คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ประมูลจ้า ^_^
วันต่อมา สุมิตแวะมาหาภูวรินน์แต่เช้าก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบงานของภูวรินน์ดูลงตัวมากขึ้นไม่วุ่นวายเหมือนแต่ก่อนจึงสงสัยและถามภูวรินน์ว่าเกิดอะไรขึ้น
ภูวรินน์ยังไม่ทันตอบก็มีเสียงแทรกเข้ามา
“ก็เพราะว่ามยุรีมาเป็นเลขาคนใหม่ให้กับภูไงคะ”
สุมิตมองหน้าที่ดูเซ็งๆของภูวรินน์ก็อดถามไม่ได้ว่าเป็นอะไร
ภูวรินน์ยังไม่ทันตอบมยุรีก็พูดแทรกขึ้นมา
“ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
ภูวรินน์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปนอกห้องโดยมีมยุรีค่อยเดินตาม
สุมิตมองตามไปและบ่นพึมพำ
“นี่หรอวะเลขาที่แกชอบ”
สุมิตลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปจากห้องทันที
ณ สมาคมคนจน สมาชิกหลายคนมีความเห็นพรองต้องกันว่าจะจัดงานการกุศลและเชิญบรรดาคนรวยมาแจกจ่ายเงินให้ผู้ยากไร้ โดยที่ทีเด็ดงานนี้อยู่ที่การประมูลธารธิณีเป็นคู่เต้นรำ
สายใจถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่ก็ไม่อยากคัดค้านเพราะสมาชิกทุกคนต่างมีความแห็นเช่นนั้น
สายใจมีความหวั่นใจอยู่ไม่น้อยด้วยกลัวว่าธารธิณีจะทำงานพังแต่คิดในแง่ดีอาจได้ลุกเขยรวยๆติดมือมาก็พลอยให้สายใจดูมีกำลังใจขึ้นบ้าง
นับวันธารธิณีกับนภดลก็ยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นจนทำให้พนักงานในบริษัทหลายคนพากันคิดว่าธารธิณีเป็นแฟนของนพดล
นพดลรู้สึกว่าธารธิณีเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก มาทำงานได้ไม่นานก็ทำให้บริษัทของเขาเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันบริษัทของภูวรินน์ก็กำลังประสบกับปัญหา ภูวรินน์จึงอดคิดไม่ได้ว่าธารธิณีเป็นคนเอาความลับของบริษัทไปแพ่งพรายจากทุนเดิมที่ไม่ชอบธารธิณีอยู่แล้วก็เลยพาลให้ตอนนี้กลายเป็นเกลียดเข้าไปใหญ่
สายใจกับสมาชิกเตรียมจัดงานกันอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้สมกับการรอคอยของแขกผู้มีเกียรติ
สายใจหาชุดราตรีสมัยสาวๆมากองไว้บนเตียงให้ธารธิณีเลือกซึ่งธารธิณีเอาแต่ส่ายหน้าพร้อมกับบอกแม่ว่า
“นี่มัน 2005 แล้วนะคะ แม่ไม่ใช่สมัยกรุงเก่า”
ธารธิณีปิดประตูห้องแล้วเดินลงบันไดไปทันที
ใกล้ถึงกำหนดเวลางานธารธิณีนั่งทำงานอย่างไม่เป็นสุขในใจก็ว้าวุ่นว่าจะใส่ชุดอะไรไปงานดี
นพดลเห็นธารธิณีดูผิดปรกติจึงถาม
“ 5 โมงแล้วกลับบ้านได้แล้วครับ เป็นอะไรหรือเปล่าดูธารเหม่อนะครับ”
“เออ!คือธารกำลังเรื่องชุดที่จะใส่ไปงานการกุศลน่ะคะ”
“งานเริ่มตอนกี่โมงครับ”
“ 1 ทุ่มค่ะ”
“ยังพอมีเวลาไปกับผม”
นพดลเดินจูงมือธารธิณีไปท่ามกลางสายตาของพนักงาน
ที่งาน การกุศล พิธีกรเดินไปบนเวทีเพื่อเอ่ยรายชื่อของที่จะประมูลชิ้นแรกในวันนี้
“เริ่มประมูลชิ้นแรกด้วยภาพเขียนจาก L.A.ค่ะ”
“ลอนดอนเลยเหรอเนี่ย”
“เปล่าค่ะท่านประธาน คนเขียนอยู่ร้อยเอ็ด”
“เริ่มประมูลด้วยราคา 10,000”
ภูวรินน์กำลังนั่งเหม่อที่สวนสาธารณะก็โดนใบปลิวลอยมาแปะตรงหน้าจึงได้สติและหยิบมาดู
ฝ่ายสินิซาก็เดินไปมาอย่างเป็นกังวลเมื่อเห็นดึกป่านนี้ลูกชายยังไม่กลับมา ในที่สุดสินิทราก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ภูวเรศรีบวิ่งเข้าไปห้ามก่อนที่สินิทราจะโทรไปแจ้งความ
“คงติดนัดทานข้าวกับลูกค้ามั้ง”
“ไม่ค่ะ บางทีลุกภูอาจโดนลักพาตัวหรือโดนดักตีหัวกะบาลหรือรถคว่ำ โอ้!ไม่แย่แล้วต้องโทร”
ภูวเรศรีบดึงโทรศัพท์กลับมา
“ไม่หรอกคุณ”
ที่งานประมูลการกุศล การประมูลเต็มไปด้วยความสนุกสนานในการขับเขี้ยวที่จะได้ของประมูลมาครอบครอง จนมาถึงช่วงสุดท้ายของงานแขกทุกคนต่างรอลุ้นว่าของชิ้นสุดท้ายที่มีค่าที่สุดในวันนี้คืออะไร
“มาถึงไฮไลท์ของงานนั่นก็คือ”
สายใจสะกิดสมาชิกว่าอย่าพึ่งประกาศเพราะเจนจิรายังไม่มา
อ้วมไม่สนยังคงพูดต่อไป
“เริ่มต้นด้วยราคา 50,000 ค่ะ”
ชายวัยกลางคนตะโกนขึ้นมา
“ไหนล่ะคู่เต้นรำ”
“อันแน่ะ ก็ต้องใจเย็นๆก่อนนะคะ”
สายใจไปรอหลังเวทีอย่างกะวนกระวาย พอธารธิณีมาถึงสายใจก็ทีบลูกส่งขึ้นเวทีอย่างไม่รีรอ
ธารธิณีลงมานั่งกองหน้าเวทีก่อนที่จะค่อยๆลุกขึ้นอย่างรักษาภาพพจน์
กระประมูลเริ่มขึ้นอย่างเมามัน ไม่มีชายหนุ่ม แก่ คนไหน จะยอมแพ้การประมูลครั้งนี้เลยจนในที่สุด
“10,000,000 แล้วนะคะมีใครให้มากกว่านี้ไหมคะ”
เสียงทั้งห้องส่งเงียบ
ไฮโซหนุ่มยิ้มอย่างดีใจที่ไม่มีใครมากล้าประมูลอีกแล้ว
อ้วมเริ่มนับ
“10,000,000 ครั้งที่ 1 10,000,000 ครั้งที่ 2 10,000,000 ครั้งที่....”
