ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Treasure Magic ผจญภัยขุมทรัพย์แห่งเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 16 - คริสตัลดวงดาว (2021 NRW)

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 64


                ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนเจอ เมื่อเข้าไปสุดทางเดิน ผนังห้องคงทำด้วยไม้เพราะท่าทางไม่แข็งแรงเท่าที่ควร เปลือกไม้เริ่มร้าวออกมา คงเพราะทนแรงที่กดจากข้างบนไม่ได้ อย่างไรก็ตามห้องทั้งห้องก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่ภายใต้หินงอกหินย้อยมากมาย แสงสว่างจากคบเพลิงมือ ทำให้เห็นบรรยากาศรอบๆ ห้องนี้เพียงสลัวๆ เท่านั้น

     

                เอเวียน่าเดินเข้าไปจุดคบเพลิงที่มุมทั้งสี่ของห้อง แล้วแสงสว่างก็เข้ามาแทนที่ความมืดมิด ทำให้สิ่งที่อยู่รอบๆ กาย สว่างขึ้นทันตา ห้องสีน้ำตาลไม้ปรากฏขื้น ขนาดของมันไม่กว้างขวางพอ ห้องดูแคบไปถนัดตาเมื่อ คนทั้งหมดเข้ามาอยู่ในที่แห่งนั้น

     

                โต๊ะไม้ธรรมดาๆ ตัวเล็กๆ บนโต๊ะมีขวดหมึกเก่าๆ และแผ่นรองกระดาษที่ทำจากไม้สีเข้ม ซึ่งทั้งสองอย่างเต็มไปด้วยใยแมงมุม...สิ่งของทั้งหมดที่อยู่ในห้องนี้...ปริศนา

     

                คริซโตเฟอร์ปล่อยร่างของอัลลงที่ข้างผนังแล้วเข้าไปดูสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ เขาจับๆ สิ่งของเหล่านั้นอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะหยิบผลึกสีและแผนที่ออกมาวางไว้ ความคิดในสมองเริ่มแล่นอย่างช้าๆ

     

                ผลึกสี แผนที่ ขวดหมึก และแผ่นไม้? หัวสมองใช้ความคิดอีกครั้ง บรรยากาศรอบๆ ห้องเงียบกริบ ดูเหมือนว่าทุกๆ คนจะรู้ดีเลยได้แต่เงียบเอาไว้ ปล่อยให้ชายเผ่าอะลาศได้ใช้ความคิดอย่างเต็มที่

     

                ชายหนุ่มหยิบแผ่นไม้ขึ้นมา มือเรียวปัดใยแมงมุมออกจากแผ่นลองกระดาษเก่าๆ เผยให้เห็นเป็นตัวหนังสือ ปลายทางแห่งรุ้งคือสมบัติ...แต่ก่อนจะถึงคือการเดินทาง…” คริซอ่าน

     

                หมายความว่าไง คำถามมาจากออร์ดีน

     

                เอาผลึกมาให้ข้า คริซโตเฟอร์ออกคำสั่งอย่างไม่ฟังเสียงใคร

     

                คาเบรียจำต้องส่งผลึกให้อย่างเสียไม่ได้

     

                ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์รับมาและมองผลึกที่สมบูรณ์แบบ เขามองหา การเดินทางที่แฝงไว้ในผลึกยาวอันนั้น ดวงตาสีมรกตหรี่ลง เห็นรอยนูนที่ข้างผลึก รอยขีด กับ...วงกลม เขาพึมพำ

     

                ว่าไงล่ะ เอเวียน่าเดินเข้ามาถาม

     

                มันแปลกๆ เขายื่นผลึกให้หญิงสาวดู

     

                เจ้าว่ารอยนี่…”

     

                มันคืออะไร

     

                จะรู้เหรอ เขาเริ่มอารมณ์เสีย

     

                ลองอ่านดูมั๊ย หัวของเจ้าเด็กฝาแฝดโผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยบนโต๊ะ

     

                อ่านยังไง... คำพูดหยุดลง สายตาเลื่อนไปยังสิ่งของบนโต๊ะ แล้วเขาก็นึกออก! คริซเอาผลึกจุ่มลงในขวดหมึกดำทันที!

     

                เฮ้ย!” คาเบรียร้องเสียงหลง

     

                เจ้าทำอะไรน่ะ

     

                ชายหนุ่มไม่สนใจ เขากางแผนที่ออก และเลื่อนผลึกจากล่างของแผ่นกระดาษขึ้นไป เป็นทาง ตั้งแต่ต้นกระดาษจะถึงสุดปลายกระดาษอย่างพอดี

     

                รอยขีดเล็กๆ ขีดไปโดยรอบของแผนที่ ขีดเล็กๆ นั้น เกิดขึ้นเป็นช่วงๆ ไม่ทั่วทั้งแผ่น แล้วสัญลักษณ์ที่คริซจับได้ก็เห็นเด่นชัดขึ้นมา สัญลักษณ์สองขีดรวมกันตรงจุดเริ่มและแยกออกจากกันตรงปลายเหมือนใบหญ้า ใบหญ้านั้นเผยออกมาให้เป็นรูปของวงกลมหนึ่งวง รอบๆ สัญลักษณ์ มีรอยขีดไขว้กันเป็นกากบาทเล็กๆ หกทิศ

     

                เป็นไงบ้าง หญิงสาวถามเพราะไม่ทราบความหมายในสัญลักษณ์ที่เห็น

     

                คริซโตเฟอร์ขมวดคิ้ว แล้วเขาก็พยักหน้านิดๆ ชายหนุ่มนั่งลงตรงหน้าสองฝาแฝดแห่งราฟาเอลว์ คิวโอ ดิวโอ

     

                หน้าตาน่ารักของเด็กทั้งสองที่ไม่รู้เรื่องราวได้แต่เอนหัวไปมาอย่างสงสัย อะไรเหรอ เสียงถามจากเจ้าเด็กแฝดคนหนึ่ง

     

                อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง ผู้รู้ตำหนิ ทำให้ทั้งสองหน้ามุ่ย

     

                นี่เป็นงานของเจ้า บอกมาสิว่าคริสตัลอยู่ที่ไหน

     

                ทั้งสองลังเลนิดนึง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แล้วจะให้ข้าทำไง

     

                ใช้ความรู้สึก

     

                เสียงของคริซราวกับท่วงทำนองเพลงช้า กล่อมให้ทั้งสองค่อยๆ หลับตาลงอย่างสงบ มือข้างหนึ่งของทั้งคู่จับกันไว้แน่นหนาพอที่หากใครจะดึงคงต้องพยายามหน่อย เส้นผมสีเงินปลิวพลิ้วในที่ๆ ไม่น่าจะมีลมโบกเข้ามาถึงได้เลย ความเงียบเกิดขึ้น จ้องมองเพียงร่างของเด็กอายุสิบหกทั้งสองคน

     

                ...ความเงียบสนิท...

                ...ได้ยินเสียงลมแผ่วๆ...เอเวียน่ารู้สึกเช่นนั้น

     

                ดวงตาลืมขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังของคนหลายๆ คน หวังว่าทั้งสองฝาแฝดจะให้คำตอบที่พวกเขาอยากได้

     

                ลงไปด้านล่างอีกหนึ่งในนั้นกล่าว

     

                ข้ารู้สึกได้ถึงพลังอุ่นๆ อีกคนว่า

     

                คริซโตเฟอร์พยักหน้า “โอเค เขายิ้ม และลุกขึ้นยืน ลองผลักสิ่งของที่อยู่ในห้อง แล้วโต๊ะก็เปิดออกอย่างง่ายดาย

     

                เจ้าไปก่อนเขาว่าเมื่อเห็นบันได

     

                อืม ฝาแฝดหยิบคบเพลิงอันหนึ่งแล้วเดินลงไป

     

                คริซโตเฟอร์เข้าไปพยุงกัปตันที่ดูท่าทางอาการแย่ทุกขณะ ฟิลิปเข้ามาช่วยด้วยอีกคน และพวกเขาทั้งหมดก็ลงไปสู่เบื้องล่าง...ยิ่งกว่าเดิม

     

     

     

                ทำไมคิวกับดิวถึงรู้ เอเวียน่าถามอย่างสงสัย

     

                เผ่าเออร์ลิน... คริซกล่าว

     

                ...สัญลักษณ์นั่นไงล่ะ

     

                หญิงสาวตาโต เจ้าหมายความว่า...สองคนนั่น เธอชี้ไปที่เด็กแฝดด้านหน้า

     

                เป็นคนเผ่าแห่งลมงั้นเหรอ เธอพึมพำ

     

                เจ้าคิดว่าไงล่ะสายตาของคริซหรี่ลงมองเธอ

     

                ไม่น่าเชื่อ เอเวียน่าว่าเบาๆ นัยน์ตาสะท้อนภาพของเด็กชายร่างเล็กอายุสิบหกปี ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าพวกเขา อาจจะอายุเท่าเธอ หรืออาจจะห่างจากเธอแค่ปีเดียวเท่านั้น

     

                ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์มองฝาแฝดเช่นดังเอเวียน่า อย่างที่เจ้าคิด...สองคนนั่นไม่ใช่คนเผ่าเออร์ลินอีกต่อไป...

