ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Wingdom ผจญภัยล่าES สุดขอบโลก

    ลำดับตอนที่ #2 : EX 1 บทเปิด 7.1/10

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 56


    EX-01

           

            ณ ฉากเงาสีดำสนิทปกคลุมไปทั่วทั่งห้อง มีใบหน้าของครอบครัวหนึ่ง ทีประกอบไปด้วย หญิงสาวผู้เป็นแม่ซึ่งยืนอยู่ทางซ้ายของห้อง อีกฝั่งเป็นชายหนุ่มผู้เป็นพ่อยืนอยู่ทางขวาของห้องเช่นกัน ลักษณะของทั้งสองเป็นดั่ง "ภาพขาวดำ" ไม่สามารถที่จะบ่งบอกอายุได้ มองไปนานเพียงใดก็ไม่อาจที่จะเห็นใบหน้าของทั้งสองคนได้  

           

            "ฆ่ามันซะ  "  เสียงหนึ่ง ดังออกมาจากปากฝ่ายชาย      

           

           

            ใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นพ่อนั้น แดงกร่ำร้อนรน บ่งบอกไปด้วยท่าทีที่ร้อนใจราวกับน้ำร้อนที่เดือดพ่านได้ทุกเวลา  ลำแขนของชายหนุ่มขยับขึ้นมาตั้งฉากบริเวณไหล่ของหญิงสาวฝั่งซ้าย

           

           

            ฝ่ามือของฝ่ายชาย ได้ดันร่างอิสตรีหญิงสาวให้ล้มลงกับพื้น ชายหนุ่มมีสีหน้าไม่พอใจ

           

             "ทำไมถึงได้ ใจดีกับไอเด็กปีศาจนั่น ถึงมันจะเป็นลูกเรา..ก็ตาม"

           

            พึ่บ! ร่างของหญิงสาวได้หล่นกระแทกกับพื้น เกิดเสียงกระแทกดังพอสมควร  ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ยังคงชี้หน้าต่อว่าหญิงสาวที่ล้มลง

           

            "ไอเด็กเวรนั่นคือความอัปยศของหมู่บ้านริชาค ต้องฆ่ามัน เธอก็รู้นี่  ไม่เช่นนั้นครอบครัวของเราจะเดือดร้อน จะให้คนในหมู่บ้านมารู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด .. "    

           

            เสียงของชายหนุ่ม ยังคงต่อเนื่องและดังขึ้น เรื่อยๆ อารมณ์ของชายหนุ่มก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน  

     

            "พ่อเชื่อ คำทำนายของหมอตาทิพย์คนนั่นรึ"

           

            น้ำตาของหญิงสาว ได้ไหลรินออกมาตามใบหน้า ภายใต้เงาหน้า ที่ดำสนิท ได้มีน้ำตาสีขาวที่ไหลทอดยาวลงมาจรดพื้น  ถึงแม้ภาพที่เห็นจะดูเป็นภาพขาวดำก็ตาม แต่ความโศกเศร้า ที่กลั่นออกมาจากใจนางบ่งบอกได้ว่า สตรีผู้นี้ มีความห่วงใยลูกของตนมาก

           

    ถึงแม้ จะเป็นภาพขาวดำแต่ภาพจริงๆแล้ว สตรีผู้นี้ลำตัวควรจะเต็มไปด้วยรอยแผลฟกช้ำ จากฝ่ายชาย

           

             "ทำไมต้องฆ่า ต้องแกง กันด้วย   ลูกของเราเพียงเกิดวันเดียวกับ วันที่ปีศาจ...."

            ก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ  เธอต้องหุบริมฝีปากของเธอไป  เพราะเธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ที่ดังมาจากภายใต้ริมประตู  เมื่อชายหนุ่มเห็นหญิงสาวหันจึงหันตาม ทั้งสองหยุดคารมไปซักพัก ต่างได้แต่ละสายตาไปจับจ้องต้นเสียงที่ได้ยิน

           

             

