ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Treasure Magic ผจญภัยขุมทรัพย์แห่งเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 10 - นักล่าหัวโจรสลัด (2021 NRW)

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 64


             ม่ายยยยยย กรี๊ดดดด!” เสียงร้องดังมากขึ้น แสดงว่าเอเวียน่าเข้าใกล้ที่เกิดเหตุขึ้นไปทุกที เสียงนั้น มันโหยหวนเหมือนในความฝันที่หญิงสาวมักฝันบ่อยๆ มันเป็นเสียงแห่งความหวาดกลัวและสิ้นหวัง แต่ในฝันนั้นเธอไม่สามารถช่วยใครได้เลย ได้เพียงแต่ยืนฟังเสียงที่ดังขึ้นรอบๆ ตัวด้วยหัวใจที่หวั่นไหวและหวาดกลัว กลัวที่จะเสียคนสำคัญไป

     

                จะต้องไม่มีใครเสียใจแบบข้า เอเวียน่าคิด นั่นคือเหตุผลสำคัญที่เธอยังอยู่ตอนนี้ เธอวิ่งเร็วขึ้นอีก อ้อนวอนในใจว่าอย่าให้เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้ ขอให้ไปทันด้วยเถิด

     

                หญิงสาวที่บัดนี้เหมือนบุรุษเพศ เธอฝ่าฝูงชนที่รุมล้อมที่เกิดเหตุเข้าไปอย่างยากลำบากและเชื่องช้า แต่นั่นทำให้เธอแน่ใจอย่างหนึ่งว่าอย่างน้อยเธอก็มาถูกทางแล้ว

     

                เสียงร้องเงียบไปแล้ว เมื่อเอเวียน่าเข้ามาถึงภาพที่เธอเห็นเป็นภาพสตรีสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงยาว มือข้างนึงของเธอจับมือเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้แน่นนั่นน่าจะเป็นลูกชายของเธอ อีกข้างนึงถือตะกร้าจ่ายตลาด ถึงกระนั้นศีรษะของเธอ ก็ก้มหัวหลายครั้งต่อหลายครั้งให้กับบุรุษผมสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าอย่างรู้สึกขอบคุณเป็นยิ่งนัก

     

                ชายคนนั้น น่าจะอยู่วัยเดียวกับกัปตันหนุ่มแห่งราฟาเอลว์ คงมากกว่าตัวเธอสักปีสองปี ผิวของเขาเป็นสีออกเหลือง ผ้าโพกหัวบนศีรษะ ผมสีน้ำตาลอ่อนระคอ ที่คอของเขามีแสงของล็อคเก็ตสีทองอันเล็กๆ ส่องประกายอยู่ ท่าทางของเขาสะบัดมือไปมา ปากเหมือนบอกกับสตรีตรงหน้าว่า ไม่เป็นไร แค่นี้เรื่องเล็กน้อยด้านหลังของชายผมสีน้ำตาลอ่อนผู้นั้น มีชายร่างใหญ่โตคนหนึ่ง ซึ่งนอนทับชายร่างผอมหน้าแหลมๆ เอาไว้ สภาพของสองคนนั้นดูไม่จืด เอเวียน่าเดาว่านั่นคงเป็นชายที่รังแกสองแม่ลูกเป็นแน่

     

                ที่หัวของชายสองคนมีรอยปูดโนขึ้นมา ใบหน้าและร่างกายมีรอยช้ำและห้อเลือดเป็นแห่งๆ ทั่วตัว แต่กลับไม่มีบาดแผลที่มีเลือดออกเลยแม้แต่นิด แสดงว่าชายผู้นั้นไม่ได้ใช้อาวุธมีคม

     

                เอเวียน่ามองหน้าชายผมสีน้ำตาลอ่อนอีกครั้ง หลังจากที่เธอดูใบหน้าของผู้ร้ายทั้งสอง ความคิดที่ผุดขึ้นมาคือ ฝีมือไม่เลวเลยชายผู้นี้ เธอจดจำหน้าเขาเอาไว้ เป็นใครกัน

     

                พวกโจรสลัดอีกแล้วเหรอ เสียงของชาวบ้านที่ดังมาเข้าหูเอเวียน่า

     

                ดีนะเนี่ยที่มีท่านเอเวินท์อยู่เสียงของชายหนุ่มกล่าว

     

                เอเวินท์เหรอ เอเวียน่าคิด หันไปมองชายผู้นั้นอีกครั้ง

     

                ถ้าไม่มีท่านคงแย่เหมือนกันนะ หญิงสาวคุยกับบุรุษชาวบ้าน

     

                ไม่รู้ว่าจะจัดงานแบบนี้ทุกปีทำไม พวกโจรสลัดเต็มไปหมดเลย เสียงของเธอฟังดูเหนื่อยหน่ายกับเหตุการณ์เช่นนี้

     

             งาน...งานอะไร เอเวียน่าคิด เธอจะฟังต่อไปเผื่อว่าจะรู้อะไรมากขึ้น แต่ว่า...

     

             นายท่าน! เสียงดังเข้ามาในหูของเธอเข้าซะก่อน นกทิงกาเบลในร่างสีทองนั้นหอบแหกๆ

     

                ท่านวิ่งเร็วจริงๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง มันถาม

     

                ไม่มีอะไรมากหรอก เอเวียน่าตอบเบาๆ พอให้นกสาวได้ยิน เธอหันกลับไปมองชายที่ถูกเรียกว่าเอเวินท์อีกครั้ง ก่อนที่จะหันมาหาทิงกาเบลที่เข้ามาเกาะที่หัวไหล่ข้างขวา

     

                เมื่อกี้เจ้าว่าอัลอยู่ไหนนะ

     

                นกสาวหอบ อ๋อ เค้าบอกว่า...ในตลาดน่ะ เมื่อกี้ตอนบินมาข้า...เห็นแวบๆ มันพูดไปหอบไป

     

                อืม เอเวียน่ารับคำ ก่อนที่จะหันไปมองที่ชายผมสีน้ำตาลอ่อนอีกครั้ง พลางคิดในใจว่า

     

                นี่เหรอเอเวินท์ ชายผู้กำจัดจ้าวแห่งความมืด และหญิงสาวก็หันหลังกลับเดินไปตามคำพูดที่นกน้อยบอก

     

                ระหว่างที่เดินตามหากัปตันหนุ่มเอเวียน่าก็คิดเรื่องชายผู้นั้นไปพลางๆ เอเวินท์เหรอ...เอเวินท์ หญิงสาวคิด ชายผมสีน้ำตาลอ่อนนั้นท่าทางมีฝีมือไม่เลว

     

                เบลเจ้าว่าชายผู้นั้นเป็นไงบ้าง

     

                ชายผู้นั้น ผู้ไหน? มันถาม

     

                ที่อยู่กลางวงเมื่อกี้นี้ เสียงของบุรุษตอบห้วนๆ

     

             ท่านหมายถึงชายผมสีน้ำตาลอ่อน อืม... มันพูดต่อเมื่อเห็นเจ้านายพยักหน้า

     