     

                ยังไ...คำถามกลืนหายไปในลำคอ เมื่อร่างกายของเธอสัมผัสได้ถึงแสงสว่างสีเงินอ่อนๆ และไออุ่นเข้ามาแทนที่ความมืดมิดและเวิ้งว้าง แสงสว่างที่ปลายทางของความมืดเหมือนดังเช่นที่เคยฝัน แต่เมื่อตอนหลับใหล แสงสว่างคือการลุกขึ้นตื่น แต่ในบัดนี้ แสงสว่าง...คือความงดงามเกินบรรยาย

     

                เพดานสูงเสียดฟ้า สูงเกินกว่าที่จะมองเห็นได้ถนัด จึงเห็นเป็นเพียงแสงสีฟ้าอ่อนๆ เหมือนปุยเมฆเมื่อยามอยู่บนพื้นดิน ทุกทิศปกคลุมไปด้วยสีเขียวของป่าไม้ที่ไม่น่าจะมีอยู่ในที่แห่งนี้ แสงสีทองเล็กราวหิ่งห้อยบินอยู่มากมายเหนือที่นั่น...ทูตสาวมีปีกตัวเล็กๆ บินเคลื่อนที่ไปรอบๆ สถานที่นั้น แสงสว่างสีเงินเข้มมาจากทิวเขาสูงยาวเสียดฟ้า แต่ฐานของสิ่งนั้นกว้างเพียงไม่มาก สิ่งที่อยู่เหนือสุด สิ่งที่ส่องสว่าง...ที่นั่น คือแก้วเจียระไนงดงามหมดจด กำลังล่องลอยราวกลับมีพลังประหลาดดึงดูดเอาไว้

     

                ดวงตาทุกดวงหยุดนิ่งกับสิ่งที่พบเห็น ร่างกายขยับไม่ออกเหมือนโดนตรึงเอาไว้กับความงดงามเหลือหลาย ทูตมีปีกตัวเล็กๆ หลายองค์ มองหน้ากันไปมาอย่างฉงนใจ และบินตรงเข้าไปหาสองฝาแฝดทันที ร่างเล็กๆ ของทูตหายไปเมื่อเข้าใกล้ทั้งสอง แล้วทันใดนั้น ร่างกายของสองฝาแฝดก็มีออร่าสีทองเข้มขึ้นมา

     

                เหวอ... คิวโอ ดิวโอร้องขึ้นเมื่อตัวเองลอยขึ้นช้าๆ ท่าทางดูไม่ได้ ไม่เท่ห์เลยซักนิดกับการลอยได้ครั้งแรกของพวกเขาด้วยพลังของคนอื่น

     

                ร่างของทั้งสองลอยสูงขึ้น สูงขึ้น และหยุดลงที่คริสตัลสีขาวที่ส่องแสงสว่างสีเงินเจิดจ้า เมื่อมือเล็กๆ เอื้อมเข้าไป แล้วแสงสีเงินสว่างก็ดับวูบลง คริสตัลสีขาวตกลงมาในมือของเด็กทั้งสอง พร้อมกับร่างเด็กทั้งสองที่ดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดถอนหายใจเฮือกอย่างรู้สึกใจหาย แต่เท้าของทั้งสองก็แตะพื้นเบาๆ โดยไม่เป็นอะไร

     

                เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอกไปตามๆ กัน

     

                คริซโตเฟอร์ปล่อยร่างของอัลลง ออร์ดีนจึงเข้ามาพยุงร่างของกัปตันหนุ่มที่หมดสติไว้แทน...ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์ไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวชายผู้นั้น

     

                ขอข้าดูหน่อยได้มั๊ย เขาเรียกร้องความสนใจจากเด็กชายทั้งสองที่จ้องมองร่างของทูตที่ออกมาจากร่างกายพวกเขาอย่างเพลิดเพลิน

     

                สองฝาแฝดส่งให้ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์อย่างว่าง่าย คริสตัลลงสู่มือ แสงสีเงินสว่างวาบที่ด้านในของมัน คริสตัลสีขาวในตำนานผ่าออกเป็นสองซีกกลางอากาศก่อนจะตกลงสู่มือคริซโตเฟอร์ ชายหนุ่มมองอย่างประหลาดใจ เขาเอามือลูบผิวมันอย่างเบามือ คริสตัลแบ่งออกกันอย่างละครึ่ง และผิวที่ผ่าออกก็เรียบราวกับถูกตัดด้วยของมีคมมากๆ ในฉับเดียว คริสตัลนี่... เขาพึมพำ

     

                “…ยอมรับการเป็นนายของพวกเจ้าทั้งสองชายหนุ่มยื่นมันคืนให้แก่เด็กชายทั้งคู่

     

                รักษาให้ดี ยังไงมันก็เป็นชิ้นเดียวกัน คิวโอและดิวโอหยิบผลึกคริสตัลขึ้นมา

     

                พวกเจ้าคงต้องอยู่ด้วยกันมากขึ้น ต่อไปตัวคงต้องติดกันเลย ผู้รู้ว่า คำพูดเหมือนเทศนาสั่งสอน แต่กลับแฝงความห่วงใยไว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ

     

                ได้เสมอ ทั้งสองยิ้มรับอย่างเชื่อฟังคนตรงหน้า

     

                ตึง!!’ เสียงผลักร่างล้มลง คริซหันมามองภาพเบื้องหลังทันที ตัวเขานึกว่าเป็นกัปตันที่ล้มลงแต่เปล่า คนที่ล้มลงก็คือฟิลิป เขาถูกผลักจากผู้ชายคนนั้น

     

                ใบหน้าของออร์ดีนมีรอยยิ้มอย่างเย็นชา ผมสีดำสนิทถูกปล่อยลงมา บุคลิก กลับกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างจากคนสุภาพโดยสิ้นเชิง ส่งคริสตัลมา เขาว่า ดวงตาสบกับคริซโตเฟอร์ที่ดูมีอำนาจและแข็งแกร่งที่สุดในที่นี่อย่างเย้ยหยัน

     

                คาเบรียสะดุ้งขึ้นนิดนึง ก่อนเริ่มสำรวจตัวเอง เขาจับที่ข้างตัวเพื่อค้นหาคริสตัลสองอันที่ยึดมาจากอัลและเอเวียน่า

     

                หาอะไรหรือ ท่านคาเบรีย คริสตัลสองอันที่เป็นคำตอบของเด็กหนุ่ม อยู่ระหว่างนิ้วสามนิ้วของเขา รอยยิ้มที่ไม่ยอมหุบลงกวนประสาทอย่างเหลือเชื่อ

     

                อยู่ที่นี่รึเปล่าน้า คำพูดยั่วโมโห ทำให้คนตรงหน้าที่ฟังอยู่รู้สึกไม่พอใจไปตามๆ กัน

     

                เอเวียน่าไม่ชอบรอยยิ้มนี่เลย แต่จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากอยู่เฉยๆ เหมือนคนอื่นๆ เมื่อผู้ป่วยไม่มีทางสู้อยู่ในกำมือขอคนตรงหน้า ...ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ...กัปตันราฟาเอลว์

