คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ปริศนา
ณ ป่าใหญ่ทึบที่อุดมสมบูรณ์ของเมืองบาร์มีน็อต เจ้าชายซาลีโอทรงบรรทมภายใต้ต้นไม่ใหญ่อย่างสบายพระองค์ในขณะที่องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงตื่นบรรทมและกำลังจะเสด็จออกไปจากบริเวณนั้นอย่างระมัดระวังแต่ก็มิวายพลาดพระบาทของพระองค์ราชินีไปเหยียบถูกกิ่งไม้ที่อยู่เบื้องหน้าทำให้เจ้าชายซาลีโอสะดุ้งตื่นจากบรรทม
“นั่นเจ้าจะไปไหน” เจ้าชายซาลีโอเปล่งพระสุรเสียงดังกึกก้องจนราชินีมิเซลเอร่าต้องหันพระพักตร์มามอง
“นั่นมันก็เรื่องของข้า”
“งั้นเราจะไปกับเจ้าด้วย” เจ้าชายซาลีโอพยุงพระวรกายลุกขึ้นเสด็จไปหยุดยืนข้างกายหญิงงาม
“ไม่” องค์ราชินีเปล่งพระสุรเสียงดังก้องน่ากลัวราวกับมีพลังบางอย่างแฝงอยู่
เจ้าชายซาลีโอทรงผละถอยไปเล็กน้อยก่อนจะตั้งสติทอดพระเนตรนางกลับไปด้วยสายพระเนตรอันอ่อนโยน
“เจ้าจะไม่ให้ข้าไปก็มิเป็นไรดอก แต่ข้าคงต้องขอขัดคำเจ้าสักครั้งเพราะข้าเป็นห่วงเจ้านัก ผู้หญิงคนเดียวเดินทางกลางป่าคงมิเหมาะนัก”
คำตรัสอันอ่อนโยนผสมกับสายพระเนตรที่เจ้าชายซาลีโอทอดมายังองค์ราชินีถึงกับทำให้พระทัยของนางอ่อนลงอย่างมิเคยเป็นมาก่อน นางถึงกับก้าวพระบาทเพื่อจะเสด็จต่อไปไม่ไหวราวกับนางกำลังต้องมนต์สะกดชายหนุ่มเบื้องหน้าอยู่ แต่พลันได้สักพักพระราชินีมิเซลเอร่าก็ทรงได้สติเบื้องพระเนตรไปยังทางเบื้องหน้าโดยมิสนพระทัยสายพระเนตรอันวิงวอนที่เจ้าชายซาลีโอส่งมาให้
เมื่อจ้าชายซาลีโอทรงเห็นว่ามิอาจหยุดนางได้จึงเพียงได้แต่เสด็จตามนางไปห่างๆด้วยความเป็นห่วง
ณ อาณาจักร กีราโรส องค์ราชาทรงเสด็จมาส่งองค์หญิงแคทเธอร์รีนพระธิดาของพระองค์ท่ามกลางเหล่าพลทหารและนางกำนัลมากมายที่ยืนตระเตรียมเคลื่อนขบวนเพียงแค่ทหารออกคำสั่ง
องค์หญิงแคทเธอร์รีนทรงเข้าสวมกอดพระบิดาก่อนจะเสด็จลาพระบิดาไปยังเมืองบาร์มีน็อตที่พระคู่หมั้นของพระองค์ทรงประทับอยู่
เมื่อองค์หญิงแคทเธอร์รีนเสด็จมาถึงราชรถนางกำนัลก็เปิดภูษาที่ปกปิดพระที่นั่งขององค์หญิงไว้เผยให้เห็นที่ประทับข้างใน
องค์หญิงทรงก้าวพระบาทขึ้นไปประทับบนราชรถ โดยนางกำนัล 2- 3 คน เข้าไปดูแลรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิดภายในราชรถ
องค์หญิงแคทเธอร์รีนทรงดีพระทัยที่กำลังจะได้พบพระคู่หมั้นแต่อีกพระทัยหนึ่งก็ทรงเศร้ายิ่งนักเมื่อต้องจากพระราชบิดาอันเป็นที่รักมายังต่างเมืองที่มิเคยเสด็จ ถึงแม้จะเป็นเมืองของพระคู่หมั้นก็ตาม ฉะนั้นนี่จึงถือเป็นการเสด็จครั้งแรกไปยังต่างเมือง
หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรองค์หญิงแคทเธอร์รีนจึงทรงมิอาจรู้ได้แต่สิ่งที่ทำให้องค์หญิงมีความหวังและกำลังใจที่จะทรงเสด็จต่อไปเบื้องหน้าอย่างมิหวาดหวั่นก็คือเจ้าชายซาลีโอบุรุษหนุ่มผู้ซึ่งเป็นที่รักยิ่งของพระองค์
ณ ป่าใหญ่ทึบแห่งหนึ่งเหล่าทหารมากมายกำลังทำหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายไว้เป็นอย่างดี ทหารส่วนหนึ่งก็ซ้อมรบกันอยู่ ทหารบางส่วนบ้างก็ขนไม้ไปตุนเพื่อนำไว้ใช้ยามค่ำคืนอันเหน็บหนาว บ้างก็หิ้วน้ำมาจากลำน้ำเพื่อนำไว้ใช้อาบกิน บ้างก็เดินตรวจยามป้องกันภัยตลอดเวลา
ทหารกล้าผู้หนึ่งเดินเข้าไปในแหล่งกองทัพนั้น ทหารที่กำลังซ้อมรบต่างพากันหยุดและหันมาทำความเคารพทหารกล้าผู้นั้น
“องค์ราชินีล่ะท่านแม่ทัพ”
“พระองค์ทรงกำลังเตรียมการณ์บุกเข้าชิงเมือง ขอให้เหล่าทหารทุกคนลงวางใจ และหมั่นฝึกฝนการรบต่อไป มิช้าก็จะได้สำแดงฝีมือเป็นแน่”
“เฮ้” เสียงเหล่าทหารดังกึกก้องทั่วผืนป่าราวกับจะประกาศศักดากับชัยชนะที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่เพลาข้างหน้า
ราชองค์รักษ์ของเจ้าชายซาลีโอที่ตามติดทหารกล้าผู้นั้นมาตลอดได้แอบอยู่ตรงพุ่มไม้เพื่อดูเหตุการณ์ต่างๆที่อยู่เบื้องหน้า
“แท้จริงแล้วมันคือทรราชหาใช่พี่ชายหญิงงามเลย แล้วถ้ามันเป็นแม่ทัพ หญิงผู้นั้นก็ต้องเป็น.... ไม่ได้ข้าต้องนความกลับไปทูลราชาโดยเร็วที่สุด”
มีดดาบฟัดฉับไปยังพุ่มไม้ที่ราชองค์รักษ์หลบอยู่ทำให้ราชองค์รักษ์ต้องพลิกกายหลบอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นใคร” ทหารรักษาการณ์เอ่ยถาม
“ข้าๆเป็นทหารที่องค์ราชินีทรงส่งมา”
“ไย ข้าถึงมิรู้”
ทหารราชองค์รักษ์รีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ทหารรักษาการณ์พอจะรู้ตนว่าถูกหลอกจึงวิ่งตามไปจับพร้อมกับป่าวประกาศ
“จับมัน มันมาล้วงความลับขององค์ราชินี จับมัน มันเป็นไส้ศึก”
ทหารกลุ่มใหญ่พากันวิ่งกรู่เข้ามาหาทหารราชองค์รักษ์
ทหารราชองค์รักษ์วิ่งมาจนสุดทางมิเห็นทางหนี เหลือบไปเห็นต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้าจึงปืนขึ้นไปหลบซ่อนพร้อมกับภาวนาในใจว่าอย่าให้ทหารพวกนั้นมองมายังด้านบนของต้นไม้เลย