                คงเก่งนะนายท่าน น่าจะเป็นนักล่าหัว หรือโจรสลัด

     

                หรือทั้งสองอย่าง

     

                อะไรนะ...มีด้วยเหรอนายท่าน? เบลถามอย่างสงสัย

     

                ดวงตาสีชาจ้องบางสิ่งอย่างมีความหมาย แต่สิ่งที่เขาสนใจกลับไม่ใช่สิ่งที่จดจ้อง กลับเป็นสิ่งที่อยู่ในใจ ดวงตาคมเข้ม ทำให้ทิงกาเบลรู้คำตอบ ผู้ที่เป็นนักล่าหัวและโจรสลัดมีอยู่มากมาย รวมถึงตัวเธอด้วยถึงเธอจะไม่ยอมรับมันเท่าไรก็ตาม

     

                เอ๊ะ! นั่นไงนายท่าน นกสาวเรียกทำให้เอเวียน่าต้องหยุดความคิดของเธอเอาไว้ชั่วคราว ไรอัล คริซโตเฟอร์ ฮอคซ์ และกัปตันแห่งราฟาเอลว์ยืนอยู่หน้าร้านๆ หนึ่งซึ่งเป็นแผงเล็กๆ ทั้งสี่คนทำให้หน้าร้านกลายเป็นแหล่งชุมนุมอะไรซักอย่าง มีทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวจำนวนมากรายล้อมสี่หนุ่ม พวกเขาดูมีความสุขกับการพูดคุยไม่น้อยเลยทีเดียว คงเป็นเพราะวันนี้จะลงมาที่เกาะวิวเมดท์ คริซโตเฟอร์เลยดูสวย (ไม่ใช่เท่ห์?) กว่าทุกวัน เป็นอันล่อตาล่อใจเหล่าบุรุษเพศให้สนใจและเดินเข้ามาคุยด้วยกับสาวงามซึ่งภายใต้เสื้อผ้าที่ปกปิดเอาไวกลับเป็นอีกเพศนึงคนนี้

     

                อย่าให้ใครรู้ละกันว่าภายใต้หน้าสวยๆ นั่น เป็นบุรุษปากมากคนหนึ่ง เอเวียน่าพึมพำกับทิงกาเบลซึ่งนกน้อยส่งเสียงจิ๊บๆ เบาๆ หญิงสาวมองภาพที่สี่หนุ่มพูดคุยกับเหล่าสตรีและบุรุษตรงหน้า แล้วเธอจะเข้าไปหาพวกนั้นได้ยังไงล่ะทีเนี่ย

     

                ไม่เข้าไปเหรอนายท่าน เบลถาม

     

                เข้าไปยังไงล่ะ เอเวียน่าถามกลับ

     

                ท่านกลัวเหล่าสตรี หรือเหล่าบุรุษล่ะ นกน้อยถามอีกครั้ง ท่าทางมันอารมณ์ดี

     

                ข้าไม่ได้กลัวทั้งนั้นแหละ แต่...เจ้าคิดว่าข้าจะเข้าไปถึงเจ้าพวกนั้นได้โดยปลอดภัยเหรอเอเวียน่าว่า

     

                และสายตาของกัปตันหนุ่มก็ละจากสตรีกลุ่มนั้น มาหยุดที่หญิงสาวที่เหมือนชายหนุ่มตัวเล็กๆ เขากระพริบตาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ขมวดคิ้วอย่างหาคำตอบ ตอนนี้คนที่อยู่ในสายตาเขาเหมือนบุรุษเพศมากเสียจนเป็นชายได้อีกคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่ภายใต้ผ้าคลุมสีน้ำตาลนั้น เป็นรูปร่างของผู้หญิง แต่เธอก็ปกปิดมันไว้จนไม่เห็นรูปร่างเหล่านั้น เขาจำได้ว่าเคยเห็นภาพนี้จากเกาะที่ผ่านมา แต่คงเพราะไม่ได้เห็นมาซะนานจึงรู้สึกไม่ชินตากับภาพตรงหน้าเอาเสียเลย อืม...ถ้าเป็นสตรี เธอดูห้าวสุดๆ แต่พอเป็นบุรุษ เธอกลับดู...เอ่อ...หน้าตาดีทีเดียว หรือเธอจะเหมาะกับการเป็นบุรุษมากกว่ากัน

     

                เหล่าสตรีสาวที่รายล้อมอยู่นั้น พอเห็นชายผมสีแดงเพลิงหยุดพูดคุย มองไปที่ใดที่หนึ่ง ก็หันมองตามไปหาสาเหตุที่ทำให้บุรุษรูปงามสนใจมากกว่าการคุยกับพวกตน พอหันไปหนึ่ง ก็สะกิดให้หันไปกันเป็นแถบๆ ภาพที่พวกเธอเห็นคือชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มสั้น ตัวสูงพอประมาณ ผิวขาวเนียนแบบที่ไม่ได้เห็นในบุรุษเพศบ่อยนัก ดวงตาสีชาดูมั่นคง นกสีทองตัวเล็กๆ ที่เกาะอยู่ที่บ่าข้างขวาดึงให้ตัวเขาเด่นยิ่งขึ้นไปอีก

     

                อึก!!! เสียงร้องในใจดังขึ้นมา แทบจะในทันทีที่สตรีสาวทั้งหมดเปลี่ยนทิศทางการรายล้อมมาอยู่ที่เอเวียน่า ตัวเธอแทบจะหล่นลงไปกองกับพื้นเมื่อเจอแรงกระแทกจากพวกหล่อน แต่เมื่อเจอกับแรงที่เข้ามาด้านหลังก็เลยสามารถทรงตัวอยู่ได้อีก มีหลายต่อหลายครั้งที่เธอใช้หน้าตาดึงดูดพวกผู้หญิงเพื่อหาข้อมูล แต่เธอก็ไม่เคยเจอผู้หญิงด้วยกันเองรุมแบบนี้มาก่อน ยิ่งเธอเห็นทั้งสี่หนุ่มดูมีความสุขกับการถูกรุมแบบนี้ ก็ยิ่งคิดว่า นี่เหรอความภูมิใจของผู้ชาย

     

                ท่านเป็นสหายกับชายเหล่านั้นเหรอค่ะสตรีที่แต่งกายด้วยชุดสีม่วงสั้นเหนือเข่าและผ่าขึ้นมาจนเห็นต้นขาถามตัวเธอ

     

                ...เอ่อคือ ก็ครับเอเวียน่าตอบอย่างไม่มั่นใจนัก

     

                แล้วท่านมีชื่อว่าอะไรค่ะ

     

                รู้จักกับท่านพวกนั้นได้ไงกันค่ะ คำถามจากกลุ่มนั้นดังเข้ามาในหัวเอเวียน่า

     

                กัปตันหนุ่มและเพื่อนๆ ของเขาที่ดูเหตุการณ์อยู่ รู้สึกไม่เชื่อตาตัวเอง กับสิ่งที่เอเวียน่าทำได้ คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน

     

                เจ้าคิดว่าไงอัล คริซโตเฟอร์ที่ถูกรายล้อมด้วยบุรุษถามขึ้นมา

     