     

                ความเงียบเกิดขึ้น ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์สบตาเขากลับอย่างท้าทาย ดวงตาสีมรกต เหลือบไปทางร่างของผู้นำสูงสุดของเรือ ซึ่งตอนนี้ใบหน้าซีดขาวอย่างน่ากลัว แรงทั้งหมดของอัลคงไม่เหลือแล้ว ร่างกายคงอ่อนล้าเต็มที ร่างคงหนักอึ้งเกินกว่าจะลุกหรือขยับต่อไป คงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแรงของชายที่พยุงเขาอยู่

     

                ทำไมต้องมาหมดแรงเอาตอนนี้ด้วยนะ คริซคิด

                ถ้าอัลยังมีกำลังเหลืออยู่บ้างล่ะก็สถานการณ์คงดีกว่านี้

     

                ส่งคริสตัลมาสองหนุ่ม เขายื่นมืออกมาหาเด็กแฝด

     

                ทั้งสองกำของในมือแน่น

     

                อยากให้เจ้านี้ตายนักหรือไง ออร์ดีนว่าอย่างเหนือกว่า

     

                ข้าสามารถช่วยหมอนี่ได้แต่เจ้าต้องส่งมา

     

                มีสองอันแล้วยังไม่พอหรือไง ดิวโอว่า

     

                เจ้าเป็นใครกันแน่ คิวโอถาม

     

                เสียงเบาๆ ของอะไรบางอย่างที่กระทบพื้นหิน ตามมาด้วยเสียงรอยเท้าวิ่งดังสนั่น คำนวณไม่ได้ถึงจำนวนของกลุ่มคนที่เข้ามา รอยยิ้มเผยออกมาใต้เส้นผมสีดำ ร่างหลายร่างโผล่ออกมาจากด้านหลังของเขาภายในเวลาไม่นาน

     

                แปดคน เสียงพึมพำของเอเวียน่าดังขึ้นเข้าหูผู้รู้ คริซหันไป แล้วต้องกลืนน้ำลายหวาดๆ เมื่อเห็นดวงตาสีส้มของหญิงสาวที่ดูน่าหวาดกลัว ร่างของคนแปดคนที่ปรากฏขึ้นมาหลังชายตรงหน้าตามคำพูดของเอเวียน่า

     

                ข้าเป็นเจ้าหน้าที่แห่งเกาะวิวเมดท์ออร์ดีนประกาศลั่น ชายหนุ่มด้านหลังเขาสวมชุดดำรัดกุม อาวุธครบมือ ล้อมพวกเขาทั้งหมดในพริบตา

     

                คริซโตเฟอร์กลับมาสบตาเขา คืนคริสตัลมาซะ

     

                ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างกวนประสาท หนักส่วนไหนของเจ้า หากข้าจะครอบครองมันไว้

     

                ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์ยิ้มออกมาบ้าง ก็แน่นอนว่า…” เขาเงยหน้าขึ้นอย่างท้าทาย

     

                ร่างที่เจ้าจับอยู่เป็นกัปต...

     

                ข้าไม่รู้จักเจ้า!” เสียงร้องดังอย่างมีความพยายามของชายที่ไม่น่าจะไม่มีแรงเหลือแล้ว อัลตะโกนแล้วก็สะบัดตัวอย่างต้องการจะหลุดพ้น แต่ถึงกระนั้นเมื่อเขาไม่มีแรงพยุง ร่างทั้งร่างก็ล้มลง มือกุมแผลไว้อย่างเจ็บปวด

     

                สายตาของออร์ดีนมองร่างที่ล้มลงอย่างน่าสมเพช ช่างกล้าหาญ เขากล่าวอย่างไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยซักนิด ชายหนุ่มหลับตาลง

     

                จับตัวมันมา...ผู้หญิงนั่นด้วย ชายหนุ่มชี้เอเวียน่า

     

                สองคนนี้เข้าการแข่งขันอย่างผิดกฎควรได้รับโทษคำพูดสุดท้ายเขาหันไปกล่าวกับบุรุษผมยาวเบื้องหน้า

     

                ข้าไม่รู้จักเจ้า... เสียงอัลแผ่วเบา

     

                ข้ารู้จักเขา เอเวียน่าเถียงกัปตันราฟาเอลว์กลับ เธอเข้ามาดูอาการของอัล ดวงตาสีชามีแวววิตกและเป็นห่วง

     

                ไม่เป็นไรนะ

     

                ดวงตาสีน้ำตาลดำแสดงความเจ็บปวด แต่ริมฝีปากกลับมีรอยยิ้มบางๆ เป็น...มากเลย และก็ดูเหมือนสติของชายหนุ่มจะเข้าสู่นิทราไปจริงๆ แล้วคราวนี้

     

                ร่างของชายชุดดำก็เข้ามาดึงอัลกับเอเวียน่าขึ้น และพาทั้งสองออกไปทางที่เข้ามาในตอนแรก ปล่อยข้านะ กล้าดียังไงมาแตะตัวข้า เสียงโวยวายอย่างพยายามจะหนีออกไปของหญิงสาวยังดังอยู่เป็นช่วงๆ

     

                ออร์ดีนเดินตามลูกน้องของตนไป เขาหยุดลงครู่นึงก่อนที่จะออกจากประตูไป พวกเจ้าเก่งที่หาที่นี่เจอ...ข้ารอการค้นพบมันมานานเขาหันมา

     

                ข้ารับรองความปลอดภัยของสองคนนั่นหากเพียงแต่... ดวงตาหรี่ลงมองสองฝาแฝด

     

                ...หากเพียงแต่เจ้าส่งคริสตัลนั้นมา เขาหันหลังเดินต่อ

                ...ถ้าไม่ล่ะก็ รอยยิ้มชายหนุ่มแสยะเย็นเยือก

     

                ...คงอยู่ที่ฝีมือของกัปตันของพวกเจ้า เสียงเงียบลงพร้อมกับร่างที่หายไปในความมืด

     

                ความเงียบเกิดขึ้นชั่วครู่นึง ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์ใช้ความคิดอย่างหนัก บังคับตัวเองให้ยืนนิ่งเข้าไว้...อัลไม่ต้องการให้เขาถูกจับด้วย กัปตันหนุ่มปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขาในครั้งนี้

     

                วิวเมดท์ไม่ต้องการส่งคริสตัลให้กับใคร...อย่างที่เขาคิดไว้ไม่ผิด พวกนั้นคิดว่ามันอยู่ในแผ่นดินของเขาก็ควรเป็นของเขา แต่เปล่าเลยนี่เป็นคริสตัลแห่งเผ่าเออร์ลิน เผ่าลมเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ และเอาคริสตัลมาล่อนักล่าสมบัติน่ะเหรอ คงคิดฆ่าข้าหลังจากที่พวกเจ้าได้คริสตัลไป คริซโตเฟอร์พึมพำอย่างโมโห

     

                อย่าหวังซะให้ยาก... ผู้รู้หนุ่มคิด เขาต้องช่วยกัปตันราฟาเอลว์และเอาคริสตัลสองอันคืนมาให้ได้

     

                เสียงออกแรงของสองฝาแฝดที่พยายามจะพยุงฟิลิปขึ้น ทำลายความเงียบ ทั้งคู่ดึงมือของชายหนุ่มคนละข้างอย่างมีความพยายาม

     

                คริซหันไปมองดูสองเป้าหมายของกัปตันหนุ่ม ท่าทีใจเย็นอย่างเหลือเชื่อ แล้วเจ้าจะทำยังไงต่อไป

     

                คาเบรียสบตาผู้ที่ยิงคำถามมา ก็คงไม่ทำอะไร

     

                จะทำอะไรได้ ซีคท์เสริม

     

                อุตส่าห์รู้จักกันมาตั้งสองปี มีจุดประสงค์อย่างนี้นี่เอง...จะว่าไปพวกเจ้าหน้าที่ก็มีความพยายามดีนะ เขาเหล่ตามาทางอีกคน

     

                ข้ายังไม่ถูกฆ่าเอาหัว นับว่าต้องขอบคุณ เด็กชายกล่าว

     

