คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : มาแล้วจ้า หลังจากหายไปนานเกือบเดือน
องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงแย้มพระโอษฐ์นิดๆเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินกับมาพร้อมกับฟืนกองโตแต่สายพระเนตรขององค์ราชินีดูมิได้เกษมกับกองฟืนที่หิ้วมาดอกดูเหมือนกับว่าสะใจที่ได้กำจัดเสี้ยนหนามออกไปเสียมากกว่า
องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงรับฟืนมาจากพระหัตถ์ของเจ้าชายซาลีโอแล้วนำมากองลงกับพื้นเพื่อก่อเป็นกองไฟให้สูงขึ้น
เจ้าชายซาลีโอทรงพระเนตรไปยังองค์ราชินีมิเซลเอร่าที่กำลังใช้พระหัตถ์สีไม้ให้เกิดเป็นประกายไฟอย่างเหนื่อยพระทัยแทนเพราะไม่ว่าองค์ราชินีมิเซลเอร่าจะทำประการใดประกายไฟก็เกิดขึ้นเพียงนิดและก็ถูกแรงลมพัดดับไปจนองค์ราชินีมิเซลเอร่าพระทัยเสียอย่างหงุดหงิดและพยายามสีไม้ให้แรงขึ้นเรื่อยๆจนเสี้ยนที่ไม้ตำเข้ามือ
“โอ๊ย”
เจ้าชายซาลีโอทรงเสด็จเข้าไปใกล้หญิงงามผู้เลอโฉมพร้อมกับเอื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ไปจับมือของนางขึ้นมาดูทำให้สังเกตเห็นว่านางถูกเสี้ยนตำมือ พระองค์จึงดึงเข็มกลัดที่ติดอยู่บนเสื้อของนางออกมาบ่งเสี้ยนที่ตำมือนางออก
องค์ราชินีมิเซลเอร่าเหมือนต้องมนต์สะกดในความอ่อนโยนของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าทรงพระเนตรชายหนุ่มด้วยสายพระเนตรที่แฝงความนัย หรือจะเป็นสัญญาณอันใดให้ศรรักแผลงเข้าไปในหทัยของพระองค์
มิมีทางนางมิเคยมีใจใฝ่ปองบุรุษหนุ่มใดแม้รูปงามเพียงใดใจของนางก็มิเคยหวั่นไหวแต่แม้นเพียงยามใดที่ได้ใกล้ชิดบุรุษหนุ่มผู้นี้ใจของนางก็แทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นเพราะเหตุใดเหล่านางถึงได้หวั่นไหวถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงต้องสยบกับสายตาคู่นั้น รอยยิ้มเช่นนั้น ไม่ ไม่ นางต้องไม่ไหวหวั่น นางสะบัดมือคู่นั้นของชายหนุ่มตรงพระพักตร์ทิ้ง
“เจ้าตกใจอะไรเล่า ข้ามิทำอะไรเจ้าหรอก แค่ข้าเอาเสี้ยนที่มือออกให้เจ้าเท่านั้น”
เจ้าชายซาลีโอทรงใช้พระหัตถ์จับมือของนางผู้งดงามขึ้นมากุมไว้อย่างนุ่มนวล
“เจ้าอยู่เฉยๆเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าเหนื่อยมากแล้ ข้าจะก่อฟืนให้เจ้าเอง มือของเจ้ามิควรดอกที่จะมาทำงานเยี่ยงนี้”
หลังจากนั้นเจ้าชายซาลีโอก็ทรงวางพระหัตถ์ขององค์ราชินีมิเซลเอร่าลงและทรงเสด็จไปยังกองฟืนเพื่อก่อกองไฟขึ้นมา
เจ้าชายซาลีโอทรงไม่ต้องออกพระกำลังมากแค่เพียงจ้องไปยังกองฟืนด้วยสายพระเนตรที่แข็งกร้าวก็ก่อเกิดเป็นประกายไฟสูงท่วมเข้ามายังกองฟืน
องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงแย้มพระโอษฐ์นิดๆก่อนจะตรัสถามลองเชิงว่าชายหนุ่มจะตอบอย่างไรกับคำถามที่นางยื่นให้
“แล้วท่านคิดว่ามือเราควรทำงานเยี่ยงไหนล่ะ”
เจ้าชายซาลีโอทรงเสด็จกลับมาประทับใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งเป็นที่ประทับเดียวกับที่องค์ราชินีมิเซลเอร่าประทับอยู่ก่อนจะประทับลงเคียงข้างนางผู้เลอโฉม
“มือของเจ้าคงเอาไว้กุมหัวใจชายหนุ่มทั่วหล้ากระมั้ง”
องค์ราชินีมิเซลเอร่าถึงกับเอื้อนเอ่ยคำตรัสมิออกจากพระโอษฐ์พระทัยของพระนางก็เต้นผ่าวราวกับถูกเหล็กที่ตีจนร้อนมาสุ่มอยู่ในพระทัย
เจ้าชายซาลีโอทรงยื่นพระหัตถ์มากุมมือนางผู้งดงามมาไว้ข้างๆพระทัย
“แต่ข้าให้เจ้าขอกุมหัวใจของข้าคนเดียวจะได้มั้ย และปล่อยดวงใจของชายหนุ่มเหล่านั้นไป แล้วต่อจากนี้ไปข้าจะขออยู่เคียงข้างเจ้าดูแลเจ้าตลอดไป ให้ข้าได้เป็นบุรุษหนุ่มผู้ดูแลหัวใจดวงเดียวของเจ้าเถอะ”
เจ้าชายซาลีโอทรงดึงพระนางเข้ามาสวมกอดไว้ในอ้อมอกด้วยความรัก ความเสน่ห์หา
พระนางถึงกลับเคลิ้มไปตามวาจาชายหนุ่มผู้นั้นที่เอื้อนเอ่ยออกมาและเผลอพระองค์เอนพระวรกายแนบซบอกชายผู้นั้นอย่างลืมพระองค์แต่พลันสักพักก็ได้พระสติเมื่อได้ยินเสียงคนแหวกพุ่มไม้สูงเข้ามาและเดินมายังพระนางและชายหนุ่ม พระนางจึงทรงผลักชายหนุ่มของจากพระวรกายของพระองค์
ทหารราชองค์รักษ์ขององค์จักรพรรดิแอนท์ดิสเห็นเจ้าชายก็จะทำความเคารพทำให้เจ้าชายต้องใช้พระหัตถ์ห้ามให้หยุดการกระทำเช่นนั้น ทหารราชองค์รักษ์จึงได้สังเกตเห็นสตรีงามผู้อยู่เคียงข้างเจ้าชายซาลีโอจึงรีบเปลี่ยนกิริยาบทที่กระทำต่อจ้าชายจากที่คุกเข่าลงทำความเคารพก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างสง่าผ่าเผย
“ข้ามาตามเจ้ากลับไป พี่เจ้าป่วยหนัก”
“พี่ข้าป่วยหนัก ไยเจ้าพึ่งมาบอก เจ้าไปรอข้าอยู่ทางเบื้องหน้าเดี๋ยวข้าจะตามไป”
“ข้ารู้แล้ว”
ทหารราชองค์รักษ์ที่องค์จักรพรรดิแอนท์ดิสทรงส่งมาเดินมุ่งตรงไปยังทางเบื้องหน้าเพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าชายได้ทรงตรัสกับสาวงามเป็นการล่ำลาก่อนที่จะจากกันแต่สุดท้ายแล้วทหารราชองค์รักษ์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลียวกลับมามองยังสาวงามที่อยู่เคียงข้างเจ้าชายซาลีโอ
เจ้าชายซาลีโอทรงทอดพระเนตรตรงไปยังทหารราชองค์รักษ์ที่มองมายังหญิงงามที่อยู่ข้างพระองค์ด้วยสายพระเนตรที่ไม่พอพระทัยยิ่งนักส่งผลให้ทหารราชองค์รักษ์ต้องเบือนหน้าหนีสายพระเนตรคู่นั้นของพระองค์และไม่กล้าที่จะกลับแลหันไปมองหญิงสาวผู้นั้นอีกต่อไป
เจ้าชายซาลีโอทรงไม่สนพระทัยทหารราชองค์รักษ์ของพระเชษฐาที่ยืนอรรับเสด็จอยู่อีกต่อไปกลับเบือนพระเนตรพิศดวงเนตรนางผู้อยู่ตรงพระพักตร์
