ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Treasure Magic ผจญภัยขุมทรัพย์แห่งเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 14 - การแข่งขัน (2021 NRW)

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 64


     

                จิ๊บๆ เจ้าลงไปซะ!

                ฮี้ๆๆ เจ้าต่างหากลงไป

                จิ๊บๆ จิ เอ๊ะ! เจ้านี่

                ฮ...


                หยุดนะ!” ผู้เป็นเจ้านายตะโกนขึ้นหลังจากฟังผู้ติดตามที่ทะเลาะกันอยู่สองตัว บนบ่าสองข้างของเธอ ส่งเสียงดังไปมา เข้าหูเธอซ้ายที ขวาที จนหญิงสาวไม่มีสมาธิทำอะไร...เพราะเจ้า...เจ้านกบ้ากับม้าบ้า เอเวียน่าถอนหายใจ

     

                นายท่านก็... เบลว่า ทีนี้มันกลับพูดให้เธอเข้าใจ ทั้งๆ ที่เถียงกันเมื่อครู่เธอไม่รู้เรื่องเลยว่ามันเถียงเรื่องอะไรกันบ้าง

     

                ฮี้... เทียรอสก็ดูเหมือนจะอธิบาย แต่เธอก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี

     

                ถ้าพวกเจ้ายังไม่หยุดส่งเสียงใส่หูทั้งสองข้างของข้าล่ะก็...เจอดีแน่ หญิงสาวขู่ ทั้งๆ ที่เธอก็ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแบบนั้นเลยซักนิด เพราะสายตากำลังจับจ้องอยู่ที่ตัวแทนราฟาเอลว์ทั้งสามคนที่จะลงแข่งในวันนี้

     

                ...ถ้ายังพูดมากกันอีก ข้าจะไปคนเดียว เธอว่าเบาๆ

     

                เงียบ...ดีแล้ว เอเวียน่าคิดในใจ แล้วหันหน้าไปจับจ้องสามหนุ่มราฟาเอลว์ที่อยู่ในกลุ่มของผู้เข้าแข่งขัน

     

                คริซโตเฟอร์ บุรุษแห่งเผ่าอะลาศ...ชายหนุ่มหน่อมแน้ม พูดมาก กวนประสาท ในสายตาของเธอและคงอีกหลายๆ คนด้วยเหมือนกัน

     

                หนึ่งในสองฝาแฝด ซึ่งคงเป็นคนพี่ คิวโอ...เด็กตัวเล็กๆ แม้อายุจริงจะสิบหกก็ตามเถอะ แต่ทำตัวไม่ต่างกับเด็กปัญญาอ่อน...เอาเถอะ บางทีเธออาจจะคิดเกินไป แต่หมอนี่...มักมีปัญหากับผู้รู้แห่งราฟาเอลว์

     

                ฟิลิป ผู้ดูแลคอกสัตว์ของราฟาเอลว์...หน้าที่ประหลาด ซึ่งไม่น่าจะมีในเรือโจรสลัด ถึงหมอนี่จะดูเป็นคนตั้งใจ เอาการเอางาน ท่าทางเข้ากับสองฝาแฝดได้ดี กับคริซจอมพูดมาก...ก็ดูท่าทางเคารพอยู่ แต่...เป็นคนเงียบๆ ...ไม่ค่อยออกความเห็นอะไร ส่วนฝีมือเป็นยังไงนั้น...เธอก็ไม่เคยเห็น

     

                คิดยังไงถึงจับเอาสามคนนี้มาอยู่ด้วยกัน...

     

                หนึ่ง...ผู้รู้จอมพูดมาก

                สอง...เด็กแฝดที่เห็นอะไรก็เป็นเรื่องสนุก

                สาม...ผู้ดูแลคอกม้า...เงียบ มนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดี

     

                จิ๊บๆๆๆ จิ๊บๆๆๆ

                ฮี้ๆๆๆๆ ฮีๆ ฮี้ๆๆๆ

     

                แล้วเสียงระรัวของสองสัตว์ก็ดังขึ้น ทำให้ผู้ที่จมอยู่ในห้วงคิดสะดุ้ง และฉุนขาดในทันที เอเวียน่าผลักเจ้าตัวปัญหาสองตัวลงไปที่พื้น ทิงกาเบลบินเหนือบ่า ส่วนยูนิคอนตัวน้อย ตกลงพื้นดัง ตุ๊บ!’ เจ้านกสีทองรีบเข้าไปดูเพื่อนร่วมชะตากรรม ดูท่าทางไม่เป็นไรมาก...แต่พอหันมาอีกที เจ้านายตัวการก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

     

     

     

                เอเวียน่าไม่สนใจเจ้าผู้ติดตามทั้งสองของเธอ หญิงสาวคิดว่าถ้าหากพาเจ้าพวกนั้นไปด้วยต่างหากที่จะทำให้เธอปวดหัว ไม่รู้จะทะเลาะอะไรกันนักหนาจะต้องไปด้วยกันแท้ๆ เธอหนีขึ้นบนต้นไม้ และรีบตรงไปที่ที่ใกล้จุดเริ่มต้นที่สุด เพื่อจะได้มองเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจน แต่ก็ต้องไม่ใกล้จนเกินไปจนลูกเรือราฟาเอลว์จับได้

     

                ลูกเรือราฟาเอลว์ทั้งสามคน...เฮ้อ! เอเวียน่าถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้ว่ากัปตันนั่นคิดอะไรอยู่ถึงได้ส่งสามคนนี้ลง ท่าทางเข้ากันได้ยาก...เอาเถอะ ที่เธอมานี่ไม่ได้มาเพื่อดูแลพวกเขา มีอะไรบางอย่างที่เธออยากรู้ หญิงสาวหยิบกระดาษประกาศค่าหัวของเด็กหนุ่มผมและดวงตาสีน้ำตาล...อายุไม่น่าเกินสิบห้า

     

                ...คาเบรีย ดอร์นย่า ทำไมถึงคิดเป็นโจรสลัด ตัวแค่นี้คิดบังอาจยิงเรือราฟาเอลว์...ท่าทางน่าสนใจไม่น้อย

     

                เอเวียน่ากวาดตามองหาเด็กหนุ่มในเป้าหมายในฝูงนักแข่ง ก่อนจะสะดุดตากับหัวตั้งแหลมๆ ของเขา เด็กหนุ่มกำลังคุยกับชายผมดำตัวสูงกว่าเขามากทีเดียว และเพื่อนคนที่อยู่ข้างๆ ต้นผมสีดำ ปลายผมสีบลอนด์ ผมของเขายาวพอที่จะรวบผมด้านหน้าไม่ให้มาปรกหน้าได้ด้วยผ้าสีแดง

     

                คาเบรีย...เป็นเด็กแบบไหนกันแน่

     

                ปัง!’ เสียงที่ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นการแข่งขันได้ดังขึ้นเป็นนาทีเดียวกับที่ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดค่อยๆ ทยอย เข้ามาในป่า เพื่อเริ่มต้นการตามหาคริสตัลสีขาวในตำนาน...คริสตัลแห่งดวงดาว

     

                เคร้ง! ปึก!เสียงดังกังวานห่างจากจุดเริ่มต้นเข้ามาไม่เท่าไร เป็นเสียงที่ทำให้แทบทุกร่างหยุดวิ่งและหันมาสนใจที่มาของมัน เอเวียน่าก็คนหนึ่ง เธอจำต้องละสายตาไปจากเด็กหนุ่มเป้าหมาย

     

                ชายหนุ่มผมยาวดำดูท่าทางไม่เป็นมิตร กับสหายข้างกายอีกสองคนทีมเดียวกัน ทั้งสามแต่งตัวดูดี กำลังใช้โซ่ตรวนที่ดูจะเป็นอาวุธประจำตัวของพวกเขารัดไปที่ชายหนุ่มผู้น่าสงสารคนหนึ่ง สหายของชายหนุ่มผู้นั้นพยายามใช้ดาบช่วยเพื่อนให้หลุดพ้นจากการพันธนาการซึ่งดูท่าทางไม่มีทางจะหลุดได้ง่ายๆ เลย

     

                ส่งผลึกนั่นมา เสียงของผู้พันธนาการพูดขึ้น

     

                บรรยากาศรอบด้านเงียบกริบ ผู้เข้าแข่งขันทีมอื่นๆ บางทีมก็แยกไปอีกทาง ขอไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ บางทีมก็หยุดดูการเผชิญหน้าครั้งแรกนับจากเริ่มการแข่ง ซึ่งเป็นเวลาเร็วอย่างเหลือเชื่อ เพราะพวกเขาเพิ่งผ่านจุดเริ่มต้นมาทั้งหมดเมื่อครู่นี้เอง

     

                กติกาการแข่งขัน รวบรวมผลึกทั้งเจ็ด และแก้ไขปริศนาแผ่นกระดาษที่ที่ได้รับมา

     

                ลงมือก่อนได้เปรียบ... เอเวียน่าคิดในใจ เหงื่อค่อยๆ ไหลลงมาอย่างตื่นเต้น เนื่องจากกลุ่มของราฟาเอลว์และคาเบรีย ดอร์นย่าเลือกที่จะอยู่ดูการต่อสู้นี้ เธอจึงไม่พลาดโอกาสที่จะจับตามองความกล้าหาญของชายหนุ่มผู้ทำให้เกมนี้น่าสนใจขึ้นมาหน่อย

     

                ไม่ได้ยินเหรอไง ชายหนุ่มผมยาวดำย้ำ

     

                พวกเจ้าเป็นใคร เสียงจากเพื่อนของผู้ถูกพันธนาการเอาไว้ถามขึ้น อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ไม่ได้กลัวจนตัวสั่น...สมกับที่ลงแข่ง

     

                หือ... เขาเลิกคิ้ว แค่ส่งผลึกนั่นมาก็พอ

     

                ข้าว่าไปเถอะคริซโตเฟอร์ออกความเห็นกับสองเพื่อนร่วมทีม อย่างน้อยเขาก็อยากทำภารกิจที่อัลมอบมาให้สำเร็จโดยเร็ว จะได้ไม่ต้องมาเดินในป่าแบบนี้!