                คริซโตเฟอร์พยักหน้า คิดในแง่ดีเกินไป ไม่ยักคิดแก้แค้นเหมือนคนทั่วไป ความคิดดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ...พวกเจ้าเป็นคนยิงเรือราฟาเอลว์รึเปล่า ชายหนุ่มตัดสินใจถามตรงๆ เขาคงไม่มีเวลามานั่งคิดแล้วล่ะว่าจะหลอกถามยังไงให้สารภาพออกมา

     

                ยิง? เรือรึ เด็กผมดำบลอนด์ขมวดคิ้วเป็นปม

                เจ้าหมายถึงปืนใหญ่รึเปล่า... หันไปมองคาเบรียครู่นึง

                ข้าจำไม่ยักได้ว่าเรือเรามีปืนใหญ่ด้วย

     

                มีสิ คาเบรียกล่าว

                แต่คนยิงปืนใหญ่เป็น ก็เห็นจะมีแต่ออร์ดีนเท่านั้น มาดสงบของเด็กหนุ่มมองผู้เป็นสหายราวกลับอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่า

     

                อืม...ขอบใจ เขาพูดพลางคิดถึงงานของพวกเจ้าหน้าที่ การกำจัดโจรต้องเป็นอีกงานหนึ่งที่สำคัญอยู่แล้ว

     

                งั้นก็คงใช่จริงๆ

     

     

     

                แรงหนักอึ้งทิ้งลงที่ข้างกาย ด้วยความเจ็บปวดที่ช่วงต้นแขนทำให้ร่างของชายหนุ่มแทบสะดุ้งทันที แต่ถึงกระนั้น แรงที่อยู่ในกายที่แทบจะไม่เหลือก็เหมือนทับร่างไว้ไม่ให้ลุกได้ง่ายๆ ดวงตาสีน้ำตาลดำจึงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ลืมขึ้นมาอย่างวิตก

     

                สภาพดูไม่ได้

     

                ...แล้วก็ต้องถอนหายใจออกแรงๆ อย่างโล่งอก ถึงแม้จะไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ยินคำกวนประสาทแบบนั้นจากปากคนตรงหน้า แต่ก็ยังดีกว่าที่คิดเอาไว้ในหัว มันไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว

     

                อะไรจะโล่งใจขนาดนั้น ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้เหมือนกันนะ ร่างของบุรุษยังไม่ยอมลุกจากข้างเตียง เป็นผลทำให้แผลของเขาสะเทือนบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหล่มองร่างของผู้เคยเป็นสหาย

     

                เจ้าสภาพแย่ เอเวียน่าถูกกักตัว อะไรจะง่ายดายอย่างนี้ เอ็ดเวิร์คกล่าวอย่างกำชัย

     

                ข้ากำลังจะไปหาเธออยู่พอดี ชายหนุ่มหันมาสบดวงตาที่หลับลงอีกครั้ง

     

                แล้วเจ้าคิดยังไงไปยุ่งในการแข่งขัน

     

                ความเงียบเกิดขึ้นครู่นึง เมื่อชายนักล่าหัวรอคำตอบที่ไม่มีทีท่าว่าจะได้ง่ายๆ จากคนที่นอนอยู่ที่เตียง กัปตันราฟาเอลว์ลืมตาขึ้นและถอนหายใจเบาๆ พูดมากชะมัดแล้วเขาก็พลิกตัวหลบ

     

                รอยยิ้มที่มุมปาก เกิดขึ้นที่ใบหน้าของทั้งสองเพียงแต่พยายามเก็บเอาไว้ ถึงอย่างนั้นก็ยังคงสัมผัสได้ เป็นเรื่องปกติ

     

                สายลมเย็นๆ พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาเยือนในห้องที่ถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง ร่างสองร่างย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่เคยผ่านเลยมาแล้ว ช่วงเวลาเมื่อวัยเด็ก ช่วงเวลาดีๆ ที่เคยเป็นเพื่อนกัน เล่นด้วยกัน สนุกด้วยกัน จนเวลาที่คำว่ามิตรภาพ คำว่าเพื่อนถูกหักหลัง ทำลาย ย่อยยับ เพราะเพียงความแตกต่าง ความเกลียดชังจึงเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว และง่ายดายเหลือเกิน แต่ท้ายสุดหัวใจก็ยังนึกถึงวันเวลาดีๆ ที่เคยมีมา ไว้ในความทรงจำจนถึงปัจจุบัน...

     

                อัลขยับตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ อย่างยากลำบาก

     

                เจ้าจะทำอะไร…” เอ็ดเวิร์ดถามเรียบๆ ด้วยท่าทางเฉยๆ ไม่สนใจ อย่างเดาได้ถึงสิ่งที่เขาต้องการ เพียงแต่ที่ถามออกไปเพราะอยากแน่ใจว่าตัวเองยังรู้ความคิดของชายตรงหน้าเหมือนเดิมทุกอย่างรึเปล่า

     

                ไปจากที่นี่ เขาว่า เป็นคำตอบเดียวกับที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนคิดเอาไว้ อัลขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ทันใดนั้น ศีรษะก็เหมือนถูกกดทับ ร่างก็เหมือนหนักอึ้งจนตัวเขาต้องเอามือกุมศีรษะไว้อย่างเจ็บปวด

     

                เจ้าเสียเลือดมาก และเพิ่งจะพักไปได้แค่ยี่สิบสามชั่วโมงเท่านั้น ยังไม่ถึงวัน เอ็ดเวิร์ดรายยาวเกี่ยวกับอาการของกัปตันหนุ่ม

     

                พักอีกซักหน่อยดีกว่าน่าเขาแนะนำ

     

                อัลลังเลนิดนึง ...เอเวียน่า ชายหนุ่มหยุดนิดนึง พลางเสยผมสีแดงเพลิงเล่น แขนเท้าเข่าอย่างใช้ความคิด

     

                เป็นไงบ้าง กว่าคำถามจะหลุดออกมาเล่นเอาคนฟังเมื่อยขา

     

                ก็ดีกว่าเจ้าเยอะ เขาตอบเรียบๆ

     

                เธอถูกขัง...เมื่อยี่สิบชั่วโมงก่อนก็ถูกสอบสวนยาว แต่เจ้าหล่อนก็ไม่เห็นตอบอะไรมาก...แค่ เขานับนิ้ว

     

                “’ข้าก็แค่สนใจคริสตัลนั่นกับเจ้ากล้าดียังไงมายุ่งกับข้าอะไรประมาณนี้

     

                กัปตันราฟาเอลว์ยิ้มที่มุมปาก แสดงว่าเธอโอเค

     

                ชายนักล่าหัวมองใบหน้าของเขานิดนึงก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ภายในห้อง แล้วนั่งลงมองภาพเบื้องล่าง

     

                เจ้าควรจะเตรียมตัวพร้อมไว้เขากล่าวพลางทอดสายตายาวไกล

     

                พวกเจ้าหน้าที่ดูเหมือนจะตกลงยอมคืนคริสตัลสองอันให้กับเจ้าและเอเวียน่าหากแต่จะต้องลำบากหน่อยกว่าจะได้คืน... นักล่าหัวหนุ่มสบดวงตาของผู้เคยเป็นเพื่อน

     

                ลำบากถึงตาย ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มแสดงถึงแววจริงจังไม่ล้อเล่นเช่นเคย

     

                แล้วไงล่ะ อัลถามอย่างไม่ใส่ใจ

     

                เอ็ดเวิร์ดจึงได้แต่ถอนหายใจ ส่วนอีกอันของเด็กชายเผ่าเออร์ลิน... เอ็ดเวิร์ดหลับตาลง

     

                พวกเจ้าอย่าโลภมากแล้วเอามาคืนซะ ไม่อย่างนั้นอาจโดนตามล่าได้...ข้ารับรองความบ้าดีเดือดของเจ้าหน้าที่วิวเมดท์เอง

     

                กัปตันราฟาเอลว์นิ่ง แล้ว... ชายหนุ่มยิ้มบางๆ

                เจ้ารับรองความบ้าดีเดือดของข้าด้วยรึเปล่า อัลถามทีเล่น

     