             แก้ง แก้ง  เสียงของแก้วน้ำกระทบพื้นดัง 2 จังหวะ ต่อเนื่องกัน มันกะทบกับพื้นไปมาและกลิ้งมาหยุด ที่ปลายเท้าทั้งสองของหญิงสาว  หากมองขึ้นผ่านไปยังช่องประตูซึ่งถูกแง้มทิ้งไว้อย่างบรรจง ก็จะพบกับร่างของเด็กหนุ่มประกายผมสีม่วง ที่มีท่าทีลับๆล่อๆ เด็กหนุ่มยังยืนจ้องมองมาในห้อง  อายุราวๆ 4-5 ปี  บริเวณตัวของเด็กหนุ่มสั่นไปมาทั่วทั่งตัว เหมือนกลับได้มาฟังเรื่องที่ตนไม่ควรจะได้รู้หรือได้ยิน    

           

            ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมขวาของห้อง นิ่งเงียบไปชั่วครู่  ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาจากปากเลยสักนิด

           

            "ลูก..."  หญิงสาวปาดคาบน้ำตาที่ไหลบนใบหน้าของตน   มือของหญิงสาวค่อยๆดันพื้นพยุงลำตัวขึ้นมาเพื่อที่จะลุกขึ้น  เท้าทั้งสองข้างของหญิงสาวก้าวเข้ามาหาเด็กหนุ่ม ที่ยืนอยู่ริมประตู

     

     

     บริเวณรอบห้องยังคงมืด เหมือนนิทานขาวดำ

            ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อ ที่มองมาพร้อมหญิงสาวเมื่อซักครู่ ได้แต่เบนหน้าหนีเด็กหนุ่ม  ปลายเท้าทั้งสองค่อยๆเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆ   ฝ่ายหญิงเห็นจึงสบายใจ นางได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบ บนบริเวณศีรษะของเด็กหนุ่มผมสีม่วง อย่างเอ็นดูด้วยความเป็นห่วง

           

            "จำไว้  แบคริส ลูกของแม่..ชีวิตคนเรา มีค่ายิ่งกว่าเงินทอง ลูกต้องไม่ให้ใครมากำหนดชะตาทางเดินลูก แม่รักลูกนะ แบคริสลูกรัก "             

           

            หญิงสาวพูดไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ภาพที่เห็นยังคงเป็นภาพโทนสีขาวดำดั้งเดิมอยู่ ยกเว้นชายหนุ่ม ที่ยังคงมีตัวตนและมีสีสันอยู่ในภาพ

    ....

    .......

            ผ่านไปไม่กี่วินาที  ภาพโทนสีขาวดำที่เห็นก็ดับลง!  เพียงแต่มีประกายไฟสีแดงเพลิงพุ่งเข้ามาแทน  มันวิ่งลุกโชนตัดขวางภาพจอที่ดับลงไป  ความแรงของมัน เกิดเป็นประกายไฟลูกใหญ่ วิ่งเข้าเผาบริเวณโดยรอบของภาพอย่างรุนแรง จนจางหายไปอย่างสนิท เหลือเพียงแต่ความมืดมิดที่ยังคงตราตรึงให้เห็น  

            ภายในกรอบสี่เหลี่ยมที่มืดมิดเหมือนห้องดับจิต   กลับมีเสียงประกายไฟดังขึ้นอึกครั้งตามลำดับ เสียงของประกายไฟยังคงกระทบดังขึ้นเรื่อยๆ  จากเสียงเบาเริ่มดังขึ้นทีละนิด พรึบ ! พรึบ !  เสียงของกองไฟดังก้องออกไปทั่วรอบห้อง

    ฟู่!!!

            แสงสว่างสีขาวพลันปรากกฎขึ้น แสงมันสว่างมากพอที่จะสามารถส่องผ่านเข้ามาในม่านตาได้  ภาพสีขาวภายในหวงเวลา ค่อยๆจางหายไป

           

            ปลายตาของเด็กหนุ่ม  ถูกเปิดขึ้นอย่างช้าๆ ตามอัตโนมัติ     ทรงผมของเด็กหนุ่มเป็นทรงผมที่ดูกระเซิงมีกายประกายแสงสีม่วงอ่อนๆติดอยู่บริเวณปลายเส้นผม  ใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยเมล็ดเหงื่อมากมาย เพียงไม่กี่วินาที เหงื่อเม็ดใหญ่ที่เคยอยู่บนใบหน้า ก็ล่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ปลายเท้าของชายหนุ่มสัมผัสถึง บริเวณพื้นที่เต็มไปด้วยหินลูกรังที่ร้อนระอุมากมาย

           

            เด็กหนุ่มยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ เพื่อที่จะปาดเม็ดเหงื่อที่มากมาย บนใบหน้าให้ออกไป  ในใจของชายหนุ่มครุ่นคิด   