                แล้วเขาก็ยิ้มออกมา มือกอดอกเอาไว้ เหตุการณ์นี้คงน่าสนุกดี ผู้หญิงจีบผู้หญิง ฮึ ดูสิขนาดหล่อนเป็นสตรีเพศน่ะนั่น หล่อนทำให้ผู้ชายหลายๆ คนไม่มีความมั่นใจในหน้าตาตัวเองแน่ๆ

     

                และท่านก็กำลังโดนหักหาญความมั่นใจอยู่เหรอไง โอลิเวอร์ทักขึ้นมา ยิ้มอย่างสนใจ

     

                อัลยิ้มตอบ ก็อาจจะจริง... เขาว่า

     

                ...แต่ข้าอยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะทำไงมากกว่า

     

                ท่านมาทำอะไรทีนี้เหรอค่ะ

     

                ‘สนใจจะไปไหนมั๊ยค่ะ เสียงคำถามดังไม่หยุดหย่อนจนเอเวียน่าเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วซิ

     

                แล้ว...เมื่อกี้คุยอะไรกับสหายของข้าเหรอ เธอตัดสินใจหาเรื่องเข้ามาพูด แทนที่จะตอบคำถามที่ยิงมาจากเหล่าสตรีที่มากมายนั่น

     

                เอ…เมื่อกี้พวกเขาถามถึงการแข่งขันที่จะมีอีกสองสามวันน่ะ หญิงสาวตัวเล็กๆ เกล้าผมขึ้นไปสูง ท่าทางใสๆ ซื่อๆ ตอบคำถามของเธอ

     

                การแข่งขันเหรอเอเวียน่าย้ำคำพูดของหญิงผู้นั้น

     

                การแข่งอะไรกัน เธอมองมองไปที่ชายผมสีแดงเพลิงหวังคำตอบ แต่เธอกลับได้รับรอยยิ้มที่ดูเหมือนสนุกกับอะไรซักอย่าง

     

                ท่านชื่ออะไรค่ะ อายุเท่าไรเสียงของหญิงสาวในกลุ่มนั้นดึงเธอกลับเข้ามา พอพวกเขาไม่ได้รับคำตอบก็เริ่มดึงผ้าคลุมเร่งให้เธอตอบคำถาม

     

                ท่านชายๆ เจ้าหล่อนเร่ง

     

                เอเวียน่ากลืนน้ำลายลงคอ คงถึงเวลาที่เธอต้องปลีกตัวออกไปได้แล้วมั้งแต่จะทำยังไงดีล่ะ ...คือข้า...ขอตัวก่อนนะเธอกล่าว และรีบพยายามแทรกกลุ่มนั้นออกไป

     

                แต่ไม่เป็นผลใดๆ ทั้งสิ้น เหล่าสตรีกลับดึงเธอแรงขึ้นไปอีก เอเวียน่าพยายามคว้าเสื้อคลุมสีน้ำตาลของเธอเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ไม่ให้มันหลุดออกไปจากร่างกายเธอ ไม่งั้นเธออาจจะตายคาเท้าเหล่าสตรีพวกนี้ได้

     

                เบลเจ้าทำอะไรซักอย่างซิ เอเวียน่าพึมพำกับนกสาวที่เริ่มเสียศูนย์ต้องบินขึ้นเหนือไหล่เธอแล้ว

     

                เฮ้ยๆๆๆ ปล่อยไว้แบบนั้นจะดีเหรอ" ไรอัลถามหลังจากที่เห็นเหตุการณ์เริ่มไม่ดี

     

                แต่กัปตันหนุ่มกลับยิ้มอย่างรู้สึกสนุก ปล่อยไว้งั้นแหละ อัลว่า

     

                ข้าอยากรู้เหมือนกันว่ายัยนั่นจะทำยังไง

     

                โอลิเวอร์และคริซที่ปรึกษาหันมามองหน้ากันอย่างเข้าใจ นี่คือการแก้แค้นที่หล่อนเด่นกว่าตัวเองเหรอไง คริซหันมาถามเขา

     

                อัลหัวเราะเบาๆ ก็...อาจจะใช่ ฮึแล้วเขาก็ยอมรับเสียด้วยซิ ต้องทำใจว่าเธออาจจะไม่ได้รับความช่วยเหลือแล้วจริงๆ

     

                เอเวียน่ารู้สึกว่าแรงอัดออกมาจากทุกทิศทุกทาง เธอเริ่มเวียนหัวแล้ว ทันใดนั้นเอง แสงสีทองก็สว่างขึ้นช่วงขณะหนึ่ง เทพธิดาสาวโจซีฟีเน่ ทิงกาเบลปรากฏขึ้นในร่างของมนุษย์ผมสีทองคำ ความงามของเส้นผมเธอดึงดูดดวงตาของผู้หญิงทุกคนในแถบนั้น เจ้าของเส้นผมสีทองคำสูดหายใจลึกๆ และ... พวกเจ้าทำอะไรของเจ้านะ!” เธอตะโกนออกมาเต็มเสียงอย่างไม่พอใจ

     

                มายุ่งอะไรกับเจ้านายข้า!” มันถามเสียงดัง แต่ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวพวกนั้นพูดหรือตอบได้เลย

     

                ถอยไปซิ ถอยไปๆ เหล่าผู้หญิงทุกคนที่ล้อมอยู่เปิดทางกว้างออกมา สายตาของพวกเขามองเทพซีซัตผู้งดงามแต่นิสัยโหวกเหวกอย่างงงๆ

     

                พวกเจ้ามองอะไรกันนักหนา!” มันขึ้นเสียงอีกจนได้ และพวกนั้นไม่ว่าใครสักคนที่กล้าพอที่จะอยู่เผชิญหน้ากับเทพีสาวผู้นั้น

     

                พอกลุ่มชนสลายตัวไปแล้ว สายตาของทั้งสองสาวก็มองตรงไปเห็นชายหนุ่มสี่คนกำลังเอามือทั้งสองข้างอุดปากไว้อย่างเต็มที่ งอตัวลง ขอบตามีน้ำตานิดหน่อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวกเขากำลังหัวเราะจนท้องขดท้องแข็ง

     

     

     

                หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ เอเวียน่าโวย

     

                ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว ลูกเรือราฟาเอลว์และซีกัลไวท์ทุกคน รวมตัวกันที่บาร์ข้างๆ ตลาดเพื่อทานอาหารและสังสรรค์สำหรับวันนี้ที่ลงมาบนเกาะแห่งนี้เป็นวันแรกด้วยกัน เจ้าของบาร์ดูไม่ค่อยเต็มใจนักที่เหล่าโจรสลัดเข้ามา ทำให้พวกลูกค้าธรรมดาหายไปหมด และโจรสลัดได้ชื่อเรื่องความโหดร้ายอยู่แล้ว ใครๆ ย่อมไม่เต็มใจให้โจรสลัดเข้ามามากมายอย่างนี้แน่

     