                ชายหนุ่มยิ้มตอบ ถ้าอย่างนั้น พวกนั้นก็คงอยากเห็นความบ้าดีเดือดของเจ้าข้าก็อยากรู้ว่าเจ้าจะรอดจากการพิพากษาของเกาะนี้ได้รึเปล่า

     

                ชายหนุ่มนิ่งไปอีกครั้ง คริสตัลอยู่ที่ไหน

     

                เอ็ดเวิร์ดเลี่ยงที่จะจ้องไปทางเขา ชายหนุ่มมองไปยังเบื้องล่างแทน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดจะทำอะไร...เพียงแต่ เขาสูดหายใจ

     

                เอเวียน่าจะลำบาก

     

                ...เอเวียน่า... คำพูดเหมือนซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ลึกๆ

     

                อยู่ที่ไหน

     

                ชายนักล่าหัวถอนหายใจอีกครั้งกับความคิดกับคนตรงหน้า เจ้าไม่สามารถช่วยนางได้ เขาสบตาสหายเก่า

     

                ...ในตอนที่เจ้าเป็นอย่างนี้ เขาต่อ เมื่อคิดได้ว่าคำพูดนั้นอาจจะทำให้คนบ้าดีเดือดที่ร่างกายไม่แข็งแรงตรงหน้าลุกขึ้นมาหาเรื่องเขาได้ง่ายๆ ตัวเขาน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่ตัวมันน่ะสิร่างกายคงจะแย่ลงแน่ๆ

     

                ข้าว่าเจ้าพักผ่อนดีกว่า ยังไงซะพอเจ้าตื่นขึ้นมาอีกที เจ้าก็จะได้คริสตัลสองอันคืน และช่วยเอเวียน่าได้ หากว่า... เขาเว้นวรรคนิดนึง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่สบคนตรงหน้าฉายแววท้าทาย

     

                เจ้ายังเป็นคนเดิมเช่นที่ข้าเคยรู้จัก

     

                ดวงตาสีน้ำตาลดำถูกสะกดทันทีที่จ้องมอง ด้วยจิตใจและร่างกายที่อ่อนแอเกินที่จะต้านทานพลังที่แขงแกร่งกว่า นัยน์ตาปรือลงช้าๆ และปิดลงพร้อมกับคำพูดเลือนลางที่เปล่งออกมา เจ้าไม่เห็นต้องช่วยข้า...ก็ได้ และร่างหนักอึ้งของบุรุษก็ล้มลงเบาๆ ที่เตียง

     

                เอ็ดเวิร์ดเข้าไปจัดแจงให้คนตรงหน้าหลับสบายยิ่งขึ้น เขาห่มผ้าให้ จ้องมองใบหน้าเรียบเฉยยามหลับใหลของกัปตันราฟาเอลว์ นั่นเพราะว่า...นี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายแล้ว... เขาขยับผ้าห่มให้คลุมไหล่ชายหนุ่ม

     

                ที่ข้าจะทำ...ลาก่อน…” เสียงล่ำลาแผ่วเบาราวกลับไม่อยากจะเปล่งออกมา

     

                “…สหายข้า และก็... สิ่งที่อยู่ในใจกับคำพูดที่เหมือนคำสาบานย้ำใจตนเอง

     

                ยินดีที่ได้รู้จัก...ท่าน...ศัตรูในตำนาน

     

                ฟ้าวันนี้โล่งไร้เมฆหมอก ดวงดาวส่องแสงแพรวพราวแข่งกับพระจันทร์สีเหลืองนวลทรงกลด ดวงดาราที่ส่องสว่างคล้อยเผยให้เห็นร่างของสตรีสาวร่างสูงบาง ผมสีทองเงางามปลิวไปตามสายลม ดูงดงามยิ่ง ที่ไหล่เล็กๆ มีสัตว์วิเศษตัวสีเทาเกาะบ่าอย่างยากลำบาก

     

                ...ทั้งสองพักรบชั่วคราว...

     

                ทิงกาเบลเขย่งเท้าอย่างหวังให้ตัวเองได้เห็นภาพหลังกำแพงสูงนั่น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล หนทางเดียวคือการแปลงเป็นนกแล้วบินข้ามไป ...แต่จะทิ้งสหายอย่างยูนิคอนสีเทาที่บ่าเธองั้นเหรอ ข้าอาจจะต้องปีนกำแพงเข้าไปแทนการบิน เทพีสาวบ่นกับตัวเอง

     

                ...เจ้าว่าเจ้าเห็นนายท่านเข้าไปในนั้นแน่เหรอ

     

                ฮี้ เสียงตอบรับอย่างมั่นใจ ที่ไม่มีทางว่าใครจะรู้เรื่องนอกจากสัตว์วิเศษด้วยกันเอง

     

                งั้นคงต้องปีนอย่างเดียว จบคำ นกสาวก็เอามือสองข้างเกาะที่กำแพงอย่างหาที่ยึด ยกขาขึ้นปีนก้าวที่หนึ่งและ...

     

                “’ต้องปีนอย่างเดียว’” เสียงย้อนคำพูดของเธอทำให้เบลเลิกล้มความคิดของตนเองอย่างรวดเร็ว และหันควับมาหาต้นเสียง คนที่ไม่อยากจะเจอเลยตอนนี้มาอยู่ตรงหน้า...โอลิเวอร์ ฮอคซ์

     

                ว่า...ไง เธอพูดตะกุกตะกัก

     

                ชายหนุ่มยืนพิงกำแพง ท่าทางจะยืนมองเธออยู่นานพอสมควร ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า “’ว่าไงงั้นเหรอโอลิเวอร์ย้ำคำพูดของเธออีกครั้ง

     

                เอ่อ...แล้วเจ้ามาอยู่ที่นี่...ได้ไง เบลตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูดทันที

     

                เทพหนุ่มทรงตัวขึ้น เป็นคำถามที่ข้าควรจะถาม แล้วย่างเท้าเข้ามาใกล้

     

                คือว่า...ข้าเห็น...เอ่อ เบลก้มหน้าไม่สบตา แต่เธอก็ยังเห็นเท้าที่ใกล้เธอมากขึ้นทีละก้าว

     

                เออ...นายท่าน คือ... คำพูดติดขัด ผู้ฟังก็ได้แต่เงียบเฉย ทำให้หญิงสาวเริ่มกลัว

     

                คือว่า... แทนที่หน้าเธอจะซีด หญิงสาวกลับรู้สึกว่าหน้ามีสีเลือด ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ในระยะที่ไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ

     

                เอเวียน่าอยู่ในนั้น

                เบลพยักหน้า

     

                เจ้าเลยจะเข้าไปในนั้นเขาเลยหน้ามองผ่านกำแพงสูง ขณะที่โจเซฟีนยังคงก้มหน้าไม่เลิก

     

                ปีนไป...แน่เหรอ

     

                คือว่า... นกสาวเงยหน้าเป็นครั้งแรก ดวงตาสบกับดวงตาสีน้ำเงินเข้ม ทำให้คำพูดทั้งหมดกลืนหายไปในอากาศ นัยน์ตาของเธอฉายแววตาของเขา...ไม่กระพริบ ทำให้นึกถึงเรื่องราวที่พรั่งพรูออกมาในห้วงความคิด...เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่งดงามเกินกว่าโลกมนุษย์...

     

                ครั้งแรกที่สบตา...ก็รู้ว่าเจ้าคือคนที่ต้องผูกพัน...

     

                หน้าของชายหนุ่มเหมือนขยับเข้ามาใกล้ ทีละนิด...

                ดวงตาของเทพีสาวไม่ขยับ แต่หัวใจกลับเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง

     

                ...ยิ่งได้รู้จัก...ก็รู้ว่าเจ้าไม่ได้งดงามแค่เพียงดวงตา...

     

                ใบหน้าใกล้ขึ้น ริมฝีปากที่เคยสัมผัสเมื่อนานแสนนาน ความหวานที่ไม่อาจจะลืม...

     

                ...ทำไม...

     

                ทีละนิด...ห่างกันเพียงไม่มาก บุรุษค่อยดันเปลือกตาลง

     

                ...ทำไม...

