว

     

                อัล ที่แม่เรียกเจ้าเช่นนี้ เพราะผมเจ้าคล้ายกับท่านตาของเจ้า ดูสิลูก...เวลาเจ้ายิ้ม โลกของแม่ดูสว่างสดใส รอยยิ้มของมารดาเข้ามาในดวงตา

     

                มีใครเคยบอกท่านไหมว่า เวลาที่ท่านยิ้ม ก็ทำให้หัวใจข้าอบอุ่น ทำให้โลกของข้าสว่างและสดใสเช่นกัน...ท่านอยู่ไหนนะ มีชีวิตอยู่รึเปล่า ปลอดภัยมั๊ย หรือจะตายไปแล้ว...

     

                อัล เจ้าเป็นแสงสว่าง

     

                ขอบคุณ...ท่านแม่ แต่หากเป็นเช่นนั้น คงต้องไปเกิดเป็นบุตรแห่งตะวันเป็นแน่แท้...ข้าดีใจที่เกิดเป็นลูกของท่าน...

     

                แควก! เสื้อที่เคยคลุมร่างกายถูกฉีกออก รอยแผลบางๆ เกิดขึ้นที่ตัว สร้างความเจ็บปวดเป็นทางยาว

     

                การเป็นผู้นำเผ่าไม่ได้ง่ายหรอกลูก แต่มันก็ไม่ได้ยากมากมายนัก ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะได้มาอย่างง่ายๆ ผู้เป็นบิดาลูบหัวเขาซึ่งยังเด็กนัก ดวงตาของเด็กชายตอนนั้นเป็นแววซึ่งไม่ประสีประสาอะไร

     

                หากเจ้าคิดจะเป็นผู้นำ เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะสู้ และเจ้า...จะต้องสู้มากกว่าใคร เสียงนั้นที่ไม่เคยนึกถึงมานานแสนนานดังก้องเข้ามาในหู

     

                คิดถึงพ่อจัง ตลอดหลายปีมานี้เขาไม่เคยคิดอะไรแบบนี้ แต่ทำไมตอนนี้ถึง... ในสถานการณ์อย่างนี้

     

                ข้าจะไป...อยู่กับท่าน...

     

                ...รึเปล่า...

     

                หากเจอกัน...ท่านจะตะโกนด่าข้าหรือไม่...

     

                อุ้มเล็บตะปบเข้าที่ไหล่ อ้าก!!!” รอยแผลเดิมสร้างความเจ็บปวดทวีคูณ ฟันคมกัดเข้าที่ข้างกายเบาๆ อย่างลองลิ้มรสเนื้อที่สดใหม่ เจ้าสัตว์โรคจิตใช้เล็บข่วนเข้าที่ร่างกาย และดมกลิ่นด้วยท่าทางอารมณ์ดี เล็บฉีกเนื้อที่แขนออก หวังทรมานเหยื่อจนตายอย่างช้าๆ เอง เนื้อเนียนของบุรุษน่าลิ้มลอง ปากใหญ่อ้าขึ้น หมายจะกัดเข้าที่ร่างอันน่าพิสมัย

     

                กรร! เสียงร้องเบาๆ ของราชสีห์ เมื่อมีดสีน้ำตาลแดงปักเข้าที่ปากของมัน เจ้าสัตว์ป่าเพียงแค่หันไปมอง

     

                คริซโตเฟอร์ ปากพึมพำเรียกชื่อ แต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา นัยน์ตาสะท้อนร่างผู้เป็นเจ้าของมีดที่กำลังย่างเท้าเข้ามาอย่างระมัดระวัง

     

                เสียงความวุ่นวายเกินขึ้นทั่วสนาม แต่ไม่ได้เข้าหูกัปตันหนุ่มเลยซักนิด

     

                ทีเอียลวา แต่เสียงของใครบางคนไกลแสนไกลกลับเข้ามาในหูแทน

     

                ดาบนี้ เป็นดาบของพระองค์ ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นเอง มันจะเป็นมิตรสหาย เป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ เป็นเกราะกำบังให้แก่พระองค์...มันจะอยู่กับพระองค์ชั่วนิจนิรันดร์…”

     

                ดาบที่ดีย่อมเหมาะกับผู้มีฝีมือดี หากดาบดีแต่ไร้ฝีมือ ก็เหมือนเป็นเพียงแค่เศษเหล็ก หนักเปล่าๆ ในทางกลับกัน แม้ดาบไม่ดี แต่ผู้ถือดาบมีฝีมือก็อาจจะชนะสิ่งทั้งปวงได้เช่นกัน

     

                พ่อ...

     

                เมื่อเจ้ามีดาบที่ดีจงรู้จักใช้...

     

                ดาบ...

     

                เจ้าต้องรู้จักที่จะเรียนรู้มากกว่าใคร…”

     

                ท่านพ่อ...

     

                เจ้าเป็นแสงสว่าง ..”

     

                ท่านแม่...

     

                รอยยิ้มของบุรุษและสตรีผู้ประเสริฐเป็นที่สุดเข้ามาในดวงตา ภาพที่บัดนี้พึ่งนึกออก และคิดถึงมากกว่าสิ่งใดๆ รอยยิ้มอันอบอุ่นและอ่อนโยนยิ่งกว่าใครของท่าน ริมฝีปากเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างยินดี มันเป็นเสียงที่นุ่มที่สุดที่เคยได้ยินมา “…อัลฟอร์ด

     

                ดวงตาเบิกกว้าง อย่างตระหนักถึงบางสิ่ง...

     

                ...บางสิ่งที่ทำให้เขาต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอน...