    ' ภาพก่อนหน้านี้มันเป็นความฝันใช่ไหม  '

           

            "พ่อ..แม่..เสียงสองเสียง ได้ถูกพูดขึ้นจากปากของเด็กหนุ่ม ที่เอ่ยออกมาจากความฝันเมื่อซักครู่  ชายหนุ่มค่อยๆพยุงร่างตัวเองขึ้น ทั้งที่ตา ยังคงมองอะไรไม่ค่อยชัด  ความรู้สึกที่ได้รับได้แต่บอกว่า ที่นี่มัน ทั้งร้อนและอึดอัดมาก ชายหนุ่มพยายามบังคับปลายตา ให้จ้องมอง ไปยังข้างหน้า เพื่อที่จะหาต้นเหตุของความร้อนที่เกิดขึ้น

     

    ฟู่ !!  เสียงประกายไฟที่ลุกโชน มีสีน้ำเงินเข้ม  มันเผาไหม้เป็นเส้นตรง  บริเวณโดยรอบ โดนเผายาวไปด้วยกองไฟสีน้ำเงินเข้ม เสียงการเสียดสีของแผ่นไม้และประกายไฟ ดังขึ้นถี่ๆ  มันคงเหมือนเสียง ที่เด็กหนุ่มเคยได้ยินก่อนที่จะลืมตา  

           

            เด็กหนุ่มพยายามตั้งสติ  ทั้งทีตัวมีเหงื่อไหลออกมาตามตัวมากมาย  มันคงไหลถี่ออกมาเรื่อยๆไม่ขาดสาย  ตาที่เลือนรางของชายหนุ่ม ค่อยๆปรับโฟกัสของดวงตา ให้เข้ากับแสงบริเวณโดยรอบ

           

            แก๊ก ! เสียงดังออกมาจากกองไฟ ทางขวา

             เด็กหนุ่มรีบหันหน้าไปจับจ้องต้นเสียงที่ได้ยิน ทันใดนั้นประกายไฟสีน้ำเงินก็แตกกระจายออก   สิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังเคลื่อนที่อยู่ในนั้น  ใบหน้าของมันโผล่ออกมาจากกองไฟสีน้ำเงินที่ลุกโชกโชน แต่กลับออกมาเพียงครึ่งหนึ่งของใบหน้า  ความแรงของมันสามารถทำให้  ไฟสีน้ำเงินกระจายตัวออก และพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ จนหลอมเหลวหายไปในอากาศ

            ตุบ!!! เสียงเท้าของมันที่เหยียบเข้ากลับแผ่นพื้น จนเกิดเสียงดังสนั่น

            ไฟสีน้ำเงินที่ปลายเท้าของมันกลับลุกซู่อีกครั้ง และพุ่งขึ้นฟ้ากระจายหายไปเช่นกัน เหลือเพียงร่างของต้นเสียงที่เด็กหนุ่มได้ยิน         

            เด็กหนุ่ม พยายามที่จะตรวจสอบลำตัวของมัน  รูปร่างของมันมีสีดำดั่งกับแรดข้ามสายพันธ์  เพียงแต่ตัวของมัน เป็นราชสีห์สูงใหญ่ ประมาณ 4-5 เมตร ลำตัวของมันเป็นกิ้งก่า มีร่องรูปุ๋มๆอยู่หลายหลุมตามตัวของมัน ลำตัวมันมีสีแดงกร่ำ หางเป็นของมันเป็นสัตว์เลื้อยคานที่มีหนามเหลวเท่ารูเข็ม  และสุดท้าย เปลวไฟสีน้ำเงินที่ล้อมรอบทุกส่วนบนร่างกายของมันทำให้มันให้ดูสง่างามขึ้นกว่าเก่า แต่เป็นเพียงประกายไฟอ่อนๆเท่านั้น 

            ปากของมันยังคงขยับไปมาเพื่อพูดกับเด็กหนุ่ม บริเวณปากของมันเผยเขี้ยวเล็บที่คมดั่งดาบยักษ์ให้เด็กหนุ่มได้เห็น

            ฐานะที่เจ้าเหลือเพียงคนเดียวในหมู่บ้านนี้ ข้ามีอะไรจะเสนอแก่เจ้า ระหว่างข้อแรก จงสู้กับข้าจนตัวตาย หรือจงวิ่งหนีจากข้าไปให้ไกลที่สุด 