                ...ทำไม...เจ้าถึง...ทิ้งข้าเพียงเพราะความต้องการของตนเอง

     

                ความคิดนี้ของโจซีฟีเน่สะดุดขึ้นมา ทำให้ใบหน้าของเธอหันหลบเขาไปอีกด้านหนึ่ง

     

                โอลิเวอร์ชะงัก เขาเลียริมฝีปากตัวเองนิดๆ แล้วผละตัวออกจากเธอหนึ่งก้าว ข้าก็แค่ตามหาเจ้า... ชายหนุ่มพูดขึ้นก่อน

     

                ...ตามคำสั่ง คำพูดที่ทำให้หัวใจคนฟังหล่นลงไป แต่เธอก็ยังคงยืนนิ่ง

     

                ข้าแค่มีคำถามจะถาม เทพซีซัตกล่าวอย่างกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

                แค่อยากรู้ว่า...เออ...เบื้องบนเป็นยังไงบ้าง

     

                เทพีสาวเงียบ

     

                ข้าอยากรู้ว่าคนอื่นๆ เป็นไงบ้าง เซลีเฟีย ท่านยูเอียรัส อเล็คซ์ล่ะ...คือ... คำพูดที่ตัวเองคิดว่าคือการพร่ำเพรื่อก็ต้องหายไปเมื่อมองหน้าที่นิ่งของสตรีเบื้องหน้า ชายหนุ่มถอนหายใจ

     

                ข้าก็แค่...อยากรู้ว่าเจ้าลงมาที่โลกกลางทำไม เสียงอ่อนลงดูเหมือนพยายามรับมือกับพฤติกรรมของหญิงสาว

     

                เบลใจเต้นตึกตัก หันมาสบตาเขา ดวงตาแดงชื้นอย่างอดกลั้น เซลีเฟียสบายดี อเล็คซ์สบายดี ท่านยูเอียรัส...ก็สบาย...ดี เบลสูดหายใจ เธอรู้สึกเหมือนเทียรอสขยับขาเล็กๆ ของมันเพื่อปลอบโยนเธอ

     

                ส่วนที่ข้าลงมาโลกมนุษย์ทำไม... น้ำใสไหลออกมาจากดวงตา ทำให้บุรุษยืนนิ่ง

     

                ...ขอไม่ตอบ จบคำ ทิงกาเบลก็หมุนตัวละเดินออกจากที่นั้น พร้อมกับมือเล็กๆ ที่ปาดหน้าปาดตาตัวเอง...

     

                ด... ครั้นชายหนุ่มจะเรียกตัวเธอไว้ก็ต้องห้ามตัวเอง โอลิเวอร์กุมอกซ้ายของตัวเองมั่น ความเจ็บปวดที่เขาสัมผัสมานานเหลือเกิน...ก็แค่ปล่อยไป ปล่อยให้ความรู้สึกมันผ่านไป...เหมือนเช่นเคย

     

                ดวงดาราดวงเดียวกันแต่กลับแตกต่างกันทั้งในสถานที่ สถานะ และความรู้สึก แสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องเข้ามาทางกรงเหล็กสามอันของคุกคุมขัง ผู้ที่ถูกพันธนาการ คงไม่รู้สึกอะไร นอกจากอยากไปให้พ้นจากที่ตรงนี้

     

                เอเวียน่าเงยหน้าขึ้นมองแสงจันทร์ผ่านหน้าต่างบานเล็กๆ บานนั้น ตัวเธอจะถูกขังอีกนานเท่าไร จะรอให้อนาคตเดินเข้ามา รอแต่สิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้ยังไง หญิงสาวถอนหายใจ...จะทำได้แค่รอจริงๆ น่ะเหรอ

     

                ไม่มีทาง หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง จบคำเจ้าตัวก็ลุกขึ้นไปที่หน้าต่างบานนั้น หญิงสาวเอื้อมมือจับกรงเหล็กที่อยู่สูงกว่าหัว แล้วใช้แรงดันตัวเองขึ้นและลอดมองผ่านลงเบื้องล่าง

     

                พื้นดินอยู่ติดกับขอบหน้าต่าง แสดงว่าตัวเธอตอนนี้อยู่ในชั้นใต้ดิน ไม่สิ...คุกใต้ดิน หญิงสาวยื่นมือออกให้พ้นขอบหน้าต่างอย่างยากลำบาก เอเวียน่าถอนหายใจ และปล่อยมือออก หากจะออกไปข้างนอกคงจะต้องใช้ทางนี้เท่านั้น เธอมองรอบๆ อย่างหาสิ่งของที่จะพอพาเธอออกไปได้...อะไรก็ได้ที่ทำลายกรงเหล็กได้

     

                อาวุธก็ไม่มี แรงก็แทบไม่เหลือ จะทำอะไรได้เท่าไหนกันเชียว เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้สตรีสาวหันไปยังต้นเสียงทันที

     

                เอ็ด...เวิร์ด... เสียงเรียกชื่อตะกุกตะกักอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง

     

                เจ้าชายกำลังหลับ ส่วนเจ้าหญิงกำลังหนี แล้วจะไปช่วยเจ้าชายรึเปล่า... เขาว่า

     

                ถ้าใช่ พวกเจ้าคงสลับบทบาทกัน

     

                เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เธอถาม ระยะห่างของพวกเขาเท่าเดิม เอเวียน่ารู้สึกว่าระยะห่างของเธอกับบุรุษตรงหน้าเป็นระยะที่พอดีแล้ว ถึงแม้มันจะดูไกลไปในสายตาของชายผมสีน้ำตาลอ่อนก็เถอะ

     

                ชายหนุ่มเลิกคิ้วกับคำถาม เจ้าเนี่ยใจร้ายชะมัดเลยไม่คิดจะทักทายข้าเลยเหรอไง ดวงตาสีน้ำตาอ่อนของชายหนุ่มจ้องมองดวงตาของสตรีตรงหน้าเขาอย่างกับพยายามอ่านความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเธอ สิ่งที่พอเดาได้จากสายตา มีความไม่ไว้วางใจปนสงสัย

     

                ...เจ้าอยากออกไปมั๊ยล่ะ คำพูดเบาๆ ดังขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นานพอสมควร

     

                เจ้าว่าอะไรนะ เอเวียน่าขมวดคิ้ว ถามกลับอย่างไม่แน่ใจ

     

                เจ้าอยากออกไปมั๊ยเขาย้ำคำเดิม

     

                นักล่าหัวสาวเดินเข้าไปใกล้เขาหนึ่งก้าว เจ้า...จะช่วยข้าเหรอ

     

                แน่นอน

                ยังไง คำถามกลับมาทันที

     

                เจ้าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยจังเอ็ดเวิร์ดว่า ก่อนจะเงียบไป สีหน้าท่าทางใช้ความคิด เพื่อตอบคำถามของสตรีตรงหน้า

     

                คือว่านะ... ดูเหมือนว่าเขาจะเรียบเรียงคำพูดมาดีแล้ว

     

                ...ข้าจะพาเจ้าออกจากที่นี่ แล้วพอออกจากเกาะ...แล้วก็... ดวงตาสะท้อนภาพของคนตรงหน้า

     

                ...จะพาเจ้าไปเอร์ซิล

     

                เจ้ารู้จัก...เอร์ซิล เอเวียน่าก้าวเท้าเข้าไปอีกหนึ่งก้าว แล้วต้องถอยออกมาเพราะความลังเล

     

                เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าจะไปเอร์ซิล

     

                เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจในความขี้สงสัยของเธอ ถามอัลน่ะ เขาเสยผมตัวเอง

     

                อัล...เหรอ หญิงสาวขมวดคิ้ว

                ...เจ้าจะพาข้าไป

                ใช่...แต่มีข้อแม้

     

                เอเวียน่าทำหน้าหน่าย ข้าเชื่อแล้วว่าไม่มีใครหวังอะไรฟรีๆ

     

                เอ็ดเวิร์ดยิ้มนิดๆ ก็แค่ข้าอยากให้เจ้าเดินทางเป็นเพื่อนข้าสักระยะหนึ่ง เขาว่า

     