     

                ดูสิ ดู ชุดข้าเปื้อนหมด เขาบ่นพึมพำ กับชุดยาวคลุมตาตุ่มสีน้ำเงินของเขา คงสร้างความระอาให้กับคนที่ได้ยินแน่ แต่แน่นอนไม่ใช่ลูกเรือราฟาเอลว์ที่รู้จักตัวผู้รู้ดี

     

                ข้าว่าดูต่อเถอะ คิวโอว่า

     

                น่าสนุกเนอะ ฟิลิป เด็กน้อยหันไปถามความเห็น

     

                ตรงไหนฟะ คริซหลุดคำพูดที่ไม่ดูเป็นสตรีขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

     

                ตรงที่เขาทะเลาะกันไง ฝาแฝดหันมาเถียง และหันหน้าไปหาฟิลิป

     

                เจ้าว่ามั๊ย

     

                ชายหนุ่มเพียงแค่หันมาสบตาฝาแฝด และส่ายหัวเบาๆ

     

                อ้าว!” คิวโอร้องเสียงหลง

     

                ไม่ใช่เหรอ

     

                แน่ล่ะ ใครจะโรคจิตเหมือนแก ดูเหมือนคริซจะคิดเช่นนั้น

     

                ฟิลิปพยักหน้าเบาๆ ข้าแค่คิดว่าทำไมต้องทะเลาะกันครับ ท่านคิวโอ

     

                อืมเหรอ เด็กน้อยว่า พลางมองไปที่สถานการณ์เบื้องหน้า

     

                คริซโตเฟอร์ถอนหายใจ เขาแค่อยากได้คริสตัลมาเร็วๆ แต่ไอ้กติกาเฮงซวยในหัวเขาเนี่ย มันบอกว่าการอยู่ดูน่ะ เป็นหนทางที่แย่ที่สุดและก็ดีที่สุดซะด้วยสิ เมื่อสองเสียงบอกให้อยู่ดูต่อ ก็คงต้องอยู่ดูต่อไปก่อนล่ะนะ ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น...แต่แล้ว...สิ่งที่ผู้รู้คิดไม่ถึงก็ทำให้เขาปวดหัวเข้าไปอีก

     

                นี่เจ้า!” หนึ่งในสองฝาแฝดตัวยุ่งตะโกนขึ้นมา เรียกร้องความสนใจของทุกคนที่อยู่รอบด้านได้ในทันที เอเวียน่าเกือบเสียหลักตกต้นไม้ คริซโตเฟอร์เบิกตาโพล่ง แล้ว...ชายหนุ่มยาวดำและพรรคพวกหันมามอง

     

                ทำไมต้องทะเลาะกันเหรอ คิวโอพูด ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่อีกฝ่ายกำลังงงสุดขีด

     

                เอเวียน่านั่งลงบนกิ่งไม้หลังพิงต้นไม้อย่างรู้สึกทึ่งๆ พร้อมกับพึมพำในใจ สมเป็นฝาแฝดแห่งราฟาเอลว์...ทำอะไรไม่คิดเลย

     

                ผู้รู้ผมสีน้ำตาลแดงเสยผมขึ้นไป ทำให้เห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาอย่างโมโห เจ้าหล่อนทิ้งมือแข็งๆ ที่ไม่อ่อนแอเหมือนท่าทางของเขา ลงที่หัวของเจ้าตัวยุ่งนั่นดัง โป๊ก!’ อย่างไม่ปราณี

     

                โอ๊ย! เจ็บนะ ทำไมต้องตีข้าด้วยล่ะคริซซี่ คิวโอกุมหัวที่โนขึ้นมาของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง

     

                บุรุษในคราบหญิงสาวหลับตาเก็บอารมณ์ อย่างน้อยก็ยกโทษให้หน่อยเพราะเรียกเขาด้วยชื่ออันไพเราะ ก็เจ้าทำอะไรไม่ดูซะเลย ไม่รู้หรือไงว่าเวลาแบบนี้ต้องอยู่เงียบๆ ว่ายังไม่พอยังสอนให้อีก

     

                แต่การเชื่อฟังคนตรงหน้าไม่ใช่นิสัยของฝาแฝด แล้วทำไมต้องตีหัวข้าด้วยล่ะ เด็กหนุ่มเถียง

     

                ข้าเจ็บนะ

     

                ก็ตีให้เจ็บน่ะสิ จะได้จำ

     

                แล้วทำไมต้องตีซะแรงเลยล่ะ คิวโองอตัวอย่างน่าสงสาร

     

                แต่ชายหนุ่มหมั่นไส้เต็มแก่ ถ้าไม่แรงแล้วจะเจ็บเหรอ!” เขาขึ้นเสียง

     

                แล้ว!…” คิวโอทำท่าจะเถียงต่อ

     

                เฮ้ๆเสียงที่ขัดการสนทนาที่ไม่น่าจะจบง่ายๆ ของพวกเขาทั้งสองคน มาจากชายหนุ่มผมยาวดำผู้ที่น่าจะเป็นผู้ถูกสนใจกลับกลายเป็นผู้สนใจหญิงสาวและเด็กตัวเล็กๆ ในสายตาของเขา

     

                พวกเจ้าน่ะ ดูเหมือนจะเป็นการเรียกลูกเรือราฟาเอลว์

     

                คุณแม่คนสวยน่าจะอยู่ดูแลลูกที่บ้านนะฮึ เขาหัวเราะ

     

                แต่คริซกลับยิ้มอย่างพอใจคงเป็นเพราะคำที่ถูกเรียกว่าคนสวยเลยไม่สนใจคำที่อยู่หลังพวกนั้น งั้นเหรอจ๊ะ โฮะๆ เขาจับหน้าตัวเองอย่างร่าเริง ทำท่าเหมือนแม่บ้านวัยทองยังไงยังงั้น

     

                ส่วนคิวโอไม่พอใจแก้มป่อง ให้ข้ามีแม่อย่างนี้เนี่ยนะ เฮอะ...ข้าไม่ขอเกิดเล...

     

                โป๊ก!’ มือของผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นแม่ทุบเข้าให้อีกครั้ง จนทำให้ลูกชายตัวน้อยต้องงอตัวกุมหัวเอาไว้เช่นเดิม

     

                ชายหนุ่มผมยาวดำที่มองดูเหตุการณ์อยู่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ นึกว่าจะได้ยั่วโมโหคนตรงหน้า แต่กลับกลายเป็นพอใจไปซะได้ เจ้า... เขารีบหาเรื่องพูด

     

                มีผลึกสีอะไร สองสหายร่วมทีมมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นำคิดยังไงถึงเปลี่ยนเป้าหมาย

     

                เอ๋?คริซโตเฟอร์แกล้งพูด ทั้งๆ ที่ประกายในแววตาเริ่มเปลี่ยน

     

                ผลึกเหรอ ดวงตาสีมรกตหรี่ลงอย่างใช้ความคิด การเปิดเผยข้อมูลของตัวเองเป็นเรื่องอันตราย แต่ว่าหากลองเสี่ยงดู...อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดี

     

                แล้วพี่ชายล่ะ...มีสีอะไรจ๊ะ ชายหนุ่มแกล้งขยิบตาอย่างไม่สนใจ

     

                เฮอะ ชายผมดำยิ้มเมื่อถูกถามย้อนกลับ

     

                ม่วง ส้ม เขียว เขากล่าวอย่างไม่เกรงกลัว และมองไปรอบด้าน

     

                คงไม่มีใครคิดจะมาแย่งชิงหรอกนะ

     

                เป้าหมาย! คริซคิดในใจ พยายามเก็บอารมณ์ตื่นเต้นดีใจของเขาเอาไว้

     

                ข้ามี...ฟ้า เหลือง แดง คริซโตเฟอร์นับนิ้ว

     

                ชายหนุ่มผมดำหรี่ตามอง เจ้ารู้ตัวมั๊ยว่ากำลังท้าทายข้าอยู่ คำพูดเบาๆ แต่สายตาประเมินคนตรงหน้า

     

                ...เจ้าพูดเหมือนจงใจเรื่องมีสีของผลึกแตกต่างจากข้า

     

                ผู้รู้แห่งราฟาเอวล์ทำท่าทางไม่สนใจ สงสัยพวกกรรมการนั่นจะแกล้งข้า หรือไม่ก็บังเอิญมากเลยที่... ชายหนุ่มชูผลึกสามสีไว้ร่องนิ้วทั้งสาม ก่อนที่จะหย่อนลงในคอเสื้อ แล้วตบที่หน้าอกของตัวเองสองสามที อย่างไม่สนใจสายตาของใครทั้งนั้น

     

                ข้าสงสารตัวเองจัง เขาถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์

     

                รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผู้ที่ตอนนี้น่าจะเป็น ศัตรูสำหรับลูกเรือทั้งสามไปซะแล้ว ชายผมยาวดำดึงโซ่ตรวนที่พันธนาการผู้เข้าร่วมการแข่งขันสมาชิกของอีกทีมหนึ่งออก

     

                ข้าแค่คิดว่าเราน่าจะร่วมมือกันได้ คริซว่า แม้จะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทาง

     

                ชายหนุ่มที่คาดว่าจะร่วมทีมเดียวกันเลิกคิ้ว แต่ว่า...ข้าชอบทำอะไรคนเดียวมากกว่าเขาว่า

                มากคนยิ่งมากความ

     

                ข้าก็ไม่คิดจะร่วมมือกับเจ้าหรอก ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์คิด

                งั้นคงช่วยไม่ได้แฮะ คริซพูด

                ไปกันเถอะ ฟิลิป คิว

     

                อ้า! ไปแล้วเหรอ เสียงค้านของเด็กผมสีเงิน

     

                คริซก้าวเท้าอย่างไม่สนใจ ฟิลิปหันหลังเดินตาม ผู้รู้แห่งราฟาเอวล์นับเลขในใจอย่างนึกสนุกกับเหตุการณ์ หนึ่ง

     

                โธ่ คริซซี่…” เสียงพึมพำของคิวโอ

     

                สอง

     

                แต่เจ้าตัวดีก็ยังยอมหันหลังตามมา ก่อนที่จะสะดุดตากับอะไรบางอย่างบนต้นไม้

     

                คริซหยุดก้าวเท้า เอาล่ะ...

     

                เจ้าอยากมอบให้ข้าดีๆ หรือว่าจะให้ข้าแย่งมา เสียงชายหนุ่มผมยาวดำกล่าวมาตามหลัง

     

                ...สาม รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่ใบหน้าเนียนใสของสตรี แต่มันกลับแฝงไปด้วยชัยชนะที่มั่นใจว่าจะได้มา ชายหนุ่มผมยาวน้ำตาลแดงหันมาสบสายตาที่ท้าทาย

     

                ถ้า...เจ้าเลือกให้ข้าแย่งมา คงจะดี เพราะว่า... เขาเลื่อนตาลงไปที่หน้าอก

     

                ข้าอาจจะได้จับของที่ไม่ได้จับง่ายๆ ของสาวงามเนี่ย...คุ้ม!”

     

                สาวงามเนี่...โอ๊ย!” เป็นเสียงที่ได้ยินเป็นครั้งที่สามของวันนี้แล้ว แน่นอนว่าจากเด็กหนุ่มคนเดิม

     

                ข้าเจ็บนะเจ้าบ้า...โรคจิตเหรอเจ้าน่ะ คิวโอกระโดดตัวขึ้นหมายจะแก้แค้นคืนได้ซักที แต่เพราะความสูงที่แตกต่างกันทำให้ความพยายามของเด็กตัวน้อยไม่เป็นผล ไหนจะโดนกำปั้นของผู้รู้แสนพูดมากมาอีก สรุปคือได้แต่เจ็บใจ

     

                สาวน้อย มือใหญ่และหนัก ทิ้งลงบนบ่าของคริซโตเฟอร์ เป็นเพื่อนร่วมทีมสองคนของชายผมยาวดำ คิวโอคงคิดจะเถียงกลับว่า นี่หรือ...สาวน้อย! แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มผมเงินจะเลือกที่จะเงียบมากกว่า

     

                หากเจ้าไม่อยากเป็นเหยื่อโซ่ล่ะก็...ส่งผลึกนั่นมาซะดีๆ เขาว่า พลางเล่นผมยาวสีน้ำตาลแดงของคริซโตเฟอร์ มือของอีกคนก็ลูบไล้บ่าของผู้รู้ชวนให้ขนลุกซู่ อย่างน้อยเขาก็ยังไม่วิปริตพอที่จะพอใจกับการทำอะไรอย่างนี้...อย่างน้อยเขาก็ไม่ชอบผู้ชาย อ้อ! แต่ยกเว้นอัลคนนึงนะ

     

                ถ้าเจ้าพวกนั้นรู้ว่ากำลังหยอกกับบุรุษที่อยู่ภายใต้หน้ากากสาวงามล่ะก็...ฟิลิปกลืนน้ำลาย คงอ้วกไปหลายวัน ชายหนุ่มหันหน้าหนีภาพบุรุษยั่วยวนกันที่ชวนอ้วกนั่น แล้วก้มหาอะไรบางอย่างที่พื้น