“30,000,000”
ทุกคนหันไปมองที่ต้นเสียงอย่างตะลึง
ธารธิณีเองก็ตะลึงไม่ใช่น้อยเช่นกันเธอถึงกับอุทาน
“คุณภู”
“30,000,000 ครั้งที่ 1 30,000,000 ครั้งที่ 2”
“50,000,000”
เสียงซุบซิบเสียงตื่นเต้นดังกึกก้อง
ธารธิณีหันไปมองทางต้นเสียง
“คงไม่มีใครประมูลมากกว่านี้แล้วใช่ไหมคะ”
ทุกเสียงต่างเงียบ
นพดลเดินขึ้นเวทีไปขอธารธิณีมาเต้นรำ
ธารธิณีส่งมือมาให้นพดล
ทั้งสองเดินลงบันไดมาด้วยกันอย่างสง่างาม
ขณะที่นภดลกำลังจะเต้นรำกับธารธิณีภูวรินน์ก็วิ่งเข้ามาขวางไว้
“เธอเต้นรำไม่เป็นครับพี่”
“พี่สอนเธอเอง”
ธารธิณีเต้นรำคู่กับนภดลอย่างสง่างามจนภูวรินน์ถึงกับเพ้อเห็นธารธิณีเป็นซินเดอร์เรล่า
ทุกคนในงานพากันพูดว่าทั้งสองดูสมกันจริงๆ
หลังงานเสร็จนภดลก็รับธารธิณีและสายใจไปส่งถึงที่บ้าน
อ้วม แดง สน วาด จิต สมใจพากันเเซวสายใจ
“ว่าที่ลุกเขยหรอคะ หล่อรวยเหมาะกับลุกท่านประธานดีนะคะ”
“เออคือว่า” ธารธิณีกำลังจะขัดสายใจก็พูดขึ้น
“ก็แค่กำลังดูใจกันอยู่น่ะ”
ธารธิณีมองไปทางนภดลอย่างหวั่นๆแต่แทนที่นภดลจะแสดงท่าทีโกรธกลับยิ่มรับอย่างไม่ถือสา
“ก็แล้วแต่ธารล่ะครับว่าเมื่อไหร่”
ธารธิณีมองไปทางนภดลอย่างงงๆ
สายใจเลยได้ทีโม้ใหญ่ ทำให้อ้วม สน แดง จิต วาด สมใจ พากันอิจาฉาสายใจกันใหญ่ที่มีว่าที่ลูกเขยหล่อรวย นิสัยดี
พอถึงบ้าน สายใจก็รีบเข้าบ้านเพื่อเปิดโอกาสให้ธารธิณีและนภดลได้พูดกัน
ธารธิณีนั่งบิดตัวไปมาอย่างเขินอายเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆถามถึงสิ่งที่นภดลพูด
นพดลมองไปทางธารธิณีด้วยสายตาหวานซึ้งทำให้ธารธิณีเขินจนกัดนิ้วตัวเองเลือดออก
“โอ๊ย!”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ”
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
“ค่ะ”
นพดลก้าวขึ้นรถ ส่วนธารธิณีก็เดินยิ้มเข้าบ้าน
ธานินกำลังส่องพระอยู่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นธารธิณีเดินสะดุดขอบประตูบ้านหน้าทิ่ม
ธานินรีบลุกขึ้นไปดูลุกด้วยความเป็นห่วงใยแต่ธารธิณีกลับลุกขึ้นมาและเดินยิ้มขึ้นบันไดบ้านไป ทำให้ธานินมองด้วยความประหลาดใจ
สายใจเดินผ่านมาธานินจึงเรียกไว้
“แม่ ลุกเราเข้าโรงบาลครั้งสุดท้าย เมื่อไร”
“ตอนอนุบาลสาม”
“แม่พ่อว่าพาลุกเราไปเช็คสุขภาพที่โรงบาลอีกรอบดีกว่านะ โดยเฉพาะที่สมองน่ะต้องตรวจอย่างละเอียดเลยนะ”
“แม่เห็นด้วยนะ พ่อควรไปเช็คสมองบ้างนะ”
ธานินกลับไปนั่งนึกอย่างงงๆว่าตนทำอะไรผิด
ความคิดเห็น