คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
เด็กสาวคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มหน้ากระจกและบางทีก็หันไปทางซ้ายทีบางทีก็หันไปทางขวาที โบกไม้โบกมือเป็นครั้งคราว แล้วก็หันมาจัดทรงผมบ้างเป็นบางครั้ง
พี่สาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักเอาแต่ส่ายหัวและสะกิดให้ผู้เป็นพ่อที่กำลังเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านดูเป็นเพื่อนว่าน้องสาวแปลกพิลึกอย่างไร
“บางทีน้องอาจจะอยากเป็นดาราก็ได้ อย่าไปขวางความคิดน้องเลย” ชายวัยกลางคน ผมทอง ร่างสูงเป็นผู้กล่าวด้วยสำเนียงแปร่งๆ
“เป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะพาน้องเขาสู่งวงการ” หญิงสาวผมหยิก นัยน์ตาออกสีน้ำตาลเข้ม ผิวสีแทนเป็นผู้กล่าว
“พ่อนี่ล่ะจะพาน้องไปแคชติ้งเอง พ่อพอจะรู้จักคนในวงการอยู่บ้าง”
“อย่างงี้ก็ง่ายสิคะ แค่ได้ยินชื่อพ่อก็คงให้น้องผ่านแล้ว”
“ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรนนี่ พ่อช่วยอะไรมากไม่ได้หรอก” ผู้เป็นพ่อกล่าวพร้อมกับมองไปยังกระจกที่ลูกสาวคนเล็กส่องอยู่
สาวใช้เดินก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นนำน้ำส้มมาเสิร์ฟให้เรนนี่
เรนนี่สาวน้อยหน้าหวาน ตาสวย รับน้ำส้มขึ้นมาดื่มพร้อมกับทำท่าสดชื่นสุดๆ สาวใช้เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ส่วนแอนนี่พี่สาวไม่รอช้ารีบส่งสายตาดุใส่สาวใช้ให้เลิกยิ้มน้องสาวเธอที่ชอบทำตัวประหลาดๆราวกับกำลังถ่ายโฆษณาอยู่
นี่คือ ครอบครัว ศิริทัศน์ ของนักธุรกิจชาวเยอรมันที่โอนสัญชาติมาเป็นคนไทยและใช้นามสกุลไทยของภรรยา ศิริทัศน์ ทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ สมาชิกในครอบครัวประกอบไปด้วย พ่อคลาส โวเทล ศิริทัศน์ แม่ลำดวน พี่ชายสองคนโตแดนนี่ และจอห์นนี่ และสาวสวยทั้งสองแอนนี่และเรนนี่ พี่ชายสองคนโตช่วยบริหารงานที่บ้านเพราะที่บ้านศิริทัศน์มีเครือข่ายส่งเฟอร์นิเจอร์หลายที่ทำให้ต้องแบ่งฝ่ายควบคุมดูแลให้เกิดการทั่วถึงในสถานที่ที่ต้องการกระจายสินค้าแต่ถึงกระนั้นทั้งสองหนุ่มก็เป็นคนที่ห่วงน้องสาวมากโดยเฉพาะน้องสาวคนเล็กที่มักจะมีหนุ่มจากโรงเรียนมาตามจีบถึงบ้านเสมอจึงวางกฎไว้ว่าถ้าพวกเขาไม่อยู่แอนนี่ต้องคุมเข้มไม่ให้หนุ่มหน้าไหนเข้าใกล้น้องได้เป็นอันขาด แต่ถ้าไม่สมารถดูแลได้ให้จ้างบอดี้การ์ดหญิงแบบโหดๆมาคุ้มกันทำให้ตอนนี้มิสามารถมีหนุ่มคนไหนเข้ามาใกล้ประตูหัวใจเรนนี่ได้เลยสักคน
ณ ร้าน ขายก๋วยเตี๋ยวริมถนนแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังขะมักเขม้นกับการใช้ปากกาขีดเขียนลงบนสมุดบันทึกเล่มหนึ่งจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ที่เรียกใช้
“ไอ้ป้อง ไอ้ป้อง” ชายหนุ่มเก็บสมุดเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรลอยมาถูกหลัง สิ่งนั้นคือตะกร้านั่นเอง