     

                ราชสีห์สองหัวหันกลับมาสนใจเหยื่อในกรงเล็บ การขย้ำคอเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้กำจัดศัตรูไปได้อีกหนึ่งคน แม้จะเสียดายเนื้อที่มีชีวิตที่ไม่ได้ลิ้มลองมานานแสนนาน แต่คงจำต้องทำ มันอ้าปากกว้างฟันคม น้ำลายยืดเยิ้มไหลลงมา

     

                ...บางสิ่งที่ทำให้เขาอยู่ตรงนี้...

     

                ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์รีบวิ่งเข้าไปหาภาพตรงหน้าทันที หากเขาเข้าไปช่วยคนตรงหน้าไม่ได้คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

     

                ...บางสิ่งซึ่งเป็นภารกิจสำคัญ...และ...

     

                ภาพเหมือนช้าลง เมื่อความตายใกล้เข้ามาหาคนใกล้ตัว คริซวิ่งแต่กลับรู้สึกว่าตัวเขาช้าเหลือเกิน

     

                ...เพราะบางสิ่งนี้แหละ...

     

                เปรี้ยง!!!!!!!! เสียงที่เหมือนสายฟ้าฟาด แต่ไม่ใช่ ทุกร่างในสถานที่แห่งนั้นหยุดนิ่งกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ยกเว้นคนๆ เดียว ที่เปิดเผยรอยยิ้มให้กับการเปิดเผยตัวตน ที่คนบนสนามเคยคิดว่าตัวเองได้ทิ้งมันไปแล้ว ค่อยน่าลุ้นหน่อย

     

                ...ตัวเขา จะตายไม่ได้!!!!!

     

                กรรรรรรรรรร!!!!!!!! เสียงร้องอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งของเจ้าสัตว์เดียรฉาน แต่ก็ไม่เห็นภาพใดๆ นอกจาก ฝุ่นที่ตลบขึ้นมาจนทั่วไปทั้งสนาม

     

                ฝุ่นทรายถูกพัดปลิวออกไป ภาพของพญาราชสีห์ที่ขาด้านหน้าข้างหนึ่งถูกตัดขาดออกจากร่างกายของมันร้องครวญคราง และ...ใบหน้าของกัปตันราฟาเอลว์ที่ปรากฏตัวขึ้น เหงื่อไหลตามกายผสมกับเลือด ใบหน้านิ่งสงบราวกับว่าร่างกายของเขาไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย การที่เขาลุกขึ้นมาได้อย่างนี้ยังไม่สามารถทำให้ทุกคนแปลกใจได้เท่า...

     

                เพลิงที่โผล่ออกมาอยู่ในมือของบุรุษ เพลิงสีแดงสว่างไหม้มือ แต่ผู้ถือดาบกลับไม่มีทีท่าว่าจะร้อนจากไฟนั่น ไฟสีแดงค่อยๆ มอดไป เผยให้เห็นดาบยาว สองคมสว่าง ด้ามสีดำสลับสีเพลิง ดาบเล่มสวยดูมีราคา แต่ไม่ใช่สิ่งของซื้อขาย...ดาบในตำนาน...ทีเอียลวา

     

                กว่าจะเอาจริงได้ เอ็ดเวิร์ดเท้าคางอย่างอารมณ์ดี

     

                แต่กระนั้นร่างของบุรุษผู้ถือดาบก็ยังเซไปอีกข้าง แสดงถึงร่างกายล้าเต็มที

     

                ราชสีห์พุ่งเข้ามา หมายจะเอาคืนอย่างไม่ยอมแพ้ อัลยืนฐานมั่นคง ถือดาบตั้งฉากขนานกับพื้น ดวงตาสีน้ำตาลดำฉายแววความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งใด พญาราชสีห์วิ่งด้วยความเร็ว แม้มีแค่สามขา แล้วก็กระโดดเข้ามาทันที

     

                แสงของดาบวาดเป็นวง ในพริบตาเดียว...ร่างของราชสีห์ก็ตกลงที่พื้น แยกออกเป็นสองส่วนอย่างน่าสยดสยอง ดาบสลายไป พร้อมกับ...การล้มลงของร่างของผู้ที่ฆ่ามันได้สำเร็จ

     

                อึก! คริซโตเฟอร์เข้ามารับกัปตันราฟาเอลว์เอาไว้ เป็นไงบ้าง เสียงกระซิบถามเบาๆ แสดงความเป็นห่วงเหมือนตัวเขาจะหมดลมเอาดื้อๆ

     

                ...ห...เหนื่อย... อัลว่า เสียงของชายหนุ่มเบาจนแทบไม่ได้ยิน ดวงตาหลับลงอย่างล้าเต็มที

     

                คริซเอาแขนของกัปตันพาดไว้ที่บ่าของเขา เดินต่อไหวมั๊ย ผู้รู้ถาม ทำให้กัปตันราฟาเอลว์จำต้องใช้เท้าดันพื้นขึ้นมายืน ...เอเวียน่า...ล่ะ เขาพิงหัวไปที่ไหล่คริซ  ไม่ต้องเป็นห่วง...สิบห้านาที...ไหวมั๊ย คริซก้าวเท้าไป

     

                ขอ...เร็วๆ... อัลพูดแหบๆ

     

                สิบสี่นาทีล่ะกัน ผู้รู้ราฟาเอลว์ก้าวเท้าเร็วขึ้น

     

                อัลยิ้มบางๆ นั่นมันช่วยได้มากเลยนะ เขาคิดอย่างเคืองนิดๆ แต่เอาเถอะ...ข้าเชื่อเจ้า เชื่อว่าเจ้าไม่เคยคำนวณอะไรผิดพลาด... ดวงตาหลับลง รู้สึกไว้วางใจคงข้างกายเหลือเกิน

     

