ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Treasure Magic ผจญภัยขุมทรัพย์แห่งเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 15 - ปริศนา แผ่นกระดาษ (2021 NRW)

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 64


     

             แสงสีทองแสบตาของยามทิวา ทำให้ผู้ที่หลับใหลกระพริบเปลือกตาบางอย่างช้าๆ แม้จะยากลำบากยิ่ง ตนเองรู้สึกว่ายังไม่อยากลุกขึ้นเนื่องจากกล้ามเนื้อเมื่อยล้าไปทั้งตัว ...ล้าจนเจ็บไปหมด...ร่างกายของเธออ่อนแอขนาดนี้เชียวเหรอ

     

                ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ดวงตาที่ลืมไม่ขึ้นเสียที หัวสมองจึงใช้ความคิดแทน เมื่อไรกันนะที่เธอมักจะรู้สึกเป็นแบบนี้

     

                เมื่อกี้...เหมือนฝันอะไรบางอย่าง...

     

                ...ความฝันเหรอ...

     

                ร่างบุรุษที่หลับใหล แต่ใบหน้าที่ปกติมีสีนวล กลับซีด...เย็น นั่นเป็นการหลับใหลตลอดกาล นั่นไม่ขยับเขยื้อน ...นั่นไม่พูดคุยเหมือนเช่นเดิม มันคืออะไรนะ...ความฝันแบบนี้...อ๋อ...ใช่แล้ว...

     

                ...ความตาย...

                ...ตาย...ไม่...

                ไม่ใช่...ไม่จริง..ต้องไม่ใช่

     

                เอเวียน่าลืมตาขึ้นด้วยเหงื่อเต็มใบหน้า ร่างทั้งร่างหนักอึ้ง แต่ในใจกลับต้องการจะลุกขึ้น...ลุกให้เร็วที่สุด

     

                ทุกอย่างไม่ใช่ความฝันเหมือนเช่นที่เคยฝัน ทุกอย่างไม่ใช่เพียงภาพที่เคยเห็นเป็นประจำเมื่อยามราตรีมาเยือน ทุกอย่างเป็นความจริง ความจริงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเธอยังเล็ก เธอจะไม่ปล่อยให้คน...ที่อยู่รอบข้างคนไหนตายไปต่อหน้าต่อตา...แน่นอนรวมทั้งกัปตันราฟาเอลว์

     

                ถึงแม้เขาจะงี่เง่า กวนประสาท ทำอะไรเป็นเรื่องเล่นเสียหมด...แต่...เขาจะตายไม่ได้เด็ดขาด

     

                มือสั่น ร่างกายสั่นไปทั่วตัว เอเวียน่าคว่ำตัวอย่างยากลำบาก และหญิงสาวก็รู้สึกว่ามือและขาแยกออกจากกันไม่ได้ มือสองข้างของหญิงสาวไขว้ไว้ด้านหลัง...เธอถูกมัด!

     

                ว่าไง เสียงเรียกที่ฟังดูคุ้นเคยแต่จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหน แล้วร่างๆ หนึ่งก็โผล่ขึ้นมาในดวงตาของหญิงสาว

     

                ซีคท์...เด็กหนุ่มผมดำบลอนด์หนึ่งในทีมของเป้าหมาย เอเวียน่าหรี่ตาลงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าพวกเขาช่วยเธอไว้ ไม่สิ เธอถูกมัดนี่น่า หญิงสาวลังเลใจ เธอชะเง้อคอไปด้านหลังเด็กหนุ่มผู้นั้น และเธอก็พบร่างๆ หนึ่ง เขาอยู่ที่นั่นจริงๆ...คาเบรีย ดอร์นย่า

     

                เฮ้!” เสียงของซีคท์เรียกให้เอเวียน่าหันมาสนใจเขาอย่างเดิม

     

                มองอะไรอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กหนุ่มดูน่ากลัวอย่างประหลาด

     

                เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...หญิงสาวพยายามใช้ความคิดแม้จะปวดหัวมาก็ตามที ข้าล้มลงไป...เพราะ...เอเวียน่าหลับตาแน่น เนื่องจากไม่มีมือให้กุมหัวที่ปวดเพราะการคิด...

     

                เพราะ...เจ็บแผล...ใช่แล้ว แล้วเกิดอะไรขึ้นอีกนะ...เมื่อกี้อุตส่าห์นึกออกแล้วแท้ๆ ร่างบางลืมตาขึ้นมองสายตาของเด็กหนุ่มมองดูเธออย่างสนใจ

     

                เกิดอะไรขึ้นอีก...ความฝันเมื่อครู่ ใช่ แล้วไงต่อนะ...อัล! ดวงตาสีชาตื่นตระหนก มองสำรวจด้านหน้าอย่างค้นหาร่างของชายหนุ่ม แต่ก็ไม่สามารถมองได้ถนัดนัก เพราะร่างของซีคท์คอยกั้นเธอซ้ายที ขวาทีอย่างนึกสนุกจนเธอเริ่มโมโห

     

                เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ เอเวียน่าตะคอกเสียง

     

                ถอยไป!” เธอสั่งอย่างไม่รู้สถานะของตัวเองเลยซักนิด

     

                แล้ว... รอยยิ้มของเด็กหนุ่มตรงหน้าเอเวียน่า ดูกวนประสาทอย่างรู้ดีว่าหญิงสาวไม่สามารถทำอะไรเขาได้

     

                ...เจ้าจะทำอะไรข้างั้นเหรอ

     

                เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเด็กนี่เพราะว่าต้องหาอัลให้เจอก่อน ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้าง อัลอยู่ไหน เอเวียน่าหันไปถามเมื่อนึกได้ว่า ถ้าเขาเห็นร่างเธอก็น่าจะเห็นร่างกัปตันหนุ่มเหมือนกัน

     

                ถ้าหมายถึงชายผมสีแดงเพลิงล่ะก็... ซีคท์ว่า พลางชี้ไปด้านหลังหญิงสาว

     

                ...นั่นไง

     

                เอเวียน่าหันควับทันที

     

                ดวงหน้าที่เคยสดใสและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ แม้รอยยิ้มจะกวนประสาทก็เถอะ...แต่ว่าตอนนี้ กลับขาวซีด ปากแห้งผาก ร่างของชายหนุ่มนอนหงายนิ่งและไม่ท่าทีว่าจะขยับตัวหรือจะลุกขึ้นได้เลย

     

                หญิงสาวหันหน้ากลับมาถามเด็กหนุ่มคนเดิม เขาเป็นไงบ้าง

     

                ซีคท์เลิกคิ้ว ถามข้างั้นเหรอ

     

                ถ้ามือของหญิงสาวไม่ถูกมัดอยู่ล่ะก็รับรองเลยว่าหัวของหมอนี่จะต้องมีรอยปูดซักสองสามที่แล้ว ถามเจ้าน่ะแหละ

     

                โดนยาพิษ ไม่ทันที่เด็กผมบลอนด์จะได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังของเขา ร่างของออร์ดีน หนึ่งในทีมที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดปรากฏขึ้นมา

     

                จากต้นโฟทาร์ก เป็นต้นที่หาง่ายในเกาะวิวเมดท์ เพราะฉะนั้นมีแต่คนนอกเท่านั้นแหละที่ไม่รู้จักยาแก้พิษของต้นชนิดนี้เขาว่า และเดินเข้ามาสมทบในกลุ่มสนทนาด้วย

     

                ถูกต้อง ซีคท์กล่าวอย่างเห็นด้วย

     

                เพราะปลูกอยู่เต็มไปหมด แม้ยาพิษนี้อาจทำให้ถึงตายได้ แต่ชาววิวเมดท์ไม่ค่อยตายเพราะยาพิษนี้กันนักหรอก...งั้น... เขาอธิบายต่อ เด็กหนุ่มเหล่ตามาทางร่างของหญิงสาว

     

                ...เจ้าเป็นใคร

     