     

                อ๋อ! หรือว่า...เสียงที่ไม่นุ่มเลยซักนิด กระซิบที่ข้างหูของคริซ

     

                อยากจะให้พวกข้า...หยิบเอง…” เขาพูดเสียงเคลิบเคลิ้ม พลางขยับมือเข้าใกล้ต้นคอ...บ่ากว้าง แขนกำยำ พอดูไกลๆ ก็ดูเหมือนสตรีสาวที่งดงาม แต่พอดูใกล้ๆ ก็...ดวงตาชายหนุ่มเบิกกว้างขึ้นอย่างคิดไม่ถึง เมื่อเห็นคอของสตรีตรงหน้า...ลูกกระเดือก ตอนนี้เขาคงรู้สึกถึงของเหลวในคอที่เริ่มพุ่งขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่จะถึงขอบปาก

     

                มือหนักๆ ของคริซโตเฟอร์ก็ฟาดลงที่ระหว่างคอและบ่าสุดแรง จนร่างของชายหนุ่มล้มลงที่พื้น อุ๊ยตาย!” เสียงแสแสร้งดังขึ้นมาจากผู้ที่ พลาดพลั้ง

     

                “…เป็นอะไรมั๊ยพี่ชาย ชายหนุ่มแสร้งลงไปดู แต่หมดหวัง...หลับสนิท

     

                เจ้า!” ชายอีกคนซึ่งตอนนี้อยู่ด้านหลังของเขายกกระบองเหล็ก หมายทุบหัวคนที่ทำสหายเขาบาดเจ็บ

     

                คริซโตเฟอร์รีบหันมารับมืออย่างฉับไว

     

                แต่...ชายหนุ่มผู้นั้นก็ได้แต่ยืนแข็งทื่อ กระบองเหล็กค้างไว้กางอากาศ ทั้งๆ ที่เขายังไม่ทันทำอะไร แต่สีหน้าของชายผู้นั้นแสดงว่า จิตไม่ได้อยู่กับร่างกายแล้ว

     

                แอไม ไทรเออฟิ (ชัยชนะเป็นของข้า) เสียงดังกังวานทั่วป่าที่บัดนี้เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้องหรือแมลง คำพูดที่ราวกับท่วงทำนองของเพลงที่แสนไพเราะ ดังขึ้นมาจากด้านหลังของชายหนุ่มผู้เงื้อกระบองเหล็ก ก่อนที่ร่างๆ นั้นจะล้มลง เผยให้เห็นร่างของคนอีกคนหนึ่ง

     

                ฟิลิปยืนถือท่อนไม้ที่เหมาะมือ ชี้จ่อมาทางด้านหน้าที่ที่บุคคลที่ล้มลงไปเคยยืนอยู่ นัยน์ตาสีดำของเขาดูไม่เหมือนครั้งไหนๆ ดูเย็นชา...และน่ากลัว

     

                วิชาของชนเผ่าไกกี...สิ่งที่อยู่รอบตัวล้วนเป็นอาวุธที่เหมาะสม

     

                ขนาดผู้รู้แห่งราฟาเอลว์ยังไม่สามารถอธิบายได้ถึงการกระทำเมื่อครู่ ไม่มีใครรู้ถึงเคล็ดของวิชานี้ นอกจากคนเผ่าแห่งป่าเท่านั้น

     

                ชายหนุ่มหลับตาลง และลืมขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขากลับมาเป็นเช่นดังเดิม...ไม่เหลือความเย็นชา ฟิลิปทิ้งท่อนไม้ไว้ที่เดิม ก่อนจะเข้ามาพยุงคริซโตเฟอร์ขึ้นมา

     

                พวกเจ้า!” ชายผมยาวดำลุกขึ้นยืน

     

                ทำอะไรลูกทีมข้า เพราะทุกอย่างเร็วจนเขายังไม่สามารถลำดับเหตุการณ์ได้ว่า...เกิดอะไรขึ้น

     

                ข้าเปล่า คริซว่า และเขาก็หันไปมองทางฟิลิป ชายหนุ่มยังคงไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม

     

                พวกเจ้า... คำพูดหยุดอยู่แค่นั้น เสียงใบไม้ด้านบนทำให้ชายหนุ่มจำต้องสนใจหันไปมอง

     

                พึ่บ...แซ่ก เสียงใบไม้กระทบกัน กับการขยับของบางสิ่งบางอย่างสูงขึ้นไปเหนือร่างของเขา

     

                คริซโตเฟอร์และฟิลิปมองตามพร้อมกับคนอื่นๆ ในที่นั่น

     

                แซ่ก แซก

                ทุกคนหันไปตามเสียงของสิ่งที่เคลื่อนที่

     

                แซกๆๆ แซ่ก

                ดูเหมือนจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และ...

     

                ยะฮู้!” เสียงดังนำมาก่อน ร่างๆ เล็ก ดิ่งลงมาจากที่สูง ผมสีเงินกระทบกับแสงแดดทำให้ผู้มองเห็นหน้าไม่ชัด ร่างเล็กของเด็กหนุ่มคว้าคอของเป้าหมายไว้อย่างแม่นยำ...

     

                ชายหนุ่มผมยาวดำล้มลง ดูเหมือนจะทนแรงกระแทกไม่ไหว ร่างของหนึ่งในฝาแฝดราฟาเอลว์นั่งคร่อมอยู่ เด็กหนุ่มดูจะมีความสุขหน้าบานแฉ่งเหมือนกับเก็บกดไม่ได้ยิ้มมานาน แล้วรื้อค้นอะไรบางอย่างในเสื้อของชายหนุ่ม

     

                คิว...โอ คริซโตเฟอร์พึมพำอย่างเหลือเชื่อ

     

                เรียกข้าเหรอ เสียงตอบกลับมาจากด้านหลัง

     

                ชายหนุ่มหันไปมอง เห็นร่างของอีกหนึ่งฝาแฝด เจ้า...คิว แล้ว... คริซโตเฟอร์ชี้ไปทางอีกคนหนึ่ง

     

                นั่น...อย่าบอกนะว่า...

     

                ดิว เด็กหนุ่มตอบ และชี้ขึ้นไปด้านบนกิ่งไม้

     

                เมื่อกี้มันโผล่หน้าออกมา...ข้าล่ะใจหาย คิวโอจับหน้าอกตัวเอง

                นึกว่าเห็นตัวเอง

     

                ก็ตัวเองไม่ใช่เหรอ คริซคิดขัดในใจ ว่าแต่...หมอนั่นมาทำไม ข้าต้องปวดหัวขึ้นอีกแน่ๆ คำพูดนี้ตัดสินจะไม่พูดออกไป

     

                และที่สำคัญ...มันผิดกติกา และการลงโทษของวิวเมดท์เนี่ย ไม่ธรรมดาซะด้วยสิ หวังว่าคงไม่มีใครรู้นะ...คริซพึมพำในใจ

     

                คิวโอไม่สนใจคำถามของผู้รู้ราฟาเอลว์ มองดูเจ้าน้องชายตัวดีก่อนจะโดดเข้าร่วมวงด้วยอีกคน เจ้าหาอะไรกันนักหนา

     

                เจ้ายุ่งอะไรด้วยล่ะ นี่งานข้านะ ดิวว่าแล้วค้นหาเร็วขึ้น และหยิบผลึกสีขึ้นมาได้

     

                โอ๊ะ! เจอ...อิอิ ดิวยกผลึกสีส้มขึ้นมาอย่างมีชัยชนะ

     

                แหวะ... คิวโอเยาะเย้ย ก็แค่แครอท

     

                แหวะ แครอท เด็กหนุ่มทำเสียงเลียนแบบคนพี่ แล้วเจ้าตัวดีก็โยนไปให้คริซโตเฟอร์ที่อยู่ด้านหลัง

     

                ถึงจะผิดกติกา แต่ดูน่าเสี่ยงเหมือนกัน คริซรับผลึกสีส้มแล้วเก็บใต้อกของเขารวมกับผลึกที่เหลือ

     

                นี่ไง แฝดคนพี่ยกผลึกสีม่วงขึ้นมา

     

                มะเขือม่วง

     

                กะหล่ำม่วงคิวแย้ง

     

                ยี้!” ดิวโอทำท่ารังเกียจค้นหาต่อ คิวก็ทิ้งผลึกสีลงพื้นทันที ฟิลิปหยิบมาและส่งให้ผู้รู้อย่างเบามือ คริซรับมา

     

                และทั้งสองก็เจออันสุดท้ายพร้อมกัน จับเอาไว้คนล่ะข้าง พร้อมหาคำที่เหมาะสมกับสีของมันต่อ

     

                ผัดกาดขาวดิวเริ่ม

                ผัดกาดเขียวสิคิวแย้งอย่างผู้รู้มากกว่า

                อา...กะหล่ำปี

                คะน้าคิวโอดึงผลึกมา

                แหวะ...กวางตุ้งดิวแย่งกลับมา

                ยี้...มะเขือ

                ไม่เห็นอร่อยเลย...กระเฉด

                แล้วนั่นอร่อยนักเหรอ...ผักขม

                ข้าเกลียดผักขม...พริกหยวก

                เจ้าคิดได้ไง...กระเพรา

                อันนั้นเอามาผัดอร่อยนะ...ถั่วฝักยาว

                ผักบุ้ง!” คิวเริ่มขึ้นเสียง

                ฝัก!”

     

                คริซโตเฟอร์หรี่ตา เริ่มเก็บอารมณ์ไม่ไหวขึ้นทุกที มันชักจะนานเกินไปแล้วนะ เจ้าเด็กบ้า! ทำไมไม่ส่งๆ มาซักทีฟะ คิดได้แล้วผู้รู้หนุ่มก็สาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ การวิวาทที่ไร้สาระของสองฝาแฝดที่ดูจะไม่จบซะทีจนกว่าจะขนผักออกมาจนหมด...และคงไม่หมดง่ายๆ

     

                ตะไคร้!!” ดิวโอแผดเสียง

     

                ผักชี!!” คิวโอไม่ยอมแพ้

     

                มะนาว!!”