                อัล คริซ ไรอัล คลิฟท์ ฮอคซ์ เบลและเอเวียน่านั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน ทุกคนดูเหมือนจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้หัวเราะเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ได้ เว้นแต่ชายผมสีแดงเพลิงที่นั่งหัวเราะอยู่ตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้ว

     

                พอเถอะ หยุดได้แล้ว!” เอเวียน่ากล่าว แต่มันกลับทำให้เขาหัวเราะมากขึ้นไปอีก

     

                หากเจ้าจะเป็นบุรุษจำเอาไว้อย่างว่า เจ้าอย่าเอาใจสตรีจำนวนมากมายนั่นพร้อมๆ กัน มันจะทำให้เจ้าลำบากเมื่อพวกเขาคิดจะดึงเจ้าเอาไว้เหมือนๆ กันคลิฟท์ว่า หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวแล้วตัวเขารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น

     

                หรือไม่เจ้าก็ทำให้พวกเขาเกรงใจเจ้าหน่อย จะได้ไม่เข้ามารุมเจ้าแบบนั้น ไรอัลเสริม

     

                ผู้หญิงน่ะเอาใจมากไม่ได้...และเจ้าอย่ายิ้มให้นางมากนัก นอกจากเจ้าจะเข้าไปจีบนาง

     

                เอเวียน่าฟังอย่างรู้สึกแปลกๆ รองกัปตันทั้งสองคนกำลังสอนเธอให้เป็นบุรุษงั้นเหรอ แถมยังสอนเรื่องจีบหญิงอีก พวกเขาดูท่าทางรู้จักสตรีเพศดีกว่าเธอซึ่งเป็นจริงๆ เอาเสียอีก หญิงสาวถอนหายใจ ข้าพึ่งรู้นะเนี่ยว่ามันน่ากลัวเพียงใด

     

                โอลิเวอร์เลิกคิ้ว เจ้าหมายถึงสตรีรึเปล่า เขายิ้ม

     

                นั่นคือเจ้านะ...ถึงตอนนี้จะมองยังไงๆ ก็เหมือนบุรุษก็เถอะ

     

                งั้นเหรอ เอเวียน่าตอบอย่างไม่สนใจ

     

                หยุดหัวเราะได้มั๊ย!” เธอหันไปเอ็ดอัล

     

                กัปตันหนุ่มเอามือปิดปาก พยายามกลั้นหัวเราะก่อนที่เขาจะหายใจไม่ออก ข้า...ฮึ...กำลังพยายาม

     

                อัล!” เสียงของบุรุษกล่าวอย่างเอาเรื่อง

     

                ทิงกาเบลดื่มน้ำผลไม้ที่สั่งมา มันมองมาทางสตรีในร่างบุรุษและยิ้ม หากท่านจะเป็นสตรี ท่านต้องรู้จักห้ามพวกผู้หญิงเหล่านั้นให้เด็ดขาด มันทุบโต๊ะ ชี้นิ้วมาทางเธอ

     

                หนึ่งท่านต้องรู้จักขึ้นเสียง!” เบลพูดเสียงดัง

                สอง! ต้องไม่เปิดโอกาสให้พวกนั้นเถียงขึ้นมาได้ และสาม! ท่านต้องรีบหนีออกมาก่อนที่พวกนั้นจะนึกได้ทัน หนีออกมาตอนอึ้งๆ น่ะแหละ เบลพูดและนั่งลง ดูเหมือนมันกำลังสนุกอยู่

     

                ที่สำคัญต้องรักษารูปร่าง คริซโตเฟอร์พูดขึ้น

     

                สำหรับเจ้าดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร ผู้รู้แห่งราฟาเอลว์ลุกขึ้นมาเดินอย่างสง่า

                กิริยา มารยาท ความงาม ชายหนุ่มตัวอ้อนแอ้นเชิดหน้าขึ้นเต็มที

     

                จะทำให้เหล่าสตรีพวกนั้นรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า และยอมแพ้ไปเอง เขาพูดจบก่อนที่มือหนักของไรอัลจะฟาดเข้าที่หัวเพื่อนตัวดีอย่างหมั่นไส้

     

                โอ๊ย! เจ้าบ้า และท่าทางของสตรีก็หายไป หน้าสวยๆ มองมาที่เพื่อนตัวล่ำสันอย่างเอาเรื่อง

     

                คริซๆ คลิฟท์เรียก เขาพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อน

     

                ไหนล่ะ...กิริยา มารยาท ความงาม เขาทำเสียงเลียนแบบเจ้าเพื่อนตัวแสบ

     

                เรียกเสียงหัวเราะจากวงได้อีกครั้งนึง เอเวียน่าเป็นคนเดียวที่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ คนนึงสอนให้เธอเป็นบุรุษ อีกคนสอนให้เธอเป็นสตรี ดูท่าทางหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ เสียด้วย ทั้งที่เธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดีแท้ๆ

     

                กัปตันหนุ่มที่พยายามกลั้นหัวเราะ แต่แล้วก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับท่าทางของคริซโตเฟอร์ สังเกตเห็นเอเวียน่า เขาเลยทำหน้าจริงจังมาทันที เอเวียน่า น้ำเสียงไม่มีแววของความขบขันแต่อย่างใด เล่นเอาหญิงสาวต้องตั้งใจฟัง

     

                มีอะไรเหรอ เอเวียน่าถามทำให้เสียงของทั้งวงเงียบลง

     

                อัลยิ้ม ตกลงเจ้าอยากเป็นอย่างไหนกันล่ะ สตรีหรือบุรุษ กัปตันหนุ่มว่า

     

                ไม่เอาทั้งนั้นแหละ!” เอเวียน่าระเบิดเสียง และทั้งวงก็หัวเราะกันอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง เรื่องราวของเอเวียน่ายังถูกพูดคุยและสร้างความขบขันให้กับกลุ่มๆ นั้นได้เรื่อยๆ ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเธอต้องไม่พอใจอยู่แล้วแต่จะทำไงได้ล่ะ

     

     

     

                เวลาผ่านไปไม่นานนัก เจ้าของร้านก็เอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟตามโต๊ะต่างๆ กลิ่นหอมลอยมา จนพวกเขาทั้งหมดหันไปสนใจการมาของอาหารแทนการพูดคุย ไก่งวงเนื้อมันๆ สีน้ำตาลแดงเกรียมนิดๆ ถูกผ่าออกเมื่อมาถึงโต๊ะ เนื้อด้านในเป็นสีแดง ยังไม่ทันที่ใครจะได้จับ ไรอัลก็คว้าไปซะแล้ว อาหารอื่นๆ เสิร์ฟ ตามมา พายองุ่นแป้งกรอบ มีรอยผ่าเอาไว้ให้แล้ว ขนมปังกรอบ และแก้วเบียร์หลายๆ แก้วถูกวางลงที่โต๊ะ พร้อมเบียร์ที่เป็นขวดหลายต่อหลายขวด คลิฟท์รินเบียร์ออกมา ฟองเบียร์ฟูจนเกือบล้นแก้วและส่งให้คนอื่นๆ

     

                ไม่ล่ะ ข้าคออ่อน เอเวียน่าปฏิเสธทันทีที่เขาส่งมาให้เธอ

     