                เอเวียน่ากลืนน้ำลายลงคอ ทั้งสามคนตรงหน้าหญิงสาวคงยังไม่รู้หรอกนะว่าพวกเธอกำลังตามตัวพวกเขาอยู่ แล้วถ้ารู้ล่ะ ไม่หรอก ไม่มีทาง เอเวียน่าปัดความคิด

     

                ข้าเป็นแค่นักเดินเรือ

     

                สายตาไม่ไว้วางใจมองมาที่เธอ แล้ว...หมอนั่นล่ะเขาหมายถึงอัล

     

                เหมือนกัน หญิงสาวว่า หวังเพียงชายที่อยู่ตรงหน้าเขาจะคิดเช่นนั้นด้วย เหงื่อเริ่มไหลมาตามใบหน้า...และร่างกาย

     

                เจ้าแน่ใจว่า... ซีคท์กล่าวเบาๆ ให้โอกาสอีกครั้งเอามั๊ย เด็กหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นมาอย่างรู้สึกสบายๆ

     

                เอเวียน่าขมวดคิ้ว หรือว่าพวกนี้จะรู้เรื่องของเธอ เอเวียน่าสังเกตรอบๆ ตัวเอง เสื้อคลุมของเธอหายไปแล้ว รวมถึงคทาสองด้ามที่เป็นอาวุธ หรือแม้กระทั่งคริสตัลดวงดาวที่หูของเธอ

     

                นักล่าหัวโจรสลัด เสียงหนึ่งดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลผู้เป็นหัวหน้าทีม คาเบรียเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของในมือ...กระดาษใบปลิวค่าหัว

     

                ...พวกเขารู้แล้ว เอเวียน่ามองชายทั้งสามตรงหน้าเธออย่างท้าทาย แม้จะรู้ดีว่าเธอไม่อยู่ในสถานะที่จะทำเช่นนั้นได้

     

                ...เป็นทางเลือกที่เหมาะสม คาเบรียว่า

     

                เจ้าจะลองอธิบายมั๊ย

     

                หญิงสาวนิ่งไปชั่วครู่นึง ปล่อยให้เหงื่อไหลลงมาช้าๆ เจ้าช่วยข้าไว้ทำไม เธอถาม

     

                คาเบรียหลับตาลง และเขาก็ยิ้ม เจ้าถามว่าข้าช่วยสหายเจ้าไว้ทำไมรึเปล่า... เขากล่าว เพราะเด็กหนุ่มคิดว่าเขาไม่ได้ช่วยอะไรหญิงสาวตรงหน้าเลยซักนิด

     

                นั่นก็เพราะ... เด็กหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วกำบางสิ่งบางอย่างออกมา เด็กหนุ่มแบมือออกมา

     

                เอเวียน่าขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นสิ่งของในมือของเด็กหนุ่ม

     

                ในมือของคาเบรีย ดอร์นย่า มีคริสตัลดวงดาวที่ทำเป็นต่างหูของเธออยู่ ประกายของแก้วเจียระไนงดงามส่องสะท้อนกับแสงของยามทิวา...สมเป็นดังเช่นของในตำนาน สิ่งที่เธอมักเห็นอยู่บ่อยครั้งจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นั่นต่างหากคริสตัลสีขาว...คริสตัลแห่งดวงดาวอีกหนึ่งอันซึ่งถูกร้อยเป็นสร้อยคอด้วยหนังสีดำเส้นเล็กๆ ในมือของคาเบรีย คริสตัลเจียระไนดูมีค่า ราคา อีกทั้งความงดงามของมัน ก็ไม่พ่ายแพ้ต่อต่างหูคริสตัลที่อยู่ในมือของเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย...คริสตัลแห่งดวงดาว สิ่งของในตำนานถึงสองอัน

     

                หมายความว่าไง... หญิงสาวพึมพำ

     

                เพราะเจ้าและชายผู้นั้นมีสิ่งที่ข้าต้องการไว้ครอบครอง แล้วตัวเจ้ายังมีผลึกสีซึ่งนำไปสู่คริสตัลอีกอันด้วย...แล้วอีกอย่าง เขาเว้นวรรค เก็บคริสตัลใส่กระเป๋ากางเกงเช่นเดิม

     

                ข้าแค่ควรคิดว่าเราน่าจะร่วมมือกันได้

     

                หญิงสาวปะติดปะต่ออะไรบางอย่างในสมองอย่างรวดเร็ว หมายความว่าคริสตัลอีกอันเป็นของอัล หมายความว่ายังไง...เอเวียน่าทบทวนความคิดในหัว

     

                ไม่เข้าใจ หญิงสาวขมวดคิ้ว

     

                ตกลงมั๊ย

     

                เสียงของคาเบรียดึงสติของเอเวียน่าให้กลับมาเช่นเดิม เธอพิจารณาคำพูดของเขาเมื่อครู่ แล้วนักล่าหัวสาว ลูกเรือของราฟาเอลว์ผู้ยึดมั่นในตัวเองก็ยืดตัวขึ้น ไม่...ขอบใจ หากเจ้าคิดว่าเราร่วมมือกันได้ เจ้าก็ไม่ควรที่จะมัดข้าไว้แบบนี้ตั้งแต่แรก

     

                พวกข้าแค่ป้องกันตัวเอง ซีคท์พูดแทน

     

                แต่นั่นทำให้ข้าไม่เชื่อใจพวกเจ้าเอเวียน่ายืนยันความคิดเดิม

     

                เด็กหนุ่มทั้งสองมองหน้ากัน แล้วถอนหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยใจ

     

                ก็ตามใจ เด็กผมบลอนด์กล่าว แล้วกันไปพยักหน้ากับสหาย แล้วพวกเขาทั้งสามก็ลุกออกไปจากบริเวณนั้น ทิ้งให้เอเวียน่าอยู่กับชายหนุ่มเพียงลำพัง ร่างทั้งสามกลับไปยังที่ที่คาเบรียนั่งอยู่เมื่อครู่ เขายกกระดาษแผ่นนึงที่สีออกเหลืองๆ และขาดที่ขอบกระดาษนิดหน่อยขึ้นมา ออร์ดีนเอาผลึกทั้งเจ็ดสีออกมาวางไว้ แล้วทั้งสามก็นั่งพิจารณาจ้องมองกระดาษกับผลึกทั้งเจ็ด สีหน้าของพวกเขา มีแต่ความสงสัยงุนงง ไม่เข้าใจและต้องการหาคำตอบ

     

                เอเวียน่าจ้องมองการกระทำของพวกเขาเหล่านั้น เธอเดาว่านั้นคงเป็นปริศนาที่ทั้งสามคนต้องแก้ไข เพื่อนำทางไปสู่คริสตัลเป็นแน่แท้ แล้วคริซโตเฟอร์จะได้ผลึกครบรึยัง หญิงสาวคิด อดเป็นห่วงพวกเขาไม่ได้ สายตาทอดมองร่างทีมเป้าหมายทั้งสามคน...คงอีกนานกว่าจะเลิกสนใจกระดาษแผ่นนั้น ถ้าเธอหนีพวกนั้นคงไม่ยาก แต่ว่า...ดวงตาสีชาหันกลับมาช้าๆ สะท้อนร่างของกัปตันหนุ่มที่ใบหน้าขาวซีด แขนข้างที่โดนดาบที่มีเสื้อของเธอพันไว้นั้นเปื้อนไปด้วยเลือด...เลือดเต็มไปหมดจนแทบไม่เหลือสีน้ำตาลของเนื้อผ้า ท่าทางน่ากลัวจับใจ...

     

                ...เจ้าบ้านี่ทำอะไรไม่เคยคิด อยู่ๆ ก็เฉือนเนื้อตัวเอง

     

                ...คงไม่เป็นอะไร เธอคิด

     

                เจ้าจะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด ยังไงๆ การที่เอเวียน่าจะทิ้งอัลไว้คนเดียวนั้น ไม่ใช่ทางเลือกของเธอในตอนนี้ เอเวียน่าทิ้งตัวลงนั่งให้สบายที่สุด ในหัวคิดถึงเรื่องราววันเก่าๆ ที่เคยมีความสุข

     

                นี่ข้า... เสียงเบาๆ เปล่งออกมาจากลำคอ สายตามองไกลไปยังปุยเมฆที่ค่อยๆเคลื่อนที่อย่างช้าๆ

     

                ...สร้างคนที่ทำให้ตัวเองลำบากขึ้นมาอีกแล้วสินะ เธอยิ้มแห้งๆ

     

                ทั้งลำเลย...

