คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : +_!! ^_ )
ธารธิณีเรียกให้ภูวรินน์ลุกขึ้น
ภูวรินน์ลุกขึ้นและเดินไปยังร้านอาหาร
หลังจากที่สายใจประชุมงานสมาคมคนจนเสร็จก็เดินกลับบ้านด้วยความงกหล่อนจึงไม่ยอมโบกรถกลับบ้านเลยและด้วยความงกจึงทำให้หล่อนเกือบตายเมื่อมีโจรมากระชากสร้อย
ยื้อยุทฉุดกระชากกันมาอยู่ตั้งนานในที่สุดโจรก็ได้สร้อยไป
ตำรวจผ่านมาแถวนั้นจึงรีบขับรถตามโจรไป
สายใจกลับบ้านไปอย่างเหนื่อยใจ
ธานินถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพของภรรยา
“เป็นไรไปแม่”
“โดนกระชากสร้อย”
“ของปลอมไม่ใช่หรอที่แม่ใส่ไปวันนี้”
“แต่มันก็ทองเหมือนกันนะ”
“แล้วนั่นกระเป๋าใคร”
“ของคนที่กระชากสร้อย”
“โธ่!แม่เอ๊ยนี่แม่ก็มือไวไม่แพ้พวกนั้นเหมือนกัน”
“ฉันไม่ยอมเสียเปรียบหรอก”
สายใจเปิดกระเป๋ามาเห็นเงินมากมายก็หัวเราะอย่างชอบใจ
ธานินส่ายหัวอย่างเอือมระอา
หลังจากเจรจาเรื่องงานกันเสร็จภูวรินน์ก็ขอตัวกลับ
ภูวรินน์หันมาอีกทีก็พบว่าธารธิณีเดินออกไปไกลซะแล้วจึงรีบตามไป
ตะขอที่ไม่ได้เกี่ยวอยู่แล้วเลยยิ่งทำงานใหญ่
ธารธิณีไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ข้างๆร้านอาหาร
ภูวรินน์ก้มลงมามองที่ขาตนเองหลังจากที่เห็นสาวๆพากันกรี๊ดเมื่อมองมาทางเขา
ภูวรินน์รีบดึงกางเกงขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปจากร้าน คำพูดของธารธิณีสะดุดเข้ามาที่หูภูวรินน์
“ฉันไม่เคยให้ใครมารังแกฉันฟรีq”
ภูวรินน์เปิดประตูรถแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเอามือออกจากที่เปิดประตูรถไม่ได้
ร.ป.ภ.ที่ตรวจตราบริเวณลานจอดรถพากันเข้ามาช่วยดึงมือภูวรินน์ออกจากรถ
พอเข้ามาในรถได้ภูวรินน์ก็สำรวจรถเป็นการใหญ่ว่ามีกำดักที่ธารธิณีสร้างไว้หรือเปล่าแต่ก็ไม่พบอะไร
ภูวรินน์นั่งลงบนเบาะรถอย่างสบายใจแล้วปิดประตูรถ เขาเริ่มสตาร์ทรถแต่เขาก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อมีคนวิ่งมาตัดหน้ารถ
ภูวรินน์เหยียบเบรกรถสุดฤทธิ์และก็ได้รู้ถึงความผิดปรกติบางอย่างภูวรินน์ตะโกนลั่น
“ยัยตัวแสบ”
ภูวรินน์ขับรถกลับมาถึงบ้าน
คนรถเดินไปเปิดประตูรถให้
“เชิญครับ”
ภูวรินน์ยังคงนั่งจับพวงมาลัยไม่ขยับออกไปไหน
คนรถเดินกลับเข้าที่พัก
“ช่วยด้วย”
ภูวรินน์สลบไปคาพวงมาลัย
“แบกคุณภูเข้าบ้านสิ”
“ไม่ได้ครับ”
“จะอู้หรือไง”
“คือ”
คนรถพยายามกระชากมือภูวรินน์ออกจากพวงมาลัยรถ
“คิดจะฆ่าลูกฉันหรือไง”
“เปล่าครับ”
วันรุ่งขึ้น ธารธิณีโดนเรียกพบภูวรินน์แต่เช้า
วิตราเตือนธารธิณีให้ระวังตัวเพราะดูภูวรินน์ไม่ค่อยหน้าไว้ใจ เมื่อโดนเพื่อนเตือนแบบนี้ธารธิณีเองก็ชักหวั่นๆเหมือนกัน