                แต่ว่า...เจ้าต้องทิ้งคนที่อยู่บนนั้นซะ ชายหนุ่มมองไปบนเพดาน ซึ่งเหนือขึ้นไปก็เป็นที่ที่กัปตันราฟาเอลว์นอนหลับพักผ่อนอยู่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แล้วเอ็ดเวิร์ดก็หันมาสบตาเธอเช่นเดิม

     

                เอเวียน่ามองหน้าเขาอย่างพยายามหาจุดประสงค์ที่แท้จริงในสายตาคู่นั้น แต่กลับเจอแต่ใบหน้ายิ้มแย้มตอบกลับมา การเดินทางไปกับเอ็ดเวิร์ด...เป็นทางเลือกที่ดี...อาจจะมีโอกาสถึงเอร์ซิลเร็วกว่า แต่ว่า...เอเวียน่าเงยหน้ามองขึ้นไปมองเพดานแน่นิ่ง อัล...กัปตันราฟาเอลว์...จะปล่อยเค้าไว้คนเดียวอย่างนั้นน่ะเหรอ ...ถึงเขาจะบ้าดีเดือด กวนประสาทยังไงก็แล้วแต่...ดูท่าทางเธอจะทิ้งเขาไม่ลง เธอตัดสินใจแล้วนี่น่าว่าจะไปทันทีหลังจากที่รู้ว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ตอนนี้...

     

                ว่าไง เอ็ดเวิร์ดทวงคำตอบ

     

                ข้า... เอเวียน่าเกริ่น ...ไม่ไป

     

                ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจในคำพูดของสตรีตรงหน้า เจ้าไม่อยากไปเอร์ซิล?

     

                อยากสิ เธอตอบทันที

     

                แต่...แต่...ตอนนี้ข้ายังไม่พร้อม

     

                งั้นพร้อมเมื่อไร ชายนักล่าหัวพูดอย่างใจเย็น

     

                หญิงสวสบตาคนตรงหน้า หลังจากที่สถานการณ์ทุกอย่างดูดีกว่านี้ เอเวียน่าตอบ

     

                เมื่อไร

                ถึงเวลานั้นข้าจะบอกเอง เธอหันหน้าหนี

     

                เอ็ดเวิร์ดเงยหน้ามองเพดานหินแข็งสกปรก ชายหนุ่มหันมองรอบๆ คุกที่มืดและชื้น มองอาหารที่ไม่ได้แตะเลยแม้แต่น้อย แล้วกลับมามองหน้าหญิงสาวที่อยู่ในนั้น ...อีกไม่กี่วันจะมีการพิพากษา ชายหนุ่มว่าขึ้นลอยๆ

     

                เอเวียน่าหันควับ การพิพากษาอะไร

     

                ความผิดของเจ้าเขาตอบทันที

     

                โอกาสรอดอาจจะมีน้อย เพราะดูท่าทางหมอนั่น... เอ็ดเวิร์ดมองขึ้นไปด้านบน

     

                ท่าทางจะ... คำพูดกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อมองหน้าของสตรีสาว

     

                ...ยังไงก็ดูท่าจะลำบากเขาว่า น้ำเสียงแสดงความไม่มั่นใจ

     

                อัลเหรอ

                เขาลังเล ก่อนจะพยักหน้านิดๆ

     

                เอเวียน่าพยักหน้ารับ เธอหลบสายตาเอ็ดเวิร์ดไปอีกทาง หัวสมองจมกับความคิด

     

                ...เอาเถอะ...ในเมื่อเจ้าเลือก ก็ช่วยไม่ได้ ชายนักล่าหัวกล่าวยอมแพ้ในที่สุด รอยยิ้มบางๆ อย่างเอ็นดูปรากฏบนใบหน้าของเขา ถึงเขาจะยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคนตรงหน้าคือคนที่ตามหามาตลอด แต่ความรู้สึกบางอย่างในห้วงคิด...หัวใจ บอกว่าใช่ ใช่คนที่เขาตามหา เขาจะต้องพาเธอไป ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขัดขวางไม่ได้ทั้งนั้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววรุ่งโรจน์ ความคิดรู้ดีว่า ใครหน้าไหนคือใครกัน...ไม่มีทางที่เขาจะยอมกัปตันราฟาเอลว์แน่นอน

     

                งั้น...ข้าไปล่ะ... เอ็ดเวิร์ดกล่าวขึ้นในความเงียบ

     

                เอ๊ะ...อืม

                พักผ่อนมากๆ ล่ะเขาส่งท้ายด้วยรอยยิ้ม

     

                เอเวียนายิ้มตอบ ใครจะหลับลงกันล่ะ เธอว่า แล้วสายตา...ก็อดไม่ได้ที่จะมองร่างของบุรุษจนลับสายตาไป หญิงสาวจัดแจงให้ตัวเองนั่งลง คว้าเสื้อคลุมเพียงตัวเดียวของเธอเข้ามาห่มร่างเอาไว้...ความจริงเอ็ดเวิร์ดก็คงไม่เลวร้ายเท่าไร ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนที่กล้าทำเรื่องแบบว่า...ฆ่าพ่อของใครต่อใครได้ง่ายๆ ยิ่งเป็นหัวหน้าเผ่าที่ฝีมือไม่น่าจะธรรมดาแล้ว...เธอควรรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมั๊ยเนี่ย หญิงสาวคิดอย่างสับสน ผลุบเปลือกตาลงอย่างรู้สึกล้า...เต็มที

     

                พรุ่งนี้...การพิพากษา...เพื่อปลดตัวเองจากพันธนาการบ้าๆ นี่ และจะได้ออกจากเกาะเฮงซวยนี้ซักที

     

     

     

                เสียงตอนเช้าของวิวเมดท์ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างครึกครื้น สนามโพลิเซี่ยมใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่รวมไปด้วยผู้คนทั่วเกาะในเช้าวันนี้ ชาวเกาะรวมตัวกันอย่างกับมีเทศกาลน่ารื่นเริงบางอย่าง เสียงโห่ร้องยินดี กลองตีเป็นจังหวะ ครื้นเครง ราวกับเกาะนี้เงียบเหงาและไม่ได้เจอเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกยินดีมานานแสนนาน

     

                ภายในห้องร่างที่หลับใหลด้วยอาการบาดเจ็บก็ยังคงหลับสนิทอย่างไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

     

                ปัง!’ เสียงเปิดประตูดังสนั่น บุรุษฉกรรจ์หลายต่อหลายคนเข้ามาล้อมรอบเตียงของผู้ที่ถูกควบคุมตัว นักโทษยังคงหลับต่อไป หากแต่น้ำทั้งถังสาดลงที่ร่างที่อยู่ที่เตียงอย่างไม่ปราณี

     

                เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อย แล้วครางด้วยความเจ็บปวด แต่ยังไม่ทันที่เสียงร้องเบาๆ ของเขาจะจบแขนสองข้างก็ถูกดึงออกจากเตียง ลากออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเขาเลยแม้แต่น้อย

     

                บ้าเอ๊ย อัลบ่นในปากอุบอิบ แต่เขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ แม้แต่จะยืนเพื่อลุกขึ้นเดินตามแทนที่จะถูกลากไปอย่างนี้

     

                เสียงกลอง เสียงโห่ เสียงร้องเชียร์อย่างตื่นเต้น ดังเข้ามาในโสตประสาท ก่อนที่ร่างของเขา จะถูกผลักเข้าไปใจกลางสถานที่แห่งนั้น...ใจกลางสนามโพลิเซี่ยม...

     

                สภาพของอัลแทบดูไม่ได้ เขาพยายามดันตัวเองลุกขึ้น แม้จะยากลำบาก ชายหนุ่มค่อยๆ ยืนขึ้นพิงกำแพงสนาม สายตามองเหนือขึ้นไป...คนมากมายมาทำอะไรกันที่นี้ แล้วเขาก็มองต่ำลงมา...สนาม...สนามทรายกว้างขวางโล่งและว่าง... จุดศูนย์กลางของที่นั่นมีไม้กางเขน ซึ่งมีโครงกระดูกแขวนเอาไว้ เดาได้แล้วล่ะว่า ทำไมเขาจะต้องมาอยู่ที่นี่ ทำไมพวกชาวเกาะวิวเมดท์ถึงมารวมตัวกันมากมาย...เจ้าวิวเมดท์โรคจิตเอ้ย!