     

                ดูเหมือนจะไม่ทันการ ดูเหมือนสิ่งที่เธอไม่อยากเป็นก็เข้ามาในจิตใจเธอจนได้ ต้องรีบไป...รีบไปหมู่เกาะเอร์ซิลทันทีที่จบการแข่งขัน ก่อนที่เหล่าเรือราฟาเอลว์จะมีอิทธิพลต่อตัวเธอ ดวงตาของหญิงสาวเหล่มองหน้ากัปตันหนุ่ม ก็ได้ๆดูเหมือนจะเป็นการพูดกับใจตัวเองมากกว่า

     

                จนกว่าเจ้าจะไม่เป็นไร...อัล

     

     

     

                เถาวัลย์หนาทึบปกคลุมปากถ้ำที่ไม่เคยมีแสงสว่างเคยลอดผ่านไปถึงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ดวงตาของเด็กชายฝาแฝดแห่งราฟาเอลว์แหวกผ่านเถาวัลย์มาได้อย่างง่ายดาย ถ้ามองจากด้านในถ้ำคงเห็นเป็นลูกตาสองคู่วิ่งสำรวจวนไปวนมาชวนปวดหัว และหยุดลงด้วยเสียงร้องดังที่เกิดจากกำปั้นหนักๆ ของผู้รู้แห่งราฟาเอลว์ที่รำคาญในการกระทำไร้สาระ

     

                คริซโตเฟอร์กางกระดาษโทรมๆ ในมือออก กระบอกปริซึมหกเหลี่ยมอยู่ในมือของชายหนุ่ม คริซมองกระดาษเหล่านั้นผ่านทางปริซึมยาวที่เหมือนเป็นกล้องส่องทางไกลโปร่งแสง

     

                ข้าว่า...ถ้ำนี้น่าจะเป็นก้อนหินในแผนที่ ผู้รู้ชี้รูปก้อนหินในแผ่นกระดาษให้ฟิลิปดู

     

                ชายหนุ่มแห่งเผ่าไกกี เกาคางเบาๆ อย่างใช้ความคิด อย่างไรก็ตามหากเป็นในป่าแบบนี้ คริซก็ยังไม่ลืมใช้ผู้ที่ชำนาญทางอย่างคนเผ่าแห่งป่า

     

                เจ้าว่าไปทางไหนดีล่ะข้าว่านะ เขาถือกระดาษไว้ด้วยมือเดียว แล้วผ่านดวงตาเข้าไปในผลึกยาว นิ้วลากตามทางที่น่าจะเป็นไป

     

                มันเขียนว่าให้ทะลุก้อนหินไป ถ้าเป็นอย่างนั้น เราคงต้องเข้าถ้ำ คริซสรุป ลากมือบางๆ ที่เหมือนสตรีไปตามกระดาษ

     

                แล้วเราก็คงจะเจอสมบัติ เขาหยุดที่เส้นทางขาดหายในแผนที่

     

                หรือว่าไง

     

                ข้าเห็นด้วยครับ ฟิลิปกล่าวเบาๆ

     

                ชายหนุ่มพยักหน้า เขาม้วนเก็บแผนที่ในมือไว้ใต้อกเสื้อเช่นเดิม รวมถึงผลึกยาวหกสีที่พวกเขาได้มา ด้วยความสามารถและการคาดเดาของผู้รู้แห่งเผ่าอะลาศ ทำให้พวกเขามาถึงที่นี่ได้แม้ยังมีผลึกไม่ครบทั้งเจ็ดสี หวังแต่เพียงว่าทุกอย่างจะถูกต้อง ไม่ผิดพลาด พวกเขาเพียงอยากได้คริสตัลแห่งดวงดาวมาและจบการแข่งขันโดยเร็ว...ทุกอย่างทำตามคำสั่งของกัปตันราฟาเอลว์ และ...เพื่อความประสงค์ของทั้งสี่ตำแหน่งสูงสุดบนเรือไม่นับรวมกัปตันหนุ่ม หลีกเลี่ยงการปะทะหรือพบหน้ากันอีกของสองสหาย จะให้พบหน้ากันมากไปกว่านี้ไม่ได้ เอ็ดเวิร์ดจะพบกับอัลไม่ได้อีกแล้ว...ต้องรีบไป

     

     

     

                เอเวียน่าจ้องมองหน้าของกัปตันหนุ่ม ใบหน้านั้นดูไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย มันยังคงขาวซีด ดูเยือกเย็นและไร้ชีวิต คิดเช่นนั้นหญิงสาวก็ใจหาย ถึงแม้ยังคงมีจังหวะหน้าท้องขึ้นลง แม้จะมีลมหายใจ...แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ร่างกายของชายหนุ่มจะอุ่นขึ้นบ้างมั๊ย...แม้ซักนิดก็ดี

     

                หญิงสาวขยับตัวหวังเอามือของเธอไปแตะหน้าผากเขา เพื่อรับรู้ไออุ่นจากร่างกายมนุษย์ แต่ไม่เป็นผลเพราะเธอขยับมือออกจากกันไม่ได้ เอเวียน่าขมวดคิ้ว แม้จะดูอาการยังทำไม่ได้เลย...เจ้าจะนอนอีกนานแค่ไหนเนี่ย เธอคิดอย่างโมโห สายตามองหน้าที่ไม่กวนประสาทเช่นเดิมของกัปตันหนุ่ม...แล้ว...หญิงสาวก็ค่อยๆ ก้มหน้าลง แค่ดูว่าตัวเย็นมั๊ยเท่านั้น เธอปลอบใจตัวเอง ร่างบางค่อยๆ ขยับหน้าเข้าไปใกล้ขึ้น ใกล้เข้าไปอีก...

     

                หน้าผากของหญิงสาวสัมผัสกับหน้าผากของอัลเบาๆ ความเย็นจากตัวเขาไหลเข้ามาในตัวเธอ ความเย็นที่อ่อนลงแล้วจากเมื่อตอนดึก ความอบอุ่นในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นบ้าง ถึงแม้จะน้อย แต่ยังมี...และเขาคงจะดีขึ้นในอีกไม่นาน เอเวียน่าถอนหายใจเบาๆ

     

                ว้า... ไม่ทันที่จะร้องออกมา ร่างทั้งร่างของเธอก็ล้มเข้าหาร่างที่นอนอยู่ กัปตันราฟาเอลว์ดึงเธอลงมา

     

                อัลนี่เจ้า!” เอเวียน่าร้องด้วยความตกใจ

     

                ปากซีดขยับรอยยิ้มบางๆ ที่แสนคุ้นเคย ทำหน้ายังกับเห็นผี เสียงล้อเลียนที่ดูเหมือนเปล่งออกมาได้อย่างยากเย็นยิ่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ติดขัดแม้แต่น้อย

     

                เจ้า... เสียงแผ่วเบาของเอเวียน่าไม่สนใจคำพูดกวนโมโหเมื่อครู่

     

                อยู่นิ่งๆ นะ เขากระซิบ

     

                หญิงสาวรู้สึกถึงมือเย็นๆ ของกัปตันหนุ่มที่เลื่อนลดต่ำลงไปที่มือของเธอ เขาค่อยๆ แกะเชือกที่พันข้อมือเธอออก เอเวียน่าเป็นอิสระและค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ โดยดวงตาสีชายังมองหน้าของอัลไว้ด้วยความสงสัย

     

                โอ๊ย!…” มือบางเผลอแตะโดนแผล เรียกเสียงร้องเบาๆ ได้จากกัปตันราฟาเอลว์ทันที

     

                ข้า...ขอโทษ เจ็บเหรอ... เอเวียน่าดึงมือกลับทันที

     