     

                ต้ซาซีเจีย คริซโตเฟอร์พูดขึ้นอย่างเรียบง่าย

     

                ยี้!!! แหวะ!!!” เสียงของสองฝาแฝดดังขึ้นพร้อมกันเมื่อนึกถึงสรรพคุณอันแสนวิเศษที่ได้ฟังเมื่อวานนี้จากช่างตีเหล็ก แล้วทั้งคู่ก็ปล่อยผลึกสีเขียวในมือลงสู่มือของผู้รู้ราฟาเอลว์ที่รองรับอยู่ คริซรับมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และหย่อนมันลงในที่ๆ เก็บห้าอันก่อนหน้านี้

     

                ยังเหลืออีกอันหนึ่ง แต่ถือว่าทำได้ดีแล้วสำหรับการเริ่มต้น คริซโตเฟอร์เดินนำออกไป เร่งให้คนอื่นๆ เดินตามมา สองฝาแฝดผมเงินเงางามยังคงเล่นต่อคำต่อชื่อต่อไปเรื่อยๆ และฟิลิปก็ตามมาเป็นคนปิดท้าย จนทั้งหมดลับตาจากสถานที่ที่บัดนี้พวกเขา...เด่นเกินไป

     

                การเดินออกมาอย่างรวดเร็วเป็นหนทางที่ดีที่สุด ก่อนที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ จะนึกออกว่าสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการแย่งชิงผลึกแบบเดียวกับที่ลูกเรือราฟาเอลว์ทำ และทางเลือกที่ง่ายมากที่สุดก็คือพวกเขาเอง...พวกเขาซึ่งมีผลึกทั้งหกอยู่ในมือ แถมพวกนั้นยังรู้ด้วยว่าพวกเขามีผลึกสีอะไรบ้าง หรือไม่ก็ก่อนที่เหล่าผู้เข้าแข่งขันจะนึกออกว่า พวกเขาโกงการแข่งขันโดยการเพิ่มสมาชิกในทีม ซึ่งโชคดีที่เป็นดิวโอ...ฝาแฝดคนน้องที่เหมือนกันราวกับแกะทั้งรูปร่าง นิสัยและการแต่งตัว...เหมือนกับสมาชิกคนหนึ่งในทีม

     

                การที่พวกเขาปล่อยให้ผู้เข้าแข่งขันคิดกันไปเอง ซึ่งพวกนั้นอาจจะคิดว่าพวกเขาโกง หรือว่านั่นเป็นพลังของคิวโอก็แล้วแต่ ยังไงก็คงดีกว่าการตอบคำถามของพวกนั้นแน่นอนในความคิดของคริซโตเฟอร์

     

                โชคดีที่เป็นดิวโอ...โชคดีจริงๆ หรือเป็นการวางแผนไว้อยู่แล้ว ซึ่งผู้วางแผนคงเป็นกัปตันราฟาเอลว์...ผู้นำของพวกเขา ที่ไม่ยอมบอกอะไรให้รู้บ้างเลย แต่คงว่าอะไรไม่ได้ ในเมื่อเขาเป็นผู้นำ...ซึ่งไม่ค่อยเป็นเหตุผลที่ถูกต้องเท่าไร...ระดับผู้รู้แห่งราฟาเอลว์พอที่จะตบหัวหมอนั่นได้ซักทีสองทีแล้วก็วิ่งหนี ทำหน้าน่าสงสารอีกหน่อย ท่านกัปตันก็คงให้อภัยเขาโดยง่าย แต่ในเมื่อผู้วางแผนทำให้พวกเขาสามารถทำอะไรได้เร็วขึ้นนั่นต่างหาก ที่ทำให้ว่าอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ขอแค่เพียงอย่าให้จับได้ว่าโกงก็แล้วกัน...จนกว่าจะออกจากเกาะนี้...หรือจนกว่าจะได้คริสตัลมาไว้ในมือก็ได้

     

     

     

                อัลต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ สิ่งที่อยู่ในความคิดของเอเวียน่าเป็นสิ่งเดียวกับในใจของคริซโตเฟอร์ไม่มีผิดเพี้ยน หญิงสาวลูบคอด้านหลังของตัวเองเบาๆ

     

                 หรือไม่แน่หมอนั่นอาจอยู่ในป่านี้...เป็นไปได้มาทีเดียว เธอคิด นัยน์ตาสีชาเลื่อนไปยังร่างของเป้าหมายคาเบรีย ดอร์นย่า และสหายทั้งสองคน ที่ดูเหมือนจะเป็นอีกทีมที่ตัดสินใจไปตามทางของตนเอง แทนที่จะไปตามทางที่ลูกเรือราฟาเอลว์ปูเอาไว้

     

                หญิงสาวจับเสื้อคลุมให้กระชับ ต้องแยกกับลูกเรือราฟาเอลว์แล้วสิ เธอกระโดดข้ามไปยังกิ่งไม้อีกอันที่อยู่ใกล้พยายามให้เกิดเสียงเบาเท่าที่จะทำได้ และค่อยๆ ตามเป้าหมายของเธอไปอย่างเชื่องช้า

     

                ไม่รู้ว่าเมื่อเธอปะทะกับเด็กนั่นแล้ว จะมั่นใจได้รึเปล่าว่าตัวเองจะไม่ฟันหัวของเขาให้หลุดจากบ่า แต่ตอนนี้เรื่องค่าหัวยังไม่อยู่ในความคิดเธอ ซึ่งหญิงสาวแปลกใจตัวเอง ที่เธออยากจะรู้มากกว่าว่าทำไม...ถึงเป็นโจรสลัด และทำไม...ถึงยิงราฟาเอลว์

     

                เอเวียน่าหยุดการเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่เธอมั่นใจว่าเธอสะกดรอยตามได้สมบูรณ์แบบแล้วแท้ๆ แต่หญิงสาวก็รู้สึกถึงรังสีการระมัดระวังจากคนในทีมที่เป็นเป้าหมายนั้นตัวด้วยลางสังหรณ์ที่แน่วแน่ของตัวเอง ชายผมสีดำตัวสูง คนที่ดูเหมือนผู้ใหญ่เพียงคนเดียวในกลุ่มนั้น เขาหันมาเมื่อเธอกระโดดข้ามกิ่งไม้และหลบซ่อนตัวได้ทันอย่างหวุดหวิด...และก็มองมาทางเธออยู่นานสองนาน

     

                ...สัญชาตญาณดี เธอคิดในใจทั้งๆ ที่เหงื่อไหลมาตามใบหน้า เอเวียน่าสูดหายใจก่อนจะบังคับให้ตัวเองสงบลง ความจริงน่าจะรู้สึกตัวช้าหรือเร็วกว่านี้หน่อย เพราะว่าเธอจะได้ไม่กระโดดข้ามมาอยู่บนต้นไม้ข้างลำธารแบบนี้ หญิงสาวโมโห

     

                มีอะไรเหรอ เด็กหนุ่มเป้าหมายของหญิงสาวหันมาทางสหายของเขา มันดังพอที่เธอจะได้ยิน

     

                ชายหนุ่มลังเล ก่อนละสายตาจากพุ่มไม้ไปสบกับเพื่อนร่วมทีม เปล่าครับ ข้าแค่ได้ยินเสียง...คงรู้สึกระแวงไปเองชายผู้นั้นกล่าวด้วยความเคารพ

     

                ข้าว่า... เด็กวัยเดียวกับคาเบรีย ผมดำบลอนด์ก้าวเท้ามา สายตาจดจ้องไปที่พุ่มไม้ที่สหายของเขาสนใจเมื่อครู่

     

                ...ถ้าคนอย่างออร์ดีนสงสัย มันก็น่าเสี่ยงที่จะลองดูหน่อย เด็กหนุ่มล้วงมือไปด้านหลัง ดึงอะไรบางอย่างออกมา และขว้างมาทางเอเวียน่าอย่างรวดเร็ว

     

                หญิงสาวเบิกตากว้าง ไม่ทันที่จะขยับตัว

     

                ปัก! แซ่ก!! ตูม!!! เสียงอะไรบางอย่างที่กระทบเนื้อไม้ ทำให้ไม้หักลงและหล่นสู่ลำธารน้ำในทันที

     

                บูมเมอแรงกลับเข้ามาที่มือของเจ้าของ ก่อนที่พวกเขาสามคนจะวิ่งมาดูที่ลำธาร

     

                ...ว่างเปล่า...

     

                ไม่มีอะไรนอกจากกิ่งไม้และน้ำ

     

                ชายหนุ่มผมบลอนด์มองขึ้นไปด้านบนต้นไม้ ซึ่งก็พบแต่ความว่างเปล่าเช่นเดิม

     

                ไม่มีอะไร คาเบรียว่า

     

                ไม่มีจริงๆ แฮะ เด็กหนุ่มอีกคนกล่าวเสริม

     

                เจ้าสังหรณ์ผิดเหรอ ออร์ดีน เขาถาม

     

                ชายหนุ่มมองไปด้านบนอย่างสำรวจ ต้องขอโทษด้วยครับ ท่านซีคท์ ทำให้ท่านต้องเสียเวลา...ท่านด้วยครับ เขามองไปทางคาเบรีย

     

                อย่าคิดมากเลยน่า เด็กหนุ่มว่า

     

                ผู้ที่ถูกเรียกว่าซีคท์เอามือพาดคอ เอาเถอะ ข้าแค่อยากลองว่าอาวุธมันคมมั๊ยเท่านั้น และเจ้าดูสิ มันเยี่ยมแค่ไหน เขายิ้ม

     

                เมื่อไม่มีอะไร ไปกันเถอะ คาเบรียสรุป และพวกเขาสามคนก็เดินออกไปจากธารแห่งนั้น

     

                สูงขึ้นไปยังต้นไม้ต้นเดิมข้างลำธาร เพียงแต่ฟากที่อยู่เหนือลำธาร ตาไม้ที่จะงอกมาเป็นกิ่งต่อไปนั้น มีร่างของผู้ที่เกือบจะโดนจับได้...

     

                เท้าของหญิงสาวห้อยต่องแต่ง ไม่สามารถสัมผัสพื้นที่จะสามารถทำให้เธอขยับร่างกายส่วนอื่นๆ ต่อไปได้ เนื่องจากมันไม่มีอะไรอยู่ใต้เท้าเธอนอกจากน้ำ...แต่ใครจะสนกันล่ะ

     

                เมื่อร่างที่หนากว่าอุ้มร่างบางของเธอด้วยมือใหญ่สองข้างให้โอบเข้าหาตัวเขาอย่างเร็ว...และง่ายดายยิ่ง เอเวียน่ารู้สึกขอบคุณ แต่ก็พูดไม่ออก แล้วตอนนี้กายแนบกันสนิทจนได้ยินถึงเสียงของสิ่งที่เต้นอยู่ในอกด้านซ้ายของชายตรงหน้า ไหนจะใบหน้าที่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ทำให้หน้าเธอแทบขึ้นสีเรื่อในทันที ไม่ต้องบอกให้หยุดขยับเพื่อกลบเสียงของตัวเองให้รอดพ้นจากการค้นพบ เธอก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้อย่างแน่นอน

     

                ชายหนุ่มเหล่สายตามาสบดวงตาสีชาของเธอหลังจากที่พวกคาเบรียไปหมดแล้ว นั่นทำให้หัวใจเต้นรัวอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนที่มุมปากจะยิ้ม และเธอก็มอบให้เขาอีกหนึ่งแต้มกับความกวนโมโหของเขา หญิงสาวปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะหลุดในอ้อมแขนนั้นทันที ตกนู่นนี่เป็นงานอดิเรก ข้าพูดไม่ผิดเลยจริงๆ อัลหัวเราะเบาๆ

     

                เอเวียน่าหน้าแดงด้วยความเขินอาย หนักส่วนไหนของเจ้า

     

                คราวนี้เขาหันหน้ามามอง ดวงตามีแววเจ้าเล่ห์ ก็ส่วนที่ข้ากำลังอุ้มเจ้าอยู่ไง กัปตันหนุ่มว่า ยังไม่พอกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก

     

                งั้นก็ปล่อยสิ เธอสบสายตาเขาอย่างท้าทาย

     

                ถึงข้าอยากทำอย่างนั้นนะ คุณผู้หญิง แต่ว่าคงต้องรออีกนิด จนกว่าด้านล่างจะไม่เป็นพื้นน้ำที่เธอกลัว เขาคิด แต่ไม่ได้พูดออกไป ก็อย่างว่าแหละ การกวนโมโหเธอสนุกกว่า และเขาก็อยากรู้นัก เมื่อเธอรู้ว่าข้างล่างเป็นน้ำ เธอจะดื้อดึงมั๊ย

     

                เจ้าจะบ้าเหรอไง เอเวียน่าเริ่มมีอารมณ์

     

                คุณผู้หญิง ข้าว่าข้าปกติดีทุกอย่างนะ อัลยิ้ม

     

                กวนประสาทมาก เธอกัดฟังกรอด

                หากเจ้าต้องการ สิบคะแนนสำหรับสิ่งที่เจ้ากวนประสาทข้าและหญิงสาวก็เริ่มดิ้น

     

                ข้าไม่ยักต้องการ เสียงราบเรียบแฝงไปด้วยความสนุกสนาน และเขายังดึงเธอเอาไว้แน่นขึ้นอีกครั้งนึง

     

                ปล่อยข้า เอเวียน่าดิ้น

     

                ใจเย็นสิ ชายหนุ่มเริ่มที่จะจับเธอไว้ไม่ได้...คาดว่าคงไม่ได้นาน เนื่องจากแรงดิ้นและแรงดึงดูดจากพื้นดิน

     

                ปล่อย...นะ หญิงสาวว่า

     

                เดี๋ยวสิ ข้างล่างเป็น...เอเวียน่า!”