                สิบนาทีต่อมา คริซโตเฟอร์กำลังก้าวเท้าอย่างมีความพยายามบนความลำบากอันมหาศาล เขาคงทำได้ ท่าเรืออยู่ตรงหน้าแล้ว หวังว่าพวกเขาจะหนีไปให้ได้ก่อนที่จะมีใครรู้ตัว ซึ่งเขาไม่ได้คำนวณเรื่องนั้นไว้เผื่อแน่ๆ

     

                ร่างของกัปตันราฟาเอลว์หนักอึ้งขึ้นทุกที อัลยังมีสติก็จริง แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้สติ ในเมื่อแม้แต่ขยับเท้ายังทำไม่ค่อยจะได้แล้ว

     

                ...คริซโตเฟอร์เหงื่อตก

     

                แล้วอุปสรรคที่เขาไม่ต้องการก็เข้ามาจนได้...นายทหารหลายนายยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้าเขา ปิดบังทางไปท่าเรือ ซึ่งผู้นำ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านายทหารทั้งปวง จะมีใครไปไม่ได้นอกเสียจาก...ออร์ดีน

     

                คริซถอนหายใจ เจ้าต้องการอะไร ออร์ดีน เด คิวรัส

     

                รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าขอผู้ที่ถูกเรียกชื่อเต็มยศ อืม...เจ้าเป็นผู้รู้แห่งราฟาเอลว์สินะ...ถึงแม้จะรู้ชื่อเต็มข้าก็ไม่ใช่ว่า…” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยและตวัดสายตาขึ้นมองคนตรงหน้า

     

                “…จะรอดหรอกนะ แล้วดวงตาก็หันไปมองร่างที่ทำได้เพียงอย่างเดียวคือการหายใจ

     

                หากเจ้าไป ดูท่าหมอนั่น ก็คงไม่รอดเหมือนกัน

     

                เจ้าต้องการอะไรกันแน่ คริซถาม ออร์ดีนยิ้ม คริสตัลดวงดาว...และก็... เขาเว้นชั่วครู่นึง

     

                การจับโจรสลัดแค่เรือสองสามลำยังไม่พอใจข้า

     

                คนไม่รู้จักพอเช่นเจ้า แม้จับโจรทั้งโลกคงไม่พอ

     

                ก็คงจริง เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ

     

                ...ชายเผ่าอะลาศหรี่ตา เจ้าจะรู้จักอะไรๆ น้อยไปซะแล้วมั้ง คริซยิ้มตอบ

     

                ดูเหมือนว่านายกองทหารอย่างออร์ดีนจะพอใจในคำพูดนั้น ข้าก็อยากรู้ให้มากเหมือนกัน หวังว่าหลังจากจับเจ้าคงได้รู้อะไรมากขึ้นนะ...ผู้รู้ เสียงเยาะเย้ยจบลงพร้อมกับการเข้ามาของนายทหารหลายนาย

     

                คริซโตเฟอร์เหงื่อแตกพลั่ก จะหนีก็หนีไม่ได้ จะสู้ก็สู้ไม่ได้ ข้าไม่รู้จะทำไงดีแล้ว ดวงตาสีมรกตเหลือบมองร่างที่เขาประคองเอาไว้ กัปตันข้าขออภัยหากไม่สามารถ...

     

                ความมืดเข้ามาในดวงตาอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าลมหายใจเข้าออก พอลืมขึ้นอีกครั้ง ภาพนายทหารทั้งหลายหายไปจนหมด มีแต่ภาพหมู่บ้านที่ว่างเปล่า...ด้านบน...ตอนนี้เขาอยู่บน...หลังคาบ้าน!...คริซโตเฟอร์มองรอบด้านอย่างหาคำตอบ

     

                ไหนว่าจะรีบไปไม่ใช่เหรอ คาเอลไนท์ เสียงอันนุ่มลึกแต่แฝงความหมายบางอย่างเอาไว้ เป็นเสียงที่คุ้นเคยและไม่อยากเจอที่สุด

     

                ...ท่าน เอ็ด...เวิร์ดคริซพูดตะกุกตะกัก

     

                ในที่สุดคนที่ไม่ต้องการ คนที่อยากจะหนีไปให้พ้นๆ ก็ต้องกลายมาเป็นผู้ร่วมเดินทางของราฟาเอลว์จนได้

     

     

     

                ดวงตาสีน้ำตาลดำลืมขึ้นอย่างยากลำบาก ความเหนื่อย ความล้า ความเจ็บปวด เข้ามาทันทีที่สติมาถึง ร่างบุรุษถอนหายใจ แค่นั้นก็ยังทำให้เจ็บบริเวณช่วงคอและไหล่ได้ ชายหนุ่มสบถเบาๆ แล้ว...หันไปมองรอบกาย

     

             ...ว่างเปล่า...

     

                ไม่มีใครอยู่เลยซักคนเดียว อีกทั้ง...บรรยากาศรอบๆ ห้องนั้นยังแปลกกว่าที่เคยจะเป็น...เพดานต่ำ ผนังห้องสีส้มแก่ เตียงที่นุ่มกว่า

     

                ไม่ใช่ห้องของเขาสินะ...เขาสรุปอย่างมั่นใจ

     

                เกิดอะไรขึ้น...ที่นี่ที่ไหน ไม่ใช่เรือราฟาเอลว์ แล้ว...ความปวดหัวประดังเข้ามาในสมอง พร้อมกับความกระหายที่จะพักผ่อนต่อ แต่ดูเหมือนจิตใจจะไม่ยอมซะแล้ว

     

                อัลถอนหายใจอีกครั้ง คราวนี้ต้องเจ็บแผลเหนือท้องขึ้นมา กัปตันหนุ่มหลับตาแน่น ก่อนจะค่อยๆ บังคับตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

     