                ชายหนุ่มดึงมือเธอมา และค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากคนตรงหน้า

     

                โอ๊ะ!” ซีคท์ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้สังเกตเห็นเหตุการณ์เป็นคนแรกร้องขึ้น สองชายหนุ่มที่เหลือละสายตาจากสิ่งตรงหน้ามามองตามเด็กผมบลอนท์

     

                ฟื้นเร็วดีนะเด็กชายลุกขึ้นและเดินตรงมาที่ที่พวกเขาทั้งสองนั่งอยู่อย่างไม่สนใจการแก้ไขปริศนา ความจริงซีคท์คงไม่ชอบปริศนาที่ใช้สมองแบบนี้เท่าไร

     

                ดวงตาสีน้ำตาลดำจ้องมองร่างของทีมเป้าหมาย แล้วหันกลับมามองเอเวียน่าที่กำลังแก้เชือกที่เท้าอยู่ครู่นึง ก่อนสายตาจะเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นแววตาของผู้นำแม้ใบหน้ายังคงดูซีดเซียว

     

                พวกเจ้าเป็นใคร คำถามที่คาเบรียคิดว่าเอเวียน่าโกหกและอัลจะให้ความกระจ่างกับเขาได้ เด็กชายหรี่ตามอง

     

                ...นักล่าหัวโจรสลัด...รึเปล่า

     

                นักล่าหัว...เสียงเบาของชายหนุ่มคล้ายกับหัวเราะในลำคอ กัปตันราฟาเอลว์ชันเข่าข้างหนึ่งขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว

     

                เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า

     

                ย่างก้าวของซีคท์หยุดลงตรงหน้าเอเวียน่า พร้อมกับย่างก้าวของออร์ดีนและคาเบรียที่พึ่งเริ่มต้นขึ้น บอกมา ซีคท์กล่าวเสียงเข้ม

     

                แต่รอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้นที่ใบหน้าของอัล มีใครเคยบอกเจ้ามั๊ยว่าเวลาจะถามอะไรใครต้องบอกชื่อตัวเองก่อน... ชายหนุ่มถือโอกาสสั่งสอนเจ้าเด็กที่บังอาจคิดใหญ่เกินตัวมาข่มขู่เขา

     

                ข้าคืออัล...นี่เอเวียน่า

     

                กัปตันหนุ่มส่งมือมา หญิงสาวเบือนหน้าหนีอย่างไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขา

     

                ข้าไม่ได้อยากรู้จักเจ้า... คาเบรียหยุดฝีเท้าของเขาลง

     

                ...เจ้าบอกมาว่าเป็นใคร

                รอยยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวเกิดขึ้นบนใบหน้า ขบขันนิดๆ กับความคิดของเด็กอายุสิบสี่สิบห้าตรงหน้า อัล...อัล ราฟาเอลว์... เขาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

     

                กัปตันเรือโจรสลัด ยินดีที่ได้รู้จัก... คราวนี้สายตาสีน้ำตาลดำสบกับผู้นำทีมจังๆ

     

                ...คาเบรีย ดอร์นย่า...โจรสลัดแห่งเกาะวิวเมดท์

     

                ความเงียบปกคลุมชั่วครู่ กับความแปลกใจที่คนตรงหน้ายอมเปิดเผยตัวออกมาง่ายๆ แถมยังแสดงตัวว่ารู้จักตัวเด็กหนุ่มโดยไม่เกรงกลัว นั่นทำให้ทั้งสามคนนิ่งไปตามๆ กัน

     

                อัลไอเบาๆ แสดงถึงความอ่อนแอของร่างกาย แม้จิตใจจะแน่วแน่แค่ไหนแต่ก็ต้องยอมให้กับร่างกายที่บาดเจ็บ ออร์ดีนตระหนักได้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่เขาควรจะฟื้น แต่กลับฝืนลุกขึ้นมาก่อน ชายหนุ่มเข้าไปแตะคอของผู้ที่กล่าวว่าตัวเองเป็นกัปตันเรือ ตัวของเขาอุ่นขึ้นเรื่อยๆ

     

                ความแปลกใจเป็นของกัปตันราฟาเอลว์ เดาได้ง่ายๆ เลยว่า ออร์ดีน ไม่สิ คนกลุ่มนี้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ขอบใจ

     

                มันไม่ใช่หน้าที่ แต่คือสิ่งที่ควรทำข้าแค่ปล่อยไปไม่ได้เท่านั้น ผู้เป็นผู้ดูแลรักษากล่าว

     

                “…และอีกอย่าง... ออร์ดีนยิ้ม

     

                ...ค่าตอบแทนของพวกเจ้าก็ไม่เลว

     

                อัลขมวดคิ้ว มองหน้าเอเวียน่า

     

                คริสตัลของเจ้า คริสตัลของข้า ผลึกสี่สี เอเวียน่าแจกแจง

     

                ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ แล้วหันกลับมามองผู้ที่คิดว่าเป็นผู้คุมเกมตรงหน้า

     

                เจ้ามีทางเลือกที่จะช่วยข้า คาเบรียตอบอย่างมั่นใจ

     

                แล้ว...ถ้าไม่

     

                เด็กชายยิ้ม ชายผมสีแดงเพลิงเช่นเจ้าน่ะ...เข้ามาในการแข่งขันอย่างผิดกฎไม่ใช่เหรอ...เจ้าอยากรู้รึเปล่าว่าจะเป็นยังไง

     

                อัลมองหน้าเขาแน่นิ่ง ก่อนจะผลุบตาลง ฉลาดเกินเด็ก คาเบรีย ดอร์นย่า เขาว่า เหมือนคำชม

     

                ข้าตกลง

     

                เด็กหนุ่มยิ้มนิดๆ อย่างผู้ชนะ งั้นเราจะเริ่มกันเลย คาเบรียลุกขึ้นเดินมาทางที่กระดาษและผลึกสีวางอยู่

     

                อัลลุกตาม ด้วยความช่วยเหลือจากออร์ดีนและเอเวียน่า ชายหนุ่มเดินอย่างยากลำบาก และเขาก็นั่งลงพร้อมการหายใจที่เร่งเร็วขึ้น ว่าแต่...จะให้ข้า... คำพูดของชายหนุ่มเริ่มตะกุกตะกัก

     

                ...ทำอะไร

     

                แก้ไขปริศนา

     

                กัปตันหนุ่มนั่งจับคางอย่างใช้ความคิด ปริศนาที่เขาไม่ค่อยชอบแต่ต้องเจออยู่เป็นประจำในการหาสมบัติท้องทะเล ปกติหน้าที่นี้จะเป็นหน้าที่ถนัดของผู้ที่ได้ชื่อว่าผู้รู้แห่งราฟาเอลว์ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่ตรงนี้เนี่ยสิ...

     

                สิ่งของตรงหน้าเขาตอนนี้มีเพียงกระดาษที่เขียนรูปประหลาด รูปของก้อนหินใหญ่ ดอกไม้ วงกลมซ้อนกันสามวง ลูกแอบเปิ้ลสีแดง แต่กลับไม่มีเส้นทางว่าให้เดินไปที่ใดทิศทางไหนอย่างไรก่อนหลัง และที่สำคัญ ไม่มีกากบาทที่เป็นจุดของสมบัติที่มักมีอยู่ในแผนที่

     

                เอเวียน่านั่งดูปริศนานั้นข้างๆ กัปตันราฟาเอลว์ เธอเพียงแต่หวังให้ใครซักคนคิดได้เร็วๆ หรือไม่ก็อยากให้คริซโตเฟอร์หาสมบัติให้ได้เจอโดยด่วนจะได้ออกจากเกาะนี้ซักที

     

                คิดอะไรออกบ้างมั๊ย ออร์ดีนถามน้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงร่างกายของเขา

     

                ไม่ต้องฝืนก็ได้

     

                อัลเพียงแต่หันไปยิ้มกับเขา และพยักหน้าซีดๆ ขาวๆ ของเขาเบาๆ แล้วจึงหันกลับมามองที่เด็กหนุ่มทั้งสองที่ตั้งใจฟังเขา