     

            เสียงที่น่าเกรงขามของมัน ดังสนั่นไปทั่วท้องบริเวณนี้ แต่ความดังของเสียง กลับเป็นตัวทำให้เด็กหนุ่มได้สติกลับมาแทน ร่างของเขาพยายามที่จะลุกขึ้นอย่างช้าๆ แววตาจับจ้องไปที่สิงโตที่มีลำตัวแปลกประหลาด

           

             เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจอะไร ได้แต่หันไปมองบริเวณรอบตัว ในตอนนี้ดวงตาของเด็กหนุ่ม เริ่มคุ้นเคยกลับแสงไฟรอบๆตัวแล้ว เขาจึงสามารถที่มองเห็นได้ชัดขึ้นในระดับหนึ่ง

             ภายใต้กลางกองไฟสีน้ำเงินเข้มที่ท่วมลุกโชนรอบหมู่บ้านตลอดเวลา   เด็กหนุ่มยังคงพยายามที่จะตรวจดูบริเวณโดยรอบให้แน่ชัด  เพื่อคายด้วยความสงสัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับที่นี่  พร้อมครุ่นคิดในใจ

     

    เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ ทำไมเราเหลือรอดคนสุดท้าย มันหมายความว่ายังไง   ก่อนที่เด็กหนุ่มจะครุ่นคิดต่อไป เขากลับหันไปพบเห็นอะไรบางอย่าง  

           

            ฟู่ ! !!  เสียงประกายไฟสีน้ำเงินลูกหนึ่ง ดังขึ้นมาจากภายในบ้านเพียงหลังเดียว ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ไฟสีน้ำเงินยังคงลุกไหม้เผาเศษไม้ภายในบ้าน สภาพตัวบ้านนั้น ไม่สามารถที่จะบรรยายรูปร่างได้ เพราะมันได้กลายเป็นเถ้าไม้ดำๆ ที่ถูกไหม้เกรียมไปเรียบร้อยแล้ว

     กรอบรูปใบหนึ่งปลิวลอยออกมาจากกองไฟภายในบ้าน ที่ถูกไหม้จนเกือบจะเป็นตะกอน  มันยังคงปลิวไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มาหยุดที่ปลายขาทั้งสองของเด็กหนุ่ม  สภาพรูปนั้นกลับถูกไฟเผาไปกว่าครึ่ง

    เด็กหนุ่มได้แต่มองไปในภาพ ต่างเข้าใจทุกอย่างดี รูปใบนี้บ่งบอกเหตุการณ์ไปกว่าครึ่ง ทำให้เขามั่นใจว่าที่นี่คือ หมู่บ้านริชาค ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียว ที่อาศัยอยู่ภายใต้เนินเขาริชาค ถ้าบ้านหลังนี้ตั้งบนเนินเขา...แสดงว่า ..

    เด็กหนุ่มคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ กลับมองลงไปในภาพที่ปลิวออกมา เขาคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ ภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพของหมอตาทิพย์ นักทำนายเอกของหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านริชาคต่างเคารพรัก    เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น เมื่อมองไปข้างล่างของเนินเขา จากที่เคยเป็นหมู่บ้านหลายหลังที่เรียงชิดติดกัน บัดนี้มันได้จางหายไปแล้ว  เหลือทิ้งไว้ เพียงกองไฟสีน้ำเงินลูกใหญ่ ทีสังเวยคนทั้งหมู่บ้านเท่านั้นเอง เขาจึงเข้าใจถึงความหมายของการเหลือรอดเพียงผู้เดียว

              “แก…”   

            หมัดในมือของเด็กหนุ่ม ถูกกำแน่นเต็มไปด้วยโทสะ เท้าที่เคยไร้เรี่ยวแรง กลับกระแทรกพื้นและใช้ปลายนิ้วถีบพื้นที่ร้อนระอุ เพื่อพุ่งไปข้างหน้า โดยไม่สนใจความร้อนที่เกิดขึ้น ความกลัวทั้งหมดถูกสลัดหายไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ร่างของเด็กหนุ่มลอยขึ้นเหนือพื้น ในระยะเพียงสองเมตร ปลายตาชายหนุ่มปิดลง เพื่อตั้งสมาธิที่จะหมายเอาชีวิตของสับประหลาดข้างหน้า จากนั้นฝ่ามือที่เคยเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อก็กลางออกยาวขนานพื้น มือยังคงกำหมัดแน่นและเล็งขึ้นไปตั้งฉากกับเป้าหมาย    