                เจ็บเป็นบ้า อัลพึมพำ ใบหน้าแสดงความเจ็บปวด เหงื่อไหลมาตามหน้า แต่เจ้าตัวก็ลุกขึ้นมานั่งจนได้คงเพราะความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นมาในหัวของเขา กัปตันหนุ่มมองไปรอบๆ อีกครั้งหนึ่ง

     

                ไม่ใช่ห้องของเขาจริงๆ ด้วย

     

                ต้องออกไป...ความคิดแรกเข้ามาในหัว แม้ไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้ แต่จากสัญชาตญาณ ดูเหมือนสมองของเขาไม่ไว้ใจสถานที่แห่งนี้ซะแล้ว ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นยืนมือจับโต๊ะตัวเล็กๆ ข้างเตียงเอาไว้ อย่างพยายามอย่างยิ่งอีกครั้งนึง ร่างกายที่ไม่ได้ดั่งใจลุกขึ้นได้ในที่สุด ก้าวเท้าแต่ละก้าวหนักอึ้งเหลือเกิน...และเขาก็หยุดที่หน้าประตู

     

                บุรุษจับลูกบิด แล้ว! ก็ต้องหลบไปข้างประตูเมื่อเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา

     

                หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ถึงแม้เขาจะทราบว่าใครเป็นเจ้าของเรือนี่ทันทีที่คนๆ นั้นก้าวเข้ามาในห้อง แต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องลำบากเพราะบุคคลนั้นเป็นแน่ ตอนนี้กัปตันราฟาเอลว์จึงไม่ปรารถนาที่จะรู้เลยซักนิด

     

                เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาแล้วหยุดที่ตรงหน้าห้อง

     

                ชายหนุ่มดึงมือไปด้านหลัง คลำหาสิ่งของในบริเวณที่มันเคยอยู่ แล้วดึงมีดด้ามสีน้ำตาลออกมา...โชคดีที่มันยังอยู่ที่เดิม

     

                แกร๊ก เสียงเปิดประตูดัง ฝีเท้าของคนแปลกหน้าเข้ามาในห้อง

     

                อัลคว้าร่างไว้ในทันที!

     

                เพล้งๆ!!! ตึงๆ! เสียงข้าวของที่เจ้าคนแปลกหน้าถือมาด้วยล้มกระจายระเนระนาด พร้อมด้วยเสียงชุลมุนอีกนิดหน่อย ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที ปลายมีดก็จ่อเข้าที่คอของคนที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต

     

                เจ้าตัวดียกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ กัปตันราฟาเอลว์ถอนหายใจเบาๆ ทันทีที่จับร่างบางเอาไว้ได้ ก็รู้ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน ลูกเรือสตรีคนเดียวบนเรือเขานั่นเอง...เอเวียน่า

     

                อัลจึงค่อยๆ ปล่อยมือออก

     

                กึง! แต่ทันทีที่ร่างนั้นเป็นอิสระ คทาสีเงินก็ยาวขึ้นที่มือด้านหนึ่ง เจ้าตัวฟาดเข้ามาที่ไหล่ของเขาอย่างชำนาญ ต้องการอะ...อัล!”

     

                ชายหนุ่มกระอักน้ำลาย ความเจ็บแผลที่หัวไหล่แผ่ซ่านไปทั้งตัว แม่สาวตัวดีกะได้แม่นจริงๆ ดันโดนแผลเข้าไปเต็มๆ

     

                เอเวียน่าเก็บคทาบรอนซ์ของเธอ เป็นอะไรมั๊ย ใครใช้ให้เจ้าลุกขึ้นมาเนี่ย

     

                ความผิดข้าสิ ชายหนุ่มบ่นเบาๆ ร่างใหญ่กว่าตอนนี้พิงกำแพงพร้อมที่จะไถลลงมาหากเอเวียน่าไม่จับเอาไว้ซักก่อน

     

                มือหนักเป็นบ้า ผู้หญิงอะไร อัลบ่นพึมพำอีกครั้ง

     

                ผู้ถูกว่าขมวดคิ้ว เมื่อกี้นี้คงไม่ทำให้เจ้าเจ็บเท่าไรซินะเธอว่า

     

                ไม่เลย เจ็บจะตายเลยต่างหากชายหนุ่มว่า

     

                ใครใช้ให้เจ้าลุกขึ้นมาไม่ทราบ เอเวียน่าพูดขึ้นหลังจากพยุงชายหนุ่มไปนั่งที่เตียงแล้ว

     

                ตอนนี้กัปตันราฟาเอลว์ดูเหมือนไร้อารมณ์ที่จะเล่นด้วยกับคนตรงหน้า แล้วใครใช้ให้เจ้าเอาคทามาจ่อใส่ข้าไม่ทราบ เขาจึงย้อนไปอย่างนั้น

     

                ท่าทางจะไม่เจ็บจริงๆ สินะ หญิงสาวพูดเสียงเย็น

     

                อัลปั้นหน้านิ่ง อย่างไม่สบอารมณ์ เขาดูเหมือนจะเริ่มโมโหแล้ว นี่อะไร เธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วยังไม่รีบอธิบายให้เขาเข้าใจอีก...ความไม่พอใจเกิดขึ้นในจิตใจของชายหนุ่มพร้อมกับอาการเจ็บที่จี๊ดเข้าสมองอยู่เรื่อยๆ ฝากไว้ก่อนเถอะเขาพึมพำ

     

                สตรีสาวยิ้มนิดๆ อย่างไม่คิดจะใส่ใจอาการของเขา เธอหันไปสนใจกับการเก็บอาหารที่เธอทำตกเมื่อครู่ ใครจะนึกว่าคนป่วยจะลุกมาเอามีดจ่อคอคนอื่นได้ เอเวียน่ากล่าว