“จับไอ้ไส้ศึกได้หรือยัง” แม่ทัพเอ่ยถามทหารกล้าที่พากันเดินกลับมายังค่าย
“ไม่”
“พวกเจ้าต้องกลับไปตามมันมาให้ได้ไม่ว่าเป็นหรือตายมิเช่นนั้นแผนการที่องค์ราชินีวางไว้จะล้มอย่างมิเป็นท่าและองค์ราชินีเองก็คงมิพอพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อถึงเวลานั้นพวกเจ้าคงรู้ดีนะว่าจะเป็นเช่นไร”
“พวกข้าทราบแล้ว” เหล่าทหารพากันย้อนกลับเพื่อไปตามหาราชองค์รักษ์ของเจ้าชายซาลีโอมาให้พบ
ณ อาณาจักร บาร์มีน็อตอาณาจักรซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์และแห้งแล้งอยู่ในดินแดนเดียวกัน องค์จักรพรรดิแอนท์ดิสทรงคิดแผนการอย่างว้าวุ่นในพระทัยภายใต้สีหน้าอันนิ่งเฉยทหารราชองค์รักษ์ประจำพระองค์เดินเข้ามาทูลถามองค์จักรพรรดิว่าจะทรงทำประการใดต่อไป
“เราคิดว่านายทหารผู้นั้นคงมิสามารถนำอนุชาเรากลับมาได้หรอก เราจึงขอส่งเจ้าในนามทหารเอกของข้าไปอีกคน จงนำความไปทูลพระอนุชาว่าเราประชวรหนักให้กลับมาดูใจเราด่วน”
“จะดีหรือพะยะคะที่ทำประการนี้”
“มันเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะนำอนุชาเรากลับมา”
“รับบัญชาพะยะคะ” ทหารราชองค์รักษ์ทำความเคารพแล้วเดินออกไปจากห้องราชกิจ
ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด มีทั้งสัตว์ใหญ่ที่ทรงความน่ากลัว สัตว์น้อยที่ดูจะน่ารักแต่แฝงไปด้วยความแข็งกร้าวหากผู้ใดเข้าไปทำร้ายมัน
องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงเสด็จบุกป่าฝ่าดงด้วยพระวรกายอันอ่อนล้าเพราะตั้งแต่เข้ามาพระองค์ยังมิได้เสวยพระกระยาหารหรือผลไม้เลยเพียงสักคำ
เสือตัวหนึ่งเดินตรงเข้ามายังองค์ราชินีมิเซลเอร่าแต่แทนที่พระองค์จะผละถอยพระองค์กลับยืนเผชิญหน้ากับมัน
เสือตัวนั้นไม่รอช้ากระโดดหวังจะเข้าไปขย้ำองค์ราชินี
องค์ราชินีมิเซลเอร่าถึงกับเซด้วยความอ่อนแรง
องค์ราชินีพยายามรวบรวมกำลังที่มีใช้กริชที่บกติดตัวแทงไปยังตัวเสือ
เสือตัวนั้นถึงกับทรุดแต่ก็ไม่วายลุกขึ้นมาต่อสู้โดยสัญชาติญาณ
องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงหลบอย่างว่องไวถึงแม้จะเซนิดๆด้วยความอ่อนล้า
เสือเริ่มดินเซไปมาราวกับว่ามิอาจมีกำลังต่อกรกับองค์ราชินีต่อไปแล้ว จังหวะนี้เององค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงตรงเข้าต่อกรกับเสือด้วยมีดสั้นอีกเล่มหนึ่ง
องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงแทงซ้ำไปทั้งตัวเสืออย่างรุนแรงและหามีความปรานีไม่แม้เสือตัวนั้นจะทำท่าราวกับว่ายอมแพ้ขอเพียงไว้ชีวิตมัน
เลือดที่ไหลท่วมตัวเลือดยิ่งทำให้องค์ราชินีทรงพอพระทัยพร้อมสรวลออกมาด้วยความสะใจอย่างล้นพ้น
เสียงครวญครางของเสือตัวนั้นดังก้องไปรอบป่าพาให้สัตว์อื่นหวาดผวาและหาที่หลบภัยอย่างไม่คิดชีวิต
เจ้าชายซาลีโอทรงตรงเข้าไปหาองค์ราชินีมิเซลเอร่าพร้อมกับดึงมีดที่เปื้อนเลือดแดงฉาดออกจากพระหัตถ์ขององค์ราชินี
“เจ้าทำได้อย่างไรช่างป่าเถื่อนยิ่งนัก”
“ถ้าข้าไม่ฆ่าเสือตัวนั้นก็จะเป็นฝ่ายกินข้าลงไปในกระเพาะมันเยียเอง”
“แต่ก็มิควรรุนแรงถึงเพียงนี้”
“หยุดปากของท่านซะ ไปก่อไฟ ข้าหิว”
“เจ้าจะกินเสือตัวนี้เป็นอาหารหรือ”
“หรือท่านอยากอดตายหรือท่านไม่หิว” องค์ราชินีมิเซลเอร่าสั่งด้วยเสียงอันแข็งกร้าวราวกับจะทำให้อีกฝ่ายหลอมละลายไปต่อพระพักตร์หากขัดพระทัยพระองค์อีกเพียงนิดเดียว
เจ้าชายซาลีโอจึงเสด็จไปหาฟื้นเพื่อมาก่อกองไฟย่างเนื้อให้สาวงามผู้มีใจคอโหดเหี้ยมทาน
ระหว่างทางเจ้าชายซาลีโอก็ทรงมีดำริในพระทัยคิดถึงเจ้าหญิงผู้หนึ่งผู้มีทั้งรูปโฉมที่งดงามมีน้ำพระทัยอันหมดจดหาผู้ใดเปรียบได้แต่เรื่องความงามบัดนี้เจ้าหญิงน้อยคงมีคู่แข่งเสียแล้วกระมั้ง หากแต่เทียบไม่ได้เลยเพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือนางผู้นั้นหามีน้ำใจอันบริสุทธิ์ดั่งเช่นเจ้าหญิงน้อยที่มีรูปสมบัติครบทุกนานัปการแต่หาใดเล่าพระทัยของพระองค์จึงเฝ้าแต่จะครวญหาหญิงผู้มีใจคอโหดร้ายเยี่ยงนั้น
เสียงพุ่มไม้ที่สั่นไหวทำให้เจ้าชายซาลีโอทรงได้สติตื่นจากภวังค์พร้อมกับหยิบกริชขึ้นมาอย่างระวังพระองค์ สายพระเนตรจับจ้องไปยังพุ่มไม้นั้น
“หม่อมฉันเองพะยะคะ” ทหารราชองค์รักษ์โผล่ออกมาจากพุ่มไม้
“เจ้านั่นเองหายไปเสียหาย”
“เรื่องนั่นชั่งเถอะพะยะคะ ข้ามีเรื่องจะทูลพระองค์ทีแรกว่าจะไปทูลเสด็จพระราชาเสียก่อน แต่ในเมื่อเพลานี้กระหม่อมพบเจ้าชายก็ควรจะทูลเจ้าชายเสียก่อนเพื่อให้ทรงระวังตน”
“เรื่องอะไรหรือ”
“คือสาวงามผู้นั้นคือ.....”
ทหารราชองค์รักษ์ยังมิทันได้พูดจบก็โดนธนูแผลงเข้าสู่หัวใจจนแน่นิ่ง
เจ้าชายซาลีโอทรงทอดพระเนตรหาแหล่งทิศทางมาของธนูดอกนั้นแต่ก็หาพบผู้ใดรอบบริเวณ มีเพียงป่าและป่าเท่านั้นที่อยู่รอบบริเวณหามีแม้แต่เสียงเท้าย้ำเข้ามาในบริเวณนั้น แล้วธนูดอกนั้นมาได้อย่างไรกัน
ความคิดเห็น