เขาหันไปมองทางแม่ที่มองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มเหมือนจะแยกเขี้ยวออกมากินเขาเสียมากกว่า
“มีอะไรหรือเปล่าแม่”
“ไปเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวลูกค้ารออยู่”
“ครับแม่”
ชายหนุ่มเดินไปยังรถเข็นที่แม่ตั้งไว้บนฟุตบาทของริมถนน สภาพที่ตั้งรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวค่อนข้างคับแคบเพราะมีหลายเจ้าที่มาจับจองพื้นที่ตั้งหลายร้านเหมือนกัน ร้านของแม่เขาจึงมีโต๊ะตั้งแค่ 4 โต๊ะ ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับร้านอื่นๆ
ชายหนุ่มพอส่งบะหมี่ให้ลูกค้าเรียบร้อยก็เก็บชามโต๊ะอื่นมาล้างรวมกันกับชามก๋วยเตี๋ยวที่กองไว้ก่อนหน้านี้
ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาตบบ่าลูกชายเบาๆ
“เลิกล้มเถอะลูก ที่คิดฝันอยากจะเป็นนักเขียน ลูกก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาแข่งขันกันมากมาย น้อยคนมากที่จะประสบความสำเร็จในจุดนี้”
“แม่ครับไว้ผมเรียนจบเมื่อไหร่ ผมจะเลี้ยงแม่กับน้องเอง แม่กับน้องจะได้ไม่ต้องลำบาก แต่ความฝันของผมคงหยุดไม่ได้ ตราบใดที่เรายังมีความฝันก็ยังคงมีความหวังแต่ตราบใดที่เราหมดความฝันก็เหมือนกับว่าความหวังของเรากำลังจะพังทลายลงไป จุดเริ่มต้นของความสำเร็จมาจากความฝันครับแม่”
“เอาเถอะพ่อลูกคนนี้”
ผู้เป็นแม่ถอดใจที่จะล้มความคิดลูกยอมเดินจากไปให้ลูกชายได้ใช้ความอยู่กับตัวเองบ้าง
ชายหนุ่มหัวดื้อคนนี้ คือปกป้อง มีพี่น้อง 3 คน พี่ชาย 2 คนถูกเศรษฐีอุปถัมภ์รับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ส่วนน้องสาวคนเล็กอยู่บ้านเดียวกับเขากำลังศึกษาอยู่มัธยมศึกษาตอนปลายส่วนตัวเขาเรียนศิลปะศาสตร์ สาขาวิชาวารศาสตร์ เขามีความฝันว่าสักวันจะได้เป็นนักเขียนเขาเฝ้าส่งต้นฉบับไปตามสำนักพิมพ์ต่างๆแต่ก็ไม่มีสำนักพิมพ์ไหนตกลงจะรับพิจารณาต้นฉบับของเขาจนบางทีเขาก็อยากจะถอดใจเลิกฝันแต่เขาคิดว่าเมื่อคิดจะสู้แล้วต้องสู้ให้สุดกำลังไม่อย่างนั้นสิ่งที่ทำลงไปก็ไร้จุดหมาย อย่ายอมแพ้เด็ดขาด ถ้ายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
เช้าวันต่อมา เรนนี่หนีบคุณพ่อไปแคชติ้งกับเธอด้วยเผื่อจะได้งานโฆษณาสักชิ้นหรือเดินแบบที่ไหนสักแห่งบ้าง พอมาถึงบริษัทโฆษณา ก็พบว่ามีคนรอคิวต่อแถวเพียบเพื่อยื่นใบสมัคร เรนนี่ชักหวั่นๆเพราะแต่ละคนก็หน้าตาดีทั้งนั้น เรนนี่จึงรู้สึกอยากใช้สมาธิกับตนเองคนเดียวเลยบอกพ่อว่าขอไปหาอะไรดื่มหน่อยให้คุณพ่อรอเธออยู่ตรงนี้
“ได้ เดี๋ยวพ่อจะสั่งให้คนไปรับใบสมัครมาแทนนะลูกจะได้ไม่ต้องไปยืนรอ”
“ค่ะ คุณพ่อแต่เรนนี่ขอเป็นคนเขียนใบสมัครและส่งใบสมัครด้วยตัวเองนะคะ”
“อืม”