     

                แล้วใครจะนึกว่าเจ้าจะพาข้ามาอยู่บนเรือที่ไหนก็ไม่รู้

     

                เจ้าเป็นคนป่วยจริงรึเปล่าเนี่ย เอเวียน่าหันขวับ

     

                กัปตันราฟาเอลว์ถอนหายใจเบาๆ อย่างพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้น ข้าแค่หงุดหงิด อัลยอมรับในที่สุด

     

                คนอื่นๆ หายไปไหนหมด แล้วยังเอาข้ามาปล่อยไว้ที่นี่อีก

     

                หญิงสาวโกยเศษกระเบื้องและอาหารลงถังขยะ เอ็ดเวิร์ด... คำพูดนั้นทำให้เจ้าคนป่วยหันมามองทันที

     

                ...หายไปน่ะ เอเวียน่าว่าอย่างไม่ใส่ใจ

     

                เลยตามหากันอยู่...เมื่อกี้ข้านึกว่าหมอนั่น ก็เลยเอาคทาออกมา

     

                อัลบังคับหน้าตัวเองให้เป็นปกติ ...งั้นเหรอ

     

                และนี่...ก็เป็นเรือของคาเบรีย คริซบอกว่าเจ้าควรจะอยู่ที่นี่ดีกว่า ห้องของเจ้าน่ะซ่อมเสร็จแล้วก็จริง แต่ส่วนต่างๆ กำลังเริ่มเสียงหนวกหูทั้งวัน อีกอย่าง...ที่นี่ก็มีอาหารอร่อยและห้องน้ำสะอาด เอเวียน่าอดไม่ได้ที่จะประชดในช่วงท้าย

     

                แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ

     

                อยากรู้อะไรอีกมั๊ย เอเวียน่ากล่าว น้ำเสียงคล้ายประชด

     

                อัลยิ้มนิดๆ ข้าหลับ...เขาลังเลที่จะถาม

                ...ไปนาน...

     

                สามวัน หญิงสาวกล่าวเรียบๆ ไม่สนใจดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นของเขา มีอะไรอีกมั๊ย

     

                กัปตันหนุ่มจ้องมองหน้าเธอ เก็บเรื่องที่ตัวเองหลับไปนานเอาไว้ก่อน ไม่

     

                งั้น...ตาข้า เอเวียน่าเดินมาเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะ ดึงสร้อยเส้นหนึ่งออกมา...คริสตัลสีขาวส่องสว่างอยู่ที่ปลายของสร้อยเส้นนั้น หญิงสาววางลงที่เตียง

     

                คริสตัลของเจ้า ไหนลองอธิบายมาสิ เจ้ามีของแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่บอกข้า นักล่าหัวสาวดึงเก้าอี้มานั่ง แสดงให้เห็นว่าเธอตั้งใจจะฟังเรื่องที่เขาเล่า

     

                ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่บอกเจ้าหรอกนะ ข้าบอกแล้วว่าอย่าโมโหไปเลย อัลกล่าว เขาหยิบคริสตัล คล้องเข้าไปที่คอของตัวเองแล้วเก็บมันเอาไว้ใต้เสื้อ เพียงแต่คิดว่าไม่รู้ก็ดีแล้ว

     

                ข้าควรจะรู้ไม่ใช่เหรอ หญิงสาวหรี่ตา

     

                ก็อาจนะ อัลยิ้ม

                คริสตัลเนี่ย... เขาจับที่คริสตัลใต้เสื้อของตัวเอง ดวงตาเหมือนเหม่อไปไกลแสนไกล

     

                เป็นของๆ แม่ข้า...ท่านมอบให้ในวันที่ข้าเกิด ดวงตาของกัปตันราฟาเอลว์เหม่อไปไกลแสนไกล นึกไปถึงตอนที่เห็นหน้าท่านแม่ของตนเองลอยขึ้นมาในสนามประลองโพลิเซี่ยมนั่น ตอนนั้นเขาคิดว่าจะไม่รอดจริงๆ ซะแล้ว

     

                ...ล่ะมั้งและชายหนุ่มก็หันมาทำหน้าทะเล้นใส่เธอ

     

                เอเวียน่าเหงื่อตก ทั้งๆ ที่เธอจะเชื่อที่เขาพูดแล้วเชียว หมอนี่กลับมาทำเป็นเล่น ข้าไม่ถามก็ได้ เธอว่าอย่างเหนื่อยใจ ความจริงเธอเหนื่อยมาตลอดสามวันและวุ่นๆ กับอะไรหลายๆ อย่าง ไม่มีเวลาได้พบเจอหรือพูดคุยกับใครเลยสาเหตุหลักคือต้องคอยปรนนิบัติชายคนตรงหน้านี่แหละ เหตุเพราะเธอไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เพราะเจ้าพวกนั้นล้วนเป็นผู้ชาย อีกทั้งเธอก็ยังเป็นห่วงเขามากเสียด้วย แต่พอลุกขึ้นมาแล้วหญิงสาวก็ต้องยอมรับว่าเธอโล่งอก ถึงแม้เธอจะพูดอะไรไม่ค่อยเหมาะก็ตาม ต้องโทษอารมณ์ขุ่นมัวของเขานั้นแหละ...เธอไม่ผิดเสียหน่อย

     

                จะทานอะไรมั๊ย...หิวรึเปล่า

     

                ก็ดี กัปตันราฟาเอลว์พยักหน้า

     

     

     