ป้อง วรรณ ชัย วัตร นัส สา พากันจับกลุ่มนินทาธารธิณีกับภูวรินน์
วิตราถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับการที่ป้อง วรรณ ชัย นัส สา นินทาเพื่อนของเธอแต่เธอก็ห้ามความคิดของคนพวกนั้นไม่ได้
ธารธิณีนั่งลงบนเก้าอี้อย่างใจคอไม่ค่อยดี
ภูวรินน์เงยหน้าขึ้นมามองอย่างเย็นชา
“คุณเข้ามาช้า 0.01 วินาที”
“ค่ะ แล้วไงคะ”
“เมื่อวานนี้”
“เอาแล้วสิ” ธารธิณีคิดในใจ
มีสายด่วนโทรเข้ามาภูวรินน์รีบรับ
“ขอบคุณพระเจ้า” ธารธิณีคิดในใจอีกครั้ง
พอวางสายไปโทรศัพท์ไปได้สักพักอยู่ๆมยุรีก็พรวดพราดเข้ามาหาภูวรินน์ในห้อง
ภูวรินน์มองด้วยสายตาตำหนิ
มยุรีเอ่ยคำขอโทษอย่างแผ่วเบา
ธารธิณีกำลังจะลุกเดินจากไปภูวรินน์ก็เรียกไว้
ธารธิณีนึกสนุกขึ้นมาอีกครั้งเธอเดินเขาไปหาภูวรินน์พร้อมกับทำท่าออดอ้อน
“อีกแล้วหรอคะท่านประธานดิฉันเหนื่อยแล้วนะคะ”
มยุรีมองภูวรินน์อย่างโมโห
“นี่มันอะไรกันคะภู”
ธารธิณีรีบเปิดประตูออกไปจากห้อง
ป้อง วรรณ ชัย วัตร นัส สา พากันล้มมากองกับพื้นหน้ประตูกันเป็นแถว
“ภูคะ พูดกันให้รู้เรื่องก่อนสิคะ”
ภูวรินน์ไม่สนใจกลับเดินออกไปจากห้อง
ป้อง วรรณ ชัย วัตร นัส สา อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงพากันไปถามธารธิณี
ธารธิณีปฏิเสธทุกข้อกล่าวกาที่พวกป้องหาเอามาใส่
วิตราก็ช่วยแก้ต่างให้เพื่อนอีกคน
พวกป้องจึงพากันกลับไปอย่างห่อเหี่ยว
“ธารเธอคงไม่ได้มีอะไรกับท่านประธานใช่มั้ย”
“ที่เมื่อกี้แกช่วยแก้ให้ฉันทั้งหมดก็ไม่ได้รู้เองอะไรเลยล่ะสิ”
วิตราพยักหน้า
“เวรกรรม”
ที่ร้านอาหาร สุมิตนั่งขำกับเรื่องราวที่ภูวรินน์เล่าให้ฟัง ขณะที่ภูวรินน์โกรธจนพูดอะไรแทบจะไม่ออกอยู่แล้ว
“หัวเราะอะไรของนาย”
“ก็ขำสิวะ เลาแกนี่มันแสบจริงๆนะ”
“พูดจาให้มันเพราะหน่อยได้ไหม”
“ครับคุณภู”
“ฉันว่าจะหาเลขาใหม่”
“เลขาแบบนี้หายากนะ ถ้าไม่เอาส่งมาให้ฉันก็ได้”
ภูวรินน์ไม่เข้าใจเลยว่าเพื่อนเขาบ้าไปแล้วหรือไงถึงได้คิดพิเรนอยากได้ธารธิณีเป็นเลขา
ธารธิณีเดินออกไปนอกบริษัทก็ถึงกับช็อคเมื่อเจอป้ายว่ารับสมัครเลขาท่านประธาน
วิตราบอกให้ธารธิณีใจเย็นๆ
ธารธิณีไม่รอช้าบุกเข้าไปนั่งรอภูวรินน์ที่ห้องทันที
วิตราไม่รู้เลยว่าควรสงสารหรือเห็นใจใครกันแน่
สายใจกำลังนั่งตัดผมกับพวกสมาคมคนจนอยู่
“สนได้ข่าว่าได้ลุกเขยรวยหนิ”
“ก็ไม่เท่าไหร่แค่เป็นเจ้าของห้าง 20 30 แห่งเอง”
“อ้วม รถใหม่หรอป้ายแดงเชียว”
“แฟนลุกซื้อให้”
แดง วาด จิต หันมาซุบซิบกันซักพักก็หันไปทางสายใจ
“พวกเราต่างก็มีลุกเขยรวยกันหมดเมื่อไหร่ท่านประธานสมาคมจะมีล่ะคะ”
สายใจอึ้งกิมกี่ไปเลยเพราะไม่รู้ว่าชาตินี้ลูกจะได้แต่งงานหรือเปล่าเพราะเฮี้ยวขนาดนี้แต่ก็กลัวเสียหน้าจึงโต้ไปส่งเดช