     

                ตูม!’ ดูเหมือนจะช้าไปสำหรับคำเตือนซึ่งหญิงสาวรู้ดีอยู่แล้ว แต่เธอต้องการจะออกจากแขนเขาให้ได้ก่อนที่จะคุมตัวเองไม่ได้ หรือไม่ก็ก่อนที่จะเพิ่มคะแนนให้กับความกวนประสาทของเขา

     

                แต่ทันทีที่ร่างกายเอเวียน่าตกสู่พื้นน้ำ หญิงสาวก็ตระหนักว่าเธอคิดผิด ความกลัวเป็นสิ่งที่เธอควบคุมไม่ได้...เมื่อน้ำเข้าปากเข้าจมูก เธอก็รู้สึกร่างกายอ่อนแรง สั่นไปหมด แล้วเหมือนได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองแผ่วเบา ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะหล่นลงสู่ส่วนลึกของน้ำ โดยไม่มีการตะเกียดตะกายขึ้นมาเพื่อจะมีชีวิตรอดเลยซักนิด

     

                มือใหญ่คว้าต้นแขนเอเวียน่าอย่างรุนแรง ดึงเธอเข้าสู่อกเปลือยเปล่าและโอบร่างเธอเอาไว้แน่น น้ำตื้นขนาดนี้เจ้ายังจมได้ เขาพูดเบาๆ ที่ข้างหู แต่มันดูไม่เหมือนคำเสียดสีเลยซักนิด กลับอ่อนโยน

     

                เอเวียน่าโอบร่างใหญ่กว่า อกที่อบอุ่นที่เธอเคยสัมผัสมาแล้วครั้งนึงตอนที่เรือไฟไหม้...มันยังคงอบอุ่นเช่นเดิม

     

                ใบหน้าที่แนบสนิทกับอกของชายหนุ่ม ทำให้เขาเผลอที่จะปล่อยมืออกช่วงครู่นึง ก่อนที่จะยิ้มด้วยความเอ็นดูและโอบร่างบางเอาไว้เบาๆ ทีเมื่อกี้เจ้ายังดึงดันจะออกอ้อมแขนข้านัก

     

                คำพูดเหมือนเรียกสติของสาวให้กลับคืนมา หน้าเอเวียน่าร้อนผ่าวไปหมด เธอดันร่างของบุรุษออกไปก่อนที่จะสาวเท้าอย่างยากลำบากไปยังริมฝั่ง

     

                กัปตันหนุ่มทำน่างงอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้กับท่าทีของสตรีตรงหน้า

     

                เอเวียน่าก้าวเท้าทีละก้าวอย่างช้าๆ โดยไม่หันไปมองร่างของบุรุษที่ช่วยเหลือเธอไว้เลย ว้าย!” เสียงร้องเบาๆ ของสตรีที่ไม่ได้ยินบ่อยนักจากปากเธอคนนี้ เมื่อร่างของเธอถูกยกสูงขึ้นเหนือพื้นน้ำด้วยแรงของกัปตันราฟาเอลว์

     

                เจ้าจะทำอะไร

     

                พาเจ้าขึ้นจากน้ำน่ะสิ อัลตอบ

     

                เห็นท่าทางเดินดูลำบากยากเย็นเหลือเกินข้ากลัวว่ากว่าจะถึงฝั่งคงเป็นพรุ่งนี้เช้า และเจ้าก็เป็นปอดบวมตายแน่ๆ

     

                คำพูดของเขาฟังกวนโมโห แต่เธอก็ยอมอยู่นิ่งๆ จนกว่าจะถึงฝั่งคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

     

     

     

                ว่าแต่...เจ้าเข้ามาที่นี่ทำไม อัลถาม ขณะที่หันหลังให้เอเวียน่าถอดเสื้อผ้าเปียกๆ ที่เธอใส่อยู่

     

                อย่าโกหก เขาสั่งดักคอ

     

                หญิงสาวถอดเสื้อออกอย่างยากลำบาก แต่เพราะฟ้าเริ่มจะมืดแล้วทำให้เธอสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างสบายใจกว่าเดิม เจ้าล่ะ

     

                ข้าถามก่อน กัปตันหนุ่มว่า แล้วโยนไม้เข้าไปในกองไฟที่จุดเอาไว้อีกอัน

     

                เอเวียน่าถอนหายใจ แล้วใส่เสื้ออุ่นๆ ของกัปตันหนุ่ม...สิ่งที่ไม่เปียกก็คงเป็นเสื้อของเขา และก็ผ้าคลุมของเธอที่อัลคว้าเอาไว้ได้ก่อนตกลงไป ข้ามาดูการแข่ง... เธอว่า

     

                แล้วก็ตามคาเบรีย ได้ยินว่าเขาเป็นเจ้าของเรือที่ยิงเรือราฟาเอลว์ เหตุผลดีพอ แล้วเธอก็ไม่คิดจะโกหก

     

                เหตุผลเดียวกัน ชายหนุ่มว่า มือเสยผมสีแดงเพลิงที่ไม่ค่อยเปียกขึ้นอย่างใช้ความคิด

     

                แล้วเจ้าคิดจะทำอะไร

     

                หญิงสาวก็อยากรู้เหมือนกันว่าอัลคิดจะทำอะไร แต่เธอคงต้องตอบก่อนอย่างเดิม ก็ไม่ทำอะไร แต่อาจจะทำก็ได้ เธอว่าก่อนปลดตะขอกางกางออกให้พ้นจากขา และใช้เสื้อคลุมเช็ดขาของเธอให้แห้ง

     

                เจ้าล่ะ

     

                ข้าแค่อยากจับตัวไว้ ดูท่าทางฝีมือไม่เลว

     

                ว่าแล้ว เอเวียน่าคิด จับเสื้อคลุมยาวของเธอคลุมตัว แล้วเดินออกมา จับมาแล้วจะทำอะไรได้ หญิงสาวออกความเห็น

     

                อัลหันมามองการเดินมาของสตรีสาว เป็นไงบ้าง เขาถามกลับ โดยไม่สนใจคำถามที่เธอถามมา

     

                เอเวียน่าเลิกคิ้ว ยกมือหนึ่งขึ้นให้ชายหนุ่มเห็นความยาวของเสื้อ เสื้อของกัปตันราฟาเอลว์ยาวลงมาคลุมต้นขา มันยาวมากพอที่เธอจะใส่ชุดนี้เดินไปไหนก็ได้ หากหญิงสาวกล้าพอ ทั้งๆ ที่ความสูงของอัลและเอเวียน่าไม่ต่างกันมากแท้ๆ แต่ขนาดของเสื้อกลับต่างกันขนาดนี้ เจ้าว่าไงล่ะ

     

                กัปตันหนุ่มยิ้ม ก็เหมาะดี

     

                ไม่เห็นด้วยเลยซักนิด หญิงสาวกล่าวอย่างไม่พอใจ สายตาเลื่อนไปที่อกเปลือยเปล่าของชายที่ช่วยเธอขึ้นมา

     

                แล้ว...เจ้าไม่เป็นไรแน่เหรอ

     

                อัลชี้มาที่ตัวเองอย่างงงๆ ไม่เป็นไรเนี่ย หมายความว่าไง เขาถามกลับ ด้วยสายตาที่อ่อนโยน

     

                หากเรื่องตามคาเบรียไม่ทันล่ะเป็นแน่ แต่...หากเรื่องที่มีสภาพอย่างตอนเนี่ย เขาชี้มาที่อกของตัวเอง

     

                บอกไว้เลย ว่าเจ้าอย่าเป็นห่วงให้มากนัก

     

                เอเวียน่าพยักหน้าช้าๆ แล้ว... เธอมองขึ้นฟ้าที่บัดนี้มืดแล้ว

     

                ...จะเอายังไงต่อล่ะ

     

                ชายหนุ่มโยนไม้เข้าไปในกองไฟอีก เริ่มมืดแล้ว เดินทางลำบาก...พักที่นี่เถอะ ใครๆ ก็คงพักเหมือนกัน

     

                หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ดวงดาวส่องแสงแข่งกันประดับท้องฟ้า ราวกับเพชรแต้มบนผืนผ้าสีดำ

     

                อาจจะมีคนอาศัยความมืดในการบุกโจมตี หญิงสาวออกความเห็น

     

                ไม่ต้องห่วง ถ้าเจ้าจะนอน ข้าจะเฝ้ายามให้

     

                เอเวียน่าขมวดคิ้ว ทั้งคืนน่ะเหรอเธอถามอย่างไม่แน่ใจ

     

                ทั้งคืนสิ เขาย้ำ

     

                แล้ว...เจ้าไม่พักบ้างเหรอไง

     

                อัลเหล่ตามอง และกลับมาจ้องที่กองไฟอีก ข้าไม่ค่อยเสียเวลากับการนอนมากนักหรอก

     

                หญิงสาวพยักหน้า นั่นแปลว่าปกติจะนอนไม่หลับรึเปล่า หรือปกติจะยุ่งมากจนชินกับการไม่พักผ่อน แต่ตอนนอนกับเธอก็หลับดีนี่น่า คราวนี้เอเวียน่าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะขยับตัวไปนั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม งั้น...