                หลังจากที่อัลทานอาหารเสร็จแล้ว เหล่าห้าตำแหน่งสูงสุดของเรือราฟาเอลว์ ก็ถูกกัปตันเรียกเข้าประชุมเพื่อคุยเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา เรื่องที่เกาะวิวเมดท์ เรื่องคริสตัลที่ได้มาใหม่ เรื่องคาเบรียและซีคท์ รวมถึงเรื่องของเอ็ดเวิร์ด ซึ่งเอเวียน่าไม่เกี่ยวข้องใดๆ จึงจำต้องออกมาทั้งๆ ที่เธออยากดูอาการเขาอีกซักหน่อยแท้ๆ หลังจากการประชุมเสร็จ ยังมีคำสั่งล่วงหน้าให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ดาดฟ้าเรือราฟาเอลว์ เพื่อประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งถึงเรื่องราวต่างๆ ต่อจากการประชุมเฉพาะผู้นำในครั้งแรก จากเวลาบ่ายคล้อยล่วงเลยมาถึงยามค่ำ พระอาทิตย์เริ่มที่จะลาขอบฟ้าแล้ว คนแรกที่ออกมาจากห้องประชุมก็คือ โอลิเวอร์ ฮอคซ์ และคริซโตเฟอร์...

     

                ลูกเรือราฟาเอลว์ทั้งหมดเมื่อเห็นสองในห้าตำแหน่งสูงสุดบนเรือเดินออกมา ก็เข้ามานั่งบนพื้นดาดฟ้าหน้าลังไม้ที่อัลนั่งเป็นประจำ รอคอยกัปตันของพวกเขา สภาพของดาดฟ้าเรือ ได้รับการซ่อมแซมจนมีสภาพดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ รอยไหม้จากเหตุการณ์ที่เจอ แทบไม่เหลือแล้ว...ต้องยกความดีความชอบให้กับเหล่าลูกเรือที่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

     

                ย่างก้าวที่เข้ามาของชายหนุ่มผมสีแดงเพลิง ผ้าคลุมไหล่ลงมา ผ้าคาดผมที่เขาไม่เคยคาดตอนนี้คาดอยู่บนหัว อาจเพื่อปกปิดรอยแผลจากการต่อสู้กับพญาราชสีห์บนเกาะวิวเมดท์ กัปตันราฟาเอลว์ ถูกประกบด้วยสองรองกัปตันด้านข้าง แล้วเขาก็ค่อยๆ นั่งบนลังที่ประจำของเขา ด้านหลัง สี่ในห้าตำแหน่งสูงสุดบนเรือยืนอยู่...รองกัปตันสองคน ผู้รู้แห่งราฟาเอล์ และสายสืบของเรือ

     

                อัลรับไวน์เนื้อดีจากคริซโตเฟอร์ จิบเล็กน้อย แล้วมองไปที่ลูกเรือเบื้องหน้า สวัสดี...พี่น้องราฟาเอลว์ เสียงพูดขึ้นในความเงียบ พร้อมรอยยิ้มที่แสดงความมุ่งมั่นอยู่เสมอ

     

                เสียงเฮดังขึ้นมา สวัสดีกัปตัน

     

                ว่าไงกัปตัน

     

                และอีกหลายเสียงที่จับความไม่ได้ ที่รู้คือเสียงเล่านั้นมีความยินดีปนอยู่อย่างท่วมท้นเมื่อเห็นว่ากัปตันของพวกเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เพราะอาการเมื่อสามวันก่อนของเขาน่าตกใจระคนใจหายกันไปเป็นแถบๆ

     

                กัปตันหนุ่มยิ้มรับอย่างอ่อนโยน เขารอให้เสียงต่างๆ เงียบลงและเริ่มพูดต่อ ดูเหมือนพวกเจ้าจะสบายดีทุกคน ส่วนข้า... อัลเว้นช่วง

     

                ตอนนี้เจ็บไปหมดเลยแฮะ เขายิ้ม

     

                ...แต่ก็ไม่เลวร้ายเท่าไร

     

                เอเวียน่ายืนอยู่ที่บริเวณขอบเรือ อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามรอยยิ้มของผู้นำสูงสุดบนเรือแห่งนี้

     

                เอ้าๆ อัลหัวเราะเบาๆ ส่งเสียงบอกว่าถึงตาเขาพูดแล้ว

     

                ข้าก็ไม่อยากรบกวนพวกเจ้านะ แต่วันนี้มีหลายเรื่อง เพราะฉะนั้น...ข้ากลัวพวกเจ้าไม่ได้นอนกันน่ะ ช่วยฟังหน่อยล่ะกัน กัปตันหนุ่มกล่าว แล้วเสียงต่างๆ ก็สงบลง ใบหน้าของทุกคนมีรอยยิ้มที่ดูโล่งอกอีกครั้งในอาการของผู้นำของเขา

     

                ก่อนอื่น...ในที่สุดวันนี้ ไม่ใช่สิ...ความจริงตั้งแต่สามวันที่แล้ว พวกเราก็ได้เหยียบพื้นทะเลซักที ต้องขอบคุณพวกเจ้าทุกคน วันนั้นข้าไม่ได้บังคับการเอง แต่พวกเจ้าทุกคนก็ออกเรือได้ แล้ว...ข้ารอดมาได้ก็เพราะพวกเจ้านี่แหละ...ที่สำคัญที่สุด ต้องขอบคุณเจ้ามาก...คริซโตเฟอร์ อัลเหล่ตามองไปที่ด้านหลังของเขา

     

                คริซยิ้มบางๆ ก้มหัวรับอย่างเคารพ หากข้าไม่ช่วยใครจะช่วยล่ะ เสียงสูงของสตรีกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

     

                กัปตันหนุ่มยิ้ม อีกอย่าง...ในที่สุด คริสตัลอันที่สามก็มาอยู่ในมือเราแล้ว...อันนี้ ต้องขอบคุณฝาแฝด คิวโอดิวโอ