“ก็มีอยู่หลายคนเหมือนกันล่ะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าธารจะเลือกใคร”
“ย้อมสีผมมั้ยคะ”
“ไม่เอาเดี๋ยวแพง”
ภูวรินน์เข้ามาถึงห้องก็ต้องกลับมาเจอสภาพธารธิณีที่เหมือนกับนางยักษ์ไม่มีผิด
“นายจะไล่ฉันออกมีเหตุผลอะไร”
“มาสายไม่ตรงต่อเวลา”
“ก็แค่บางครั้งเท่านั้นแหละ”
“ขัดคำสั่ง”
“บางครั้งมันก็จำเป็นที่ต้องทำ”
“ต่อว่าผมต่อหน้าเพื่อน ทำงานเลี้ยงของคุณหญิงแม่ผัง ตบตีกับมยุรี กระชากคอเสื้อผมต่อหน้าคนขับรถ ทำผมหน้าแตกต่อคนในร้านอาหาร เอากาวมาติดพวงมาลัยกับที่เปิดประตูรถ ทำให้มยุรีเข้าใจผิดว่าคุณกับผมมีอะไรกัน ทำให้ผมมองหน้าพนักงานในบริษัทไม่ติด และยังเคยทำกาแฟหกรดใส่สูทราคาแพงของผม”
ป้อง วรรณ ชัย วัตร นัส สา ที่แอบฟังอยู่หน้าห้องพากันชมว่าท่านประธานเก่งเหมือนสีทนได้เลย
“ถ้าคิดว่าหาเลขาใหม่ได้ดีกว่าฉันก็เชิญ”
“คุณยังกล้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครๆอีกหรอ”
“ทำไมล่ะ”
ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันแล้วภูวรินน์ก็หันหน้าไปอีกทาง
“เชิญคุณไปหางานใหม่ได้แล้ว”
ธารธิณีปิดประตูดังปังทำให้รูปที่แขวนอยู่หล่นลงมาตกแตก
เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง ภูวรินน์หันไปมอง
ชายร่างสูง ใส่เสื้อเชิ้ตสีแดง กางเกงสีดำ ผิวคมเข้ม เดินเข้ามาเผชิยหน้ากับเขาแล้วถอดแว่นตากันแดดออก
“พี่ดลมาได้ไงเนี่ย”
“ทำไมพี่มาหานายไมได้หรอ น้องชายสุดที่รัก”
“ได้สิครับ บริษัทพี่เป็นไงบ้างครับเนี่ย”
“ก็ดีตอนนี้กำลังต้องการเลขาสักคน”
“เหมือนผมเลยพี่ เลขาคนเก่าแย่มาก”
ธารธิณีเก็บของอย่างหน้ามุ้ย
วิตรากล่อมเพื่อนให้ลองไปขอร้องท่านประธานดีๆอีกทีเพื่อเขาจะไม่ไล่เธอออก
ธารธิณียังคงหน้าบึ้งต่อไปเมื่อนึกถึงหน้าภูวรินน์เจ้านายกฎเหล้กที่ตรงยิ่งกว่าเสาไฟฟ้า
เมื่อเก็บของเสร็จธารธิณีก็เดนแบกของไปยังรถ
วิตรายังคงเดินตามเพื่อนไปและขอให้ธารธิณีคิดดูให้ดีอีกครั้ง
สักพักเสียงของก็หล่นดังโครม
“ขอโทษครับ ผมช่วยเก็บนะครับ”
ธารธิณีไม่ตอบยังคงนั่งหน้ามุ้ยเก็บของต่อไป
วิตราสะกิดธารธิณีให้ดูคนที่ช่วยเก็บของ
“อะไรเล่า”
ธารธิณีเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็เปลี่ยนจากหน้าบึ้งๆเป็นยิ้ม
“คุณนั่นเอง”
“ผมนพดลครับ”
“ฉันธารธิณีค่ะ”
“จะลาออกจากที่นี่หรือครับ”
“ค่ะ”
“แล้วมีที่ทำงานใหม่หรือยังครับ”
“ยังค่ะ”
“ไปเป็นเลขาผมมั้ยครับ”
“คะ”
“คือผมกำลงต้องการเลขาอยู่สักคนพอดี”
“ได้ค่ะ”
“ไปส่งนะครับ”
“ค่ะ”
วิตรามองดูธารธิณีนั่งรถไปกับนพดลอย่างประหลาดใจ
“บ้าขนาดหนักเหมือนกันนะเพื่อนเรา”
ความคิดเห็น