            ชีวิตของคนในหมู่บ้าน ชั้นต้องเอาคืนให้ได้

            คำพูดดังกังวาน สนั่นไปทั่วทั้งกองเพลิง เต็มไปด้วยด้วยความมุ่งมั่น  แต่สับประหลาดข้างหน้าไม่มีท่าทีที่จะกลัวเขาเลยซักนิด ได้แต่ยิ้มเยาะเย้ย ไม่ได้สนใจอะไรเลยซักนิด

            หมัดของชายหนุ่มพุ่งออก แหวกอากาศ ตัดประกายไฟสีน้ำเงินเข้มให้กระจายออก หมัดแห่งความมุ่งมั่น ยังคงพุ่งเป็นเส้นตรงขนานเข้ากับชั้นอากาศ ไม่กี่วินาทีหมัดนั้นก็หยุดลงเข้ากะทบกับเป้าหมาย จนเกิดเสียงสนั่นดัง  ปัง!  เด็กหนุ่มยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่ปลายตาของเด็กหนุ่มประกายผมสีม่วงค่อยๆเปิดขึ้น เพื่อดูผลงานที่บรรเลงไป

     หัวเข่าเสียงเป้าหมายที่ประหมัดเมื่อซักครู่ ถูกเอ่ยขึ้นเบาๆจากปากของเด็กหนุ่ม

     เหงื่อเม็ดใหญ่ได้ไหลออกบนใบหน้า   จากนั้นหมัดของเด็กหนุ่มที่อยู่ บริเวณลำเข่าของหนังกิ้งก่า ก็เริ่มที่จะขยับไม่ได้ อาการชาวิ่งเข้าตัวแขนไปขึ้นทีละนิด ฝีหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เขาจึงพยายามที่จะขยับมือออก

    ทำอะไรของเจ้า เจ้าผู้เหลือรอดคนสุดท้าย  คิดจะสู้กับข้าจริงๆนั้นรึ จะไม่ทบทวนทางเลือกใหม่….” 

    สับประหลาดหน้าสิงโตก็ต้องชะงักไป มันหันไปมองเด็กหนุ่มที่เกาะบนหัวเข่าของมัน ไล่ใช้หมัดที่ชากะด้าง ทุบรัวๆถี่ๆ บนบริเวณหัวเข่าของมัน  เพียงแต่มันไม่ได้ขยับลำตัวที่เป็นกิ้งก่าของมันเลยซักนิด ย๊ากกก !!” เสียงออกแรงทุบถี่ๆของเด็กหนุ่มยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ

    จากที่เจ้าสับประหลาดไม่เคยแม้แต่จะใส่ใจ แต่การกระทำของเด็กหนุ่ม กลับทำให้มันเกิดความรำคาญ ที่มีอะไรต่อมิอะไรเล็กๆเบาเหมือนใบหญ้า ไปทิ่มหัวเข่าของมันรัวๆ  

    พรึบ!!! ประกายไฟสีน้ำเงินเข้ม พุ่งออกมาจากบริเวณตรงเข่าสับประหลาด มันวิ่งด้วยความเร็วสูงจนเห็นเป็นรูปฝ่ามือปีศาจสีน้ำเงินและพุ่งขึ้น เสยบริเวณคางของเด็กหนุ่มอย่างฉิวเฉียด เกิดเสียงดังเบาๆ แต่มันทำให้ร่างของเด็กหนุ่ม เสียการทรงตัว ร่างเด็กหนุ่มผมม่วงล่วงหล่นลงสู่พื้นที่เป็นหินลูกรัง   ปัง!! เสียงลำตัวของเด็กหนุ่มกระทบพื้น 

            "อั้ก จะ...เจ็บโว้ย"

            หยดโลหิตหลั่งไหลออก บริเวณริมฝีปากของเด็กหนุ่ม เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยฉีกขาดจากรอยไหม้ฉกรรจ์ ลำตัวของเขา ยังคงนอนแผ่อ้ารับลมหายใจออกมาถี่ๆ ในหัวต่างครุ่นคิด ถึงเรื่องที่สับประหลาดนั่นเสนอ