     

                ออร์ดีนแค่เป็นห่วงในฐานะหมอเท่านั้น เจ้าเป็นคนที่หมอนี่ดูแลอยู่ ซีคท์เบือนหน้าหนีชายหนุ่มไป

     

                กัปตันหนุ่มยิ้ม ดูเหมือนจะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขาดี ความจริงเจ้าเด็กอวดดีตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปเขาคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ข้าว่า... อัลพูดเบาๆ

     

                ผลึกพวกนี้น่าจะมีอะไรบางอย่าง นิ้วมือของชายหนุ่มชี้สิ่งของที่อยู่ตรงหน้า

     

                พวกเจ้าคิดว่าไงบ้าง

     

                เอเวียน่าถอนหายใจในลำคอ ตกลงว่ากัปตันหนุ่มยอมที่จะช่วยคิดปริศนาให้กับเจ้าพวกที่จับเธอเอาไว้ตอนแรกรึไง หรือไม่บางที...อัลอาจจะคิดว่า แค่ช่วยเหลือคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แล้ว...ไม่ห่วงลูกเรือของตัวเองที่พยายามอยู่เลยหรือ หญิงสาวเอามือกุมขมับเบาๆ สายตาทอดไปยังเจ้าตัวปริศนาที่ชวนปวดหัวด้านหน้า...ก็แค่คริสตัลเจ็ดสี ไม่เห็นมีอะไร

     

                ผลึกสีเขียว ผลึกสีแดง ผลึกสีน้ำเงิน ผลึกสีส้ม ผลึกสีม่วง ผลึกสีเหลือง ผลึกสีฟ้า...จะได้อะไร ไม่เห็นมีอะไรเลย...เอเวียน่าบ่นพึมพำในใจ

     

                สีพวกนี้น่าจะบอกอะไรบางอย่างได้ อัลเปรย

     

                คืออะไรล่ะซีคท์เถียงกลับทันที

     

                อัลเหล่ตามอง และก็ผลุบตาลง สงสัยข้าคงไม่ฉลาดพอ

     

                เด็กหนุ่มลุกขึ้นทันที เจ้ากวนข้าเหรอ!”

     

                ซีคท์ เสียงของคาเบรียตรึงให้คนถูกเรียกอยู่กับที่ และทิ้งตัวลงนั่งอย่างอดไม่ได้

     

                ผลึกสีเขียว ผลึกสีแดง ผลึกสีน้ำเงิน ผลึกสีส้ม ผลึกสีม่วง ผลึกสีเหลือง ผลึกสีฟ้า...เอเวียน่าขมวดคิ้วอย่างสงสัย

     

                เขียว แดง น้ำเงิน ส้ม ม่วง ฟ้า เหลือง...อย่างนี้คงไม่ใช่แน่

     

                หากเจ้าทำตัวดีๆ ไม่... ชายหนุ่มหยุดหายใจอย่างเริ่มรู้สึกอึดอัด

     

                ถ้าเจ้าไม่ทำตัวเด็กๆ ล่ะก็นะ...ข้าอาจจะคิดได้เร็วหน่อย เขาพูด เรียกรอยยิ้มบางๆ ได้จากเด็กหนุ่มผู้นำทีมและออร์ดีน

     

                เจ้ายิ้มอะไร เจ้าตัวดีหันไปเอ็ด

     

                คาเบรียรีบตีหน้านิ่งอย่างรวดเร็ว เจ้าคิดว่าคืออะไร เขาถามอัล

     

                ม่วง ฟ้า น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง...มีอะไรบางอย่างที่คุ้นๆ แต่ยังขาดอะไรบางอย่างไป...รึเปล่า

     

                กัปตันราฟาเอลว์จ้องกระดาษอย่างใช้ความคิด สีพวกนี้เหมือนกับอะไรบางอย่าง...

     

                ม่วง ฟ้า น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง

     

                ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง...ใช่แล้ว!

     

                มันเหมือนกับ... อัลใช้มือกุมหัวที่เริ่มปวดเพราะการใช้ความคิด

     

                รุ้งเอเวียน่าว่า เรียกสายตาทุกดวงให้มองมาเป็นทางเดียว ดวงตาของหญิงสาวฉายแววความเชื่อมั่น

     

                ใช่มั๊ยๆ รอยยิ้มที่หาได้ยากเกิดขึ้นบนใบหน้าเนียนๆ ของเจ้าหล่อน

     

                ชายหนุ่มเห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ...เก่งๆ เจ้าเก่งมาก เขาว่าพลางลูบหัวเธอด้วยมือที่แทบไม่ค่อยมีแรงเบาๆ

     

                เอเวียน่าปัดมือเขาออกอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอรู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ

     

                อัลไม่ได้ใส่ใจอะไรมากกับการกระทำของเธอ เขาหยิบผลึกสีม่วงขึ้นมาคาเบรีย ซีคท์ ออร์ดีน มองหน้ากันไปมาและพวกเขาก็หันมามองกัปตันตรงหน้า หากคิดแบบง่ายๆ ข้าว่าน่าจะจับเรียงกันดู

     

                เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลพยักหน้า เขาเริ่มจากการหยิบสีแดงขึ้นมา ต่อด้วยสีส้มไว้ด้านบนสีแดง และตามด้วยสีอื่นๆ ตามลำดับ สุดท้าย...คาเบรียรับผลึกสีม่วงมาจากมือของอัล และประกอบผลึกอันที่เจ็ดเข้าไป ผลึกทุกสี ลงล็อคกันอย่างพอดิบพอดี มันดูดเข้าหากันเหมือนแม่เหล็กต่างขั้ว เด็กชายพิจารณารอบๆ อยู่ครู่นึงและส่งมันให้กับออร์ดีนซึ่งอยู่ข้างๆ

     

                ชายหนุ่มรับมา หมุนซ้ายทีขวาทีก็ไม่มีทีท่าว่าผลึกจะแยกออกจากกันได้ง่ายๆ มันถูกจัดทำมาเพื่อให้เป็นชิ้นเดียวกันโดยแท้ ข้าไม่เห็นว่าจะทำอะไรต่อไปได้เลย...เมื่อเรารู้แล้วว่าผลึกเป็นสีของรุ้ง และจะทำไงต่อ เขาพูดพลางส่งให้เด็กชายอีกคนที่เหลือ

     

                เจ้าว่าไง เขาถามอัล

     

                กัปตันหนุ่มหยิบกระดาษแผนที่ขึ้นมามองดู เขาพยายามใช้ความคิดแม้จะยากลำบากก็ตามที

     

                ซีคท์โยนผลึกซ้ายทีขวาที เขย่าไปมาอย่างมันมือ จนคนที่ดูอย่างเพื่อนร่วมทีมทั้งสองเสียวมันตกแตกแทน ไม่เห็นจะต่างจากผลึกแบบ...เฮ้ย! เจ้า!”