     

                กัปตันราฟาเอลว์ถอนหายใจเป็นจังหวะเพื่อระงับความเจ็บปวดที่ช่วงแขนของตนเอง แผลยังไม่เปิดออก ยังไม่เป็นไร อัลเงยหน้ามองผู้คนอีกครั้ง ครั้งนี้เขามองเห็นจุดประสงค์แจ่มชัดในสายตา...แค่ต้องการดึงชีวิตของเขาออกไป ดวงตาที่แสนล้าพักลง ...แต่!...ก็ต้องลืมขึ้นเมื่อเสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาในหู

     

                ปล่อยข้าซะ กล้าดียังไงมาจับ เอเวียน่ากล่าวอย่างออกคำสั่งไม่ดูสถานะของตัวเองเลยซักนิด มือบางพยายามสะบัด แต่ไม่เป็นผล กลับทำให้ผู้คุมจับมือเธอแน่นขึ้นไปอีก

     

                ปล่อยข้า...โอ๊ย!” เสียงร้องดังขึ้นเมื่อแขนถูกดึงไปด้านหลัง

     

                “…เจ้าบ้าเอ๊ย หญิงสาวบ่น แต่ก็เล่นทำให้เจ้าตัวหมดฤทธิ์ไปได้มากทีเดียว ถึงกระนั้นพอดวงตาสีชาตวัดขึ้นมองเห็นภาพเบื้องหน้าก็ต้องร้องเสียงดัง

     

                อัล!” ดูเหมือนจะทำให้เจ้าตัวมีฤทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง

                ปล่อยข้า!”

     

                รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่ใบหน้าของชายหนุ่ม เสื้อสวยนะ... เขาว่าเมื่อเห็นชุดที่เปลี่ยนไปของเอเวียน่า เธออยู่ในเสื้อแขนกุดสีน้ำตาล กระโปรงสั้นเหนือเข่าสีเดียวกัน และเสื้อคลุมตัวเดิม

     

                ...ไม่เป็นไรน่า เขากล่าวเมื่อเห็นสีหน้านิ่งของเธอ

     

                ร่างของเอเวียน่าผ่านหน้าอัลไป เจ้าจะ...อุ๊บ!” มือใหญ่ของผู้คุมปิดปากที่น่ารำคาญขึ้นทุกทีของหญิงสาว ร่างบางดิ้นรนเมื่อถูกอุ้มขึ้นเหนือพื้น

     

                กัปตันหนุ่มดันตัวขึ้นอย่างวิตก คิดจะเข้าไปช่วย แต่ก็ต้องหมดหวังเมื่อร่างเซล้มลงไปด้านข้าง ...แม้แต่ช่วยตัวเองยังลำบาก ในดวงตาได้แต่สะท้อนภาพของสตรีสาวตรงไปที่กางเขนไม้กลางสนามอย่างเจ็บใจ โครงกระดูกถูกดึงออก หญิงสาวเป็นผู้ที่จะไปแทนที่ การพันธนาการเธอเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่คงไม่ลำบากอีกต่อไปเมื่อหมัดของผู้คุมตรงเข้าไปที่ท้องของหญิงสาวอย่างไม่ออมแรงเลยซักนิด ร่างของเธอล้มลงไปกองกับพื้น อัลตาค้าง เขาก้าวเท้าไปด้านหน้า ร่างบางของสตรีสาวถูกตรึงไว้กับกางเขน แขนสองข้างถูกมัดไว้ด้วยเชือกเส้นหนาที่กรีดเนื้อบางเนียนของเธอให้เป็นแผลได้ทันที คอของหญิงสาวตกลง...เธอสลบไปแล้ว

     

                เจ้าหน้าที่คนแรกวิ่งออกจากสนาม อีกคนที่เป็นคนต่อยท้องของสตรีสาวผูกเชือกที่ขาเป็นที่สุดท้าย และวิ่งตามมา

     

                ชายผู้คุมผ่านกัปตันหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้ นี่ อัลเรียก

     

                หือ...อั้ก ยังไม่ทันทำอะไรมากไปกว่านั้น คอก็รับแขนที่ฟาดลงไปของกัปตันราฟาเอลว์เต็มแรง ร่างใหญ่ล้มลงไป พยายามคลานออกไปนอกสนาม แล้วชายหนุ่มก็เดินต่อไปอย่างไม่สนใจ

     

                เสียงปิดประตูเลื่อนลงมาปิดดังสนั่นต่อมาก็ตามมาด้วยเสียงโห่ร้อง ชายหนุ่มหันไปมอง ประตูสนามปิดลง สุดท้ายเจ้าบ้านั่นที่เขาอัดก็ออกไปไม่พ้นสนาม อัลมองไปยังที่นั่งพิเศษของผู้ชม สบกับดวงตาของออร์ดีน เจ้าหน้าที่ของเกาะวิวเมดท์ ที่ท่าทางจะไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ธรรมดา ...เจ้าคนเลือดเย็นที่ทำลายได้แม้แต่คนของตัวเอง...และเขาก็มองไปยังสนามรอบๆ ...ชาวเกาะที่โรคจิต สนุกบนชีวิตคนอื่น...เจ้าหน้าที่เลือดเย็นกับชาวเกาะที่โรคจิต...ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ

     

     

     

                ลูกเรือราฟาเอลว์เป็นกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ในที่แห่งนั้น สิบสามคนนั่งดูภาพเบื้องหน้าอย่างใช้ความคิด

     

                กัปตันคิดจะทำอะไรกันแน่ ชาร์ลีเกริ่นเริ่ม

     

                ข้าว่าช่วยเอเวียน่าก่อนชัวส์...สองกาลัฟท์ ไบรอันโยนเหรียญสองเหรียญในมืออย่างชำนาญ

                กัปตันชนะ ชัวส์สามกาลัฟท์ ต้นหนโอเอลเอาด้วย

                ข้าว่าโอกาสชนะจะยากไปหน่อยนะ บาดเจ็บเล็กน้อย สิบกาลัฟท์เลย เอ้า!” ไรอัลกล่าว

     

                โป๊ก!’ เสียงมือกระทบกับหัวดังขึ้น

                โอ๊ย!” เสียงร้องของผู้ถูกทำร้ายตามมา

     

                ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเล่นด้วยเลยนะ ไรอัล ผู้รู้แห่งท้องราฟาเอลว์กล่าว พร้อมกับสะบัดมือที่เจ็บปวดจากการเขกหัวแข็งของเจ้าเพื่อนตรงหน้า

     

                ข้าคิดอยู่นี่ไงชายล่ำสันเถียง

     

                คำนวณเงินล่ะสิไม่ว่าคริซกล่าว ดวงตาสีมรกตเหล่มาทำให้ผู้ถูกมองรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างไม่น่าเชื่อ

     

                ว่ามาครับท่านคริซ ไบรอันท่าทางจริงจังขึ้นมาทันที

     

                เขาถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์ ที่พวกเจ้าสบายใจอย่างนี้เพราะยังไม่เห็นการพิพากษาของเกาะล่ะสิ...แล้วเจ้าจะรู้เอง คริซโตเฟอร์ว่า

     

                เราต้องช่วยอัลออกมา

     

                กรรรรรรรรรรรรรรรรรร!!!!!!!!!!!!!

     

                เสียงคำรามดังสะท้อนไปทั่ว ลูกเรือทั้งหมดหันมามองพร้อมกับทุกคนทั้งหมดในสนามแห่งนั้น ดวงตาทุกดวงค้างหยุดนิ่งกับภาพที่เห็น ความเงียบเข้าครอบงำ เหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอของพวกเขา ทั้งสิบสองคน ตระหนักว่าสิ่งที่คริซโตเฟอร์พูดไม่ได้ดูเกินความจริงไปเลย...ยังไงต้องช่วยกัปตันของพวกเขาออกมาให้ได้

     

     

    */*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×