เรนนี่เดินออกไปนอกบริษัทโฆษณาและนั่งลงกับม้านั่งข้างทางในใจก็คิดไปต่างๆนานาว่าจะทำสำเร็จไหมถ้าพลาดจะทำไงดีความฝันของเธอต้องพังทลายงั้นหรือแล้วคุณพ่อจะให้โอกาเธอไปแคชติ้งต่อที่ไหนอีกหรือเปล่า
“ชานมไข่มุกไหมครับ โกโก้ก็มีนะ มะพร้าวก็มี สตอเบอรี่ปั่นก็มี”
เรนนี่อดคิดไมไดว่าใครมาตะโกนรบกวนเธอตรงนี้ตอนนี้เธอต้องการสมาธิที่สุดไม่ได้ต้องการจะดื่มอะไรทั้งนั้นแต่พอฟังไปนานๆก็ชักอยากจะได้น้ำสักแก้วแล้วสิ ไม่ได้เธอต้องมีสติอีกไม่นาน ต้องเข้าไปแคชติ้งแล้วห้ามวอกแว๊กเป็นอันขาด
ชายขายชาไข่มุกตักชากับโกโก้ให้ลูกค้าเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นมามองหาลูกค้าอีก นั่นนั่งอยู่ตรงม้านั่งหนึ่งคนต้องตามไปขาย เขาเข็นมาจอดตรงหน้าเธอ
“ลุงคะ หนูไม่มีขวดเก่าหรอกนะคะ”
เขาก้มลงมองสภาพตัวเองมันเหมือนคนขายรับซื้อของเก่ามากหรือไง ไม่นะ ไม่เห็นเหมือนตรงไหนเลย รถเข็นของเขาเหมือนเหรอ ป้ายก็แปะอยู่นะว่าชานมไข่มุก
เรนนี่เงยหน้าขึ้นมามองว่าทำไมคนขายของเก่าไม่เข็นไปสักที
ชายหนุ่มตะลึงในครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าหญิงสาวแบบชัดๆ
หญิงสาวรู้สึกเสียหน้านิดๆเพราะเงยมาเจอป้ายชานมไข่มุกเท่ากับว่าเธอทักผิดคนขายคงโกรธจะเอาเรื่องเธอถึงไม่ยอมไปไหน ใช่แล้วเธอต้องซื้อของกับเขาเขาจะได้ไม่เอาความ
“ขอชาไข่มุกที่นึงค่ะ”
ชายหนุ่มรีบตักให้และมานั่งข้างๆเธอ หญิงสาวขยับห่างออกไปนิด
“ไม่ต้องครับพี่เลี้ยงนะครับ ดูน้องเครียดๆไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า”
“คือหนูอยากเป็นดาราน่ะค่ะเลยมาลองแคชติ้งดู กลัวจะไม่ได้งาน กลัวคุณพ่อจะไม่ให้โอกาสอีก กลัวความฝันจะไม่ถึงจุดหมาย” เรนนี่รับชานมไข่มุกมาดื่มแล้วมองทอดอาลัยไปยังทางเบื้องหน้า
“อย่ากลัวครับ ความกลัวทำให้เราไม่กล้า เราต้องสู้กับมัน โอกาสมีเสมอสำหรับคนอดทนและไม่ยอมแพ้ อย่าคิดว่าแข่งขันกับคนอื่นอยู่ ให้คิดว่าสู้กับใจตนเอง เราต้องชนะให้ได้” ชายหนุ่มพูดพร้อมกำหมัดอย่างมั่นใจ
“คุยกับพี่แล้วสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เรนนี่ลุกขึ้นกำลังจะเดินจากไปก็ต้องหยุดหันกลับมามองชายหนุ่ม
“เดี๋ยวครับ พี่ชื่อป้อง น้องชื่ออะไรครับ”
“หนูชื่อเรนนี่ค่ะ พี่ป้อง ขอบคุณมากนะคะสำหรับกำลังใจในวันนี้”
เรนนี่ยกมือไหว้ขอบคุณ ปกป้องรีบยกมือรับไหว้
“ถ้าดังแล้วอย่าลืมคนชายชาไข่มุกนะครับ”
“ถ้าหนูดังจริงนะ หนูจะมาแจกลายเซ็นให้พี่เป็นคนแรกเลย”
บอดี้การ์ดของคลาสออกตามหาตัวเรนนี่เพราะเห็นว่าเรนนี่หายไปนาน
เรนนี่เห็นบอดี้การ์ดของพ่อเดินมาแต่ไกลกลัวจะมีปัญหากับคนขายชาไข่มุกเธอจึงรีบขอตัวเดินจากเขามาเพื่อพบกับบอดี้การ์ด
ปกป้องยังนั่งนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด นางฟ้าชื่อเรนนี่ เขาไม่มีทางลืมแน่แต่เขาจะมัโอกาสได้พบเธออีกเมื่อไหร่ คงจะเป็นในทีวีล่ะมั้ง ถ้าเธอโด่งดังเขาต้องได้พบเธอในทีวีแต่ชีวิตจริงคงไม่มีอีกแล้ว
ความคิดเห็น