                นานๆ ทีเป็นไรไป คลิฟท์ว่า แต่ถึงกระนั้นเอเวียน่าก็ส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธมันอยู่ดี เธอคออ่อนจริงๆ นี่น่า และอาหารที่อยู่ตรงหน้าก็น่าสนใจกว่าอีก

     

                พวกเจ้ากินอาหารแบบนี้กันทุกมื้อที่อยู่บนเกาะเหรอ หญิงสาวถาม

     

                ไม่หรอก มื้อนี้พิเศษ ไรอัลว่า

     

                เพราะริชาร์ดเป็นคนเลี้ยง และรองกัปตันตัวล่ำสันก็ส่งเนื้อไก่งวงให้เอเวียน่า

     

                เธอรับมา ขอบใจหญิงสาวเอาเข้าปากอย่างไม่รอช้า เนื้อยังไม่ค่อยสุกดีมีสีแดงอยู่บ้างแต่รสชาติหอมหวานไม่แพ้กลิ่นของมันที่หอมกรุ่น เครื่องหมักก็รสไม่เลวเลยทีเดียว พายองุ่นก็อร่อยไม่แพ้กัน หรือเพราะว่าเธอหิวและไม่ได้กินอาหารดีๆ อย่างนี้มานานรึเปล่าก็ไม่รู้

     

                การทานอาหารครั้งนี้ไม่แตกต่างกับตอนในเรือซีกัลไวท์เท่าไรนัก ไรอัลเป็นเจ้ามือใหญ่ของวง เขากินทุกอย่าง ตั้งแต่ไก่ เบียร์ และขนมปัง ที่เขาไม่สนใจคงเป็นพายนี้แหละ ซึ่งส่วนใหญ่ เบลและคริซจะกินมัน ฮอคซ์และเอเวียน่าจะเน้นอาหาร แต่เทพซีซัตหนุ่มก็กินเบียร์ไปพอสมควรไม่แพ้คนอื่นๆ กัปตันหนุ่มและรองกัปตันผมบลอนด์เน้นเบียร์เสียมากกว่าอาหาร แต่ละคนคุยกันไปเรื่อยๆ จากที่คุยกันรู้เรื่องก็เริ่มไม่รู้เรื่องตามปริมาณของเบียร์ที่ดื่มเข้าไป

     

                เป็นเวลามืดพอสมควร ร้านทั้งร้านยังคงมีส่วนที่รื่นเริงเป็นหย่อมๆ คนคออ่อนจะล้มฟุบลงไปกับโต๊ะเรียบร้อยไปตามๆ กัน ส่วนคนคอแข็งก็สะลึมสะลือแบบเมาได้ที่และคงจะล้มลงอีกไม่นาน ส่วนคนที่ไม่ดื่มก็คงมีแต่เอเวียน่านี้แหละ

     

                ที่โต๊ะของเธอ อาหารหมดไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวอิ่มแปล้ แต่เธอนั่งดูการแข่งขันที่ว่าคอใครแข็งที่สุดซึ่งท่าทางใกล้จบเต็มทีแล้ว หลังจากที่นั่งอยู่เป็นเวลานานพอสมควร ผู้แพ้คนแรกคือเทพซีซัตสาวทิงกาเบล เธอไม่เคยคิดเลยว่าเบลจะดื่มเบียร์ด้วย อาจเพราะเอเวียน่าไม่ค่อยดื่มก็เลยไม่เคยเห็น และแทบจะในทันทีที่เบลฟุบ ฮอคซ์ และคริซโตเฟอร์ฟุบตามลงไปอีกสองคน

     

                ตุบ เสียงกระทบโต๊ะเบาๆ แสดงให้เห็นว่า คนที่สี่ก็ฟุบลงที่โต๊ะแล้ว เอเวียน่าหันไปดู และค่อยๆ ดึงแก้วเบียร์ที่เขาจับอยู่ออกจากมือของรองกัปตันหนุ่มผมบลอนด์ เหลืออีกสองคนเท่านั้น

     

                ฮึฮึ ถึงเวลาาา แล้วม้าง เพื่อนนนน เสียงของอัลบ่งบอกได้ว่าใกล้ถึงขีดสุดแล้ว เบียร์มาเสิร์ฟเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เอเวียน่าหันไปปฏิเสธเจ้าของร้านที่ส่งเบียร์มาให้เธอ ที่ดูเหมือนเขาจะคะยั้นคะยอให้เธอตลอดเวลา

     

                ยอมแพ้เถอออออ อ้าลลลล ไรอัลพูด เติมและดื่มเบียร์แก้วใหญ่หมดในรวดเดียว แล้วฟุบลงกับโต๊ะทันที

     

                อัลยิ้มทั้งๆ ที่ขอบตาแดงแล้ว อีกไม่นานนักเขาก็คงฟุบลงไปเหมือนกัน ฮึฮึ ข้าชาน้า เฮอะๆ เขาหัวเราะในลำคอ อาการเมาไม่แพ้กัน และเขาก็วางเบียร์ลง

     

                ดวงตาสีน้ำตาลดำหันมามองเธอ เอ...เวีย...น่า เขาเรียก และตัวเองก็ฟุบลงที่เก้าอี้ที่นั่งอยู่นั่น

     

                เอเวียน่าเข้าไปดู สลบเหมือดไปหมดแล้ว เธอเขย่าตัวเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี หญิงสาวรู้สึกว่าตอนนี้โจรสลัดพวกนี้อ่อนแอมากที่สุด อย่าให้เจ้ามีค่าหัวก่อนล่ะกัน เอเวียน่าคิด หญิงสาวเขย่าตัวกัปตันราฟาเอลว์อีกครั้ง เมื่อเธอนึกอะไรบ้างอย่างออก

     

                อัลๆ เธอส่งเสียงเรียก

     

                ฮือ ตาแดงๆ ลืมขึ้นมาและหลับลง

     

                เอเวียน่าเขย่าตัว พรุ่งนี้เจ้าต้องตอบคำถามข้าด้วย ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า อัลๆ เธอเขย่าอีกครั้งเพื่อเร่งให้เขาตื่น

     

                ฮือๆ อืมมมม เขาว่า ด้วยอาการเมาๆ

     

                ตกลงแล้วนะ และแล้วหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มก็แทบปล่อยร่างนั้นลงไปกองกับพื้นในทันที เอเวียน่าลุกขึ้นยืนมองหาคนที่ยังไม่หลับไป ซึ่งในบาร์ขณะนั้นมีผู้คนเหลืออยู่ราวสองสามคนที่ต่อสู้กับน้ำเมาชนิดนี้ แต่ส่วนใหญ่ยอมแพ้ให้กับมันเมื่อดื่มไปเป็นสิบๆ ขวด และเธอก็มองเห็นกัปตันซีกัลไวท์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง เอเวียน่าเดินเข้าไปหาเขาทันที

     