     

                ทุกสายตาหันไปมองเจ้าสองฝาแฝดที่นั่งอยู่กลางวง เสียงพูดคุยอย่างยินดีดังขึ้น พร้อมกับมือที่เข้ามาลูบหัวเด็กทั้งสองจนหัวยุ่งไปหมด

     

                ปล่อยข้านะ อลัน!” เสียงไม่ค่อยพอใจของหนึ่งในนั้นกล่าวขึ้น

     

                เจ็บนะ!” อีกคนหนึ่งก็ไม่น้อยหน้า แต่กระนั้น รอยยิ้มบางๆ ก็เผยอยู่บนใบหน้าของเด็กทั้งสองคน

     

                กัปตันราฟาเอลว์มองไปรอบๆ แล้วก็สบตากับสตรีสาวคนเดียวบนเรือ ข่าวดีอีกข่าวหนึ่งชายหนุ่มเว้นช่วง

     

                ข้าว่า...ข้าจะเปลี่ยนตำแหน่งสูงสุดบนเรือซักหน่อย กัปตันหนุ่มลุกขึ้นยืน เขาหันไปหยิบผ้าคลุมไหล่สีน้ำตาลจากรองกัปตันคลิฟท์ เสียต่างๆ เงียบลงอย่างตั้งใจฟัง อัลก้าวเท้าตรงไปที่ๆ เอเวียน่ายืนอยู่

     

                กัปตันก็คือข้า ส่วนรอง ก็จะมีคลิฟท์และไรอัล ผู้รู้...คริซโตเฟอร์ สายสืบ ฮอคซ์และก็... เขาก้าวเท้าอีกข้างหนึ่ง หยุดตรงที่หน้าเอเวียน่า

     

                ข้าจะเอายังไงกับเจ้าดี อัลถามเบาๆ

     

                เอเวียน่ายิ้ม ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรนะแต่...

     

                ผ้าคลุมสีน้ำตาลถูกคลี่ออก กัปตันราฟาเอลว์พาดมันไว้ที่ไหลของสตรีเบื้องหน้า จะปฏิเสธก็สายไปแล้ว เขากล่าวยิ้มๆ แล้วหันหน้ามาทางลูกเรือทั้งหลาย

     

                ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...เอเวียน่าจะเป็นหนึ่งในรองห้าตำแหน่งแห่งราฟาเอลว์...เป็นผู้ช่วยของข้า

     

                เสียงร้องเฮดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนดูเหมือนจะยินดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ได้ประกาศในวันนี้...ยกเว้นเธอ

     

                ข้าไม่เอาด้วยนะ เอเวียน่ากล่าวอย่างวิตก เธอไม่ได้ต้องการแม้แต่จะเป็นลูกเรือของเขาเลย ข้อนี้เธอไม่อาจลืม เพราะเธอต้องการจะไปหมู่เกาะเอร์ซิลต่างหาก ถึงแม้...ใช่!…ถึงแม้อาจจะไม่ไม่ทันกำหนดเวลาแล้วในตอนนี้ก็ตามที แต่เธอก็อยากจะไปที่นั่น และไม่ต้องการที่จะเป็นลูกเรือของราฟาเอลว์ ไม่ต้องการตำแหน่งที่ชายหนุ่มมอบให้เลยแม้แต่น้อย

     

                ข้าบอกว่าสายไปแล้วไง กัปตันหนุ่มกล่าวอย่างเอาแต่ใจ

     

                มันไม่เกี่ยวกันนะ เสียงร้องของเธอถูกกลบไปด้วยเสียงที่เกิดขึ้นบนเรือ เสียงยินดี เสียงร้องเพลง เสียงดนตรี ที่ดูเหมือนจะเริ่มงานปาร์ตี้แล้ว

     

                กัปตันราฟาเอลว์ดันตัวของหญิงสาวไปรวมกับสี่คนที่เหลือ และเขาก็นั่งลงที่ลังไม้เช่นเดิม พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ราวกับคนหมดแรง

     

                โอลิเวอร์เข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง เหนื่อยเหรอ นายท่าน

     

                ชายผมสีแดงเพลิงเช็ดเหงื่อ นิดหน่อยน่ะ

     

                ฝืนมากไม่ดีนะ อัล คริซพูดขึ้นมาบ้าง

     

                ข้าพยายามอยู่

     

                เจ้าดูไม่เห็นเหมือนคนป่วยตรงไหนเลย เอเวียน่ากล่าว เธอไม่พอใจในเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ จึงไม่ได้สนใจและสังเกตอาการของคนตรงหน้า ไม่อยากมองหน้าเขาด้วยซ้ำ หญิงสาวเลยหันตัวเบี่ยงไปอีกทาง

     

                แต่อัลกลับหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปสนใจลูกเรือต่อ เอ้า จะพูดต่อแล้ว เขาว่า ทำให้ลูกเรือบางคนส่งเสียงอย่างไม่พอใจ ถึงอย่างนั้นก็ยอมนั่งลงที่เดิมแต่โดยดี

     

                ข่าวดีหมดไปแล้ว...ข้าก็ไม่อยากพูดต่อแต่ว่า ตอนนี้ทุก...