     

                เธอขยับผ้าคลุมให้แน่นขึ้น เรามานั่งคุยกันดีกว่าคืนนี้

     

                กัปตันราฟาเอลว์หันมาสบตา นอนไม่หลับเหรอไง

     

                นั่นเจ้าต่างหาก เอเวียน่าคิดเถียงในใจ

     

                เอาเถอะน่า... หญิงสาวปัดเรื่องทิ้ง

     

                ...เจ้าลองเริ่มก่อนมั๊ย เธอยิ้ม

     

                อัลเลิกคิ้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลดำแสดงถึงความไม่เข้าใจ แต่ในที่สุดเขาก็ทำหน้าตาให้เป็นปกติ ละสายตาจากดวงตาเธอและหาเรื่องคุย...สายตาเขามองไปรอบๆ ก่อนหยุดที่ร่างกายของเธอ และจะเอ่ยปากในเรื่องที่เอเวียน่าคิดไม่ถึง แผลเจ้า...เป็นไงบ้าง

     

                หญิงสาวขมวดคิ้ว สงสัยไม่เข้าใจพอๆ กับกัปตันราฟาเอลว์เมื่อครู่ ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่เธอก็ตอบออกไป

     

                ส่วนใหญ่ก็ถอดผ้าพันแผลออกแล้ว

     

                ถอดออกแล้วเหรอ อัลย้ำ

     

                อืม... หญิงสาวพยักหน้า

     

                ก็เหลือแผลที่ครีล์ฟันเอาไว้น่ะแหละ

     

                ชายหนุ่มสงสัย แผลปกติหายเร็วขนาดนี้เลยเหรอ

     

                ก็เบลคอยช่วยดูแล...แต่ปกติ แผลข้าก็หายเร็วอยู่แล้วเธอว่า

     

                กัปตันหนุ่มพยักหน้า ข้า... เขาดูท่าทางลังเล ก่อนจะพุดออกมา

     

                ขอดูแผลหน่อยสิ

     

                คราวนี้หญิงสาวผู้บาดเจ็บหน้าขึ้นสีพร้อมกับความโกรธที่ขึ้นมาทันที เจ้า!” เอเวียน่าร้อง

     

                หึ้ย!” เธอส่งเสียงในลำคอพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

     

                เถอะน่า ข้าแค่ขอดูหน่อย อัลว่า ยังไม่พอเขายังเดินเข้ามาหาเธอกะไม่ปล่อยให้รอดไปได้เลย

     

                แล้วเรื่องอะไรที่หญิงสาวจะอยู่เฉยๆ เล่า แน่นอนว่าเธอจะต้องหาวิธีหนีอยู่แล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะเสื้อที่หลวมโพรกเพรก กับผ้าคลุมที่ยาวลากพื้น ทำให้ยังไม่ทันที่เธอจะลุกขึ้น ร่างของบุรุษก็เข้ามาถึงแล้ว เขาคุกเข่าลงตรงหน้า เอเวียน่าได้แต่เบือนหน้าหนีสายตาของเขา

     

                เจ้าไม่ต้องอายหรอกน่า อัลว่า สายตามีแววเจ้าเล่ห์

     

                ไม่ใช่ข้าจะทำอะไรเจ้าซักหน่อย เขายิ้ม

     

                หญิงสาววาดมือแรง หมายจะตบหัวให้ได้ซักที แต่กัปตันหนุ่มก็หลบได้ เขาคว้าเสื้อคลุมของเธอออก แล้วให้มันปรกลงที่ตักของสตรีตรงหน้าปิดส่วนร่างของเอวลงไป แล้วถกเสื้อขึ้นก่อนที่เอเวียน่าจะได้ปริปากออกด้วยซ้ำ

     

                อัลเปิดดูแค่แผลที่ช่วงเอวเท่านั้น แผลที่ถูกครีล์ฟันตอนขึ้นเรือ เป็นที่ที่เดียวที่ดูเหมือนจะมีผ้าพันแผลอยู่ ส่วนแผลอื่นๆ เอาออกแล้ว ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อนิ้วไปสัมผัสที่แผล เขารู้สึกถึงแผลที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายเลยซักนิด กัปตันหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่าง ขอเปิดผ้าพันแผลได้มั๊ย

     

                ไม่อนุญาตเอเวียน่าพูดโดยไม่หันกลับมามอง

     

                อัลทำหน้าบึ้ง แค่นี้ทำเป็นหวงเขาว่าก่อนจะจับมือที่ฟาดมาอย่างจ้องจะทำร้ายศีรษะของเขาเอาไว้

     

                ข้า...เหวอ!” กัปตันหนุ่มร้องและคว้าข้อมืออีกข้างของสตรีที่ไม่เคยยอมแพ้ ก่อนจะจ้องเข้าไปที่แววตาและใบหน้าที่แดงก่ำ แล้วเขาก็...ยิ้ม

     

                เอเวียน่าหน้าแดง นี่ถ้าเธอใส่กางเกงอยู่ล่ะก็ เธอจะต้องถีบเขาแน่ๆ...โชคดีของอัล

     

                ข้าแค่จะบอกว่า หัวข้าไม่ได้มีไว้รองรับมือของเจ้า เขาว่า

     

                เอเวียน่าสะบัดมือของกัปตันหนุ่ม แล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

     

                อัลลุกขึ้นยืน แล้วกลับไปที่นั่งของตัวเอง โยนไม้เข้าไปในกองไฟอีก ข้าแค่อยากดูแผลเท่านั้นเอง ดูเหมือนจะเป็นคำแก้ตัวของเขา

     

                แต่เอเวียน่าก็ไม่พูดอะไร

     

                งั้น... ชายหนุ่มเหล่ตามอง

     

                เจ้าลองเปิดเรื่องคุยบ้างซิ

     

                หญิงสาวหันมาสบตาชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ เธอรู้สึกเขินอายและโมโหไปพร้อมๆ กัน ข้าจะนอน!” เธอตะคอกเสียง

     

                อัลเบิกตากว้าง แล้วหรี่ลงอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะมองร่างบางทิ้งตัวลงพื้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มยิ้มด้วยความเอ็นดู ไหนว่าจะคุยกันไง เขาพึมพำ มองร่างของสตรีอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองดวงดาวบนฟ้า

     

                อีตาโจรสลัดโรคจิต เอเวียน่าพึมพำในใจ เธอหลับตาลง

     

                อยากฟังนิทานมั๊ย ชายหนุ่มว่า

     

                หญิงสาวลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขาจะพูดเรื่องอะไรกัน

     

                นัยน์ตาสีน้ำตาลดำ จ้องมองดวงดาวที่อยู่บนฟากฟ้า เรื่องมีอยู่ว่า ชนเผ่าเผ่าหนึ่ง...หัวหน้าของชนเผ่านั้นเป็นคนเคร่งครัดทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง อัลหันมามองสตรีที่ลุกขึ้นมานั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วเขาก็ต้องยิ้มออกมา

     

                หัวหน้าเผ่านั้นมีภรรยา บุตรชายและบุตรสาวอย่างละหนึ่งคน...เพราะฉะนั้นหน้าที่ ความรับผิดชอบ การงานทุกอย่าง เขาก็ต้องสืบทอดให้กับบุตรชายคนโต ผู้ที่จะสืบทอดหน้าที่ที่จะเป็นหัวหน้าเผ่าต่อไป แต่เด็กชายกลับรักอิสระ และไม่สนใจฟังบิดาของตนมากนัก เสียงเล่าเริ่มจะเบาลง กับหน้าของผู้เล่าเรื่องที่เริ่มละสายตาจากดาวมามองพื้นดิน

     

                วันหนึ่งในวันที่อากาศดี บุตรชายก็ออกไปนอกบ้านเพื่อเที่ยวในเมือง เดินดูอะไรๆ ไปได้ซักพัก แล้วเขาพบกับ...กลุ่มชาวบ้านที่มุงดูอะไรบางอย่าง สายตาเลื่อนลอยอย่างกับไม่เคยลืมเรื่องที่อยู่ในหัวสมอง เสียงเล่าราวกับพึมพำ ถ้าไม่เงียบอย่างตอนนี้...คงยากที่จะได้ยิน

     

                ...กลางวงนั้น...เป็นเด็กชายอีกคนหนึ่งซึ่งวัยไล่เลี่ยกัน เขาถูกชาวบ้านจับตัวไว้ ดูท่าทางจะลำบากน่าดู ไม่นานบุตรชายก็รู้ว่าเด็กคนนั้นทำความผิดเอาไว้ แต่บุตรชายหัวหน้าเผ่า กลับเชื่อสายตาของเด็กที่ถูกจับ...เชื่อว่าเขาไม่มีทางทำอะไรอย่างนั้นได้... กัปตันราฟาเอลว์หยุดเป็นช่วงๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้า และถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

     

                กลายเป็นว่าบุตรชายได้ช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นขึ้นมา เพราะอะไร...ก็ไม่ทราบ คำพูดเหมือนพึมพำกับตัวเอง

     

                ...แต่ทั้งสองคนได้กลายเป็นสหายที่....รักกันมาก เสียงเล่าช้าๆ อย่างพยายามนึกเรื่องราว

     

                บุตรชายได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเด็กหนุ่มคนนั้น...มีฝีมือเยี่ยมยอด เขา...ก็เลยกลายเป็นผู้ปะดาบที่ดี กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ดี...คู่หูที่ดี ทั้งสองคนดูเหมือนจะเชื่อใจกัน...หรือไม่ก็...เป็นแค่บุตรชายเท่านั้นที่เชื่อใจเด็กที่เขาช่วยขึ้นมา...อย่างลึกซึ้ง...เกินไป เสียงสุดท้ายเบา เหมือนคำพูดจมอยู่ในอะไรบางอย่าง

     

                แต่แล้ววันหนึ่ง ชนเผ่าอีกเผ่าหนึ่งก็ได้บุกเข้ามา ในที่อยู่ของบุตรชายคนนั้น...ที่อยู่ของหัวหน้าเผ่า...

     

                คนในที่นั่นแตกตื่น รวมถึงบุตรชายด้วย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ไม่รู้เลย แต่ที่รู้คือว่า...สหายของเขาที่หายไปตั้งแต่เช้าของวันนั้น ถึงตอนนี้จะเป็นเวลาบ่ายก็ยังหาไม่พบ ด้วยยังเป็นเด็กเลยหลุดรอดสายตาของศัตรูไปได้ เขาตามหาเพื่อนคนเดียวของเขา...เพื่อนที่เชื่อใจที่สุด... อัลถอนหายใจ

     

                แล้วก็พบ...ดวงตาคราวนี้หันมาสบตาของเธอ ทำให้เอเวียน่าสะดุ้งนิดๆ แล้วเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ซึ่งหญิงสาวแน่ใจว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ซ่อนความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ

     

                แต่ว่า...ร่างของเด็กหนุ่มคนนั้น คนที่เขาเคยช่วยเหลือ กลับยืนอยู่เหนือร่าง... อัลสูดหายใจลึก ก่อนจะเล่าออกมา โดยสายตาไม่ละไปจากเอเวียน่า

     

                ...ของบิดาของเขา หัวหน้าเผ่าซึ่งตอนนั้น ไม่เหลือ...แม้ลมหายใจ หรือแม้เสียงเต้นของหัวใจ...เลือด เฮ้อ!…เลือดไหลเต็มร่างของบิดา เกิดจากดาบที่อยู่บนพื้น กับเด็กหนุ่มผู้ที่ทรยศต่อมิตรภาพ หรือ...อาจจะเป็นบุตรชายคนเดียวที่คิดว่านั่น...เป็นมิตรภาพ

     

                เอเวียน่าขมวดคิ้ว เรื่องนี้มันเป็นนิทานแน่เหรอ จากท่าทางของคนเล่าและเรื่องราวที่ออกจากปาก ทำให้หญิงสาวแน่ใจในอะไรบางอย่าง

     

                กัปตันหนุ่มหลบสายตาเธอ จบเรื่อง เขาว่า

     

                นั่นฟังดูไม่เหมือนนิทานเท่าไรเลย หญิงสาวออกความเห็น

     

                ชายหนุ่มก้มหน้า เป็นแค่เรื่องที่พูดให้เห็นถึงความโง่ของบุตรชาย เขาว่า

     

                เป็นอดีตของใครบางคนต่างหาก เอเวียน่าขัด ก่อนจะลังเล

     

                นั่นคือ...เรื่องของเจ้ากับเอ็ดเวิร์ดรึเปล่า

     

                อัลเหล่สายตามอง แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ กับความคิดรู้ทันของหญิงสาวตรงหน้า

     

                ข้าว่านั้นเป็นเนื้อล้วนๆ เธอพูด

     

                น้ำหายไปไหนหมด

     

                ข้าไม่ได้บอกอะไรเจ้าอีกหลายอย่าง กัปตันหนุ่มพูด

     

                แต่แค่นี้...คงจะห้ามเจ้าไม่ให้ไปยุ่งกับหมอนั่นบ้างได้มั๊ย

     

                เอเวียน่าลังเล อะไรทำให้เจ้าเชื่อว่าเอ็ดเวิร์ดฆ่าพ่อของเจ้า ทั้งๆ ที่ไม่เห็น

     