                หญิงสาวที่อยู่ในร่างของบุรุษเดินเข้าไปหาริชาร์ด นั่งลงข้างๆ เขา เอเวียน่ามองตากษัตริย์แห่งท้องทะเล คงเพราะอากาศที่นี้เย็นสบาย เจ้าของร้านเมื่อรับแขกเช่นพวกโจรก็ไม่บ่นอะไร ชาวบ้านดูเป็นมิตรดี ถึงแม้พวกเขาจะไม่พอใจโจรสลัดบางคนที่รังแกพวกเขาก็เถอะ อยู่ที่นี่คงทำให้โจรสลัดหลายคนสบายใจ เลยหลับกันสบายกันไปเป็นแถบๆ ริชาร์ดผู้เป็นกัปตันก็เช่นกัน ใบหน้าและตาของเขาแดงได้ที่ อีกไม่นานก็คงหลับไปอีกคน

     

                ผู้เป็นกษัตริย์แห่งท้องทะเลหันมายิ้มให้กับเธอ เป็นงายบ้าง เอเวียน่า

     

                ไงท่านกัปตันซีกัลไวท์ เธอยิ้มฝืดๆ

     

                ข้าโอเค แต่ท่านดูท่าทางไม่เลยนะ หญิงสาวขมวดคิ้ว

     

                ริชาร์ดหัวเราะในลำคอ ฮึๆ เจ้ามีอารายหรือเปล่า เขาถาม

     

                เอเวียน่าแกะคำพูดแต่ละคำอย่างลำบาก ข้าอยากถาม...เอ่อ เธอลังเลนิดนึง

     

                ...ท่านทำยังไงกับลูอิซ

     

                ดวงตาซึ่งบัดนี้เห็นสีแดงของเส้นเลือดหันมามองที่เธอ อ๋อ! ช่าย ต้องขอโทษด้วยที่มานมารบกวนจ้าว ริชาร์ดกล่าวรับเบียร์อีกแก้วจากเจ้าของร้านที่บริการอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้เหลือเพียงกัปตันซีกัลไวท์เท่านั้นที่ยังดื่มอยู่ แต่คงอีกไม่นานเขาคงเป็นเหมือนลูกเรือทั้งหลายและกัปตันราฟาเอลว์เป็นแน่

     

                อ้าลบอกข้านาเอิ๊ก

     

                ไม่เป็นไร เอเวียน่าตอบ

     

                ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านทำยังไงกับเขาบ้างเท่านั้นเอง

     

                ฮือ...ข้าจับมานลงทาเลไปแล้วล้า เขาพูดและยกเบียร์ขึ้นดื่มอีก

     

                งั้นเหรอ เอเวียน่าพึมพำ แล้วท่านไม่คิดว่าเขาจะรอด... เธอต้องหยุดคำพูดเอาไว้แค่นั้น เมื่อหันไปเห็นว่ากษัตริย์แห่งท้องทะเลหลับไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวมองหาคนที่เผื่อว่าจะมีคนที่ยังไม่หลับ แต่ไม่มีใครเลยซักคนเดียว เอเวียน่าลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างอารมณ์ไม่ดี

     

                รู้รึเปล่าว่าค่าหัวกษัตริย์แห่งท้องทะเลมีเท่าไรกัน เอเวียน่าพึมพำในลำคอ

     

                หนึ่งล้านกับอีกสองหมื่นกาลัฟท์เชียวนะ และเธอก็ลุกไปนั่งที่โต๊ะของเธอ และนั่งลงอย่างเบื่อๆ

     

                แล้วคืนนี้จะทำอะไรต่อดีล่ะ เอเวียน่าคิด สายตามองไปที่กัปตันราฟาเอลว์ที่หลับไม่ได้สติ

                พรุ่งนี้ก่อนเถอะ ข้าจะปอกให้หมดเลยคอยดู เธอคิดอย่างไม่พอใจ

     

                ภายในบาร์มีเหลือเพียงเสียงกรนอย่างมีความสุขของลูกเรือ หญิงสาวเงี่ยหูไปด้านนอกก็มีเพียงแต่เสียงของสายลมและแมลงกลางคืน เหล่าชาวบ้านคงเดินทางเข้าสู่แดนนิทรากันไปตามๆ กัน แล้วคงใกล้ถึงเวลาที่จะปิดบาร์แห่งนี้แล้ว

     

                เจ้าของร้านบาร์ซึ่งเป็นชายวัยสี่สิบกว่ากับภรรยาเดินเข้ามาหาเธอหลังจากที่เก็บขวดเบียร์เปล่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาคงมาบอกเธอว่าจะปิดร้าน และเธอจะทำยังไงกับเหล่าโจรสลัดพวกนี้ดีล่ะ

     

                แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลย เอ่อ...รับอะไรมั๊ยล่ะครับ ท่านชายไม่รับเบียร์ไปทานเสียหน่อยเหรอครับ

     

                เอเวียน่าขมวดคิ้ว เดี๋ยวๆ มันชักแปลกๆ แล้วนะ เจ้าของร้านคนนี้พยายามยัดเยียดเบียร์ให้เธออยู่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่เธอปฏิเสธโดยไม่เอะใจอะไร แต่ว่า

     

                แปลก เอเวียน่าคิด

                มันจงใจไปรึเปล่า หญิงสาวมองหน้าชายวัยสี่สิบอย่างหาคำตอบ แล้วสายตาก็เลยไปมองหน้าภรรยาของเขา ที่เอเวียน่าเห็นคือดวงตาที่มีแววของความกังวลและเป็นห่วงมองมาที่ผู้เป็นสามี และเอเวียน่าก็กลับมองมาที่ชายผู้เป็นสามีอีกครั้ง

     

                ไม่ล่ะ เอเวียน่าตอบ

     

                ไม่รับซักหน่อยเหรอครับ ชายคนนั้นประสานมือท่าทางหวาดๆ อยู่เหมือนกัน

     

                ทำไมเจ้าต้อง... เอเวียน่าสงสัยมากขึ้นอีก

     

                หรือว่า!!…เธอลุกขึ้นยืนทันที และหญิงสาวก็ตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจท่าทางของเจ้าของร้าน เอเวียน่ารู้ว่าที่ประตูต้องมีคำตอบให้เธอเป็นแน่

     

                หากชาวบ้านเหล่านี้เกลียดและหวั่นเกรงโจรสลัดล่ะก็ คงสามารถทำทุกอย่างเพื่อกำจัดพวกเขาออกไป แล้วที่สำคัญคนที่เป็นผู้ควบคุมคนเหล่านั้นต้องเป็นมิตรภาพคือที่พึ่งพาและไว้ใจได้ นั่นก็คือ ปัง!’ เอเวียน่ากระแทกประตูเต็มแรง

     

                ...นักล่าหัวโจรสลัด!!!