     ' มันบอกว่ามีแต่สู้กับหนีเท่านั้นเอง ถ้าเป็นคนปรกติต้องเลือกหนีไปแล้ว'

            เด็กหนุ่มที่เพิ่งสังเกต ได้พยามยามที่จะตีเนื้อความ ที่กำลังคิดอยู่ สายตาของเขา ได้แต่มองหาทางที่จะหนีไปจากที่นี่ แต่แรงขาของเขาในตอนนี้เพียงจะขยับก็ไม่มีเลย ทั้งฝ่ามือที่ชา ก็เริ่มจะใช้การไม่ได้ เท้าก็ไร้เรี่ยวแรงหมดทางที่จะรอด

            บริเวณทางซ้ายของเนินเขา ได้ถูกจับจองไปด้วยแววตาของเด็กหนุ่มที่หันมอง เขาเห็นเพียงกองไฟสีน้ำเงินเข้ม ที่ตัดกำลังใจเขา เขาจึงหันไปทางขวา เพื่อที่จะสร้างความมั่น แต่ก็ได้พบกับกองไฟอีกลูกที่ยังคงลุกโชนอยู่เช่นเคย เด็กหนุ่มจึงเบนหน้ากลับมาหาสับประหลาดเช่นเดิม บนใบหน้าของเด็กหนุ่ม ได้พลันปรากฏเม็ดเหงื่อมากมายขึ้น จนเขาถึงกับมีใบหน้าที่ซีดเซา  

            "เจ้าคงเข้าใจแล้วสินะเด็กหนุ่มเพียงผู้เดียวแห่งริชาค ว่าตัวเลือกที่สอง มันไม่ช่วยอะไรเจ้าได้เลย ข้าคงหมดเวลาเล่นสนุกกับเจ้าพอสมควรแล้ว การกระทำเมื่อซักครู่ มันทำให้ข้าเริ่มที่จะเบื่อเจ้าแล้วเช่นกัน"

            ปากของสับประหลาดที่มีใบหน้าสิงโตเอ่ยขึ้น ด้วยท่าทีที่เบื่อหน่าย ดวงตาสีน้ำเข้มของมันลดต่ำลงจ้องมองไปที่ลำตัวของเด็กหนุ่ม  เท้าขวาที่ใหญ่ของมันถูกยกขึ้นอย่างองอาจเหนือศีรษะของเด็กหนุ่มถึง 3 เมตร

            เด็กหนุ่มพยักหน้าหนึ่งที ได้แต่หลับตาลงเตรียมใจ พร้อมที่ลาจากโลกนี้ไปกับกองเพลิงที่เผาหมู่บ้านตน ทันใดนั้น ภาพ...ภาพหนึ่งก็ปรากกฎขึ้นในหัวของเด็กหนุ่ม

     

            ย้อนไปสองวันก่อนในหมู่บ้านริชาค   ณ ทุ่งหญ้าเขียวขจียาว บรรยากาศยังคงถ่ายเทได้ดี มีลมพัดไปมาไม่ขาดสาย ที่นี่เป็นด้านหลังของภูเขาริชาคที่เงียบสงัด แต่ยังคงมีการปะมือของเด็กหนุ่ม กับชายชราผมทองผู้หนึ่งที่กำลังดุเดือด ชุดที่ใส่ของเด็กหนุ่มเป็นชุดผ้าใบธรรมดาสีขาวที่หาได้ทั่วไป ส่วนชายชราผมทองนั้นเป็นเสื้อกล้ามสีดำเข้มกางเกงยังคงเป็นกางเกงวอร์มรัดรูป ที่ช่วยให้ร่างกายของชายชราเคลื่อนไหวได้กำชับยิ่งขึ้น                          

           

            เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! เสียงการประมือดังสนั่นไปมา อยู่บนท้องหญ้าที่เขียวขจี แต่กลับเห็นเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น ที่ปะมือกับวัตถุลึกลับ ที่มีภาพพจน์เป็นก้อนกลมๆ

         

     โป๊ก!!! เสียงมือของชายชรา เขกลงบนบริเวณหัวของเด็กหนุ่ม

     

     

                    "อะ..โอ๊ย ..คุณลุงเมกก้า เขกหัวผมทำไม" เด็กหนุ่มร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าซุกซนของเด็กหนุ่ม ทำแก้มป่องใส่ลุงเมกก้าพร้อมแลบลิ้นใส่หน้าชายชรา