     

                อัลดึงผลึกยาวออกมาจากมือของเด็กหนุ่ม เขาใช้มือเรียวลูบตามเนื้อผิวด้านข้างของมัน เขาสัมผัสถึงเส้นบางๆ ด้านข้างที่เรียงต่อกันเป็นรูปขีดสองขีดและวงกลมที่มีลายแปลกๆ อยู่ด้านในอีก คงเป็นสิ่งที่ทำไว้เพื่อต่อผลึกให้ง่ายขึ้น และเขาก็ต่อมันถูกแล้ว

     

                เคยมีตำนานว่าสมบัติอยู่ที่ปลายรุ้ง ออร์ดีนว่า

     

                บางทีอาจจะเชื่อมกันได้

     

                ปลายรุ้งเหรอ อัลมองผ่านผลึกโปร่งแสง

     

                อาจจะถูกของเจ้า...หากปลายของรุ้งซึ่งก็คือผลึกเจ็ดอันนี้ เขาชูมันขึ้น

     

                มันน่าจะ... เขาลองมองผ่านมันอีกครั้ง คราวนี้เขาดึงกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา ดวงตาสีน้ำตาลดำเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

     

                พระเจ้า... คำอุทานเบาๆ อย่างเหลือเชื่อหลุดออกจากปากชายหนุ่ม

     

                อะไรเหรอ เสียงมาจากคาเบรียและเอเวียน่า ทั้งสองมองหน้ากันนิดนึง ก่อนที่เด็กหนุ่มรับของมาจากอัล

     

                ว้าว... เสียงกล่าวอย่างตื่นเต้นมาจากเขา

     

                หญิงสาวรับมาเป็นคนถัดไป ลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็ยอมส่องดวงตาสีชาผ่านแท่งผลึกยาว แล้ว...ก็เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ดวงตาหยุดอยู่ที่ตรงนั้น ริมฝีปากกลับไม่มีเสียงใดๆ ลอดออกมา ทั้งๆ ที่พยายามจะพูดให้คนอื่นได้รู้ มือบางๆ สั่น...หัวใจเหมือนหยุดเต้นให้กับความอัศจรรย์ที่ได้พบ

     

                สีของผลึกทั้งเจ็ด สีของสายรุ้งในยามแดดออกหลังฝนตก ดลหายไปทั้งสิ้น มันกลายเป็นแสงสีขาวของยามทิวา เหลือเพียงแสงเดียวเมื่อดวงตามองผ่าน แต่ที่น่าอัศจรรย์กว่านั้น...คือภาพทั้งหลายที่ดูซอมซ่อเก่าแก่... ภาพก้อนหินใหญ่ที่วาดขึ้นอย่างลวกๆ กลับกลายเป็นปากถ้ำที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์แน่นหนาที่คงเข้าได้ยาก ดอกไม้เพียงดอกเดียวกลายเป็นทุ่งดอกหญ้าสีขาวสะอาดตาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา คงเป็นสถานที่นุ่มๆ น่าแผ่ตัวลงนอน วงกลมซ้อนกันสามวงที่ดูแปลกประหลาดกลายเป็นภาพก้อนหินสูงที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สีเหลือง และสายด้ายหนาสีแดงเก่าๆ แสดงได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์หรือสถานที่ที่ถูกบูชามานานแสนนาน ลูกแอบเปิ้ลสีแดงที่แทบดูไม่ออกว่าเป็นแอบเปิ้ล ก็กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ต้นแอบเปิ้ลที่มีลูกดกเต็มต้น เรียกน้ำย่อยในกระเพาะได้ดีทีเดียว...แค่นั้นยังไม่พอ ขีดเส้นสีน้ำตาล ขีดจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่ง ไปเรื่อยๆ และวิ่งผ่านที่ภาพก้อนหินสูงใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์ แสดงถึงเส้นทางของนักล่าสมบัติที่จะต้องเดินต่อไป

     

                เอเวียน่าถอนหายใจเบาๆ เมื่อดึงผลึกออกจากดวงตา หญิงสาวบังคับใจที่เต้นระรัว ส่งสิ่งในมือไปยังคนต่อไป และหันหน้ามามองอัล จะเอายังไงต่อ เธอพูดเบาๆ

     

                อัลเหล่ตา ข้าอยากนอนเป็นบ้า เขาบ่นอย่างไม่เข้ากับสถานการณ์เลยสักนิด

     

                เล่นเอาคนที่จริงจังอย่างเอเวียน่าอยากกระโดดถีบ ถ้าไม่ติดที่ไม่สบายอยู่ล่ะก็นะ หญิงสาวเบือนหน้าหนีอย่างหมดอารมณ์ เธอก็เข้าใจว่าเขาต้องการพักผ่อน แต่ก็ไม่ควรพูดแบบนี้กับเธอ

     

                อัลเหล่ตามอง คงทำอะไรไม่ได้ เขาพูด ทำให้เอเวียน่าหันมามองหน้าตาที่ดูจริงจังของเขา

     

                จนกว่าจะได้คริสตัลของเจ้ากลับคืนมา

     

                หญิงสาวหรี่ตาลงอย่างจับผิด คริสตัลของเจ้าด้วยใช่มั๊ย

     

                กัปตันหนุ่มพยักหน้านิดๆ ใช่คริสตัลของข้า เขาว่า

     

                ...ไม่ได้ตั้งใจปิดบังหรอก อย่าโกรธเลย ชายหนุ่มดักคอคนฟังเอาไว้

     

                เอเวียน่าถอนหายใจนิดๆ ข้าจะโกรธอะไรได้ เธอพูด อัลดูเหมือนจะตั้งใจเก็บแรงเอาไว้ก่อน จึงเลือกที่จะฟังเธอเพียงอย่างเดียว หญิงสาวเลยว่าต่อ

     

                แล้วลูกเรือของเจ้าล่ะ...ไม่ห่วงบ้างหรือไง

     

                คริซโตเฟอร์ รอยยิ้มอย่างภูมิใจเกิดขึ้นที่ใบหน้าของผู้เป็นกัปตันราฟาเอลว์

     

                หมอนั่นคงเจอแล้วแน่ๆ ข้าเชื่อ

     

     

     

                เท้าก้าวสั้นๆ กับเสื้อชุดสีน้ำเงินยาวซึ่งเคยคลุมตาตุ่ม บัดนี้แทบไม่เหลือความสวยงามของเสื้อผ้า เมื่อมันถูกฉีกโดยเจ้าของที่ต้องการความทะมัดทะแมงในการเดินเท้ามากกว่าความงาม ดวงหน้าเนียนใสของอิสตรี ดวงตาสีมรกต เส้นผมยาวซึ่งเคยถักเปียเอาไว้ถูกรวบขึ้นสูง คริซโตเฟอร์ก้าวเท้าพ้นปากถ้ำเล็กๆ ออกมาสู่ด้านนอกเป็นคนแรก เท้าสัมผัสกับพื้นหินขรุขระ และเขาก็พบว่า...ตัวเองยังออกมาไม่พ้นถ้ำอยู่ดี

     

                เขายังคงอยู่ในถ้ำ เพียงแต่ตอนนี้สภาพแตกต่างไปจากเดิม เพดานสูง และผนังกว้างออกไป ดวงไฟสลัวๆ ทำให้มองเห็นสภาพรอบๆ ไม่ค่อยชัดดี บุรษแห่งเผ่าอะลาศก้มหาเชื้อเพลิงติดไฟง่ายที่พื้น

     

                โครม!” เสียงดังสนั่น สะท้อนออกมาเป็นช่วงๆ ร่างของเด็กฝาแฝดคนหนึ่งล้มลงมาสภาพดูไม่ได้ เด็กชายเมื่อลงถึงพื้นก็หันไปโวยเจ้าคนด้านหลังทันที

     

                เจ้าบ้าคิว ถีบมาได้!” ดิวโอร้อง

     

                เจ้าชักช้าเองช่วยไม่ได้ คิวโอโผล่หัวออกมา เด็กหนุ่มค่อยๆ ดันตัวลงจากผนังถ้ำและไปสมทบกับผู้รู้แห่งราฟาเอลว์

     

                เจออะไรบ้าง คริซ

     

                ฟิลิปลงมาเป็นคนสุดท้าย เขาเข้าไปพยุงดิวที่ล้มอยู่และมาสมทบกับทั้งสองคนเช่นกัน

     

                คริซกางแผนที่ออก ยื่นมือมาหาเขา ขอไม้หน่อย

     

                บุรุษเผ่าแห่งป่าพยักหน้านิดๆ และเดินเข้าไปในความมืด ก่อนจะออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกิ่งไม้หนาในมือ

     

                สองฝาแฝดตบมือแปะๆ อย่างชื่นชม

     

                คริซรับไม้มา ก่อนที่เปลวไฟจะลุกขึ้นที่ปลายด้ามไม้ และเขาก็ส่งคืนให้ฟิลิปเช่นเดิม เสียงปรบมือของเด็กแฝดดังเข้าหูอีกครั้ง ทำอะไรเงียบๆ หน่อยได้มั๊ย ผู้รู้เอ็ด แล้วหยิบผลึกยาวที่ต่อประกอบกันด้วยผลึกทั้งหกออกมา เขาส่องดวงตาสีมรกตผ่านผลึก เห็นภาพเส้นทางและภาพสถานที่ทั้งสามในแผนที่ คริซโตเฟอร์ละสายตาจากแผนที่มองรอบๆ และกลับไปที่แผนที่อีกครั้ง ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ และส่งสิ่งของในมือให้กับฟิลิป