     

                นอกร้านบาร์ตอนนี้มีเพียงแต่ความมืด มันมืดจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย แม้แต่ดวงไฟจากในร้านก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทัศนียภาพรอบๆ ทุกๆ อย่างมีเพียงความมืดเท่านั้น ...และเอเวียน่าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา คราวนี้คบเพลิงหลายดวงถูกจุดขึ้นมา ชายหลายคนหลากหลายวัยก้าวเท้าเข้ามาล้อมหน้าร้านไว้จนไม่มีที่ให้หลบหนีได้เลย

     

                ทุกอย่างเป็นกับดัก เอเวียน่าคิดอย่างเหงื่อตก

     

                พวกเขาทุกคนมีอาวุธพวกดาบ ไม้ หรือกระบอง แค่นี้ก็พอเดาจุดประสงค์ของพวกเขาได้ง่ายๆ พวกเขาสามารถทำให้โจรสลัดที่อาจจะฆ่าใครมานักต่อนักติดกับได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน ทั้งๆ ที่อัลเดาใจคนได้เก่ง ริชาร์ดก็ผ่านการต่อสู้มามากมาย หรือกระทั่งเธอกลับไม่มีแม้แต่ลางสังหรณ์ แค่ถือว่าเธอโชคดีที่ไม่ดื่มเบียร์เท่านั้น

     

                ตอนกลางวันท่าทางของชาวบ้านดูเป็นมิตรและอบอุ่น กับการที่เหล่าราฟาเอลว์ถูกหญิงสาวรายล้อมก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงได้ แต่ตอนกลางคืนนี้สิ สายตากลับกลายเป็นรังเกียจ

     

                หญิงสาวกวาดสายมองดูรอบๆ ผู้คนไม่มากเกินกว่าที่จะสู้ แต่พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาๆ เท่านั้น เป็นคนที่สู้เพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อเงิน

     

                และกลุ่มของคนที่อยู่ตรงหน้าเธอก็เปิดทาง ให้กับคนๆ หนึ่ง คงเป็นผู้นำคนกลุ่มนี้ เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา สายตาของเอเวียน่ามองการมาของเขาอย่างสนใจ ฉับพลัน! เธอก็หลบการปะทะจากด้านหลัง ทำให้ชายผู้นั้นเสียการทรงตัวพุ่งไปด้านหน้า มือเล็กๆ ฟาดลงไปยังคอของผู้ที่ปองร้ายเธออย่างรวดเร็วและแม่นยำ

     

                ชายเจ้าของร้านบาร์ผู้ที่คิดจะเอาขวดเบียร์ในมือฟาดศีรษะเธอเมื่อครู่ ล้มลงไปกองกับพื้นไม่สามารถขยับตัวได้เนื่องจากการหญิงสาวกดโดนจุดพอดี เอเวียน่าเหล่มาทางภรรยาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง ไม่ไปดูสามีเจ้าเหรอ เธอกล่าวเบาๆ และหญิงผู้นั้นก็เข้าไปหาสามีที่ไร้เรี่ยวแรง และพยุงเขาออกไป และดวงตาสีชาก็หันมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง

     

                เท้าก้าวออกมา ชายรูปร่างสูง มือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ไม่มีอาวุธ เมื่อเขาก้าวเข้ามาหาแสงสว่างของคบเพลิง ทำให้เห็นดวงตาและเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน เอเวียน่าไม่แปลกใจเลยเมื่อรู้ว่าชายคนนั้นคือคนที่เธอเห็นเมื่อตอนกลางวัน เธอคิดว่าหากจะหาใครซักคนหนึ่งซึ่งเป็นนักล่าหัวล่ะก็ คงเป็นชายผู้ที่ถูกเรียกว่าเอเวินท์คนนี้

     

                เอเวียน่ามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เป็นมิตร แต่ใบหน้าของเขากับมีรอยยิ้มนิดๆ เมื่อมองมาที่เธอ หญิงสาวถอนหายใจ คนใจเย็นอีกคนแล้วซิ หญิงสาวต้องนึกถึงกัปตันแห่งราฟาเอลว์ขึ้นมาทันที

     

                ใบหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของชายตรงหน้า บอกได้เลยว่าเขามั่นใจในตัวเองสูงทีเดียว แล้วฝีมือเขาคงไม่ธรรมดาจากที่เธอเห็นในตลาดเมื่อตอนกลางวัน หวัดดีคำแรกของชายที่ถูกเรียกว่าเอเวินท์เป็นคำทักทาย เอเวียน่าไม่ใส่ใจ เขาเลยพูดต่อ

     

                นี่เจ้าไม่คิดจะทักทายข้าเลยเหรอไง

     

                หญิงสาวหน้านิ่ง ทำไมช่วงนี้เธอถึงเจอแต่คนอย่างนี้ อัลเดียวคนก็จะตายอยู่แล้ว หมอนี่ดันโผล่มาอีก ข้าต้องบ้าตาย แหงๆ เอเวียน่าคิดอย่างปวดหัว อดไม่ได้ที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้

     

                ข้าไม่มีความจำเป็น เอเวียน่าตอบ

     

                ...เจ้าต้องการอะไร

     

                เอเวินท์ยิ้มแต่ในสายตาเอเวียน่ามันไม่น่าไว้ใจ เจ้าก็น่าจะรู้ เขาว่า

     

                หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ ข้ารู้ เธอยิ้ม ความเงียบปกคลุมพื้นที่แห่งนั้น เหล่าชาวบ้านนิ่ง สนใจการปะทะคารมของคนเบื้องหน้า เมื่อคนทั้งสองคนต่างไม่มีใครยอมใคร ใครจะเป็นฝ่ายที่หมดความอดทนก่อนกัน ถ้าเป็นสถานการณ์แบบนี้บนเรือราฟาเอลว์ เอเวียน่าต้องได้ยินเสียงโยนเหรียญแล้ว ซึ่งนั้นทำให้เธอหงุดหงิดทุกที แต่ว่าที่นี่กลับมีแต่ความเงียบ นั่นสิค่อยน่าท้าทายหน่อย

     

                เจ้าวางแผนเอาไว้ทุกอย่าง…”

                แต่ไม่ใช้ยานอนหลับ และอาวุธ เขากล่าว

     

                เอเวียน่าสบตาสีน้ำตาลอ่อน ไม่ใช้ก็เหมือนใช้ เสียงของบุรุษกล่าว

     

                มันเป็นวิธีของคนฉลาด เอเวินท์พูดอย่างภูมิใจ

                แต่มันก็เป็นวิธีของหมาขี้ขลาดเช่นกัน เอเวียน่าตอบกลับแทบทันที

     

                ชายหนุ่มเสยผมสีน้ำตาลอ่อนขึ้น หัวเราะออกมาเบาๆ เจ้าไม่กลัวตาย เขาพูด

     

                เอเวียน่ายิ้ม สิ่งที่ข้ากลัวมีสองอย่างก็มากเกินพอ

     

                ชายนักล่าหัวลังเลอยู่นิดนึง ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว...อยู่ที่ว่าเจ้าจะตายยังไง เขาว่า ก่อนที่จะมองไปทางบุรุษผมสีน้ำตาลเข้มร่างเล็กตรงหน้า

     

                เจ้ากลัวอะไร

     

                หญิงสาวเหล่ไปทางคบเพลิงที่ชาวบ้านถืออยู่ และตัดสินใจพูดออกไป ...น้ำกับไฟเธอพูดเสียงเบา

     