           

            "ไอบอกยูแล้วใช่ไหม  นักเล่นแร่แปรธาตุเค้าไม่ได้ใช้กำลังแบบยูที่ไปอัดก้อนหินหรอก"

           

            ลุงเมกก้าพูดขึ้น พร้อมถึงกลับต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ กับการกระทำของเด็กหนุ่ม

           

            "ยูดูนี่ มองมาที่มือของไอ "  

           

            สายตาของลุงเมกก้า จับจ้องเข้าหาเด็กหนุ่ม เพื่อที่จะบ่งบอกให้เด็กหนุ่มสนใจในสิ่งที่ตนจะแสดงให้เห็น  เมื่อเด็กหนุ่มมองกลับมาให้ความสนใจ ชายชราจึงกลับไปจับจ้องที่บริเวณฝ่ามือของตน  มือข้างซ้ายของชายชราถูกกางออกชั่วครู่ ไม้ช้าหมัดก็กำแน่นอย่างรวดเรียว ทันใดนั้นพลันเกิดแสงสีขาวใสวิ่งวนอยู่บนรอบแขน 

            "สิ่งนี้ถูกเรียกว่า มนต์ศิลาขาว  เป็นการดึงธาตุในร่างกายให้ออกมาใช้ป้องกันตัว มันถูกสร้างโดยสนามแม่เหล็กผ่านการเคลื่อนที่ของธาตุเหล็กในร่างกาย นี่ละพลังแปรธาตุของแท้ "

            พริ้ง!! แววตาของเด็กหนุ่มเจิดจรัสดุจแสงตะวัน จากนั้นเด็กหนุ่มก็กระโดดไปมาซ้ายทีขวาทีสลับกันไป "สุดยอด อยากทำได้มั่ง" เด็กหนุ่มโพล่งไปโดยไม่ได้คิด พร้อมกับแสงตาเจิดจ้าไปทุกรัศมี  ชายหนุ่มวิ่งพุ่งเข้ามาหาลุงเมกก้า เข่าทั้งสองซุกลงกระแทกพื้น

            "คุณลุงครับ สอนผมมั่ง" แววตาของเด็กหนุ่มยังคงอย่าเรียน

            "ทำไมยูถึง อยากเรียนการเล่นแร่แปรธาตุ"

            แสงสีขาวใสที่เคยวิ่งวนล้อมรอบฝ่ามือพลันหายไปชั่วขณะ สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องมาที่ชายชราอย่างไม่ขาดสาย จากนั้นเด็กหนุ่มก็สูดลมเข้าไปจนเต็มปอด มือทั้งสองกำและแบออกช้าๆ พร้อมตอบอย่างแน่วแน่

            "ผมจะเป็นซุปเปอร์แมนที่แปรธาตุได้ ผมจป็นได้ใช่ไหมครับลุง"

            บนใบหน้าของลุงเมกก้าถึงกับถอดสี พร้อมกับนำมือมากลุมศีรษะทั้ง 2 ข้าง เม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่ปรากกฎขึ้นบนใบหน้าค่อยๆไหลลงทีละนิด แสดงให้เห็นถึงใบหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ในหัวต่างครุ่นคิดถึงสมองของเด็กหนุ่มผมสีม่วงคนนี้ ว่ามันประกอบขึ้นด้วยอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้

           

            "ลุงเมกก้า เป็นไม่สบายรึเปล่าครับ"

            "เปล่า ไอแค่คิดว่าซุปเปอร์แมน  ยูน่าเป็นได้ ในความหมายของไอ คือซุปเปอร์มาจากคำว่า ยอด ส่วนแมน มาจาก ชาย รวมกันเป็น ยอดชาย "

            ร่างของลุงเมกก้าได้เดินเข้าไปลูบหัวเด็กหนุ่ม แม้หน้าตาเด็กหนุ่มจะส่อถึงการไม่เข้าใจถึงความหมายยอดชายก็ตาม แต่เด็กหนุ่มผมม่วงกลับยิ้มกลับมาอย่างสดใส "ผมจะเป็น" เด็กหนุ่มตามเสียงกะชับ

            "ถ้ายูเรียน ดังนั้นควรทบทวนสิ่งที่ไอทำไปเมื้อกี้นี้ก่อน"

     

     

             

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×