     

                ความสามารถของข้าคงมาได้เพียงเท่านี้ เขาพูด เดินลงไปนั่งที่โขดหินใกล้ๆ ดักรอคนที่มีผลึกครบเถอะผู้รู้กล่าวอย่างยอมแพ้

     

                ชายแห่งเผ่าไกกีถอนหายใจเบาๆ มองกระดาษแผนที่ผ่านผลึกทั้งหกที่ต่อเป็นรูปปริซึมหกเหลี่ยมในมือ ภาพของถ้ำใหญ่ที่พวกเขาอยู่ ภาพของต้นแอบเปิ้ลที่อยู่ตรงหน้าถ้ำ ภาพของทุ่งดอกไม้สีขาวที่พวกเขาผ่านมาเป็นที่แรก แต่ว่า...กลับไม่มีภาพของสิ่งที่แสดงถึงวงกลมซ้อนกันสามวงออกมา ไม่มีปริศนาต่อไป ถึงทางตัน การรอคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ ชายหนุ่มพับแผนที่อย่างเบามือและเข้าไปนั่งข้างๆ คริซโตเฟอร์

     

                เจ้าว่าไงผู้รู้ถามความเห็น

     

                ฟิลิปมองสองฝาแฝดที่เดินไปมาอย่างสำรวจ สองฝาแฝดที่ไม่รู้จักการอยู่เฉยๆ รอ...เหรอครับ เขาว่า

     

                ก็คงต้องอย่างนั้นล่ะนะ คริซสรุป

     

                ง่า หินนี่ เสียงของเจ้าเด็กฝาแฝดดังขึ้นมาในความเงียบ ดิวโอเอามือลูบหินโสโครกเก่าๆ อยู่

     

                สะอาดมาก

     

                หินพวกนี้เหมือนเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ ทุกอันมีดอกไม้วางไว้ทั้งนั้น คิวออกความเห็น

     

                เจ้าว่าไงคริซ

     

                ก็อาจใช่ ผู้รู้ตอบอย่างไม่ใส่ใจ

     

                ที่เจ้านั่งอยู่อาจเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์... เด็กฝาแฝดกล่าวอย่างจับผิด ...ใช่มั๊ย

     

                คริซมองหน้านิ่งยังคงไม่สนใจท่าทางของคนตรงหน้ามากนัก ใช่หรือไม่ใครจะรู้

     

                ดิวโอหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปสำรวจต่อ ที่นี่ไม่มีอะไรนอกจากหินและน้ำเลยนะ

     

                งั้นสิ ไม่งั้นจะมีหินงอก หินย้อยมากมายยังงี้เหรอ คิวกล่าวอย่างผู้รู้มากกว่า

     

                หิน น้ำ ความร้อน การรวมตัวกันของธาตุสามธาตุ คริซกล่าว

     

                ขาดความร้อน ผู้รู้พูดอย่างหมดอารมณ์ ชายหนุ่มดึงแผนที่มาจากคนข้างกาย จ้องมองวงกลมสามวง เมื่อสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่า วงกลมด้านบนจะสีอ่อนกว่า ส่วนด้านซ้ายจะเข้มที่สุดเป็นสีดำอมเทา

     

                หิน น้ำ ความร้อนเหรอ เสียงดิวโอพึมพำอย่างเข้าใจ

     

                แต่เสียงนั้นทำให้ความคิดบางอย่างสะดุด ดวงตาสีมรกต ขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด คริซโตเฟอร์เบิกตากว้างเมื่อคาดได้ถึงความหมายในคำพูดของเด็กชาย ใช่แล้ว เขาร้อง กางแผนที่ออกอย่างเร่งรีบ คนอื่นๆ ในทีมเข้ามาหาอย่างรู้ว่าผู้รู้ของเรือคงคิดอะไรบางอย่างออกแล้วแน่ๆ ชายหนุ่มดึงคบเพลิงมาจากชายเผ่าไกกี ส่องแสงไปรอบๆ

     

                คิดอะไรออกเหรอ คริซ คิวโอโพล่งขึ้นมา

     

                รอยยิ้มอย่างภูมิใจในตนเองเกิดขึ้นบนใบหน้า หิน น้ำ ความร้อน การรวมกันของธาตุสามธาตุ แผนที่ถูกส่งให้อยู่ในมือเด็กหนุ่ม ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์ชี้ภาพวงกลมสามวง

     

                ซึ่งเจ้าบอกข้าว่าคือหินงอก หินย้อย

     

                แล้วไง คำถามมาจากดิวโอ

     

                และเจ้าก็ยังบอกว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์... เขาพูด

     

                ...งั้นมันคงต้องมีอะไรบางอย่างที่สำคัญบ้างล่ะ

     

                คิ้วขมวดเค้าหากัน เป็นใบหน้าหาดูได้ยากจากเด็กทั้งสองตรงหน้า

     

                หาดูเป็นไง

     

                อืม เจ้าเด็กทั้งสองแยกย้ายกันไปอย่างว่าง่าย เป็นครั้งแรกที่คริซรู้สึกว่าเจ้าเด็กสองคนนี้ก็มีอะไรที่น่ารักเหมือนกัน ฟิลิปมุ่งไปอีกด้านหนึ่ง ส่วนตัวเขาก็เดินเข้าไปในความมืดสลัวๆ ฝั่งที่ยังไม่มีใครเข้าไป

     

                สะสม แย่งชิงผลึกสีทั้งเจ็ดมาไว้ในครอบครอง แก้ไขปริศนาที่ซ่อนของคริสตัลในกระดาษแผนที่ พอพบสิ่งของให้ท่านออกมาจากป่าแห่งนั้น เราจะให้เวลาถึงอาทิตย์ตกดินวันที่สอง ถ้าทำไม่สำเร็จกรุณารีบออกมา ไม่งั้นเราจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากเลยวันอาทิยต์ตกดินวันที่สอง...กติกาแปลกๆ ดังขึ้นในหัวของเขา เสียงของผู้ดูแลการแข่งขันที่ดท่าทางล้มได้ง่ายเหลือเกิน

     

                ความจริงตัวเขาเองก็สงสัยไม่น้อยเหมือนกัน กติกาแปลกๆ เทศกาลของวิวเมดท์พึ่งมีมาได้เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ชาววิวเมดท์คงรู้ว่ามีคริสตัลซ่อนอยู่ที่นี่ พยายามค้นหาจนหาเวลาที่ปลอดภัยได้ คือช่วงเวลาเมื่อวานกับวันนี้ แต่ไม่สามารถค้นหามันเจอจึงจัดการแข่งขันขึ้นมาเรื่อยๆ ล่อนักล่าสมบัติมีฝีมือด้วยของรางวัลดีๆ...นานๆ เข้าคงไม่มีใครทำสำเร็จ ท้ายสุดจึงล่อด้วย คริสตัลแห่งดวงดาวที่คนหมู่มากต้องการ...คงหวังไว้ว่าครั้งนี้จะหาเจอ...คริซโตเฟอร์คาดเดา

     

                ไม่แน่บางที...อาจจะไม่มีคริสตัลอยู่ หรือถ้ามี...วิวเมดท์จะมอบคริสตัลให้นั้นง่ายๆ หรือ...ชายหนุ่มชักไม่แน่ใจ แต่ก่อนอื่นคงต้องหาคริสตัลที่ว่าให้เจอก่อน

     

                นิ้วมือเรียวแบบสตรีไล่ตามแผ่นหิน คริซหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ดวงตาสีมรกตส่องไปที่ก้อนหินหวังไม่ให้สายตาพลาดของสำคัญ เนื่องจากเขาหาผลึกได้ไม่ครบ จึงไม่รู้ว่าสถานที่ต่อไปเป็นอย่างไร