                เอเวินท์เลิกคิ้ว เขาไม่เคยคิดว่าใครคนไหนจะกล้าบอกถึงจุดอ่อนของตัวเอง หมอนี่เป็นคนโง่เง่า หรือเป็นคนที่มั่นใจในความสามารถของตัวเองกันแน่ ความคิดของเขารู้สึกทึ่งๆ ในท่าทีของเด็กหนุ่มตรงหน้า เจ้าจะไม่ตายด้วยสองสิ่งนั่น เขายิ้ม

     

                บางที... เอเวียน่าในร่างของเด็กหนุ่มพูด

     

                ...เจ้าอาจไม่ใช่หมาขี้ขลาดซะทีเดียว

     

                รอยยิ้มไม่หายไปจากใบหน้านั้นตลอดเวลาที่พูดคุยอยู่กับเธอ โจรสลัดเก่งกาจ หากไม่ทำเช่นนี้ฝ่ายตายจะเป็นเราเขาว่า

     

                ข้าแค่ใช้พลังของตัวเองนิดหน่อย ก็สามารถตัดหัวพวกนั้นได้ง่ายๆ... สายตามุ่งมั่น มองมือของตัวเองที่ยกขึ้นมากำช้าๆ ราวกับอำนาจทุกอย่างอยู่ในกำมือนั้น

     

                พลังอะไรของเจ้า เอเวียน่ามองกำมือของเขาตามอย่างอดไม่ได้

     

                เอเวินท์เดินเข้ามาก้าวหนึ่ง เอเวียน่าถอยหลัง พลังที่ทำให้พวกเจ้ารู้สึกสบาย รู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกสงบ เมื่ออยู่ที่นี่ไงล่ะ แสงของคบเพลิงเข้าไปอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อน

     

                ทำให้เจ้ารู้สึกว่าที่นี่เป็นมิตรกับพวกเจ้า ของที่เป็นอันตราย ดาบ ปืน หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ควรอยู่ที่นี่ พูดง่ายๆ... เขามองเธอ

     

                ...คือทำให้ลางสังหรณ์ที่จำเป็นสำหรับนักรบแห่งท้องทะเลอย่างพวกเจ้าหายไปไงล่ะ คำพูดทุกคำเหมือนมีมนต์ สายตาของเขาเหมือนเจาะทะลุทั่วร่างกาย ทุกสิ่งในตัวเอเวินท์เหมือนพยายามดึงความหวาดกลัวออกมาจากตัวเธอ ทุกสิ่งรวมถึงสิ่งรอบๆ ด้าน มันเป็นความเงียบที่สร้างความกดดันอย่างประหลาด

     

                เอเวียน่ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามบอกให้ตัวเองใจเย็นเข้าไว้ คนๆ นี้ถูกเรียกว่าเอเวินท์ ชายนักล่าหัวที่ฆ่าโอคาลอท...ย่อมไม่ธรรมดา

     

                เขายิ้ม ...แต่เจ้าก็ไม่เป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มว่า

     

                เอเวียน่ายิ้มตอบด้วยท่าทีสงบแม้จะทำได้ยากก็ตามที ลางสังหรณ์ของข้าคงดีกว่าคนอื่นๆ เธอกล่าว

     

                ชายหนุ่มเดินเข้ามาช้าๆ เจ้าควรหลีกทาง

     

                ถึงชายผู้นี้จะน่าหวาดกลัว แต่เอเวียน่าก็คิดว่าเขาคงไม่ใช่คนแบบที่เธอคิด เขาไม่น่าใช่เอเวินท์ นักล่าที่ฆ่าโอคาลอท เจ้าไม่ฆ่าข้าเหรอ เธอถาม

     

                เจ้าคงตายอย่างรวดเร็ว คำพูดที่เหมือนมนต์สะกด เปลวไฟในดวงตาทำให้ใครหวาดได้ง่ายๆ

     

                เอเวียน่ายิ้ม คราวนี้เป็นรอยยิ้มที่ดูเย็นชา การที่เจ้าฆ่าใครมานักต่อนักทำให้เจ้ามั่นใจว่าจะฆ่าได้หมดทุกคนบนโลกงั้นเหรอ... เสียงของบุรุษว่า

     

                ข้าบอกให้นะ ในนั้นมีโจรสลัดราวร้อยยี่สิบคน คนพวกนั้นมีฝีมือไม่แพ้กัปตันเรือทั้งสองของพวกเขาเลยซักนิด แล้ว...

     

                ...แต่พวกนั้นหลับไปเพราะฤทธิ์เหล้าหมดแล้ว เอเวินท์ต่อ

     

                เจ้าแน่ใจได้ไง เอเวียน่าถามทันที

     

                พวกนั้นอาจให้ข้ามาดูต้นทางและดักรอสังหารเจ้าก่อนที่เจ้าจะเข้าไปก็ได้ เธอยิ้มให้กับใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงของชายตรงหน้า

     

                เอเวินท์ผู้ที่เคยมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด แต่เมื่อเขามองมาที่เอเวียน่า ชายหนุ่มก็ยิ้มอีก

     

                มั่นใจจนน่ากลัว เอเวียน่าคิด

     

                งั้น... เขาหยุดพูดแปบนึง ใช้มือเกาคางเบาๆ

     

                “…คงต้องสังหารเจ้าก่อนสินะ

     

                เจ้าแน่ใจเหรอ

     

                เขาสงสัยกับคำถามของเธอครู่นึงก่อนตอบ ข้าแน่ใจว่าในนั้น เอเวินท์ชี้ไปที่บาร์ที่อยู่ด้านหลังเธอ

     

                ไม่มีใครซักคนที่ตื่น ถ้ามีคนตื่นหรือมีคนไม่ดื่มเบียร์ เขาคงออกมากับเจ้าแล้ว แต่นี่...ไม่มีซักคน แล้ว... เขายิ้มอย่างมั่นใจ

     

                ...ข้าก็มีลางสังหรณ์เหมือนเช่นเจ้า...ฉะนั้นเจ้าถอยไปซะ เขาสรุปพร้อมออกคำสั่งเสร็จสรรพ

     

                แต่สายตาของเอเวียน่าไม่ได้เปลี่ยนแปลง ไม่สะทกสะท้านกลับสิ่งที่ได้ยิน ที่ข้าพูด หมายถึง...

     

                ร่างของเด็กหนุ่มในสายตาสีน้ำตาลอ่อนนิ่ง ไม่สั่นเหมือนคนที่เคยเจอ ทำให้เอเวินท์รู้สึกสนใจในตัวเขาไม่น้อย

     

                ...เจ้าแน่ใจเหรอว่าจะสังหาร...ข้าได้เสียงเย็นชาของบุรุษนั้นก็สามารถทำให้ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ ขนลุกซู่ไปตามๆ กัน

     

                ความเงียบยังคงดำเนินต่อไป กลางคืนยังไม่มีทางจบง่ายๆ ชายผู้ที่มีนามว่าเอเวินท์นั้นคงไม่มีทางรู้เลยว่าบุรุษที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นเช่นเดียวกับตัวเขา...นักล่าหัวโจรสลัด

     

     

    */*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×