“คร่านี้ข้าคงต้องจากเจ้าไปนาน มิรู้เมื่อไรจะได้กลับมาพบกันอีก”
“ท่านก็ไปเสียเถิดพี่ชายท่านกำลังรอการกลับมาของท่านอยู่”
“เจ้าคงจะดีใจยิ่งนักที่จะได้มิต้องพบหน้าข้าอีก”
“หามิได้”
“เจ้าจะคิดถึงข้าใช่หรือไม่”
“ข้ามิต้องจำเป็นต้องดีใจที่มิจักต้องพบหน้าท่านอีก เพราะข้ามิเคยรังเกียจท่าน ข้าไม่จำเป็นต้องคิดถึงท่านเพราะเราแค่คนรู้จักกัน”
“เยี่ยงนั้นหรือข้าจักจำไว้”
เจ้าชายซาลีโอทรงมิอาจเพ่งพิศสายตาที่เย็นชาคู่นั้นของนางได้อีกแล้วจึงทรงทำพระทัยเพื่อจะตัดอาลัยให้ขาดก่อนจะเสด็จหันหลังดำเนินจากนางมาแต่มิอาจเสด็จไปได้ไกลตัวนางเท่าไร เสียงอันไพเราะจับใจที่เจ้าชายซาลีโอทรงตั้งพระทัยรอคอยมานานก็ดังเอื้อนเอ่ยขึ้น
“นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นคนสำคัญสำหรับเราถึงต้องคิดถึงท่าน”
เจ้าชายซาลีโอทรงหันหลังกลับมาเนตรนางผู้เดินขยับเข้ามาใกล้องค์แค่คืบ
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าโปรดจงรับรู้เถอะ ว่าเจ้าคือคนสำคัญสำหรับข้าและข้าก็จะคิดถึงเจ้า”
“แม้เรามิได้พบกันงั้นหรือ” นางผู้เลอโฉมเอ่ยถามบุรุษหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า
บุรุษหนุ่มผู้อยู่เบื้องหน้าเอื้อมมือมากุมมือนางไว้
“มิมีทางที่เราจะมิได้พบกัน แม้จะอยู่ไกลสุดฟากฟ้าข้าก็จักตามเจ้าไปให้พบเจอ”
“เราจะถือว่านี่เป็นคำสัญญาของท่าน”
องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงแย้มพระโอษฐ์นิดๆเมื่อได้ยินคำพูดจากบุรุษหนุ่ม
“ข้าสัญญาด้วยหัวใจ ข้าจักกลับมานำเจ้าไปเป็นหญิงที่รักและบูชาแก่บ้านเมืองของข้าสืบต่อไป เพื่อเคียงคู่กับข้าและทุกคนจะต้องมายกย่องเจ้าว่าเป็นสตรีที่มีเกียรติยิ่งใหญ่ในผืนแผ่นดินละพิภพแห่งนี้”
“ท่านพูดเยี่ยงนี้เราสงสัยยิ่งนัก ท่านเป็นใครกันแน่”
“สักวันเราจะกลับมาพร้อมคำตอบ โปรดเก็บดวงใจของท่านไว้รอคอยเราด้วยเถิด”
หญิงสาวมิตอบกลับเพียงยิ้มให้บุรุษหนุ่มอย่างละมุนละไม
เจ้าชายซาลีโอทรงจุมพิตที่เกศาของพระนางเป็นคำสัญญาก่อนจะสวมกอดเพื่อล่ำลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเสด็จดำเนินจากไป
องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงทอดพระเนตรไปไกลสุดสายพระเนตรเพื่อให้แน่พระทัยว่าบุรุษหนุ่มผู้นั้นได้เดินทางไปโดยสวัสดิ์ภาพแต่เพียงพิศด้วยอารมณ์เสน่ห์หาได้มินานก็ทรงได้พระสติว่าพระนางต้องกลับไปยังฐานทัพเพื่อบัญชางานสำคัญจึงทรงหันหลังกลับอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งหน้าเดินทางไปยังฐานทัพของพระนางแต่ก็ปรากฏว่าไปชนกับบุรุษหนุ่มรูปงามท่านหนึ่งที่เดินตรงมายังพระนางด้วยความรีบร้อน
ความคิดเห็น