     

                คริซซี่ๆ มาดูนี่สิ เสียงเรียกจากฝาแฝดตัวดีเรียกให้คนที่มีสมาธิอยู่สะดุ้ง รวมถึงผู้ที่ถูกเรียกด้วย เขาวิ่งมาดูหวังว่าคิวโอจะเจอกับเป้าหมายในที่สุด

     

                เจ้าว่าใช่มั๊ย เด็กน้อยกล่าวเบาๆ อย่างไม่แน่ใจ

     

                คริซโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมอง หินงอกก้อนใหญ่สูงขนาดสองคนโอบได้ หินผิวขรุขระ เนื้อไม่เนียน แต่ใสสะอาดอย่างน่าประหลาด จุดโคนหินและจุดที่อยู่สูงมีดอกไม้สีเหลืองและสายด้ายสีแดงพันรอบๆ อย่างของที่ควรเคารพบูชา คริซโตเฟอร์สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมา ทำให้ร่างกายเขานิ่ง ไม่มีความกล้าพอที่จะสัมผัสด้วยมือหรือแม้แต่จะแตะต้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

     

                ครืน

     

                เสียงเลื่อนหินทำเอาคริซสะดุ้งออกจากห้วงคิด สายตาหันไปเอ็ดเจ้าเด็กสองคนตัวดีจอมยุ่งยาก ที่ล้มลงไปกับพื้นแล้ว แต่แล้ว...คำพูดทุกอย่างกลืนหายเมื่อความแปลกใจเข้ามาแทนที่

     

                ...คิวโอและดิวโอ ดึงหินก้อนใหญ่ออกได้อย่างง่ายดาย...

     

                ข้าเปล่าทำอะไรนะ หนึ่งในแฝดยกมือขึ้นอย่างไม่ยอมรับผิด

     

                ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์ไม่สนใจ คบเพลิงในมือส่องไปยังสิ่งที่อยู่ข้างใต้ก้อนหิน...บันได

     

                เก่งแฮะ เสียงดังมาจากด้านหลัง ทำให้ลูกเรือทั้งสี่หันไปตามต้นเสียงทันที

     

                ความดีใจเกิดขึ้นบนใบหน้าเมื่อภาพแรกที่เห็นคือกัปตันราฟาเอลว์ที่ใบหน้าซีดเซียวราวกับเป็นโรคอ่อนเพลีย ท่าทางไร้เรี่ยวแรง และหญิงสาวข้างๆ กาย...เอเวียน่า แต่รอยยิ้มก้ต้องหุบลงเมื่อร่างของคนที่ไม่คุ้นเคยโผล่ขึ้นมาด้านหลัง

     

                เจ้าเป็นใคร คริซโตเฟอร์ถามอย่างไม่รอช้า

     

                คาเบรีย เด็กหนุ่มพุดขึ้นมาเป็นคนแรก และหันไปยังลูกทีมทั้งสอง นี่ซีคท์และออร์ดีน

     

                ต้องการอะไร

     

                รอยยิ้มกวนประสาทเกิดขึ้นบนใบหน้าของเด็กผมบลอนด์

     

                ตอนแรกนึกว่าเจ้าเป็นสตรีซะอีก ซีคท์ว่า

     

                กับลูกติด สายตาเหล่ไปที่สองฝาแฝด

     

                แหยะ เสียงดังของสองฝาแฝดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่พอใจ

     

                ต้องการอะไรผู้รู้ย้ำคำถามเดิม

     

                ทำให้ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง เมื่อทั้งสามชายแปลกหน้ารับรู้ถึงรังสีแห่งการไม่เป็นมิตรมาจากผู้พูด ทำให้การพูดเล่นต้องเปลี่ยนเป็นจริงจังโดยเร็ว

     

                ข้าขอลงไป ไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร อัลก็ชิงพูดก่อน ดวงตาสีน้ำตาลดำสบตาคนตรงหน้าอย่างออกคำสั่ง แต่หากแววตาแข็งกร้าวสื่อความหมายบางอย่าง

     

                ดวงตาสีมรกตสบแววตามที่แฝงไปด้วยความหมายนั้น หากมองเพียงภายนอกคงคิดว่าทั้งสองปะทะกันด้วยสายตา แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น ในเมื่อพวกเขารู้จักกันดี ให้คริซโตเฟอร์เข้าใจคำสั่งได้โดยไม่ยาก รวมถึงลูกเรือคนอื่นๆ ด้วย ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์หลับตาลง และก้าวเท้าลงไปตามขั้นบันไดตามด้วยสองฝาแฝดและฟิลิป

     

                กัปตันหนุ่มถูกจ้องอย่างน่าสงสัยจากทีมเป้าหมายของเขา ทั้งสามคนมีแววตาแปลกใจ ไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงเป็นคำถามยังไง แต่อัลไม่สนใจ เขาเดินตามคนตรงหน้าไป เอเวียน่าก็เช่นกัน

     

                คาเบรีย ออร์ดีน และซีคท์ยังคงสงสัย แต่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากมองหน้ากัน ท้ายสุดก็ต้องก้าวเท้าตามไป

     

                ความมืด...เป็นสิ่งแรกที่เข้ามาในดวงตาสีชาเมื่อก้าวเท้าเข้าไป แสงไฟสลัวๆ ข้างหน้าไม่อาจช่วยอะไรคนที่อยู่ด้านหลังได้นัก สิ่งที่อยู่ข้างกายเธอต่างหากที่ทำให้เธอวางใจและไม่สบายใจในคราวเดียวกัน เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะดวงตาของหญิงสาวหยุดลงที่เสื้อของเธอที่ชุ่มไปด้วยเลือด

     

                แน่สิ อัลกล่าวอย่างยากลำบาก ไม่เหมือนความมั่นใจของเขาซักนิด

     

                ข้าว่าเจ้าน่าจ... ไม่ทันที่จะพูดจบร่างใหญ่กว่าก็ล้มลงอย่างอ่อนแรง

     

                อัล!” เอเวียน่าเข้าไปดูอาการของชายหนุ่ม

     

                เสียงร้องของหญิงสาวทำให้คนทั้งหมดหันมาดู และก็ต้องเข้ามาหาเขา เจ้ารีบตื่นไปหน่อย...พักผ่อนไม่พอ ออร์ดีนสรุปอย่างรวดเร็ว แม้จะแทบไม่ได้จับตัวอัลเลย ฟิลิปดึงแขนของอัลขึ้นมาพาดไว้ที่บ่าของเขา คริซส่งคบเพลิงให้เอเวียน่าและเข้ามาช่วยฟิลิปที่แขนอีกข้าง

     

                เดินต่อเถอะ ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์บอกเอเวียน่า หญิงสาวพยักหน้าและเปลี่ยนเป็นผู้เดินนำแทน คริซโตเฟอร์กระชับแขนของกัปตันของเขาให้แน่นขึ้น และเดินตาม

     

                ดูไม่ได้เลยนะ ชายหนุ่มกระซิบ

     

                มีอะไรก็ว่ามา...

     

                รอยยิ้มบางๆ ลอดผ่านผมสีแดงเพลิงออกมา ไม่เคยหลอกอะไรได้เลยจริงๆ จริงอยู่ที่ตอนนี้เขาอ่อนแอ แต่ว่าเขายังสามารถยืนได้อยู่ คริซก็คงรู้ดี เจ้ายังรู้ทุกอย่างเหมือนเดิม

     

                ไม่หรอก เพียงแต่หน้าเจ้ายังไม่ซีดขนาดจะล้มลงไปมีอะไรล่ะ

     

                คาเบรีย ดอร์นย่า... เสียงแผ่วอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ความมุ่งมั่นของเขาทำให้กัปตันราฟาเอลว์ไม่ยอมแพ้ด้วยเรื่องแค่นี้ คำสั่งเบาๆ อย่างมีความแน่นิ่งในน้ำเสียงกล่าว

     

             จับมัน...ไว้ให้ได้...

     

    */*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×