                เพราะหมอนั่นไม่คิดจะแก้ตัว หมอนั่นใจเย็น แล้วสายตาที่มองมาที่ข้าก็...ทำให้ข้าพูดอะไรไม่ออกเลย...แล้วมันก็เดินออกไป เขาสรรหาคำพูด และนึกเหตุการณ์ในหัวไปพร้อมๆ กัน

     

                นั่นพอรึยัง

     

                หญิงสาวลังเล แต่ตัดสินใจไม่พูดออกไป แล้วทำไมเจ้าอยู่ที่นี่ น่าจะดูแลชนเผ่าเจ้าไม่ใช่เหรอ

     

                นั่นกลายเป็นหน้าที่ของอาข้า

     

                แล้ว...แม่กับน้องเจ้าล่ะ เอเวียน่าลังเล

     

                อัลถอนหายใจ น้องข้ายังอยู่ แต่แม่ข้า...หายไปตั้งแต่ตอนนั้น

     

                หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง เธอพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม ...เจ้าเครียดมากมั๊ย…” คำพูดเหมือนแสดงความเป็นห่วงหลุดออกมาแทน

     

                กัปตันหนุ่มมองหน้าเธออย่างคาดไม่ถึง ก่อนที่รอยยิ้มของเขาจะทำให้เขากลับมาเป็นคนเดิม เรื่องมันนานมาแล้ว เขาว่า

     

                ขอบคุณที่เป็นห่วง

     

                ข้าเปล่า เอเวียน่าเถียงกลับทันที

                ข้าเปล่าแน่นอน!” เธอย้ำอย่างหนักแน่น จนทำให้คนฟังอดยิ้มไม่ได้

                ข้าจะนอน!” เธอดึงผ้าคลุมให้คลุมตัว

     

                อัลหัวเราะเบาๆ อย่างน้อยตอนนี้ เรื่องของเขาก็คงเป็นได้แค่นิทานที่เขาได้แต่แต่จดจำเอาไว้

     

                อะไรทำให้เจ้าเชื่อว่าเอ็ดเวิร์ดฆ่าพ่อของเจ้าคำพูดของเอเวียน่า เขาก็หวัง...หวังว่ามันจะไม่เป็นความจริงเหมือนกัน แต่ทุกอย่างตอนนี้...คงสายเกินไปสำหรับอะไรหลายๆ อย่าง

     

                เอเวียน่ากระพริบตา คืนนี้เธอคงหลับไม่ลง เพราะนิทานบ้านั่น

     

                ชายหนุ่มจ้องมองร่างสตรีสาวที่หันหน้าหนีไปอีกทาง อัลรู้ว่าเธอยังไม่หลับ หญิงสาวคงคิดมากในเรื่องที่ได้ยินอีก เจ้าไม่ต้อง... คำพูดหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ผ่านพุ่มไม้

     

                เอเวียน่าดันตัวขึ้น เพราะเธอก็ได้ยินเช่นเดียวกัน ทั้งสองสบตากัน

     

                อัลกระพริบตา เงียบไปครู่หนึ่ง...และเสียงก็หายไปแล้ว คงเป็นสัตว์ป่า กัปตันหนุ่มนิ่งพร้อมกับหญิงสาวที่ค่อยๆ ขยับตัวนอนลงไปอย่างเดิม อัลจ้องมองไฟที่คงใกล้จะดับอีกไม่นาน และเขาก็เดินเข้ามาใกล้ๆ เอเวียน่า บุรุษนอนลงข้างกายหญิงสาว กัปตันหนุ่มโอบร่างบางเอาไว้เบาๆ

     

                เอเวียน่าสะดุ้งเล็กน้อย อ้อมแขนอุ่นทำให้เธอยอมแต่โดยดี มันคงดีกว่าการหนาวตายในความเย็นยะเยือกและความมืดมิดของรัตติกาลล่ะน่า

     

                ราตรีสวัสดิ์ กัปตันหนุ่มพูด ก่อนจะหลับตาลงด้วยอีกคน

     

                ไฟที่จุดขึ้น ค่อยๆ มอดลง จนดับไปในที่สุด แล้วพวกเขาทั้งสองตกอยู่ในความมืดของยามราตรี...

     

                พระจันทร์เสี้ยวลอยขึ้นสูง เหนือผิวน้ำมีเงาของดวงจันทร์ทอดอยู่กับกลุ่มเมฆ นั่นทำให้คืนนี้ สามารถมองเห็นอะไรรอบด้านได้เพียงบางช่วงเท่านั้น

     

                ย่างก้าวที่พยายามทำให้มันเบาแสนเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียง แต่การผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นแล้ว ก็เกือบทำให้เป้าหมายรู้ตัว แต่โชคดีที่พวกนั้นคิดว่าเป็นสัตว์ป่า...ช่างโง่จริงๆ

     

                กรอบแกรบ เสียงใบไม้ที่แห้งแตกถูกเหยียบด้วยรองเท้าหนังหนักๆ เป็นเสียงที่ได้ยินเป็นประจำในป่า จึงไม่แปลกหากคิดว่ามันเป็นเสียงของสัตว์ จะบอกว่าโง่ก็คงไม่ถูก แต่ทำไงได้นอกจากบอกว่าอย่างนั้นเมื่อความตายจะมาเยือนอีกไม่นาน...สันนิฐานว่าเป้าหมายมีเพียงสองคน

     

                แต่ผู้ที่บุกเข้าไป หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก ทั้งหมดหกคน สองทีมช่วยเหลือกัน ถึงแม้เป้าหมายจะรู้ตัวเมื่อใกล้เข้าไปแล้ว แต่ว่าก็ไม่มีทางรอดอยู่ดี หกต่อสอง ยังไงก็ไม่มีทางรอด สองคนนั่นต้องกลายเป็นลูกไก่ในกำมือดีๆ นี่เอง

     

                หากบีบก็ตาย หากคลายก็รอด แต่ถ้าจะปล่อยคงต้องมีเหตุผลที่ดี อย่างเช่นผลึกซักสามสี่ผลึกที่เขาต้องการ พอได้มาแล้ว หากปล่อยหรือไม่ปล่อยก็เป็นเรื่องที่ต้องเอาไว้คิดอีกที

     

                หกร่างล้อมรอบเป้าหมายสองคน ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงนั่งหลับอยู่ ไม่ใส่เสื้อ ทำให้ดูรู้ได้ทันทีเลยว่า...ไร้ซึ่งอาวุธ เจ้าหมอนี่คงคิดจะปกป้องสตรีสาวที่อยู่ข้างๆ ไว้ล่ะสิ พวกเขาทั้งหกคิดอย่างขำๆ ส่วนสตรีสาวที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีน้ำตาล ผมของเธอสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าตอนหลับใหลขาวเนียนใสดูไม่มีผิดภัย น่ารักน่ากอด น่าจะจับตัวเอาไว้ ตัวเธอต้องมีประโยชน์ต่อพวกเขาทั้งหกแน่ๆ คิดแล้วก็ได้แต่มองหน้ากันและยิ้มอย่างชั่วร้าย ถึงแม้จะมีอาวุธอยู่ใต้ร่างเสื้อคลุมของหญิงสาว แต่จะทำอะไรได้เท่าไรกันเชียว...

     

                สองคนจัดการสตรีสาว สี่คนจัดการชายหนุ่ม เป็นการแบ่งที่ไม่ลงตัวเอาเสียเลย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสามกับสามอย่างรวดเร็ว

     

                ร่างของสตรีสาวเพียงแค่เอื้อมมือเข้าไปจับกุมก็เพียงพอ ส่วนร่างของชายหนุ่มที่เกี่ยงกัน ดึงอาวุธออกมาหนึ่งคน

     

                มือยังไม่ทันแตะถึงตัวใครทั้งนั้น ฉับพลัน มือที่เข้ามาก็ถูกปัดออกไปด้วยคทาไม้และแรงแตะ

     

                ร่างสองร่างลุกขึ้นมาหลังจากบุรุษผมสีเพลิงซัดผู้ที่คิดจะจับเขาด้วยมือเปล่าหนึ่งคนไปกองกับพื้นด้วยแรงแตะเมื่อครู่

     

                นี่เจ้า!” ทั้งหกร้องกันเสียงหลง จับใจความได้ยาก

     

                ลอบกัดและยังรุมอีก อัลว่า ก่อนจะหลบแรงดาบที่พุ่งเข้ามา ออกแรงต่อยที่ท้องน้อย น้ำย่อยทะลักออกทางปากและหลบคนที่พุ่งเข้ามาอีก

     

                สี่กับสองล่ะกัน อัลว่า นั่นหมายความว่าเขากำจัดสี่ เอเวียน่ากำจัดสอง

     

                สาม สาม หญิงสาวพูด ฟาดคทาลงระหว่างคอ ควงคทาไม้อย่างชำนาญ ฟาดลงที่สีข้างและเจาะหว่างคิ้วของเจ้าตัวการตัวหนึ่งที่บังอาจคิดเอามือสกปรกมาแตะต้องตัวเธอ เอาเลือดออกจากหัวบ้าง เธอคิด แต่กลับทำให้เจ้านั่นบุกเข้ามาอีกอย่างเคียดแค้น

     

                ครึ่งต่อครึ่งเลยนะ กัปตันราฟาเอลว์หลบตัวหวุดหวิด ก่อนจะศอกเข้าที่หลังของชายผู้นั้น และเตะไปชนต้นไม้เต็มแรง

     

                ไหวเหรอ

     

                เจ้าบ้ามัวพูดอะไรกันอยู่!!” เสียงโกรธแค้น พร้อมกับดาบที่พุ่งเข้ามา

     

                อัลยกมือรับการปะทะหลังจากที่เตะไปแล้วอีกคนอย่างตั้งตัวไม่ทัน เนื้อปะทะกับดาบ เลือดไหลออกมาจากแขนไหลไปตามดาบ

     

                เจ้าของดาบแสยะยิ้มอย่างพอใจในภาพที่เห็น หวังฝังดาบลึกเข้าไปในเนื้อนั่นอีกนิด

     

                ความเจ็บปวดไหลเข้าสู่โสตประสาท ก่อนที่จะ ดึงแขนไปตามแรงดาบ และเข่าเต็มแรงเข้าที่ท้องของชายผู้ใช้อาวุธมีคม น้ำสีแดงข้นกระอักออกจากปาก ชายคนนั้น ก่อนจะล้มลงไปสมทบกับสหายร่วมทีมอีกสองคนที่ลงไปก่อน ดาบทื่อชะมัด อัลว่า จับบาดแผลของตัวเองไว้แน่นเพื่อห้ามเลือดที่ไหลออกมา

     

                ไร้เทคนิค เอเวียน่าตำหนิวิธีการห้ามเลือดของเขา แต่เธอก็คงได้แต่พูดเพราะเธอกำจัดให้หมอบไปไม่ได้ซักคน

     

                ดีกว่าตายเพราะเลือดหมดตัวล่ะน่า เขาว่า ก่อนจะหลบดาบอีก

     

                เฮ้! จะไม่จบเลยเหรอไง

     

                หญิงสาวเบิกตาโพล่งเมื่อดาบถูกชักออกมา เอเวียน่ารับดาบสองดาบเอาไว้ด้วยคทา และหลีกตัวหนีได้ทันก่อนคทาไม้สีน้ำตาลจะหักลง คทานั่นอยู่กับข้ามาสองปีแล้วนะ เธอว่า และถอนหายใจ

     