     

                แขนของใครบางคนเข้ามาสะกิดที่ไหลเอเวียน่า เธอหันมามอง เจ้าคิดว่าหมอนั่นพยายามแค่ไหนที่จะทำให้ดูเหมือนคนปกติ คริซโตเฟอร์พูดขึ้นเบาๆ ทว่าสายตามองไปที่กัปตันเรือของเขาที่ตั้งใจพูดเรื่องที่ประชุมมาต่อไป

     

                เจ้าไม่สังเกตรึไงว่า วันนี้น่ะ...อัลเร่งที่จะพูดเรื่องราวให้จบเร็วๆ ผู้รู้หันมาสบตา

     

                เอ่อ... เอเวียน่านึกคำพูดไม่ออก เมื่อสายตาของคนตรงหน้ามีแววของความโมโหอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

     

                แล้วคริซก็หันหน้าหลบไปอีกทาง

     

                เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นที่อีกข้างหนึ่งของเธอ เอาน่า เอเวียน่า คลิฟท์นั่นเอง เขาพูดขึ้นบ้าง

     

                หมอนั่นแค่เป็นห่วงกัปตันเท่านั้น...อัลน่ะพยายามมากจริงๆ ที่เดินไปลากเจ้ามาได้เนี่ย เจ้าไม่สังเกตเลยเหรอว่ากายของหมอนั่นสั่นแค่ไหน เหงื่อที่มือน่ะแฉะแค่ไหน...มันคงไม่ต้องการให้ใครเป็นห่วง

     

                ถึงได้ออกมาเพื่อให้ลูกเรือเห็นหน้า...ข้าว่านะ หมอนั่นน่ะ เอาแต่ใจดีๆ นี่เอง คริซหันมากล่าวอย่างไม่พอใจ

     

                เอาน่าๆ คลิฟท์พูด

     

                โกธรไปก็เท่านั้น ยังไงซะ ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก หมอนั่นเล่นหักโหมซะขนาดนั้น คงต้องนอนยาวพอดู เขามองไปที่หลังของกัปตันราฟาเอลว์ ซึ่งบัดนี้ ชุ่มแฉะไปด้วยเหงื่อ ทั้งที่นั่งอยู่เฉยๆ แท้ๆ แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังมีใบหน้ายิ้มแย้ม ประจวบกับเวลาเริ่มมืดค่ำ จึงไม่ทำให้ลูกเรือคนไหนสังเกตเหงื่อที่ไหลมาตามใบหน้าของเขา

     

                ข้ารู้หรอกน่า เอเวียน่าพึมพำ ความจริงเธอก็รู้มาตั้งนานแล้ว ว่าอัลน่ะ เป็นคนที่พยายามมากแค่ไหน ผู้ชายที่ช่วยเธอจากไฟไหม้ที่เธอกลัวแสนกลัว ชายหนุ่มพยายามแม้ตัวเองจะไม่มีแรงใดๆ เหลือเลย ก็ยังอุตส่าห์เป็นห่วงเธอ เข้ามาแกะเชือกออกให้ในตอนที่อยู่ในสนามโพลิเซี่ยม แล้วยังพยายามช่วยเธอหลายต่อหลายครั้งอีก ถึงตอนนี้เธออยากจะขอบคุณเขากับเรื่องที่ผ่านมา แต่ก็ยังหาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้ซักที

     

                เอ็ดเวิร์ดน่ะ ต้องการตัวเจ้าใช่มั๊ย คริซถาม

     

                เฮ้ คริซ คลิฟท์พูดขัดจังหวะ

     

                อะไรนะ...เอเวียน่าหันไปสบกับดวงตาสีมรกต ได้ยินข้อความเมื่อครู่ไม่ถนัดนัก เจ้าพูดว่า...

     

                ไอ้คำที่กล่าวว่า ผู้หญิงคือหายนะ บนเรือโจรสลัดเนี่ย ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อนะ แต่ว่า... ผู้รู้ราฟาเอลว์เหล่ตา

     

                ...อาจจะมีมูลจริงๆ ก็ได้...จริงมั๊ย

     

                เอเวียน่ากระพริบตา เอ็ดเวิร์ดต้องการตัวเธออย่างนั้นเหรอ...นี่มันเรื่องอะไรกัน...หญิงสาวหลบตาคนข้างกายมองไปที่ที่กัปตันหนุ่มกล่าวปล่อยให้หัวสมองทำงาน เอ็ดเวิร์ดต้องการ...ตัวเธองั้นเหรอ เธอเนี่ยนะ! แล้ว...ดวงตาหยุดลง ความคิดทั้งหมดก็เช่นกัน เสียงของอัลเงียบหายไปแล้ว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...

     

                ภาพของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนในความคิด บัดนี้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าสร้างความแตกตื่นให้ทั่วทั้งเรือ เหล่าสี่ตำแหน่งรองผู้นำ วิ่งเข้าไปหากัปตันเรือราฟาเอลว์ซึ่งได้แต่เพียงนั่งจ้องหน้าของผู้บุกรุกเข้ามา

     

                ถึงข้าจะไม่ได้รับเชิญ แต่ก็ช่วยชีวิตผู้นำของเรือไว้ล่ะนะ เสียงทักทายที่ไม่อยากได้ยินดังขึ้น ลูกเรือทั้งหลายพร้อมอาวุธประจำตัวพุ่งเข้าใส่เป้าหมายตรงหน้าทันที

     

                รองผู้นำทั้งสี่ประกบร่างของบุรุษซึ่งเป็นผู้นำสูงสุด

     

                เอเวียน่ายืนนิ่ง เธอถูกทุกอย่างทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง อัลอยู่ตรงหน้าเธอ ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ แต่เธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะก้าวต่อไปบนเรือราฟาเอลว์ของเขา...ที่ได้ยินเมื่อครู่นี้คืออะไร เอ็ดเวิร์ดต้องการตัวเธออย่างนั้นเหรอ สาเหตุทุกอย่างมาจากตัวเธอรึไงกัน แต่ว่า เอ็ดเวิร์ด เพื่ออะไรล่ะ...ดวงตาจ้องมองภาพเบื้องหน้าที่ไม่แน่ใจว่าตัวเธอจะเข้าไปช่วยดีหรือไม่

     

     

    */*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×