                คงได้เวลาซื้อใหม่หญิงสาวศอกคนข้างตัวก่อนจะควานหาคทาอีกอันในเสื้อคลุม

     

                เจ้าทำอะไรของน่ะ อัลตะโกนถาม ก่อนจะเตะที่หว่างคอของชายผู้ซึ่งไม่ยอมถือดาบ

     

                อย่าสนใจข้านักได้มั๊ย เอเวียน่าตอบกลับไป หลบดาบที่พุ่งเข้ามาและบิดตัวหลบดาบอีกเล่ม ใช้บ่าของศัตรูเป็นแท่นในการโดดตีลังกาเหนือร่างขึ้นไป

                เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เอเวียน่าควานหาคทาบรอนซ์

     

                อยู่ไหนเนี่ย หญิงสาวหลบดาบอีกครั้ง อะไรกันนักหนา เธอคิดอย่างเริ่มโมโห

     

                ตามใจนะ อัลว่าก่อนจะเตะและเหยียบหัวศัตรูให้แนบพื้นดิน ทำให้ทั้งสองคนที่คิดจะพุ่งเข้ามาหาเขาหยุดลง

     

                อ๋อ ข้าดวงดีเจอผู้นำเจ้าเหรอ โชคดีแฮะ

     

                เอเวียน่าเบี่ยงตัวหลบจับข้อมือของผู้ที่พุ่งดาบเข้ามา บิดสุดแรงจนเจ้าของดาบเจ็บปวดและดาบก็ถูกปล่อยลงที่พื้น หญิงสาวหยิบอาวุธนั้น และเฉือนเอาเนื้อหนาๆ ของบุรุษเจ้าของดาบ ดาบทื่อจริงๆ ซะด้วย เธอมองดูดาบ แล้วแกว่งมันฟาดเฉือนสีข้างและต้นขาของบุรุษแต่ละคนตามลำดับ ทั้งสามลงไปกองกับพื้น

     

                เจ้าต้องการอะไร เสียงอัลดังขึ้น ทำให้เธอหันไปมองด้วย

     

                ข้าก็ต้องการเหมือนที่คนอื่นๆ ที่แข่งขันต้องการน่ะแหละ ผู้ที่ถูกเหยียบหัวอยู่กล่าวขึ้น

     

                คริสตัลดวงดาว

     

                อัลเลิกคิ้ว ข้าไม่มีคริสตัลนั่น

     

                เจ้ามีผลึกสีที่นำไปสู่คริสตัลได้ เขาพูดน่าแปลกที่ชายผู้นี้ดูไม่เกรงกลัวความได้เปรียบกว่าของกัปตันหนุ่มเลยซักนิด

     

                กัปตันหนุ่มอยากบอกเหลือเกินว่าเขาไม่มีผลึกอะไรนั่นหรอก แต่เอาไว้ก่อน เพราะทีมนี้ท่าทางมีประโยชน์

     

                ข้ามีสีเขียว แดง น้ำเงิน ส้ม เขาบอกอย่างยากลำบาก ถ้าเจ้ามีสามสีแตกต่างจากนี้เอามาแลกกัน

     

                ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ข้าว่าข้าควรจะได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องแลกด้วยซ้ำ เจ้ามีสิทธิต่อรองกับข้าแบบนั้นเลยเหรออัลถามอย่างเชื่อมั่นในสถานะของเขาและคนใต้เท้า

     

                แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มเกิดขึ้นที่คนใต้ฝ่าเท้าเขานั่นแหละ แน่นอน

     

                เอเวียน่าหรี่ตามองชายผู้ที่ถูกเหยียบจนหัวแทบมิดดินนั้นอย่างสงสัย สายตาเลื่อนไปยังแผลของเจ้าคนที่ได้เปรียบ ท่าทางจะเจ็บน่าดู...ดาบทื่องั้นเหรอ เอเวียน่าคิด ก่อนจะจ้องมองดูที่ดาบในมือเธอ และหันไปมองสามร่างที่ถูกเธอฟันตรงหน้า หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจในภาพที่เห็น

     

                ...ชายหนุ่มทั้งสามคนมีสภาพไม่แตกต่างกัน นอนนิ่งไม่ขยับ เนื้อตัวกระตุกเป็นช่วงๆ ท่าทางทรมาน และน้ำลายฟูมออกมานอกปาก แผลถากๆ ที่เอเวียน่าฟันเข้าไปนั้น มีรอยไหม้...บาดแผลมีรอยไหม้ หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ใจคือ...ทั้งสามโดนยาพิษ!!

     

                ตึง!’ เสียงร่างหนักล้มลง เอเวียน่าหันควับไปยังต้นเสียง กัปตันหนุ่มล้มลงพร้อมกับกุมบาดแผลที่แขนของเขาเอาไว้แน่น หญิงสาวเข้าไปรับดาบที่หมายสังหารกัปตันหนุ่ม

     

                เจ้าเป็นอะไร เอเวียน่าถาม เธอจะรู้มั๊ยว่าเสียงของเธอวิตกอย่างเห็นได้ชัด

     

                กัปตันราฟาเอลว์กัดฟันแน่น สมองของเขาปวดอย่างหนัก ก่อนที่ปากจะกระอักเอาฟองออกมา ดูก็รู้ไม่ใช่เหรอ อัลว่า น้ำเสียงยังคงดูไม่ซีเรียส สบายๆ แตกต่างจากท่าทางของเขา ชายหนุ่มล้วงมือไปที่กระเป๋ากางเกง หยิบมีดพกออกมา

     

                อย่าทำเป็นพูดเล่นนะ เอเวียน่าทิ้งดาบในมือ ควานหาคทาอีกครั้ง

     

                ทำใจดีๆ ไว้ คราวนี้เป็นคทาสีขาว คทานั้นพุ่งเข้าหามือเธอ คทาสีสะอาดตายาวออกจนสุด หญิงสาวมองร่างกัปตันหนุ่ม เขากำลังทำในสิ่งที่เธอคิดว่างี่เง่าสิ้นดี

     

                ทำอะไรน่ะ!!” เธอแผดเสียง

     

                อัลใช้มีดเฉือนเนื้อตัวเองบริเวณที่มีแผลไหม้จากดาบเมื่อครู่ออกโดยไม่สนใจเสียงของหญิงสาว เลือดไหลออกมามากขึ้น แต่กัปตันหนุ่มก็ยังไม่หยุด เขาขยับมือด้วยความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนี้ ถึงกระนั้นมือก็ยังสั่นสะท้านอย่างไม่เป็นใจ มือระริกเฉือนบาดแผลตัวเองจนขาดออก แล้วก็ดูเหมือนสติ จะขาดออกเป็นช่วงๆ ตามบาดแผล...

     

                เอเวียน่ารับดาบที่พุ่งมาทางอัล และกระแสไฟฟ้าจากด้ามคทาก็เกิดขึ้น แรงจนทำให้ผู้ที่ถือดาบเหล็กล้มลงไม่ขยับเขยื้อน หญิงสาวควงคทาฟาดลง ที่คอของคนที่บุกเข้ามา คทาเฉือนเข้าเนื้อลึกจนบ่าข้างซ้ายแยกขาดออกเป็นสองท่อน เอเวียน่าถอนหายใจลึก ดวงตาเย็นชามองมาที่คนที่เหลือ ชายผู้ที่ถูกอัลเหยียบเมื่อครู่ มือกระชับคทาให้แน่นยิ่งขึ้น ออร่าสีส้มรอบๆ คทาสีขาว เป็นสีส้มเช่นเดียวกับดวงตาของเธอในบัดนี้

     

                ชายผู้นั้นตัวสั่นงกๆ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ในมือของเขามีผลึกสี่สีส่งมาให้ มือที่สั่นนั้นทำให้ผลึกทั้งสิ้นหล่นลง เขาจ้องมองดวงตาของหญิงสาวและเหงื่อก็ไหลมาเป็นสาย

     

                ร่างบางทิ้งลงที่ข้างๆ กัปตันหนุ่ม เป็นจังหวะให้ชายผู้นั้นวิ่งหนีไป ดวงตาสีส้มกลับคืนมาเป็นดวงตาสีชาที่ดูอ่อนแรง คทาสีขาวถูกทิ้งลงที่พื้น กลับกลายเป็นแท่งเล็กๆ ทรงกระบอกเช่นเดิม...ใต้อาวุธชิ้นนั้นมีตัวหนังสือสีทองสลักนาม...~aVIAna~ อาวุธชิ้นแรก ครั้งแรกที่จำความได้ ใช้ในตอนที่เจ็บปวดแทบใจสลาย ตอนนี้ความรู้สึกกลับบรรยายได้ยากลำบาก มือเล็กสั่นเอื้อมเข้าไปหาร่างของกัปตันหนุ่มเบาๆ ตัวเย็น! เอเวียน่าร้องในใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสหาลมหายใจ

     

                ยังมีอยู่...หญิงสาวถอนหายใจ ถึงจะน้อย แต่ยังไม่ตาย พอตั้งสติได้ เธอก็คว้าเสื้อของเธอซึ่งตอนนี้ยังไม่แห้งดี ผูกเข้าที่ต้นแผลของกัปตันหนุ่ม ห้ามเลือดและยาพิษไม่เข้าสู่หัวใจ...ถ้ายังพอห้ามได้ เอเวียน่าสวมกางเกงที่ยังไม่แห้งดี มันชื้นพอๆ กับเสื้อที่ผูกต้นแขนของเขาน่ะแหละ เธอเก็บคทา หยิบดาบของคู่ต่อสู้เมื่อครู่ขึ้นมา แล้วใช้เสื้อคลุมของเธอเช็ดดาบ มีอะไรบางอย่างแข็งติดออกมาด้วย...สิ่งที่ให้ดาบทื่อ หญิงสาวถอดเสื้อคลุมมาพันที่รอบดาบ ก่อนจะกลับมามองที่ร่างของกัปตันหนุ่ม สายตาเลื่อนไปเห็นผลึกสี่สี เธอหยิบมันขึ้นมาใส่กระเป๋า...เผื่อมีประโยชน์ เอเวียน่าทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เธอนั่งลงที่ข้างๆ ร่างของอัลอีกครั้ง ก่อนจะใช้ความคิดอย่างวิตก เจ้าจะต้องไม่ตาย เธอพึมพำ

     

                จะตายไม่ได้

     

                แต่จะทำยังไงดีล่ะ...คิดสิคิด

     

                แสงของเช้าวันใหม่เริ่มขึ้นมาแล้ว ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว เสียงกระทบกันของใบไม้ตามลม ถึงกระนั้นก็ทำให้เอเวียน่าตระหนก เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่แล้วร่างบางก็ล้มลง ช่วงเอวของเธอร้อนขึ้น จนร่างแทบฉีดขาด หญิงสาวกุมแผลของเธอเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด

     

                ทำไมต้องเป็นตอนนี้ ข้าจะเป็นไรไม่ได้ อดทนไว้เอเวียน่า เธอกัดฟันไว้

     

                อัลต้องไม่ตาย ต้องพาออกจากป่า อดทนไว้ อดทน... เหงื่อไหลมาตามใบหน้า คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันด้วยความเจ็บกว่าครั้งไหนๆ

     

                อดท... ความคิดขาดหายไป...ก่อนสติจะยอมแพ้ให้กับบาดแผลนอกร่างกาย ดวงตาสีสวยหลับลง ทับร่างของกัปตันหนุ่มราฟาเอลว์ ผู้ที่ด้ายบางๆ ของชีวิต พร้อมจะขาดได้ทุกขณะ...ขึ้นอยู่กับเวลา...

     

     

    */*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×